X
    Categories: ด้ายแดงของเซียนจิ้งจอกทดลองอ่านมากกว่ารัก

ทดลองอ่าน ด้ายแดงของเซียนจิ้งจอก บทที่ 2.1

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 2-1 พบเจอกันอีกครั้งที่หอคณิกา

“นายท่านถูกใจเจ้า ให้เกียรติเจ้า ยังไม่ไปอีก!”

“ข้าบอกแล้วว่าท่านจำคนผิด” ซั่นซือฮุ่ยออกแรงสะบัดข้อมือที่ถูกจับกุมไว้ แต่ไหนเลยจะรู้ว่าบุรุษตรงหน้าถึงแม้จะดูเหมือนคนเมา แต่นางก็ยังสู้แรงเขาไม่ได้อยู่ดี ทำเอานางร้อนรนจนเพลิงโทสะแทบจะปะทุออกมาแล้ว

หน้าผากของนางเสียโฉม ใบหน้ามีรอยปาน นี่เป็นสตรีอัปลักษณ์ในความคิดของบุรุษทั่วไปมิใช่หรือ กอปรกับนางแต่งตัวปกปิดมิดชิดทั่วทั้งร่าง มองรูปร่างไม่ออกอย่างสิ้นเชิง เหตุใดถึงยังมาเกาะแกะนางได้อีกเล่า

เพราะโคมไฟมืดเกินไปเลยมองเห็นความอัปลักษณ์ของนางไม่ชัด หรือว่าในสายตาของบุรุษที่ดื่มสุราจนเมามายเหล่านี้ขอแค่เป็นสตรีก็ได้หมด? ถูกใจนางถือเป็นการให้เกียรตินาง? ไม่ต้องเลย ไม่ต้องมาให้เกียรติข้าใดๆ ทั้งสิ้น!

“จำผิดหรือไม่ก็ไม่เป็นไร” บุรุษผู้นั้นกระชากนางเดินไปยังด้านในเฉลียงทางเดินยาว

สองขาของซั่นซือฮุ่ยพยายามเหยียบพื้นเอาไว้แต่ก็ยังคงถูกลากให้เดินไป พื้นรองเท้าของนางไม่มีคุณสมบัติช่วยกันลื่นเลยสักนิด นางกลัวว่าตนเองจะถูกลากเข้าไปในห้องพิเศษจริงๆ มืออีกข้างของนางจึงทุบไหล่ของบุรุษผู้นั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ถือเป็นการใช้ความรุนแรงครั้งแรก เพราะนางไม่เคยทำมาก่อนเลยในชั่วชีวิตนี้

บุรุษผู้นั้นคล้ายกับถูกยั่วโมโหจนหงุดหงิด จึงหันหน้ากลับมาฟาดฝ่ามือใส่นาง นางใช้แขนบังไว้ข้างหน้าด้วยสัญชาตญาณ แต่กลับได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นแทน พอข้อมือของนางที่ถูกจับกุมไว้ได้รับอิสระนางก็ถอยกรูดไปหลายก้าวอย่างไม่ลังเลสักนิด เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งสิ่งที่เห็นคือ…

“เป็นท่าน?”

เยวี่ยซย่าหมั่งไม่ได้มองนาง เขาจับตัวบุรุษตรงหน้าที่กระชากข้อมือของนางเอาไว้อย่างยิ้มแย้มเช่นเดิม เอ่ยถามว่า “เจ็บหรือไม่”

“เหลวไหล ก็ต้องเจ็บน่ะสิ! เจ้า…เป็นใคร ถึงขนาดกล้ามาจับข้า…” เริ่มแรกท่าทางยามพูดจาของบุรุษผู้นั้นกำเริบเสิบสานไม่เบา แต่หลังจากเยวี่ยซย่าหมั่งเพิ่มแรงบีบที่มือแรงขึ้น เขาก็เจ็บจนพูดไม่ออก ขาทั้งสองข้างคุกเข่านั่งลงบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง

“ในเมื่อรู้ว่าเจ็บก็อย่าทำเช่นนี้กับผู้อื่น คำโบราณกล่าวไว้ว่าตนเองไม่พึงปรารถนาก็จงอย่าทำกับผู้อื่น แม้แต่หลักคุณธรรมข้อนี้เจ้าก็ไม่รู้อย่างนั้นหรือ” เยวี่ยซย่าหมั่งร่างกายไม่ขยับ น้ำเสียงนุ่มละมุนจนชวนให้คนเข้าใจผิดว่าเขากำลังเอ่ยไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกับผู้อื่นอยู่ “ดึกมากแล้ว กลับไปอ่านหนังสือให้เยอะๆ”

บุรุษผู้นั้นเจ็บปวดจนใบหน้ากลายเป็นสีแดงเลือดหมู พูดจาไม่ออกแม้แต่คำเดียว

เยวี่ยซย่าหมั่งราวกับไม่มีความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น เขากวักมือเรียกซั่นซือฮุ่ย จากนั้นใช้เท้าวาดลงบนร่างกายท่อนล่างของบุรุษผู้นั้นแล้วเอ่ยว่า “คราวหน้าหากพบเจอสถานการณ์เช่นนี้อีก ต้องเตะเข้าไปที่ตรงนี้ หรือไม่ก็ทิ่มไปที่คอหอย ต้องเลือกโจมตีจุดอ่อน ถ้าสามารถทำให้เขาล้มได้ในคราวเดียวก็จะดีที่สุด หาไม่แล้วก็อย่าเสียแรงเปล่าจนพลาดโอกาสหนีไป”

พอไม่ได้รับการตอบกลับเขาก็ปรายตามองแวบหนึ่ง แล้วก็เห็นซั่นซือฮุ่ยจ้องมองเขาเขม็งอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองข้างเอ่อรื้นด้วยประกายหยาดน้ำ ถ้อยวจีนับพันนับหมื่นถูกถ่ายทอดผ่านนัยน์ตางามที่คล้ายกับสามารถเอ่ยวาจาได้คู่นั้นออกมาราวกับแสงจันทรา

ท่าทางเช่นนี้อีกแล้ว เมื่อเห็นท่าทางที่เป็นเช่นนี้ เขามักจะหวั่นไหวอยู่ร่ำไป

แต่นี่มิใช่สิ่งที่ควรจะเป็น…

พอนึกถึงตรงนี้เขาก็หุบยิ้มลง สะบัดมือของบุรุษผู้นั้นออก บุรุษผู้นั้นร่างคว่ำลงกับพื้นราวกับโคลนเหลว

เยวี่ยซย่าหมั่งดึงผ้าเช็ดมือออกมาเช็ดถูมือด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ จากนั้นก็โยนผ้าเช็ดมือทิ้งส่งเดช ขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเดินจากไป ซั่นซือฮุ่ยก็ปรี่เข้ามาตรงหน้าด้วยฝีเท้ารวดเร็ว “คุณชาย ขอบคุณท่าน ขอบคุณท่านมากจริงๆ”

“ไม่ต้อง ไม่ใช่ว่าข้าตั้งใจช่วยเจ้าเสียหน่อย ข้าแค่ไม่ชอบคนพรรค์นี้เท่านั้น” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชา

ซั่นซือฮุ่ยผงะอึ้งไปเล็กน้อย แต่แล้วก็ยิ้มพลางเอ่ยทันทีว่า “แต่ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายท่านก็ได้ช่วยข้าไว้ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะตอบแทนท่านอย่างไรดี”

มาอยู่ที่โลกนี้นางเคยได้รับความช่วยเหลือและก็เคยถูกเมินเฉยเช่นกัน นางไม่ถือโทษที่ผู้อื่นนิ่งดูดายนาง เพราะอย่างไรเสียผู้อื่นก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือนาง ดังนั้นนางจึงนึกขอบคุณและเห็นคุณค่าของความช่วยเหลือที่ได้รับจากผู้อื่นมากเป็นพิเศษ เพียงแต่นางยากจนข้นแค้นจริงๆ ไม่มีสิ่งใดพอจะหยิบจับออกมาได้ ต่อให้อยากทดแทนบุญคุณก็ไร้กำลัง

“ไม่ต้องตอบแทนหรอก” แววตาของเขาเฉยชา เขายิ้มเย็นชาราวกับเกล็ดน้ำแข็ง ผลักไสไล่ส่งผู้คนให้ไกลห่างออกไปนับหมื่นหลี่*

“ต้องตอบแทนสิ” ซั่นซือฮุ่ยคิดไปคิดมา ครุ่นคิดอย่างจนปัญญาว่าตนเองมีความสามารถเพียงอย่างเดียวที่พอจะถือเป็นการทดแทนบุญคุณได้ “คุณชาย ข้าดูเรื่องเนื้อคู่ให้ท่านโดยไม่คิดเงินก็แล้วกัน”

ที่นี่ไม่มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา หยุดอยู่ตรงนี้สักประเดี๋ยวคงจะไม่เป็นไร นอกจากนั้นก็ยังมีเขาอยู่ทั้งคน นางรู้ว่าเขาไม่ใช่คนชั่วช้าอย่างแน่นอน เพราะว่าคนชั่วช้าคงจะไม่ช่วยเหลือนางอย่างไร้เงื่อนไขใดๆ ถึงสองครั้งหรอก…ถูกหรือไม่

เยวี่ยซย่าหมั่งเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ “ดูเรื่องเนื้อคู่?”

“อืม แม่นมากนะเจ้าคะ ข้าช่วยดูให้ท่านดีหรือไม่” ถึงแม้นางจะไม่เคยดูเรื่องเนื้อคู่ให้บุรุษมาก่อน แต่นางคิดว่าโดยหลักพื้นฐานแล้วคงจะเหมือนๆ กัน การดูเรื่องเนื้อคู่ต่างหากถึงจะเป็นอาชีพหลักของนาง ขายซาลาเปาเป็นอาชีพรอง เพราะนางรู้ดีว่าซาลาเปาที่นางทำแค่พอกินได้เท่านั้น ขายไม่หมดก็เอามาเป็นอาหารสามมื้อของตนเองได้

เยวี่ยซย่าหมั่งแค่นเสียงดูถูกเบาๆ “ดูอย่างไร”

“ง่ายดายยิ่ง แค่ท่านแบมือ” นางได้ยินเขาแค่นเสียงดูถูกเบาๆ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าถูกดูหมิ่นเลยสักนิด เพราะก่อนหน้านี้นางก็ได้ยินมาหลายครั้งแล้ว แต่ขอเพียงแค่นางดูดวงให้ หลังจากผ่านไประยะหนึ่งเสียงแค่นจมูกเบาๆ ก็จะกลายเป็นเสียงสูดลมหายใจ

เยวี่ยซย่าหมั่งไพล่มือไว้ด้านหลัง มุมปากยกเป็นรอยยิ้มเสียดสีหลายส่วน

ซั่นซือฮุ่ยเซื่องซึมเล็กน้อย เพราะว่าการที่เขาไม่ยอมให้ดูก็หมายความว่าเขาไม่เชื่อถือสักนิด “คุณชาย วันนี้ข้ามาที่นี่เพราะมีโอกาสได้พบเจอกับยอดบุปผาของที่นี่มาก่อน นางเคยเห็นข้าดูเรื่องเนื้อคู่ให้ผู้อื่น หลังจากคำทำนายกลายเป็นจริงถึงได้เชิญคนพาข้ามาดูเนื้อคู่ที่นี่ ข้าคำนวณเส้นเรื่องเนื้อคู่ให้นาง ไม่เกินสามเดือนนางจะได้ครองคู่กับชายในดวงใจอย่างแน่นอน”

“ยอดบุปผาของหอคณิกาอยากจะออกไปจากที่นี่มิใช่เรื่องง่าย”

“แต่นางทำได้ เนื้อคู่ของนางปรากฏขึ้นแล้ว ใครก็ห้ามไม่ได้”

“เจ้ามั่นใจถึงเพียงนี้เชียว”

“ข้าเอาชีวิตมาเดิมพันกับคุณชายก็ได้” นางพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ หนักแน่นทรงพลัง

โม่เทากับตันเสิงสบตากันแวบหนึ่ง คิดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายว่าแม่นางผู้นี้เดิมพันใหญ่หลวงยิ่งนัก

“แม่นางซั่น”

ทันใดนั้นก็มีคนร้องเรียกขึ้น ซั่นซือฮุ่ยหันหน้าไปก็เห็นว่าเป็นรั่วเฉินคณิกายอดบุปผาของที่นี่ จึงรีบร้อนเอ่ยถามว่า “แม่นางรั่วเฉินยังมีเรื่องใดอยากจะบอกข้าอีกหรือ”

“มิใช่ ชิวเยวี่ยบอกว่าท่านเจอปัญหาเข้า ข้าก็เลย…” แม้ในใจของรั่วเฉินจะร้อนรนกระวนกระวาย แต่บนใบหน้ายังคงไม่แสดงอาการใดๆ แม้แต่น้อย นางขยับฝีเท้านวยนาดมายังตรงหน้าซั่นซือฮุ่ย ยืนขวางตรงกลางระหว่างนางกับเยวี่ยซย่าหมั่ง “ไม่ทราบว่านายท่านผู้นี้เข้าใจผิดอันใดหรือไม่”

เดิมทีนางสั่งให้ชิวเยวี่ยซึ่งเป็นสาวใช้ส่งซั่นซือฮุ่ยกลับไปทางประตูหลัง แต่ใครจะรู้เล่าว่าระหว่างทางชิวเยวี่ยกลับถูกคนแยกตัวไปอีกทาง กระทั่งหันหน้ากลับมาอีกครั้งก็เห็นว่าซั่นซือฮุ่ยถูกผู้อื่นรังแกอยู่ ถึงได้เร่งรีบเรียกนางมา

ซั่นซือฮุ่ยรู้ว่ารั่วเฉินเข้าใจผิดไป จึงรีบร้อนโบกมืออธิบายว่า “ไม่ใช่นะ คุณชายผู้นี้ช่วยข้าเอาไว้”

นางเล่าที่มาที่ไปของเหตุการณ์อย่างรวดเร็วหนึ่งรอบ

“ขอบคุณนายท่านที่ยื่นมือช่วยเหลือ ผู้น้อยรั่วเฉินขอขอบคุณท่านไว้ ณ ที่นี้” รั่วเฉินยอบกายอย่างชดช้อย เรือนร่างอรชรอ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูก ทว่าสีหน้าแววตากลับไม่มีเจตนายั่วยวนเลยแม้แต่เศษเสี้ยว ส่วนการที่นางยืนขวางอยู่ตรงหน้าซั่นซือฮุ่ย ดูเหมือนเพราะกลัวว่าเขาจะมีเจตนาไม่ดี

เยวี่ยซย่าหมั่งจ้องมองรั่วเฉินครู่หนึ่ง จากนั้นเปิดปากเอ่ยว่า “ไม่เดิมพันชีวิต แต่เดิมพันด้วยเงินหนึ่งร้อยตำลึง”

คราวนี้โม่เทากับตันเสิงจับต้นชนปลายไม่ถูกจริงๆ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้านายถึงต้องเดิมพันกับผู้อื่นด้วย เงินหนึ่งร้อยตำลึงสำหรับเจ้านายแล้วก็เหมือนกับขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว* แต่สำหรับแม่นางผู้นี้…บางทีขายสองชีวิตก็ยังไม่ได้หนึ่งร้อยตำลึงเลย

คิ้วงามของรั่วเฉินขมวดเล็กน้อย ใช้สายตาสอบถามซั่นซือฮุ่ย ทว่าซั่นซือฮุ่ยยังไม่ทันได้อธิบายก็เอ่ยตอบรับเสียก่อน

“ได้ หนึ่งร้อยตำลึง” ถึงแม้หาเงินจากผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตจะไร้คุณธรรมยิ่ง แต่นางก็ขาดแคลนเงินมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นพอถึงเวลาค่อยลดให้เขาก็แล้วกัน

“สามเดือน?”

ซั่นซือฮุ่ยพยักหน้า “ภายในสามเดือนแน่นอน”

“ได้ สามเดือนให้หลังมาดูกัน”

เมื่อรั่วเฉินได้ยินเช่นนี้ก็พอจะจับต้นสายปลายเหตุออก เดาได้ว่าซั่นซือฮุ่ยเอาเรื่องเนื้อคู่ของนางมาเดิมพัน แต่ซั่นซือฮุ่ยมีความมั่นใจถึงเพียงนี้จริงๆ หรือ จริงๆ แล้วที่นางเรียกซั่นซือฮุ่ยมาดูเรื่องเนื้อคู่ให้เป็นเพราะในใจร้อนรนกระสับกระส่าย บัดนี้พอเห็นแม่นางผู้นี้เดิมพันด้วยเงินหนึ่งร้อยตำลึงอย่างมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม กลับทำให้นางเบาใจลง

ซั่นซือฮุ่ยยิ้มตาหยีราวกับเห็นเงินสีขาวแวววาวแล้ว ลิงโลดดีใจไม่หยุด ระหว่างที่คิดจะถามไถ่ชื่อเสียงเรียงนามของเขา ก็เห็นเขาปลดป้ายหยกอันหนึ่งออกมาจากสายคาดเอวแล้วยื่นให้นาง

“ภายในสามเดือนนี้หากอยากพบข้า ถือป้ายหยกนี้ไปยังที่ทำการก็พอ”

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 11 ก.ย. 68

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: