บทที่ 4
จับไว้ให้อยู่หมัด
กีรณาไม่ได้เตรียมชุดสำหรับออกงานกลางคืนมาด้วย ครั้นจะให้การันต์ส่งมาจากกรุงเทพฯ ก็อาจไม่ทันการณ์ แต่ยังโชคดีที่วรรณสารู้จักร้านเช่าชุดสวยๆ จึงพากีรณาออกไปเช่ามาเตรียมเอาไว้ก่อน แม้จะเป็นร้านต่างจังหวัดแต่ก็ได้ชุดสวยถูกใจและดูดีมีระดับไม่แพ้ร้านดังในกรุงเทพฯ
“แกแต่งตัวอย่างนี้แล้วเหมือนพวกเซเลบชะมัด”
วรรณสาออกปากชมเพื่อนสาวที่เดินเคียงกันไปทางห้องจัดงาน กีรณาเป็นคนรูปร่างดี แม้จะตัวเล็กไปนิด แต่เมื่อสวมรองเท้าส้นสูงก็ช่วยให้รูปร่างดูเพรียวและสูงขึ้น คืนนี้เธอเลือกเดรสท่อนบนเปิดไหล่ มีสายคล้องแขน สั้นหน้า ยาวหลัง ดูกรุยกรายและเป็นลายดอกไม้เล็กๆ สีพาสเทลดูอ่อนหวาน เมื่อสวมกับรองเท้าส้นสูงใสๆ เหมือนรองเท้าแก้วแล้วส่งให้เธองดงามราวกับเจ้าหญิง ขณะเดียวกันก็ดูเซ็กซี่เย้ายวน
“คุณนุชต้องมองค้อนใส่แกแน่ๆ ที่มาสวยแย่งซีนเจ้าสาว”
“พูดซะฉันอยากกลับไปเปลี่ยนชุดเลยนะ ลืมไปแล้วเหรอว่าแกเป็นคนช่วยเลือกชุดนี้ให้ฉัน” กีรณาจิกตาใส่เพื่อนไปหนึ่งที วรรณสาจึงหัวเราะขบขันเพราะแค่พูดหยอกเพื่อนไปอย่างนั้นเอง
“แหม! ฉันเลือกชุดนี้ให้แกเผื่อว่าแกจะเจอคุณเชษฐ์ในงานนี้ไง”
วรรณสาใช้ศอกกระทุ้งข้างเอวเพื่อนเบาๆ เป็นการหยอก หญิงสาวหัวเราะคิกเมื่อนึกถึงบรรยากาศตอนที่ยืนเลือกชุดด้วยกันแล้วคุยถึงเป้าหมายอย่างเชษฐ์ไม่ยอมหยุด แม้กีรณาจะไม่ได้จริงจังกับการจับชายหนุ่มอย่างที่คุยกัน แต่เธอก็ยอมเลือกชุดนี้เพราะชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
“ฉันนึกว่าเธอจะไม่มาซะแล้วนะ เห็นบ่นๆ ว่าเตรียมชุดไม่ทัน” กรนุชทักพร้อมรอยยิ้มขณะที่กำลังยืนเคียงข้างเจ้าบ่าวอยู่หน้าห้องจัดงานเพื่อรอต้อนรับแขก
“งานแต่งของคุณนุชทั้งทีกี้จะไม่มาได้ยังไงคะ คุณนุชอุตส่าห์ออกปากเชิญ”
กีรณาบอกพลางยิ้มให้กับเจ้าบ่าว เธอรู้มาว่าเขาอายุน้อยกว่ากรนุชห้าปี เป็นคนใจดี ขี้เล่น สดใส และทำงานฝ่ายบัญชีให้โรงแรมนี้ เขาดูเป็นด้านตรงข้ามของกรนุชทุกอย่าง แต่ทั้งคู่ก็ดูมีเคมีที่เข้ากันได้ดี และดูรักกันมาก อาจเป็นไปได้ว่าต่างฝ่ายต่างเติมเต็มส่วนที่ขาดหายให้กันและกัน
“ยายกี้ลงทุนควักกระเป๋าเช่าชุดสวยมางานนี้เลยนะคะ” วรรณสาว่า
“ขอบใจมากนะจ๊ะ ฉันขอให้งานนี้พวกเธอได้เจอหนุ่มๆ ที่ถูกใจด้วยก็แล้วกัน” กรนุชพูดแซวสองสาวที่ยังโสดทีเล่นทีจริง เธออาจเพิ่งรู้จักกีรณาได้ไม่นานแต่ก็รู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างบอกไม่ถูก “มาถ่ายรูปกันดีกว่า แต่งตัวสวยขนาดนี้ ต้องมีรูปเก็บเอาไว้เยอะๆ นะ”
“ดีค่ะ วรรณจะได้อัพลงเฟซบุ๊กด้วย”
สองสาวเข้าไปถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาวด้วยความสดใส และวรรณสาก็ไม่ลืมไหว้วานให้ช่างภาพช่วยถ่ายภาพจากโทรศัพท์มือถือของเธอเพื่อไปอัพลงในเฟซบุ๊กอย่างที่ได้พูดเอาไว้
“สวัสดีค่ะคุณวิ คุณโอภาส”
หลังจากถ่ายภาพจนหนำใจแล้วกรนุชก็หันไปเจอ ‘ผู้หลักผู้ใหญ่’ ที่กำลังเดินเข้ามาในงาน วรรณสาจึงรีบสะกิดให้กีรณายกมือไหว้ซึ่งหญิงสาวก็รีบทำตามแม้จะไม่รู้ว่าทั้งสองเป็นคนสำคัญอย่างไร
“ยินดีด้วยนะ”
ทั้งสองคนเข้ามาแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว วรรณสากับกีรณาก็เลยขยับออกมาเล็กน้อยและหาโอกาสจะแยกตัวเข้างานเพื่อให้กรนุชกับเจ้าบ่าวได้มีเวลาถ่ายภาพกับแขกผู้หลักผู้ใหญ่
“จริงสิคะ ที่ห้องอาหารรับพนักงานใหม่มาเพิ่มอยู่คนหนึ่ง”
กรนุชเกริ่นถึงกีรณา แม้หญิงสาวจะไม่ได้มีตำแหน่งสำคัญในตอนนี้แต่กรนุชก็อยากแนะนำให้พวกท่านรู้จักกีรณาเอาไว้เผื่อว่าในอนาคตจะมีตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมกับความสามารถ
“นี่กีรณาค่ะ เพิ่งเข้ามาทำงาน แต่หน่วยก้านใช้ได้เลยนะคะ ฝึกไม่นานก็เก่งกาจเชียว แถมยังหัวไวอีกต่างหาก นี่เรียนจบตั้งเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยดังในกรุงเทพฯ ด้วย ตอนอยู่กรุงเทพฯ ชีวิตเคราะห์ซ้ำกรรมซัดก็เลยอยากหนีมาทำงานต่างจังหวัดเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เธอตั้งใจว่าจะมาสมัครตำแหน่งพีอาร์ แต่ฝ่ายเอชอาร์ดันรับพนักงานคนใหม่ก่อนก็เลยได้มาเสิร์ฟ เพราะอุตส่าห์เดินทางมาแล้วน่ะค่ะ”
กีรณารีบยกมือไหว้ซึ่งผู้ใหญ่ทั้งสองก็ยกมือรับไหว้เธอเช่นกัน
“ท่านนี้คุณ ‘วิภา’ เป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวของเจ้าของโรงแรมนี้ และคุณ ‘โอภาส’ ทั้งสองเป็นกรรมการบอร์ดบริหารของโรงแรมนี้จ้ะ” กรนุชแนะนำอย่างเป็นทางการ
กีรณาอดตื่นเต้นไม่ได้ เธอไม่คิดว่าจะได้เจอผู้ใหญ่ตำแหน่งใหญ่โตขนาดนี้
“คุณนุชออกปากแนะนำแถมยังชมซะขนาดนี้ ท่าทางจะเก่งจนหาตัวจับยากจริงๆ” วิภามองกีรณาด้วยสายตาเอ็นดู กรนุชปลื้มใจแทนกีรณาอยู่ไม่น้อยที่เธออาจได้รับความเมตตาจากวิภา
“คนนี้นี่เองที่ฝ่ายเอชอาร์ออกปากว่าเสียดาย” โอภาสว่า “หน้าตาสะสวยทีเดียว”
“แหม…คุณโอภาส”
วิภาเหล่มองหนุ่มใหญ่ข้างกายด้วยสายตามีเลศนัย เพราะโอภาสอายุเกือบห้าสิบปี เป็นหนุ่มใหญ่ที่ยังดูดี เจ้าชู้พอตัว และด้วยความเจ้าชู้นี่เองถึงได้แยกบ้านกับภรรยามาเกือบสิบปีแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้หย่าขาดจากกันตามกฎหมายก็เพราะลูกและเรื่องของทรัพย์สินต่างๆ ที่ครอบครองอยู่
“ผมแค่ชมไปตามที่เห็น ไม่ได้คิดอะไรครับ อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น”
วิภาหัวเราะเมื่อโอภาสรีบออกตัวแรงเสียขนาดนั้น
“แล้วคิดยังไงถึงมาทำงานไกลถึงที่นี่ล่ะ” วิภาถามด้วยความสงสัย
“กี้ถูกเจ้านายเก่าลวนลาม แล้วเมียเขาก็เข้ามาเจอพอดี เขาหาว่ากี้เป็นเมียน้อย กี้ก็เลยลาออกน่ะค่ะ แล้วที่บ้านกี้มีรายจ่ายค่อนข้างเยอะ กี้ก็เลยต้องรีบหางานทำ ยายวรรณเลยชวนมาทำงานที่นี่ค่ะ”
“งั้นก็อดทนทำงานเสิร์ฟไปก่อนแล้วกันนะ ถ้ามีตำแหน่งที่เหมาะสมกับหนูเมื่อไหร่ฉันจะดูให้”
วิภาออกปากกับกีรณา เพราะกรนุชรับรองความสามารถขนาดนี้แสดงว่าต้อง ‘ไม่ธรรมดา’ ปกติกรนุชจะไม่ชมใครง่ายๆ และไม่ใช่คนที่จะฝากงานให้ใครหากไม่เห็นถึงความสามารถ
“ขอบคุณค่ะ”
กีรณารีบยกมือไหว้ขอบคุณ จากนั้นก็พูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อยก่อนที่วรรณสาจะหาโอกาสพากีรณาขอตัวเข้าไปในงานเพื่อให้วิภากับโอภาสได้ถ่ายภาพร่วมกับคู่บ่าวสาวบ้าง
งานฉลองมงคลสมรสคืนนี้เป็นปาร์ตี้แบบค็อกเทล สองสาวเดินหาโต๊ะที่ว่างก่อนจะผลัดกันเดินไปตักอาหาร พอกีรณาตักอาหารเรียบร้อยวรรณสาจึงเดินไปตักบ้าง และในขณะที่หญิงสาวนั่งรอเพื่อนอยู่นั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงกันข้าม แม้เขาจะไม่ขออนุญาตก่อนแต่เธอกลับยิ้มยินดี
เพราะเขาคือ…ผู้ชายที่บังเอิญเจอกับเธอบ่อยเหลือเกิน!
“เจอกันอีกแล้วนะครับ”
เชษฐ์ทักทายพร้อมรอยยิ้มมีเสน่ห์ทำให้กีรณายิ้มขบขันเพราะเป็นเหตุการณ์บังเอิญครั้งที่สี่แล้วที่ทั้งสองได้พบกันและเขาก็ทักทายกึ่งตั้งใจย้ำความบังเอิญนี้ด้วยความขบขันเช่นกัน
“บังเอิญจังเลยนะคะ”
เธอแกล้งย้ำทั้งๆ ที่ในใจคิดว่านี่ไม่ใช่ความบังเอิญ!
“ผมเคยบอกแล้วไงว่าการพบกันของเราสองคนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ…”
ไม่พูดเปล่าแต่เชษฐ์ยังสบตาหญิงสาวอย่างมีความหมายจนกีรณาประหม่าอย่างบอกไม่ถูก ทุกอย่างที่เป็นเขามีเสน่ห์เหลือล้น…ไม่ใช่แค่กับเธอ แต่ผู้หญิงทุกคนก็ต้องหวั่นไหวหากตกอยู่ภายใต้สายตาคมกริบคู่นี้ โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์บังเอิญให้พบกันหลายครั้งราวกับบุพเพสันนิวาสด้วยแล้ว
“ผมเป็นเจ้าของโรงแรมนี้ก็จริง แต่ผมเพิ่งจะมาที่นี่ครั้งแรกและอยู่พักผ่อนหลายวัน ดังนั้นมันแปลกมากที่ผมจะบังเอิญเจอใครสักคนหลายครั้งภายในเวลาไม่กี่วัน”
“โชคชะตาคงเล่นตลกมั้งคะ”
“ผมว่าโชคชะตาคงอยากให้เราได้เจอกันบ่อยๆ มากกว่า”
ทั้งคำพูด รอยยิ้ม และสายตาที่ชวนให้หลอมละลายทำให้กีรณาคิดว่าเขาอาจกำลังจีบเธอ…พลันหัวใจที่เคยแห้งแล้งก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งทั้งๆ ที่เธอเคยคิดว่าหลังจากเลิกกับธีรัช เธอคงเข็ดเรื่องผู้ชายไปพักใหญ่ แต่เขาคนนี้ซึ่งดูเปิดเผยและจริงใจกลับทำให้เธอหวั่นไหวได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แม้กระทั่งกับแฟนเก่าอย่างธีรัช…เธอก็ยังไม่เคยรู้สึกเช่นนี้เลย
“เมื่อกี้คุณเชษฐ์บอกว่าเพิ่งจะมาที่นี่เหรอคะ”
กีรณาถามด้วยความสงสัย เพราะเขาเป็นเจ้าของโรงแรมนี้จะไม่มาดูแลความเรียบร้อยหรืออย่างไร แต่เธอก็คิดขึ้นได้ว่าคนรวยระดับมหาเศรษฐีหลายคนก็ไม่ต้องทำงานเอง แต่จ้างคนที่ไว้ใจได้มาดูแลแทน แล้วเชษฐ์ก็มีญาติผู้ใหญ่อย่างวิภาอยู่ในทีมผู้บริหาร เขาคงจะให้ท่านช่วยดูแลงานเหล่านี้
“ใช่ครับ ปกติผมจะทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ เพราะเป็นช่างภาพแฟชั่นให้กับหลายแบรนด์ นานๆ ทีถึงจะกลับมาเมืองไทยครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนี้ผมตั้งใจว่าจะมาช่วยงานที่เมืองไทยมากขึ้น”
เชษฐ์เล่าอย่างไม่ปิดบัง จากนั้นเขาก็มองเธอพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“กี้…ไม่รู้จักผมเลยเหรอครับ”
หญิงสาวหัวใจเต้นแรงไปหลายจังหวะเมื่อชายหนุ่มเรียกเธอด้วยชื่อเล่น
“ที่กี้เคยบอกคุณว่าทำการบ้านเกี่ยวกับคุณเพราะได้เป็นพนักงานที่นี่ กี้ก็แค่ทำความรู้จักแบบผิวเผินให้รู้ว่าคุณเป็นใครเท่านั้นค่ะ ไม่ได้อยากรู้ถึงขั้นต้องไปค้นประวัติคุณนี่คะ”
กีรณาเปลี่ยนมาใช้สรรพนามแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นบ้าง แม้จะหวั่นไหวและประหม่าแค่ไหน กีรณาก็ยังตั้งสติตอบคำถามของเชษฐ์ได้อย่างสงวนท่าที แต่มันก็เป็นความจริงอย่างที่เธอพูด
ตั้งแต่วันที่ทั้งสองคนบังเอิญพบกันที่นี่แล้ววรรณสาก็บอกข้อมูลเกี่ยวกับเขาให้รับรู้ซึ่งเธอก็รู้ข้อมูลของเขาแค่นั้น และต่อให้เธอจะชอบเขามาก ทว่ายังไม่ได้คลั่งไคล้จนถึงขั้นเสาะหาข้อมูลมากกว่านั้น
ที่สำคัญก่อนหน้านี้กีรณาเองก็ทุ่มเทความสนใจให้กับการเริ่มทำงานใหม่ด้วย แต่หลังจากคืนนี้…เธอตั้งใจว่าจะต้องลองหาประวัติของเขาอย่างละเอียดสักหน่อยแล้ว!
เชษฐ์ขอนั่งร่วมโต๊ะกับกีรณาและวรรณสาโดยไม่เกรงใจสายตาพนักงานคนอื่นๆ ในงาน แม้เขาจะไม่ค่อยปรากฏตัวแต่หลายคนก็รู้จักเขาดี วรรณสาอดแปลกใจกับท่าทีของเขาไม่ได้เพราะปกติชายหนุ่มน่าจะมาเป็นเกียรติในงานครู่เดียวแล้วรีบกลับตามประสาคนใหญ่คนโต แต่นี่เขากลับนั่งคุยกับกีรณาอย่างไม่รู้เบื่อหน่าย
และเธอคิดว่ามีเหตุเดียวเท่านั้นที่รองรับการกระทำนี้ได้คือเขาสนใจเพื่อนเธอ!
หญิงสาวคอยสังเกตสายตาที่เชษฐ์มองกีรณาตลอดเวลา และมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเขาชอบเพื่อนเธอแน่แล้ว กระทั่งช่วงท้ายงานเขาก็ขอปลีกตัวไปทักทายแขกผู้ใหญ่ ในขณะที่สองสาวเห็นว่างานเลี้ยงใกล้จะเลิกแล้วจึงไปลากรนุชว่าจะกลับ จากนั้นกีรณาก็ขอแวะเข้าห้องน้ำทำธุระก่อน
“คุณเชษฐ์เขาดูสนใจแกมากเลยนะ”
วรรณสาทักอย่างอดใจไม่ไหวเมื่อกีรณาเดินออกมาจากห้องน้ำหลังทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว คนถูกทักจึงมองเพื่อนด้วยความสงสัยที่จู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาแบบนั้น
“ยังจะมาทำหน้างงอีก แกคิดว่าคนระดับคุณเชษฐ์จะขอมานั่งร่วมโต๊ะแล้วชวนแกคุยตั้งนานเพื่ออะไร และถ้าเขาแค่อยากจะหาเพื่อนคุยหรือเพื่อนร่วมโต๊ะด้วยก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแกก็ได้นี่นา ถ้าเขาไม่สนใจแก” วรรณสาพูดด้วยความหมั่นไส้ที่กีรณาตีหน้าซื่อตาใสใส่เธอเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราว
“แกคิดงั้นจริงๆ เหรอ” กีรณาถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
ไม่ใช่ว่าหญิงสาวไม่รู้สึกอะไร แต่เธอยังไม่อยากเข้าข้างตัวเองเกินไปจนเที่ยวไปพูดกับเพื่อนว่าเชษฐ์สนใจเธอ เพราะถ้ามันไม่ใช่ เธอนั่นแหละที่จะ ‘หน้าแตก’ จนหมอไม่รับเย็บ
“หรือแกไม่รู้สึกล่ะ” วรรณสามองตาเพื่อน “ฉันสังเกตสายตาที่เขามองแก…มันบอกได้ว่าเขาชอบแกชัดๆ เลย หรือว่าบ่อน้ำนั้นจะศักดิ์สิทธิ์จริงๆ โห! แต่ก็เห็นผลเร็วเกินไปหรือเปล่า”
“บังเอิญมากกว่าล่ะมั้ง”
“โลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญบ่อยขนาดนั้นหรอกนะ”
วรรณสาไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องบังเอิญบ่อยขนาดนี้
“แกอย่าเก็บอาการนักเลย ดีใจอยู่ก็บอกมา! นี่คุณเชษฐ์เลยนะ เจ้าของโรงแรมหลายสาขาในประเทศไทย รวยติดอันดับประเทศ แถมยังเป็นช่างภาพอิสระชื่อดังที่มีชื่อเสียงระดับอินเตอร์ด้วย”
“เพราะเขาเพอร์เฟ็กต์ขนาดนี้ไงล่ะ ฉันถึงไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง”
“แต่เขาสนใจแกก่อน แกต้องจับเขาให้อยู่หมัดเลยนะ”
วรรณสายุยงส่งเสริมด้วยความหวังดี เทียบกันแล้วเชษฐ์เป็นผู้ชายแสนดีระดับพรีเมี่ยมจนอดีตคนรักของกีรณาเทียบไม่ติดเลย หากปล่อยให้เขาหลุดมือไปก็น่าเสียดายแย่
“ผู้ชายเพอร์เฟ็กต์ขนาดนี้ใช่ว่าจะตกถึงมือเราได้ง่ายๆ”
“ถ้าจับได้ง่ายขนาดนั้น ฉันก็จับไปแล้ว เขาเป็นคนนะไม่ใช่ปูใช่ปลาจะได้จับกันได้ง่ายๆ”
“แสดงว่าแกก็อยากจับเขาอยู่เหมือนกันสินะ ตายแล้ว! เพื่อนฉันจะได้เป็นแฟนเจ้าของโรงแรมอ่ะ เลิศมากกก” วรรณสาทำท่าเคลิ้มฝันจนกีรณาหัวเราะกับท่าทางโอเวอร์แอ็กติ้งของเพื่อน
“มัวแต่ยืนเคลิ้มอยู่นั่น จะไปกันได้หรือยัง”
“แหม! ขอเคลิ้มหน่อยก็ไม่ได้”
จากนั้นสองสาวก็เดินออกมาจากบริเวณหน้าห้องน้ำ และพวกเธอแทบชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นว่าเยื้องจากห้องจัดงานเลี้ยงมีผู้ชายคนหนึ่งยืนล้วงกระเป๋าเหมือนกำลังมองหาใครสักคน
และเขาคนนั้นก็คือ…เชษฐ์!
“คุณเชษฐ์ยืนรอแกแน่เลย”
วรรณสาสะกิดกีรณาด้วยความตื่นเต้นก่อนจะดึงแขนหญิงสาวเดินไปทางเชษฐ์โดยแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเขา…หากชายหนุ่มยืนรอกีรณาจริง เขาต้องแสดงตัวแน่ และก็จริงดังคาด
“กี้ครับ!”
ชายหนุ่มเรียกขณะที่สองสาวกำลังจะเดินผ่านไป วรรณสารีบหยุดเดินแล้วดึงกีรณาเอาไว้ เธอแอบยิ้มกรุ้มกริ่มกับกีรณาเมื่อพิสูจน์ได้แล้วว่าเชษฐ์ยืนรอเพื่อนเธอจริงๆ
“เอ่อ…คืนนี้เราไปฟังเพลงกันต่อดีมั้ย”
คนตัวสูงชวนด้วยท่าทีขัดเขินเล็กน้อยทำให้กีรณาหวั่นไหวจนเผลอยิ้มออกไปเพราะท่าทางเขาดูมีเสน่ห์อย่างไม่อาจบรรยาย และเธอไม่คิดว่าจะได้เห็นมุมนี้จากเขาเลย
“แหม! เดินมาด้วยกันสองคนแต่ชวนคนเดียวเลยนะคะ” วรรณสาจงใจแซวเพื่อย้ำให้กีรณามั่นใจว่าเชษฐ์สนใจอีกฝ่ายจริงๆ เธอไม่ได้ยุยงส่งเสริมเพื่อนอย่างไร้เหตุผลหรือมโนไปเอง
“คุณวรรณก็ไปด้วยกันนะครับ” เชษฐ์ชวนตามมารยาท
“วรรณล้อเล่นน่ะค่ะ” วรรณสาหัวเราะ เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มชวนแก้เก้อไปอย่างนั้นเอง “ให้คุณเชษฐ์ไปกับยายกี้สองคนดีกว่าค่ะ วรรณต้องรีบกลับไปเคลียร์งานที่ห้อง”
วรรณสาเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองคนจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังก็รีบเปิดโอกาสอย่างไม่ลังเล แต่เหตุผลของเธอทำให้กีรณารับรู้ได้ในทันทีว่าเพื่อนจงใจผลักไสให้เธอไปกับเชษฐ์ เพราะวรรณสาเป็นพนักงานต้อนรับ จะมีงานอะไรมากมายให้ต้องรีบกลับไปเคลียร์ขนาดนี้
“แกไปกับคุณเชษฐ์นะกี้ คุณเขาอุตส่าห์ยืนรอเพื่อชวนแกโดยเฉพาะ”
พูดจบวรรณสาก็เดินออกไป กีรณาไม่ทันตอบรับและไม่ทันปฏิเสธก็ถูกเพื่อนทิ้งให้ยืนอยู่กับเชษฐ์ตามลำพังแล้ว เธอยอมรับว่าอยากทำความรู้จักกับเขา แต่ก็อยากมีเพื่อนไปด้วยกัน
หญิงสาวคิดว่ามันอาจจะเร็วเกินไปหากเธอไปกับเขาตามลำพัง
“กี้ลำบากใจที่จะไปกับผมเหรอครับ”
ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้ารู้สึกผิดราวกับคิดว่าตัวเองใช้อำนาจความเป็นเจ้าของโรงแรมบีบบังคับเธอ สีหน้าและสายตาแบบนั้นทำให้กีรณารีบส่ายหน้าปฏิเสธเพราะไม่อยากให้เขารู้สึกแย่ และเธอเองก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปฟังเพลงหรือทำความรู้จักกับเขาต่อ เพียงแต่เธออยากให้เพื่อนไปด้วย
“ผมขอโทษนะครับถ้าทำอะไรเหมือนมัดมือชก”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ กี้แค่อยากให้ยายวรรณไปด้วย” กีรณาบอกเขาก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วคุณเชษฐ์จะพากี้ไปฟังเพลงที่ไหนต่อเหรอคะ กี้ไม่รู้จักที่เที่ยวที่นี่เลยนะ”
“ห้องวีไอพีของโรงแรมนี้ครับ เป็นห้องพักพิเศษของผมเอง”
เชษฐ์บอกพร้อมรอยยิ้มเมื่อหญิงสาวถามด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานเหมือนอยากเปลี่ยนบรรยากาศและไม่อยากให้เขารู้สึกแย่ แต่คำตอบนั้นกลับทำให้กีรณาลังเลอีกครั้ง
แน่นอน…เธอคิดว่ามันเร็วเกินไปหากจะอยู่กับเขาสองต่อสองในที่ลับตาคนยามค่ำคืน
“ผมแค่อยากพากี้ไปฟังเพลงจริงๆ” เชษฐ์ยืนยันว่าเขาไม่ได้คิดอกุศลกับเธอ “ห้องนั้นวิวสวยมาก ผมคิดว่ากี้น่าจะชอบ แล้วผมก็อยากโชว์ฝีมือผสมค็อกเทลให้กี้ด้วย…ไม่ได้คิดอย่างอื่น”
“กี้ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ”
“ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรกี้ คุณเชื่อผมได้อย่างหนึ่งว่าผมจะไม่ทำอะไรผู้หญิงที่ไม่เต็มใจ”
เชษฐ์บอกอย่างหนักแน่น แววตาซื่อตรงและมั่นคง กีรณารู้สึกได้ถึงความเป็นสุภาพบุรุษของเขา เพราะครั้งหนึ่งชายหนุ่มก็เคยช่วยเธอไว้จากการถูกผู้ชายลวนลาม ถ้าเขาคิดจะฉวยโอกาสสักนิดอาจใช้ความประทับใจที่เธอมีให้เขามาขอเบอร์โทรศัพท์เธอ แล้วหาโอกาสชวนเธอไปสานต่อก็ได้ แต่เขาก็ไม่ทำ
ไม่รู้ว่าเพราะคืนนี้กีรณาดื่มค็อกเทลไปหลายแก้วหรือเปล่า เธอถึงได้มีความกล้าในการตัดสินใจมากกว่าปกติ แต่ที่แน่ๆ คือเธอคิดว่าถึงแม้จะบังเอิญพบกับเชษฐ์หลายครั้ง แต่เธอไม่แน่ใจเลยว่าในอนาคตจะได้พบกับเขาอีกหรือไม่ แล้วตอนนี้เขาก็สนใจเธอ เธอเองก็สนใจเขา
หญิงสาวไม่อยากเสียโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักกับเชษฐ์ให้มากขึ้น ในที่สุดเธอก็เผยรอยยิ้มบางๆ และพยักหน้าตอบตกลงว่าคืนนี้เธอจะไปฟังเพลงกับเขา…ที่ห้องวีไอพี
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
comments
No tags for this post.