บทที่ 7
หรูเสี่ยวนันปากอ้ากว้างจนคางแทบจะถึงพื้น
วันหน้าเพิ่มอาหาร…ให้ข้ากินของมีชีวิตหรือ
ในสมองมีภาพหนูตายตัวแข็งทื่อแวบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หรูเสี่ยวนันหันหน้าไปด้านข้างแล้วอาเจียนลมออกมา
ชิงโม่เหยียนมองดูท่าทางสลดของนางอย่างไม่ทุกข์ร้อน
หรูเสี่ยวนันอึดอัดใจอยู่พักหนึ่ง ร่างสัตว์บ้าบอสมควรตายนี้ เดี๋ยวข้าก็หนีออกไปเสียหรอก!
พอเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจที่เห็นดวงตาที่ตาดำขาวแยกชัดเจนนั้นมองนางอย่างเย็นชา นางขนลุกซู่ในทันที
“จี๊ดๆ…” นางแหงนหน้า ส่งเสียงร้องใส่ชิงโม่เหยียนไม่หยุด
ก่อนหน้านี้เสียงร้องที่นางสื่อความหมายกับเขาจะค่อนข้างสั้นกระชับ อย่างเช่น ข้าหิวแล้ว ข้าอยากกินอันนี้ ข้าอยากกินอันนั้น ข้าอยากกินอีก…
นางใช้เท้ากุมขมับ รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา
เห็นนางพึมพำอยู่ครู่ใหญ่ ชิงโม่เหยียนก็มีสีหน้าขุ่นเคืองยิ่งขึ้น
ช่วยไม่ได้ เรื่องที่นางอยากพูดเหล่านี้ใช่ว่าแค่ตั้งใจฟังแล้วจะเข้าใจได้
ชิงโม่เหยียนมองเจ้าตัวเล็กหย่อนก้นนั่งบนตักของเขาอย่างห่อเหี่ยว ท่าทางก้มหน้าเศร้าใจนั้นทำให้ยิ่งดูน่ารักน่าสงสารมากขึ้น
เขาบีบปลายหูของมัน “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าจะถามเจ้า ถ้าข้าพูดถูก เจ้าก็พยักหน้า”
“จี๊ดๆ” หรูเสี่ยวนันพยักหน้าหงึกๆ นางได้แต่รู้สึกว่าโชคดีที่ได้เจอคนฉลาดแบบนี้ เขามักจะเข้าใจความคิดของนางได้ง่ายมาก
“ตอนที่ข้าเอาหุ่นไม้ตัวนั้นกลับมาจากหอเชียนเล่อ เจ้าก็รู้ว่ามันมีปัญหาแล้วใช่หรือไม่”
หรูเสี่ยวนันพยักหน้า
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามันมีปัญหา”
หรูเสี่ยวนันเบิกดวงตาสีเขียวสุกใสคู่นั้น ท่าทางดูจนใจ คำถามนี้นางจะตอบอย่างไร ใช่ว่าจะพูดให้ชัดเจนได้ในประโยคสองประโยค
ชิงโม่เหยียนมองออกถึงความลำบากใจของนาง จึงเปลี่ยนคำถามเป็นอีกแบบ “ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก เจ้าก็ยังมองออกอย่างนั้นหรือ”
แน่นอน! หรูเสี่ยวนันเชิดปลายคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
ในดวงตาชิงโม่เหยียนเปล่งประกายขึ้น
น่าสนใจ ยิ่งเขาถามมากขึ้น ก็ยิ่งพบว่าความลับในตัวของเจ้าตัวเล็กนี้น่าตื่นเต้น นี่คงเป็นลิขิตสวรรค์กระมัง ที่ให้เขาเก็บของล้ำค่าได้เช่นนี้
“ครั้งหน้าถ้าเจอเรื่องเช่นนี้อีก เจ้าต้องเตือนข้า” ชิงโม่เหยียนพูดอย่างจริงจัง
หรูเสี่ยวนันกะพริบตา เตือนเขาหรือ เขาจะยอมเชื่อนางจริงหรือ
“ข้าเชื่อเจ้าอยู่แล้ว” ชิงโม่เหยียนยื่นนิ้วไปดีดหน้าผากของนาง
โอ๊ย! หรูเสี่ยวนันเอาเท้าลูบหน้าผากตัวเอง เอะอะก็จะลงไม้ลงมือกับข้า
นางกระโดดขึ้นบนโต๊ะ อยากอยู่เงียบๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงสบถเจ็บปวดดังมาจากข้างหลัง
หรูเสี่ยวนันหันหน้าไปอย่างประหลาดใจ เห็นชิงโม่เหยียนใบหน้าซีดขาว มือที่เกาะขอบโต๊ะมีเส้นเลือดปูดนูนเห็นได้ชัด ดวงตาที่ตาดำขาวแยกชัดเจนมีม่านเลือดปรากฏขึ้นมาจางๆ
ให้ตายเถอะ! นี่พิษกู่กำเริบอีกแล้วหรือ
หรูเสี่ยวนันยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก นางก็กระโดดเข้าไปในอ้อมอกของเขาทันที
เสียงลมหายใจหอบแรงของชิงโม่เหยียนดังขึ้นเหนือหัว หรูเสี่ยวนันตกใจจนเหงื่อผุดท่วมตัว
หลายวันมานี้นางนอนจนมึนงง ดังนั้นจึงจำไม่ได้เลยว่าวันนี้เป็นวันที่พิษกู่ของชิงโม่เหยียนกำเริบ กอปรกับที่ผ่านมาตอนพิษของชิงโม่เหยียนกำเริบเขาก็จะหลบห่างจากผู้คน แม้แต่คนในศาลต้าหลี่เองก็มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้
“ใครอนุญาตให้เจ้าอยู่ห่างจากข้าโดยพลการ” เสียงเฉพาะตัวของชิงโม่เหยียนดังขึ้น ในความเย็นชาแฝงความเย่อหยิ่ง
ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้เป็นวันที่สิบ หลายวันมานี้ข้านอนตลอด…
หรูเสี่ยวนันอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก
ชิงโม่เหยียนเห็นนางตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูกก็ลอบดีใจ
แท้จริงแล้วเมื่อครู่เขาจงใจไม่เตือนสตินาง แม้ว่าความเจ็บปวดตอนพิษกู่กำเริบจะทำให้เขาแทบบ้า แต่หากสามารถใช้ความเจ็บปวดนี้แลกผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ได้ เขาก็ยินดีจะทดลองดู
หรูเสี่ยวนันเห็นชิงโม่เหยียนมีสีหน้าเย็นชา จึงรีบงัดสิบแปดกระบวนท่าสัตว์เลี้ยงแสนน่ารัก ทำตัวน่ารักประจบเอาใจ ส่งเสียงร้องที่ทำให้หัวใจคนอ่อนไหวได้
ชิงโม่เหยียนกลั้นรอยยิ้มมุมปากที่ใกล้จะออกมาไว้อย่างไม่ง่ายนัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อสำนึกผิดแล้ว ก็ควรจะแสดงความจริงใจเสียบ้างจึงจะถูก”
ความจริงใจ? ความจริงใจของข้ามีมากอยู่แล้ว ไม่เห็นหรือว่าข้าถูไถท่านจนขนแทบหลุด
ชิงโม่เหยียนยื่นแก้มมาพลางพูดเสียงเอื่อยว่า “มานี่ จูบตรงนี้ทีหนึ่ง แล้วข้าจะคิดดูว่าจะอภัยให้เจ้าดีหรือไม่”
จูบทีหนึ่ง?
หรูเสี่ยวนันขนลุกในทันที
รองตุลาการ ท่านร้ายกาจแบบนี้เชียวหรือ ท่าทางอวดดีเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน เป็นฝ่ายขอให้คนอื่นจูบแท้ๆ ท่านก็ควรจะแสดงความจริงใจสักนิดสิ!
เสียงคำรามดังยาวต่อเนื่อง
ชิงโม่เหยียนมองดูชะมดเช็ดน้อยเบิกดวงตาโง่เซ่อ มุมปากยกยิ้มพลางเอ่ย “ทำไมล่ะ เจ้ายังคิดว่ากินสัตว์เป็นๆ ดีกว่าหรือ”
หรูเสี่ยวนันได้ยินเช่นนั้นก็แทบบ้า อยากจะข่วนหน้าเขาให้เป็นรอยสักรอยจริงๆ
ชิงโม่เหยียนยื่นแก้ม รอนางเดินมาหาอย่างอดทน
หรูเสี่ยวนันนั่งลงบนตักของเขา สายตากวาดมองมือของเขา…บนนั้นเป็นรอยข่วนเล็กๆ แม้ว่าจะไม่มีเลือดซึมออกมา แต่แผลเหล่านั้นแค่ดูก็รู้ว่าถูกตัวอะไรข่วนมา
ข้าเป็นคนทำจริงหรือ
หรูเสี่ยวนันจ้องมือของเขานิ่ง ในสมองว่างเปล่า นางจำไม่ได้ว่าเคยข่วนเขาไปตอนไหน
ชิงโม่เหยียนรู้สึกว่าเจ้าตัวเล็กเงียบลง จึงหันมองไปทางมัน
ลิ้นเล็กสีชมพูอมแดงยื่นออกมา เลียไปบนนิ้วของเขา ความชุ่มชื้นที่แฝงด้วยความอุ่นร้อนชวนให้รู้สึกจั๊กจี้นิดๆ
“ไม่ใช่ตรงนี้” ชิงโม่เหยียนกลั้นหัวเราะ ชี้ไปที่แก้มตนเอง “ต้องจูบตรงนี้”
ความรู้สึกผิดเพียงนิดของหรูเสี่ยวนันที่เพิ่งเกิดขึ้นหายไปในพริบตา
คนผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่ เหตุใดถึงอยากให้ข้าไปจูบแก้มนะ
หรูเสี่ยวนันกัดเล็บเท้าอย่างกระวนกระวาย ในใจสับสน
ครั้งก่อนนางเลียปากเขาโดยไม่ตั้งใจ แต่นั่นเป็นความไม่ตั้งใจ ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร ทว่าครั้งนี้เขากลับเป็นฝ่ายเสนอเอง
“ทำไม ไม่ยินดีหรือ” ชิงโม่เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ช่างเถอะๆ ใครให้เขาเป็นเจ้านายข้าเล่า ตอนนี้ย่อมจะล่วงเกินเขาไม่ได้จริงๆ
หรูเสี่ยวนันลังเลอยู่สักพักก็ตัดสินใจว่าอย่างไรเสียตอนนี้นางก็เป็นสัตว์อยู่ แม้จะจูบก็ถือเสียว่าจูบเนื้อชิ้นหนึ่งไปแล้วกัน นางจึงปีนขึ้นไปตามแขนของเขา ไต่ขึ้นไปนั่งนิ่งบนบ่าของเขาอย่างคล่องแคล่ว
ชิงโม่เหยียนเอานิ้วชี้จิ้มแก้มตนเอง
หรูเสี่ยวนันขบกรามฟันน้ำนม ขนพองขึ้นทั่วตัว ท่าทางเช่นนั้นทำให้ชิงโม่เหยียนพอใจมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่ามันจะยินดีหรือไม่ก็ตาม มันก็นับเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา แม้ว่ามันจะเป็นของบรรณาการให้ฮ่องเต้ เขาก็จะไม่ปล่อยมือ…เขาต้องการมัน
ขณะเดียวกันเขาก็หวังว่ามันจะพึ่งพาเขา เชื่อใจเขาได้เช่นกัน
นอกจากเขาแล้ว เขาไม่อยากให้คนอื่นพบเห็นและแตะต้องมัน มันจะกินของที่เขาป้อนให้กินเท่านั้น ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นมันจะปฏิเสธ
เขาจ้องเจ้าตัวเล็กขนฟูที่มานั่งอยู่บนไหล่เขา เห็นมันยื่นปากเล็กด้วยความโมโห สัมผัสบนใบหน้าเขาทำให้รู้สึกจั๊กจี้
มุมปากชิงโม่เหยียนยกโค้งสูงขึ้นในทันใด
“จำไว้ว่าเจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ไม่ว่าเจ้าจะเปลี่ยนเป็นอย่างไร เจ้าก็เป็นของข้า” ชิงโม่เหยียนบีบปลายหูของมันพลางเอ่ย
รอจนมันเปลี่ยนเป็นหญิงสาว จูบนี้คงน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมกระมัง
ชะมดเช็ดน้อยร้องจี๊ดๆ อยู่ในมือเขา พยายามจะหลบฝ่ามือมารอุกอาจของเขา
ชิงโม่เหยียนลูบเล่นจนพอแล้ว จึงได้อุ้มหรูเสี่ยวนันออกมาจากห้องหนังสือ และออกจากศาลต้าหลี่เพื่อกลับไปที่จวนโหว
ระหว่างที่อยู่บนหลังม้า ชิงโม่เหยียนยัดชะมดเช็ดน้อยเข้าไปในอกเสื้อ แล้วยื่นมือไปลูบหัวของมันที่โผล่ออกมา
เสวียนอวี้ขี่ม้าอยู่ข้างๆ ลอบมองชิงโม่เหยียน เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้เป็นนายของเขาอารมณ์ดีขึ้นจริงๆ
ในเวลาที่ผ่านมา ยามที่ชิงโม่เหยียนจำเป็นต้องกลับบ้านจะเอาแต่ปั้นหน้าเครียด แต่วันนี้เสวียนอวี้เห็นมุมปากของซื่อจื่อยกโค้งจนมองเห็นได้อย่างชัดเจนทีเดียว
แล้วมองไปยังชะมดเช็ดที่อยู่ในอ้อมอกซื่อจื่อ ดูเหมือนมันจะหงุดหงิด อ้าปากงับมือของซื่อจื่อไม่หยุด ท่าทางเป็นสัตว์เล็กที่ดุร้าย
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ชิงโม่เหยียนกลับไม่โกรธ ดึงเชือกบังคับม้ามือเดียว อีกมือที่ว่างก็ลูบขนบนตัวมันไปมา
“เตรียมของขวัญวันเกิดให้ท่านพ่อเสร็จหรือยัง” เสียงของชิงโม่เหยียนยังคงเย็นชาเหมือนที่ผ่านมา จับอารมณ์ความรู้สึกอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เสวียนอวี้เอ่ยตอบ “เตรียมเสร็จนานแล้วขอรับ แต่ครั้งนี้หากยังให้ข้าไปส่งให้แทนท่านอีกคงไม่ค่อยดีกระมัง…ปีที่แล้วกับปีก่อนตอนวันเกิดท่านโหวท่านก็ไม่ไปให้เห็นหน้า…”
ชิงโม่เหยียนนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยตอบ “รู้แล้ว”
หรูเสี่ยวนันงับนิ้วมือของชิงโม่เหยียนพลางตั้งใจฟังบทสนทนาของพวกเขา
นางมองข้ามน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของชิงโม่เหยียนไป ทั้งสมองของนางคิดเพียงว่างานวันเกิดท่านโหว ถึงตอนนั้นต้องมีของอร่อยไม่น้อยแน่นอน
วันเกิดท่านโหว ในจวนคึกคักกันตั้งแต่เช้า
หรูเสี่ยวนันนั่งบนชายคาเรือน มองดูบ่าวไพร่เดินไปมาในลานเรือนพลางใช้จมูกดมกลิ่น
ลมพัดกลิ่นหอมของอาหารนับไม่ถ้วนมาเข้าจมูก น้ำลายถึงกับไหลย้อยลงมา
“ซื่อจื่อ ท่านโหวให้ท่านไปต้อนรับแขกที่เรือนหน้าขอรับ” บ่าวในจวนมาแจ้งที่หน้าประตู
“รู้แล้ว” เสียงของชิงโม่เหยียนดังออกมาจากห้อง
หรูเสี่ยวนันกระโดดลงมาจากชายคาบ้าน เดินผลุบเข้าประตูไป แนบขาชิงโม่เหยียนถูไถจนขนแทบจะหลุดอยู่แล้ว
ชิงโม่เหยียนยืนเปลี่ยนเสื้ออยู่ เขาเหลือบมองชะมดเช็ดที่อยู่ตรงเท้าพลางเอ่ยถาม “ไม่มีเรื่องราวกลับเอื้อเฟื้อเจือจาน ไม่ใช่คนคดโกงก็เป็นโจรชั่วช้า*”
หรูเสี่ยวนันเบิกตาโต
ไม่ใช่คนคดโกงก็เป็นโจรชั่วช้าอะไรกัน ข้าอยากไปกับท่านต่างหาก
“เจ้าอยากไปด้วยหรือ” ชิงโม่เหยียนหรี่ตากล่าว
ทุกครั้งที่เห็นเจ้าตัวเล็กอยู่ไม่สุขเวลามาประจบเขา เขาก็อยากแกล้งมันเป็นพิเศษ
“วันนี้เรือนหน้าจะมีแขกมามากมาย ถ้าเจ้าวิ่งวุ่นไปมาอาจจะก่อเรื่องยุ่งอะไรขึ้นมาได้ อยู่นิ่งๆ ที่นี่ดีกว่า” ชิงโม่เหยียนแกล้งทำขึงขัง “ข้าจะจัดคนมาคอยติดตามเจ้า ขอเพียงเจ้าไม่วิ่งส่งเดชออกไปข้างนอกก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาที่นี่”
หรูเสี่ยวนันนิ่งอึ้งไปทันใด นางไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียว กว่าจะมีโอกาสไปเปิดหูเปิดตาได้ไม่ง่าย…และยังมีของให้กินมากมาย…ของว่าง…เนื้อ…
นางเลียปาก มองเขาด้วยสีหน้าเว้าวอน
ขอร้องท่านล่ะ พาข้าไปด้วยเถอะ
ดวงตาสีเขียวส่องประกายใสซื่อ พวกสาวใช้ในห้องไม่มีใครเห็นแววตามันแล้วไม่ใจอ่อน
มีเพียงชิงโม่เหยียนที่ไม่เป็นเช่นนั้น
“ไม่ได้ เรือนหน้าสำหรับเจ้าแล้วอันตรายมาก ข้าต้องไปต้อนรับแขก จะเอาเจ้าติดตัวไปตลอดเวลาไม่ได้”
“จี๊ดๆ” มันใช้เท้าเกี่ยวมุมเสื้อเขาเอาไว้
“ไม่ได้” ชิงโม่เหยียนปฏิเสธเด็ดขาด
ท่านไม่รับปาก ข้าก็ไม่ปล่อย
หรูเสี่ยวนันยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้อิ่มท้อง
ศักดิ์ศรีจะมีราคาเท่าใดกัน
อะไรนะ ยังมีคุณธรรมอีกหรือ ทิ้งมันไปเถิด!
หรูเสี่ยวนันเกาะอยู่บนขาของชิงโม่เหยียน แม้เขาจะเดินไปหลายก้าวก็สลัดไม่หลุด
“จี๊ดๆ” พาข้าไปด้วย
หรูเสี่ยวนันใช้ความน่ารักขี้อ้อนเป็นอาวุธพิฆาต แววตาอ้อนวอน ส่องประกายวิบวับราวกับดาวดวงน้อย
แม้แต่เสวียนอวี้ก็ทนดูต่อไปไม่ได้ “ซื่อจื่อ หรือจะพามันไปด้วย…”
“ไม่ได้” ชิงโม่เหยียนเอ่ยตอบพลางโน้มตัวไปจับชะมดเช็ดน้อยเอาไว้ ยกมันขึ้นด้วยสองมือ “วันนี้พาเจ้าไปด้วยไม่ได้ เจ้าอยากกินอะไรตอนเที่ยงข้าจะให้คนส่งมา”
เขาหมุนตัวไปสั่งสาวใช้สองคน “พวกเจ้าดูมันไว้ให้ดี ไม่ว่ามันจะไปที่ใดพวกเจ้าต้องจับตามองมันเอาไว้”
สาวใช้พยักหน้าหงึกๆ ชะมดเช็ดน้อยน่ารักเช่นนี้พวกนางเพิ่งได้พบเห็นเป็นครั้งแรก หากไม่ใช่เพราะชิงโม่เหยียนอยู่ พวกนางคงจะพุ่งเข้าไปอุ้มมันแล้ว
จากนั้นชิงโม่เหยียนก็เดินนำเสวียนอวี้ออกจากห้องไป
หรูเสี่ยวนันย่อตัวนั่งเศร้าคอตกอยู่ตรงนั้นด้วยอารมณ์หงอยเหงาอย่างยิ่ง
พวกสาวใช้พากันเข้ามามองดูมันด้วยความสนอกสนใจ
“เจ้าตัวน้อยน่ารัก รีบมาให้ข้าอุ้มเร็ว”
“ไม่ดีกระมัง ซื่อจื่อจะโกรธเอาได้นะ…”
“อย่างนั้นก็ขอลูบสักหน่อย อย่างไรเสียซื่อจื่อก็คงไม่รู้”
ในที่สุดหรูเสี่ยวนันก็รับรู้ความรู้สึกของการถูกไล่ตามของดาราดังยุคปัจจุบันแล้ว
แม้ว่าพวกสาวใช้จะมีความชอบในตัวนาง แต่ความชอบแบบนี้ทำให้นางหายใจไม่ออก หากไม่ใช่เพราะหนีได้เร็ว เกรงว่าตัวคงจะถูกลูบจนหนังถลอกแล้ว
สวรรค์! น่ากลัวเหลือเกิน
หรูเสี่ยวนันวิ่งผลุบเข้าไปกลางพุ่มดอกไม้ในสวน
เสียงร้องตกใจของพวกสาวใช้ดังขึ้นข้างหลังไม่หยุด “มันหายไปแล้ว!”
“รีบหาสิ! ถ้าซื่อจื่อรู้เข้าคงจะเอาชีวิตพวกเราแน่นอน…”
หรูเสี่ยวนันมุดหนีไปกลางพุ่มดอกไม้
ทันใดนั้นก็มีเงาดำกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้ข้างหน้า กระโจนถูกนางล้มลง แล้วกดทับอยู่บนตัว
หรูเสี่ยวนันถูกเงาดำหลังต้นไม้กระโจนล้มลงบนพื้น ลิ้นใหญ่เปียกชื้นตามติดมาเลียนางเป็นการใหญ่
“ปล่อยข้านะ!” หรูเสี่ยวนันพยายามขัดขืน
“โฮ่งๆ!” เงาดำนั่นส่ายหางอย่างเป็นมิตร ลิ้นเลียจนตัวหรูเสี่ยวนันเต็มไปด้วยน้ำลาย ราวกับถูกตักขึ้นมาจากน้ำอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าออกไปนะ!” กว่าหรูเสี่ยวนันจะหายใจออกได้ไม่ง่ายนัก
“โฮ่งๆ!”
เจ้าของลิ้นถอยออกไปแล้ว หรูเสี่ยวนันจึงมองเห็นชัดเจน ที่ยืนอยู่ตรงหน้านางคือหมาใหญ่สีดำ มันกำลังใช้แววตาอบอุ่นเป็นมิตรมองดูนาง
เป็นหมาตัวนี้…
ที่แท้ก็คือหมาที่แม่นางเหลียนผู้นั้นเอามาขู่นาง ภายหลังได้นางช่วยขอร้อง ชิงโม่เหยียนจึงไว้ชีวิตมัน
“ชู่ว! อย่าร้อง” หรูเสี่ยวนันใช้เท้าปิดปาก
เจ้าหมากลายเป็นสหายผู้ซื่อสัตย์ในทันที มันหายใจหอบแรงอยากเข้ามาใกล้ชิดนาง
“เอาปากของเจ้าออกไป” หรูเสี่ยวนันขนลุก ทั้งตัวนางเต็มไปด้วยน้ำลายที่เหม็นมาก
แม้ว่าตอนนี้นางจะเป็นเพียงสัตว์ตัวหนึ่ง แต่ชิงโม่เหยียนก็ดูแลนางดีมาก ทุกวันจะพานางไปอาบน้ำ ดังนั้นบนตัวนางจึงไม่มีกลิ่นแปลกอะไรเลย และยังมีกลิ่นชะมดเช็ดจางๆ ด้วย
ยามนี้เองมีเสียงสาวใช้ดังลอยมาจากที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก “เมื่อครู่ได้ยินหมาเฝ้าจวนเห่า หรือชะมดเช็ดจะถูกหมากัดไปแล้ว”
หรูเสี่ยวนันมองเจ้าหมาใหญ่โง่เซ่ออย่างเห็นใจ “เจ้านี่เป็นตัวดึงดูดปัญหาจริงๆ”
เจ้าหมาหายใจหอบแรง ยังคงมีแววตาอบอุ่นเป็นมิตรดังเดิม
ช่างเป็นหมาโง่ตัวหนึ่ง เพราะครั้งก่อนนางช่วยขอร้องให้มัน ดังนั้นมันจึงจำความดีของนางไว้นั่นเอง
หรูเสี่ยวนันจึงตัดสินใจกระโดดขึ้นหลังมัน “รีบวิ่ง อย่าให้พวกนั้นจับข้าได้”
เจ้าหมาส่งเสียงร้องดีใจ ก่อนจะพาหรูเสี่ยวนันวิ่งหายไปในพุ่มดอกไม้
ณ เรือนหน้าของจวนโหว
งานวันเกิดเริ่มขึ้น แขกเหรื่อทุกคนมารวมตัวกัน
ชิงโม่เหยียนพูดคุยรับรองแขก ดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก
ท่านโหวเป็นเจ้าของวันเกิดวันนี้ เขาดื่มสุราไปไม่น้อย แก้มแดงระเรื่อ กำลังพูดคุยกับสหายสนิทสนมที่อยู่ข้างกาย
ในกลุ่มหญิงสาวมีคนลอบมองชิงโม่เหยียนอยู่บ่อยครั้งพลางพูดคุยกระซิบกระซาบกัน
“นั่นคือบุตรชายคนโตของท่านโหวสินะ…รองตุลาการศาลต้าหลี่”
“ได้ยินว่าระยะนี้ท่านโหวกำลังวุ่นวายเรื่องการแต่งงานของเขาอยู่”
“รองตุลาการแล้วอย่างไร เขาสืบทอดตำแหน่งท่านโหวไม่ได้ ก็แค่ดูสง่างามเพียงเปลือกนอกเท่านั้น”
กฎของแคว้นเยี่ยซย่าคือบุตรชายของท่านโหวไม่สามารถสืบทอดตำแหน่งของเขาได้โดยตรง ต้องให้ฮ่องเต้แต่งตั้ง ดังนั้นแม้ว่าชิงโม่เหยียนจะเป็นซื่อจื่อ ก็เป็นเพียงชื่อตำแหน่งลอยๆ สุดท้ายจะให้ใครมารับสืบทอดตำแหน่งท่านโหวยังต้องฟังคำของฮ่องเต้
ชิงโม่เหยียนหลุบตาลง คำกระซิบกระซาบนินทารอบข้างเหล่านั้นเขาล้วนได้ยินเต็มสองหู หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงจะวางจอกสุราแล้วจากไป แต่วันนี้เป็นวันเกิดท่านพ่อของเขา เขาทำเช่นนั้นไม่ได้…
ในตอนนี้เองพวกสาวใช้ก็เริ่มยกอาหารใหม่มาวาง
ชิงโม่เหยียนเงยหน้าขึ้นกวาดตาไปรอบๆ อย่างไม่ใส่ใจ สายตาก็พลันไปหยุดลงที่จุดหนึ่ง
กลางพุ่มดอกไม้ด้านหลังงานเลี้ยงมีหัวหมาตัวหนึ่งกับหัวชะมดเช็ดตัวหนึ่งปรากฏขึ้น
งานเลี้ยงคึกคักมาก ทุกคนชนจอกสุรากันอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นเจ้าสัตว์ขนปุยที่ทำลับๆ ล่อๆ สองตัวนี้
หมายืดคอขึ้นแล้วขยับไปข้างโต๊ะตัวหนึ่ง ทันใดนั้นก็มุดลงไปใต้โต๊ะ
จู่ๆ แขกที่โต๊ะนั้นก็รู้สึกว่าใต้เท้ามีขนปุยๆ ปัดผ่าน ทุกคนจึงก้มลงดูใต้โต๊ะ
ยามนี้เองที่ชะมดเช็ดฉวยโอกาสกระโดดขึ้นโต๊ะ คาบของกินในจานไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาก็กระโดดกลับไปกลางพุ่มดอกไม้ข้างหลังตามเดิมแล้ว
พอชิงโม่เหยียนเห็นฉากนี้แล้ว ตัวก็แข็งเป็นหินไปทั้งตัว
เขามองไม่ผิด ‘โจรน้อย’ ที่กระโดดขึ้นขโมยอาหารบนโต๊ะก็คือสัตว์เลี้ยงของเขา
จนกระทั่งร่างของหรูเสี่ยวนันหายลับไปจากสายตาของเขา ชิงโม่เหยียนจึงเอนพิงเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง ยกมือกุมขมับ
เขาผิดไปแล้ว รู้อยู่แล้วว่าเจ้าตัวเล็กไม่อยู่เฉย เขาควรจะเอามันมาอยู่ข้างกาย
“เสวียนอวี้…” เขาเรียกเสียงเบา
“ซื่อจื่อ”
“เอาจานเปล่ามาใบหนึ่ง”
“อะไรนะขอรับ” เสวียนอวี้คิดว่าตนเองฟังผิด
ชิงโม่เหยียนนวดขมับด้วยรู้สึกปวดหัวพลางเอ่ยสั่งการว่า “เร็วเข้า ก่อนที่มันจะก่อเรื่อง…เลือกอาหารจำนวนหนึ่งไปวางในพุ่มดอกไม้ตรงหน้านั่น”
เสวียนอวี้ยกจานอาหารที่ใส่ของกินหลากหลายจนเต็มอ้อมไปหลังงานเลี้ยงแล้ววางจานไว้ในพุ่มดอกไม้
หรูเสี่ยวนันกำลังซ่อนตัวในพุ่มดอกไม้กับเจ้าหมาโง่
เจ้าหมาได้กลิ่นหอมของอาหาร แลบลิ้นน้ำลายไหลไม่หยุด
หรูเสี่ยวนันมองมันอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง “อยากกินหรือไม่”
เจ้าหมาพยักหน้าตอบรับทันที
“อย่างนั้นก็ไปกินเถอะ” หรูเสี่ยวนันพูดอย่างมีอำนาจ
เจ้าหมาโง่วิ่งเข้าไป ก้มหน้ากินเป็นการใหญ่
เสวียนอวี้มองอย่างตกใจที่เห็นชะมดเช็ดสีดำหลบซุ่มอยู่ไกลๆ ไม่ยอมขยับตัวเลย
“ซื่อจื่อ มันไม่ยอมกินขอรับ ข้าไม่อาจฉวยโอกาสจับมันไว้ได้” เสวียนอวี้พูดอย่างจนใจ
ชิงโม่เหยียนขมวดคิ้ว เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจ เจ้าตัวเล็กตะกละที่สุด เหตุใดจึงไม่ออกมากิน
หรูเสี่ยวนันหลบอยู่ในพุ่มดอกไม้สบถในใจอย่างโมโหว่าพวกเขาคิดว่านี่เป็นการให้อาหารหมาสินะ คิดว่าเอาจานวางไว้ที่นี่ให้ข้ากินอิ่มแล้วข้าก็จะไปหรือ
ส่วนเจ้าหมาอารมณ์ดี เห่าโฮ่งสำทับ
นี่จะแตกต่างอะไรกับการให้อาหารขอทาน ข้าไม่กินอาหารที่วางบนพื้นหรอก
หรูเสี่ยวนันสะบัดอุ้งเท้าเล็ก “หมาโง่ เจ้ากินอิ่มหรือยัง”
“โฮ่ง!”
“เช่นนั้นพวกเราไปกัน!”
สัตว์ทั้งสองตัวเข้าไปในงานเลี้ยงอีกครั้ง
ยังคงเป็นเจ้าหมาโง่คอยดึงดูดความสนใจคนอื่น ส่วนหรูเสี่ยวนันฉวยโอกาสลงมือ
“แมวป่ามาจากที่ใด” บนหัวมีเสียงชายหนุ่มดังขึ้นทันใด ยังไม่ทันรอให้หรูเสี่ยวนันคาบของขวัญแห่งชัยชนะของนางหนีไป หลังคอถูกบีบแน่น ร่างของนางถูกคนยกตัวขึ้นมาทันที
ปล่อยข้านะ!
หรูเสี่ยวนันบิดตัวที่มีเนื้ออวบอ้วน ระยะนี้อาหารที่ชิงโม่เหยียนเตรียมให้นางไม่เลว ดังนั้นนางจึงอ้วนขึ้นไม่น้อย
“จุๆ สกปรกเช่นนี้…รีบโยนทิ้งออกไป” สตรีที่อยู่ข้างกายเขาพูดขึ้น หญิงสาวในชุดสวยหรูหลายคนยังใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก กลิ่นแป้งหอมฟุ้งฉุนจนหรูเสี่ยวนันจามไม่หยุด
“แมวป่าตัวนี้เหตุใดจึงดูแล้วคุ้นตาเช่นนี้” สาวใช้ที่เทสุราคนหนึ่งพูดอย่างตกใจ
“นั่นมันตัวที่เลี้ยงอยู่ในเรือนพักของซื่อจื่อไม่ใช่หรือ!” มีสาวใช้จำหรูเสี่ยวนันได้
“นี่เป็นสัตว์ที่พี่ใหญ่เลี้ยงหรือ” เสียงชายคนที่หิ้วคอหรูเสี่ยวนันดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด
เขาเรียกชิงโม่เหยียนว่า…พี่ใหญ่?
หรูเสี่ยวนันหันหน้าไปอย่างตกใจ เห็นเด็กหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกปีที่ยกตัวนาง หน้าตาท่าทางธรรมดามาก ไม่มีความภูมิฐานเหมือนชิงโม่เหยียนแม้แต่น้อย หากบนตัวเขาไม่ได้สวมชุดสง่างามหรูหรา นางไม่มีทางดึงเขากับชิงโม่เหยียนมาคิดโยงกันได้
“คุณชายรอง นี่เป็นสัตว์เลี้ยงของซื่อจื่อ โยนทิ้งไม่ได้นะเจ้าคะ” มีเหล่าสาวใช้ที่รู้เรื่องที่พวกแม่นางเหลียนประสบรีบพูดขึ้น
“เหตุใดพี่ใหญ่จึงเลี้ยงเจ้าสิ่งนี้ได้ สกปรกเชียว” เด็กหนุ่มพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“นั่นสิ พวกเจ้าคงจำผิดไปแล้วกระมัง” สตรีที่อยู่ข้างๆ เขาพูดสำทับ
ยามนี้เองหรูเสี่ยวนันก็ดีดขาเล็กทั้งสี่ ร้องจี๊ดๆ
รีบวางข้าลงนะ ไม่อย่างนั้นชิงโม่เหยียนจะมาตีก้นพวกเจ้าแน่นอน!
ในตอนนี้เองหมาใหญ่ตัวหนึ่งไม่รู้ว่าจู่ๆ ผุดออกมาจากที่ใด พุ่งชนตัวคุณชายรองอย่างแรง
เด็กหนุ่มตกใจ คลายมือออก หรูเสี่ยวนันจึงหล่นลงที่พื้น
“หมาโง่ รีบหนีเร็ว!” หรูเสี่ยวนันร้องจี๊ดๆ เสียงดังลั่น
เจ้าหมาใหญ่หันหัววิ่งมุดเข้าไปในพุ่มไม้กลางสวน วิ่งเร็วกว่านางเสียอีก
หรูเสี่ยวนันขยับตัวช้าไปครึ่งจังหวะ ตอนวิ่งไม่ได้มองทางให้ชัดเจน จึงชนเข้ากับขาของคนผู้หนึ่งในทันที
ร่างของนางทั้งเบาและเล็ก ดังนั้นการชนครั้งนี้จึงทำให้นางหัวหมุน ล้มนั่งบนพื้นลุกไม่ขึ้นอยู่เป็นนานทีเดียว
คุณชายรองพูดอย่างโมโห “หมามาจากที่ใดอีกตัว บ่าวไพร่ในจวนทำอะไรกันอยู่ สัตว์วิ่งเข้ามามากมายเช่นนี้ยังไม่รู้กันอีกหรือ!”
พวกสาวใช้พากันตกใจหวาดกลัว ก้มหน้าลงไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก
จากนั้นเด็กหนุ่มก็ยื่นมือไปเพื่อจะจับชะมดเช็ดน้อย
หรูเสี่ยวนันรีบถอยกรูด อย่าเข้ามานะ ข้ากัดคนเป็นนะ!
นางแยกเขี้ยวแหลมเล็กเป็นการข่มขู่ ทว่าฟันน้ำนมทั้งปากต่อให้แหลมคมเพียงใดก็ไม่มีพลังทำลายล้างอะไร ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงวิ่งหลบไปมาใต้เท้าทุกคน
ในตอนที่เขาจะจับนางอีกครั้ง เสียงบุรุษคุ้นหูเสียงหนึ่งก็ดังลอยมา “หยุดนะ”
เขาชะงักมือ มองไปตามเสียงอย่างตื่นตกใจ เห็นเพียงชิงโม่เหยียนเดินเข้ามาใกล้ตนเอง “พี่ใหญ่?”
“อืม” ชิงโม่เหยียนรับคำอย่างเสียมิได้ ก่อนจะเดินฝ่ากลุ่มคนมาถึงตรงหน้าพวกเขา
“พี่อยู่รับแขกข้างกายท่านพ่อไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงว่างมาทางนี้ได้เล่า” เขาถามขึ้น
ทางด้านท่านโหวประจำอยู่ที่โต๊ะเจ้าภาพ แขกที่มาเยือนล้วนเป็นคนมีหน้ามีตาในราชสำนัก ดังนั้นต้องให้ชิงโม่เหยียนนั่งอยู่ด้วยตลอดเวลา
สายตาเย็นชาของชิงโม่เหยียนเลื่อนมาที่ตัวของหรูเสี่ยวนัน
ดวงตาของหรูเสี่ยวนันเบิกโต เปล่งประกายราวกับดาวดวงเล็กๆ
เจ้านาย รีบช่วยข้าด้วย…
โลกนี้น่ากลัวเหลือเกิน ทุกที่ล้วนมีอันตราย มีเพียงในอ้อมอกท่านจึงจะปลอดภัยที่สุด…
นางพยายามทำหน้าตาท่าทางน่ารักน่าสงสาร ‘สุดชีวิต’ และก็สะกดทุกคนได้ในพริบตา
บทที่ 8
วิธีการของหรูเสี่ยวนันสะกดทุกคนได้ในพริบตาจริงๆ แม้แต่สตรีที่เมื่อครู่ยังทำหน้าตารังเกียจอยู่ล้วนพูดชมว่าน่ารักกันทั้งสิ้น
“ซื่อจื่อ มันเป็นสัตว์ที่ท่านเลี้ยงไว้จริงหรือ”
“มันตัวเล็กมาก…ยังไม่หย่านมกระมัง”
หรูเสี่ยวนันเหล่ตามอง เจ้าสิยังไม่หย่านม!
ชิงโม่เหยียนก้มลงมองเจ้าก้อนขนสีดำพลางเอ่ยเรียก “มานี่”
หรูเสี่ยวนันบิดตัวหลบหลีกเล็กน้อยแล้วกระโจนไปหาชิงโม่เหยียนเร็วราวกับบินได้
พอได้กลิ่นคุ้นเคยบนตัวอีกฝ่ายแล้ว หรูเสี่ยวนันก็แอบทอดถอนใจว่า บนโลกนี้อันตรายเกินไป อยู่ข้างกายคนผู้นี้จึงจะปลอดภัยที่สุดจริงๆ
ชิงโม่เหยียนอุ้มมันไว้ในอ้อมอกโดยไม่สนใจใครพลางแค่นเสียงสบถอย่างไม่สบอารมณ์ “เหม็นยิ่ง”
หรูเสี่ยวนันลองดมตัวเอง กลิ่นไม่น่าอภิรมย์จริงๆ ขนบนตัวนางมีแต่น้ำลายของเจ้าหมาโง่นั่น
แต่ถึงแม้ชิงโม่เหยียนปากจะพูดรังเกียจ แต่ไม่ได้โยนนางทิ้ง แต่อุ้มนางไปพูดคุยกับเด็กหนุ่มผู้นั้น
“มันเป็นสัตว์เลี้ยงของพี่ใหญ่จริงหรือ” เขายังคงเอ่ยถามอย่างตกใจ “เมื่อครู่ข้าไม่รู้จึงได้ทำมัน…”
“ไม่เป็นไร เจ้าตัวเล็กซนมาก มักจะวิ่งวุ่นไปทั่ว” ชิงโม่เหยียนพูดเสียงเรียบ
หรูเสี่ยวนันเงยหน้าขึ้นฟังพวกเขาพูดคุยกัน จากท่าทีของชิงโม่เหยียนนางรู้สึกรางๆ ว่าชิงโม่เหยียนไม่ได้รังเกียจน้องชายผู้นี้ และยังมีความเป็นพี่ชายที่ดีพอควร
ทั้งสองคนพูดกันอยู่หลายคำ ก่อนจะมีสาวใช้เข้ามาแจ้งว่า “ท่านโหวให้มาตามซื่อจื่อเจ้าค่ะ”
ชิงโม่เหยียนจึงได้แยกจากคุณชายรอง อุ้มหรูเสี่ยวนันเดินไปทางโต๊ะเจ้าภาพ
หรูเสี่ยวนันเบิกดวงตาสีเขียวมองไปโดยรอบ
ว้าว! อาหารบนโต๊ะเจ้าภาพแตกต่างกันจริงๆ แม้แต่ของว่างก็ยังประณีตมาก…
นางแลบลิ้นเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณ
ชิงโม่เหยียนยื่นนิ้วมาเคาะหัวเล็กของนาง “จอมตะกละ”
หรูเสี่ยวนันเจ็บจนต้องหดคอกลับ
นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้เห็นหน้าท่านพ่อของชิงโม่เหยียน ท่านโหวอายุราวสี่สิบห้าสิบปี หน้าตาคล้ายกับคุณชายรองผู้นั้นอย่างมาก
เอ๋? ดูเหมือนจะมีอะไรซ่อนอยู่ หรูเสี่ยวนันใช้เท้าลูบปลายคางระหว่างครุ่นคิด
ชิงโม่เหยียนหน้าตาไม่เหมือนท่านพ่อของเขาแม้แต่น้อย หรือคุณชายรองคนนั้นไม่ได้เป็นพี่น้องแม่เดียวกับเขา แล้วชิงโม่เหยียนก็หน้าตาเหมือนท่านแม่ของเขา…
หรูเสี่ยวนันลูบคางพลางครุ่นคิดเรื่องชาวบ้าน
ท่านโหวมีท่าทางเคร่งขรึม “โม่เหยียน นี่คือใต้เท้าจางหัวหน้ากองอาวุธของกรมทหาร”
ชิงโม่เหยียนพยักหน้าพลางเอ่ย “ใต้เท้าจาง”
ท่านโหวชักสีหน้าทันใดพร้อมพูดตำหนิว่า “ไร้มารยาทจริง ใต้เท้าจางเป็นสหายเก่าของพ่อ เจ้าทำเพียงพยักหน้าทักทายเท่านี้เองหรือ”
ใต้เท้าจางมีสีหน้าเก้อเขิน อันที่จริงหากเทียบระดับขั้น เขายังต้องคารวะชิงโม่เหยียนก่อนด้วยซ้ำ “ท่านโหว ช่างเถอะ…เป็นแค่มารยาททั่วไปเท่านั้น”
ชิงโม่เหยียนไม่เย่อหยิ่งไม่โอนอ่อน “ไม่รู้ว่าใต้เท้าจางวันนี้มาอวยพรวันเกิดในฐานะขุนนางกรมทหาร หรือมาดื่มเหล้าสังสรรค์ในฐานะสหายเก่าของท่านพ่อ”
“แน่นอนว่าเป็นสหายเก่า” ใต้เท้าจางพูดด้วยเสียงที่ดูแหบแห้ง
ชิงโม่เหยียนประสานมือ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า “คารวะท่านลุงจาง” เขาเรียกอีกฝ่ายว่า ‘ท่านลุงจาง’ เสียเลย
ใต้เท้าจางอ้าปากค้าง ใบหน้าซีดขาว
ท่านโหวได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ทันที “ยากนักที่ใต้เท้าจางจะหมายตาเจ้า บุตรสาวในจวนของเขาปีนี้อายุสิบห้า อีกสองสามวันเจ้าก็พาคนไปวางของหมั้นที่จวนของเขาเสีย”
“รู้แล้วขอรับ” ชิงโม่เหยียนพูดรับคำ ไม่มีข้อสงสัยใด และไม่ได้สอบถามใต้เท้าจางเรื่องธิดาของเขาเลยแม้แต่น้อย เหมือนว่าทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับตนเองอย่างไรอย่างนั้น
หรูเสี่ยวนันเบิกตาโตอย่างตกใจ
การแต่งงานสมัยโบราณต้องเชื่อฟังคำบิดามารดาและวาจาของแม่สื่อจริงๆ ด้วย กำหนดกันง่ายๆ อย่างนี้หรือ
ชิงโม่เหยียนนี่เกรงว่าแม้แต่คนที่ตนเองจะแต่งงานด้วยเป็นใครก็ยังไม่รู้กระมัง แบบนี้ใช่ทำอะไรส่งเดชเกินไปหรือไม่นะ
ไม่ได้ หากเขาแต่งงานจริงๆ นางจะทำอย่างไรต่อไป
“จี๊ดๆ” ชะมดเช็ดน้อยใช้เท้าเกี่ยวแขนเสื้อของเขาไว้แล้วส่ายหน้าใส่เขาอย่างแรง
อย่านะ! อย่ารับปากส่งเดชแบบนี้เลย
ชิงโม่เหยียนก้มลงมองนาง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “เจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งงานหรือ”
“จี๊ดๆ!” ท่านแต่งงานแล้วข้าจะทำอย่างไร หากภรรยาท่านรู้ว่าข้าเป็นตัวยาเหนี่ยวนำของท่าน ต้องให้คนมาฆ่าข้าแน่นอน นางจะรักข้าเหมือนท่านหรือไม่ หากนางคิดว่าข้าเป็นก้างขวางคอแล้วจะทำอย่างไร นางจะวางยาพิษข้าหรือไม่ แล้วข้าจะทำอย่างไร…
หรูเสี่ยวนันร้อนใจอย่างมาก ส่งเสียงร้องใส่เขาไม่หยุด
ชิงโม่เหยียนมีรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า “ที่แท้เจ้าตัวเล็กไม่อยากให้ข้าแต่งงานหรือ”
ในตอนนี้เองใต้เท้าจางก็สั่งให้คนส่งกล่องของขวัญไปให้ แล้วพูดกับท่านโหวว่า “ของขวัญเล็กน้อยดูไร้มารยาท ขอท่านโหวรับไว้ด้วย”
ชั่วขณะที่กล่องของขวัญถูกส่งเข้ามา หรูเสี่ยวนันรู้สึกว่ามีไอชั่วร้ายกลุ่มหนึ่งลอดออกมาจากในกล่อง ทำให้นางขนลุกซู่
บ่าวในจวนยกของขวัญวันเกิดใกล้เข้ามา ขนบนคอของหรูเสี่ยวนันก็ยิ่งพองฟูขึ้นอย่างชัดเจน มันพยายามกระชากแขนเสื้อของชิงโม่เหยียน
เป็นไอเย็นเยือกที่ทำให้ขนลุกได้แบบนั้นอีกแล้ว ความรู้สึกของนางไม่ผิดพลาดแน่นอน มันกระจายตัวออกมาจากในกล่องของขวัญใบนั้น
ชิงโม่เหยียนสังเกตเห็นว่าเจ้าตัวเล็กในอ้อมอกมีปฏิกิริยาผิดปกติ เขาจึงมองไปยังกล่องของขวัญที่ถูกยกขึ้นมา
“นี่คืออะไร” เขาเอ่ยถาม
ใต้เท้าจางภูมิใจอย่างมาก เปิดฝากล่องด้วยตนเองแล้วยื่นมาตรงหน้าท่านโหว
ท่านโหวเห็นของในกล่องแล้วก็อึ้งตะลึงไป “ใต้เท้าจาง ท่านล้อเล่นอยู่กระมัง ให้ของแบบนี้…”
ในกล่องมีหุ่นไม้หน้าหยกวางอยู่หนึ่งตัว แต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิง สวมกระโปรงสวยหรู
“ท่านโหวอย่าดูถูกหุ่นไม้ตัวนี้นะขอรับ” ใต้เท้าจางพูดอย่างลึกลับ “มันได้ผู้มีวิชาแกร่งกล้าทำพิธีให้ บูชามันไว้สามารถทำให้เจ้าของสมหวังได้”
“ก็แค่หุ่นไม้ ไม่ใช่พระพุทธรูป…จะดลบันดาลให้สมหวังได้อย่างไร” ท่านโหวรับกล่องของขวัญมาอย่างประหลาดใจ
ในงานเลี้ยงมีคนพูดต่อไปว่า “ข้าก็เคยได้ยินเรื่องหุ่นไม้หน้าหยก มีคนไม่น้อยที่บูชามันอยู่”
ท่านโหวรับกล่องของขวัญมาดูใกล้ๆ ก่อนจะยื่นให้บ่าวรับใช้ ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ นี่เป็นของขวัญที่ผู้อื่นมอบให้ แม้ว่าจะไม่เข้าตาเขาก็โยนทิ้งไปเลยไม่ได้
“เอาไปเก็บก่อนเถอะ” ท่านโหวสั่ง
ในตอนที่บ่าวกำลังจะยกกล่องของขวัญไปก็ได้ยินเสียงชิงโม่เหยียนพูดเสียงดังว่า “ช้าก่อน!”
จากนั้นเสวียนอวี้ก็เข้าไปแย่งกล่องของขวัญมาจากมือบ่าวผู้นั้น
“ซื่อจื่อทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน” ใต้เท้าจางดูไม่ค่อยเข้าใจ
ชิงโม่เหยียนสีหน้าเย็นเยือกเอ่ยตอบทันที “ไม่รู้ว่าใต้เท้าจางได้สิ่งนี้มาจากที่ใด”
ไม่รอให้ใต้เท้าจางพูดต่อ ท่านโหวก็พูดอย่างโมโหว่า “อย่าเสียมารยาทกับใต้เท้าจาง!”
ตามหลักแล้วหากการแต่งงานของชิงโม่เหยียนเกิดขึ้นจริง วันหน้าใต้เท้าจางก็จะเป็นพ่อตาของเขาแล้ว เขาพูดกับอีกฝ่ายเช่นนี้ดูแข็งกร้าวไปบ้าง
ชิงโม่เหยียนไม่ได้สนใจท่านพ่อของเขา ยังคงมองหน้าใต้เท้าจางพลางกล่าวต่อ “ถ้าใต้เท้าจางอธิบายไม่ได้ ขอเชิญท่านตามข้าไปดื่มชาที่ศาลต้าหลี่สักหน่อย”
ทุกคนในที่นั้นต่างลอบสูดหายใจเข้าอย่างตื่นตกใจ
ไม่เสียทีที่เป็นรองตุลาการศาลต้าหลี่ พูดไม่เข้าทีก็ชักสีหน้า เพียงออกปากเชิญไป ‘ดื่มชา’ ที่ศาลต้าหลี่ แค่จุดนี้ก็ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
“ซื่อจื่อ…เรื่องนี้…มีอะไรพูดกันก่อนก็ได้กระมัง” ใต้เท้าจางมีเหงื่อผุดในทันใด
“เหลวไหล!” ท่านโหวพูดอย่างโมโห “ใต้เท้าจางเป็นแขกทรงเกียรติของข้า!”
ชิงโม่เหยียนประสานมือไปทางบิดาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อวันนี้เป็นวันเกิดท่านพ่อเช่นนั้นก็เปลี่ยนเป็นวันอื่นเถอะ ขอใต้เท้าจางอย่าลืม ถึงเวลาทางศาลต้าหลี่จะได้ไม่ต้องส่งคนไปเชิญท่านมา”
พูดจบชิงโม่เหยียนก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
ด้านเสวียนอวี้มือถือกล่องหุ่นไม้หน้าหยกเดินตามข้างหลัง
ท่านโหวโกรธจนหน้าดำหน้าแดง “เจ้าลูกคนนี้ทำตัวไร้เหตุผลขึ้นทุกวันแล้ว”
ใต้เท้าจางตื่นตระหนก แต่ยังต้องพูดเกลี้ยกล่อมเป็นพิธี “ซื่อจื่อยังหนุ่มแน่นมีนิสัยมุทะลุ อีกไม่กี่ปีก็ดีเอง…”
ทุกคนในงานเลี้ยงถกกันไปต่างๆ นานา มีจำนวนไม่น้อยมองดูเรื่องนี้ด้วยความคิดชอบเห็นความทุกข์ของคนอื่น
ชิงโม่เหยียนอุ้มหรูเสี่ยวนันกลับไปที่เรือนพักของตนเอง
หรูเสี่ยวนันยื่นหน้าออกมาจากอ้อมอกเขาอยู่บ่อยครั้ง มองไปทางเสวียนอวี้อย่างเป็นกังวล
“เจ้าคิดว่าหุ่นไม้ตัวนี้มีปัญหาหรือ” เสียงของชิงโม่เหยียนดังขึ้นเหนือหัวของนาง
“จี๊ดๆ” หรูเสี่ยวนันพยักหน้า
“เจ้ากังวลว่าเสวียนอวี้จะถูกมันควบคุมหรือ” ชิงโม่เหยียนถามอีก
หรูเสี่ยวนันมองสำรวจเสวียนอวี้ องครักษ์ผู้นี้ท่าทางเซ่อซ่า แม้จะมีวรยุทธ์ไม่ธรรมดา แต่ความคิดบางอย่างของเขายากจะทำให้นางชื่นชมได้เต็มปาก โดยเฉพาะตอนที่เขาเอาหนูตายมาให้นางกิน นางยังจำแค้นนั้นเอาไว้ในใจตลอดมา
“จี๊ดๆ” นางส่ายหน้าใหญ่ นางไม่กังวลในตัวเสวียนอวี้หรอก คนที่นางเป็นห่วงก็คือชิงโม่เหยียนต่างหาก
หรูเสี่ยวนันใช้เท้าหน้าชี้ชิงโม่เหยียนแล้วก็ส่งเสียงร้องแผ่วๆ สองที
ชิงโม่เหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมลูบหัวของนาง “ตัวสกปรกเช่นนี้ เหม็นแทบตายแล้ว”
เมื่อกลับถึงเรือนก็เห็นสาวใช้ทั้งหมดก้มหน้าคุกเข่าอยู่บนพื้น
หรูเสี่ยวนันจึงนึกได้ว่าคงเป็นเรื่องที่ตัวเองวิ่งหนีออกไป พวกสาวใช้จึงต้องมารอรับผิดตรงนี้กระมัง
เดิมทีนางคิดจะขอความเห็นใจจากชิงโม่เหยียน แต่เขากลับไม่สนใจคนเหล่านั้นเลย พานางเข้าไปในห้อง แล้วสั่งคนตักน้ำอุ่นมาให้นางอาบน้ำทันใด
ทว่ายามหรูเสี่ยวนันกำลังแช่น้ำอย่างสบายใจก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของสตรีดังมาจากข้างนอก
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที!”
หรูเสี่ยวนันได้ยินเสียงร้องน่าอนาถข้างนอกก็กระโดดขึ้น น้ำบนตัวจึงกระเซ็นเต็มหน้าชิงโม่เหยียน
“กลัวอะไร” ชิงโม่เหยียนดึงผ้าผืนหนึ่งมาเช็ดหน้าพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อน
“จี๊ดๆๆ!” หรูเสี่ยวนันส่งเสียงร้องพลางชี้แขนขา ต้องเป็นแผนร้ายที่หุ่นไม้หน้าหยกทำออกมาอีกแน่นอน
ชิงโม่เหยียนเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดขนบนตัวหรูเสี่ยวนันจนแห้งแล้วอุ้มนางออกจากห้องมาอย่างไม่รีบไม่ร้อนเท่าใดนัก
ในเรือนยุ่งวุ่นวาย พวกสาวใช้ตกใจจนหน้าถอดสี ต่างพากันขดตัวอยู่ตามมุมห้อง
เสวียนอวี้นำองครักษ์มาเฝ้าตรงประตู บนพื้นกลางเรือนมีสาวใช้คนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ ผมเผ้ารุงรัง แขนถูกองครักษ์สองคนบิดไขว้หลังเอาไว้ แต่ตัวยังคงดิ้นขัดขืนไม่หยุด
“ซื่อจื่อ คนผู้นี้ไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆ ก็อาละวาด…” เสวียนอวี้เข้าไปรายงาน
ชิงโม่เหยียนกวาดตามองไปรอบๆ “มีใครถูกทำร้ายหรือไม่”
“ทำร้ายสาวใช้ไปหลายคน แต่เป็นอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นขอรับ”
“หุ่นไม้หน้าหยกล่ะ” ชิงโม่เหยียนถามต่อ
“ใส่กลอนไว้ในห้องขอรับ ข้าลงกลอนสามชั้น ไม่ว่าใครก็ไม่ให้เข้าใกล้” เสวียนอวี้กล่าวอธิบาย
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับนางจึงเป็นเช่นนี้” ชิงโม่เหยียนมองไปทางสาวใช้ที่มีอาการคลุ้มคลั่งผู้นั้น
“ข้าก็ไม่ทราบขอรับ”
ชิงโม่เหยียนมองไปทางคนที่เหลืออีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงมีสาวใช้คนหนึ่งพูดอย่างหวาดหวั่นขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้นางยังดีอยู่ ต่อมานางบอกว่าปวดหัว…ได้ยินเสียงคนพูดอยู่ในหัวของนาง จากนั้น…นางก็เหมือนเป็นบ้าจะไปในห้องนั้นให้ได้ ทั้งยังใช้ปิ่นบนหัวทำร้ายคนไปหลายคนอีกด้วยเจ้าค่ะ…”
ชิงโม่เหยียนได้ยินดังนั้นก็พลันเคร่งเครียดขึ้นทันใด
ด้านหรูเสี่ยวนันส่ายหัวเป็นการใหญ่ ของชั่วร้ายแบบนั้นใช่ว่าคนทั่วไปจะต้านทานได้ หลังจากถูกควบคุมแม้จะได้รับการช่วยเหลือทันเวลา รอจนได้สติคืนมาก็พูดจาไม่รู้เรื่อง ชาตินี้อย่าได้คิดจะกลับเป็นปกติอีกเลย
ชิงโม่เหยียนยืนเงียบอยู่ตรงนั้น
หุ่นไม้หน้าหยกนี้ก็เหมือนเผือกร้อน เขาไม่อาจโยนทิ้งได้และถือไว้ในมือก็ไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะวางไว้ที่ใดก็เป็นเรื่อง
“ซื่อจื่อ ต้องไปเชิญภิกษุมาหรือไม่ขอรับ” เสวียนอวี้เอ่ยถามเสียงเบา ของที่ชั่วร้ายเช่นนี้พวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
ชิงโม่เหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยปากพูดว่า “เตรียมม้า ไปศาลต้าหลี่”
บางครั้งพลังงานในที่ว่าการก็สามารถสะกดของชั่วร้ายได้
เสวียนอวี้รีบรับคำและไปหยิบกล่องใส่หุ่นไม้ในห้องมาด้วยตนเอง
ชิงโม่เหยียนให้คนเฝ้าสาวใช้ที่คลุ้มคลั่งเอาไว้ แล้วนำหรูเสี่ยวนันออกจากจวนโหวไปพร้อมกัน
ตุลาการใหญ่ศาลต้าหลี่อยู่ที่ศาลพอดี เมื่อได้ยินว่าชิงโม่เหยียนเอาหุ่นไม้หน้าหยกมาด้วยอีกตัว ก็รีบให้คนไปตามท่านหมอฉางเฮิ่นมาทันที
“คิดหาวิธีแยกชิ้นส่วนมันได้หรือไม่” ตุลาการใหญ่ถามขึ้น
ฉางเฮิ่นมองสำรวจหุ่นไม้ที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ “เกรงว่าจะลำบากสักหน่อย” ก่อนหน้านี้เสวียนอวี้ให้คนใช้ไฟเผา ราดน้ำมันก็ยังไม่มีประโยชน์ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวนี้จะจัดการได้ยากเหมือนตัวก่อนหรือไม่
“คิดหาวิธีดู ถ้ามันแปลกประหลาดเหมือนที่รองตุลาการว่าจริง เช่นนั้นในตัวมันต้องซ่อนหัวใจคนเอาไว้อีกแน่นอน”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ในห้องราวกับเย็นเยือกลงสามส่วน
หรูเสี่ยวนันเบิกตาโตจ้องมองทุกคนด้วยความกังวล
ฉางเฮิ่นพูดอย่างลำบากใจว่า “ข้าจะลองดู”
จากนั้นก็สั่งการให้คนไปหยิบเลื่อยมา และเรียกคนงานหลายคนมาเริ่มเลื่อยตัวหุ่นไม้ต่อหน้าทุกคน
ยิ่งมีเสียงเลื่อยดังแกรกกราก หรูเสี่ยวนันก็ยิ่งรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องเย็นเยียบลงไปอีก
นางขดตัวหนีทันทีทันใด ใช้เท้าตะกุยคอเสื้อชิงโม่เหยียนจนเปิดออกคิดจะมุดเข้าไปข้างใน
ชิงโม่เหยียนจะยอมให้เจ้าตัวเล็กหนีเข้าไปในเสื้อตนเองได้อย่างไร อยู่ต่อหน้าคนมากมาย เขาไม่อยากควานหาสัตว์เลี้ยงในเสื้อผ้าต่อหน้าคนเหล่านั้น
ในตอนที่เขาออกแรงต้านกับเจ้าตัวเล็กในอ้อมอก เลื่อยก็ส่งเสียงแสบแก้วหูออกมา ฟังดูแล้วเหมือนใครกำลังกรีดร้อง เสียงแหลมสูงสะเทือนจนคนฟังรู้สึกปวดแก้วหู
หรูเสี่ยวนันเอาเท้าปิดสองหูที่อยู่เหนือหัว
สิ่งที่คนอื่นได้ยินเป็นเสียงที่ดังแสบหู แต่สิ่งที่นางได้ยินเป็นเสียงคำรามคลุ้มคลั่งของสิ่งชั่วร้าย
เลื่อยหักออกเป็นสองท่อน แผ่นเศษเลื่อยที่ปลิวกระเด็นออกไปเป็นเสมือนอาวุธลับ ลอยผ่านเหนือหัวทุกคนไป…
เลื่อยเหล็กหัก เศษเลื่อยปลิวกระเด็นออกมา
เสวียนอวี้ไม่สนใจอันตราย เอาตัวขวางหน้าชิงโม่เหยียน ขวางเศษเลื่อยที่ลอยมาเอาไว้ได้
หรูเสี่ยวนันได้แต่มองดูหุ่นไม้หน้าหยกอ้าปาก แสงสีขาวลำหนึ่งพุ่งออกมา
“จี๊ด!” ระวัง!
นางร้องเสียงดัง อยากจะเตือนทุกคน
ทว่าเสียงที่ออกมากลับเป็นเสียงจี๊ดที่นับว่าแผ่วเบายิ่ง ท่ามกลางความวุ่นวายไม่มีใครสังเกตเห็นความร้อนใจของสัตว์ตัวน้อยนี้เลย
แสงสีขาวพุ่งตรงไปยังร่างคนงานคนหนึ่งอย่างแม่นยำราวกับมีดวงตา
หรูเสี่ยวนันจับเสื้อของชิงโม่เหยียนไว้อย่างร้อนใจ ร่างแข็งเกร็ง เหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูที่เหนือกว่า
“คุ้มกันท่านตุลาการใหญ่!” ชิงโม่เหยียนตะโกนขึ้น
เสวียนอวี้ลังเลสักครู่ ยังคงฟังคำสั่งของชิงโม่เหยียน เดินห่างจากข้างกายเขาไปคุ้มครองตุลาการใหญ่ในทันที
คนงานที่ถูกแสงขาวพุ่งใส่เกร็งไปทั้งตัว หลายคนข้างๆ เข้าไปอยากจะกดตัวเขาเอาไว้ ผลปรากฏว่าถูกสะบัดออกมาหมด
“จับเขาไว้!” ชิงโม่เหยียนออกคำสั่งเด็ดขาด
แต่คนผู้นั้นมีแรงมากอย่างน่าประหลาด สุดท้ายยังคงสลัดหลุดจากคนอื่นได้ แล้วทะยานไปทางตุลาการใหญ่แห่งศาลต้าหลี่
เสวียนอวี้จึงต้องชักกระบี่ออกมาและแทงไปทางคนงานผู้นั้นอย่างไม่ลังเล
ฉางเฮิ่นรีบเอ่ยห้ามว่า “อย่าฆ่าเขา!”
เสวียนอวี้เบี่ยงคมกระบี่ หลบจุดสำคัญ
คนงานกระอักเลือดออกมา ตัวเอนล้มลงตรงหน้าโต๊ะ ไม่ขยับเขยื้อน
บรรยากาศในห้องตึงเครียดอย่างมาก ทุกคนยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้คนงานที่เอนล้มผู้นั้น
“เกิดอะไรขึ้น” ตุลาการใหญ่เอ่ยปากขึ้นก่อน แสงขาวเมื่อครู่เขาก็มองเห็นเช่นกัน
“เป็นหุ่นไม้ตัวนั้น…มันคงจะอยากควบคุมคนอื่น” ฉางเฮิ่นคาดเดา
เสวียนอวี้ใจกล้าเข้าไปพลิกร่างคนงานผู้นั้นกลับมา
ฉางเฮิ่นพูดอย่างกังวลใจ “ยังไม่ตายกระมัง”
“ยังมีลมหายใจอยู่” ในตอนที่เสวียนอวี้ย่อตัวลงไปตรวจดูชีพจรของคนงานผู้นั้น ร่างของคนงานก็กระตุกอย่างแรง
“ระวัง!” เพิ่งสิ้นเสียงพูดของฉางเฮิ่นก็เห็นแสงขาวลำหนึ่งพุ่งออกจากปากของคนงานที่ได้รับบาดเจ็บและพุ่งไปมาทั่วห้อง
“คุ้มกันท่านตุลาการใหญ่!”
ในห้องกลับมาวุ่นวายอีกคราทันที
หรูเสี่ยวนันรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามืดดำ พอมองอย่างละเอียดก็พบว่าเป็นฝ่ามือของชิงโม่เหยียน เขากางมือกดตัวนางเข้าไปในอกเสื้อ
เมื่อมองผ่านร่องนิ้ว หรูเสี่ยวนันก็ต้องตกใจที่เห็นแสงขาวพุ่งมาทางชิงโม่เหยียน
ไม่ได้นะ!
นางไม่กล้าคิดภาพเลยว่าหากชิงโม่เหยียนถูกสิ่งชั่วร้ายนั้นควบคุม…นางไม่อยากมีเจ้านายที่เป็นคนโง่เซ่อ
หรูเสี่ยวนันดีดขาหลัง กระโดดออกจากอ้อมอกของชิงโม่เหยียนโดยไม่ทันได้คิดอะไรต่ออีก
แม้ว่านางจะกลายเป็นสัตว์ ใช้เท้าทำมุทระไม่ได้ แต่คาถาชำระกายที่ปู่เคยสอนนางยังจำได้ ครั้งที่แล้วนางประมาท ไม่ได้ป้องกันจึงเสียที
ก่อนนี้นางมักจะคิดว่าเรียนสิ่งเหล่านี้จากจอมเวทเฒ่าเป็นเรื่องน่าอับอาย เด็กสาวคนอื่นอยู่ในมหาวิทยาลัยวิ่งตามแฟชั่นทุกวัน มีแต่นางที่หอบหนังสือประหลาดที่ปู่ส่งต่อมาให้เหล่านั้น ตอนอ่านยังต้องหลบคนอื่น ไม่อย่างนั้นจะถูกพวกเพื่อนร่วมหอพักหัวเราะเยาะ…
แต่ตอนนี้นางรู้สึกขอบคุณปู่อย่างมากที่สอนทุกอย่างให้แก่นาง
เมื่อเห็นเจ้าก้อนขนกระโดดออกจากอ้อมอกเขาไป หัวใจของชิงโม่เหยียนก็แทบจะกระโดดออกจากคอหอยตามไปด้วย
แสงขาวที่พุ่งมารวดเร็วมาก เวลาเพียงชั่วพริบตา ทุกคนในห้องยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองใด เห็นเพียงชะมดเช็ดสีดำตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมา ลอยตัวขึ้นกลางอากาศ ใช้เท้าตบแสงขาวนั้นตกลงพื้น
“ฟ้าดินสรรพสิ่ง สิ่งชั่วร้ายจงสลาย…ทวยเทพแปดทิศผู้ทรงฤทธิ์ ให้ข้าเป็นอิสระ…”
ชั่วขณะนี้ในใจหรูเสี่ยวนันกระจ่างใสมาก
แม้แต่ก่อนหน้าที่ปู่สั่งสอนอย่างเข้มงวดนางก็ยังไม่ได้มีสมาธิและไร้ความคิดอื่นเจือปนเหมือนในตอนนี้เลย
ทุกคนเห็นชะมดเช็ดน้อยตบแสงขาวตกลงพื้นก็พากันตกตะลึง ของชั่วร้ายเช่นนั้นกลับถูกสัตว์ตัวน้อยตบลงพื้นได้อย่างง่ายดาย
ฉางเฮิ่นโน้มตัวไปดูอย่างตกใจ ในตอนนี้เองแสงขาวลอยขึ้นมาอีกครั้ง พุ่งเข้าปากของหรูเสี่ยวนัน
ถุย! ถุยๆๆ!
หรูเสี่ยวนันโก่งคอ รู้สึกว่าของสิ่งนั้นไหลลงไปตามลำคอของนาง
“เจ้าตัวเล็ก?!” เสียงของชิงโม่เหยียนดังขึ้นทางด้านหลัง ฟังแล้วเหมือนแฝงความตื่นตระหนก
เป็นไปได้อย่างไร นางคงฟังผิดไปแน่นอน ชิงโม่เหยียนผู้นี้จะตื่นตระหนกเป็นได้อย่างไรกัน
ทันใดนั้นไอร้อนกลุ่มหนึ่งก็พุ่งขึ้นในร่าง หรูเสี่ยวนันรู้สึกเหมือนถูกเปลวไฟล้อมไว้ทั่วร่างอย่างไรอย่างนั้น
เจ็บ! เจ็บเหลือเกิน!
น้ำ…ที่ใดมีน้ำบ้าง…
ร้อนเหลือเกิน…ร้อนมาก…
หรูเสี่ยวนันไม่สนใจเสียงเรียกของชิงโม่เหยียนที่อยู่ข้างหลัง วิ่งทะยานออกนอกประตูไปทันที
เมื่อวิ่งออกจากประตูแล้ว สัญชาตญาณของสัตว์ก็นำทางนาง นางวิ่งไปทางตะวันตกอย่างไม่ลังเล
ทางตะวันตกในที่ไม่ไกลนักมีสระน้ำแห่งหนึ่งเลี้ยงปลาไนไว้หลายสิบตัว หรูเสี่ยวนันมาถึงริมสระก็กระโดดลงไปเลย
โอ๊ยๆๆ ร้อนอะไรอย่างนี้ ของชั่วร้ายที่สมควรตาย คิดจะควบคุมข้าหรือ ฝันไปเถอะ!
หรูเสี่ยวนันท่องคาถาชำระกายอีกครั้ง ลำแสงเลือนรางพุ่งกระจายออกมาจากตัวนาง
เริ่มแรกเป็นแสงรางๆ ต่อมาภายหลังลำแสงเพิ่มความแรง ร่างของหรูเสี่ยวนันเหมือนถูกแสงโอบล้อมไว้ทั้งตัว
ท่ามกลางแสงสว่าง ร่างของชะมดเช็ดค่อยๆ เปลี่ยนแปลง แขนขาวอวบราวรากบัวปรากฏออกมา ตามด้วยส่วนตัว ขาเล็กๆ…
หรูเสี่ยวนันตกตะลึง นี่มันเกิดอะไรขึ้น…ข้า…กลายเป็นคนแล้วหรือ
นางยื่นสองมือออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ถูกแล้ว นี่คือมือ…ไม่ใช่อุ้งเท้าของสัตว์อีกแล้ว
ไชโย! ในที่สุดข้าก็หลุดพ้นจากการเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่าสงสารแล้ว
เมื่อลุกขึ้นยืน นางรู้สึกว่าทรงตัวได้ไม่ดี จึงตกกลับลงไปในสระน้ำอีกครั้ง ข้างกายมีปลาไนตัวหนึ่งว่ายผ่าน ยกหางสะบัดน้ำใส่หน้านางอย่างไม่พอใจ
ไม่ถูกสิ…
ตอนนี้นางจึงพบว่าแม้นางจะกลับเป็นคนแล้ว แต่มือคู่นี้…ก็เล็กเกินไป พอมองไปที่ตัว
ให้ตายสิ หน้าอกแบนราบเป็นลานจอดเครื่องบินเลย
ไม่ใช่กระมัง
หรูเสี่ยวนันอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา พอมองดูเงาสะท้อนในสระน้ำ นางจึงมองหน้าตาของตนเองได้ชัดเจน
ใบหน้าขาวๆ อวบๆ อ้วนแบบทารก ดูรูปร่างแล้วเป็นอายุเพียงสี่ห้าขวบเท่านั้น
กว่าจะรอให้ตนเองกลับมาเป็นคนอีกครั้งไม่ง่ายนัก คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเด็กตัวเล็กนิดเดียว แบบนี้จะให้นางมีชีวิตอย่างไรต่อไปเล่า
แม้ว่านางจะพูดได้ เดินเองเป็น แต่นางเป็นแบบนี้จะมีชีวิตอยู่ในสมัยโบราณนี้อย่างไร วิ่งออกไปต้องถูกโจรหลอกไปขายแน่นอน
หลังพุ่มไม้ ชิงโม่เหยียนหลบอยู่ตรงนั้น มองดูคนตัวเล็กอวบอ้วนในสระน้ำ เห็นนางสีหน้าเศร้าโศกมองผิวน้ำปากขมุบขมิบไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่
องครักษ์ศาลต้าหลี่หลายคนเดินตามมาข้างหลัง “รองตุลาการ?”
ชิงโม่เหยียนพูดเสียงเข้ม “ถอยออกไป ใครก็ห้ามเข้ามาใกล้”
เหล่าองครักษ์งุนงง แต่ยังคงถอยออกไปตามคำสั่ง
ชิงโม่เหยียนยืนอยู่ตรงนั้นตามลำพัง เห็นคนตัวเล็กในน้ำว่ายทุลักทุเลมาถึงริมสระ อยากจะว่ายขึ้นฝั่งแต่พยายามอยู่นานก็ยังปีนขึ้นมาไม่ได้ สองมือเล็กเปื้อนดินโคลนเต็มไปหมด
มุมปากของชิงโม่เหยียนยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เดิมทีเขายังกังวลว่าของชั่วร้ายนั่นจะสร้างผลร้ายให้กับเจ้าตัวเล็ก คิดไม่ถึงว่าพอวิ่งตามมาจะพบฉากน่าสนุกเช่นนี้
หรูเสี่ยวนันในตอนนี้ใกล้จะร้องไห้แล้ว นางคิดไม่ถึงว่าสระน้ำนี่จะสูงจากฝั่งมากอย่างนี้ ตอนนางเป็นชะมดเช็ดสามารถปีนขึ้นมาได้อย่างคล่องแคล่ว แต่พอกลายเป็นเด็กเล็กกลับไม่มีความคล่องตัวแบบนั้น อีกทั้งมือเล็กยังไม่มีแรงพอ
ตูม!
บุ๋งๆ…
นางตกลงไปในสระอีกครั้ง
นางอยากจะยืนขึ้น แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด สองขาจึงแตะไม่ถึงก้นสระ
เกิดอะไรขึ้นกันแน่!
พอนางลืมตาใต้น้ำก็เห็นสองมือของนางเปลี่ยนกลับไปเป็นอุ้งเท้าดังเดิมเสียแล้ว
เปลี่ยนกลับไปอีกแล้วหรือ!
นางพยายามใช้เท้ากระทุ้งน้ำพยายามจะลอยตัวขึ้นมา
แล้วในตอนนี้เองก็มีคนจับนางเอาไว้ ก่อนจะดึงตัวนางขึ้นจากน้ำ
“ยังโง่อยู่เหมือนเดิม” เสียงชายหนุ่มที่คุ้นหูดังขึ้นข้างหูของนาง
เป็นชิงโม่เหยียน
หรูเสี่ยวนันที่ตัวเปียกโชกขดตัวอยู่ในฝ่ามือของเขา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรนางจึงรู้สึกง่วงอย่างนี้ อาจเป็นเพราะเมื่อครู่จู่ๆ นางก็เปลี่ยนเป็นคนกระมัง
สติรับรู้สุดท้ายของนางเห็นเพียงชิงโม่เหยียนก้มลงมามองนาง ดวงตาที่ตาดำขาวแยกกันชัดเจนแฝงรอยยิ้มรางๆ
นางยังไม่ทันได้คิดอะไรอย่างละเอียดก็เข้าสู่ความฝันอันแสนหวานเสียแล้ว
ชิงโม่เหยียนนั่งพิงบนตั่งนิ่มในห้องหนังสือพักผ่อน ในวงแขนข้างหนึ่งยังโอบเจ้าก้อนขนสีดำเอาไว้
นับจากวันนั้นที่เห็นมันกลายเป็นคนอีกครั้ง เขาก็ยิ่งเฝ้ารอความตื่นเต้นยินดีที่มันจะนำมาให้ในวันหน้า
สามารถเปลี่ยนร่างเป็นคนได้…มันเป็นปีศาจหรือเปล่านะ
เขาเอานิ้วจิ้มท้องที่ปกคลุมด้วยขนปุยของมันเล่น มีปีศาจตะกละเช่นนี้ด้วยหรือ และยังโง่งมมากอีกด้วย หากเขาไม่ได้ตั้งใจเอากัญชาแมวมาไว้ในห้อง เพียงให้ไปในสวนมันก็หลงทางได้แล้ว
ตัวเป็นชะมดเช็ด แต่ไม่ยอมกินของมีชีวิต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเห็นของประเภทหนูเลย มีครั้งหนึ่งอยู่ในสวนเห็นหนูตัวเป็นๆ มันกลับตกใจจนหนีกระเจิง
มันเหมือนสัตว์เสียที่ไหน มันเป็นเด็กน้อยที่ช่างกินช่างนอนต่างหาก
พอคิดถึงตอนมันกลายเป็นเด็กผู้หญิง เขาก็ยื่นมือไปพลิกตัวมัน นิ้วมือลูบไปบนหน้าท้องของมัน
หรูเสี่ยวนันนอนสะลึมสะลือ จู่ๆ หน้าท้องก็รู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมา จึงลืมตาขึ้นมองก็เห็นชิงโม่เหยียนโน้มตัวเข้ามาใกล้ มือใหญ่ลูบไปมาไม่หยุด
วิตถาร!
หรูเสี่ยวนันเบิกตาโตตื่นตกใจพลางตวัดอุ้งเท้าไปตามสัญชาตญาณ
ชิงโม่เหยียนจับอุ้งเท้าของนางเอาไว้ พูดเสียงเย็นชาว่า “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาตวัดอุ้งเท้าใส่ข้า”
หรูเสี่ยวนันถูกเสียงเย็นชาของเขาทำให้ตกใจ
“ข้าไม่ชอบสัตว์เลี้ยงที่ทรยศนาย” ชิงโม่เหยียนหรี่ตาลงพลางเอ่ยต่อ “ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าเจ้าจะเป็นเด็กดี คิดไม่ถึงว่ายิ่งโตจะยิ่งป่าเถื่อน เห็นทีควรไปตามท่านหมอฉางมา…”
หรูเสี่ยวนันสะดุ้ง ตามท่านหมอฉางมา? ใช่จะเอาข้าไปทำเป็นตัวยาเหนี่ยวนำนั่นหรือไม่!
“จี๊ดๆ” ดวงตาสีเขียวมองเขาอย่างเศร้าสลด สะบัดหูอย่างน่าสงสารอีกด้วย
เมื่อครู่ข้าไม่ได้ตั้งใจ…
ชิงโม่เหยียนแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจความคิดของมัน นิ้วมือยังคงลูบที่หน้าท้องมันไม่หยุด และยิ่งลูบยิ่งเลื่อนลงด้านล่าง
ไม่ได้นะ!
หรูเสี่ยวนันร้อนใจอย่างมาก แม้ยามนี้ร่างกายนางจะเป็นสัตว์ แต่วิญญาณของนางยังเป็นมนุษย์ สตรีผู้หนึ่งจะให้ใครแตะต้องส่งเดชได้อย่างไรกัน
“อย่าขยับ” ชิงโม่เหยียนเห็นมันบิดตัวไปมาก็นึกรำคาญ “ข้าขอดูว่าเจ้าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย”
หรูเสี่ยวนันนิ่งเป็นหินไปในพริบตา
‘เป็นตัวผู้หรือตัวเมีย’ คำพูดนี้ราวกับสายฟ้าฟาดลงบนตัวนางให้ร่างแตกเป็นเสี่ยงและกระจายเต็มพื้น
นิ้วมือของชิงโม่เหยียนลูบไปมาบนหน้าท้องของนาง สุดท้ายมองไปตรงบริเวณหางของนาง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ “ที่แท้เป็นตัวเมีย”
เจ้าน่ะสิเป็นตัวเมีย! พวกเจ้าเป็นตัวเมียทั้งบ้านเลย!
หรูเสี่ยวนันสีหน้าผิดหวัง หากไม่ใช่เพราะขนของนางเป็นสีดำ ตอนนี้แก้มของนางคงจะแดงเหมือนกุ้งต้มสุกแน่นอน
ชิงโม่เหยียนมีสีหน้าภูมิใจ ตอนขยับมือออกยังแกล้งดึงหางมันเล่นอีกด้วย
ศักดิ์ศรีของหรูเสี่ยวนันราวกับตกแตกเกลื่อนพื้น ทำได้เพียงฉีกปากแยกเขี้ยวแต่ก็ไม่กล้ากัดเขาจริงๆ
“เจ้าตัวเล็กอายเป็นด้วยหรือ” ชิงโม่เหยียนแกล้งทำท่าทางตกใจ “เจ้าต้องรู้ว่าเจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ตั้งแต่ท่อนบนถึงท่อนล่าง ขนทุกเส้นของเจ้าล้วนเป็นของข้า”
หรูเสี่ยวนันมองดูชิงโม่เหยียนหยิบของชิ้นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ เอาใส่บนคอของนาง ตรงแผ่นอกรู้สึกหนักขึ้นทันที
อะไรน่ะ
พอก้มลงดูก็ตกใจที่เห็นบนคอตัวเองถูกเขาสวมปลอกคอไว้เสียแล้ว
ปลอกคอ?! ท่านเห็นข้าเป็นหมาหรือ ถึงต้องใส่ของแบบนี้ด้วย และบนนั้นยังฝังอัญมณีไว้อีกด้วย…
หา?! อัญมณีหรือ
หรูเสี่ยวนันดีดตัวขึ้นมาทันที เบิกตาโตอย่างตกใจ
ถูกต้อง นางมองไม่ผิด อัญมณีที่ฝังอยู่บนปลอกคอนั้น…ก็คือหนึ่งในหินห้าสีบนกำไลที่ทำให้นางข้ามมิติมาอย่างน่าประหลาดตอนที่นางจัดเก็บของที่ปู่ทิ้งไว้ให้
รูปร่างอัญมณีนั้น ต่อให้กลายเป็นเถ้าถ่านนางก็ไม่มีทางลืม
เพียงพริบตานางก็รู้สึกยินดีขึ้นมาแล้ว ขอเพียงนางเก็บรวบรวมหินห้าสีให้ครบก็สามารถกลับไปโลกอนาคตได้แล้วใช่หรือไม่
หรูเสี่ยวนันดึงปลอกคอบนคอของตน มองดูหินห้าสีบนนั้นไม่หยุด
ชิงโม่เหยียนเห็นมันไม่ได้พยายามดึงปลอกคอทิ้ง จึงรู้สึกวางใจลง
หินห้าสีชิ้นนั้นเป็นหินที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ในอดีตเคยได้ภิกษุฉือจิ่วที่จาริกไปทั่วทำพิธีให้ ทั่วแคว้นเยี่ยซย่ามีเพียงห้าชิ้นเท่านั้น
ในยามนี้เองเสียงของเสวียนอวี้ก็ดังลอยมาจากข้างนอก “ซื่อจื่อ ท่านโหวส่งคนมาขอรับ”
“รู้แล้ว” ชิงโม่เหยียนลุกขึ้น ก่อนจะเดินออกไปห้องชั้นนอกทันที
หรูเสี่ยวนันกระโดดลงจากเตียง ตามไปแอบฟังข้างประตูอย่างเงียบๆ
“ท่านโหวโกรธมาก…บอกว่าให้ท่านกลับไปเตรียมของหมั้นหมายไปที่จวนสกุลจางขอรับ…”
ชิงโม่เหยียนจะแต่งงานเร็วอย่างนี้เลยหรือ
ไม่รู้เพราะอะไร ได้ยินเรื่องนี้แล้วทำให้หรูเสี่ยวนันอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก
พอนางหลบแอบฟังอยู่ข้างประตูสักครู่ท้องก็ร้องจ๊อกๆ ขึ้นมา จึงนึกได้ว่าเมื่อคืนตัวเองยังไม่ทันได้กินอาหารเย็นเลย
แต่เห็นสีหน้าชิงโม่เหยียน นางคิดว่าตอนนี้ไม่ไปรบกวนเขาจะดีกว่า ดังนั้นนางจึงหมุนตัวกระโดดออกไปทางหน้าต่างทันที
นางเคยไปที่ห้องครัวของศาลต้าหลี่มาหลายครั้ง ดังนั้นจึงเดินหาตำแหน่งไปตามความทรงจำ
ทันใดนั้นก็มีกลิ่นหอมลอยมาตามลม ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ นางจึงกระโดดลงจากชายคา มาที่หน้าต่างบานหนึ่ง
นางเห็นบนโต๊ะตั้งถั่วปากอ้าไว้จานหนึ่ง ยังมีขนมถั่วแดงอีกหนึ่งจาน กู้เซียนเซิงเจ้าหน้าที่จดบันทึกของศาลต้าหลี่มือหนึ่งถือหนังสือ อีกมือโยนอาหารเข้าปากอย่างสบายอารมณ์
“จี๊ดๆ” หรูเสี่ยวนันส่งเสียงร้องอย่างเอาใจ
กู้เซียนเซิงเหลือบสายตามองขึ้นมาจากด้านหลังหนังสือ เห็นเพียงเจ้าก้อนขนสีดำตัวหนึ่งยืนอยู่นอกหน้าต่าง ดวงตาสีเขียวจ้องตรงมาที่เขา
เขามองไปในลานกว้าง แต่ไม่เห็นเงาร่างของชิงโม่เหยียนจึงเอ่ยขึ้นว่า “รองตุลาการไม่ได้เตรียมของกินให้เจ้าหรือ”
คนผู้นั้นกำลังเตรียมจะไปแต่งงานน่ะ จะมีเวลามาสนใจข้าได้อย่างไรกัน
หรูเสี่ยวนันบากหน้ากระโดดเข้าทางหน้าต่าง มาคลอเคลียข้างกายกู้เซียนเซิง
กู้เซียนเซิงหยิบขนมถั่วแดงให้นางชิ้นหนึ่ง
หรูเสี่ยวนันก้มหน้าเคี้ยวตุ้ยๆ บังเอิญเหลือบเห็นหนังสือที่กู้เซียนเซิงถือเอาไว้ อาหารในปากก็พลันตกลงบนโต๊ะทันที
ไม่ใช่กระมัง นี่เป็นตำราภาพวังวสันต์* ที่เล่าลือกันกระมัง ลูกตาของหรูเสี่ยวนันแทบจะหลุดออกจากเบ้าอยู่แล้ว
มาอ่านหนังสือแบบนี้กลางวันแสกๆ อย่างเปิดเผยแบบนี้จะดีหรือ ท่านเป็นถึงเจ้าหน้าที่จดบันทึกของศาลต้าหลี่ ท่าทางภูมิฐานกลับมาดูของแบบนี้…เป็นการไม่ให้เกียรติความเป็นบัณฑิตไม่ใช่หรือ
กู้เซียนเซิงสังเกตเห็นสายตาแปลกๆ ของหรูเสี่ยวนัน จึงจงใจกางหนังสือนั้นต่อหน้านาง “ก้อนขนอย่างเจ้าก็ดูสิ่งนี้เข้าใจด้วยหรือ”
ชิ ข้าไม่ดูของสิ่งนี้หรอก!
ตอนที่ชิงโม่เหยียนนำเสวียนอวี้ออกมาตามหา เห็นภาพนี้แล้วทำให้เส้นเลือดตรงขมับของเขาเต้นตุบๆ
กู้เซียนเซิงแนบชิดกับสัตว์เลี้ยงของเขา เคี้ยวถั่วปากอ้าไปพลางชื่นชมตำราภาพวังวสันต์ด้วยประกายตาวับวาวไปพลาง
เมื่อเงามืดปกคลุมเหนือหัวของพวกเขา หนึ่งคนหนึ่งสัตว์จึงดึงสติคืนมาได้ในที่สุด
ชิงโม่เหยียนก้มลงมองพวกเขาพลางเอ่ย “ดูจบแล้วหรือ”
กู้เซียนเซิงสอดหนังสือลงไปใต้โต๊ะ แล้วกระแอมเบาๆ สองที “ที่แท้ก็เป็นรองตุลาการ…ข้ากำลังศึกษาภาพวาดอยู่”
สายตาเย็นชาของชิงโม่เหยียนเลื่อนมาที่ตัวเจ้าก้อนขนที่ขดตัวอยู่ข้างๆ
หรูเสี่ยวนันหดคอตามสัญชาตญาณ เดิมทีนางคิดว่าชิงโม่เหยียนจะฉวยโอกาสตำหนินางอีก คิดไม่ถึงว่าเขาเพียงแค่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็อุ้มนางขึ้นมาแล้วหมุนตัวเดินจากไป
นี่จะไปที่ใดหรือ นางเบิกดวงตากลมโตสีเขียว
ชิงโม่เหยียนอุ้มนางออกจากศาลต้าหลี่แล้วขึ้นม้า
หรูเสี่ยวนันเห็นเสวียนอวี้ขี่ม้าตามอยู่ด้านหลัง
หรือว่า…ชิงโม่เหยียนจะไปดูตัว
นางขยับตัวอยู่ในอ้อมอกเขาอย่างไม่สบายใจ ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องชิงโม่เหยียนไปดูตัวในใจนางก็เต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด
จริงสิ ไม่รู้ว่าเรื่องหุ่นไม้หน้าหยกเมื่อวานเป็นอย่างไรบ้าง
ชิงโม่เหยียน ท่านวางเรื่องสำคัญไว้ไม่สนใจได้อย่างไร การดูตัวเป็นเรื่องเล็ก คดีจึงจะเป็นเรื่องใหญ่สิ
ชิงโม่เหยียน ท่านเอาเรื่องส่วนตัวมาไว้ข้างหน้าแบบนี้ไม่ได้ ท่านเป็นชายหนุ่มที่ดี ต้องเห็นการงานเป็นสำคัญนะ!
หรูเสี่ยวนันปากพูดพึมพำ ชิงโม่เหยียนเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ต้องเคาะหัวนางไปหนึ่งที
“คิดอะไรน่ะ อายุน้อยไม่เรียนรู้ใฝ่ดี คิดไม่ถึงเลยว่าชะมดเช็ดอย่างเจ้าจะลามกเช่นนี้”
หรูเสี่ยวนันกุมหัว สีหน้าสิ้นหวัง เห็นทีจะล้างมลทินให้ชื่อเสียงของนางคงยากมากเสียแล้ว
ชิงโม่เหยียนขี่ม้านำนางมาที่หน้าคฤหาสน์แห่งหนึ่ง
หรูเสี่ยวนันเงยหน้าขึ้นก็เห็นด้านบนหน้าคฤหาสน์เขียนว่า ‘จวนสกุลจาง’
นี่ยังคงมาดูตัวจริงๆ สินะ นางคิดเช่นนี้ แต่เมื่อชิงโม่เหยียนนำเสวียนอวี้เข้าไปในจวนสกุลจาง หรูเสี่ยวนันกลับพบว่าบรรยากาศดูผิดปกติไปบ้าง
จวนสกุลจางมีเจ้าหน้าที่ทางการมากมาย ตอนพวกเขาเห็นชิงโม่เหยียนก็ล้วนหยุดทักทาย
“ศพของใต้เท้าจางล่ะ” ชิงโม่เหยียนเอ่ยถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง
หรูเสี่ยวนันได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงอยู่นานยังดึงสติกลับคืนมาไม่ทัน
ไม่ใช่มาดูตัวหรือ เหตุใด…ยังไม่ทันแต่งงาน ว่าที่พ่อตาของท่านก็กลายเป็นศพไปแล้วล่ะ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 25 มิ.ย. 64 เวลา 12.00 น.
Comments
comments
No tags for this post.