บทที่ 173
เวินจื้อต๋าจะกล้าคัดค้านได้อย่างไร เขายื่นมือสั่นๆ ไปรับมาทันที เขาอ่านจนท่องขึ้นใจไปหลายรอบ เพียงแต่ยิ่งอ่านมือก็ยิ่งสั่นมากกว่าเดิม
หวังอวี้หล่างหยิบยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งจากสาบเสื้อมายื่นให้เขาต่อ “ยาลูกกลอนเม็ดนี้เป็นของล้ำค่ามาก สามารถทำให้คนจากไปโดยไร้ความเจ็บปวด วันพรุ่งนี้ท่านลงนามแล้วค่อยกินยาเม็ดนี้”
เวินจื้อต๋ามองยาลูกกลอนเอาชีวิตคนเม็ดนั้นก่อนสะอึกสะอื้นเอ่ยไม่เป็นคำอีกครั้ง แต่พอคิดถึงคนแก่และเด็กทั้งจวนของตนเอง สุดท้ายยังคงรับยามาด้วยมือสั่นเทา
วันรุ่งขึ้นหวังอวี้หล่างมาไต่สวนเวินจื้อต๋าอีกครั้ง ตอนแรกเวินจื้อต๋าให้ตายก็ไม่ยอมรับสารภาพ หลังจากโดนไม้กระบองฟาดในที่สุดก็ทนไม่ไหว สารภาพบอกที่อยู่ของเงินกับเสบียงที่ตนเองยักยอกไป ผลลัพธ์กลับอยู่เหนือความคาดหมายของผู้คน
อิงตามคำสารภาพของเวินจื้อต๋า เดิมทีเขาเป็นเจ้าหน้าที่อำเภอหนึ่งของต้าฉี สมัยนั้นซินเหยี่ยก่อกบฏ ตอนที่เซียวอ๋องบุกโจมตีเมืองเขาเปิดเมืองยอมแพ้ เซียวอ๋องยังคงให้เขาเป็นนายอำเภอตามเดิม รับผิดชอบดูแลท้องถิ่นต่อไป ไม่นานนักเซียวอ๋องพบว่าเวินจื้อต๋าค่อนข้างมีความสามารถ ปกครองอำเภออย่างมีระเบียบแบบแผน จึงแนะนำเขาให้กับฮั่วอวิ่น เดิมทีตัวเวินจื้อต๋าเป็นคนเก่งจริงๆ อาศัยความสามารถนั่งมาถึงตำแหน่งรองเสนาบดีกรมอากร เขาจดจำบุญคุณไว้ชีวิตสมัยนั้นกับบุญคุณแนะนำสนับสนุนของเซียวอ๋องเสมอมา ลับหลังไปมาหาสู่กับเซียวอ๋องอย่างใกล้ชิด
หลังจากเซียวอ๋องไปยังชายแดนเหนือเคยสั่งให้ทูตลับส่งจดหมายหาเขา ในจดหมายเขียนว่าเซียวอ๋องรู้ว่าตลอดเส้นทางมีขุนนางโกงกินเยอะมาก กังวลว่างบประมาณกับเสบียงถูกยักยอกแล้วจะเหลือไปถึงชายแดนเหนือไม่มาก หวังให้เขาช่วยยักยอกเสบียงระหว่างทาง แอบส่งต่อให้กับคนที่เซียวอ๋องส่งไปรับ เช่นนี้ของที่มาถึงมือเซียวอ๋องก็จะเยอะกว่ารอผ่านตามเมืองต่างๆ ตลอดเส้นทางมาก แต่ว่าในบัญชีของค่ายทหารต้าฉีกลับไม่มีการคำนวณการขนส่งส่วนนี้สักนิดเดียว ราวกับว่ามันหายไปกับอากาศ…
ตอนนั้นเขารู้สึกว่าเรื่องนี้มีพิรุธ หากยักยอกเสบียงกังวลว่าจะเกิดปัญหา เซียวอ๋องกลับรับรองว่าไม่มีทางเดือดร้อนถึงเขา อีกทั้งสัญญาเรื่องผลประโยชน์ให้เขาหลายอย่าง เขาละโมบขึ้นมาชั่วขณะถึงได้ตัดสินใจเสี่ยงกระทำความผิดพวกนี้ออกมา
คำสารภาพนี้ทำให้ขุนนางทุกคนที่นี่ลำคอบีบรัดแน่น นี่มัน…เป็นเซียวอ๋องใส่ร้ายว่าคนของรัชทายาทโกงกินชัดๆ มิใช่หรือ
รอใต้เท้าเวินเขียนคำสารภาพเสร็จ ยังไม่ทันกลับเข้าคุกก็ยัดยาเม็ดหนึ่งเข้าปากกะทันหัน กินยาพิษฆ่าตัวตายต่อหน้าเจ้าหน้าที่ไต่สวนทุกคน
คราวนี้นอกจากคำสารภาพแผ่นนั้นที่เหลือเอาไว้ก็ไม่มีหลักฐานอื่นให้พิสูจน์อีก ทุกความขัดแย้งต่างชี้ไปทางเซียวอ๋อง
ศพของใต้เท้าเวินยังไม่ทันเย็นลง สายสืบลับของศาลต้าหลี่ก็แจ้งข่าวบอกกับเซียวอ๋องแล้ว เขากำลังแช่ตัวในยาสมุนไพรอยู่ที่สวนดอกไม้ด้านหลังจวนอ๋อง
เพื่อป้องกันไม่ให้พิษกำเริบและเพื่อบำรุงร่างกายให้หายดี การแช่ยาสมุนไพรวันละครั้งเป็นเรื่องที่ต้องยืนหยัดทำให้ได้ เพื่อให้ฤทธิ์ยาแสดงผลได้ไวที่สุด น้ำในอ่างยาสมุนไพรจึงร้อนมาก ผิวกายที่เดิมทีออกสีดำคล้ำถูกรมไอร้อนจนขึ้นสีแดงระเรื่อ
ตอนที่ได้ยินว่าเวินจื้อต๋ายืนกรานว่าเป็นเซียวอ๋องแอบขโมยของที่เขาเฝ้าไปเอง ยักยอกของกลางทาง อีกทั้งใส่ร้ายรัชทายาท เขาลืมตาขึ้นเล็กน้อย ดวงตาที่ถูกควันน้ำพุร้อนรมทอสีแดงเรืองรองดั่งปีศาจ
เซียวอ๋องยกมุมปากขึ้นบางๆ กลิ่นอายสังหารคุกกรุ่น “กินยาพิษไปสบาย วันหน้าจะได้ไม่ต้องโดนทรมานแล้ว…หวังอวี้หล่าง? กลายเป็นว่าก่อนหน้านี้ดูถูกน้องเขยผู้นี้ของข้าไปแล้ว…”
เขาพูดจบก็ปิดตาลงครุ่นคิดสักพัก ก่อนลุกขึ้นจากอ่างยาสมุนไพร ใช้ผ้าพันร่างกายกำยำของตนเองแล้วถาม “ทางโต้วหย่งมีข่าวมาหรือยัง”
“เมื่อสองวันก่อนแม่ทัพโต้วตามสืบพบเบาะแสของเซวียนหมิงกับลูกน้องที่เมืองฝานเฉิง…แต่ว่าเซวียนหมิงดูเหมือนจะพาเด็กหญิงคนหนึ่งไปหาหมอซื้อยา ภายหลังแม่ทัพโต้วตามสืบยาที่เขาซื้อไปคล้ายว่าจะ…เหมือนพิษประหลาดที่ท่านอ๋องถูกมาก่อนหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ…”
เซียวอ๋องได้ยินแล้วเลิกคิ้ว “เซวียนหมิงถูกพิษอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ…หลังจากไต่สวนหมอท้องถิ่นที่รักษาให้พวกเขา ได้ยินว่าเป็นเด็กหญิงคนนั้นถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวอ๋องได้ยินแล้วลอบประหลาดใจ เซวียนหมิงทำอะไรแนบเนียนไร้ช่องโหว่เสมอมา เว้นแต่ว่าจะจงใจเปิดเผยร่องรอยเอง ไม่รู้ว่าเด็กหญิงผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไร นึกไม่ถึงว่าจะทำให้เซวียนหมิงยอมเสี่ยงถูกจับได้ก็ต้องมาช่วยนางหาหมอซื้อยาให้
“บอกให้โต้วหย่งตามสืบถึงที่สุด จะต้องตัดรากถอนโคนให้ได้!”
เซียวอ๋องไม่ได้เดินไปทางเรือนของอวี้ฉือเฟยเยี่ยน เขาคิดแล้วเรียกหัวหน้าเว่ยมาสั่งการบางอย่าง พายุลูกหนึ่งกำลังจะปะทะใส่จวนอ๋อง เดิมทีเตรียมให้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกลับจวนอวี้ฉือโหวรอวันแต่งงานใหม่อยู่แล้ว ตอนนี้หนังสือหย่าใบหนึ่งกลับช่วยเยี่ยนเอ๋อร์หลีกเลี่ยงการรบกวนของลมพายุพวกนี้ได้พอดี
เพียงแต่จะไปที่จวนอวี้ฉือโหวไม่ได้แล้ว…สถานที่เดียวที่จะไม่ถูกอำนาจเชื้อพระวงศ์รบกวน…เกรงว่าจะมีแค่ทางมารดาบุญธรรม
เพื่อลูกในท้องของเยี่ยนเอ๋อร์ เขาต้องกำจัดพวกมดปลวกที่ไม่รู้จักประเมินกำลังตนเองพวกนี้โดยเร็วที่สุด!
ตอนที่เซียวอ๋องออกคำสั่งนั้น เมืองฝานเฉิงก็ล่วงสู่ราตรีกาลแสนอ้างว้างแล้ว หมู่บ้านเล็กๆ ทางเหนือแห่งนี้มักจะมืดลงตั้งแต่หัวค่ำ
บนถนนภูเขาที่มืดมิดมากมีคนสวมชุดคลุมยาวหนังสัตว์เร่งรีบเดินทางอยู่ การแต่งกายของเขาเป็นเครื่องแต่งกายที่ชาวบ้านท้องถิ่นนิยมใส่กันมากที่สุด บนใบหน้าพันผ้าพันคอผืนหยาบกันหนาว แต่ดวงตากับคิ้วที่เผยออกมากลับหล่อเหลามาก ตอนที่มาถึงกระท่อมฟางหลังหนึ่งบริเวณสันเขาเขาสะบัดหิมะบนร่างออกแล้วผลักประตูเปิดเข้าไป
ในกระท่อมฟางมีตั่งดินขนาดไม่ใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง เด็กหญิงใบหน้าซีดเซียวคนหนึ่งนอนอยู่บนนั้น ริมฝีปากที่ซีดและแตกระแหงบ่งบอกว่านางไม่ได้ดื่มน้ำมาสักพักหนึ่งแล้ว
“เซวียนเฉ่า ข้ากลับมาแล้ว” ได้ยินคนผู้นี้พูด เซวียนเฉ่ากลับไม่ได้ลืมตา เพียงแค่ขยับริมฝีปากน้อยๆ อย่างไร้กำลัง
เซวียนหมิงไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นอีก เขาถอดเสื้อตัวนอก รีบไปตักน้ำร้อนกระบวยหนึ่งจากในหม้อบนเตาดินด้านข้างที่ฟืนยังไม่ดับ นำมาวางบนพื้นหิมะให้เย็นลงเล็กน้อย จากนั้นยกเข้าห้อง โอบตัวเด็กหญิงที่ไข้ขึ้นจนตัวร้อนขึ้นมา แล้วป้อนน้ำใส่ปากเด็กหญิงคนนั้นอย่างระมัดระวัง
เซวียนเฉ่าดื่มน้ำไปเล็กน้อย นับว่าพอมีแรงลืมตาในที่สุด แต่บนดวงหน้าเล็กยังคงไม่มีสีเลือดอะไร นางเพียงหอบหายใจเอ่ยเสียงเบา “อยากกินเป็ดแปดสมบัติ…”
จิตวิญญาณที่ต่อให้ตายก็ไม่ยอมพลาดอาหารเลิศรสเช่นนี้ช่างชวนให้คนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกจริงๆ
เซวียนหมิงล้วงห่อผ้าห่อหนึ่งออกมาจากสาบเสื้อ หลังจากเปิดออกข้างในยังมีกระดาษน้ำมันอยู่อีกชั้น รอเปิดออกหมดแล้ว ในนั้นก็คือเนื้อเป็ดพะโล้ส่งกลิ่นหอมโชยเข้าจมูก
เซวียนหมิงล้างมือ จากนั้นฉีกเนื้อเป็ดเป็นชิ้นเล็กป้อนเข้าปากเด็กหญิง ตามด้วยเช็ดคราบน้ำเป็ดที่มุมปากนางให้อย่างใส่ใจ “ป่วยถึงขั้นนี้แล้ว แต่ของที่อยากกินมีแต่ของมันเลี่ยน…กินอีกชิ้นแก้อยากก่อน ประเดี๋ยวกินข้าวต้มบ้างเล็กน้อยดีหรือไม่”
แต่เซวียนเฉ่าได้ยินแล้วกลับน้ำตาคลอ “เซวียนเฉ่าไม่อยากกินข้าวต้ม ยังอยากกินขนมพุทรา สามชั้น หมูกรอบด้วย…เซวียนเฉ่ามีอะไรที่อยากกินอีกเยอะมาก ถ้าเกิดอีกเดี๋ยวตายไปก็จะไม่มีโอกาสกินอีกแล้ว…”
นางอายุยังน้อย เพิ่งเคยรู้สึกว่าความตายใกล้มาเยือนอย่างสมจริงเป็นครั้งแรก ในสมองทั้งหมดเหลือแต่ความปรารถนาต่ออาหารเลิศรส แทบอยากจะไล่เรียงรายการอาหารออกมา นับว่าเป็นความปรารถนาสุดท้ายในชีวิต
เซวียนหมิงฟังคำพูดอ่อนแรงไร้กำลังของนางแล้วนัยน์ตาหงส์หรี่ลง ใต้ขนตางอนยาวมีแต่ความเข้มงวดไม่พอใจอย่างห้ามไม่ได้ “มีข้าอยู่ เจ้าไม่มีทางตาย วันหน้าห้ามมีความคิดเช่นนี้อีก!”
เด็กโง่ที่รู้จักแต่กิน เพราะไร้สมองถึงได้มีสภาพมาถึงขั้นนี้!
วันนั้นเขาลอบโจมตีเซียวอ๋อง ทว่ากลับถูกเซียวอ๋องยิงธนูพิษสวนกลับมา พิษไผ่ทมิฬนี้ร้ายกาจมาก ตอนนั้นเซวียนหมิงโซเซลงจากหน้าผา โชคดีที่ชิวเทียนพาเซวียนเฉ่ามาถึงทันเวลา ป้อนยาแก้พิษให้เขาดื่ม แต่เด็กโง่เซวียนเฉ่าผู้นี้ ตอนที่ชิวเทียนออกไปหาอาหารข้างนอกเห็นเขาไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที จึงเลียนแบบหมอในกระโจมหมอที่ใช้ปากดูดพิษให้ทหารที่บาดเจ็บ ใช้ปากเล็กๆ ช่วยดูดเลือดพิษจากบาดแผลให้เซวียนหมิงเช่นเดียวกัน
ตอนที่เซวียนหมิงฟื้น ลืมตาขึ้นก็มองเห็นเด็กหญิงที่หน้าม่วงคล้ำแล้วยังพยายามดูดเลือดพิษที่บาดแผลของเขาอยู่…
โชคดีตอนนั้นเซวียนหมิงกินยาแก้พิษลงไป พิษถูกถอนออกไปครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ความร้ายกาจของพิษยังคงไม่ใช่สิ่งที่เด็กหญิงร่างกายอ่อนแอผู้หนึ่งอย่างเซวียนเฉ่าจะรับไหว ยาแก้พิษถูกเซวียนหมิงกินไปหมดแล้ว เวลานั้นจึงรีบเรียกชิวเทียนมาโคจรกำลังภายในขับพิษออกมาให้นางทันที ขณะเดียวกันก็ลงจากภูเขาไปซื้อยาสมุนไพรมากดพิษเอาไว้ชั่วคราวด้วย
คนที่สมควรตายกลับยังไม่ตาย เซียวอ๋องผู้นั้นอาศัยสภาพร่างกายพิเศษรวมกับฝีมือรักษาของหมอเทวดาถอนพิษไปได้นานแล้ว แต่ถ้าหากเซวียนเฉ่าอยากรีบถอนพิษต้องอาศัยบุปผาริมผาขาดประเภทหนึ่งที่งอกอยู่ในพื้นที่กันดารของซีอวี้ แต่ระยะเวลาเติบโตของบุปผาชนิดนี้นานมาก ห้าปีถึงจะบานสักครั้ง ช่วงที่รอบุปผาบาน หากไม่กดพิษเอาไว้ก็จะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
เจตนาของชิวเทียนคือถึงแม้จะเห็นความภักดีของเซวียนเฉ่า แต่ไม่อาจให้จิ้นอ๋องเสียเวลาทำการใหญ่ ได้แต่รีบตัดปัญหา ช่วยให้เซวียนเฉ่าไม่ต้องทรมานจากความเจ็บปวดเวลาพิษกำเริบ
แต่เซวียนหมิงก้มหน้ามองมือน้อยข้างนั้นของเซวียนเฉ่าที่จับสาบเสื้อตนเองแน่นอยู่ตลอดเวลา ตรงหน้าพลันปรากฏภาพที่วันนั้นนางคอยดูแลเอาใจใส่เขาในถ้ำบนภูเขา…แต่ตอนนี้ในเมืองหลวงอยู่ในช่วงเวลาก่อนพายุฝนมาเยือน การต่อสู้ระหว่างรัชทายาทกับเซียวอ๋องแทบจะเปิดเผยชัดแจ้ง นี่เป็นช่วงเวลาจับปลาน้ำขุ่น มอบแรงโจมตีครั้งใหญ่ให้กับสกุลฮั่ว…
“จิ้นอ๋อง เซวียนเฉ่าใกล้ไม่รอดแล้วใช่หรือไม่” ขณะที่ในใจลังเลนั้นเอง คำถามแฝงเสียงสะอื้นของเด็กหญิงกลับทำลายความลังเลของเซวียนหมิงลง ภาพของเด็กหญิงคนนี้ซ้อนทับกับภาพสตรีผู้นั้นที่ยื่นมือมาขอร้องอ้อนวอนเขาซึ่งซ่อนอยู่ในใจมาตลอด…สุดท้ายเขาตัดสินใจมุ่งหน้าไปทางซีอวี้ รอช่วงเวลาที่บุปผาริมผาขาดเบ่งบาน
ชิวเทียนแอบตกตะลึงกับการตัดสินใจของจิ้นอ๋อง ในความทรงจำของเขาถึงแม้จิ้นอ๋องจะดูสง่างามอบอุ่น แต่ต่อให้เป็นสมัยที่ราชวงศ์ก่อนยังอยู่ เขาเองก็ไม่เคยแสดงความรู้สึกต่อใครมากมาย จิ้นอ๋องเป็นคนที่เมื่อแน่ใจกับเป้าหมายแล้วจะปฏิบัติตามอย่างแน่วแน่ ต่อให้ในใจเกิดคลื่นอารมณ์ ทว่าไม่มีทางสั่นสะเทือนเส้นทางที่เขากำหนดสักนิดเดียว
แต่เด็กหญิงที่มองดูโง่เขลาผู้นี้กลับทำให้จิ้นอ๋องแหกกฎซ้ำๆ ทำให้เขาตกใจจริงๆ
ในเมื่อจิ้นอ๋องตัดสินใจแล้ว ชิวเทียนก็ไม่สะดวกพูดอะไรมากอีก ทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่ง ดังนั้นเขาจึงเดินทางมาล่วงหน้า สั่งให้สายสืบของตนเองคอยจับตามองความเคลื่อนไหวที่เมืองหลวงต่อ ขณะเดียวกันก็เตรียมรถม้าและจัดเตรียมสิ่งของสำหรับเดินทางไกล ซีอวี้อันตราย สภาพภูมิประเทศซับซ้อน การเดินทางไปครั้งนี้จะเกิดเหตุพลิกผันอะไรขึ้นบ้าง ไม่ว่าใครก็ไม่รู้
โชคดีที่จิ้นอ๋องเอาสมบัติลับของชายแดนเหนือไปส่วนหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นการเดินทางหนีตายทว่าไม่ต้องกลุ้มใจเรื่องเงิน เพียงแต่ตลอดทางนี้คนของเซียวอ๋องสะกดรอยตามมาใกล้ชิดมาก หากไม่คิดหาวิธีแก้ปัญหาทหารที่ไล่ตามมา สุดท้ายจะกลายเป็นภัยอยู่ดี
ชิวเทียนคิดถึงตรงนี้ก็เห็นจิ้นอ๋องป้อนเนื้อเป็ดคำสุดท้ายให้เซวียนเฉ่า เขาอุ้มร่างกายเล็กๆ ของนางขึ้นมา เตรียมพานางไปแช่ยาสมุนไพร
เนื่องจากถูกพิษประหลาด เซวียนเฉ่าจึงกลายเป็นขี้หนาว ปกติต่อให้นอนอยู่บนตั่งอุ่นก็ยังตัวสั่น ในห้องนี้มีตั่งดินอยู่แค่ตัวเดียว ทุกคืนเด็กหญิงจะขยับมาซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเซวียนหมิงด้วยตนเอง
เซวียนหมิงเองก็เปลี่ยนจากความไม่คุ้นชินในตอนแรกเป็นค่อยๆ ชินชา ทั้งช่วยถอดเสื้อนอกให้นาง เหลือแค่เอี๊ยมกับกางเกงติดกาย
เซวียนหมิงค่อยๆ วางตัวนางลงในถังไม้ใบเล็กที่ใส่ยาสมุนไพรอุ่นร้อนเอาไว้ นี่เป็นสมุนไพรที่เขาจ่ายเงินหนัก ติดสินบนทหารทำงานจิปาถะที่รั้งอยู่เฝ้าค่ายทหารต้าฉีของชายแดนเหนือหามา ซึ่งยาสมุนไพรที่เซียวอ๋องแช่อาบในค่ายทหารก็เป็นตำรับยาชุดนี้ หลังจากเซวียนเฉ่าแช่ไปสามสี่ครั้งก็เห็นผลลัพธ์อยู่บ้างจริงๆ ระยะเวลาที่พิษกำเริบค่อยๆ ทิ้งช่วงนานขึ้น
เพียงไม่นานไอร้อนของยาสมุนไพรก็ช่วยให้ดวงหน้าเล็กอ้วนกลมของเด็กหญิงเพิ่มเติมสีเลือดขึ้นมาบ้างในที่สุด ดวงตากลมโตสองข้างเองก็เป็นประกายขึ้นไม่น้อย
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 17 พ.ค. 68
Comments
comments
No tags for this post.