X
    Categories: ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รักทดลองอ่านมากกว่ารัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 175

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 175

อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกลับไม่สนใจ เอาแต่ปิดตาแกล้งหลับ เซียวอ๋องโน้มตัวคร่อมทับ ก้มลงหอมแก้มที่อวบอิ่มขึ้นของนางเสียเลย

อวี้ฉือเฟยเยี่ยนจับผ้าห่มขึ้นมาบังมิดหน้า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่คิดสนใจบุรุษด้านหลัง

สุดท้ายเซียวอ๋องอุ้มอวี้ฉือเฟยเยี่ยนมากอดถามว่า “อันใดกัน นี่ไม่สนใจสามีเจ้าแล้ว? จะก่อกบฏจริงๆ หรือไร”

อวี้ฉือเฟยเยี่ยนถูกเขารบกวนจนนอนต่อไม่ได้อีก จึงหลุบตาลงเอ่ย “ทุกวันนี้หม่อมฉันกับพระองค์แยกทางกันแล้ว หม่อมฉันเองก็กลับคืนสู่ฐานะยังไม่ออกเรือน หวังว่าท่านอ๋องจะสำรวมพระองค์ รีบปล่อยพระหัตถ์ออกเถิดเพคะ ทุกวันนี้พวกเราไม่เกี่ยวข้องอันใดกัน โอบกอดกันเช่นนี้จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด…”

ยังไม่ทันพูดจบ ริมฝีปากอวี้ฉือเฟยเยี่ยนก็ถูกเซียวอ๋องปิดสนิท หลังจากจุมพิตอยู่สักพักถึงปล่อยริมฝีปากที่เอ่ยวาจาเย็นชานั้น “ช่วงนี้ที่เจ้าไม่อยู่ที่จวน ข้าทั้งกินไม่ได้นอนไม่หลับ วันนี้รีบทำงานให้เสร็จมาหาเจ้า แต่เจ้ากลับใจจืดใจดำ อยากปัดความสัมพันธ์กับข้าเช่นนี้? ไหนจะพูดอีกว่ายังไม่ออกเรือน ทั้งที่ในท้องของเจ้าก็อุ้มเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าอยู่เลย!”

ทางนี้ยังไม่ทันพูดจบคนในอ้อมกอดก็ขอบตาแดงระเรื่อแล้ว “ท่านอ๋องกลับตรัสวาจาดุร้ายเพียงนี้…”

เซียวอ๋องเลิกคิ้วเข้ม “ยังทำตัวเป็นคนผิดชิงฟ้องก่อนอีก? ข้าดุเจ้าที่ใดกัน”

อวี้ฉือเฟยเยี่ยนนึกถึงตนเองที่ออกจากจวนพร้อมเป่าจูแค่สองคนในวันนั้นก็กลั้นน้ำตาไม่ไหวอีก หยดน้ำไหลลงมา ชั่วขณะนั้นบนดวงหน้าเล็กเปรอะเปื้อนน้ำตา ประหนึ่งกระเบื้องเคลือบสีขาวเนื้อเนียนที่เปรอะหยาดน้ำค้าง ชวนให้คนเห็นแล้วรู้สึกสงสารจับใจ

เซียวอ๋องก้มหน้าเห็นภาพนี้แล้วรู้สึกปวดใจจริงๆ

ตลอดมาเวลาสตรีผู้นี้อยู่ต่อหน้าผู้อื่นล้วนฝืนทำตัวเข้มแข็ง ไม่เคยเห็นนางเป็นเหมือนสตรีในเรือนหลังทั่วไปที่ออดอ้อนแย่งชิงความโปรดปรานทุกสามวันห้าวัน ต่อให้เป็นสมัยที่ถูกเขาบังคับแต่งเข้าจวน นางก็มีท่าทีเย็นชา รักษาเปลือกนอกที่เข้มแข็งเอาไว้ เพียงแต่ภายหลังทั้งสองคนผ่านอุปสรรคด้วยกัน นางถึงค่อยๆ ปลดปราการป้องกันตัวออก เปิดเผยความขวยเขินที่สตรีวัยสิบแปดปีควรมีต่อหน้าเขา

