X
    Categories: ความรู้สึกดีที่เรียกว่ารักคือ··· เธอทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน คือ… เธอ บทที่ 4-บทที่ 5

หน้าที่แล้ว1 of 11

ตอนที่ 4

สตรีร่างระหงในชุดเสื้อที่ทำด้วยผ้าเครปสีพาสเทลกับกางเกงขายาวสีเทาเข้มดูอ่อนหวาน และทะมัดทะแมงอย่างเหมาะเจาะลงตัวตรงดิ่งสู่ห้องจัดเลี้ยงด้วยอิริยาบถที่งามสง่า แม้ว่าสีหน้าและแววตาจะปกปิดความวิตกกังวลไว้ได้ไม่มิดชิดก็ตาม

เพียงแค่ท่าไหว้อ่อนน้อม กิริยาสุภาพ วาจาไพเราะ และรับฟังคำตำหนิรุนแรงอย่างสงบ ยอมรับผิด ก็ทำให้ผู้เสียหายคลายความเดือดดาลลงมาก และเมื่อได้พิจารณาดวงหน้าสวยซึ่งแต่งแต้มไว้อย่างประณีตบรรจงมีแววเหนื่อยอ่อน ดวงตาหวานซึ้งมีรอยแห่งความเสียใจถ่องแท้และกังวลอย่างลึกซึ้ง ผู้เสียหายก็หยุดการต่อว่าต่อขานลงในระยะเวลาไม่นานนัก

อรกานต์ขอโทษเจ้าภาพอย่างสุภาพ แสดงความเสียใจและขอน้อมรับในความผิดทุกอย่าง ทางโรงแรมเต็มใจจะชดใช้ค่าเสียหายให้อย่างเต็มที่ แต่ขณะนี้หล่อนขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายให้ช่วยเร่งแก้ปัญหากันก่อน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี

ทางสตูดิโอบอกเล่าคอนเซ็ปต์ของงานให้หล่อนฟังอย่างคร่าวๆ อธิบายให้ฟังว่าในตอนแรกนั้นต้องการจะจัดสถานที่ให้ออกมาในรูปแบบอย่างไร

และด้วยสายตาของจิตรกรเอก เมื่อมองปราดแล้วสมองจึงสั่งการทันที “โต๊ะกับเวทีจัดตามแบบที่เตรียมไว้ได้เลย ซุ้มด้านหน้านี่อาจต้องเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย แต่คุณลองจัดในแบบที่เตรียมไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะช่วยดู”

จากนั้นหล่อนก็ขอตัว ปลีกมาโทรศัพท์

“ฮัลโหล นิล”

“ว่าไงไอ้อ้อ นึกไงโทรมาเวลานี้วะ ทำงานอยู่”

“แกต้องช่วยฉันนะโว้ย แกต้องช่วยฉันก่อน ถ้าแกไม่ช่วย ฉันตายแน่ๆ”

“…ขอตัวสักครู่นะคะ” นิลยาคงพูดกับใครสักคนทางโน้น ก่อนจะหันมาแหวใส่หล่อน “เออ มีอะไร ว่ามา”

อรกานต์เล่าสถานการณ์ให้เพื่อนฟังคร่าวๆ ก่อนจะเข้าประเด็น “พอจะมีรูปภาพอะไรมาใช้แทนภาพนี้ก่อนมั้ย ภาพอะไรก็ได้ที่มันมีขนาดใหญ่และเกี่ยวกับงานแต่งได้น่ะ”

“ภาพอะไรล่ะ”

“ได้ข่าวว่าพวกไอ้นนท์เปิดแกลลอรี่อยู่ไม่ใช่เหรอ ลองถามดูให้หน่อยดิ ภาพใหญ่ประมาณตัวคนครึ่งตัวน่ะ จะเป็นแนวแอ็บสแตร็กต์หรือจะเป็นรูปหงส์คู่ ม้าคู่ อะไรทำนองนี้ก็ได้ ฉันขอเช่ามาใช้สักคืน คิดค่าเช่ามาได้เลย…เอ้อ! รูปกามเทพแผลงศรที่ฉันเคยวาดส่งอาจารย์ก็ได้นะ แกเก็บไว้ไหนล่ะ”

“ขายไปแล้ว ไอ้พวกนั้นยังชมว่าขายได้หลายตังค์ดี เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันลองโทรถามดูให้ก่อนแล้วกัน ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวจะโทรไปบอก”

“อืม”

อรกานต์วางสายจากเพื่อนรักก็ตรงกลับไปยังห้องจัดเลี้ยงอีกครั้ง ซุ้มหน้างานเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันจัดดอกไม้แต่งซุ้ม

ยังไม่ทันได้เริ่มคิดเติมแต่งอะไร ก็มีใครคนหนึ่งเผลอทำแผ่นโฟมชื่อเจ้าบ่าว – เจ้าสาวหักดังเป๊าะ หล่อนถึงกับสะดุ้งวาบ ใจหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

สิ่งแรกที่ทำคือ ตรงเข้าไปปลอบเจ้าภาพของงานว่าไม่ต้องเป็นห่วง แล้วแจ้งทางสตูดิโอให้ช่วยจัดเตรียมแผ่นป้ายใหม่

“ป้ายนี่ ทางเราให้ทางโรงแรมทำให้นะคะ”

“คะ!” อรกานต์ที่รีบตรงดิ่งไปแก้ปัญหา ชักรู้สึกว่าหมู่นี้หล่อนจะอุทานคำนี้บ่อยไปเสียแล้ว

“คนทำป้ายนี้กลับไปแล้วค่ะ คุณไทร่า” พนักงานคนหนึ่งรายงาน

“คนหัวหน้ากลับค่ะ คนอื่นยังอยู่”

“ดี ฉันขอทีมงานกับอุปกรณ์ทั้งหมด ด่วนเลย”

แล้วเมื่ออุปกรณ์พร้อม อรกานต์ก็ลงมือลุยเองจริงๆ ให้มันรู้ซะบ้างว่ามือระดับไหนแล้ว แค่เขียนตัวหนังสือกับระบายสีแค่นี้ กระจอก!

หล่อนร่างภาพตัวอักษรอย่างงดงาม จากนั้นก็ระดมทีมงานให้ช่วยกันลงสี

โทรศัพท์จากนิลยาดังขึ้นพอดี หล่อนจึงเดินเลี่ยงออกมา

“ฮัลโหล นิล ว่าไง”

“มีรูปแอ็บสแตร็กต์นะ เป็นโครงร่างผู้หญิงผู้ชายกอดกัน แต่มองอีกทีก็เป็นรูปหงส์คู่ได้”

“เยี่ยมเลย!”

“ไอ้นนท์กำลังขนขึ้นรถไปให้ อีกไม่เกินชั่วโมงคงถึง”

“ขอบใจมากนะนิล”

“อืม เต็มใจว่ะ”

“งั้นแค่นี้ก่อนนะ จะไปทำงานต่อ”

อรกานต์เดินกลับเข้าไปที่ห้องจัดเลี้ยง หยุดพิจารณาที่ซุ้มดอกไม้ “คุณคะ จัดไม่หลวมไปหรือคะ”

“คือ…” ตัวแทนจากเวดดิ้งสตูดิโออึกอักเล็กน้อย “ดอกไม้เราน้อยน่ะค่ะ ตอนแรกเราคิดว่าได้ห้องฝั่งโน้น ซึ่งทางเข้ามันจะแคบกว่านี้”

“ทางเราแจ้งไปแล้วนะคะ ว่าเค้าได้ห้องนี้” ฝ่ายสถานที่ของโรงแรมรีบโต้กลับ

อรกานต์ถอนหายใจ แล้วตั้งคำถามใหม่ “แล้วฐานที่ตั้งรูปภาพต้องจัดดอกไม้เป็นพุ่มไว้ด้วยมั้ยคะ”

“ดอกไม้มีแค่นี้ ไม่ต้องจัดก็ได้มั้งคะ รูปก็ไม่มีด้วย”

“เดี๋ยวมีค่ะ ฉันจะหารูปอื่นมาวางให้ คุณแบ่งดอกไม้มาจัดที่ฐานนี่กลุ่มนึงดีกว่า ที่ซุ้มจัดให้หลวมหน่อย กระจายดอกใหญ่ไว้ให้ทั่ว เดี๋ยวฉันช่วยแต่งเอง”

“ยังไงคะ”

“ขอฉันคุยกับแผนกจัดซุ้มดีกว่าค่ะ จะได้พูดครั้งเดียว”

ผู้หญิงร่างเล็กผู้กำลังตั้งหน้าตั้งตาจัดดอกไม้อย่างขะมักเขม้นละงานในมือ เดินมาหาหล่อน

“เดี๋ยวคุณจัดดอกไม้ลักษณะนี้นะคะ เอาดอกสีชมพูเข้มนั่นวาง…”

เมื่อบรรยายภาพในใจพอสังเขปให้หญิงผู้นี้ฟังแล้ว แม่งานกิตติมศักดิ์ก็กวักมือเรียกพนักงานโรงแรม “น้องนั่งตุ๊กตุ๊กไปที่ตลาดนะ ไปที่ร้านขายของชำตรงกลางซอยน่ะ รู้จักมั้ย”

พนักงานพยักหน้าแสดงความคุ้นเคยอย่างดี

“ไปซื้อลูกโป่งมาหน่อย เอามาหลายๆ สีเลย ลูกไม่ต้องใหญ่มาก ให้เป่าออกมาแล้วได้ขนาดนี้” ว่าแล้วหล่อนก็ทำมือประกอบ ก่อนกล่าวต่อ “ซื้อผ้าขาวบางมาด้วย ถ้าไม่มีผ้าขาวบางจะเป็นผ้าอื่น หรือจะเป็นเสื้อยืดตราห่านก็ได้ ลองหาดูแล้วกัน” ว่าแล้วหล่อนก็ถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในสมองให้เด็กสาวฟังอีกนิดหน่อยพอเห็นภาพ ก่อนจะหยิบเงินจำนวนหนึ่งส่งไปให้

“รีบไปรีบกลับเลยนะคะ” ท่านประธานการจัดงาน (แบบเฉพาะกิจ) ไม่วายกำชับ

จากนั้นหล่อนก็ตรงกลับไปให้ความสนใจกับป้ายชื่อคู่บ่าวสาวอีกครั้ง พิจารณางานที่ดำเนินไปแล้วอย่างพอใจ แล้วหล่อนก็นำสีอีกสีมาลงตัดเส้นและแรเงาเพิ่มเติมนิดหน่อย อืมดูดีขึ้น

“คุณระบายสีนั้นให้เต็มพื้นที่เลยนะคะ แล้วคุณก็เอาสีนี้เล่นลายเส้นแบบนี้ไปทุกตัวนะคะ”

ผู้รับคำสั่งพยักหน้า และปฏิบัติตามโดยพร้อมเพรียง

อรกานต์เดินสำรวจความเรียบร้อยไปรอบๆ ห้อง ให้ความใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด

ภายในเวลาไม่นานต่อมา หล่อนก็เห็นผู้ชายผิวคล้ำเข้ม รูปร่างสันทัด หน้าตาแบบไทยแท้ ถือ (เรียกว่าแบกจะเหมาะกว่า) รูปภาพใหญ่เดินตรงเข้ามาทางห้องจัดเลี้ยง

หล่อนวิ่งปรูดไปอย่างลืมตัว ยิ้มแย้มทักทายเพื่อนอย่างยินดี ก่อนจะคิดได้ว่าไทร่าเคยทำให้ผู้ชายคนนี้อกหักจนเกือบตายมาแล้ว เข้าใจดีเลยว่าทำไมเขาถึงตอบสนองกิริยาดีใจจนแทบจะกระโดดกอดคอของหล่อนด้วยสีหน้าแววตาเฉยเมย

“จะให้ผมวางรูปไว้ตรงไหน”

“ทางนี้”

หญิงสาวเดินนำไป แล้วก็ดำเนินการช่วยเขาตั้งวางรูปภาพให้ลงตัวโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ฝ่ายดอกไม้ที่มายืนรอจัดดอกไม้ที่ฐานรูปภาพถึงกับอุทานออกมาเมื่อเห็นภาพนั้นถนัด

อรกานต์จึงถอยห่างออกมาพิจารณาภาพนั้นบ้าง

“โอ้โห…เยี่ยม!” อารามดีใจ หล่อนอุทานออกไปด้วยท่าทางและน้ำเสียงของอรกานต์ ปองธรรมของแท้เลยเชียว

ชายคนข้างๆ เพียงแค่ปรายตามอง

“สวยมากค่ะ ขอบคุณมาก เสร็จงานแล้วจะรีบเอาไปคืนนะคะ ไม่ทราบว่าจะให้ไปคืนที่ไหน แล้ว…เอ่อ…คิดค่าเช่าเท่าไหร่”

“ไม่เป็นไรหรอกไทร่า คิดว่าช่วยเหลือกัน เพื่อนฝูง”

“แล้วถ้าขายได้ รูปนี้จะคิดเท่าไหร่”

“ถ้ามีคนสนใจก็ให้โทรหานิลยาแล้วกัน นิลรู้ว่าจะติดต่อผมได้ที่ไหน”

แหมหมั่นไส้ฟอร์มจัด เล่นตัวเหลือเกินนะเวลาอยู่กับแฟนเก่านี่ อยากจะตะโกนใส่หน้าพ่อยอดชายนี่เหลือเกินว่า นี่ฉันเองโว้ย ไม่ต้องเก๊กนักก็ได้

หากยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร เจ้าภาพของงานก็มาหยุดยืนดูภาพ “สวยมาก ดีทีเดียว”

“ถ้าหารูปคู่บ่าวสาวรูปนั้นไม่เจอจริงๆ ทางเรายินดีมอบภาพนี้ให้เป็นที่ระลึกนะคะ หากคุณลุงชอบ”

“ผมชอบ และคิดว่าลูกชายก็คงชอบด้วย”

อรกานต์ยิ้ม “ดีค่ะ”

“คุณเป็นคนวาดภาพนี้หรือ” บิดาของเจ้าบ่าวหันไปถามผู้ชายคนข้างๆ และคุยกันเกี่ยวกับเรื่องภาพอีกสักพัก อรกานต์ร่วมสนทนาด้วยอย่างสุภาพ สำรวม

เมื่อเวลาผ่านไปอีกครู่ เพื่อนสนิทของหล่อนตั้งท่าจะลากลับ ก็พอดีกับที่พนักงานสาวซื้อสัมภาระตามใบสั่งของหล่อนกลับมาพอดี

“นนท์” หญิงสาวเรียก

“หืม”

“รีบกลับรึเปล่า ช่วยกันหน่อยได้มั้ย”

“ทำอะไร”

“นี่นะ…” ว่าแล้วหล่อนก็รื้อบรรดาลูกโป่งหลากสีออกมา กางผ้าขาวบางซึ่งยาวเป็นเมตรออกมาอย่างพึงพอใจ

“จำซุ้มที่เคยจัดที่คณะได้มั้ย เราจะทำคล้ายๆ อย่างนั้นนะ เอาลูกโป่งไปแซมกับดอกไม้ ทิ้งชายผ้าสีขาวๆ ห้อยรุ่งริ่งลงมาเป็นฉากหลัง…” บรรยายต่อไปเรื่อยจนจบก็ไม่รอให้เพื่อนปฏิเสธ กวักมือเรียกระดมพลมาช่วยกันเป่าลูกโป่งทันที หนุ่มผิวคล้ำก็ตกกระไดพลอยโจนกลายมาเป็นหนึ่งในทีมงานเฉพาะกิจอย่างเต็มตัว

งานในขั้นต่อๆ ไป ดำเนินไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วมาก เมื่อหล่อนมีผู้ร่วมงานมืออาชีพและผู้ช่วยมือขวาที่เข้าขารู้งานกันดี

อรกานต์ชักเพลินและสนุกกับงานนี้มาก ไม่ได้ทำอะไรที่มันเป็นงานศิลป์แบบนี้มานานแล้ว

“นนท์จับตรงนั้นไว้แน่นๆ นะ ฉันจะดึงแล้ว”

“เดี๋ยวอ้อ…”

เงียบ…

ทุกอย่างหยุดไปชั่วขณะ คนเรียกเองก็ตะลึง ไม่รู้ว่าหลุดปากเรียกอย่างนั้นไปได้อย่างไร คงจะเป็นกิริยา วาจาและสไตล์การทำงานที่ถอดแบบจากเพื่อนสนิทออกมาเปี๊ยบแหงๆ

ข้างฝ่ายที่ถูกเรียกก็นิ่งงันไปเพียงครู่ พลันก็รู้สึกดีใจ อบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก นัยน์ตาฉาบแววเริงร่า ยินดีอย่างปิดไม่มิด

“โทษทีไทร่า ผมเผลอไปหน่อย สไตล์การทำงานของคุณกับเค้าใกล้กันมาก”

“ไม่เป็นไร” หล่อนตอบเสียงเรียบ หากยิ้มให้ทั้งปากทั้งตา ชนิดที่คนซึ่งกำลังแอบมองอยู่หัวใจกระตุกวาบ

กฤตินยืนอยู่ที่มุมห้องด้านนี้มาตั้งแต่แรกเริ่มของความโกลาหล พนักงานคนที่รับเงินจากเขาไปทำงานได้คุ้มค่าตอบแทนดีมาก ภาพขยายของคู่บ่าวสาวไปนอนนิ่งอยู่ที่ท้ายรถเขาโดยไม่มีใครจับได้ แผ่นโฟมชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็หักได้แนบเนียนเหมือนอุบัติเหตุธรรมดา แถมเขายังได้มุมสำหรับยืนดูเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างชัดเจนโดยไม่มีใครสงสัยอีกด้วย

เขามองหล่อนตั้งแต่เดินหน้าเศร้าเข้ามารับฟังคำตำหนิจากบิดามารดาของเจ้าบ่าวแล้ว จากนั้นคะแนนความนิยมในใจก็พุ่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้เห็นการรับมือกับปัญหาทั้งหลายของหล่อน หล่อนตั้งสติได้ดีเยี่ยม จัดการกับแต่ละปัญหาอย่างทุ่มเทสุดความสามารถ ลุยแหลก ไม่มีท่าทีท้อแท้หรือท้อถอย

ระดับความนิยมแทบจะทะลุปรอทแตกอยู่แล้ว ถ้าไม่มีผู้ชายคนนี้เดินเข้ามา ธีร์วราดีใจจนแทบเต้น พูดจาเสวนาด้วยอย่างยิ้มแย้มยินดีทุกคำ แถมยังยิ้มให้หวานหยด

ทีกับเขาล่ะ ตีรวนชวนทะเลาะตลอด คิดแล้วมันอดน้อยใจ ปนหวั่นใจไม่ได้

นี่เขาหึงหรือ

ขนาดตัวเองยังไม่แน่ใจเลยว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือต้องหาทางคืนดีกับหล่อนให้เร็วที่สุด ถ้าไม่อยากจะกระวนกระวายอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

อรกานต์รีบรุดไปยังห้องอาหารอิตาเลียนและกลับมาภายในระยะเวลาอันรวดเร็วพร้อมเหล้านอกราคาแพงในมือ หยุดยืนสำรวจผลงานชิ้นโบแดงอย่างยินดี

“เรียบร้อยแล้ว ผมกลับนะ”

