X
    Categories: จันทราอัสดงทดลองอ่านมากกว่ารัก

ทดลองอ่าน จันทราอัสดง บทที่ 8

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 8

รอจนหลีซูซูกับท่านหมอจากไปไกลแล้ว ถานไถจิ้นก็ลืมตาขึ้น

ผ่านไปไม่นาน บ่าวชายในชุดสีเทายกอาหารกับน้ำดื่มมาให้ พอเห็นถานไถจิ้นตื่นอยู่ บ่าวชายตกใจสะดุ้ง

“จื้อจื่อ กินอาหารเถิด” บ่าวชายวางกล่องอาหารในมือลง

ถานไถจิ้นใช้แขนประคองตัวขึ้นมาและกินอาหาร

บ่าวชายเฝ้าอยู่ด้านข้าง เอ่ยเสียงเรียบว่า “ต่อจากนี้อีกหลายวัน บ่าวจะนำอาหารมาส่งให้จื้อจื่อตามเวลา ขอจื้อจื่อโปรดอย่าออกจากเรือนตะวันออก”

ถานไถจิ้นตอบ “ขอบใจเจ้ามาก”

บ่าวชายเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้ามีท่าทีสุภาพ น้ำเสียงกระจ่างผ่าเผย จึงพลันรู้สึกละอายใจเล็กน้อย บางครั้งพวกบ่าวไพร่ก็จงใจปฏิบัติกับถานไถจิ้นเช่นนี้ ฐานะของเขามีความพิเศษ การรังแกเขาสร้างความรู้สึกพึงพอใจไปอีกอย่างหนึ่ง

ทว่าคิดอีกที บางทีบุคคลตรงหน้าผู้นี้ ชีวิตความเป็นอยู่ยังสู้พวกเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ

บ่าวชายอดพูดขึ้นไม่ได้ “จื้อจื่อ หน้าต่างของเรือนตะวันออกชำรุดแล้ว ตอนบ่ายบ่าวจะพาคนมาซ่อม”

ถานไถจิ้นยิ้มน้อยๆ อย่างเกรงใจ “ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากหรอก”

บ่าวชายคิดในใจ จิตใจของจื้อจื่อไม่เลวจริงๆ ถูกจงใจกลั่นแกล้ง กลับมิได้โกรธแค้นพวกข้า

เขาไม่ได้เอ่ยถึงคุณหนูสาม เพราะคุณหนูสามไม่ให้ตนพูดถึงนาง โชคดีที่จื้อจื่อมิได้ถาม หาไม่แล้วบ่าวชายก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร

รอจนบ่าวชายเก็บกล่องอาหารจากไป เรือนตะวันออกก็กลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง

อีกาสีดำปลอดตัวหนึ่งบินมาจากทุ่งหิมะ วนเวียนอยู่เหนือเรือนตะวันออก

จวนแม่ทัพมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ระแวดระวังสัตว์ปีกที่ใช้ส่งสารเป็นพิเศษ หากเป็นนกพิราบ ขอเพียงพบเห็น จะต้องถูกยิงทิ้งทั้งหมด

กระนั้นอีกาที่เจือไออัปมงคลตัวหนึ่ง ถูกพบเห็นอย่างมากก็แค่ก่นด่าหนึ่งคำ

ถานไถจิ้นผลักหน้าต่างให้เปิดออกและยื่นมือออกไป อีกาเกาะแขนเขาอย่างมั่นคง

คิ้วตาของเด็กหนุ่มยังคงอ่อนโยน ลูบขนปีกสีดำเข้มอย่างนุ่มนวล อีกาส่งเสียงร้องบนมือเขา ถานไถจิ้นยกนิ้วมือขาวซีดขึ้นมา บิดคออีกาจนหัก หัวของมันตกลงอย่างอ่อนปวกเปียก

ถานไถจิ้นแหวกท้องอีกาอย่างใจเย็น หยิบลูกเทียนลูกหนึ่งออกมา หลังบีบลูกเทียนจนแตก เขาดึงชิ้นกระดาษที่พับไว้อย่างเรียบร้อยออกมา

พอกวาดตาอ่านอย่างรวดเร็วจนจบ เขาก็โยนซากอีกาออกไปนอกหน้าต่าง

เปลือกตาของเด็กหนุ่มหลุบลงเป็นเงามืด ท่าทางครุ่นคิด

วิหคสีดำเข้มตกลงบนพื้นหิมะ ไม่นาน หิมะที่ตกหนักก็กลบทับซากอีกาจนมิด

 

ระหว่างทางกลับหลีซูซูพบบุรุษในชุดผ้าเนื้อหยาบสีน้ำตาลผู้หนึ่ง

นางใช้ความคิดครู่หนึ่งว่านี่คือใคร “พี่รอง รอเดี๋ยว”

เยี่ยฉู่เฟิงหันกลับมาอย่างประหลาดใจพลางรีบเอ่ยทัก “น้องหญิงสาม”

“พี่รองจะออกจากจวนหรือ”

เยี่ยฉู่เฟิงมองรองเท้าหุ้มแข้งของตนเองอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “เครื่องเขียนหมดน่ะ ข้าจะออกจากจวนไปซื้อหา”

หลีซูซูพิจารณาเขา บุรุษตรงหน้าคิ้วตางามสง่า ดูสุภาพอ่อนแอทีเดียว

คุณชายทั้งสี่ของจวนแม่ทัพ คุณชายรองผู้นี้ไร้ตัวตนมากที่สุด เขาถูกแม่ทัพใหญ่เยี่ยรับตัวกลับมาจากชนบทในปีที่อายุสามขวบ

ตอนนั้นเยี่ยเซี่ยวโยนเด็กน้อยให้พ่อบ้านเป็นคนดูแลพลางเอ่ยว่า “ต่อไปเขามีชื่อว่าเยี่ยฉู่เฟิง”

เด็กทุกคนในจวนล้วนมีมารดา นอกจากคุณหนูสามเยี่ยซีอู้และคุณชายรองเยี่ยฉู่เฟิง

มารดาของเยี่ยซีอู้จากไปเร็ว ส่วนเยี่ยฉู่เฟิง ในช่วงที่เยี่ยเซี่ยวทำศึก ระหว่างเดินทัพเขาบาดเจ็บและพักรักษาตัวที่หมู่บ้านเกษตรแห่งหนึ่ง หลังจากใกล้ชิดกับหญิงม่ายในหมู่บ้านแห่งนั้นหลายวัน ก็เกิดทายาทผู้นี้ขึ้น คนในจวนแม่ทัพรู้ชาติกำเนิดของคุณชายรองดี จึงดูถูกเขาเป็นพิเศษ

เยี่ยฉู่เฟิงรู้ว่าฐานะของตนกระอักกระอ่วน แต่ไหนแต่ไรมาจึงใช้ชีวิตอยู่ในจวนเหมือนมนุษย์ล่องหน แม้แต่คุณชายสี่ที่อายุหกขวบ ยังรู้ว่าพี่รองผู้นี้อ่อนแอรังแกได้

เยี่ยฉู่เฟิงนิสัยแปลกแยก แต่ก่อนมีเพียงเยี่ยปิงฉางที่ดีต่อเขาหน่อย

หลีซูซูบ่นในใจ เยี่ยปิงฉางอัธยาศัยออกจะดีเกินไปหน่อยแล้วกระมัง

เซวียนอ๋องกับผังอี๋จือไม่พูดถึง แต่คนเงียบขรึมพูดน้อยอย่างเยี่ยฉู่เฟิง กลับอยู่ร่วมกับเยี่ยปิงฉางได้ไม่เลวอย่างนั้นหรือ

หลีซูซูรู้สึกสนใจใคร่รู้ในตัวพี่สาวสายรองคนนี้มากกว่าเดิม

เยี่ยฉู่เฟิงถูกหลีซูซูขวางไว้ สีหน้าไม่สบายใจอย่างยิ่ง เขาก้มศีรษะต่ำเอ่ย “น้องหญิงสามมีธุระอันใดหรือไม่”

หลีซูซูพยักหน้า “ครั้งก่อนซีอู้ไม่ระวังทำให้พี่หญิงใหญ่ตกน้ำ รู้สึกไม่สบายใจ ได้ยินว่าอีกไม่กี่วันเซวียนอ๋องจะย้ายออกจากวังมาพักที่จวนนอกวัง ข้าอยากเตรียมของขวัญชิ้นหนึ่งเป็นการขอขมาพี่หญิงใหญ่ พี่รอง ข้าฟังมาว่าแต่ก่อนท่านกับพี่หญิงใหญ่ความสัมพันธ์ไม่เลว ท่านรู้หรือไม่ว่านางชอบอะไร”

เยี่ยฉู่เฟิงโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน “น้องหญิงสามเข้าใจผิดแล้ว ข้ากับน้องหญิงปิงฉางแค่พูดคุยกันเป็นครั้งคราวเท่านั้น ไม่รู้หรอกว่านางชอบอะไร”

หลีซูซูเห็นสีหน้าเขาก็รู้ว่าเขาคิดว่านางมาหาเรื่อง

ทุกคนในจวนแม่ทัพต่างรู้ว่าคุณหนูใหญ่แต่งงานกับชายในดวงใจของคุณหนูสาม อีกทั้งคุณหนูสามยังเป็นคนร้ายกาจเจ้าคิดเจ้าแค้น

หลีซูซูรู้สึกหมดแรง นางพูดต่อ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าไม่รบกวนเวลาของพี่รองแล้ว”

เยี่ยฉู่เฟิงประสานมือให้นาง ขณะกำลังจะจากไป หลีซูซูขยับจมูกฟุดฟิด

“กลิ่นบนร่างกายท่านเป็นกลิ่นอะไรหรือ”

เยี่ยฉู่เฟิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดันตัวหลีซูซูที่สูดดมกลิ่นเหมือนสัตว์ตัวน้อยออกอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

“น้องหญิงสาม…”

พอเห็นเขาเก้อกระดากจนหน้าแดงหูแดง หลีซูซูก็ไม่สะดวกจะสร้างความลำบากใจให้เขา จึงได้แต่เอ่ยว่า “ขออภัยด้วย ข้าอาจจะดมผิดไป”

หลีซูซูคลางแคลงใจ กลิ่นนี้คุ้นมากจริงๆ นางเคยได้กลิ่นจากที่ใดมาก่อนกันแน่นะ

ยามนี้เยี่ยฉู่เฟิงหายไปไม่เห็นเงาแล้ว

หลีซูซูมีใจอยากถามวิญญาณวัตถุในกำไลหยก แต่มันยังคงหลับสนิท นางจึงได้แต่ล้มเลิกความคิด

ชุนเถาวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าแดงเรื่้อ “คุณหนู!”

นางถามอย่างระมัดระวัง “บ่าวได้ยินสี่สี่บอกว่าคุณหนูไม่ได้ให้ปี้หลิ่วปรนนิบัติข้างกายแล้ว?”

หลีซูซูพยักหน้าตอบรับ

ชุนเถากลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่

หลีซูซูเอียงคอ ชุนเถารีบโบกไม้โบกมือเอ่ย “ชุนเถาไม่ได้…ไม่ได้จะว่าพี่ปี้หลิ่วไม่ดีนะ ทั้งมิได้ริษยาพี่ปี้หลิ่ว เพียงแต่…เพียงแต่…”

ใบหน้าของชุนเถาแดงก่ำ นานครู่ใหญ่จึงเอ่ยว่า “ช่วงที่พี่ปี้หลิ่วไม่อยู่ข้างกายคุณหนู ชุนเถากับสี่สี่ต่างรู้สึกว่าคุณหนูเปลี่ยนไปไม่น้อย พวกเรากลัวว่าคุณหนูจะเปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก” พูดจบนางจึงตระหนักได้ว่าตนพูดผิด และอธิบายอย่างลนลานอีกครั้ง “บ่าวมิได้หมายความว่าแต่ก่อนคุณหนูไม่ดี…บ่าว…บ่าว…”

หลีซูซูเห็นนางตะกุกตะกัก ร้อนใจจนใกล้ร้องไห้เต็มที จึงอดพูดมิได้ “ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้โมโห”

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของตนจะไม่เกี่ยวกับปี้หลิ่ว แต่ในอดีตปี้หลิ่วยุแยงเจ้าของร่างเดิมไม่น้อย นี่เป็นเรื่องจริง ความกังวลของชุนเถาและสี่สี่มิใช่การคิดไปเอง

“ทางด้านคุณชายรองและคุณชายสามมีข่าวคราวหรือยัง”

พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ ชุนเถารีบพูด “เรียนคุณหนู บ่าวถามพ่อบ้านแล้ว เขาบอกว่าหมู่นี้คุณชายรองและคุณชายสามมักจะออกไปข้างนอก โดยเฉพาะคุณชายรอง บางครั้งออกไปตั้งแต่เช้า ตกค่ำจึงจะกลับมา”

หลีซูซูแปลกใจมาก “ออกไปทั้งวัน?”

ชุนเถาผงกศีรษะ “แต่บ่าวไม่รู้ว่าคุณชายทั้งสองกำลังทำสิ่งใด”

หลีซูซูรู้สึกว่าสัญชาตญาณของตนเองไม่ผิด เยี่ยฉู่เฟิงผู้นี้มีปัญหา วันนี้ไปซื้อพู่กันหมึก วันต่อไปเล่า คงมิอาจขาดแคลนเครื่องใช้ในห้องหนังสือทุกวันกระมัง

เมื่อขบคิดดูแล้ว นางให้พ่อบ้านหายาจกมาหลายคนและแบ่งเงินก้อนให้คนละก้อน

“พวกเจ้าแยกย้ายกันช่วยข้าจับตาดูคุณชายรองกับคุณชายสาม พวกเขาไปที่ใด ทำอะไรบ้าง เรื่องที่แปลกล้วนเอามารายงานข้าให้หมด” มือเล็กของนางโบกวูบ ก่อนจะเอ่ยอย่างใจกว้างยิ่งนัก “หากทำได้ดี ข้าจะตกรางวัลเป็นเงินก้อนอีกก้อน”

เหล่ายาจกดวงตาลุกวาว พากันเอ่ยขอบคุณ

“คุณหนูสามวางใจ ไม่ว่ามีลมพัดยอดหญ้าไหว* ใดๆ ข้าน้อยจะคอยสังเกตทั้งหมด”

หลีซูซูคิดในใจ อาจารย์อาทั้งหลายกล่าวไม่ผิดจริงๆ สามพิภพหากมีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้*

ดูท่าทาง อย่าว่าแต่สั่งผีให้โม่แป้งเลย สั่งเครื่องโม่ให้บดผีก็ได้เหมือนกัน

ตามคาด ไม่ถึงสองวันก็มียาจกน้อยวิ่งมารายงาน

“คุณหนูสาม ข้าน้อยเห็นสองวันนี้คุณชายรองจะไปที่เรือนแห่งหนึ่งทุกวัน ข้างเรือนปลูกเหมยหลายต้น มีหญิงสาวชุดเหลืองที่งามมากผู้หนึ่งอาศัยอยู่ข้างใน คุณชายรองไปตอนเช้า ตกค่ำจึงจากมา”

หลีซูซูครุ่นคิด แสดงว่าพี่รองที่ทำตัวเหมือนมนุษย์ล่องหนผู้นั้น ถึงขั้นซ่อนคนงามไว้ในเรือนทองคำ?

นางมอบเงินก้อนให้ยาจกน้อยอีกก้อนตามสัญญา

ไม่นาน ยาจกอีกคนก็มารับรางวัล

“เมื่อวานคุณชายสามออกจากเรือน ไปกินอาหารที่หอสุรากับคุณชายจวนเสนาบดีเฉิน จากนั้นเข้าไปในโรงพนันด้วยกัน”

หลีซูซูกะพริบตาปริบๆ

โรงพนันหรือ เป็นเช่นที่ข้าคิดหรือไม่นะ

เห็นทีทั้งพี่รองและพี่สามล้วนมีความลับ

หลีซูซูยังไม่ทันได้ตรวจสอบสองเรื่องนี้ แม่ทัพใหญ่เยี่ยก็บอกนางว่าพรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของเซวียนอ๋อง ถึงเวลาเขาจะพาหลีซูซูไปร่วมงานด้วย

เซวียนอ๋องเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ครั้งนี้ได้รับการอวยยศ ย้ายออกจากวังหลวง จึงถือโอกาสเชิญขุนนางใหญ่ทั้งหลายมาร่วมงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของตน

แน่นอนว่าเขาจัดงานค่อนข้างเรียบง่าย มิได้ทำให้เอิกเกริกใหญ่โต

ฮ่องเต้อยู่ในวัยหนุ่มแข็งแรง องค์ชายทั้งหลายย่อมได้แต่วางตัวไม่เป็นจุดเด่น ยิ่งธรรมดาก็ยิ่งดี

เยี่ยเซี่ยวปรายตามองหลีซูซูแวบหนึ่ง “ครั้งนี้เจ้าจงสำรวมให้มาก หากกล้าก่อเรื่องอะไรอีก แม้เป็นท่านย่าเจ้าก็ปกป้องเจ้าไม่ได้ พอเจอพี่หญิงใหญ่ของเจ้าแล้ว อย่าลืมขอขมาด้วย”

ทั่วหล้าต่างคิดว่าหลีซูซูจะต้องกระโจนเข้าใส่องค์ชายหกโดยแท้

หลีซูซูเอ่ยอย่างจนใจ “ท่านพ่อโปรดวางใจ ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ”

หลีซูซูกลับมิได้รู้สึกว่าแม่ทัพใหญ่เยี่ยกำลังปกป้องเยี่ยปิงฉาง

สมัยก่อนตอนเยี่ยปิงฉางยังไม่ออกเรือน เกิดเรื่องวิวาทกับคุณหนูสาม สกุลเยี่ยล้วนปิดประตูจัดการเองทั้งสิ้น แต่บัดนี้เยี่ยปิงฉางแต่งให้เซวียนอ๋องแล้ว ถึงอย่างไรสกุลเยี่ยก็ต้องให้เกียรติบ้าง

ครั้งก่อนเจ้าของร่างเดิมผลักคนตกน้ำ ดวงตาตั้งกี่คู่ล้วนมองเห็น

เซียวหลิ่นแม้นิสัยจะสุภาพอ่อนโยน แต่ผู้อื่นเป็นถึงองค์ชาย สกุลเยี่ยคงมิอาจไม่เห็นแก่หน้าของราชวงศ์ แม่ทัพใหญ่เยี่ยแค่ให้หลีซูซูขอขมาเท่านั้น นับเป็นการจัดการที่เรียบง่ายที่สุดแล้ว

ภายนอกดูเหมือนปกป้องเยี่ยปิงฉาง อันที่จริงมิใช่กำลังปกป้องหลีซูซูหรือไร

หายากที่ปีศาจน้อยที่บ้านตนจะเชื่อฟัง เยี่ยเซี่ยวมองนางอย่างประหลาดใจหลายครั้ง เขาแค่นเสียงหนึ่งที มิได้ตำหนินางต่อ

หลังนิ่งเงียบครู่หนึ่ง เยี่ยเซี่ยวเอ่ยว่า “พาจื้อจื่อไปด้วย”

บัดนี้สองคนแต่งงานแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดหลีซูซูไปจวนเซวียนอ๋องโดยมีจื้อจื่อไปด้วยย่อมดีกว่า

หลีซูซูชำเลืองมองท่านพ่อผู้เป็นแม่ทัพแวบหนึ่ง แม่ทัพใหญ่เยี่ยหาได้รู้เรื่องความสัมพันธ์อันซับซ้อนของพวกเขาสี่คนไม่ จึงสุขุมได้เช่นนี้ หากรู้แล้วเดาว่าคงต้องเต้นผางแน่นอน

เรื่องที่กำลังจะได้พบกับเยี่ยปิงฉางนั้นหลีซูซูตั้งตารอเป็นอย่างมาก

นางเคยแต่ได้ยินจากปากผู้อื่นว่าพี่สาวสายรองผู้นี้อ่อนโยนงดงาม ทั้งยังได้เห็นภาพวาดสตรีที่เขินอายแผ่นนั้นโดยบังเอิญ

พอคิดถึงต่างหูสตรีที่ถานไถจิ้นซุกซ่อนไว้ข้างนั้น หลีซูซูเท้าแก้มครุ่นคิด บางทีภารกิจในการถอนกระดูกมารครั้งนี้ของนาง กุญแจสำคัญอาจอยู่ที่เยี่ยปิงฉางก็เป็นได้

 

ชุนเถากับสี่สี่ปลุกหลีซูซูแต่เช้าตรู่

หลีซูซูนั่งลงหน้าคันฉ่อง สองสาวใช้เหมือนกำลังเผชิญศึกหนัก

สี่สี่หยิบอาภรณ์สีม่วงพลิ้วไหวประณีตตัวหนึ่งออกมา เอ่ยถามอย่างกระวนกระวาย “คุณหนูว่าชุดนี้เป็นอย่างไร นี่เป็นชุดที่ร้านจิ่นซิ่วตั้งใจตัดให้คุณหนูอย่างพิถีพิถัน”

“งดงามก็งดงามอยู่หรอก แต่ว่าสี่สี่ นี่เป็นชุดกระโปรงฤดูใบไม้ร่วง ตอนนี้เป็นฤดูหนาวนะ” นางในร่างของมนุษย์ต้านทานความหนาวไม่ไหว

สี่สี่คิดในใจ แต่ก่อนคุณหนูออกจากบ้านไปพบองค์ชายหก อย่าว่าแต่ฤดูหนาวสวมชุดฤดูใบไม้ร่วงเลย ต่อให้สวมชุดฤดูร้อน คุณหนูก็ยอมตัวสั่นออกไป

ในสถานการณ์ที่มีคุณหนูใหญ่ คุณหนูสามเป็นเหมือนนกยูงน้อยที่ชอบเอาชนะ กลัวว่าจะตกเป็นรองอีกฝ่าย

เมื่อก่อนล้วนเป็นปี้หลิ่วคอยช่วยคุณหนูแต่งตัว ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นชุนเถากับสี่สี่ เด็กสองคนกลัวว่าพวกตนมือเท้างุ่มง่าม มุมมองความงามใช้ไม่ได้ จะทำให้คุณหนูสามขายหน้า

พอเห็นพวกนางลังเลตัดสินใจไม่ถูก หลีซูซูก็ชี้มือไป “ชุดนั้นแล้วกัน”

นางชี้เสื้อตัวสั้นกับกระโปรงสีแดงอมส้ม มองแล้วรู้สึกอบอุ่น

ชุนเถายิ้มร่า “อย่างนี้ก็ดีเจ้าค่ะ คุณหนูจะได้ไม่หนาว”

สี่สี่มือไม้คล่องแคล่ว เกล้ามวยผมเสร็จก็เอ่ยว่า “คุณหนู เหมยแดงในลานเรือนผลิบานงดงามยิ่ง บ่าววาดฮวาเตี้ยน* ให้ท่านดีหรือไม่เจ้าคะ”

หลีซูซูยังไม่เคยวาดฮวาเตี้ยนในโลกมนุษย์มาก่อน จึงรู้สึกสนอกสนใจ “เอาสิ”

ดังนั้นสี่สี่จึงวาดดอกเหมยประณีตครึ่งดอกตรงกลางหว่างคิ้วหลีซูซูอย่างพิถีพิถัน

หลีซูซูมองบุปผาบนหน้าผากตนพลางลูบไล้ด้วยความประหลาดใจ ร่างเดิมของนาง เกิดมาก็มีจุดสีแดงชาดแต้มอยู่กลางหน้าผากจุดหนึ่ง งดงามมิอาจหาสิ่งใดมาเปรียบปาน ดอกเหมยครึ่งดอกนี้จึงทำให้หลีซูซูรู้สึกใกล้ชิดคุ้นเคย

ชุนเถาเอ่ยชม “คุณหนูสามช่างงามจริงๆ”

หลีซูซูมองตนเองในคันฉ่อง รูปโฉมของคุณหนูสามสกุลเยี่ยเจือกลิ่นอายความไร้เดียงสาอยู่หลายส่วน ไม่เย้ายวนพอ ทว่ากลับน่ารักมีชีวิตชีวามาก ดวงหน้าคล้ายแม่นางน้อยข้างบ้าน สดใสร่าเริง ยามสวมใส่เสื้อบุนวมสีแดงอมส้ม ดูเหมือนก้อนหิมะนุ่มนิ่มก้อนหนึ่ง

หลีซูซูมองจนชินแล้ว กลับรู้สึกว่าใบหน้านี้น่ารักน่ามองยิ่งนัก

นางเดินออกไป พบว่าข้างนอกหิมะกำลังตก

สี่สี่บ่นว่า “ฤดูหนาวปีนี้ ไฉนหิมะจึงตกทุกวันเลยนะ”

ชุนเถารีบเอาชุดคลุมกันลมคลุมให้หลีซูซูพลางพยักหน้าเห็นด้วย

หลีซูซูเดินออกจากประตูมาก็เห็นหน้าจวนแม่ทัพมีเงาร่างผ่ายผอมสูงโปร่งของคนผู้หนึ่งยืนอยู่ เด็กหนุ่มสวมชุดสีน้ำเงินอมเขียว ยืนอยู่กลางหิมะที่ตกหนัก

เสื้อผ้าบนร่างเขากลับเหมือนชุดฤดูสารท เนื้อผ้าบางจนขับเน้นให้เห็นเรือนร่างที่ผอมจนเห็นกระดูกของเขา

เกล็ดหิมะตกลงบนขนตาดำสนิท ความประณีตงดงามเฉพาะตัวของเด็กหนุ่ม ทำให้ชุนเถากับสี่สี่ต่างอดมองเขามากขึ้นมิได้

ชุนเถาเหม่อลอยเล็กน้อย จื้อจื่อช่างงามแท้ๆ หากให้นางพูด เทียบกับเซวียนอ๋องแล้วมิได้ด้อยกว่าแม้แต่น้อย

ด้านแม่ทัพใหญ่เยี่ยไม่ชอบการนั่งรถม้า จึงขี่อาชานำอยู่ข้างหน้า

นี่เป็นครั้งแรกที่ถานไถจิ้นเห็นคุณหนูสามสกุลเยี่ยสวมเสื้อบุนวมอย่างจริงจังออกจากบ้านในฤดูหนาว บางทีอาจเพราะอบอุ่น พวงแก้มของเด็กสาวจึงเจือสีแดงระเรื่อ

เวลานางเดินมากับพวกชุนเถา เนตรขนงแลดูอ่อนโยน เจือด้วยรอยยิ้ม สะท้อนแววไร้เดียงสาที่เข้ากับวัยอย่างหาได้ยาก

ถานไถจิ้นยื่นมือไปให้หลีซูซู

หลีซูซูเหลือบมองมือเรียวยาวขาวซีดข้างนั้น รอยยิ้มมุมปากจางลงหลายส่วน ไม่สนใจเขาและก้าวขึ้นรถม้าด้วยตนเอง

ชุนเถาชำเลืองมองจื้อจื่ออย่างรวดเร็ว

เด็กหนุ่มหดมือกลับ หลุบตาลง ยอมรับสภาพเหมือนเช่นที่เป็นมา ก่อนจะขึ้นรถม้าตามคุณหนูสามไป

ตลอดทางน่าเบื่อยิ่ง หลีซูซูจ้องถานไถจิ้น

สิ่งชั่วร้ายช่างมหัศจรรย์นัก บอกว่าเขาแข็งแกร่ง เอะอะเขาก็ทำท่าใกล้ตาย บอกว่าเขาอ่อนแอ เขากลับเหมือนวัชพืชในทุ่งร้าง ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว นางกอดเตาอุ่นที่เต็มไปด้วยขนปุกปุย

มือของถานไถจิ้นวางอยู่บนหัวเข่า หลีซูซูเหลือบมองข้อนิ้วเขาที่แดงไปหมด

ในใจนางคิดแต่อยากทำความเข้าใจอดีตของสิ่งชั่วร้ายตนนี้ ดังนั้นจึงถามอย่างไม่เต็มใจ “มือเจ้าเป็นอะไร”

ถานไถจิ้นแปลกใจมาก เด็กสาวถึงขั้นเป็นฝ่ายชวนเขาคุย เขาเม้มมุมปากที่แตกระแหงเล็กน้อยพลางตอบว่า “แผลจากความเย็นจัด”

หลังจากนั้นเขาเห็นว่าดวงตาของเด็กสาวฉายรอยยิ้มสะใจในคราเคราะห์ของผู้อื่นประปราย

นางตระหนักอย่างรวดเร็วว่าการทำเช่นนี้ไม่ดี จึงเก็บความรู้สึกอย่างโมโหตนเอง

หลีซูซูปั้นหน้าขรึม “เจ้าแต่งตัวเช่นนี้โดยไม่กลัวความหนาว เพื่อไปพบคนในดวงใจหรือ”

ช่างทุ่มเทในการไปพบเยี่ยปิงฉางจริงๆ

 

* ลมพัดยอดหญ้าไหว เป็นสำนวน หมายถึงการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

* มีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้ เป็นสำนวน อุปมาถึงอำนาจของเงินตราว่าสามารถบันดาลได้ทุกสิ่ง

* ฮวาเตี้ยน เป็นการประดับใบหน้าของสตรีจีนสมัยโบราณด้วยการวาดลายหรือติดแผ่นบนหน้าผากตรงกลางหว่างคิ้ว มีทั้งสีแดง เขียว และเหลือง แต่นิยมสีแดงมากที่สุด ส่วนใหญ่วาดเป็นลายดอกไม้ นกหรือปลา แต่ก็มีบ้างที่ทำจากเงินหรือทอง

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 8 .. 65  เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: