X
    Categories: ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืนทดลองอ่านมากกว่ารัก

ทดลองอ่าน ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืน บทที่ 1

หน้าที่แล้ว1 of 6

บทที่ 1 นางเอก

แสงจันทร์ส่องลงบนพื้นไม้สีเข้ม รอบด้านเงียบสงัด มีเพียงควันกำยานลอยออกจากปากเตาซวนหนี สีนิลวนเวียนอยู่ภายในห้อง ก่อนจะหลอมรวมไปกับผ้าม่าน แลดูคล้ายเป็นหมอกควัน กลมกลืนไปกับทิวทัศน์ยามราตรีอันมืดมัว

ด้านหลังฉากบังลมซึ่งวาดด้วยพู่กันทั้งห้าภาพ มีผ้าม่านผืนใหญ่ห้อยลงมาจากคานเป็นกรวยคว่ำปกคลุมเตียงแปดฉื่อ อย่างหนาทึบ แม้มองผ่านผ้าม่านไม่ชัด แต่ก็พอมองเห็นผมดำสยายอยู่บนเตียงอย่างเลือนราง และเนื่องจากผมยาวเกินไป จึงมีผมปอยหนึ่งห้อยลงมาระพื้น ซึ่งเจ้าของเส้นผมดูเหมือนจะหลับไม่สนิทนัก

ดรุณีนางหนึ่งนอนอยู่ท่ามกลางผ้าม่านหลายชั้น นางอายุประมาณสิบสามสิบสี่ปี แม้อายุยังน้อย ทว่าใบหน้าเริ่มเผยความงามออกมาแล้ว เพียงแต่ในยามนี้คิ้วเรียวยาวทั้งสองของนางขมวดมุ่นคล้ายฝันเห็นฉากบางอย่างที่ทำให้นางไม่สบายใจ

นางเห็นตนเองล้มลงท่ามกลางม่านหนาทึบ ก่อนจะหมดลมหายใจอย่างเงียบงัน เห็นญาติผู้พี่หญิงมีความสุขสมปรารถนา ชื่อเสียงโด่งดังขจรขจายทั่วหล้า ทุกวันมีผู้เลื่อมใสในชื่อเสียงมาขอเข้าพบ นางเห็นญาติผู้พี่หญิงของตนนั่งยิ้มอยู่หน้าคันฉ่องและใช้หวีสางผมอย่างช้าๆ อยู่ภายในห้องที่ว่างเปล่า ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากที่ใดไม่รู้ ‘ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ การโต้กลับประสบความสำเร็จ’

ญาติผู้พี่หญิงกำลังชมรูปโฉมอันงดงามไร้ผู้เทียบเทียมในคันฉ่อง ก่อนจะเม้มปากยิ้ม ‘ในที่สุดนางเอกก็ตายแล้ว ข้าที่เป็นตัวประกอบหญิงจะได้เล่นเนื้อเรื่องที่เหลือในต้นฉบับได้อย่างอิสระ นางเอกตายแล้ว สกุลอวี๋ก็ถูกข้าจัดการจนอยู่หมัด สิ่งที่จะทำต่อจากนี้คือยึดกุมหัวใจหลางหยาอ๋อง และกลายเป็นฮองเฮาองค์แรกของราชวงศ์’

‘ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ หลางหยาอ๋องคือบุตรแห่งสวรรค์ เขาถูกกำหนดให้รวมแผ่นดินอันโกลาหลเป็นหนึ่งเดียว ตามบันทึกประวัติศาสตร์ หลังจากที่หลางหยาอ๋องรวมใต้หล้าเป็นปึกแผ่น ได้แต่งตั้งบุตรีคนที่หกของสกุลอวี๋เป็นฮองเฮา เขามีอุปนิสัยคุ้มดีคุ้มร้าย แต่คล้อยตามอวี๋ฮองเฮาทุกอย่าง และไม่เคยแต่งสนมชายาคนใดเลยตลอดชีวิต นางเป็นที่รู้จักในประวัติศาสตร์ว่า ‘หมิงซีฮองเฮา’ ขอแค่โฮสต์แทนที่บทบาทของนางเอกและแต่งงานกับเขา ก็จะได้รับเกียรติและความโปรดปรานไปตลอดชีวิต ลูกหลานเป็นฮ่องเต้ทุกรุ่นสืบต่อไป’

‘แต่ตอนนี้เขาเป็นแค่ผู้สำเร็จราชการ…’

‘ฮ่องเต้น้อยองค์ปัจจุบันเขาก็แต่งตั้งเองกับมือ ราชวงศ์เหนือผู้ใดบ้างไม่รู้ว่าราชบัลลังก์แม้เป็นของฮ่องเต้ แต่ใต้หล้านั้นเสด็จอาหลางหยาอ๋องคือผู้ตัดสิน อีกไม่นานหลางหยาอ๋องก็จะทำลายล้างเป่ยจ้าว ในศึกเหออินฤดูหนาวปีเดียวกัน เขาเดินทางข้ามแม่น้ำและจับกุมฮ่องเต้ราชวงศ์ใต้ได้ที่ก้นบ่อน้ำ เมื่อวันนั้นมาถึง ฮ่องเต้น้อยต้องการบัลลังก์หรือไม่ ตัวเขาจะเป็นผู้ตัดสินใจได้หรือ’

อวี๋ชิงหย่าคุณหนูสี่แห่งสกุลอวี๋ยิ้มอย่างมั่นใจ ‘เจ้าพูดถูก หลางหยาอ๋องจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต เพียงให้ฮ่องเต้น้อยรักษาราชบัลลังก์ไว้ชั่วคราว เขาจะยอมให้ผู้อื่นนั่งบัลลังก์ไปตลอดได้อย่างไร ระบบบอกให้ข้ารู้เนื้อเรื่องต้นฉบับล่วงหน้าเช่นนี้นับว่ามีประโยชน์มากจริงๆ เพียงแต่พวกเราแอบวางยานางเอกให้ตายตอนนี้ เช่นนั้นบทของนางเอกกับพระเอก…’

‘วางใจเถิด การพบหน้าระหว่างพวกเขาสองคนยังไม่เริ่มขึ้น ตราบใดที่ท่านทำตามคำแนะนำของพวกเรา การแทนที่บทนางเอกก็เป็นเรื่องง่ายดาย’

อวี๋ชิงหย่าได้ยินดังนี้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ครั้งนี้นางใช้คะแนนสะสมทั้งหมดเพื่อแลกเปลี่ยนพิษที่ไร้สีไร้กลิ่นจากระบบและผสมลงในน้ำชาของอวี๋ชิงจยา นางไม่มีคะแนนสะสมมาแลกดรรชนีทองคำ อีกต่อไปแล้ว พูดง่ายๆ ก็คือส่วนที่เหลือต่อจากนี้นางต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น

อวี๋ชิงหย่าอดยินดีปรีดาไม่ได้ และกล่าวกับระบบว่า ‘ที่ข้าโต้กลับครั้งนี้ได้สำเร็จ ต้องขอบคุณระบบที่ช่วยเหลือเป็นอย่างดี ยินดีที่ได้ร่วมมือกัน’

เสียงสังเคราะห์ของเครื่องจักรราวกับสั่นไหวด้วยอารมณ์ดีอกดีใจในบางอย่าง ถ้อยคำเช่นนี้ถูกพูดออกมาด้วยเสียงสังเคราะห์อย่างมีระเบียบแบบแผน ชวนให้รู้สึกแปลกพิกลอย่างยากจะหาคำมาบรรยายได้ ‘ยินดีที่ได้ร่วมมือกับโฮสต์’

อะไรคือ โฮสต์

อะไรคือ โต้กลับ

ใครคือนางเอก

แล้วใครคือตัวประกอบหญิง?!

ทันทีที่อวี๋ชิงจยาหลุดพ้นจากความฝันก็ลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมเอามือทาบอกข้างซ้าย นางสวมเพียงเสื้อตัวกลาง เส้นผมที่กระเซิงเล็กน้อยแผ่คลุมพาดไหล่อันบอบบางลงมาครึ่งร่าง ภายใต้อาภรณ์ที่ยับย่นยิ่งทำให้รูปโฉมงามเพริศพริ้ง

อวี๋ชิงจยาหอบหายใจอย่างหนัก ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงค่อยรู้สึกว่าอาการกระวนกระวายราวกับถูกเข็มแทงหลัง และความรู้สึกหวาดหวั่นราวกับถูกอสรพิษจับจ้องได้หายไปแล้ว นางแบมือออกและมองนิ้วมืออันเรียวงามดุจหยกของตน ก่อนจะเงยหน้ามองไปรอบๆ

ไม่ผิด ที่นี่คือจวนเจ้าเมืองก่วงหลิงที่ชิงโจว นี่คือห้องนอนของนาง

อวี๋ชิงจยานั่งนิ่งอยู่พักใหญ่ ก่อนจะแหวกผ้าม่านอย่างเบามือแล้วลงจากเตียง นางเดินเปลือยเท้าไปเปิดหน้าต่างโดยไม่ส่งเสียงรบกวนผู้ใด จ้องมองจันทร์กระจ่างบนท้องนภาเหนือลานเรือนที่มีชายคาสีดำลาดเอียงอยู่นาน

ริมธาราผู้ใดยลจันทร์เป็นคนแรก จันทร์เหนือธาราส่องสว่างแก่ผู้คนคราแรกเมื่อปีใด

ลมราตรีพัดผ่านเส้นผมที่สยายคลุมไหล่ของอวี๋ชิงจยา ผมสองสามเส้นปลิวขึ้นเล็กน้อย หญิงสาวผมยาวในชุดสีขาวยืนเท้าหน้าต่างท่ามกลางแสงราตรี ดูงดงามบอบบาง สดใสบริสุทธิ์ ราวกับลั่วเสิน จุติลงมา

อารมณ์ความคิดของอวี๋ชิงจยาหวนกลับสู่ความฝันเมื่อครู่นี้

นางคือบุตรสาวคนเล็กของอวี๋เหวินจวิ้นเจ้าเมืองก่วงหลิงแห่งชิงโจว และเป็นคุณหนูหกสกุลอวี๋แห่งเหยี่ยนโจว อวี๋เหวินจวิ้นและอวี๋ซื่อ ฮูหยินเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ สามีภรรยารักใคร่ผูกพันลึกซึ้ง รักและทะนุถนอมบุตรสาวเพียงคนเดียวดั่งแก้วตาดวงใจมาตั้งแต่เล็ก แม้ว่าตระกูลมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง แต่อวี๋ชิงจยาก็ไม่เคยได้รับความทุกข์ยากใดๆ มาตั้งแต่เด็ก ด้วยความรักและความเอ็นดูของบิดามารดา นางจึงเติบโตมาจนถึงอายุสิบสี่ปีได้อย่างไร้ห่วงไร้กังวล

ทว่าความฝันในช่วงไม่กี่คืนที่ผ่านมาได้ทำลายชีวิตหญิงสาวที่อวี๋ชิงจยาเคยคิดว่าสุขสงบและแสนปลอดโปร่งผ่อนคลาย

นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตนเป็นนางเอกในหนังสือเล่มหนึ่ง หนังสือเล่มนี้ถูกเรียกอย่างดูถูกว่า ‘นิยายนางเอกแมรี่ซู’ ด้วยเสียงสังเคราะห์ เนื้อหาไม่ได้มีอะไรนอกจากเรื่องราวของสตรีนางหนึ่งที่เติบโตภายใต้การประคบประหงมของบิดามารดา จากนั้นในวัยสาวได้สัมผัสกับการผจญภัยหลายครั้ง ทำให้ได้รู้จักกับเหล่าคุณชายตระกูลขุนนางและลูกหลานเชื้อพระวงศ์หลายคน สุดท้ายก็ถูกพระเอกผู้ที่ฟ้าลิขิตขอแต่งงาน จนกระทั่งพระเอกรวมใต้หล้าเป็นปึกแผ่น นางเอกแมรี่ซูก็ได้เลื่อนขั้นเป็นฮองเฮา

ช่างน่ากระอักกระอ่วนจริงๆ นางเอกแมรี่ซูผู้นี้ก็คืออวี๋ชิงจยาตัวนางนั่นเอง

อวี๋ชิงจยาไม่รู้ว่าชีวิตของคนผู้หนึ่งจะถูกกำหนดโดยหนังสือเล่มหนึ่งได้จริงหรือไม่ แต่นางรู้ว่าชีวิตของตนอาจจะเกิดปัญหาใหญ่ได้

เนื่องจากโลกในตอนนี้ไม่ใช่นิยายแมรี่ซูเดิม แต่เป็นนิยายตัวประกอบหญิงจากมุมมองของญาติผู้พี่หญิงของนางเอกดั้งเดิม ตัวประกอบหญิงผู้นี้คือญาติผู้พี่หญิงของนางเอก แต่ชาติที่แล้วมีจุดจบที่น่าอเนจอนาถ หลังเกิดใหม่ด้วยความแค้นและได้รู้ว่าตนเป็นเพียงตัวประกอบหญิง ความเคียดแค้นและความรู้สึกไม่เป็นธรรมจึงก่อให้เกิดระบบตัวประกอบหญิงขึ้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ด้วยความช่วยเหลือจากระบบตัวประกอบหญิง ญาติผู้พี่จึงเชี่ยวชาญพิณ หมาก อักษร และภาพวาดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ไม่ว่าเสน่ห์ของซูต๋าหรือความเศร้าโศกของเปาซื่อขอเพียงมีคะแนนสะสมก็แลกความสามารถพวกนั้นมาได้อย่างง่ายดาย ส่วนยาพิษที่ใช้ฆ่าอวี๋ชิงจยาในภายหลังนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาจากโลกยุคโบราณ นั่นก็มาจากระบบเช่นกัน

ความฝันอันเลือนรางสับสนทำให้อวี๋ชิงจยาไม่สามารถรับรู้ถึงสุขทุกข์ของการพบพานและพลัดพรากอย่างลึกซึ้งได้ ทว่าในขณะที่นางมองเห็นตนเองนอนสิ้นใจอยู่บนพื้นอย่างเงียบงันนั้นก็ทำให้นางรู้สึกเศร้าใจมากจริงๆ

เมื่อชาติก่อนญาติผู้พี่หญิงมีชีวิตหลังแต่งงานที่เลวร้าย ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับอวี๋ชิงจยาเลย แต่หลังจากเกิดใหม่ ญาติผู้พี่กลับนำความแค้นทั้งหมดไปลงที่ผู้อื่นและเจตนาช่วงชิงชีวิตที่แต่เดิมเป็นของอวี๋ชิงจยาไป

อย่างเช่นเขียนบทเพลงที่อวี๋ชิงจยาเคยแต่งเมื่อชาติที่แล้วล่วงหน้า รีบไปพบขอทานที่มุมถนน ซึ่งตอนนี้ยังเป็นแค่ขอทานธรรมดาแต่จะทำการใหญ่หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากอวี๋ชิงจยา และยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อวี๋ชิงจยามองเห็นในความฝันไม่ชัดเจน ซึ่งตอนนี้จดจำไม่ได้แล้ว

อวี๋ชิงจยานึกถึงตรงนี้ก็หัวเราะเบาๆ ในยามนี้นางสวมชุดสีขาวยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ รอยยิ้มงดงามดุจเทพธิดาตำหนักจันทรา เลอโฉมบอบบางราวกับไม่มีอยู่จริง แม้จะเป็นเช่นนี้ก็มิอาจปิดบังความเยาะหยันในดวงตาของอวี๋ชิงจยาได้

อวี๋ชิงหย่าทำทุกวิถีทางเพื่อจะแทนที่นางเอก และภายหลังถึงกับลอบวางยาพิษอวี๋ชิงจยาจนตายโดยไม่ลังเล แต่สุดท้ายแล้วอวี๋ชิงหย่าก็ยังไม่ได้ตำแหน่งฮองเฮาที่เฝ้าฝันถึง

เนื่องจากสกุลอวี๋ถูกหลางหยาอ๋องมู่หรงเหยียนสั่งฆ่าล้างตระกูล ไม่มีผู้ใดรอดสักคน ยกเว้นเพียงอวี๋เหวินจวิ้นบิดาของอวี๋ชิงจยา

หลังจากที่หลางหยาอ๋องรวมราชวงศ์เหนือใต้เป็นปึกแผ่น ฮ่องเต้น้อยที่ครองราชย์ได้ไม่นานก็ ‘เสนอตัว’ สละบัลลังก์ให้เสด็จอามู่หรงเหยียนดังคาด ใต้หล้ารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แผ่นดินสงบสุข สิ่งที่เหล่าวีรบุรุษนับไม่ถ้วนทุ่มเททั้งกายใจกว่าสามร้อยปีก็ยังทำไม่สำเร็จ กลับทำสำเร็จได้โดยคนหนุ่มอย่างเขาที่อายุไม่ถึงยี่สิบปี ทว่าหลังจากที่มู่หรงเหยียนขึ้นครองราชย์ เขาไม่ได้เป็นฮ่องเต้ผู้ปราดเปรื่องอย่างที่ทุกคนคาดหวัง กลับบ้าอำนาจและกระหายสงคราม ฆ่าคนเป็นผักปลา ปกครองใต้หล้าด้วยความหวาดกลัวของผู้คน

เขาไม่ใช่ฮ่องเต้ผู้โง่เขลา แต่เป็นทรราชจอมเผด็จการที่น่ากลัวยิ่งกว่า

อวี๋ชิงจยามองไปยังแสงสุกสกาวเบื้องนอกหน้าต่าง จ้องมองไปยังดวงจันทร์ที่สว่างไสวบนฟากฟ้าอย่างไร้กังวล ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา

นางเริ่มฝันเช่นนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน ในตอนแรกนางคิดว่ามันเป็นเพียงความคิดเพ้อฝัน แต่เมื่อฝันไปเรื่อยๆ รายละเอียดในความฝันก็ยิ่งสมจริงมากขึ้น อวี๋ชิงจยาจึงรู้สึกถึงความผิดปกติ นี่ดูเหมือนเป็นฝันบอกเหตุ และฝันบอกเหตุนี้คือเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับนาง

อวี๋ชิงจยาแบมือ แสงจันทร์ส่องผ่านระหว่างนิ้วของนาง นางลองกำมือแน่นคล้ายอยากคว้าจับแสงจันทร์ไว้แต่ก็ไร้ผล นางกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “ที่แท้แล้วนางเอกมีบาปติดตัวมาแต่กำเนิดอย่างนั้นหรือ ข้าไม่คิดว่าตนเองเป็นนางเอกสักนิด และไม่คิดว่าโชคชะตาจะถูกกำหนดด้วยหนังสือเพียงเล่มหนึ่ง ชาติที่แล้วเจ้ามีชีวิตเลวร้าย นั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย ซึ่งข้าเองก็ไม่ได้อยากจะเป็นหินให้เจ้าเหยียบขึ้นไปบนเส้นทางไต่เต้าของเจ้าด้วย”

 

เมื่อคืนอวี๋ชิงจยาตากลมเป็นเวลานาน ตื่นขึ้นมาวันรุ่งขึ้นก็รู้สึกวิงเวียนอย่างที่คิดไว้ เมื่อนางคิดทบทวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ทุกสิ่งที่อยู่ในความฝันเริ่มเลือนรางราวกับมีม่านหมอกบดบัง เหตุการณ์หลายอย่างและผู้คนจำนวนมากเริ่มมองเห็นไม่ชัดเจนแล้ว

เป็นดังคาด การล่วงรู้อนาคตถือเป็นสิ่งต้องห้ามของสวรรค์ ตอนนี้มันกำลังซ่อมแซมรูรั่ว เกรงว่ามีเพียงญาติผู้พี่ที่ถูกระบบสิงร่างเท่านั้นที่สามารถหลีกหนีความสมดุลของกฎสวรรค์ไปได้ และกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานโดยอาศัยการรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าและมีดรรชนีทองคำ

อวี๋ชิงจยากลัวว่าในอีกไม่กี่วันนางจะลืมเรื่องเหล่านี้ไปโดยสิ้นเชิง ถึงเวลานั้นนางจะไม่ถูกระบบกับญาติผู้พี่หญิงออกอุบายฆ่าโดยไม่รู้ตัวหรอกหรือ ร่างกายมนุษย์จะเอาชนะปัญญาประดิษฐ์ที่มาจากอนาคต และยังเป็นศาสตร์ขั้นสูงข้ามมิติที่ล้ำสมัยที่สุดเช่นนั้นได้อย่างไร

นางเอาแต่พูดชื่อสำคัญเหล่านั้นในใจซ้ำๆ ต่อมาการลบความทรงจำของสวรรค์ก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อวี๋ชิงจยาตัดสินใจทิ้งชื่อของพระเอก ขอทาน รวมถึงแม่ทัพใหญ่และอัครมหาเสนาบดีไป แล้วท่องเพียงคำไม่กี่คำนี้ในใจไม่หยุด

อวี๋ชิงหย่า ระบบ

ระบบ อวี๋ชิงหย่า

อวี๋ชิงหย่า…ญาติผู้พี่หญิงของข้า บุตรีของบ้านใหญ่

ระบบมาจากศาสตร์ขั้นสูงและไม่ใช่สิ่งที่มาจากโลกใบนี้

สามวันต่อมา การแก้ไขของสวรรค์ก็สิ้นสุดลงในที่สุด อวี๋ชิงจยาถอนหายใจยาวๆ

สิ่งเหล่านี้เขียนออกมาไม่ได้ มีเพียงสมองของนางเท่านั้นที่อยู่ในขอบเขตที่สวรรค์แทรกแซงไม่ได้ ความจริงได้พิสูจน์ว่านางชนะแล้ว นางจำได้ว่าตนเองคือนางเอกแมรี่ซูที่เป็นที่รังเกียจอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้นางมาอยู่ในนิยายตัวประกอบหญิง ซึ่งนางจะถูกญาติผู้พี่หญิงลอบวางยาพิษจนตาย สุดท้ายทรราชจอมเผด็จการขึ้นครองบัลลังก์แล้วฆ่าล้างสกุลอวี๋ทั้งครอบครัว

พูดอีกอย่างก็คือความเป็นแมรี่ซูนั่นนางไม่ต้องการแล้ว ขอรักษาชีวิตตนเองก่อน

เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย อวี๋ชิงจยาจึงจดจำชื่อของทรราชผู้นั้นได้ หลางหยาอ๋องนามมู่หรงเหยียน ทว่าหลางหยาอ๋องในตอนนี้เห็นชัดๆ ว่าเป็นผู้หนีคดีที่ราชวงศ์ต้องการตัว ในระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาถึงได้มาแย่งชิงอำนาจคืนและรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งเดียวในท้ายที่สุด

อวี๋ชิงจยาพยายามคิดอย่างหนักแต่ก็ยังจำอะไรไม่ได้ นางราวกับศิษย์เกียจคร้านที่มีความรู้ไม่มากพอ เพียงรู้แค่จุดเริ่มต้นและจุดจบ ส่วนเรื่องราวตรงกลางนั้นกลับว่างเปล่า สำหรับรูปร่างหน้าตาของหลางหยาอ๋องผู้ร้ายหลักในคดีฆ่าล้างตระกูลเมื่อชาติที่แล้ว หรือสาเหตุในการฆ่าล้างสกุลอวี๋ นางย่อมไม่หลงเหลือความทรงจำแม้แต่น้อย

ไป๋จื่อคุกเข่าหลังโต๊ะอาหาร เห็นอวี๋ชิงจยาจับตะเกียบแล้ววางลงหลายครั้งจึงเอ่ยด้วยความกังวล “คุณหนู ท่านไม่กินหรือเจ้าคะ”

“ข้าไม่อยากอาหาร รู้สึกกินไม่ลง”

ไป๋จื่อเห็นอวี๋ชิงจยาเติบโตมาตั้งแต่เล็ก ความสนิทสนมเป็นรองเพียงอวี๋ซื่อผู้เป็นมารดาบังเกิดเกล้า ในใจไป๋จื่อนั้นรักอวี๋ชิงจยาประหนึ่งน้องสาวแท้ๆ เมื่อเห็นคุณหนูของตนท่าทางไม่มีความสุขติดต่อกันหลายวัน แม้แต่อาหารก็ไม่อยากกิน ทำให้นางรู้สึกกังวลใจยิ่งยวด “คุณหนูเจ้าคะ หลายวันมานี้ท่านมีเรื่องในใจใช่หรือไม่”

อวี๋ชิงจยานึกถึงอวี๋ชิงหย่าและระบบที่จ้องรอเล่นงานนางอยู่ แล้วส่ายหน้าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “ไม่มีหรอก ข้าแค่คิดถึงท่านพ่อก็เลยกินไม่ลง”

ไป๋จื่อถอนหายใจโล่งอก คุณหนูกับท่านเจ้าเมืองมีความสัมพันธ์พ่อลูกผูกพันลึกซึ้งมาแต่ไหนแต่ไร ท่านเจ้าเมืองออกจวนไปได้สิบกว่าวันแล้ว ระยะเวลายาวนานเกินไปจริงๆ คุณหนูเป็นกังวลจนกินอะไรไม่ลงเพราะเรื่องนี้ก็สมเหตุสมผลยิ่งนัก

อวี๋ชิงจยาแม้จะใช้บิดาเป็นข้ออ้าง แต่ที่จริงนางก็เป็นกังวลเรื่องจุดหมายปลายทางของบิดาจริงๆ อวี๋ชิงจยาเอ่ยถาม “ท่านพ่อไปเยี่ยมสหาย วันนี้ยังไม่กลับมาอีกหรือ”

อวี๋เหวินจวิ้นเจ้าเมืองก่วงหลิงบิดาของนางคือสุภาพชนผู้เลื่องชื่อ เขามีอุปนิสัยใจกว้างและท่าทีอันสูงส่ง ไม่ชอบจัดงานสังสรรค์พบปะสหาย ไม่ชอบการเสพสุขกับนางคณิกา ทุกวันเพียงดื่มด่ำกับภูผาธารา เพลิดเพลินกับการดีดพิณ อุปนิสัยของอวี๋เหวินจวิ้นย่อมไม่เข้ากับความชมชอบของผู้คนส่วนใหญ่ แต่ก็ดึงดูดกลุ่มคนที่มีความสนใจเดียวกันเข้ามา

อวี๋เหวินจวิ้นไปเยี่ยมเยียนสหายสนิทที่อยู่อย่างสันโดษ เที่ยวชมขุนเขาธาราเลื่องชื่อโดยไม่กลับมาเป็นเวลาห้าหกวันนั้นถือเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง แต่หลังจากที่มารดาล่วงลับไปแล้ว น้อยครั้งมากที่บิดาจะออกไปข้างนอกแล้วไม่กลับเช่นนี้ พอมาอยู่ที่เมืองก่วงหลิง เนื่องจากในจวนมีนางเป็นบุตรสาวเพียงผู้เดียว บิดาก็ยิ่งไม่มีทางออกไปข้างนอกโดยทิ้งบุตรสาวให้อยู่คนเดียวนาน

ดังนั้นอวี๋เหวินจวิ้นออกจวนไปนานเช่นนี้ออกจะผิดวิสัยจริงๆ

ไป๋จื่อส่ายหน้าและบอกไม่ทราบ อวี๋ชิงจยาก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ เพียงทอดถอนใจเท่านั้น

อวี๋ชิงจยาให้คนย้ายตั่งมาที่ริมหน้าต่าง นางนั่งคุกเข่าบนตั่งและจ้องมองทิวทัศน์ปลายวสันต์นอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย

นางสวมเสื้อตัวสั้นสีแดงแขนกว้างสาบเสื้อทับกัน ช่วงล่างสวมกระโปรงสีแดงสลับขาว นอกกระโปรงคลุมด้วยผ้าโปร่งสีขาวน้ำนมหนึ่งชั้น ยามขยับเคลื่อนไหวชุดจะเป็นประกายระยิบระยับ ยามสงบนิ่งก็งดงามดุจภาพวาด คนในยามนี้นับถือรูปโฉมหน้าตาภายนอกเป็นอย่างยิ่ง เป็นขุนนางก็อาศัยหน้าตา มีชื่อเสียงก็อาศัยหน้าตา ได้เลื่อนตำแหน่งก็อาศัยหน้าตาเช่นกัน ราชวงศ์เหนือดีกว่าราชวงศ์ใต้อยู่บ้างเล็กน้อยเพราะผู้มีอำนาจชอบวรยุทธ์ แต่ก็แค่ห้าสิบก้าวหัวเราะร้อยก้าวเท่านั้น

อวี๋ชิงจยาคือหญิงงามที่ล่มแคว้นได้ นางมีผมดกดำ คิ้วตางดงาม หางตาโค้งขึ้นเล็กน้อย แฝงไว้ซึ่งความบอบบางและความเย้ายวนโดยไม่ได้ตั้งใจ เคยมีคุณชายตระกูลขุนนางผู้หนึ่งบังเอิญเห็นอวี๋ชิงจยาที่จวนสกุลอวี๋ที่เหยี่ยนโจว เดินผ่านไปได้ห้าก้าวก็อดเหลียวมองมาไม่ได้ เขาจุปากแล้วกล่าวกับบ่าวรับใช้ซ้ายขวาด้วยรอยยิ้มว่า ‘ได้ยินมานานแล้วว่าสกุลอวี๋มีคนงาม พอได้มาเห็นเช่นนี้ ชื่อเสียงของอวี๋เหม่ยเหรินสมคำเล่าลือจริงๆ’

หลังจากเหตุการณ์นี้ชื่อเสียง ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ ของอวี๋ชิงจยาก็แพร่ออกไป เดิมที ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ คือดอกไม้ชนิดหนึ่งลำต้นเรียวยาวมีสีสันงดงาม ดูบอบบางและเศร้าโศก ราวกับใช้พลังงานและเลือดทั้งหมดในชีวิตเพื่อเบ่งบาน นี่เป็นคำเรียกที่ดูไม่ค่อยจริงจังสักเท่าไร กอปรกับ ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ นี้ยังพาดพิงถึงป้าอ๋องอำลาสนม ฟังแล้วรู้สึกไม่เป็นมงคลอย่างยิ่ง ดังนั้นอวี๋ชิงจยาจึงไม่ชอบให้ผู้อื่นเรียกเช่นนี้

ทว่าเวลานี้ไป๋จื่อยืนรอรับใช้อยู่หลังเตากำยาน ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าคุณหนูของตนมีท่วงท่าอันงดงามของอวี๋เหม่ยเหรินจริงๆ เมื่อก่อนเห็นนางยิ้มยังไม่รู้สึกอะไร วันนี้นางพิงหน้าต่างด้วยท่าทางกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย กระโปรงชายกว้างสีแดงสลับขาวพาดลงบนตั่งราวกับดอกไม้บาน ดูเพรียวบางและงดงาม ทั้งยังแฝงไว้ซึ่งความบอบบางราวกับดอกอวี๋เหม่ยเหริน

ไป๋จื่ออดนึกถึงฉายา ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ ของอวี๋ชิงจยาไม่ได้ และจากฉายานี้ก็ทำให้คิดถึงเรื่องราวของป้าอ๋องกับสนมอวี๋ด้วย นางคิดในใจ คุณหนูของข้าสูงส่งล้ำค่าเช่นนี้ คู่ควรให้วีรบุรุษอันดับหนึ่งในใต้หล้าก้มหัวคำนับ ทว่าทันใดนั้นไป๋จื่อก็ ถุยๆๆ ในใจทันที ป้าอ๋องฆ่าม้าอูจุยอาชาคู่ใจของเขาและอำลาสนมอวี๋ก่อนตาย คุณหนูของพวกข้าและสามีในอนาคตไม่มีทางเป็นเช่นนี้แน่

ไม่เพียงแต่ไป๋จื่อ บ่าวรับใช้คนอื่นๆ ในจวนเจ้าเมืองก็รู้สึกประหลาดใจกับความเงียบอันผิดปกติของอวี๋ชิงจยาเช่นกัน ความจริงแล้วอวี๋ชิงจยาเป็นคนที่ร่าเริงมาก แม้ว่าอวี๋ซื่อจะจากไปเร็ว แต่ในวัยเยาว์ก็รักและหวงแหนบุตรสาวเพียงคนเดียวมาก อีกทั้งอวี๋เหวินจวิ้นก็ดูแลเอาใจใส่บุตรสาวอย่างยิ่ง ชื่อของอวี๋ชิงจยานั้นอวี๋เหวินจวิ้นเป็นคนสอนให้เขียนเองกับมือ มารดาอ่อนโยนมีคุณธรรม บิดาเมตตาซื่อตรง เด็กสาวที่เติบโตในครอบครัวเช่นนี้ต้องเป็นคนมองโลกในแง่ดี มีความมั่นใจ และสามารถครองใจผู้คนด้วยรอยยิ้มได้อย่างแน่นอน

ทว่าเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างบ้านใหญ่และบ้านรอง อวี๋ชิงจยาจึงไม่เป็นที่โปรดปรานของอวี๋เหล่าจวิน* ผู้อาวุโสของตระกูล แต่สิ่งนี้ก็มิอาจเป็นอุปสรรค บ่าวรับใช้ของบ้านรองยังคงชื่นชอบคุณหนูผู้งดงามและร่าเริงของพวกตนจากใจจริง ในสายตาของไป๋จื่อ คุณหนูจยาจยาของนางก็คือจันทร์กระจ่างบนท้องนภา เป็นดวงดาราในแดนมนุษย์ ไหนเลยที่บุตรีบ้านใหญ่ใจดำผู้นั้นจะเทียบชั้นได้

ขณะที่ไป๋จื่อกำลังคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย ทันใดนั้นก็ได้ยินอวี๋ชิงจยาเอ่ยถามว่า “ระยะนี้มีจดหมายจากสกุลอวี๋ส่งมาบ้างหรือไม่”

หลังจากที่อวี๋ชิงจยารู้ถึงการมีอยู่ของตัวประกอบหญิงและระบบ จิตใจของนางก็ไม่สงบติดต่อกันหลายวัน ไม่มีใครเพิกเฉยต่ออริที่ตนรู้ได้ และไม่มีใครไม่ใส่ใจชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของตนเอง อีกทั้งเป็นไปได้มากว่าอวี๋ชิงหย่าจะเป็นฝ่ายลงมือฆ่านาง

อวี๋ชิงจยาไม่รู้สึกว่าตนติดค้างอะไรอวี๋ชิงหย่า ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะหลีกหนีอวี๋ชิงหย่าเพียงเพราะสถานะนางเอกและตัวประกอบหญิงที่ไม่อาจบรรยายนั่น นางไม่เชื่อว่าคนเราเมื่อกลับมาเกิดใหม่แล้วจะทำได้ทุกอย่างตามเดิม และไม่เชื่อว่าสวรรค์จะไร้ความเป็นธรรมขนาดปล่อยให้อีกฝ่ายอาศัยเพียงความสามารถและชื่อเสียงที่ขโมยมาแล้วจะสามารถกำเริบเสิบสานตามใจชอบได้

อวี๋ชิงจยานึกถึงตรงนี้ก็สับสนเล็กน้อย ในความฝันอวี๋ชิงหย่าจะวางยาพิษนางเมื่อใดนั้นนางไม่รู้ นางเพียงรู้ว่าพิษนั้นไร้สีไร้กลิ่นและผสมอยู่ในน้ำ แต่เป็นไปไม่ได้ที่นางจะหยุดดื่มน้ำต่อจากนี้

ความทรงจำราวกับม่านหมอก อวี๋ชิงจยาพยายามคิดอย่างหนักจนปวดหัวก็ยังคิดอะไรไม่ออก ความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นของนางถูกสวรรค์จงใจปกปิด หรือก็คือนางต้องพึ่งพาสัญชาตญาณของตนเองเพื่อหลีกหนีจากอันตรายถึงตายนี้

ว่าไปแล้วต่อให้อวี๋ชิงจยามีแผนมากมายเพียงใด แต่สิ่งที่นางทำได้จริงก็แค่รอบิดากลับมาเท่านั้น นี่อาจจะเป็นดรรชนีทองคำที่ระบบจัดสรรให้ตัวประกอบหญิงก็เป็นได้ ในตอนต้นเรื่องนางเอกเดิมอย่างอวี๋ชิงจยาไม่ได้อยู่ที่เหยี่ยนโจว นางติดตามบิดาไปประจำตำแหน่งที่เมืองก่วงหลิงในชิงโจวซึ่งอยู่ไกลออกไปพันหลี่ส่วนญาติผู้พี่อวี๋ชิงหย่าก็อาศัยโอกาสนี้เปิดหม้อทองคำใบแรกในชีวิต

ดรรชนีทองคำสิ่งนี้ช่างน่าโมโหจริงๆ อวี๋ชิงจยาในยามนี้ทั้งโกรธทั้งอับจนปัญญา คนไม่อยู่ต่อหน้า ไม่ว่าพูดหรือทำอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ อีกทั้งดูจากสถานการณ์ ภายในครึ่งปีหรือหนึ่งปีนี้เกรงว่านางคงออกจากชิงโจวกลับไปบ้านเกิดไม่ได้ ได้แต่มองตัวประกอบหญิงชิงโอกาสตัดหน้าไปต่อหน้าต่อตา ครอบครองทั้งโอกาสและสถานที่ที่เอื้ออำนวย ส่วนเหตุการณ์ที่อวี๋ชิงหย่าจะวางยาพิษนาง เห็นได้ชัดว่าเกิดขึ้นหลังจากที่นางกลับไปถึงเหยี่ยนโจวแล้ว ดังนั้นอวี๋ชิงจยาคิดว่าอาจจะพบเจอเบาะแสเล็กๆ น้อยๆ จากจดหมายที่ส่งมาจากทางสกุลอวี๋ก็ได้

อย่างไรก็ตาม อวี๋ชิงจยาคงต้องผิดหวังแล้ว เมื่อได้ยินไป๋จื่อกล่าวว่า “ช่วงนี้ไม่มีจดหมายส่งมาเจ้าค่ะ แต่เมื่อครึ่งเดือนก่อนเหล่าจวินเคยส่งจดหมายมาฉบับหนึ่ง คุณหนูจะอ่านหรือไม่เจ้าคะ”

ถึงกับเป็นจดหมายเมื่อครึ่งเดือนก่อน อวี๋ชิงจยาถอนหายใจกล่าว “ช่างเถอะ”

จดหมายฉบับนั้นนางเคยอ่านนานแล้ว ก็แค่ย่าทวดผู้อาวุโสที่มีอายุมากที่สุดของสกุลอวี๋ในยามนี้ด่าบิดาของนางว่าอกตัญญู ให้เขารีบกลับเหยี่ยนโจวโดยเร็วเพื่อรับตำแหน่งขุนนางตามการจัดเตรียมของตระกูล ตั้งแต่ที่อวี๋เหวินจวิ้นพาอวี๋ชิงจยามาอยู่ชิงโจวก็มีจดหมายเช่นนี้ส่งมาไม่ขาด ซึ่งพวกเขาจะได้รับหนึ่งฉบับทุกๆ สองถึงสามวัน

เนื่องจากเรื่องของอวี๋ชิงหย่ากับระบบทำให้อวี๋ชิงจยากระสับกระส่ายใจอย่างบอกไม่ถูก ยามดึกไป๋จื่อก้มหน้าเดินเข้ามาด้วยท่าทางอ้ำอึ้ง คล้ายเจอเรื่องบางอย่างที่ไม่สามารถเอ่ยปากได้

อวี๋ชิงจยารู้สึกประหลาดใจจึงเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ”

“คุณหนู ท่านเจ้าเมืองกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

อวี๋ชิงจยาลุกพรวดขึ้นมา นางจัดแขนเสื้อแล้วเดินไปข้างนอก “นี่เป็นเรื่องดี เหตุใดเจ้าถึงต้องทำท่าเศร้าด้วย”

ไป๋จื่อก้มหัวลงต่ำพลางกล่าวเสียงเบา “ท่านเจ้าเมืองยังพาหญิงงามคนหนึ่งกลับมาด้วยเจ้าค่ะ”

อวี๋ชิงจยาตะลึงงัน นางจำได้ดีว่าตอนที่มารดาป่วยหนักจนใกล้ตายเพราะถูกบ้านใหญ่และอวี๋เหล่าจวินโขกสับทารุณ บิดาคุกเข่าที่ข้างตั่งด้วยสีหน้าละอาย กุมมือมารดาไว้และกล่าวขออภัยพวกนางแม่ลูก

อวี๋ซื่อกับอวี๋เหวินจวิ้นเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ นางรู้ว่าเขามีหลายสิ่งที่ต้องจำยอม นางจึงไม่ตำหนิเขา แต่อวี๋ซื่อยังเป็นห่วงอวี๋ชิงจยาบุตรสาวเพียงคนเดียวของนาง

อวี๋เหวินจวิ้นรู้ว่าหากไม่ใช่เพราะตน อวี๋ซื่อก็ไม่มีทางโรยราตั้งแต่อายุยี่สิบกว่าปีเช่นนี้ เขากุมมือของภรรยาอันเป็นที่รักไว้แน่นและเอ่ยสาบานอย่างจริงจัง ‘อาจื่อ ข้าผิดต่อเจ้า และยิ่งผิดต่อจยาจยา เพื่อเป็นการไถ่โทษของข้า นับจากนี้ไปข้าจะไม่แต่งงานใหม่ และไม่มีทางให้สตรีอื่นมารังแกจยาจยาได้’

แม้ทำเช่นนี้จะดูเห็นแก่ตัวมาก แต่อวี๋ซื่อก็ยังรู้สึกสบายใจ นางรู้ว่าวันหน้าหากเขาแต่งภรรยาใหม่เข้ามาจะส่งผลกระทบต่ออวี๋ชิงจยาบุตรสาวที่ยังไม่ออกเรือนมากเพียงใด หลังจากได้ยินอวี๋เหวินจวิ้นสัญญาว่าจะไม่แต่งภรรยาใหม่หรือมีอนุภรรยา อวี๋ซื่อก็วางใจได้ในที่สุดและหลับตาลงด้วยรอยยิ้ม

แต่นี่เพิ่งสี่ปีท่านพ่อก็จะแต่งอนุภรรยาแล้ว?

อารมณ์ที่กักเก็บมาทั้งวันของอวี๋ชิงจยาพลันปะทุออกมา นางสีหน้าจริงจัง ดวงตางดงามทั้งสองเย็นชาอย่างที่สุด ในฐานะบุตรสาว การก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของบิดานั้นเสียมารยาทอย่างยิ่ง แต่นี่คือคำสัญญาที่บิดามีต่อมารดา มันคือตัวแทนแห่งความรักอันศักดิ์สิทธิ์และมั่นคงในใจของอวี๋ชิงจยามาโดยตลอด นางอยากดูว่าคนที่บิดาต้องการแต่งเข้าตระกูลจะเป็นปีศาจจิ้งจอกแบบใด

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 29 .. 67 

หน้าที่แล้ว1 of 6

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: