ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 109 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หยกรัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 109

หน้าที่แล้ว1 of 7

บทที่ 109

ชายรูปร่างกำยำ? อย่างนั้นคงเป็นตวนฝูแน่แล้ว

ลิ่นเฉิงโย่วพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”

เขามัดร่างหลูจ้าวไว้ตามเดิม ลุกขึ้นเดินออกจากห้องขัง แล้วพายายเฒ่าหวังไปล่ามเอาไว้ในกรงเหล็กอีกแห่ง ใส่กุญแจล่ามกรงขังทั้งสองด้วยตนเอง ก่อนจะมอบหมายงานกับเจ้าหน้าที่สองสามประโยค ยืนยันจนแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีถึงได้เดินออกไปนอกคุก

หลีซื่อกับสหายหลายคนเดินคุยเล่นมาถึงข้างโต๊ะเก้าอี้หน้าห้องขัง พอจะสะบัดชายเสื้อนั่งลง เบื้องหน้าพลันปรากฏเงาร่างวูบไหว มีใครผู้หนึ่งบีบลำคอของเขาเต็มแรง พริบตาเดียวก็ยกร่างเขาลอยขึ้นมา

ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวว่องไวดั่งภูตพราย ถึงแม้หลีซื่อจะมีฝีมือไม่อ่อนด้อยแต่ก็คาดไม่ถึง ถูกบีบคอจนดวงตาสองข้างถลนออกนอกเบ้า เส้นไหมสีเงินในมือที่ยื่นออกมาแล้วครึ่งหนึ่งร่วงหล่นลงพื้น

“ใครส่งเจ้ามา” ดวงตาลิ่นเฉิงโย่วเย็นเยียบดั่งน้ำค้างแข็ง

อวัยวะบนใบหน้าหลีซื่อบิดเบี้ยวเหยเก ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจว่าตนเองเผยพิรุธตรงที่ใด ดวงตาฉายแววดุร้าย และที่มากกว่านั้นคือความประหลาดใจ ทว่าสับสนก็ส่วนสับสน กลับยังไม่ลืมตอบโต้กลับ ฝ่ามือข้างขวารวบรวมกำลังภายในเต็มเปี่ยมแล้วซัดเข้าใส่หน้าอกของลิ่นเฉิงโย่วไม่ยั้ง

ลิ่นเฉิงโย่วยกข้อมือขึ้นมาพร้อมดาบเล่มหนึ่ง โจมตีข้อมือหลีซื่ออย่างหนักหน่วง ในขณะเดียวกันก็งอเข่าขวายกสวนขึ้นมาสุดแรงกระแทกหน้าท้องของหลีซื่อเข้าอย่างจัง

หลีซื่อถูกบีบลำคอค้างไว้ กำลังภายในกับความเร็วจึงถูกควบคุม หลบเลี่ยงการจู่โจมครั้งแรกได้ กลับไม่สามารถหนีการกระแทกตรงหน้าท้องได้ทัน กระดูกสันหลังจึงโค้งงอดั่งคันธนู ประหนึ่งอวัยวะภายในทั้งห้าถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด เข่าสองข้างสั่นสะท้านไม่หยุดจนเกือบจะคุกเข่าลงตรงหน้าลิ่นเฉิงโย่ว

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป รอให้เหล่าเจ้าหน้าที่ได้สติกลับคืนจึงทยอยชักดาบยื่นมาข้างหน้า

“อย่าเข้ามา!” ลิ่นเฉิงโย่วตะโกนสั่ง “คลุมกรงขังให้มิดชิด ป้องกันเขาปล่อยควันพิษใส่นักโทษ”

“ขอรับ” เจ้าหน้าที่วิ่งไปอยู่หน้ากรงขัง ก่อนปล่อยผ้าม่านรอบกรงขังเหล็กลงมาโดยพลัน

เพื่อไม่ให้หลีซื่อกินยาพิษฆ่าตัวตาย ลิ่นเฉิงโย่วจึงสะบัดโซ่สีเงินออกมาจากแขนเสื้อให้ยื่นเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่าย จนกระทั่งมือซ้ายว่างลงก็ยกขึ้นฉีกกระชากหน้ากากแปลงโฉมบนหน้าหลีซื่อลงมา

หลีซื่อยังคงจ้องมองลิ่นเฉิงโย่วไม่วางตา ราวกับกำลังถามว่า ‘ตกลงว่าข้าเผยพิรุธออกมาตอนใดกัน’

ลิ่นเฉิงโย่วยิ้มเยาะ กล้าแอบอ้างชื่อของเถิงอวี้อี้ ไม่ถามดูว่าตนเองคู่ควรหรือไม่ เวลาเถิงอวี้อี้ออกมาข้างนอกจะระวังตัวยิ่งกว่าใคร เมื่อก่อนเวลาปลอมตัวเป็นบุรุษก็หาได้ยากยิ่งที่ใครจะมองรูปลักษณ์เดิมของนางออก ระยะนี้เวลาออกไปที่ใดยิ่งขาดหน้ากากแปลงโฉมสักอันไม่ได้เลย หลีซื่อตัวปลอมผู้นี้พยายามจะหลอกล่อเขาออกไป เน้นย้ำอยู่หลายครั้งว่าคุณชายหวังนั้นรูปงาม ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าเรื่องนี้จะเผยพิรุธออกมา

“ไม่แน่ว่าข้างนอกยังมีพวกพ้องอยู่ รีบออกไปจัดการคนที่อยู่ข้างนอก”

“รับทราบ” เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่วรยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดหลายคนรับคำสั่งแล้ววิ่งออกไป

ส่วนทางนี้พอฉีกหน้ากากหลีซื่อลงมาได้ มุมปากหลีซื่อก็มีเลือดสีดำไหลซึมออกมา เห็นได้ชัดว่าก่อนมาก็กินยาพิษไปแล้ว ไม่ได้รับบาดเจ็บก็ช่างเถิด เมื่อใดเลือดลมในร่างกายปั่นป่วนขึ้นมาพิษก็จะกำเริบจนตายในชั่วอึดใจ

หลังฉีกหน้ากากออกแล้วในอากาศพลันอบอวลด้วยกลิ่นอายบางอย่างที่ไม่อาจแยกแยะได้ ลิ่นเฉิงโย่วกลั้นลมหายใจไว้ทันที มีเล่ห์กลซ่อนอยู่จริงตามคาด กลิ่นนั้นเบาบางแทบสัมผัสไม่ได้ ก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่น่าใช่หมอกพิษ ทว่าก็แปลกประหลาดเกินจะอธิบาย โชคดีที่กระจายหายไปในเวลาอันสั้น ภายใต้หน้ากากเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นตา

เหล่าเจ้าหน้าที่ต่างประหลาดใจไม่หาย “ข้าก็ว่าหลีซื่อคืนนี้มองดูผอมแห้งกว่าปกติไปสักหน่อย ยังนึกว่าตนเองตาฝาดไป ที่แท้เป็นตัวปลอมนี่เอง ทำเพื่อปล้นคุกหรือว่าฆ่าปิดปากกัน ยากจะป้องกันได้ทั่วถึงจริงๆ”

“ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้หลีซื่อบอกว่าจะออกไปกินข้าว” ลิ่นเฉิงโย่วเริ่มตรวจค้นศพของ ‘หลีซื่อ’ “พวกเจ้ารีบไปตามหาในละแวกนี้ดู บางทีหลีซื่ออาจถูกทำร้ายไปแล้ว อีกอย่างเร่งแจ้งข่าวแก่หัวหน้าศาลทั้งสอง บอกว่ามีพวกคนร้ายพยายามปล้นคุก ภายในคุกจำเป็นต้องวางแนวป้องกันใหม่ นับจากคืนนี้ไปประตูแต่ละชั้นต้องมีคนเฝ้าตลอดเวลา ไม่ว่าใครจะผ่านเข้ามาจำเป็นต้องตรวจค้นร่างกายและตรวจดูใบหน้าอย่างละเอียดก่อน”

เมื่อตรวจสอบศพของ ‘หลีซื่อ’ เสร็จสิ้น ดวงตาคมกริบของลิ่นเฉิงโย่วก็มองไปยังยายเฒ่าหวังที่อยู่ในกรงขัง เพราะเขาทอดแหจับปลาตัวใหญ่ได้ ผู้บงการเบื้องหลังที่สุขุมเยือกเย็นเสมอมาผู้นั้นในที่สุดก็ทนไม่ไหว ต้องการปะทะกับเขาซึ่งหน้าแล้ว

พอคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างละเอียดเขาก็อดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้

ผู้คนเหล่านั้นในหอไฉ่เฟิ่งแม้จะเคยพบปะพูดคุยกับคุณชายหวัง กลับไม่รู้แน่ชัดว่าคุณชายหวังก็คือเถิงอวี้อี้

ทว่าคนผู้นี้ไม่เพียงรู้อย่างชัดเจนว่าเถิงอวี้อี้ก็คือคุณชายหวัง ทั้งยังรู้จักใช้ประโยชน์จากคุณชายหวังมาหลอกล่อเขาด้วย

คนที่สามารถคิดแผนการนี้ออกมาได้ เป็นได้สูงว่าจะเป็นเอ้อจีกับผู้บงการเบื้องหลังนาง

เดิมทีเอ้อจีก็เป็นหูเป็นตาของผู้ที่อยู่หลังม่านมาอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีดวงตาเฉียบคม หลังจากอยู่ร่วมกันหลายวันในหอไฉ่เฟิ่งคงคาดเดาได้ไม่ยากว่าคุณชายหวังก็คือบุตรสาวของแม่ทัพเถิง ถึงอย่างไรสิ่งที่ทำให้เขาไม่เข้าใจมากที่สุดกลับเป็นว่าคนเหล่านั้นยังรู้ว่าตอนนี้เขาให้ความสำคัญกับเถิงอวี้อี้มาก

ความจริงคนที่รู้เรื่องนี้น่าจะมีไม่มากนัก

หน้าที่แล้ว1 of 7

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 1-2

บทที่ 1 อาจเป็นเพราะสภาพอากาศขมุกขมัวหนาวเย็นยาวนานถึงครึ่งปี ทำให้เครื่องหอมเป็นที่โปรดปรานของชาวต้าเว่ย ได้เติมเครื่อง...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ม่านฝันคืนวสันต์รัญจวน บทที่ 1-2

บทที่ 1 แม่น้ำฉินไหว นกขมิ้นและดอกไม้ในเดือนสองทำให้ฤดูใบไม้ผลิแลดูงดงาม แม่น้ำฉินไหวในเมืองจินหลิงเป็นสถานที่ซึ่งมีทิวท...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 5-7

บทที่ 5 หลังจากเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่เรือนหลังเก่าและบรรยากาศวันปีใหม่เพิ่งผ่านพ้นไป เหล่าเจ้านายสกุลซูก็เตรียมเดินทางกลับ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 3-4

บทที่ 3 คนที่เพิ่งเดินเข้ามาผู้นี้คือซูลั่วอวิ๋น บุตรสาวคนโตที่ถูกขับไล่ไสส่งกลับบ้านเดิมนั่นเอง นิ้วชี้ของซูหงเหมิงยื่น...

community.jamsai.com