“เดี๋ยว” หญิงสาวรั้งเพื่อนไว้ พลางส่งสุราชั้นดีขวดนั้นให้

“ไม่เป็นไรหรอกไทร่า เพื่อนช่วยเพื่อนน่ะ”

“รับไว้เถอะ อย่าไปคิดว่าเป็นค่าจ้างหรืออะไร คิดซะว่าเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หรือไม่ก็เป็นของฝากให้เอากลับไปแบ่งกันกิน”

“ไม่เป็นไรจริงๆ”

“รับไปเถอะนนท์ ฉันขอบคุณมากจริงๆ สำหรับความช่วยเหลือในวันนี้ และซาบซึ้งมากกับความเป็นเพื่อนที่ยังมีให้”

อีกฝ่ายมองสบตาหล่อนนิ่ง สายตาลึกล้ำแน่วแน่เสียจนอรกานต์คิดว่าหล่อนควรจะต้องพูดอะไรแทนไทร่าซะหน่อย

“ฉันขอโทษเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด ทั้งกับนนท์และกับเพื่อนคนอื่นๆ ถ้าทุกคนยังให้โอกาส ยังนับฉันเป็นเพื่อนอยู่ ฉันก็อยากจะเป็นเพื่อนกับทุกคน และครั้งนี้…สัญญาเลยว่าจะเป็นเพื่อนที่ดี”

ดวงตาซื่อๆ ยังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อนแน่วแน่ “กับผมก็เป็นเพื่อนใช่มั้ย”

“อืม” หล่อนรับคำเสียงเบาทว่าหนักแน่น

คนตรงหน้าถอนใจก่อนจะยิ้ม เอื้อมมือมารับของกำนัลไปจากมือหล่อน “งั้นก็ขอรับขวดนี้ไว้เป็นของฝากจากเพื่อนฝูงแล้วกัน”

สตรีสาวสวยหวานยิ้มแฉ่งแบบไอ้ทอมบอยหัวโจกคู่หูนิลยาเด๊ะให้แทนคำขอบคุณ

นี่ไทร่า…ฉันคลายปมให้ผู้ชายคนนี้ได้แล้วนะ อย่างน้อยถ้าเขาหายเจ็บจากแผลที่เธอสร้างไว้ ฉันขอถือเป็นกุศลให้เธอ…

 

รองผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมพรหมภัทราทิ้งกายลงนอนบนเตียง

“เฮ้อ!” หมดวันอันยุ่งเหยิงไปอีกวัน

เป็นอย่างที่หล่อนคาดเอาไว้จริงๆ ภาพถ่ายคู่บ่าวสาวบานใหญ่มาปรากฏอยู่ที่มุมห้องเมื่อตอนงานเลิก มันกลับมาได้อย่างเงียบเชียบเหมือนตอนที่หายไปไม่มีผิด คงจะเป็นฝีมือของวายร้ายสุดหล่อที่เข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ในใจของหล่อนตลอดเวลาแน่ๆ

หญิงสาวสปริงตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินตรงไปอาบน้ำ พลางสั่งตัวเองอย่างหนักแน่น ไม่ให้ว่อกแว่กไปคิดถึงใบหน้าคมเข้มของเขาคนนั้นอีก

หล่อนตัดสินใจนอนค้างที่โรงแรมในคืนนี้ เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง กว่างานจะเลิกก็ดึกแล้ว ค้างเสียที่นี่จะได้มีเวลานอนมากขึ้น ห้องชุดส่วนตัวของหล่อนบนชั้น executive floor ซึ่งอาสาริศยกให้ตั้งแต่แรกเริ่มเข้าทำงานก็มีข้าวของเครื่องใช้ของหล่อนพร้อมอยู่แล้ว เนื่องจากหล่อนมักจะค้างที่นี่ในวันที่ประสงค์จะอยู่เย็น (หรือตื่นเช้า) มาใช้ห้องออกกำลังกายหรือสระว่ายน้ำอยู่เสมอ

อรกานต์หลับลึกภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่แล้วภายในอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องสะดุ้งตื่นจากเสียงโทรศัพท์ที่แผดลั่นไม่ยอมหยุด

“ฮัลโหล” หล่อนกรอกเสียงงัวเงียลงไป คิดในใจว่า ถ้ากฤตินโทรมาแกล้งล่ะก็ หล่อนด่ากลับแน่

“คุณไทร่าคะ มิสเตอร์ทานากะ ห้อง 624 โรคหัวใจกำเริบค่ะ”

“คะ?!” อดีตจิตรกรสาวตื่นเต็มตาทันที ตกใจจนแทบจะคุมสติไม่อยู่ “เรียกรถพยาบาลรึยังคะ”

“เรียกแล้วค่ะ แต่ยังมาไม่ถึง ไม่ทราบว่าจะรอดีหรือให้เอารถโรงแรมออกเลยดีคะ คุณพยาบาลบอกว่าไม่น่าไว้ใจค่ะ”

“เรียกรถไปนานรึยังคะ”

“สักพักแล้วค่ะ”

“ฉันขอให้อยู่ในดุลพินิจของคุณพยาบาลแล้วกันค่ะ ถ้าต้องใช้รถของโรงแรมก็ใช้ได้เลย ให้คุณเค้าคอยตามไปปฐมพยาบาลบนรถด้วย ไม่ต้องห่วงห้องพยาบาลทางนี้นะคะ เดี๋ยวฉันจะหาคนไปแทนให้”

“ค่ะ”

“ไม่ต้องตกใจนะคะ ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้”

หน้าห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งปรากฏร่างของสุภาพสตรีสองคนนั่งเคียงกัน

“ดีนะคะที่คุณไทร่ามาด้วย มีคนรับเป็นเจ้าของไข้ เข้าผ่าตัดได้เลย ถ้าดิฉันมาคนเดียวคงทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าตัดสินใจทำอะไร”

“บังเอิญคืนนี้ฉันค้างที่โรงแรมพอดี ไม่งั้นคงวุ่นกันยิ่งกว่านี้ คุณวิรัชก็ไม่อยู่เสียด้วย”

“ตอนดิฉันไปถึง คุณทานากะแทบจะไม่หายใจแล้ว ที่ฟร้อนต์บอกว่าแกโทรศัพท์ลงมาพูดจับใจความไม่ได้ ดีที่เกิดเอะใจ ให้คนไปเคาะประตู เห็นท่าไม่ดีถึงตามแม่บ้านมาไขกุญแจเข้าไป”

อรกานต์ถอนใจยาว “ขอให้ปลอดภัยทีเถอะ ฉันใจไม่ดีเลย”

“คุณไทร่าจะไปพักผ่อนก็ได้นะคะ ดิฉันก็ว่าจะกลับไปอยู่ที่ห้องพยาบาลเหมือนกัน เกิดใครเป็นอะไรขึ้นมาจะได้มีคนหยิบยาให้ พนักงานที่เฝ้าแทนจะหยิบถูกหยิบผิดยังไงก็ไม่รู้ ส่วนทางนี้เดี๋ยวให้เขาโทรไปแจ้งเราที่โรงแรมก็ได้ค่ะ หรือถ้าคุณห่วง จะให้พนักงานสักคนมาอยู่แทนก็ได้”

“เชิญคุณเถอะค่ะ ฉันอยากอยู่เฝ้า คนแก่คนเดียวมาต่างบ้านต่างเมือง สงสารแก”

“งั้นดิฉันกลับก่อนนะคะ”

“ค่ะ ให้รถไปส่งคุณแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมารับฉันก็ได้ ยังไม่สว่างเลย ฉันไม่อยากให้คุณกลับคนเดียว”

“ขอบคุณค่ะ” พยาบาลสาวส่งยิ้มจริงใจมาให้ รู้สึกทั้งชื่นชมและนับถือ หลานสาวท่านประธานสวยทั้งภายนอกและภายในจริงๆ

 

ตีสาม…ตีสี่…ตีห้า…ผ่านไปอย่างช้าๆ ในความรู้สึกอรกานต์ หญิงสาวนั่งหลับๆ ตื่นๆ อยู่หน้าห้องผ่าตัด จนนายแพทย์เปิดประตูห้องออกมาราวแปดโมงเช้า

“คุณเป็นญาติคนไข้หรือเปล่าครับ”

“ดิฉันรับเป็นเจ้าของไข้ค่ะ”

“พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ต้องขอให้อยู่ในห้อง I.C.U. ดูอาการสักระยะ”

“ค่ะ ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ”

หล่อนกลับโรงแรมด้วยความโล่งใจระคนอ่อนเพลียแสนสาหัส ใจหนึ่งบอกให้เข้านอนเสีย ร่างกายนี้อดนอนไม่ได้ หากอีกใจกลับบอกว่า เช้าแล้ว ได้เวลาทำงานแล้ว ไปทำงานก่อน เดี๋ยวค่อยแอบงีบตอนพักกลางวัน…แล้วฝ่ายหลังก็ชนะ…

อรกานต์กลับเข้าห้องชุด อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็มุ่งสู่ห้องทำงานของหล่อนเลย

คุณรัชนกเพิ่งมาถึง แต่ท่าทางคงจะทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว “คุณไทร่าจะพักก่อนก็ได้นะคะ หน้าซีดเชียว เดี๋ยวอีกสองชั่วโมง ดิฉันจะโทรไปปลุก”

“ไม่เป็นไรค่ะ” หล่อนตอบแค่นั้นแล้วจึงเดินเข้าห้องทำงาน จัดการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ หยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดดู เมื่อตรวจเช็ก E-mail จนเสร็จ จัดส่งไฟล์ข้อมูลที่คุณวิรัชขอไว้เรียบร้อยก็พอดีโทรศัพท์ดัง

“ไทร่าครับ เชิญที่ห้องผมหน่อยครับ”

ท่านผู้จัดการเรียกหาแต่เช้าเลยแฮะวันนี้ สงสัยจะถามเรื่องคุณทานากะ คิดได้ดังนั้น ท่านรองผู้จัดการจึงไปถึงที่หมายอย่างรวดเร็วทันใจ

ผู้อาวุโสกว่าทักทายตามมารยาทก่อนจะเข้าประเด็น “ผมพอใจในผลงานของคุณนะไทร่า งานเลี้ยงเมื่อวานลูกค้าพอใจ แขกเหรื่อพอใจ และสุดท้ายก็สามารถหารูปนั้นมาคืนเขาได้”

“ขอบคุณค่ะ”

“เดี๋ยวก่อน ผมจะบอกว่าผมไม่พอใจวิธีการทำงานของคุณ คุณเป็นผู้บริหารนะครับ ไม่ใช่แม่งาน ผู้จัดการไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นผู้ที่คอยจัดการทุกๆ อย่างด้วยตัวเอง แต่หมายถึงผู้ที่คอยจัดการบริหารให้งานราบรื่นเรียบร้อย เวดดิ้งสตูดิโอก็มี ฝ่ายสถานที่ของเราก็มี คุณแค่สั่ง แค่มอบหมายงานก็พอแล้ว”

สีหน้าเจือรอยยิ้มเจื่อนลงทันที

“เรื่องเมื่อคืนก็เหมือนกัน คุณไม่จำเป็นต้องไปเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลจนถึงเช้าก็ได้ จัดการธุระเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คนอื่นเฝ้าแทน ไม่มีใครว่าคุณใจดำหรอก”

“ค่ะ” ผู้อ่อนประสบการณ์รับคำหงอยๆ นัยน์ตาปรอย

“อย่างไรก็ตาม ผมให้คะแนนเต็มกับความตั้งใจ ความทุ่มเทของคุณและผลสำเร็จของงาน คุณทำได้ดีมากไทร่า”

นั่นแล หล่อนจึงยิ้มออกอีกครั้ง

คุณวิรัชเองก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดแต่อย่างใด หนุ่มวัยกลางคนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นการเรียกให้หล่อนมานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยกัน

“ผมได้รับข้อมูลที่คุณส่งมาให้แล้วนะ มาดูนี่ ผมจะสอน…เอ๊ะ! เครื่องเป็นอะไร”

อรกานต์นั่งมองคนข้างๆ กดปุ่มโน้นปุ่มนี้ คลิกโน่นคลิกนี่ตาปริบๆ เกิดอะไรขึ้นล่ะนี่

“สงสัยจะโดนไวรัสนะ อาการแบบนี้”

“คะ!” หล่อนร้องเสียงสูง “ไวรัสหรือคะ”

“ใช่ ไม่รู้เป็นแค่เครื่องของผมหรือเป็นกันหมด เมื่อเช้าตอนคุณส่งไฟล์มา เครื่องมีอาการแปลกๆ รึเปล่า”

“ไม่ทราบสิคะ ไม่ได้สังเกต”

“งั้นผมว่าคุณรีบไปดูเครื่องคุณก่อนดีกว่า ถ้าเป็นเหมือนกันหมด คงงานใหญ่ ผมจะได้รีบตามเจ้าหน้าที่”

แม้จะเบลอๆ จากการอดนอน หากอรกานต์ก็ตระหนักดีถึงปัญหาใหญ่ที่กำลังเผชิญหน้า หล่อนรีบรุดกลับเข้าห้องทำงาน ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วเปิดใหม่

โป๊ะเชะ! เห็นผล เครื่องของหล่อนจอดสนิท แค่บู๊ทเครื่องยังไม่มีปัญญาเลย

พอออกมาหาคุณรัชนกที่หน้าห้องก็พบว่าเลขาฯ ส่วนตัวก็กำลังต่อสู้กับคอมพิวเตอร์อยู่เหมือนกัน

อรกานต์อารมณ์พุ่งสูงปรี๊ดใกล้ปะทุจุดเดือด วันก่อนหล่อนพบกับการยกเลิกจากลูกค้าถึงสามราย เมื่อวานก็วุ่นทั้งรอบเช้า รอบเย็น แถมกลางคืนก็ไม่ได้นอนอีก ยังไม่ทันจะได้พักหายใจหายคอเลยกลับต้องมาเจอปัญหาใหญ่เบ้อเริ่มแต่เช้า หนำซ้ำยังไม่ใช่ปัญหาของหล่อนคนเดียว คุณวิรัช คุณรัชนก ก็พลอยเดือดร้อนกันทั่ว

มันจะมากไปแล้วนะ กฤติน ธนวัฒน์

ถ้าอยากให้ฉันแจ้นไปหาคุณถึงที่นักล่ะก็ ฉันก็จะแจ้นไปเดี๋ยวนี้แหละ จะไปพังธนาคารให้ถล่มทลายไปเลยคอยดู!

หญิงสาวนั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่บนรถตลอดทางที่มุ่งสู่ธนาคารศรีสยาม สำนักงานใหญ่ พอถึงที่ อารมณ์ก็เดือดได้ที่เช่นกัน

“ไม่ทราบว่าห้องทำงานของคุณกฤตินอยู่ชั้นไหนคะ”

ผู้หญิงที่เคาน์เตอร์ด้านหน้ามองหล่อนอย่างเต็มตา สายตาประเมินอยู่ในที

คงจะมีผู้หญิงมาหาบ่อยล่ะสิ และยัยคนนี้ก็คงมองหล่อนไม่ต่างจากผู้หญิงพวกนั้น

“ไม่ทราบว่านัดไว้รึเปล่าคะ”

“ไม่ได้นัดค่ะ”

“งั้นกรุณารอสักครู่นะคะ จะให้ดิฉันเรียนคุณกริชว่าใครมาขอพบคะ”

อรกานต์พยายามจะไม่กัดฟันแล้วคำรามออกมา หลังจากได้ยินน้ำเสียงที่แฝงรอยหยันลึกๆ เมื่อผู้ฟังรับทราบว่าหล่อนไม่ได้มีนัดกับชายหนุ่มเนื้อหอมผู้นี้มาก่อน

ใบหน้าขาวนวลเชิดขึ้นอย่างทะนง สะบัดผมยาวสยายไปด้านหลังอย่างจงใจไว้มาด นัยน์ตาเรียวสวยเปล่งประกายคม ดุ กล่าวตอบเสียงดังชัดเจน “ธีร์วรา ภคภัทรา”

อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากได้ยินนามสกุล รีบต่อโทรศัพท์ไปยังผู้เป็นนายทันที

“ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นยี่สิบสามนะคะ เลขาฯ คุณกริชจะรอคุณอยู่หน้าลิฟต์ค่ะ”

อรกานต์ได้รับคำตอบที่น่าพอใจ จากน้ำเสียงที่ดีขึ้นของพนักงานคนนั้น ทว่า ความรู้สึกของหล่อนไม่ได้ดีขึ้นเลย ยิ่งลิฟต์เลื่อนสูงขึ้นเท่าไหร่ หล่อนยิ่งอยากกระโจนเข้าบีบคอกฤตินมากขึ้นเท่านั้น

เพราะเขานั่นแหละที่ทำให้หล่อนต้องมาเจอกับเรื่องยุ่งๆ เรื่องบ้าๆ พวกนี้ทั้งหมด วันนี้ได้เห็นดีกันแน่

 

เลขานุการส่วนตัวของกฤตินมารอรับหล่อนที่หน้าลิฟต์และพาไปส่งถึงห้องทำงานของเขา ก่อนจะรีบขอตัวกลับออกไปอย่างรู้หน้าที่

บุคคลซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ดูสดใส หล่อเนี้ยบ แถมยังยิ้มกว้างต้อนรับหล่อนอย่างอารมณ์ดี ดวงตาคมทอดแววหยอกล้อ

ดูเถอะ ความเดือดร้อนของหล่อนคือความสดชื่นของเขา อรกานต์แปลงร่างเป็นขีปนาวุธทันที พร้อมจะถล่มคนตรงหน้าให้ยับเยิน

กฤตินมองสาวสวยตรงหน้าอย่างพึงพอใจ แม้หล่อนจะยืนจังก้า แยกปลายขาเล็กน้อยพร้อมกำหมัดหลวมๆ ข้างลำตัว ท่าทางเอาเรื่องเต็มที่ ขัดกับเสื้อยืดแขนยาวปลายบานสีม่วงพาสเทลหวานกับกระโปรงสีครีมดูน่ารักน่าทะนุถนอม แม้ใบหน้านั้นจะปราศจากเครื่องสำอางใดๆ หากผิวแก้มก็แดงระเรื่อจากความโกรธและริมฝีปากก็เป็นสีจัดตามธรรมชาติจากการที่เจ้าตัวนั่งกัดมาตลอดทาง ภาพที่เห็นจึงเป็นภาพที่น่ามอง

เขาคาดอยู่แล้วว่าหล่อนจะต้องมาพร้อมความโกรธ แต่ไม่คิดเลยว่าจะโกรธขนาดนี้

ตายล่ะซี

ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยปากทักทายใดๆ ผู้มาเยือนก็เปิดฉากด้วยน้ำเสียงโกรธจัด “คุณกฤติน ธนวัฒน์ คุณมัน…งี่เง่า…ทุเรศ…แย่มาก…เลวร้ายที่สุด!”

“อะไรกันไทร่า มาถึงยังไม่ทันทักทายกันดีๆ เลย ด่าเอาๆ”

“ฉันไม่มีอารมณ์จะมาทักทายดีๆ กับคุณ เมื่อวันก่อนมีลูกค้าแคนเซิลฉันสามรายซ้อน เมื่อวานเช้าก็เชฟหยุดงาน ตอนเย็นก็มีปัญหาที่งานแต่ง เมื่อคืนฉันก็ไม่ได้นอนทั้งคืน เช้านี้ยังมาเจอปัญหาเครื่องคอมพิวเตอร์อีก มันจะมากไปแล้วนะคุณกริช คอมพิวเตอร์มันเป็นระบบเน็ตเวิร์ก คุณมาป่วนแบบนี้ คุณวิรัชก็ทำงานไม่ได้ คุณนกก็ทำงานไม่ได้ ฉันยิ่งทำงานไม่ได้ โดยเฉพาะกับการต้องมาตามล้างตามเช็ดปัญหาสารพัดที่คุณจัดหามาให้ คุณเข้าใจมั้ย…ฉันทำงานไม่ได้เลย!”

หล่อนเว้นช่วง หยุดหอบหายใจ ดวงตาคุโชน

“เดี๋ยวก่อน คอมพิวเตอร์อะไรกันไทร่า คอมพิวเตอร์คุณเป็นอะไร”

“คุณไม่ต้องมาทำเป็นไก๋ ทำอะไรไว้ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจ ฉันไม่จำเป็นจะต้องมาเสียเวลาอธิบายอะไรต่อมิอะไรยืดยาวให้คุณฟัง คุณจำไว้เลยนะคุณกริช ไม่มีวันที่ฉันจะยอมขึ้นเตียงกับคุณ ไม่มีวันที่ฉันจะวิ่งโร่คอยตามคุณเหมือนใครต่อใครที่คุณเคยเจอมา ถ้าคุณคิดว่าการตามรับตามส่ง คอยดูแลเอาใจใส่ฉันตลอดสามเดือนที่ผ่านมา เป็นการลงทุนที่คุณจะได้ฉันไปอยู่บนเตียงคุณล่ะก็ คุณคิดผิด และถ้าคุณคิดว่าการคอยกวนคอยป่วน คอยแกล้งฉันสารพัดจะทำให้ฉันรีบวิ่งแจ้นเข้ามาเสนอข้อตกลงที่จะทำให้คุณพอใจล่ะก็ คุณคิดผิดอีกเหมือนกัน ผิดถนัด…ผิดมาก”

หล่อนหยุดหอบหายใจอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็รีบตวาดต่อไปก่อนที่กฤตินจะขัดคำใดขึ้นมา

“จะบอกให้นะ ทางเดียวที่คุณจะได้ตัวฉัน คุณจะต้องลงทุนมากกว่านี้อีกล้านเท่า คุณจะต้องจ่ายด้วยอิสรภาพของคุณ ชีวิตโสดของคุณ นามสกุลของคุณ และสิทธิทุกอย่างที่คนนามสกุลธนวัฒน์พึงมี ถ้าคุณจ่ายตามนี้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันไม่ใช่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวของใคร และฉันก็จะไม่เป็นฝ่ายตั้งรับกับปัญหานานาชนิดที่คุณจัดหามาให้ตลอดไปด้วย แกล้งฉันมากเข้า ฉันจะโต้กลับคุณบ้าง คอยดูสิ”

“ตกลง”

หญิงสาวกะพริบตาสองที อ้าปากค้าง งับเอาอากาศไว้หายใจ ก่อนถาม “ตกลงอะไร”

“ตกลง ผมจะจ่ายด้วยชีวิตโสดของผม นามสกุลของผมไง”

“คุณกริช!” ทีนี้หล่อนถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปอีกสิบวินาทีเต็มๆ

“คุณบ้าไปแล้วคุณกริช รู้รึเปล่าว่าคุณพูดอะไรออกมา”

“ก็คุณพูดถึงอะไรล่ะ ผมก็หมายความตามนั้นแหละ”

“การจ่ายด้วยชีวิตโสดของคุณ มันหมายถึงว่าจะต้องมีการแต่งงาน” หญิงสาวอุตส่าห์อธิบายราวกับกลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ

กฤตินยิ้มมุมปาก “แต่งก็แต่ง”

“คุณจะมาแต่งก็แต่งอย่างนี้ไม่ได้นะ ฉันเป็นลูกมีพ่อมีแม่ จะต้องมีการสู่ขอตามประเพณี มีการจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย มีสินสอดทองหมั้นในจำนวนที่สมหน้าตาสมฐานะพ่อแม่ฉัน และบอกไว้ก่อนเลยว่าจะไม่มีการคืนสินสอดแม้แต่สลึงเดียว”

“โอเค” เขาตอบรับสบายๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ทำเอาหล่อนชักรน

“นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะคุณกริช ไม่ใช่นึกจะแต่งก็แต่ง นึกจะเลิกก็เลิก พอคุณใช้ฉันจนเบื่อแล้วจะมาหย่าทีหลังไม่ได้นะ อย่างน้อยๆ ก็ต้องอยู่กันห้าปีขึ้นไป ไม่ให้ใครๆ เค้าไปนินทากันได้ว่าอยู่กันก้นหม้อข้าวยังไม่ทันดำ ก็ไปไม่รอดแล้ว”

“ไม่หย่าก่อนห้าปีแน่นอน”

“แล้วอย่าคิดนะว่าเป็นผู้ชายแล้วจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ จะไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยที่ไหนก็ได้ ฉันไม่ยอมให้ใครมาพูดทั้งต่อหน้าและลับหลังได้หรอกว่าเป็นแค่ภรรยาตามกฎหมายไว้คอยประดับบารมีคุณเท่านั้น”

ฝ่ายชายยังคงมีรอยยิ้มประดับในใบหน้า กล่าวเสียงเรื่อยๆ “ใครมันเอาคุณไว้ประดับบารมีเฉยๆ ก็โง่ตายชัก”

“คุณ!!”

ระหว่างที่หล่อนกำลังสรรหาคำด่าคำต่อไป กฤตินก็รีบแทรก “สัญญาเลยเอ้า ว่าคุณจะได้ตำแหน่งภรรยา คำเดียวเน้นๆ ไม่ใช่ภรรยาหลวงหรือภรรยาน้อยแน่นอน แถมยังจะไม่ไปมีกุ๊กๆ กิ๊กๆ ที่ไหนให้คุณระคายใจด้วย”

“บ้า!”

“บ้าอะไรอีกเล่า”

“ใครจะไปเป็นภรรยาคุณ บ้ากันไปใหญ่แล้ว ฉันจะมาบอกให้คุณเลิกยุ่งกับฉัน ไม่ใช่ให้คุณมาแต่งงานกับฉัน บ้า! บ้าที่สุดเลย! ฉันกลับดีกว่า พูดกับคุณ ยิ่งพูดยิ่งหลงประเด็น”

ว่าแล้วก็สะบัดหน้าพรืดจนผมสยายเต็มแผ่นหลัง จ้ำพรวดๆ มุ่งสู่ประตูห้องทันที

“เฮ้ย! เดี๋ยว!” กฤตินอุทานเสียงดัง ถลันลุกจากเก้าอี้ รีบสาวเท้ายาวๆ ตามไปรวบตัวหล่อนได้กลางทางพอดี

ขำก็ขำ โมโหก็โมโห ผู้หญิงอะไรมาถึงก็โวยวายอย่างเดียว แถมพอรู้ตัวว่าพลาด เผลอหยิบยื่นโอกาสทองให้เขาเข้าแล้ว กลับมาโยนความผิดให้เขาแล้วตัวเองก็เผ่นทันที

แบบนี้มันน่า…นัก

อรกานต์ต่อสู้ดิ้นรนสุดชีวิต พยายามบิดกายออกห่างพร้อมกับแกะมือใหญ่ยาวให้หลุดออกจากลำตัว แต่ยิ่งดิ้นยิ่งถูกลำแขนแข็งปานเหล็กกล้ารัดแน่น ทรวงอกบดเบียดกับแผงอกกำยำ ผลักไสเท่าไหร่ก็เหมือนผลักกำแพงอิฐ ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อน

ผู้ที่มีพละกำลังเหนือกว่าจึงถือวิสาสะกึ่งอุ้มกึ่งดันจนหญิงสาวมาหยุดยืนอยู่ในจุดที่ต้องการ นั่นคือสะโพกของหล่อนอยู่ชิดกับโต๊ะทำงานของเขาโดยมีต้นขาของเขาเบียดชิดติดหน้าขาของหล่อน แขนของเขาโอบรัดไว้แน่นรอบเอวบาง เรียกได้ว่าโดยกายภาพแล้ว หล่อนหมดทางสู้โดยสิ้นเชิง

อดีตทอมบอยสาวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เคยคลุกคลีอยู่กับเพื่อนผู้ชายเป็นฝูง แต่ไม่เคยถูกใครจู่โจมในระยะประชิดแบบนี้ ยิ่งผู้ชายคนนี้ ขนาดยืนคุยกันห่างเป็นวา สายตาของเขาก็สามารถหลอมละลายหล่อนได้แล้ว ไม่ต้องมายืนติดชนิดแนบเนื้อแบบนี้หรอก

ลางแพ้มาเห็นๆ ทั้งจากจุดยุทธศาสตร์และโดยสรีระ ตำแหน่งที่หล่อนยืนอยู่ถูกปิดล้อมแน่นหนา ร่างกายที่สูงโปร่งไม่อาจช่วยอะไรได้เลย ก็เขาสูงกว่าตั้งเยอะ ไซส์ยุโรปเชียวล่ะ สูงใหญ่กำยำสมกับที่เคยเป็นนักกีฬาเสียด้วย

กระนั้น หล่อนก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ยังคงดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนแข็งแรง และยังคงถลึงตาใส่เขาอย่างเดือดดาล “ปล่อยนะคุณกริช คุณจะมารัดฉันไว้อย่างนี้ไม่ได้นะ ปล่อย!”

“ทำไมจะไม่ได้ ตอนนี้ตำแหน่งของผมเลื่อนขั้นจากเพื่อนธรรมดาๆ มาเป็นว่าที่สามีแล้วนะ”

“บ้า ใครเป็นว่าที่สามีใคร พูดให้มันดีๆ นะคุณ”

“อะไรกันคุณ คิดจะเบี้ยวซึ่งๆ หน้าอย่างนี้เลยเหรอ คุณมายื่นข้อเสนอ พอผมตกลงเซ็นสัญญายอมรับกฎกติกามารยาททุกอย่างเรียบร้อย คุณก็มาเบี้ยวหน้าตาเฉยอย่างนี้ ผมเรียกร้องค่าเสียหายนะจะบอกให้”

“คุณไปเสียหายอะไรตรงไหน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งความด้วย”

“แจ้งความ? ลืมอะไรไปรึเปล่าไทร่า คุณเป็นฝ่ายมาหาผมถึงที่นี่ ใครๆ เค้าก็คิดว่าคุณเต็มใจทั้งนั้นแหละ ผมว่าคุณหยุดดิ้นดีกว่าน่า”

อรกานต์หยุดกึก เห็นจริงตามคำกล่าวของเขาทุกคำ คิดแล้วมันน่าโมโหจริงๆ หล่อนจนมุมทุกทางเลย อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ ยิ่งคิดยิ่งโมโหจนน้ำตาคลอ

ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงร่างที่ยืนแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าขาวนวลก้มต่ำ ขบริมฝีปากล่างแน่น

“ไม่เอาน่าไทร่า ตกลงเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้ว คุณก็โอเคตามนั้นก็หมดเรื่อง”

“ปล่อยฉัน ฉันจะกลับ” หล่อนเอ่ยเสียงสั่น พยายามเบี่ยงกายออกห่างจากร่างสูงใหญ่ซึ่งก็ไม่เป็นผลสำเร็จเลยแม้แต่น้อย

“ไม่แน่จริงนี่นา ส่งสารท้ารบมา แล้วก็วิ่งหนี แน่จริงก็อย่าหนีซี่คนเก่ง กลัวอะไรเล่า” น้ำเสียงเย้ยหยันชัดเจนส่งผลให้คนฟังเงยหน้าขวับ ดวงตาวาววาบ ในหัวก้องแต่คำว่า ‘ไม่แน่จริง’

หากนิลยาอยู่ด้วยคงได้ลากคอหล่อนหลบออกจากตรงนี้ทันทีที่มีคำว่า ‘ไม่แน่จริง’ ดังขึ้น เนื่องจากอรกานต์เป็นโรคแพ้คำนี้ หล่อนเคยมีเรื่องชกต่อยกับเด็กนักเรียนชายแถวบ้านมาแล้ว และหวุดหวิดจะตีรันฟันแทงกับชาวบ้านเค้าอีกหลายครั้งก็เพราะไอ้คำว่าไม่แน่จริงนี่แหละ

นี่คือข้อมูลที่กฤตินไม่รู้ ซึ่งส่งผลให้เขาจุดไฟในอารมณ์ของหล่อนได้ตรงจุดพอดี

“ใครว่าฉันไม่แน่จริง คนอย่างฉันรบเป็นรบ ลุยเป็นลุย”

“แล้วแต่งงาน?”

“คุณกล้าแต่ง ฉันก็กล้าแต่ง ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไร”

ชายหนุ่มยิ้มกว้าง “งั้นตกลงตามนี้ เย็นนี้ผมจะบอกให้แม่เตรียมตัวไปขอคุณเลย”

อรกานต์ตัวแข็งทื่อ เพิ่งรู้ตัวว่าพลาดอีกแล้ว คราวนี้หล่อนพูดเองเต็มๆ คำเลย ‘คุณกล้าแต่ง ฉันก็กล้าแต่ง’ ตายแน่งานนี้ ชีวิตทั้งชีวิตต้องถูกเอามาเดิมพันเพราะคำพูดพล่อยๆ ของหล่อนประโยคเดียว อารมณ์ชั่ววูบแท้ๆ

หญิงสาวพยายามรวบรวมพละกำลัง ผลักกำแพงอิฐให้ออกห่างจากร่างอีกครั้ง “ปะ…ปล่อยได้แล้วคุณกริช ตกลงกันเรียบร้อยแล้วนี่”

“ก็ผมยังไม่อยากปล่อยนี่”

คนถูกกอดรัดหน้ามุ่ย ออกแรงผลักไสหนักขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไม่สำเร็จยิ่งโมโห ลงท้ายก็กลายเป็นการดิ้นรนที่ดุเดือด

ฝ่ายชายพยายามละมุนละม่อม แต่เมื่อเจอฤทธิ์เดชนางแมวป่า ทั้งข่วนทั้งตะกุยมากเข้า เขาก็จัดการใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด แขนทั้งสองข้างของหล่อนถูกจับไพล่หลัง ลำตัวเอนหงายแนบขนาบไปกับโต๊ะไม้ตัวใหญ่ ตรึงไว้ด้วยน้ำหนักตัวของเขา หมดสิทธิดิ้นรน ไร้หนทางขยับเขยื้อน

“ทุเรศมากคุณกริช คุณใช้กำลังกับผู้หญิงไม่มีทางสู้ ฉวยโอกาส…”

คำถัดไปหยุดอยู่แค่ในลำคอ ห้องทั้งห้องเงียบกริบเมื่อกฤตินโน้มใบหน้าเข้ามาจนใกล้ แนบสันจมูกลงข้างโหนกแก้ม พูดเสียงแผ่วเบาใส่ข้างหู “พูดต่อให้จบสิ”

ริมฝีปากได้รูปปิดสนิท ไม่มีคำใดออกมาแม้เพียงพยางค์เดียว

ขณะนี้มีเพียงเสียงลมหายใจกระท่อนกระแท่นกับสายตาที่จ้องเขม็งมาทางเขาเท่านั้น กฤตินจึงกล่าวต่อไปด้วยเสียงห้าวต่ำ ข่มขู่อยู่ในที “ผมจะบอกอะไรให้นะ ข้อหนึ่ง ห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียง เพราะผมเป็นคนชอบความเงียบสงบเวลาทำงาน และบางทีผมก็ใช้ห้องนี้เป็นห้องรับแขกหรือห้องประชุมย่อยด้วย โซฟาชุดใหญ่ที่มุมห้องนั่นเป็นหลักฐานได้ เห็นมั้ย”

อรกานต์เหลือบตามองโซฟาชุดใหญ่ที่พอจะนั่งได้ราวสิบคนแล้วพยักหน้า เขาจึงไม่รอช้ากล่าวต่อทันที

“ข้อสองก็คือ เมื่อตอนที่คุณมาถึง เลขาฯ ของผมได้ช่วยล็อกประตูห้องนี้ไว้เรียบร้อยและยังรับหน้าที่ช่วยขจัดสิ่งกีดขวางทุกประการที่จะมารบกวน โทรศัพท์ทุกสายจะได้รับการบอกให้ฝากข้อความไว้ แม้พี่สาวผมจะมาหาถึงที่ก็จะได้รับคำบอกกล่าวอย่างสุภาพว่าอย่ารบกวน”

ความปั่นป่วนในช่องท้องเริ่มก่อตัวขึ้น เมื่อหล่อนเริ่มตระหนักถึงสิ่งที่เขากำลังชี้แจง

ชายหนุ่มยังคงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงโทนเดิม “ดังนั้น…ข้อสาม กรุณาอย่าทำให้ผมโมโหจัดหรือบังคับตัวเองไม่อยู่ เพราะผมสามารถจัดการกับคุณได้อย่างสบายๆ ไม่ว่าจะเป็นบนโต๊ะนี่ บนพื้น หรือจะที่โซฟานั่น”

อรกานต์กลืนน้ำลายเอื้อก

“เข้าใจมั้ยครับ”

หล่อนรีบพยักหน้า หากนัยน์ตายังหลุกหลิก สอดส่ายหาจังหวะหนี

“จะลองดูก็ได้นะ ไทร่า”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงเบาทว่าเด็ดขาดดังมาพร้อมแววตาท้าทายแล้ว คนเคยกล้าเคยเก่งก็ชักหวาดขึ้นมาจริงๆ เหมือนกัน หญิงสาวหันมายิ้มสั่นๆ ทำใจดีสู้เสือ “คุณช่วยขยับหน่อยได้มั้ยคะ กดลงมาทั้งตัวแบบนี้ ฉันเจ็บหลัง”

กฤตินถอนหายใจยาว ปรับเปลี่ยนท่าให้หล่อนได้กลับมายืนตรง และครั้งนี้ ร่างระหงยืนสงบนิ่งอยู่ในวงแขน ไม่กล้าแผลงฤทธิ์ใดๆ อีกต่อไป

จัดว่าคำขู่ได้ผลชะงัด ดวงตาคมปลาบมองสำรวจไปทั่วใบหน้าเนียนเกลี้ยงเกลาซึ่งกำลังก้มนิ่งจนคางติดลำคอ จมูกสูดกลิ่นหอมรวยรินจากเรือนผม ก่อนจะจรดสันจมูกลงที่โหนกแก้ม

เป็นความบังเอิญที่โชคดี วันนี้ใบหน้านวลมีเพียงแป้งฝุ่นหอมเคลือบอยู่บางเบา ไม่มีกลิ่นเครื่องสำอางใดๆ มาทำให้ระคายเคือง

หล่อนเอียงคอเล็กน้อยทำท่าจะหลบ แต่ก็หยุดชะงัก ไม่กล้าขยับ เมื่อเขาส่งเสียงกระแอมเตือน

ตอนนี้ผิวแก้มผ่องกลายเป็นสีแดงสุก เจ้าตัวรู้สึกร้อนผะผ่าวไปทั่วใบหน้า พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นเมื่อกล่าว “พะ…พอแล้วค่ะ คุณกริช มะ…มีธุระอะไร ก็…พูดมาสิคะ”

“แล้วคุณจะคุยกับผมดีๆ นะ”

“ค่ะ”

“ไม่ชวนทะเลาะนะ”

“ค่ะ”

เจ้าของสถานที่อารมณ์ดีขึ้นผิดหูผิดตา รั้งร่างบางเข้าแนบลำตัว บังคับให้เดินเคียงคู่กันไปก่อนจะทรุดลงนั่งที่โซฟาอ่อนนุ่มตัวใหญ่

ฝ่ายหญิงนั่งตัวเกร็งจะแกะมือใหญ่ที่เกาะกุมอยู่ที่สะโพกออกก็ไม่กล้า ท้องไส้เหมือนมีทอร์นาโดก่อตัวปั่นป่วน หัวใจเต้นระรัวยิ่งกว่ากลองมโหระทึก สันจมูกของเขาแตะอยู่ข้างขมับแต่หล่อนร้อนวาบไปถึงลำคอราวกับอยู่ในเตาอบ จะเอียงหน้าหลบก็ไม่กล้าอีก

เกิดเขาบ้าทำจริงตามคำขู่ขึ้นมา หล่อนก็แย่ ซี้แหงพอดีสิ

กฤตินรู้สึกดีจนบอกไม่ถูก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าธีร์วรา ภคภัทราจะมีท่าทีเอียงอายไร้เดียงสาได้น่ารักน่าชังขนาดนี้

“คุณกริช” หล่อนเรียกเสียงเบา “มีธุระอะไรก็พูดมาสิคะ ฉันต้องรีบกลับไปทำงานนะ”

กฤตินยิ้มขำที่เสียงของหล่อนยังหอบสั่น และยังมีการถอนใจเบาๆ อย่างโล่งอกเมื่อเขาเลื่อนใบหน้าออกห่างด้วย เสียงทุ้มนุ่มจึงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “วันนี้คุณมาหาผมทำไม ฮึ จะมาอาละวาดเรื่องอะไร”

“เรื่องคอมพิวเตอร์ สงสัยจะโดนไวรัส พอดีตอนเช้าฉันเพิ่งส่งไฟล์ไปให้คุณวิรัชกับคุณรัชนกด้วย เลยทำงานไม่ได้กันหมด”

“คุณเลยโมโหผม กะจะมาถล่มผมถึงที่”

หญิงสาวพยักหน้า

“ผมไม่ได้ทำนะไทร่า เรื่องคอมพิวเตอร์นี่ผมไม่รู้เรื่อง”

“ก็ฉันไม่รู้ เรื่องไหนๆ ก็ฝีมือคุณทั้งนั้น ฉันก็เลยคิดว่าคุณแกล้งฉันอีก เมื่อคืนฉันก็แทบไม่ได้นอน ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย อารมณ์ก็เลยเสียง่าย ถ้าคุณไม่ได้ทำจริงๆ ก็ขอโทษด้วยที่มากล่าวหา ฉันกลับล่ะ”

จบคำก็ขยับตัวลุกขึ้น ทำให้ข้อแข็งๆ ต้องรีบออกแรงตวัดร่างบางให้กลับลงนั่งอิงแอบอกกว้างอีกครั้ง

“ผมยังไม่ให้คุณกลับ อย่าได้ลุกพรวดพราดอย่างนี้อีกเป็นอันขาดเชียว” เสียงแหบต่ำเอาเรื่อง จนคนฟังไม่กล้าจะกระดุกกระดิกแม้เพียงนิด

เมื่อเห็นคู่กรณีนิ่งดีแล้ว กฤตินจึงถามต่อ “แล้วทำไมคุณถึงไม่ได้นอน เมื่อวานงานเลี้ยงเลิกไม่ดึกซะหน่อย รูปนั้นผมก็เอาไปคืนให้แล้วนี่”

อรกานต์ถอนใจ ตัวต้นเหตุอยู่ตรงนี้จริงๆ ด้วย แทงหวยยังไม่ถูกอย่างนี้

“มิสเตอร์ทานากะ ชาวญี่ปุ่น อายุหกสิบเอ็ดปี เดินทางคนเดียว เกิดอาการโรคหัวใจกำเริบขึ้นมาเมื่อตอนตีสอง ต้องเข้าห้องผ่าตัดด่วน”

“นี่คุณคงไม่คิดว่าผมจะเป็นคนทำตานี่หัวใจวายหรอกนะ”

หล่อนยิ้มน้อยๆ “ไม่หรอกค่ะ แต่ฉันนั่งหลับๆ ตื่นๆ อยู่หน้าห้องผ่าตัดจนถึงแปดโมงเช้า เหนื่อยมาก เพลียมาก แล้วก็ง่วงมากด้วย มาเจอไวรัสคอมพิวเตอร์เข้า เลยฟิวส์ขาด”

“ผมไม่รู้ไม่เห็นจริงๆ นะ คุณเชื่อผมมั้ย”

เมื่อไม่มีคำตอบรับหรือปฏิเสธอันใด เขาจึงอธิบาย “ห้องทำงานของคุณเป็นเขตภายใน ปิดล็อกตั้งแต่สองทุ่ม ผมเฝ้าคุณอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงถึงสามทุ่มครึ่ง แล้วจะแวบไปห้องนั้นได้ยังไง จริงมั้ย”

อรกานต์พยักหน้า

“บางทีไวรัสอาจจะมากับ e-mail ก็ได้ วันนี้คุณได้เช็กเมลรึเปล่า”

“เช็ก แต่ฉันคิดว่าเครื่องมันแค่ทำงานช้ากว่าปกติเท่านั้น”

“นั่นไง เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมให้เจ้าหน้าที่ดูแลระบบของธนาคารไปช่วยดูให้ดีมั้ย”

“ไม่เป็นไรค่ะเกรงใจ ป่านนี้คุณวิรัชคงเรียกคนมาจัดการแล้ว”

“ให้ไปช่วยกันอีกคน เผื่อมันจะเร็วขึ้น”

“เอางั้นหรือคะ”

“อืม”

“ก็ได้ค่ะ”

“งั้นก็ถือว่าเข้าใจกันดีแล้ว ไม่โกรธผมแล้วใช่มั้ย”

“อืม”

จบคำ สันจมูกโด่งก็จรดลงข้างแก้มนวล หอมฟอดใหญ่ “ชื่นใจจริง พูดง่ายๆ อย่างนี้ น่ารัก”

คนถูกหอมยกมือขึ้นปิดแก้ม เบิกตากว้างอย่างตกใจ พยายามเบี่ยงกายออกห่างอีกครั้ง

“อย่าเชียวนะ คราวนี้ผมล้มตัวคุณลงนอนจริงๆ ด้วย”

อรกานต์แข็งเป็นหินทันที

“เดี๋ยวผมจะโทรเรียกเจ้าหน้าที่ให้เขาติดรถโรงแรมกลับไป ส่วนคุณ เดี๋ยวไปรถผม ผมไปส่ง”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปกับรถโรงแรมได้”

“เถอะน่า ผมอยากไปส่ง แล้วเดี๋ยวจะอยู่ทานกลางวันกับคุณด้วย ได้เลื่อนขั้นเป็นว่าที่สามีทั้งทีต้องใช้สิทธิให้คุ้มหน่อย”

“เตรียมตัวคอยจัดการกับสลิปบัตรเครดิตของฉันให้ดีเถอะ แล้วจะรู้ว่าคุ้มแค่ไหน” หล่อนขู่ฟ่อ กระซิบด้วยเสียงลอดไรฟัน หากเขายังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดี

“รับทราบครับผม”

ดูเถอะ กฤตินบอกตนเอง เขากำลังจะสูญเสียอิสรภาพ สูญเสียชีวิตโสด ไหนจะต้องเสียค่าสินสอดทองหมั้นอีกหนักเอาการ แถมยังจะต้องคอยตามสะสางสลิปบัตรเครดิตอีก แต่ไม่รู้เป็นไง เขากำลังมีความสุขสุขมากจนสุดจะบรรยาย

ตอนที่ 5

“หา?!” เสียงนิลยาเพื่อนรักอุทานดังลั่นมาตามสาย “เอาจริงดิ ตกลงแต่งแน่หรอ ไหนว่าคุณแม่ของคุณกริชเค้าไม่อยากได้ผู้หญิงประวัติไม่ดีไปเป็นลูกสะใภ้ไง”

“ก็ใช่ แต่ไม่รู้ว่าคุณกริชทำยังไง แม่เค้ากับแม่ฉันเกี่ยวก้อยกันเข้าวัดให้หลวงพ่อหาฤกษ์หายามไว้เรียบร้อยแล้ว”

อีกฝ่ายส่งเสียงหัวเราะหึๆ มาตามสาย “ดิ้นไม่หลุดแน่ไอ้อ้อ คราวนี้…แต่ก็แอบดีใจใช่ม้า”

“บ้า! ไอ้บ้านิล ใครมันจะไปดีใจ อย่างนี้เค้าเรียกว่าถูกมัดมือชกนะโว้ย”

“แกก็ยอมให้เค้ามัดนี่หว่า ยอมรับมาซะดีๆ”

“ไม่พูดกับแกแล้ว”

“แหมๆๆ ทำมาเขิน”

“ไม่ได้เขินซะหน่อย” ดีนะที่ตัวของคู่สนทนาอยู่ถึงหัวหิน จึงไม่ได้เห็นผิวแก้มแดงจัดของคนพูดในขณะนี้

“แล้วตกลงแกจะแต่งเมื่อไหร่”

“เห็นคุณกริชบอกว่าอีกสามเดือน”

“เร็วเหมือนกันนะ”

“อืม”

“ระหว่างนี้ถ้าแกโนเค ก็ชิ่งได้นะเฟ้ย ยังพอมีเวลา”

“จะไปชิ่งตอนไหน สองอาทิตย์มานี่พ่อเจ้าประคุณเช้าถึงเย็นถึง ติดหนับขยับไม่ได้เลย ขนาดฉันเลี่ยงไม่ไปกินข้าวเย็นด้วย บอกว่าจะเล่นฟิตเนส พี่แกยังหอบเสื้อผ้าตามเข้ามาเล่นด้วยเลย”

“คู่ปรับสมน้ำสมเนื้อดีนี่ สมกับแกดี ฉันว่า”

อรกานต์เบ้ปากเล็กน้อยก่อนโวยวายต่อ “วันนี้ยิ่งแย่ใหญ่ ฉันเผลอหลุดปากไปว่าจะว่ายน้ำ คุณท่านเลยจะมาว่ายด้วย”

“ว้าว!” อีกฝ่ายทำเสียงตื่นเต้นระคนขำอย่างปิดไม่มิด

“ไม่ต้องมาว้าว ฉันซีเรียสนะโว้ย กลุ้มจะตายอยู่แล้ว ไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงยังไง”

เสียงหัวเราะหึๆ ดังมาอีกครั้ง “ไม่เห็นต้องกลุ้มเลย ส่วนโค้งส่วนเว้า ส่วนนูนส่วนแบนของแกมันเพอร์เฟ็กต์อยู่แล้ว โชว์ได้สบาย แถมยังขาวนวลชวนมองอีกต่างหาก อย่าห่วงไปเลยเพื่อน”

“ไอ้นิล ไอ้ทุเรศ ลามก”

คนถูกด่าหัวเราะร่า “ลองเค้าต้อนแกได้จนมุม เลี่ยงไม่ได้ ต้องยอมใส่ชุดว่ายน้ำลงสระด้วยอย่างนี้ แปลว่าแน่จริง เผลอๆ อาจจะเป็นตัวจริงก็ได้ คุณสมบัติก็ดีพร้อม ไม่มีอะไรเสียหาย”

“สรุปว่าแกเข้าข้างเค้า”

“ก็ฟังดูแล้วมันน่าเชียร์นี่”

“งั้นฉันไม่คุยกับแกแล้ว รีบวางดีกว่า ใกล้เวลาที่คุณกริชจะโผล่มาแล้วด้วย”

นิลยายังส่งเสียงหัวเราะขำตามมา ก่อนจะกล่าวลาแล้ววางสาย

อรกานต์ก็วางสายพลางถอนหายใจยาว

นี่ขนาดยังไม่รู้นะว่าหล่อนโดนจูบแล้วเมื่อวานนี้ ถ้าได้รู้ว่าหล่อนคอพับคออ่อน ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า หมดเรี่ยวหมดแรงขนาดไหนตอนถูกกฤตินริบเอาจูบแรกในชีวิตไป มีหวังได้โดนหัวเราะเยาะมากกว่านี้แน่

“เฮ้ยไอ้กริช! ได้ข่าวว่าได้ฤกษ์แต่งแล้วเหรอ เอาแน่เหรอวะ ไม่เปลี่ยนใจแน่หรือ” เสียงทินกรทักทายดังลั่นมาตามสาย ทำเอาคนที่กำลังนั่งฝันถึงเหตุการณ์ในความทรงจำอันแสนสุขมีความสุขลดลงกว่าครึ่ง

“ถามอะไรให้มันสร้างสรรค์กว่านี้ไม่ได้หรือไงวะ กว่าจะเค้นเจ้าตัวจนยอม กว่าจะอ้อนแม่จนสำเร็จ จะให้เปลี่ยนใจหาพระแสงอะไร” ตอบกลับเสียงขุ่น แต่ใจก็ยังกระหวัดถึงเมื่อวาน ยามที่ริมฝีปากของเขาทาบทับประกบลงบนกลีบกุหลาบหอมกรุ่น ใช้ลิ้นลิ้มลองรสชาติหวานละมุน และกิ่งก้านที่อยู่ในวงแขนก็อ่อนระทวย สั่นเป็นลูกนกทีเดียว คิดแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ จากคนที่กำลังเถียงฉอดๆ สรรหาเหตุผลนับร้อยมาสาธยายไม่ให้เขามาว่ายน้ำกับหล่อน กลับกลายเป็นคนใบ้นิ่งสนิท ใบหน้าแดงก่ำ ทำอะไรไม่ถูก แม้แต่จะยืนยังต้องเกาะแขนเขาไว้เพื่อทรงตัวเลย

“เฮ้ยๆๆ ยังฟังอยู่รึเปล่าวะ ถามทำไมไม่ตอบ”

“แกถามอะไรนะ ไม่ทันฟัง”

“ฉันถามว่าแกรักเค้าเหรอ ถ้าไม่ได้รักก็ไม่ต้องแต่งก็ได้”

“ฉันจะแต่ง รักไม่รัก แกไม่ต้องมายุ่ง”

“เห็นเป็นเพื่อนกันนะเว้ยไอ้กริช เลยอยากเตือน ไทร่าประวัติเป็นยังไง ก็รู้ๆ กันอยู่ ฉันอยากให้แกได้คนที่ดีกว่านี้ คนที่สะอาด บริสุทธิ์ผุดผ่อง”

กฤตินมโนภาพไปยังสีหน้าตื่นตระหนก ดวงตาลอยคว้าง และร่างบางอันสั่นเทาในอ้อมแขน ไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นหญิงที่ผ่านมือชายมาแล้วนับไม่ถ้วน เขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาได้พบเห็นนั้นไม่ใช่การเสแสร้ง

“ขอบใจที่เตือน แต่ฉันตัดสินใจดีแล้ว”

“ถ้าแกแน่ใจก็ตามใจแก เย็นนี้ออกมาเจอกันหน่อยมั้ย”

“ไม่ล่ะ จะไปว่ายน้ำกับไทร่า แทบจะรอไม่ไหวแล้วเนี่ย”

อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ “เป็นเอามากแฮะ กับแค่ชุดว่ายน้ำถึงกับจะรอไม่ไหวเชียวรึ”

ไม่อยากไปเถียงกับมัน เมื่อวานเพิ่งได้มาหนึ่งจูบ วันนี้จะได้ประชิดตัวในชุดว่ายน้ำ ต่อความยาวสาวความยืดกับไอ้เพื่อนคนนี้ เดี๋ยวดีกรีความสุขของเขาจะลดลงไปเปล่าๆ

“แค่นี้นะโว้ย จะไปหาไทร่าแล้ว ขี้เกียจคุยกับแก ไอ้ตัวก่อกวน”

“เออ หวัดดี”

 

แล้ววันนี้ก็มาถึงจนได้

อรกานต์ตื่นแต่เช้ามืดเพื่อแต่งหน้าและทำผม พิธียกน้ำชาแบบจีนถูกจัดขึ้นในตอนเช้า พิธีรดน้ำสังข์ในตอนสาย และมีงานเลี้ยงในตอนหัวค่ำ จัดว่าเป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยเอาการ

นิลยามาอยู่กับหล่อนตั้งแต่เมื่อวานเย็น นั่งเล่นนอนเล่นคุยกันจนอิ่ม เข้านอนพร้อมกันและตื่นนอนพร้อมกัน หากเมื่อเพื่อนแสดงความยินดีกับหล่อนเป็นคนแรกแล้ว ก็ขอตัวกลับหัวหินทันที

‘ในพิธีกับในงานเลี้ยงเค้ามีแต่แขกผู้มีเกียรติ คนใหญ่คนโตทั้งนั้น ฉันอยู่ไม่ได้หรอก ยังไงก็ขอยินดีกับแกตรงนี้เลยแล้วกัน’

หล่อนเข้าใจดีจึงไม่ได้ทักท้วงอะไร ผู้คนในบ้านทุกคนตั้งแต่หนูแดงต้นห้องประจำตัวไปจนถึงฝ่ายในครัว คนสวน คนขับรถ ล้วนมาแสดงความยินดีก่อนงานพิธีจะเริ่มทั้งนั้น

อย่างน้อยหล่อนก็ตื้นตันกับความยินดีที่ทุกคนมีให้

ในงานเลี้ยงยิ่งใหญ่หรูหรา ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติของหล่อนเลยสักคน ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติยศทั้งหลายที่ทำเอาหล่อนตื่นเต้นจนสั่น ยังดีที่ท่านนายพลและคุณหญิงซึ่งเป็นบิดามารดาของหล่อนในขณะนี้คอยอยู่ใกล้ให้ได้อุ่นใจ และที่สำคัญ กฤตินไม่ยอมห่างกายแม้แต่นาทีเดียว

เห็นเพื่อนฝูงของเขามากมายจงใจบินตรงจากอังกฤษเพื่อมางานนี้โดยเฉพาะแล้วก็ให้ใจหาย เพื่อนของหล่อนอยู่เมืองไทยเสียเปล่ากลับไม่มีใครได้รับเชิญเลยสักคน

หากก็มีเหตุที่ทำให้หล่อนตื้นตันใจจนน้ำตาคลอเกิดขึ้น เมื่อคุณวิรัชและคุณรัชนกเดินเข้างานพร้อมสมุดอวยพรเล่มโตสีสวย ในนั้นมีคำอวยพรพร้อมการลงชื่อของพนักงานทุกคนในโรงแรม ไล่ตั้งแต่ยามหน้าประตูไปจนถึงเชฟในครัวเลยทีเดียว

นิลยาพูดถูก หล่อนประสบความสำเร็จในการเป็นธีร์วรา ภคภัทราเป็นอย่างดี ต่อไปนี้ก็ต้องมารอดูกัน ว่าหล่อนจะไปรอดกับการเป็นธีร์วรา ธนวัฒน์หรือไม่

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน กุมภาพันธ์ 64)

หน้าที่แล้ว1 of 11

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: