บทที่ 1
เร็วๆ นี้จวนซิ่นหยางโหวจะมีงานใหญ่ ซึ่งถือเป็นข่าวดีอันใหญ่หลวงของทั่วหล้าอีกด้วย
หลังบุตรีคนโตของซิ่นหยางโหวนาม ‘เนี่ยหยวนหวา’ มีอายุได้สิบเก้าปี ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนามหลงอันตี้ก็มีราชโองการเลือกสรรให้นางขึ้นเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท
ควรทราบว่าฮ่องเต้หลงอันตี้มีพระโอรสผู้นี้เพียงพระองค์เดียว ตราบใดที่ยังไม่มีใครมาแย่งชิงบัลลังก์ไปในช่วงที่พระองค์ยังอยู่ พระโอรสผู้นี้ก็จะได้ขึ้นครองราชย์อย่างแน่นอน
ดังนั้นการได้รับเลือกให้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาทจึงไม่ต่างจากถูกวางตัวให้เป็นฮองเฮา พระมารดาแห่งใต้หล้าคนต่อไป
ไม่ช้าก็มีคนมาเยี่ยมเยียนจวนซิ่นหยางโหวไม่ขาดสาย เพราะอย่างไรเสียใครๆ ก็ล้วนอยากมีมิตรสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับครอบครัวของว่าที่พระมารดาแห่งใต้หล้าอยู่แล้ว
ภายในจวนซิ่นหยางโหวเวลานี้เหมือนหม้อน้ำมันที่มีน้ำหยดลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า มีแต่เสียงอึกทึกครึกครื้นจนหม้อแทบระเบิดเลยก็ว่าได้
ซิ่นหยางโหวเบิกบานใจได้หน้าได้ตา อารามครึ้มอกครึ้มใจถึงกับสั่งเพิ่มเบี้ยหวัดให้คนรับใช้ในจวนทุกคนอีกหนึ่งเดือน ไว้เป็นค่าให้ทุกคนตัดเสื้อผ้าชุดใหม่
ชนชั้นสูงที่มาเยือนเพื่อแสดงความยินดีมีมากถึงเพียงนั้น ถ้าคนรับใช้แต่งกายซอมซ่อเกินไป เขาจะเสียหน้าเปล่าๆ เพราะจะว่าไปแล้ว บัดนี้ตัวเขาจะได้เป็นถึงใต้เท้าผู้สูงศักดิ์ ว่าที่พระสัสสุระแห่งแว่นแคว้นเลยทีเดียว
ฝ่ายฮูหยินของซิ่นหยางโหวแทบจะคว่ำหีบล้มตู้รื้อค้นเสื้อผ้าออกมา เมื่อพบเจอเครื่องประดับหรืออาภรณ์ชั้นดีชิ้นใดซุกไว้ก้นหีบ ก็รีบนำออกมาส่งไปให้เนี่ยหยวนหวา
เวลานี้เนี่ยชิงหลวนบุตรีของนางกำลังยืนพิงกรอบประตู กอดอกมองดูมารดารื้อค้นข้าวของจนวุ่นวาย สุดท้ายรู้สึกขัดหูขัดตา อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ท่านแม่ ขอเตือนไว้ก่อนว่าจะเสียเวลาเปล่า ต่อให้ท่านแม่อุตส่าห์เปลืองหัวคิด หาทางไขว่คว้าดาวบนฟ้าส่งไปให้ ไม่เพียงนางไม่รับน้ำใจ ไม่แน่ว่ายังอาจจะพูดจาให้ได้อับอายต่อหน้าอีก”
มือที่กำลังรื้อค้นของเนี่ยฮูหยินถึงกับชะงักค้างไปทันที
สักพักใหญ่นางก็ลุกขึ้น เอามือทุบเอวที่ปวดเมื่อยเพราะความแก่ชรา ด้วยก้มหน้าก้มตาสาละวนค้นของอยู่เป็นเวลานานจึงเมื่อยขบบั้นเอวจนระบมไปหมดแล้ว จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “หลวนเอ๋อร์ อย่างไรนางก็เป็นพี่สาวคนโตของเจ้า พูดถึงนางเช่นนี้ไม่นับว่าดีนัก”
พี่สาวคนโต? พี่สาวที่คิดแต่จะให้น้องสาวอย่างข้าตายเสียไวๆ อยู่ตลอดเวลานี่น่ะหรือ
เนี่ยชิงหลวนหัวเราะ ทว่าสีหน้ากลับไร้อารมณ์ รู้สึกว่าพี่สาวเยี่ยงนี้ไม่มีจะดีกว่า
แต่เนี่ยฮูหยินกลับแสดงความคาดหวังอย่างชัดเจน นางอยากจะให้เนี่ยชิงหลวนกับเนี่ยหยวนหวามีความรักใคร่เอื้ออาทรต่อกัน
ดังนั้นนางจึงพร่ำเตือนเนี่ยชิงหลวนจนปากเปียกปากแฉะ สุดท้ายค้นเจอเครื่องประดับผมทำจากทับทิมเลี่ยมทองชุดหนึ่ง พิจารณาแล้วเห็นทีเครื่องประดับชุดนี้ดูดีพอจะมอบเป็นของขวัญ จึงรีบดึงแขนเนี่ยชิงหลวนให้ลุกขึ้น บอกให้ตามนางไปมอบสิ่งนี้เป็นของขวัญแก่เนี่ยหยวนหวา หวังประสานสายสัมพันธ์สองพี่น้องให้กลับคืน
เรือนที่เนี่ยหยวนหวาพักตั้งอยู่ในลานสวน มีประตูเข้าออกทางเดียว ปกติไม่ค่อยมีใครมาเยือนจึงเงียบสงบอย่างมาก
เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น สาวใช้จึงแง้มประตูถามถึงผู้มา จากนั้นเข้าไปแจ้งให้ผู้เป็นนายทราบ เวลาผ่านไปพักใหญ่ค่อยมาเปิดประตู เชื้อเชิญให้เนี่ยฮูหยินกับเนี่ยชิงหลวนเข้ามา
ว่าไปแล้วก็ล้วนอยู่ในจวนเดียวกัน อีกทั้งพวกนางก็เป็นพี่น้องร่วมสายเลือด ทว่าเรือนของเนี่ยหยวนหวาแห่งนี้ นับตั้งแต่จำความได้ เนี่ยชิงหลวนกลับไม่เคยย่างกรายเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว
ไม่ต่างจากเนี่ยฮูหยินที่มาเยือนเรือนแห่งนี้แทบจะนับครั้งได้
สองแม่ลูกเดินตามสาวใช้ของเนี่ยหยวนหวาเข้าไปในเรือน หันมองรอบๆ จึงเห็นว่าภายในปลูกต้นไม้ไว้ดูเขียวชอุ่ม พืชพรรณไม้ดอกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ
พอเข้าไปถึงห้องโถงหลัก สาวใช้ก็เดินเข้าไปรายงานในห้องด้านในว่า “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินกับคุณหนูรองมาแล้วเจ้าค่ะ”
พูดจบก็ถอยออกมา ก้มหน้านิ่งยืนอยู่ข้างๆ ไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก
ชิ เนี่ยชิงหลวนแอบสบถในใจ ไม่เสียแรงที่กำลังจะได้เป็นมารดาแห่งแผ่นดิน รู้จักกวดขันดูแลคนของตนเองให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้ดีนี่
ผ่านไปพักใหญ่หลังสาวใช้เข้าไปรายงาน นานเสียจนเนี่ยชิงหลวนเกือบจะหันหลังเดินกลับอยู่รอมร่อ ในที่สุดก็มีเสียงป้ายหยกห้อยเอวกระทบกันดังมาจากด้านใน
ทันใดนั้นก็เห็นร่างของสาวงามออกมาจากด้านหลังฉากกั้นระหว่างห้องด้านในกับห้องโถงหลัก
แม้จะบอกว่าเนี่ยชิงหลวนไม่ชอบพอเนี่ยหยวนหวาเพียงใด แต่ก็จำต้องยอมรับว่าเนี่ยหยวนหวามีรูปโฉมงดงามยิ่งกว่าสาวงามบนภาพวาดประดับฉากกั้นบานนั้นเสียอีก
ไม่เพียงมีคิ้วเรียวยาว นัยน์ตางามดุจหงส์ รูปโฉมของนางยังเรียกได้ว่างดงามอย่างที่สุด ส่วนใดควรอวบอิ่ม ส่วนใดควรคอดกิ่วก็เป็นเช่นนั้น ไม่มีสักแห่งที่ดูไม่พอเหมาะพอควร
เพียงแต่ระหว่างดวงตาทั้งสองข้างออกจะชิดกว่าคนทั่วไปบ้าง แววตาก็มักแฝงด้วยความเกรี้ยวกราดและเย็นชามากพอๆ กัน อาจทำให้คนมองรู้สึกเหมือนดวงตาคู่นั้นเผยแววหยามหมิ่นผู้คนอยู่เป็นนิจ
เนี่ยชิงหลวนเองยังอดทอดถอนใจมิได้ เนี่ยหยวนหวามีรูปโฉมเช่นนี้ นับว่ามีลักษณะของผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นพระมารดาแห่งใต้หล้าโดยแท้จริง
หลังเนี่ยหยวนหวาเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้นรูปสาวงามก็ตรงไปยังที่นั่งของเจ้าบ้านกลางห้องโถงหลัก นางทรุดตัวลงนั่ง มิได้ออกปากเชื้อเชิญเนี่ยฮูหยินกับเนี่ยชิงหลวนให้นั่งตาม ทั้งมิได้สั่งสาวใช้ไปยกชามาให้ เพียงเชิดคางขึ้นเล็กน้อยแล้วถามว่า “พวกเจ้ามาด้วยธุระอันใด”
ด้วยนิสัยของเนี่ยชิงหลวน นางคิดอยากลุกหนีไปเสียตั้งแต่ตอนที่เนี่ยหยวนหวาทำวางท่า ปล่อยให้พวกนางต้องรออยู่ข้างนอกถึงสองครั้งสองคราแล้ว ไหนเลยจะยอมให้อีกฝ่ายเอ่ยปากถามร้ายๆ เช่นนี้
แต่เนี่ยฮูหยินมาในวันนี้เพราะต้องการจะประสานสายสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย ดังนั้นต่อให้เวลานี้เนี่ยหยวนหวาแสดงท่าทีไม่เป็นมิตร นางก็จำต้องอดกลั้นอยู่เงียบๆ
ไม่เพียงเท่านี้ ใบหน้าของเนี่ยฮูหยินยังประดับด้วยรอยยิ้มใจดี ทำท่าทีบอกให้ไห่ถังสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังถือกล่องบุผ้าไหมเข้ามา นางยิ้มพลางเอ่ย “พอทราบว่าคุณหนูใหญ่ได้รับเลือกให้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาท ข้ากับหลวนเอ๋อร์ก็ยินดียิ่งนัก หากแต่ไม่มีสิ่งของเลอเลิศอันใดจะมอบให้ มีเพียงเครื่องประดับทำจากทับทิมเลี่ยมทองชิ้นนี้ ว่าไปแล้วนี่เป็นสินเดิมที่มารดาข้ามอบให้ในกาลก่อน หวังว่าจะไม่รังเกียจและรับไว้”
ว่าแล้วนางก็พยักพเยิดบอกให้ไห่ถังเปิดกล่องดังกล่าวออก
ในอดีตครอบครัวฝ่ายมารดาของเนี่ยฮูหยินเคยได้กินตำแหน่งขุนนางขั้นหนึ่งระดับเสนาบดีกรมพิธีการมาก่อน สินเดิมที่ฮูหยินของท่านเสนาบดีกรมพิธีการมอบให้บุตรีย่อมมิใช่สิ่งด้อยค่า
แต่เนี่ยหยวนหวาเพียงกวาดตามองเครื่องประดับศีรษะทับทิมเลี่ยมทองในกล่องใบนั้นอย่างมิได้ใส่ใจ นางถอนสายตากลับมา แล้วสั่งสาวใช้ผู้สวมชุดกระโปรงสีเขียวที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า “ชุ่ยหลิ่ว ไปรับกล่องมาที”
ชุ่ยหลิ่วขานรับคำสั่งแล้วเดินไปหยิบกล่องที่ว่ามาจากมือของไห่ถัง
นางใช้สองมือประคองกล่องผ้าไหมใบนั้นขึ้นชูเบื้องหน้าเนี่ยหยวนหวา แต่คราวนี้เนี่ยหยวนหวากลับไม่แม้แต่จะเหลือบมอง “ชุ่ยหลิ่ว เครื่องประดับทับทิมเลี่ยมทองชิ้นนี้ ข้าขอยกให้เจ้า”
สีหน้าชุ่ยหลิ่วเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ชั่วขณะหนึ่งถึงกับไม่รู้ว่าควรจะออกปากขอบคุณที่คุณหนูยกสิ่งนี้ให้ หรือควรบอกไปว่าบ่าวไม่กล้ารับของขวัญที่ล้ำค่าถึงเพียงนี้ดี
หากแต่ฝ่ายเนี่ยฮูหยินถึงกับหน้าม้าน
เครื่องประดับทับทิมชิ้นนี้ปกตินางแทบไม่กล้าสวม คราวนี้อุตส่าห์ค้นออกมา แม้เป็นของรักของหวงก็ยังนำมามอบให้เนี่ยหยวนหวา เดิมทีคิดอยากแสดงความยินดีที่เนี่ยหยวนหวาได้รับเลือกให้เป็นพระชายา คาดมิถึงว่านอกจากเนี่ยหยวนหวาจะไม่แสดงความซาบซึ้งใจต่อของขวัญที่มอบให้ ยังถึงกับยกของชิ้นนี้ให้แก่สาวใช้ต่อหน้านางอีกด้วย
เนี่ยฮูหยินหวนนึกถึงคำพูดของเนี่ยชิงหลวนก่อนหน้านี้ที่ว่า ‘ไม่เพียงนางไม่รับน้ำใจ ไม่แน่ว่ายังอาจจะพูดจาให้ได้อับอายต่อหน้าอีก’
คราวนี้ถึงมิได้พูดจาให้อับอายโดยตรง แต่การกระทำก็บ่งบอกอย่างหมดเปลือกว่ามิได้ไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อย
แต่เห็นได้ชัดว่าสำหรับเนี่ยหยวนหวาแล้ว นางยังหยามหน้าไม่สาแก่ใจ จึงพูดต่อว่า “อะไรกัน ชุ่ยหลิ่ว เจ้าไม่ชอบเครื่องประดับชิ้นนี้หรือ เอาเถอะ เช่นนั้นก็เอาไปให้เจ้าสิงโตหิมะเล่นก็แล้วกัน เจ้าสิงโตหิมะชอบเล่นของแวววาวเช่นนี้ล่ะ”
เจ้าสิงโตหิมะคือแมวที่เนี่ยหยวนหวาเลี้ยงไว้ มีขนสีขาวปกคลุมทั่วร่าง มองดูจากที่ไกลๆ เหมือนก้อนหิมะอย่างไรอย่างนั้น
คำพูดของนางบ่งบอกชัดเจนว่า ‘เครื่องประดับที่เจ้ามอบให้ ข้าไม่แม้แต่จะชายตาแล แม้แต่สาวใช้ข้าก็ยังไม่แยแส คู่ควรเอาไว้ให้แมวที่ข้าเลี้ยงเขี่ยเล่นก็เท่านั้น’
ครั้งนี้เนี่ยฮูหยินไม่อาจฝืนยิ้มได้อีกต่อไป นางลุกขึ้นยืนทันที แม้จะไม่ชอบใจเพียงใด แต่ก็ไม่กล้าชักสีหน้า
สมกับที่เขาว่ากันว่าตำแหน่งใหญ่ใช้ข่มเหงคน บัดนี้เนี่ยหยวนหวาเป็นว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาทที่ฝ่าบาททรงเลือกด้วยพระองค์เอง อีกไม่กี่วันก็จะถูกส่งไปเข้าพิธีอภิเษกสมรสที่ตำหนักบูรพาแล้ว นางผู้เป็นเพียงฮูหยินของท่านโหว ไหนเลยจะกล้าพูดจาอะไรต่อหน้าว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท
ดังนั้นเนี่ยฮูหยินยืนอย่างอึดอัดใจได้เพียงครู่หนึ่งก็จำต้องบอกลาด้วยสีหน้าอดสูใจ
เนี่ยหยวนหวาไม่แยแสนาง ทั้งไม่ได้บอกให้สาวใช้ออกไปส่งแขก มีเพียงสีหน้าราวกับว่า ‘เจ้าอยากไปก็ไปเถิด คุณหนูอย่างข้าไม่มีเวลามาพูดคุยไร้สาระกับเจ้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว’
เนี่ยฮูหยินจึงหันหลังเดินออกไป
เนี่ยชิงหลวนเองก็หันหลังทันควัน หมายเดินตามเนี่ยฮูหยินออกไปเช่นกัน
ตอนที่เนี่ยหยวนหวาแสดงท่าทางหยามหมิ่นเนี่ยฮูหยินทั้งทางตรงและทางอ้อม เนี่ยชิงหลวนก็กำหมัดแน่นทั้งสองข้างตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว อยากตวาดด่าเนี่ยหยวนหวาต่อหน้าแทบแย่ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าก่อนจะมาที่นี่เนี่ยฮูหยินกำชับนักหนาว่า ‘บัดนี้เนี่ยหยวนหวาจะได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาทแล้ว ต่อไปอาจได้เป็นถึงฮองเฮา เจ้าจะยั่วยุนางไม่ได้ ไม่เช่นนั้นต่อไปเราสองคนแม่ลูกหรือแม้แต่น้องชายของเจ้า ชั่วชีวิตนี้อย่าหวังจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข’ ดังนั้นเนี่ยชิงหลวนจึงได้แต่พยายามสะกดกลั้นความโกรธแค้นไว้ในอก ไม่อาจแสดงออกมา
แต่เห็นได้ชัดว่าเนี่ยหยวนหวาไม่คิดจะปล่อยนางไปโดยง่าย
เนี่ยชิงหลวนเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงเนี่ยหยวนหวาก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“น้องสาวหยุดก่อน พี่ยังมีอะไรอยากจะพูดด้วยสักหน่อย”
แผ่นหลังเนี่ยชิงหลวนถึงกับเกร็งอยู่พักหนึ่ง นางหันกลับมามองเนี่ยหยวนหวา แล้วถามด้วยสีหน้าฝืนยิ้ม “ไม่ทราบว่าพี่สาวมีอะไรจะบอกน้องหรือ”
อย่างน้อยที่สุดต้องไม่ให้เนี่ยหยวนหวาจับพิรุธนางจากสีหน้าได้
แต่เนี่ยหยวนหวากลับทำท่าบอกให้ชุ่ยหลิ่วเชิญเนี่ยฮูหยินออกจากเรือน ก่อนสั่งให้สาวใช้ทั้งหมดออกจากห้องแล้วจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ ค่อยๆ เดินเข้าหาเนี่ยชิงหลวนช้าๆ ทีละก้าว
เนี่ยชิงหลวนยืดตัวตรงตามสัญชาตญาณในทันที
บทที่ 2
เนี่ยหยวนหวายืนนิ่งอยู่ต่อหน้าเนี่ยชิงหลวน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม
“น้องสาว” นางมองดูเนี่ยชิงหลวน แม้ดวงตาจะมีรอยยิ้ม ทว่าน่าเสียดายที่รอยยิ้มนั้นราวกับแสงตะวันสาดส่องผ่านก้อนน้ำแข็ง ไร้ซึ่งความอบอุ่น มีแต่จะทำให้ผู้มองรู้สึกหนาวสะท้าน “พี่จะเป็นพระชายาองค์รัชทายาทแล้ว อีกไม่กี่ปีก็จะได้เป็นฮองเฮา ลองเดาดูว่าหลังขึ้นเป็นฮองเฮา สิ่งแรกที่พี่จะทำคืออะไร”
เนี่ยชิงหลวนอยากจะถ่มน้ำลายรดหน้านางแทบแย่ “น้องว่าถึงตอนนั้น สิ่งแรกที่พี่สาวจะทำ คงมิใช่เห็นว่าน้องสาวเช่นข้าทั้งเฉลียวฉลาดและน่ารักใคร่จนมีพระเสาวนีย์แต่งตั้งให้ข้าเป็นองค์หญิงกระมัง”
คราวนี้เนี่ยหยวนหวาเผยยิ้มที่แท้จริงออกมา “น้องสาวช่างเฉลียวฉลาดและน่ารักใคร่เสียจริง”
จากนั้นนางก็โน้มกายเข้าไปใกล้ ก้มกระซิบที่ข้างหูเนี่ยชิงหลวนด้วยน้ำเสียงไม่รีบร้อน “รอให้พี่ขึ้นเป็นฮองเฮาเสียก่อน สิ่งแรกที่จะทำคือหาทางจบชีวิตน้องสาวอย่างไรเล่า”
พูดถึงตรงนี้นางก็ยืดตัวขึ้น มองดูเนี่ยชิงหลวนแล้วยิ้มถาม “หึ น้องสาวเชื่อหรือไม่”
เนี่ยชิงหลวนคิด ข้าเชื่อสนิทใจทีเดียวล่ะ
เพราะเมื่อหลายปีก่อนเนี่ยหยวนหวาไม่เพียงบอกกับปากว่าตนเองจะหาทางสังหารนาง ทั้งยังลงมือทำจริงหลายต่อหลายครั้งด้วยซ้ำ
อันที่จริงหากจะเล่าถึงบุญคุณความแค้นระหว่างเนี่ยหยวนหวากับเนี่ยชิงหลวนแล้ว ก็เปรียบประหนึ่งเรื่องของเด็กกำพร้าแม่ คงต้องเล่ากันยาว*
แต่ถ้าสืบสาวให้ถึงต้นตอ ก็ต้องโทษบรรพบุรุษรุ่นก่อนของพวกนาง
เดิมทีซิ่นหยางโหวกับเนี่ยฮูหยินเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องกัน ทว่าทั้งคู่ต่างมีใจตรงกัน ซ้ำยังเป็นรักแรกในวัยเยาว์ของกันและกัน สุดท้ายมารดาของซิ่นหยางโหวรังเกียจที่เนี่ยฮูหยินเป็นเพียงบุตรีของเสนาบดีกรมพิธีการ ดังนั้นไม่ว่าบุตรชายจะขอร้องอ้อนวอนเพียงใด ก็ยังบีบบังคับให้ซิ่นหยางโหวรับบุตรีของข้าราชสำนักที่มีเกียรติผู้หนึ่งไว้เป็นภรรยา โดยอ้างคำสั่งในฐานะบิดามารดาและคำชักชวนของแม่สื่อ ฝ่ายเนี่ยฮูหยินก็ถูกบิดามารดาของตนเองบังคับให้ไปแต่งงานกับผู้อื่น
หลายปีให้หลังบิดามารดาของเนี่ยฮูหยินพากันลาโลก ฝ่ายสามีก็มาป่วยตายไปด้วยโรคปอด เมื่ออับจนหนทาง เนี่ยฮูหยินจำต้องมาขอพึ่งพาซิ่นหยางโหว
บิดาของซิ่นหยางโหวตายจากไปนานแล้ว มารดาของเขาก็เพิ่งลาโลกไปเมื่อเดือนสิบเอ็ดปีก่อนอย่างประจวบเหมาะ เช่นนี้ก็เท่ากับว่าอุปสรรคขัดขวางระหว่างซิ่นหยางโหวกับเนี่ยฮูหยินได้หมดไปแล้วโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นซิ่นหยางโหวจึงเริ่มเข้าหาเนี่ยฮูหยินอีกครั้งอย่างกระตือรือร้น ไม่คิดใส่ใจภรรยาร่วมผูกผมซึ่งยังนอนซมล้มป่วยอยู่ ไม่สนใจแม้แต่ลูกน้อยหญิงชายวัยเยาว์ทั้งสองคน
ฝ่ายเนี่ยฮูหยินประหนึ่งปูไม่มีขา มิอาจคิดอ่านสิ่งใดด้วยตนเอง ประกอบกับตัวนางก็ยังมีใจให้ซิ่นหยางโหวอยู่ลึกๆ ท้ายที่สุดจึงยอมละทิ้งความกระดากอาย ตกลงปลงใจเป็นภรรยาอีกคนของเขา
อย่างที่เขาว่ากัน โลกนี้ไม่มีกำแพงที่ลมลอดผ่านไม่ได้ฉันใด ความลับก็ไม่มีในโลกฉันนั้น ไม่ช้าเรื่องนี้ก็แพร่เข้าสู่หูเนี่ยฮูหยินตัวจริงจนได้
เนี่ยฮูหยินตัวจริงผู้นั้นไม่อาจทนรับเรื่องอัปยศนี้ได้ นางเป็นคนแข็งกร้าว จึงทุ่มเถียงกับซิ่นหยางโหวหลายต่อหลายครั้ง ซ้ำยังส่งคนไปลอบขับไล่เนี่ยฮูหยินออกจากเรือนของท่านโหว แต่ก็มักถูกซิ่นหยางโหวจับได้ทุกครั้งไป ฝ่ายสามีเริ่มตำหนิว่านางเป็นคนใจแคบ ไม่รู้จักมีเมตตาต่อผู้อื่น สุดท้ายเนี่ยฮูหยินตัวจริงจึงตรอมใจตายเพราะความโกรธแค้น
หลังนางตายไปซิ่นหยางโหวก็รับเนี่ยฮูหยินเข้ามาเป็นภรรยาเอก ไม่ถึงหกเดือนหลังจากแต่งงาน เนี่ยฮูหยินก็ให้กำเนิดเนี่ยชิงหลวน
หรือพูดอีกอย่างว่าเนี่ยฮูหยินตั้งครรภ์แล้วจึงได้เป็นภรรยาเอก
คงจะพอนึกภาพออกว่าบุตรชายหญิงของเนี่ยฮูหยินผู้ล่วงลับอย่างเนี่ยหยวนหวากับน้องชายจะมีความแค้นต่อเนี่ยฮูหยินและบุตรีมากมายเพียงใด
ทว่าเคราะห์หามยามร้าย เนี่ยชิงหลวนที่อายุได้สามขวบเกิดออกผื่นเป็นโรคฝีดาษ น้องชายวัยห้าขวบของเนี่ยหยวนหวาพลอยติดโรคไปด้วย
ผลก็คือน้องชายของเนี่ยหยวนหวาตายเพราะโรคฝีดาษ แต่เนี่ยชิงหลวนกลับรอดตายมาได้
แท้จริงแล้วโรคฝีดาษก็พรากชีวิตเนี่ยชิงหลวนตัวจริงไปด้วยเช่นกัน ที่นางยังมีชีวิตอยู่นั้นเป็นเพราะวิญญาณจากโลกอื่นเข้ามาสวมร่างของนางแทน หากแต่ในสายตาคนภายนอก มีเพียงน้องชายของเนี่ยหยวนหวาที่จากไป ส่วนเนี่ยชิงหลวนเป็นฝ่ายรอดชีวิตมาได้
ไม่ต้องพูดถึงผู้อื่นว่าจะคิดอย่างไร ตัวเนี่ยหยวนหวาเสียใจจนแทบจะคลุ้มคลั่งไปก่อนแล้ว
หวนนึกถึงมารดาที่ต้องตายเพราะเนี่ยฮูหยินคนปัจจุบัน น้องชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวก็ยังมาตายจากเพราะบุตรีของหญิงผู้นี้อีก ถ้านางไม่หาทางสังหารแม่ลูกคู่นี้เสีย หลังตายไหนเลยจะเอาหน้าไปพบมารดาและน้องชายได้
ดังนั้นในวันแรกที่เนี่ยชิงหลวนเพิ่งข้ามมิติย้อนเวลามาถึง เนี่ยหยวนหวาก็ได้ลอบเข้ามาในห้องของเนี่ยชิงหลวนอย่างเงียบเชียบแล้ว
นางย่อมหาข้ออ้างขับไล่สาวใช้ทุกคนออกจากห้องไปตั้งแต่ต้น จากนั้นทอดสายตามองเนี่ยชิงหลวนที่ยังนอนสะลึมสะลืออยู่บนเตียง ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะลงมือ
สิ่งที่นางใช้เป็นอาวุธสังหารก็คือผ้าห่มที่อยู่บนเตียงเนี่ยชิงหลวนนั่นเอง
ตอนนั้นเป็นยามเหมันต์ ผ้าห่มที่ใช้จึงยัดด้วยนุ่นที่หนาและหนัก เนี่ยหยวนหวาในตอนนั้นอายุยังไม่ถึงแปดขวบดี ทั้งยังเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลผู้ดีที่แสนบอบบาง นางย่อมไม่เคยทำเรื่องที่ต้องใช้แรงมากถึงเพียงนี้ แม้จะไม่มีแรงมากพอ นางก็พยายามใช้แรงทั้งหมดที่มี ลากผ้าห่มจนมือสั่นเทาขึ้นคลุมศีรษะเนี่ยชิงหลวน จากนั้นจึงกดผ้าห่มอย่างเอาเป็นเอาตาย
ขณะที่ยังสะลึมสะลือ เนี่ยชิงหลวนพลันรู้สึกหายใจไม่ออก นางเบิกตาขึ้น เบื้องหน้ามีแต่ความดำมืด อยากจะขยับมือเท้าก็จนใจด้วยมีคนมากดทับเอาไว้ ไม่อาจขยับเขยื้อนตัวไปที่ใดได้
อากาศในโปงผ้าห่มน้อยลงทุกที ขณะที่ถูกอุดปากจนเกือบขาดอากาศหายใจตาย เนี่ยชิงหลวนก็ดิ้นสุดแรงเกิด
ทำบ้าอะไร! ตัวข้าเองยังไม่รู้เลยว่าไปทำอีท่าไหนถึงข้ามเวลามายังโลกพังๆ แห่งนี้ แค่ข้ามเวลามายังพอว่า แต่มาได้ไม่ถึงวันก็มีคนรีบร้อนจะฆ่ากันเสียแล้วหรือ!
ความอึดอัดในอกเนี่ยชิงหลวนระเบิดออกมา ชั่วพริบตาเหมือนมีเทพเซียนมาช่วยไว้ มือเท้าดิ้นรนสะบัดหนีอย่างแรง ขาทั้งสองข้างพลันดีดเตะจนเนี่ยหยวนหวาที่คร่อมอยู่บนผ้าห่มถึงกับกลิ้งตกเตียง
ขณะที่เนี่ยหยวนหวายังตื่นตะลึงมองตาแทบถลน เนี่ยชิงหลวนก็เลิกผ้าห่มทะลึ่งพรวดลงจากเตียง วิ่งหนีออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สวมรองเท้า
พอวิ่งไปถึงประตูนางก็หันกลับมามอง หลังเห็นว่าผู้ลงมืออย่างอำมหิตเป็นเพียงเด็กหญิงอายุเจ็ดแปดขวบ น้ำตาก็แทบจะไหลอาบหน้า
มารดามันเถอะ! โลกแห่งนี้ช่างแสนอันตราย แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ยังกล้าฆ่าคน
นับแต่นั้นมายิ่งนางทะลุมิติมานานวันเข้า นางก็ค่อยๆ ซึมซับเรื่องราวทั้งหมดได้มากขึ้น จึงเข้าใจดีทีเดียวว่าเหตุใดตอนนั้นเนี่ยหยวนหวาจึงคิดจะฆ่านาง
มาตรว่าผลักไสเรื่องที่ว่านี้ไปให้ผู้ใด ก็คงไม่มีผู้ใดรับไหว นับประสาอะไรกับเด็กหญิงอายุเพียงแปดขวบ ดังนั้นเนี่ยชิงหลวนจึงให้อภัยสำหรับทุกอย่างที่เนี่ยหยวนหวากระทำต่อตนด้วยใจเปี่ยมเมตตาประหนึ่งพระโพธิสัตว์ นอกจากนี้ยังตั้งใจป้องกันมิให้เกิดเหตุผิดพลาดขึ้นในอนาคต แม้ไม่มีธุระอันใดก็ยังแล่นไปตีสนิทเนี่ยหยวนหวา พยายามไปหาเรื่องชักชวนนางพูดคุยเล่น
แต่เห็นได้ชัดว่าเนี่ยหยวนหวามิได้ซาบซึ้งต่อการกระทำที่ว่าแม้แต่น้อย กลับกันยิ่งรู้สึกชังน้ำหน้าเนี่ยชิงหลวนเสียยิ่งกว่าเก่า
แสร้งทำท่าน่ารักไร้เดียงสา เอาแต่พร่ำเรียกว่าพี่สาวๆ แต่นางเองมิใช่หรือที่ทำให้น้องชายของตนต้องติดโรคฝีดาษจนตาย
เนี่ยหยวนหวาคิดอย่างชั่วร้าย เหตุใดคนที่ตายตอนนั้นมิใช่เนี่ยชิงหลวน
แผนผูกมิตรของเนี่ยชิงหลวนมิเพียงไม่อาจสั่นคลอนความคิดของเนี่ยหยวนหวา กลับยิ่งทำให้เนี่ยหยวนหวาชิงชังรังเกียจนางมากขึ้นไปอีก
นับแต่นั้นมาเนี่ยหยวนหวาจึงผลักเนี่ยชิงหลวนตกน้ำทุกครั้งที่มีโอกาส หมายให้นางจมน้ำตาย ทั้งยังใส่ยาระบายลงไปในอาหารให้นางกิน วางแผนสังหารต่างๆ นานาเท่าที่จะนึกออกและเท่าที่จะทำได้ รวมแล้วคือพยายามทุกวิถีทางให้เนี่ยชิงหลวนอยู่ไม่เป็นสุขหรือลาจากโลกนี้ไปเสีย
แม้เนี่ยชิงหลวนจะมีจิตเมตตาดุจพระโพธิสัตว์อย่างไร แต่เมื่อต้องเผชิญกับพี่สาวอย่างเนี่ยหยวนหวา นางก็ไม่อาจทำตัวเป็นคนดีได้อีกต่อไป ไม่ว่านางจะปฏิบัติหรือพูดจาโน้มน้าวอย่างเป็นมิตรก็ล้วนไม่ได้ผล ซ้ำยังถูกปองร้ายถึงชีวิตอยู่ตลอดเวลา
นางอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ลึกๆ ในใจเองก็รู้สึกว่าตนถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม
ประการแรก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าตนเองข้ามเวลามาได้อย่างไร เรื่องจุกจิกของพวกคนสกุลเนี่ยไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวนางเลยสักนิด เพียงพูดถึงคนก่อเรื่องอย่างซิ่นหยางโหวกับเนี่ยฮูหยิน โบราณมีคำกล่าวที่ว่าตาต่อตาฟันต่อฟัน มีแค้นต้องชำระ แต่ก็ควรจะชำระให้ถูกคนมิใช่หรือ ไฉนต้องจ้องจะมาชำระแค้นกับนางด้วย หรือเห็นว่าตอนนี้นางยังเป็นแค่เด็กน้อย จึงหาเรื่องรังแกกันเช่นนี้
หลังเนี่ยหยวนหวาเอาเข็มเย็บปักสามเล่มมาใส่ไว้ในรองเท้าที่เนี่ยชิงหลวนสวม นางก็เลิกเห็นแก่หน้าเนี่ยหยวนหวาอย่างสิ้นเชิง
บ้าเสียจริง! เจ้าจะรังแกข้ามากไปแล้ว
ฝ่ายเนี่ยหยวนหวาก็ยิ่งทำตัวโหดร้ายขึ้นทุกวัน ด้วยอยากจะหาเรื่องให้เนี่ยชิงหลวนอยู่ไม่เป็นสุขตลอดเวลา
เนี่ยชิงหลวนจึงรู้สึกหดหู่ยิ่งนักเมื่อหวนนึกถึงวันเวลาหลังนางข้ามมายังโลกแห่งนี้
ชีวิตช่วงหลายปีมานี้ช่างผ่านไปได้ยากโดยแท้จริง
ดังนั้นพอได้ข่าวว่าเนี่ยหยวนหวาได้รับเลือกให้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาท ต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสแล้วย้ายออกไปอยู่ตำหนักบูรพาเมื่อถึงต้นฤดูวสันต์ปีหน้า ในใจเนี่ยชิงหลวนจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
นางคิดว่าอย่างไรตนเองก็ได้ชื่อว่าเป็นบุตรีของท่านโหว นอกจากเรื่องที่บิดามารดาเคยกระทำผิด ทั้งสองก็ปฏิบัติต่อนางผู้เป็นบุตรีได้อย่างไม่เลว รอให้เนี่ยหยวนหวาไสหัวออกไปก่อน เมื่อถึงต้นฤดูวสันต์ปีหน้านางอยู่ในจวนโหวก็จะได้ทุกอย่างตามต้องการ ชนิดที่เรียกว่าขอลมได้ลม ขอฝนได้ฝนเลยทีเดียว
ไม่คิดว่าเนี่ยหยวนหวาจะคาดเดาความคิดของนางได้แต่แรก ยามนี้จึงได้แขวนดาบที่ส่งประกายวาววับไว้เหนือศีรษะของนาง
ความหมายของเนี่ยหยวนหวาก็คือ ‘อย่าคิดว่าพอข้าออกไปพ้นจวนแล้วเจ้าจะได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข บัดนี้ข้าเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท เหนือหัวมีฮ่องเต้คอยกดดันไม่ให้ข้ากล้าลงมือทำอะไรเจ้าเพียงชั่วคราว ทว่ารอให้ข้าได้เป็นฮองเฮาก่อนเถอะ ข้าจะมีอำนาจท่วมท้น ถึงตอนนั้นย่อมหาทางบีบให้เจ้าตายได้ วันเวลาจากนี้เจ้าก็จงใช้ชีวิตด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึงทุกวันไป อยู่กับความคิดที่ว่าถึงตอนนั้นแล้วข้าจะทำอย่างไรให้เจ้าตายจะดีกว่า’
บ้าจริงเชียว! เนี่ยชิงหลวนได้แต่กลอกตา ข้ากลัวจะแย่อยู่แล้ว
นางกระตุกมุมปาก ยกมือลูบท้ายทอยพลางฝืนยิ้มออกมา จากนั้นพูดอย่างหยิ่งทะนง “พี่สาว วางใจเถอะ น้องจะล้างคอให้สะอาด พร้อมให้พี่สาวมาเอาชีวิตได้ทุกเมื่อ”
พูดจบก็ไม่แยแสสีหน้าที่แปรเปลี่ยนของเนี่ยหยวนหวา หันหลังแล้วรีบก้าวเดินจากมาทันที
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 1 ม.ค. 65 เวลา 12.00 น.
Comments
comments
No tags for this post.