ทุกวันนี้การเลี้ยงดูทะนุถนอมนับว่าบังเกิดผลแล้ว นึกไม่ถึงว่าเดี๋ยวนี้แค่ได้รับความไม่เป็นธรรมเล็กน้อยนางก็อ่อนนุ่มเป็นก้อนแป้ง ฟุบตัวสะอื้นไห้อยู่บนอกของเขา สภาพเช่นนี้ไม่ว่ามองอย่างไรก็ไม่มากพอ! เซียวอ๋องทั้งปวดใจทั้งมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เยี่ยนเอ๋อร์ของเขามีแค่เวลาอยู่ในอ้อมกอดถึงจะแสดงความอ่อนแอเช่นนี้!

ยามนี้เขาโอบนางอยู่ในอ้อมกอด เอ่ยปลอบนางเสียงอ่อนหวาน ถึงระงับน้ำตาโฉมงามได้ในที่สุด

ตวนมู่ฮูหยินเองก็เป็นคนเข้าอกเข้าใจผู้อื่น เห็นเซียวอ๋องมาแล้วจึงให้เป่าจูยกโต๊ะเล็กอีกตัวมาวางในลานเรือนของห้องหลักอวี้ฉือเฟยเยี่ยน สองสามีภรรยาจะได้ใช้เวลาพร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นการส่วนตัวดีๆ

วันนี้ทำน้ำแกงไก่ดำตุ๋นตะพาบ อาหารที่ทำจากวัตถุดิบสดใหม่สองชนิดชูรสชาติซึ่งกันและกันให้ยิ่งอร่อยมากกว่าเดิม

นับประสาอะไรกับที่เดิมทีตวนมู่ฮูหยินก็ทำอาหารเก่งอยู่แล้ว อาหารเลิศรสจานหนึ่งมักมีความพิเศษซ่อนอยู่ รอเป่าจูยกน้ำแกงชามใหญ่มีฝาปิดมาวางแล้วเปิดฝาออก ก็เห็นพุทราสีแดงรวมถึงลำไยที่แกะเมล็ดออกแล้วลอยอยู่บนน้ำแกงเข้มข้น ทว่ามองไม่เห็นเงาของไก่ดำ รอเปิดกระดองตะพาบออกถึงเห็นเนื้อไก่ดำเราะกระดูกถูกยัดใส่เต็มท้องของตะพาบ รสชาติสดใหม่ของเนื้อสองชนิดผสมกัน หอมจนชวนให้คนลงมือขยับตะเกียบ

เซียวอ๋องคีบตะพาบเนื้อนุ่มชิ้นหนึ่งวางใส่ถ้วยของอวี้ฉือเฟยเยี่ยน อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกัดไปคำหนึ่ง เนื้อนุ่มกลิ่นหอม ที่หาได้ยากคือต้มน้ำแกงแล้วแต่รสชาติของเนื้อตะพาบกลับไม่เสียหายไปสักนิดเดียว ที่เข้าคู่กันยังมีซานเย่าเชื่อมน้ำผึ้ง ซานเย่าถูกบดละเอียด เนื้อผสมนมก้อนเครื่องราชบรรณาการจากนอกด่าน แล้วราดน้ำผึ้งทับอีกชั้น เวลากินเข้าปากให้หอมหวานลื่นคออย่างยิ่ง

อาหารจานหลักเองก็ตั้งใจทำเป็นพิเศษ ในแป้งนึ่งผสมน้ำผึ้งและยังใส่ถั่วแดงลงไปด้วย เซียวอ๋องกัดแป้งนึ่งรสหวานไปคำ รู้ว่ามารดาบุญธรรมตั้งใจปรุงรสอาหารตามความชอบของอวี้ฉือเฟยเยี่ยน

หลังจากอวี้ฉือเฟยเยี่ยนตั้งครรภ์ก็ไม่ค่อยกินอาหารมื้อใหญ่ สนใจกินแต่พวกขนม ตอนนี้ดูไปแล้วส่งมาอยู่กับมารดาบุญธรรมนับว่าถูกต้อง นางได้รับการดูแลเอาใจใส่จากมารดาบุญธรรมแค่ไม่กี่วันดวงหน้าเล็กก็มีเนื้อหนังเพิ่มขึ้นมาแล้ว

พออาหารถูกปาก สตรีตั้งครรภ์ก็กินอย่างเต็มที่ นางดื่มน้ำแกงเข้มข้นไปสองถ้วยเล็ก เป่าจูอยู่ด้านข้างเอ่ยเสียงเบา “ตวนมู่ฮูหยินกำชับมาว่าช่วงที่สตรีเพิ่งตั้งครรภ์ ห้ามกินตะพาบเป็นอันขาด แต่ถ้าครรภ์แข็งแรงแล้ว โดยเฉพาะกินช่วงก่อนคลอด จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้สตรีตั้งครรภ์ นางใช้ไก่ดำมาช่วยปรับฤทธิ์เย็นของตะพาบเป็นพิเศษ แต่ต่อให้กินได้ก็ไม่อาจกินมากเกินไป จึงกำชับบ่าวว่าให้ชายารองดื่มน้ำแกงเล็กน้อยก็พอแล้วเจ้าค่ะ”

อวี้ฉือเฟยเยี่ยนได้ยินแล้วถึงวางถ้วยน้ำแกงลงอย่างอาวรณ์ จากนั้นหันไปตั้งใจหยิบซานเย่าขึ้นมากินอย่างออกรสชาติต่อ

เมื่อกินอิ่มแล้ว นึกไม่ถึงว่าอวี้ฉือเฟยเยี่ยนถึงกับจุกท้องด้วยความตะกละ แต่เซียวอ๋องกลับดีใจมากที่นางกินได้เยอะกว่าเขาอีก นี่ถึงจะเป็นสภาพการกินของคนตั้งครรภ์ ไม่ว่าอย่างไรควรกินให้ร่างกายแข็งแรง ถึงจะผ่านพ้นความเสี่ยงช่วงคลอดไปได้ง่ายๆ

เพราะว่าเมื่อคืนรีบทำงานให้เสร็จ รวมกับไม่ได้พบหน้าอวี้ฉือเฟยเยี่ยนมาหลายวัน ในใจพะวงหา เซียวอ๋องนอนไม่หลับทั้งคืน ตอนนี้ได้กินน้ำแกงเข้มข้นมาช่วยอุ่นท้อง ทั้งยังกินอิ่มมาก หลังจากกลั้วปากด้วยชาหอมแล้วก็ปลดชุดตัวนอก ซุกตัวนอนในผ้าห่มของอวี้ฉือเฟยเยี่ยน เพียงไม่นานก็หลับสนิทไปแล้ว

อวี้ฉือเฟยเยี่ยนมองใต้ตาดำคล้ำของเซียวอ๋องก็รู้ว่าหลายวันมานี้เขาเหนื่อยมากแน่ เห็นได้ว่าระยะนี้ในราชสำนักจะต้องไม่ค่อยสงบนักอย่างแน่นอน

ช่วงเวลาเช่นนี้ยิ่งทำให้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนรู้สึกปวดใจกับความไร้อำนาจสนับสนุนของเซียวอ๋อง ถ้าหากเขายอมแต่งชายาเอกที่มีภูมิหลังแข็งแกร่ง ทุกวันนี้เวลาต่อกรกับรัชทายาทจะต้องง่ายดายขึ้นมากแน่นอน…แต่เขากลับยืนหยัดไม่แต่ง เป็นเพราะว่าในใจมีแค่นางเพียงคนเดียว…

คิดถึงตรงนี้ความไม่เป็นธรรมที่อวี้ฉือเฟยเยี่ยนรู้สึกตอนออกจากจวนก็สลายหายไปหมด นางช่วยห่มผ้าให้เซียวอ๋องอย่างระมัดระวัง นิ้วดุจต้นหอมลูบไล้แผ่วเบาบนสันจมูกโด่งกับกรอบหน้าคมสันต่ออย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนนอนลงข้างกายเขา เตรียมงีบหลับสักพักเช่นกัน

บังเอิญตอนนั้นเป่าจูเข้ามาในห้องพร้อมเอ่ยเสียงเบา “ชายารอง เซี่ยฮูหยินอวี้ฉือจิ้งโหรวมาเยี่ยมท่านเจ้าค่ะ…”

อวี้ฉือเฟยเยี่ยนได้ยินแล้วรู้สึกปวดศีรษะ อยากจะตบหน้าผากตนเองสักครั้งจริงๆ สมกับที่ว่าตั้งครรภ์หนึ่งครั้งโง่ลงสามปี นางมัวแต่อารมณ์เสียใส่เซียวอ๋องจนลืมบอกกับครอบครัวท่านลุงว่าที่ตนเองถูก ‘หย่า’ มีเบื้องหลังอื่นซ่อนอยู่ด้วย นางควรคิดว่าจะบอกกับท่านลุงอย่างไรดี ในเมื่อเซียวอ๋องไม่อยากให้ใครรู้ ยังไม่สะดวกเอ่ยปากจริงๆ

ที่แท้หลังจากครอบครัวท่านลุงได้ยินข่าวเรื่องอวี้ฉือเฟยเยี่ยนถูกหย่า ก็ประหนึ่งว่ามีอสนีบาตห้าสายผ่าลงมา แต่ถ้าอวี้ฉือเฟยเยี่ยนถูกหย่าจริงๆ เหตุใดหนังสือหย่ากลับไม่ถูกส่งไปที่จวนอวี้ฉือโหว รออยู่ประมาณสองสามวันก็ยังไม่เห็นอวี้ฉือเฟยเยี่ยนถูกส่งกลับมาที่จวนอวี้ฉือโหวเสียที

อวี้ฉือจิ้งเสียนนึกถึงความเข้าใจผิดที่มีต่อเซียวอ๋องหลายครั้งก่อนหน้านี้ ครั้งนี้ไม่สะดวกบุ่มบ่ามไปซักไซ้เรื่องที่ญาติผู้พี่ถูกหย่าถึงจวนเช่นกัน ในเมื่อญาติผู้พี่ไม่ได้กลับมา เห็นได้ว่าอาจเป็นแค่ข่าวลือผิดๆ

แต่ภายหลังอวี้ฉือจิ้งเสียนไปสืบข่าวกับทางศาลบรรพชน ได้ยินว่าหนังสือหย่าถูกส่งไปประทับตราที่ศาลบรรพชนแล้วจริงๆ

อวี้ฉือรุ่ยไม่อาจตัดสินใจอะไรได้ อวี้ฉือจิ้งเสียนเองก็ข่มโทสะไว้ไม่อยู่อีก ตั้งใจไปถามที่จวนอ๋องให้รู้เรื่องรู้ราว ทว่าถูกอวี้ฉือรุ่ยห้ามปรามเอาไว้

บุตรชายตนเองมีนิสัยเสียเช่นไรเขาจะไม่รู้เชียวหรือ หากเป็นสมัยก่อนที่อวี้ฉือเฟยเยี่ยนยังได้รับความโปรดปราน ไม่ว่าอะไรยังพูดง่าย ถ้าเกิดอวี้ฉือเฟยเยี่ยนถูกไล่ออกจากจวนอ๋องจริงๆ เขาพรวดพราดไปหาแบบไร้สมองเช่นนี้มิใช่พุ่งไปหาเคราะห์ร้ายพอดีหรอกหรือ ทว่าตอนนี้ไม่รู้สถานการณ์ของหลานสาวอวี้ฉือเฟยเยี่ยน ในใจผู้เป็นลุงอย่างเขาก็กลัดกลุ้มทรมานอย่างมาก

หลังจากใคร่ครวญไปมาจึงให้บุตรสาวที่แต่งงานไปแล้วกลับมา แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น หาข้ออ้างแวะไปเยี่ยมญาติผู้พี่ จะได้หยั่งเชิงท่าทางของจวนอ๋องด้วย

อวี้ฉือจิ้งโหรวเดินทางไปที่จวนอ๋องอย่างหวาดหวั่น ย่อมรู้ข่าวที่ว่าชายารองออกจากจวนไปแล้ว ตอนที่ได้ยินข่าวนี้อวี้ฉือจิ้งโหรวที่ยืนอยู่บนทางเดินประหนึ่งถูกอสนีบาตห้าสายผ่าใส่ร่าง นางถึงขั้นยืนไม่อยู่ ยังดีได้สาวใช้ด้านข้างช่วยจับประคองไว้

ภายหลังเป็นหัวหน้าเว่ยที่ได้ยินข่าวรีบยกขาอันแก่ชราวิ่งเร็วรี่มายังทางเดิน เรื่องเซียวอ๋องหย่ากับชายารองความจริงทุกคนในจวนเองก็สับสนมึนงง

แผนการของเจ้านาย คนเป็นบ่าวจะคาดเดาความคิดหรือเข้าใจครบถ้วนได้อย่างไร แต่หัวหน้าเว่ยเป็นคนหลักแหลม เขาไม่มองอะไรทั้งนั้น มองแค่ว่าท่านอ๋องใช้ความคิดอ่านกับที่ใดบ้าง

ทั่วใต้หล้าไม่เคยเห็นบุรุษหย่าภรรยาคนใดมีความคิดเช่นนี้มาก่อนเลย ทั้งที่เพิ่งจะเขียนหนังสือหย่าเสร็จ ต่อมากลับตั้งใจตรวจสอบของจำเป็นที่สตรีถูกหย่าพึงพกติดตัวออกไปด้วย ตั้งแต่ถ้วยชาจนถึงเบาะรอง ทุกอย่างล้วนต้องพิถีพิถัน เพราะว่าสิ่งของเยอะเกินไป ต้องใช้เกวียนเทียมม้าสี่ตัวส่งไปก่อนด้วยซ้ำ

รอหัวหน้าเว่ยคุมรถม้ามาถึงเรือนตวนมู่ ยอดเยี่ยมนัก ไม่รู้ว่าขยับขยายเรือนตั้งแต่เมื่อใด ด้านหลังถึงขั้นสร้างคลังเก็บของเพิ่มมาเป็นพิเศษ พืชผักผลไม้สดใหม่ในนั้นเทียบได้กับที่จวนอ๋องแล้ว ไม่ด้อยกว่าตรงที่ใดเลย!

รถม้าที่ชายารองนั่งออกจากจวนดูคล้ายอัตคัด ทว่าก็ผ่านการปรับปรุงเป็นพิเศษ ใต้รถม้าติดตั้งเกลียวสำริดล้วนถึงสี่ตัว ป้องกันไม่ให้เวลารถม้าแล่นผ่านถนนชนบทแล้วสะเทือนถึงโฉมงามในรถม้า…

ให้ตาย เช่นนี้ยังเรียก ‘หย่าภรรยา’ หรือ นี่เรียก ‘เรือนทองคำซ่อนสตรี’ ชัดๆ!

เมื่อกระจ่างแจ้งตรงจุดนี้หัวหน้าเว่ยก็ทำงานอย่างไม่สับสนอีก วันนี้ได้ยินว่าคุณหนูสกุลอวี้ฉือแวะมาเยี่ยมชายารอง กลัวว่าพวกลูกลิงค่างเฝ้าประตูจะพูดจาไม่ระวัง พล่ามเรื่องเหลวไหล เขาจึงรีบวิ่งมาที่ประตูทันที

คิดไม่ถึงว่าจะยังช้าไปก้าวหนึ่ง มาถึงที่นั่นก็เห็นว่าคุณหนูสกุลอวี้ฉือตกใจจนเข่าอ่อนไปแล้ว โธ่เอ๋ย ช่างน่าสงสารเหลือเกิน หัวหน้าเว่ยรีบประสานมือคารวะ เอ่ยปลอบอวี้ฉือจิ้งโหรวอย่างอ่อนโยนไปรอบหนึ่ง จากนั้นถึงได้ชี้แนะนางว่าตอนนี้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกำลังพักผ่อนอยู่ที่ชานเมืองหลวง ทั้งยังเรียกคนบังคับรถม้าของจวนอ๋องมาส่งอวี้ฉือจิ้งโหรวไปถึงชานเมืองหลวง

ป้ายคาดเอวของหัวหน้าเว่ยช่วยให้รถม้าขับผ่านด่านลับได้ตลอดเส้นทางมาถึงเรือนชนบท

เนื่องจากเซียวอ๋องตรงจากกรมปกครองไปยังชานเมืองชนบท ดังนั้นอวี้ฉือจิ้งโหรวเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เซียวอ๋องอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ทันทีที่ลงจากรถม้านางก็รีบร้อนเดินเข้าข้างในเรือนทันที

เวลานี้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนรู้ข่าวก็ลุกขึ้นออกไปต้อนรับญาติผู้น้องในห้องรับแขกของเรือนตนเอง

อวี้ฉือจิ้งโหรวเห็นอวี้ฉือเฟยเยี่ยนยืนยิ้มบางๆ ด้วยใบหน้าแดงเปล่งปลั่งอยู่ในห้องโถง หัวใจที่หวาดหวั่นจึงวางใจลงได้บ้างในที่สุด

“จิ้งโหรวมาแล้วหรือ เดินทางมาโคลงเคลงหรือไม่ มา นั่งลงพักผ่อนก่อน ข้าให้เป่าจูไปต้มชาให้เจ้า…”

ในใจอวี้ฉือจิ้งโหรวร้อนรนดุจไฟแผดเผา ไฉนเลยจะยังดื่มชาลง นางชิงถามอวี้ฉือเฟยเยี่ยนก่อนทันที “ญาติผู้พี่ เซียวอ๋องหย่ากับท่านแล้วจริงๆ หรือ”

อวี้ฉือเฟยเยี่ยนสะอึก นางตระหนักดีว่านอกจากฮองเฮากับคู่สามีภรรยาตวนมู่แล้ว เซียวอ๋องไม่ได้บอกคนนอกถึงเหตุผลที่หย่ากับนาง หากบุ่มบ่ามเปิดเผยออกไป เกรงว่าจะทำลายแผนการของเซียวอ๋องได้ แต่ญาติผู้น้องเป็นเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังเป็นห่วงตนเอง…

ชั่วขณะนั้นอวี้ฉือเฟยเยี่ยนลังเลลำบากใจสักพักแล้วก็เอ่ยว่า “ประมาณนั้น…กระมัง จิ้งโหรว ตอนมาที่นี่เจ้ากินอันใดมาหรือยัง ทางข้ายังเหลือซานเย่าเชื่อมน้ำผึ้งอยู่อีก เจ้าอยากกินสักหน่อยหรือไม่”

อวี้ฉือจิ้งโหรวแทบจะถูกความใจเย็นของญาติผู้พี่ทำให้ตกตะลึงพรึงเพริดอยู่แล้ว นางมีแต่ความสับสนมึนงงไม่เข้าใจเรื่องราว จึงถามอย่างตะกุกตะกัก “เซียวอ๋อง…เหตุใดถึงหย่ากับท่านพี่เจ้าคะ”

อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเพิ่งกินอาหารมา เมื่อครู่นี้ยังง่วงงุน ตอนนี้สมองแล่นไม่ทันจึงพูดตามเหตุผลบนหนังสือหย่า “เพราะป้อนผลไม้ไม่แกะเมล็ด ทำให้ท่านอ๋องติดคอ…”

ตอนนี้อวี้ฉือจิ้งโหรวทำได้เพียงหอบหายใจด้วยความโมโหเท่านั้นแล้ว เหตุใดไม่ติดคอองค์ชายสมองเลอะเลือนผู้นั้นจนสิ้นพระชนม์ไปเสียเลย!

 

 

(ติดตามต่อได้ในรูปแบบ E-book ฉบับเต็มวันที่ 22 .. 2568)

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: