X
    Categories: ทดลองอ่านมากกว่ารักหวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม

ทดลองอ่านหวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม 5 บทที่ 332-บทที่ 333

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 332

จวนสกุลเจียงตั้งอยู่ในย่านที่โอ่อ่าหรูหราที่สุดของเมืองหลวง รูปทรงภายนอกใหญ่ตระหง่านดูเคร่งขรึมงดงาม หากภายในกลับวิจิตรละเมียดละไมแฝงกลิ่นอายแดนเจียงหนานในม่านหมอกฝน

เฉียวเจานึกถึงเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาว่าภรรยาของเจียงถังผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินเป็นชาวแดนใต้ หลังนางล่วงลับไป เจียงถังมิได้ตบแต่งภรรยาใหม่และไม่เคยรับอนุด้วย

ว่าไปแล้วเป็นเรื่องที่น่าสนใจเช่นกัน ในราชสำนักเวลานี้มีผู้ที่รักภรรยายิ่งชีพจนถูกกล่าวขานไปทั่วสองคน คนหนึ่งคือเจียงถังผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน อีกคนหนึ่งคือสมุหราชเลขาธิการหลันซาน ท่านสมุหราชเลขาธิการอายุเกือบเจ็ดสิบปีมีภรรยาเฒ่าเพียงคนเดียว ไม่มีอนุหรือสาวใช้ห้องข้างสักคน

เฉียวเจานั่งดื่มน้ำชาในศาลารับลมของสวนดอกไม้ ผ่านไปชั่วอึดใจหนึ่งก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น เป็นเจียงซือหร่านก้าวปราดๆ มาทางนี้

“คุณหนูเจียง” เฉียวเจาลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว

เจียงซือหร่านสวมชุดขี่ม้าสีแดงเข้ม มีแส้สีดำแกมเขียวพันรอบเอว แลดูองอาจสง่างามและเปี่ยมชีวิตชีวา

นางเดินมาถึงใกล้ๆ เพ่งสายตามองหน้าเฉียวเจานานครู่หนึ่งโดยไม่ปริปาก ราวกับว่าจะพิศดูอีกฝ่ายทั้งภายในและภายนอกให้ละเอียด

เฉียวเจาปล่อยให้นางมองสำรวจตนเองด้วยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน

“นั่งสิ” เจียงซือหร่านยกมือชี้แล้วเป็นฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้หินก่อน

เฉียวเจานั่งลงตาม เอ่ยถามเสียงสงบนิ่ง “คุณหนูเจียงนัดข้ามาพบ ไม่ทราบว่ามีเรื่องใด”

เจียงซือหร่านกวาดสายตาผ่านใบหน้าเฉียวเจาอีกรอบหนึ่งก่อนกล่าวด้วยสีหน้าปึ่งชา “พวกเราไม่จำเป็นต้องพูดจาตามมารยาทอันใด ข้าขอถามเจ้า เจ้ามียาลบรอยแผลชั้นดีของหมอเทวดาหลี่อยู่ในมือใช่หรือไม่”

ที่แท้เพราะเรื่องนี้นั่นเอง

เฉียวเจาผงกศีรษะ “ก่อนท่านปู่หลี่ไปจากเมืองหลวงได้มอบยาลบรอยแผลไว้ให้ข้า”

“ใบหน้าเจ้าก็หายดีเพราะทายาของหมอเทวดาหลี่หรือ”

“ใช่” เฉียวเจาไม่ปฏิเสธ

“เจ้าบอกราคามาสิ ข้าต้องการยาลบรอยแผลในมือเจ้า” เจียงซือหร่านพูดอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ครั้นเห็นเฉียวเจาไม่มีท่าทีใด นางก็ล้วงตั๋วเงินปึกหนึ่งจากแขนเสื้อวางแปะตรงเบื้องหน้าอีกฝ่าย “เท่านี้พอหรือไม่”

เฉียวเจาหลุบตาลงอมยิ้มน้อยๆ สายตาของนางจับอยู่ที่ตั๋วเงิน “พอหรือไม่ ต้องดูว่าผู้ขอยาต้องการมันเพียงใด ยาของท่านปู่หลี่ไม่อาจตีค่าด้วยเงินตราได้…”

แปะ

เสียงนี้ดังขึ้น เจียงซือหร่านวางตั๋วเงินบนโต๊ะหินอีกปึกหนึ่ง “เพิ่มอีกเท่านี้ล่ะ”

เฉียวเจาคลี่ยิ้ม ดูท่าคุณหนูเจียงผู้นี้รู้จักใช้เงินฟาดหัวคนเป็นอย่างดี

“คุณหนูหลี ท่านต้องตรองดูให้ดีนะ” น้ำเสียงของเจียงซือหร่านแฝงรอยข่มขู่

เฉียวเจาผลักตั๋วเงินกลับไปด้วยท่าทางสบายๆ “คุณหนูเจียงเก็บตั๋วเงินขึ้นเถอะ ยาของท่านปู่หลี่ ข้ามอบให้ท่านขวดหนึ่งได้”

“มอบให้ข้า? เพราะอะไรเจ้าถึงมอบให้ข้า” เจียงซือหร่านไม่ได้รับตั๋วเงินไว้ นางทำหน้าสงสัยครามครัน

“ก็ถือว่าเป็นการขอบคุณท่านผู้บัญชาการใหญ่ที่คอยดูแลช่วยเหลือเถอะ” เฉียวเจากล่าวตอบ

ถึงไม่แจ่มแจ้งว่าเจียงซือหร่านต้องการยาลบรอยแผลไปใช้ประโยชน์อะไรกันแน่ แต่นางไม่อยากพัวพันเรื่องเงินทองกับอีกฝ่าย ไม่เช่นนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมด

เจียงซือหร่านได้ยินประโยคนี้แล้วโมโหเหลือทน “ดูแลช่วยเหลืออะไรกัน ท่านพ่อข้าไม่ได้ดูแลช่วยเหลือเจ้าสักหน่อย อย่าคิดเข้าข้างตนเอง!”

น้ำเสียงของเฉียวเจากระด้างขึ้นทันที “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ข้าก็ไม่มอบให้แล้ว”

เจียงซือหร่านมองค้อนนางวงหนึ่ง “เดิมทีไม่ได้คิดให้เจ้ามอบให้ ข้าจะซื้อ!”

“ไม่ขาย” เฉียวเจาตอบอย่างตรงไปตรงมา

คนเป็นบิดามีเรื่องต้องพึ่งพานางอยู่ คนเป็นบุตรสาวยังข่มขู่นางได้อีกหรือ

“เจ้าพูดอีกทีสิ” เจียงซือหร่านลุกพรวดขึ้นยืน

“พูดอีกทีก็คำเดิม” เฉียวเจายกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบคำหนึ่ง

“เจ้าจงใจเป็นปฏิปักษ์กับข้าใช่หรือไม่” เจียงซือหร่านยื่นมือไปดึงแส้ที่พันรอบเอวออกมา “ข้าถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ขายหรือไม่ขาย”

เฉียวเจาไม่กล่าวตอบ เพียงมองนางอย่างไม่สะทกสะท้าน

เจียงซือหร่านโกรธจัด ตวัดแส้ในมือไปที่เฉียวเจา

เฉียวเจานั่งตัวตรงไม่ขยับเขยื้อนสักนิด

แส้ยาวกระทบกับโต๊ะหินบังเกิดเสียงกังวานใส เจียงซือหร่านกำแส้แน่น สีหน้านางขมึงทึง “เจ้าคาดหมายได้ว่าข้าไม่กล้าฟาดใส่เจ้ารึ”

น่าชังยิ่งนัก เมื่อครู่ข้าไม่น่าฟาดแส้พลาดเป้า คนแซ่หลีถึงกับนึกจริงๆ ว่าข้าไม่กล้าหรือ

เฉียวเจาวางถ้วยน้ำชาลงแล้วลุกขึ้นยืน “คุณหนูเจียง ท่านเรียกข้ามาที่นี่ หากแค่เพื่อแสดงทักษะฟาดแส้ล่ะก็ ข้ายอมรับในฝีมือท่านแล้ว เช่นนั้นขออำลาก่อน”

“หยุดนะ!” ดวงตาเรียวงามดุจเมล็ดซิ่งของเจียงซือหร่านเบิกกว้างด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าคิดจะเอาอย่างไรกันแน่”

เฉียวเจาเปล่งเสียงหัวร่ออย่างกลั้นไม่อยู่ “คุณหนูเจียง มิใช่ข้าคิดจะเอาอย่างไร เป็นท่านต่างหากที่จะเอาอย่างไร”

“ข้าอยากซื้อยาลบรอยแผลของหมอเทวดาหลี่ เจ้าถือดีอะไรไม่ขาย”

เฉียวเจากล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง “เพราะนั่นคือสิ่งที่ท่านปู่หลี่มอบให้ข้า เงินพันชั่งก็แลกไม่ได้”

“แต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะมอบให้ข้า…”

“นั่นเป็นคนละเรื่องกัน”

เจียงซือหร่านกำแส้ในมือ สีหน้าของนางฉายอารมณ์ปรวนแปร นานครู่หนึ่งถึงแค่นเสียงกล่าวขึ้น “ตกลง ถือว่าข้าติดค้างน้ำใจเจ้าคราหนึ่ง! แต่ถ้ายานี้ใช้ไม่ได้…”

เฉียวเจาลอบถอนใจ ไม่ผิดคาดเลย นางมอบให้เปล่าๆ ยังเป็นเช่นนี้ ถ้ารับเงินจริงๆ แล้วเกิดยานี้ใช้ไม่ได้ผล ด้วยนิสัยใจคอของคุณหนูเจียงคงคิดจะไปพังเรือนสกุลหลีกระมัง

“คุณหนูเจียง ท่านน่าจะรู้ว่าต้องใช้ยาให้ถูกโรค ถึงเป็นยาลบรอยแผลของท่านปู่หลี่ก็มิใช่ยาสารพัดนึก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นแผลได้อย่างไร บาดแผลลึกตื้นเพียงใด”

“เรื่องพวกนี้เจ้าไม่ต้องถาม”

เจินเจินพูดย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าบอกเรื่องที่ตนเสียโฉมกับผู้อื่น นางย่อมต้องรักษาคำพูดแน่นอน

“เอาเถอะ ข้ากลับถึงจวนแล้วจะให้คนนำยาลบรอยแผลมามอบให้คุณหนูเจียง ท่านไม่จำเป็นต้องรู้สึกติดค้างน้ำใจข้า ไม่ว่ายาจะใช้ได้ผลหรือไม่ก็อย่ามาหาข้าอีกได้หรือไม่”

“ฮึ เจ้านึกว่าข้าอยากไปหาเจ้านักรึ” เจียงซือหร่านเอาแส้พันรอบเอวไว้ดังเก่า นางเอ่ยสั่งสาวใช้ “ส่งแขก!”

เฉียวเจาคลี่ยิ้มหมุนกายออกเดินไป

“คุณหนูหลีโปรดหยุดก่อน” สุ้มเสียงเฉยเมยของบุรุษดังลอยมา

“พี่สืออี ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ”

เฉียวเจาเหลียวหน้าไป เห็นเจียงสืออีในชุดสีดำปลอดทั้งตัวสาวเท้ามาหา

คงเพราะเป็นคนเย็นชามาแต่เกิด ถึงเป็นไข่มุกในอุ้งมือบิดาบุญธรรม เขาก็แค่ผงกศีรษะให้เจียงซือหร่านเล็กน้อยก่อนเอ่ยกับเฉียวเจา “คุณหนูหลี ท่านผู้บัญชาการใหญ่เชิญท่านไปพบ”

“โปรดนำทางเถอะ”

เห็นเฉียวเจาจะไปพบเจียงถัง เจียงซือหร่านไม่ยอมแล้ว นางไล่ตามไปซักไซ้ “พี่สืออี ท่านพ่อจะพบนางด้วยเหตุใดเจ้าคะ”

“ไม่รู้”

“เช่นนั้นข้าไปด้วย”

“ไม่ได้”

เจียงซือหร่านกระทืบเท้าอย่างหัวเสีย นางมองตามแผ่นหลังที่เหยียดตรงของเจียงสืออีตาเขม็งแล้วทำตาปะหลับปะเหลือก

ไฉนใต้หล้านี้ถึงมีบุรุษเย็นชาน่าเบื่อเฉกพี่สืออีได้นะ สมควรแล้วที่ไร้คู่ไปชั่วชีวิต!

เจียงสืออีหยุดยืนตรงหน้าประตูห้องหนังสือ เสียงพูดของเขาราบเรียบไร้อารมณ์ “ท่านผู้บัญชาการใหญ่อยู่ข้างใน เชิญคุณหนูหลีเข้าไปเถอะ”

เฉียวเจาพยักหน้าแล้วย่างเท้าเข้าไป

พอเห็นนางเข้ามา เจียงถังชี้ถ้วยบนถาดน้ำชาด้วยรอยยิ้มระบายเต็มหน้า “คุณหนูหลี ชิมรสชาหนนี้ดูว่าเป็นเช่นไร”

เฉียวเจาย่อเข่าแสดงคำนับ กล่าวยิ้มๆ ว่า “เมื่อครู่ได้ดื่มกับคุณหนูเจียงแล้วเจ้าค่ะ”

นางพบหน้ากับเจียงซือหร่าน เจียงถังต้องส่งคนเฝ้าดูไว้ตลอดเป็นแน่

เจียงถังหัวเราะออกมา “หร่านรานถูกข้าตามใจจนเหลิง นางไม่ได้ก่อความวุ่นวายกระมัง”

เฉียวเจาหลุบตาคลายยิ้ม คำถามนี้นางสุดปัญญาจะตอบได้ น่าจะถามว่า ‘คุณหนูเจียงไม่ก่อความวุ่นวายเมื่อไรจึงจะถูก’

เจียงถังเองก็รู้จักบุตรสาวของตนดีอย่างเห็นได้ชัด เขากล่าวด้วยสีหน้าเป็นปกติ “ไว้ข้าจะอบรมสั่งสอนนางให้ดีๆ ภายหลัง”

เขาพูดพลางลุกไปดึงลิ้นชักตู้หนังสือหยิบกล่องหยกขาวใบหนึ่งออกมา จากนั้นเดินไปตรงหน้าเฉียวเจา เปิดมันออกพร้อมกล่าวทอดถอนใจ “คุณหนูหลีลองดูเถอะ ขนานใหม่”

บทที่ 333

เมื่อได้ยินเจียงถังกล่าวคำนี้ เฉียวเจาเกือบขบขัน นางจ้องมองยาลูกกลอนสีแดงเข้มในกล่องหยกขาวชั่วครู่แล้วเอ่ยขึ้น “ข้าจะนำกลับไปศึกษาสักหน่อยถึงปรับปรุงตำรับยาแก้พิษใหม่ได้”

เจียงถังหยิบมีดเล่มเล็กกะทัดรัดออกมา จับยาเม็ดหนึ่งในนั้นไว้ทำท่ากะประมาณพลางถาม “หั่นขนาดนี้พอหรือไม่”

เฉียวเจามองไปทางเจียงถังอย่างประหลาดใจ

นี่มิใช่โอสถทิพย์จริงๆ เสียหน่อย หรือจะให้นางเอาไปไม่ได้แม้แต่เม็ดเดียว

“ฮ่องเต้พระราชทานให้ ไม่กล้ามอบให้คนอื่น” เจียงถังบอกด้วยสีหน้าจริงจัง หากในใจหลั่งน้ำตาอยู่เงียบๆ

เป็นเขาง่ายดายหรือไร นึกว่าฮ่องเต้ไม่ได้จับตาดูเขากินก็จะรอดตัวไปได้? ไร้เดียงสา! ‘โอสถทิพย์’ ที่เอากลับเรือนมาสองเม็ดนี้ รอคราวหน้าเข้าวังฮ่องเต้ต้องบอกให้เขาสาธยายความรู้สึกหลังกินเข้าไปอย่างละเอียด ถ้ามีจุดที่รู้สึกต่างกัน ฮ่องเต้ยังจะรั้งตัวเขาไว้จับเข่าคุยกันและพินิจพิเคราะห์อย่างเอาจริงเอาจัง

คราใดที่คิดถึงตรงนี้ เจียงถังก็เหลือเพียงความชอกช้ำระกำใจ

อยากเป็นคนสนิทของฮ่องเต้ ใช่เรื่องง่ายดายปานนั้นหรือ

“ได้เจ้าค่ะ เท่านี้น่าจะพอแล้ว” เฉียวเจาไม่รู้ถึงความช้ำใจของเจียงถัง นางกล่าวอย่างไม่เอาใจใส่

เจียงถังลอบระบายลมหายใจ เขาตะโกนเรียก “สืออี เข้ามา!”

เจียงสืออีผลักประตูเข้ามา “ท่านพ่อบุญธรรม”

เจียงถังหันไปมองเฉียวเจา “คุณหนูหลี สืออีเป็นบุตรชายบุญธรรมของข้าอีกคนหนึ่ง วันหน้าก็ให้เขาคุ้มครองเถอะ”

เฉียวเจากับเจียงสืออีอึ้งงันไปพร้อมกัน

เจียงถังหยักยิ้ม “คุณหนูหลีอย่าเข้าใจผิด เพราะเจ้าออกจากเรือนบ่อยๆ ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้า”

แม่เด็กน้อยผู้นี้มีอันเป็นไป วันหน้าใครจะปรุงยาถอนพิษให้ข้าเล่า ตกเป็นเบี้ยล่างผู้อื่นมันน่าคับใจเช่นนี้นี่เอง!

“ขอบคุณในเจตนาดีของท่านผู้บัญชาการใหญ่ แต่ไม่จำเป็นเจ้าค่ะ ใต้เท้าเจียงหนุ่มแน่นเก่งกาจ คอยติดตามสตรีสามัญเช่นข้าน่าเสียดายความสามารถเกินไป อีกทั้งไม่สะดวกนัก”

“คุณหนูหลี…”

เฉียวเจาเอ่ยด้วยสีหน้าขึงขัง “ท่านผู้บัญชาการใหญ่ หลังจากนี้ข้าไม่น่าจะได้ออกนอกเมืองอีก เชื่อว่าแค่ไปที่ใดมาที่ใดอยู่ในเมืองไม่มีทางประสบอันตรายใด ท่านว่าใช่หรือไม่”

ในเมืองหลวงยังมีกลุ่มอำนาจฝ่ายใดที่มีหูตามากกว่ากององครักษ์จินหลินเล่า

เจียงถังตระหนักถึงจุดนี้ได้เช่นกันอย่างชัดเจน เขาเห็นเฉียวเจาปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยวก็ไม่ยืนกรานอีก “ตกลง หากคุณหนูหลีเจอปัญหาอะไร รบกวนบอกกล่าวกันสักคำเท่านั้นเป็นพอ”

เจียงสืออีซึ่งสีหน้าไร้ความรู้สึกใดลอบถอนใจโล่งอก หวุดหวิดเต็มที เกือบต้องไปเป็นองครักษ์แล้ว

“สืออี ออกไปส่งคุณหนูหลี”

“ขอรับ”

“ส่งคุณหนูหลีกลับจวนนะ” เจียงถังกล่าวเสริมขึ้นอีกคำอย่างไม่วางใจ

ถ้าเจ้าหนุ่มหัวทึบผู้นี้ส่งคนถึงหน้าประตูก็กลับมาอีก เขาจะเปลี่ยนคน!

เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา เจียงสืออีกลับมาแล้ว

มุมปากของเจียงถังกระตุกริกๆ “บอกให้เจ้าส่งคุณหนูหลีกลับจวนมิใช่หรือ”

“คุณหนูหลีบอกว่าไม่กลับจวนขอรับ” เจียงสืออีพูดตามสัตย์จริง

“ดังนั้นเจ้าเลยไม่ไปส่ง” เจียงถังวางมือบนถาดน้ำชา เขาโกรธจนหนวดกระดิก เขาสมควรโยกย้ายเจียงอู่กลับมาใช่หรือไม่

“สืออี เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าให้เจ้าไปส่งคุณหนูหลี”

“กลัวคุณหนูหลีพบกับอันตรายหรือขอรับ”

เจียงถังกลอกตาขึ้น ผายลม ข้าต้องการให้เจ้าได้ใกล้ชิดสตรีมากขึ้น!

“ออกไปเสีย โดยไว” เจียงถังโบกมือไปมาอย่างท้อแท้หมดหวัง

“ข้าขอตัวขอรับ” เจียงสืออีออกไปอย่างงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก

 

หลังเฉียวเจาออกจากจวนสกุลเจียงแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังจวนกวนจวินโหว

“หลีซาน” ฉือชั่นรออยู่หน้าประตู

“พี่ฉือ” นางเอ่ยทักทายพร้อมกับลอบถอนใจเฮือก

เมื่อคืนเฉียวเจานอนกับเหอซื่อ ฟังนางเล่าถึงฉือชั่นไม่น้อย เป็นต้นว่าเรื่องที่เขาช่วยแก้สถานการณ์ให้บิดา และเขารุดไปที่เขาลั่วสยาแต่เช้าตรู่ทุกวัน

เหอซื่อถึงขั้นถามไถ่ว่านางคิดอย่างไร

นางไม่เคยคิดอะไรมาแต่ไหนแต่ไร และบอกเขาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแต่แรก

ที่แท้ความประสงค์ดีที่ยอมรับไม่ได้ยังรับมือยากกว่าความประสงค์ร้าย

ยามเดินเคียงไหล่กันเข้าสู่ลานเรือน ฉือชั่นมองตรงไปข้างหน้า ทว่าหางตาลอบมองเด็กสาวข้างกายอย่างพินิจ

“หลีซาน หลายวันมานี้เจ้าอยู่บนเขาคงไม่คุ้นเคยอย่างมากกระมัง”

“พอไหวเจ้าค่ะ”

“ขนมกับแตงหวานที่ข้ามอบให้ เจ้ากินหรือยัง”

“กินแล้วเจ้าค่ะ ยังไม่ได้กล่าวขอบคุณพี่ฉือเลย”

ฉือชั่นโบกมือไปมา “ขอบคุณอะไรกัน มิใช่ของราคาแพงอันใดสักหน่อย”

เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่แล้วหยุดฝีเท้า น้ำเสียงแฝงรอยลังเลอย่างที่ไม่เป็นบ่อยนัก “หลีซาน ถิงเฉวียนบอกกับเจ้าแล้วหรือยัง”

เฉียวเจาชะงักเท้าเล็กน้อยแต่ไม่หยุดเดิน นางก้าวขาไปข้างหน้าเรื่อยๆ

ฉือชั่นรีบไล่ตามไป “หลีซาน ข้าถามเจ้าอยู่นะ”

“เขาบอกแล้วเจ้าค่ะ” เฉียวเจาช้อนตาขึ้นมองเขา สีหน้าสีตาของนางจริงจังเป็นอันมาก “พี่ฉือ ข้าขออภัยด้วย”

รอยยิ้มบนริมฝีปากของฉือชั่นเลือนหายไปทันควัน เขาจ้องหน้าเฉียวเจาโดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจาสักคำ

“ข้าไม่คิดจะออกเรือนจริงๆ เจ้าค่ะ”

ฉือชั่นขยับปาก แต่เฉียวเจาชิงตัดหน้าไม่ให้เขาได้พูด “ไม่ใช่เพราะข้าอายุน้อยเลยพูดตามใจชอบ ข้าต้องการอะไร ไม่ต้องการอะไร ข้าแจ่มแจ้งดีมาโดยตลอด”

เขาเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าไม่ต้องการข้าสินะ ใช่หรือไม่”

เฉียวเจาหลับตาลง ทำใจแข็งพูดขึ้น “ใช่ ต่อให้ข้าออกเรือนจริงๆ ก็ไม่มีวันเลือกพี่ฉือเด็ดขาด ฉะนั้นวันหน้าพวกเรารักษาความสัมพันธ์ฉันสหายหรือไม่ก็…”

“หรือไม่ก็ความสัมพันธ์ฉันคนแปลกหน้า?” ฉือชั่นยิ้มอย่างวังเวงใจ “หลีซาน เจ้าเป็นเด็กสาวใจร้ายจริงๆ”

นางลอบถอนใจเบาๆ

นางไม่เคยคิดทำร้ายจิตใจของคนที่มีบุญคุณช่วยชีวิตนางไว้โดยไม่ยั้งไมตรีถึงเพียงนี้ แต่นางรู้ดีว่าไม่มีวันที่นางจะให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการได้ หากใจอ่อนจะเป็นการทำร้ายเขามากที่สุดต่างหาก

พี่ฉือ…ไม่ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ ไม่เปิดโอกาส นี่คือสิ่งเดียวที่ข้าทำเพื่อท่านได้

ฉือชั่นชะงักนิ่ง เขาเหยียดยิ้มตรงมุมปาก หากรอยยิ้มนั้นแข็งทื่อปราศจากความอบอุ่นสักนิด ทำให้ชายหนุ่มแลดูว้าเหว่อ้างว้าง ไม่หลงเหลือท่าทางเอื่อยเฉื่อยไม่ทุกข์ร้อนอันใดตามปกติให้เห็นอีก

“หลีซาน” เขาเอ่ยปากขึ้นในที่สุดด้วยน้ำเสียงฝืดเฝื่อน “เจ้าเข้าไปเองเถอะ ข้านึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระ กลับก่อนล่ะ”

เขาพูดจบแล้วไม่รอเฉียวเจาขานตอบ กำมือเป็นหมัดแน่นหมุนกายกลับไป เถาเซิงเด็กรับใช้ซึ่งติดตามอยู่ด้านหลังไกลๆ มองเฉียวเจาปราดหนึ่งด้วยความแปลกใจ ก่อนไล่กวดตามไปอย่างฉงนฉงาย

ปิงลวี่ที่ตามหลังมาเหมือนกันเดินเข้ามาหา “คุณหนู คุณชายฉือเป็นอะไรไปเจ้าคะ”

“เขามีธุระด่วน” เฉียวเจาไม่อยากพูดอะไรมาก นางเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น

เซ่าหมิงยวนกับเฉียวโม่ต่างรออยู่ในเรือนกลาง เห็นเด็กสาวเข้ามาก็ก้าวไปหานางพร้อมกัน

“คุณหนูหลีมาแล้วหรือ” เซ่าหมิงยวนทอดสายตามองไปข้างหลังไม่เห็นเงาของฉือชั่น แววกังขาผุดขึ้นในดวงตาเขา “สือซีไม่ได้เจอกับคุณหนูหลีหรือ”

“พี่ฉือมีเรื่องด่วน กลับไปก่อนแล้วเจ้าค่ะ” เฉียวเจาบอกกล่าวคำหนึ่งเป็นเชิงอธิบายค่อยมองไปทางเฉียวโม่

“เจาเจา ดูเหมือนเจ้าผอมลงนะ” เฉียวโม่มองนางตาไม่กะพริบ

เฉียวเจาอมยิ้มเล็กน้อย “ไม่ได้ผอมลงเจ้าค่ะ พี่ใหญ่อุปาทานไปเอง”

เซ่าหมิงยวนมองดูอยู่ด้านข้าง รู้สึกไม่วายว่าน้ำเสียงและคำพูดของทั้งคู่ผิดปกติไปบ้าง

เพลานี้มีองครักษ์ผู้หนึ่งเดินเข้ามากระซิบบอกที่ข้างหูเขาสองสามคำ

เซ่าหมิงยวนพยักหน้าแล้วเอ่ยกับคนทั้งสอง “พี่เฉียวโม่ คุณหนูหลี พวกท่านนั่งคุยกันก่อน ทางวังหลวงส่งคนมาเรียกข้าเข้าวัง”

เซ่าหมิงยวนไปแล้ว เฉียวโม่ทำมือบอกให้เฉียวเจาเดินตามเขาไป

สองพี่น้องนั่งในศาลากว้างใหญ่ เฉียวโม่พูดเสียงเบา “กวนจวินโหวบอกข้าว่ามีเบาะแสเรื่องที่ท่านป้าสะใภ้ใหญ่วางยาพิษข้าแล้ว”

“สืบได้เรื่องอะไรเจ้าคะ” นัยน์ตาของเฉียวเจาทอแววเคร่งเครียด คิดไม่ถึงว่าเซ่าหมิงยวนจะได้เบาะแสเรื่องพี่ใหญ่โดนวางยาพิษอย่างรวดเร็วเช่นนี้

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 13 .. 65  เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: