X
    Categories: ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืนทดลองอ่านมากกว่ารัก

ทดลองอ่าน ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืน บทที่ 4

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 4 เจียนเทียว

หลังจากอวี๋ชิงจยาออกมาจากห้องโถงก็ยกชายกระโปรงขึ้นทันที แล้ววิ่งไปตามระเบียงทางเดินอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมองเห็นคนตรงหน้านางก็จับเสาแล้วตะโกนในสภาพหายใจหอบเหนื่อย “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

มู่หรงเหยียนหยุดเดิน คล้ายรู้สึกคาดไม่ถึงว่าจะถูกสั่งให้หยุดเช่นนี้ ครั้นหันกลับมาเห็นเป็นอวี๋ชิงจยาก็เดินต่อโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง

อวี๋ชิงจยาไม่กล้ายืนยันว่าตนมองเห็นความดูถูกในสายตาของปีศาจจิ้งจอกผู้นั้นหรือไม่ แต่ในใจโวยวายแล้วว่าไม่เห็นกฎบ้านอยู่ในสายตา นี่มันไม่เห็นกฎบ้านอยู่ในสายตาชัดๆ!

อวี๋ชิงจยาไม่สนที่จะพักหายใจ รีบข้ามทางเดินไปขวางหน้ามู่หรงเหยียน แล้วเงยหน้าจ้องเขาอย่างน่าเกรงขาม

อวี๋ชิงจยาคิดไม่ถึงว่าตนจะต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

อวี๋ชิงจยาเลียนแบบท่าทางของป้าสะใภ้และน้าสะใภ้ยามแสดงอำนาจใส่พวกอนุภรรยาที่มาสร้างความไม่สบายใจให้ตนเอง ในบรรดาคนที่นางรู้จักมามีบางคนเป็นสตรีผู้มีการศึกษาและเก่งกาจ แม้จะเป็นเพียงบุตรสาว แต่ก็สามารถจัดการอนุภรรยาของบิดาได้อย่างเหมาะสม กุมอำนาจชี้เป็นชี้ตายของเรือนหลังทั้งหมด ในอดีตจวนเจ้าเมืองมีอวี๋ชิงจยาเพียงคนเดียว อำนาจควบคุมจวนย่อมไม่สำคัญ ทว่ายามนี้เรือนหลังมีศัตรูรุกราน อวี๋ชิงจยาตัดสินใจทันทีว่าจะไม่ทำตัวเกียจคร้านเหมือนเมื่อก่อน นางต้องยึดเอาพวกป้าสะใภ้และน้าสะใภ้มาเป็นเป้าหมาย กำราบพิษสงของอนุภรรยาให้สิ้นซาก ไม่ว่าคนผู้นั้นจะได้รับความโปรดปรานปานใด ต่อให้เป็นมังกรก็ต้องขดอยู่ในอาณาเขตของนาง!

ตามแผนเดิมของอวี๋ชิงจยา นางจะเดินทอดน่องมายืนตรงหน้ามู่หรงเหยียนอย่างสูงส่งและสง่างาม กล่าววาจาที่มีทั้งพระเดชพระคุณด้วยท่วงท่าผ่อนคลายแต่แฝงไว้ซึ่งพลังอาฆาตอันแรงกล้า เพื่อกำราบศักดิ์ศรีของปีศาจจิ้งจอก แล้วสั่งให้อีกฝ่ายคุกเข่ายอมรับผิดครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อจากนี้จะได้ไม่กล้าล่วงเกินนางอีก แต่ทันทีที่อวี๋ชิงจยาเดินออกมากลับพบว่ามู่หรงเหยียนเดินหายลับไปแล้ว นางวิ่งไปตามทางที่สาวใช้บอกก่อนจะตามทันอย่างยากลำบาก ปกติอวี๋ชิงจยามักละเลยการออกแรงฝึกฝนร่างกาย แค่วิ่งตลอดทางถึงกับผลาญพลังชีวิตนางไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ยามนี้ก้อนเนื้อในหน้าอกของนางเต้นตุบๆ หอบหายใจไม่หยุด เนื่องจากลมหายใจไม่สม่ำเสมอ กอปรกับต้องเงยหน้ามองอีกฝ่าย อวี๋ชิงจยายังไม่ทันเอ่ย ความน่าเกรงขามก็ลดฮวบลงไปแล้วครึ่งหนึ่ง

อวี๋ชิงจยาไม่พอใจกับ ‘การแสดงบารมี’ ของตนอย่างยิ่ง นางแอบบ่น เจ้าปีศาจจิ้งจอกช่างเดินเร็วนัก

“เจ้าคืออนุภรรยาที่พ่อข้าพากลับมาหรือ”

คำถามที่ดูไม่แยแสอีกฝ่ายเช่นนี้สยบคนได้ดีที่สุด ความผ่อนคลายและเยือกเย็นสุขุมถึงจะแสดงท่าทีของนายหญิงออกมาได้ อ้อ ถึงแม้ว่าอวี๋ชิงจยาจะไม่ใช่นายหญิง แต่จุดประสงค์ข่มขวัญคนนั้นเหมือนกัน

แต่อวี๋ชิงจยาลืมไปเลยว่าปกติเมื่อภรรยาเอกพบอนุภรรยา คนหนึ่งจะนั่งและอีกคนคุกเข่า แต่ตอนนี้นางต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย เมื่อเป็นเช่นนี้ความสามารถในการข่มขู่อาจลดลง อีกทั้งดวงตาของนางทั้งกลมและขนตางอนยาว เห็นผมหนานุ่มแล้วยิ่งน่าเอ็นดู ท่าทีดุดันจึงลดลงไปอีก

มู่หรงเหยียนหรี่ตา แล้วปรายตามองอย่างเย็นชา ก่อนจะอ้อมอวี๋ชิงจยาเดินไปข้างหน้า

อวี๋ชิงจยาตกตะลึงอย่างยิ่ง นี่มันอะไรกัน! ไฉนเจ้าปีศาจจิ้งจอกถึงไม่กลัวเล่า

อวี๋ชิงจยารีบวิ่งไล่ไปดักข้างหน้า ดวงตากลมเบิกกว้าง “ฐานะภรรยาเอกและอนุภรรยาแตกต่างกัน เจ้าปฏิบัติเช่นนี้กับคุณหนูผู้เป็นนายของบ้านหรือ”

มู่หรงเหยียนเดินไปข้างหน้าต่อราวกับมองไม่เห็นนาง อวี๋ชิงจยาจำต้องถอยหลังสองก้าว พยายามรักษาท่าทีของตนไว้ “ข้าเป็นบุตรสาวภรรยาเอก ท่านแม่ข้าเป็นภรรยาเอกที่ผูกสัมพันธ์กับท่านพ่อมาตั้งแต่เยาว์วัย แม้ว่าท่านแม่ไม่อยู่แล้ว ในเรือนสกุลอวี๋ก็ไม่มีโอกาสให้เจ้ามาก่อเรื่องได้ หากเจ้าใช้ชีวิตอย่างสงบเสงี่ยม ข้ารับรองว่าเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจเจ้าแล้ว”

มู่หรงเหยียนก้มหน้ามองคนตรงหน้า เป็นครั้งแรกที่สงสัยว่าใต้หล้านี้มีคนโง่เช่นนี้ได้อย่างไร พอเขาจะขยับตัวก็ถูกอวี๋ชิงจยาขวางอีก “เจ้าได้ยินหรือไม่”

มู่หรงเหยียนสุดจะทน ใช้นิ้วหนึ่งกดลงบนไหล่ของอวี๋ชิงจยา แล้วผลักนางออกไปโดยตรง

“นี่! เจ้า…” อวี๋ชิงจยาถูกผลักออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว การทรงตัวของนางไม่มั่นคง จำต้องยื่นมือไปจับราวระเบียงถึงจะทรงตัวได้ ส่วนตัวการของเรื่องทั้งหมดนี้ไม่มีท่าทีกลับมาเหลียวมองแม้แต่น้อย ราวกับว่าในที่สุดก็เก็บกวาดเส้นทางของตนได้แล้ว เขาเม้มริมฝีปาก เดินไปโดยไม่หันกลับมามอง

อวี๋ชิงจยาจ้องมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายอย่างตะลึง ราวกับจะจ้องให้ทะลุเป็นโพรง นางยกกระโปรงไล่ตามไปสองสามก้าว พร้อมตะโกนไล่หลังมู่หรงเหยียน “เจ้าได้ยินหรือไม่! ข้าเตือนเจ้าด้วยความหวังดีนะ หากเจ้ายังเป็นเช่นนี้อีก ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้ว”

หญิงสาวแม้จะพูดคำข่มขู่แต่ก็ไร้กำลัง พอพูดถึงช่วงหลังปลายเสียงของนางก็แหลมสูงอย่างช่วยไม่ได้

มู่หรงเหยียนคิดในใจ ไม่เกรงใจ? อย่างเจ้าน่ะหรือ เขาหัวเราะเยาะในใจเสียงหนึ่ง คร้านจะมองอวี๋ชิงจยาแม้แต่แวบเดียว

ไป๋จีติดตามอยู่ข้างกายอวี๋ชิงจยา เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่คุณหนูของตนตามอีกฝ่ายทันและถูกเมินจนกระทั่งถูกผลักออกไป ไป๋จีรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ นางเรียกอย่างระมัดระวัง “คุณหนู…”

“นาง…คิดไม่ถึงว่านาง…” อวี๋ชิงจยาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ สุดท้ายก็กระทืบเท้าด้วยโทสะ “ข้าไม่จบกับนางแน่!”

 

ไป๋จื่อเลิกผ้าม่านขึ้น ครั้นเห็นสีหน้าของคนที่อยู่นอกห้องก็ตกตะลึง “เอ๊ะ คุณหนูเป็นอะไรไป ใครยั่วโมโหท่าน”

ไป๋จีส่งสายตาให้ไป๋จื่อ “ไม่ต้องพูดแล้ว ตอนนี้คุณหนูกำลังกลุ้มอยู่”

ไป๋จื่อหลีกทางให้ จนกระทั่งอวี๋ชิงจยาเดินเข้ามาข้างในแล้วนางจึงแอบขยับปากถามไป๋จีเสียงเบา “เกิดอะไรขึ้น”

“ก็เพราะคนผู้นั้นที่ท่านเจ้าเมืองพากลับมาใหม่นั่นล่ะ นางไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ เป็นแค่อนุภรรยาที่มิต่างจากของเล่นแท้ๆ กลับกล้ามาอวดดีกับคุณหนู”

ตอนที่เจ้าเมืองกลับมาก่อนหน้านี้ ไป๋จื่อไม่ได้ตามอวี๋ชิงจยาออกไป แต่อยู่ในห้อง จึงรู้เพียงว่าจวนเจ้าเมืองมีอนุภรรยาเพิ่มมาหนึ่งคน แต่ไม่รู้ว่าอนุภรรยาคนงามคือผู้ใด ทว่าดูจากสีหน้าของอวี๋ชิงจยาในตอนนี้ เกรงว่าคนผู้นั้นจะไม่ใช่คนดีอะไร

ไป๋จื่อดูแลอวี๋ชิงจยามาตั้งแต่เล็กจนโต แทบจะเป็นเหมือนพี่สาวของนาง นอกจากอวี๋ซื่อที่เป็นมารดาบังเกิดเกล้าแล้ว ไป๋จื่อก็คือคนที่ใกล้ชิดกับอวี๋ชิงจยาที่สุด ไป๋จื่อถือเชิงเทียนมาให้อวี๋ชิงจยา ก่อนจะคุกเข่าที่ด้านหลังนาง กล่าวอย่างนุ่มนวล “คุณหนูยังหงุดหงิดเรื่องที่เรือนหน้าหรือเจ้าคะ”

“เปล่า นางคู่ควรหรือ”

ไป๋จื่อเขี่ยไส้เทียนให้สว่างขึ้น แล้วกล่าวอย่างช้าๆ “คุณหนูอย่าโกรธไปเลยเจ้าค่ะ นางไม่คู่ควรให้ท่านโมโห ท่านคือสมบัติล้ำค่าในมือท่านเจ้าเมือง แม้คนที่บ้านเกิดไม่เห็นด้วย ท่านเจ้าเมืองก็ยังยืนกรานจะพาท่านมาอยู่ที่ชิงโจวไม่ใช่หรือเจ้าคะ ท่านเจ้าเมืองดีต่อท่านเช่นนี้ อนุภรรยาคนหนึ่งจะนับเป็นอะไรได้”

เห็นอวี๋ชิงจยานิ่งเงียบ ไป๋จื่ออยากจะเบี่ยงเบนความสนใจของนาง จึงแสร้งทำเป็นพูดอย่างร่าเริงว่า “คุณหนู ตอนกลางวันท่านถามถึงจดหมายไม่ใช่หรือเจ้าคะ บังเอิญวันนี้หลังจากที่ท่านถามเสร็จก็มีจดหมายจากเหยี่ยนโจวมาพอดีเลยเจ้าค่ะ”

“หืม” อวี๋ชิงจยามีชีวิตชีวาขึ้นมาและรีบกล่าว “รีบเอามาให้ข้าดูเร็ว”

จดหมายที่ส่งมาจากสกุลอวี๋ ตามหลักต้องให้อวี๋เหวินจวิ้นอ่านก่อน แต่เขารักและให้ความสำคัญบุตรสาวมาโดยตลอด จึงไม่ใส่ใจการละเมิดธรรมเนียมเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ อวี๋ชิงจยาเปิดจดหมายอย่างรวดเร็ว กวาดตาอ่านทีละหลายบรรทัด จนกระทั่งอ่านถึงช่วงท้าย สีหน้าถึงดูกลัดกลุ้ม

ไป๋จื่อเห็นอวี๋ชิงจยาสีหน้าไม่ปกติ จึงถามอย่างห่วงใย “เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”

อวี๋ชิงจยาวางกระดาษสองหน้าลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเขาเร่งให้ท่านพ่อกลับไปที่เหยี่ยนโจวอีกแล้ว เหล่าจวินตำหนิท่านพ่อที่ดึงดันทำตามใจตนเอง ประจำตำแหน่งอยู่ที่ชิงโจวมีแต่จะเสียเวลาเปล่า ถ่วงความก้าวหน้าในเส้นทางขุนนางเท่านั้น เหล่าจวินยังบอกอีกว่าหากท่านพ่อสำนึกตัวได้แล้ว กลับไปเหยี่ยนโจวตอนนี้ยังรับตำแหน่งที่นางเตรียมให้ท่านพ่อทัน”

ไป๋จื่อพลันนิ่งเงียบ ผู้อาวุโสสกุลอวี๋ไม่ยอมให้อวี๋เหวินจวิ้นไปเป็นขุนนางต่างถิ่นเป็นเรื่องที่รู้กันนานแล้ว แต่พวกนางไม่คิดว่าอวี๋เหล่าจวินจะมีอคติต่อชิงโจวเลวร้ายถึงขั้นนี้

อวี๋ชิงจยารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลจากสัญชาตญาณ สกุลอวี๋อาศัยอยู่ที่เหยี่ยนโจวมาหลายชั่วอายุคน การที่ย่าทวดจะดูแคลนสถานที่อื่นก็เป็นเรื่องปกติ ทว่าพวกนางอยู่ที่ชิงโจวมาสองปีแล้ว ปกติแม้อวี๋เหล่าจวินจะไม่พอใจ แต่ก็ยังพูดจาสุภาพ ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วันไฉนจู่ๆ ถึงมีท่าทีเปลี่ยนไป เลวร้ายถึงขั้นประณามท่านพ่อในจดหมายอย่างรุนแรงด้วยโทสะ

อวี๋ชิงจยาพลันนึกถึงอวี๋ชิงหย่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือค้อนที่ทุบหัวใจของนางอย่างแรง ความฝันเหล่านั้นล้วนเป็นจริง

นับดูเวลาตั้งแต่ที่จดหมายส่งมา เกรงว่าความฝันของอวี๋ชิงจยาและการเกิดใหม่ของอวี๋ชิงหย่าไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกัน จากจดหมายนี้ต้องนับเวลาย้อนกลับไปอย่างน้อยหนึ่งถึงสองเดือน เช่นนี้จึงจะสมเหตุสมผล อวี๋ชิงหย่าเกิดใหม่แล้วลงชื่อทำสัญญากับระบบ ระบบก็ช่วยนางจัดการกับอวี๋ชิงจยา และดำเนินตามแผนการภายในสองเดือนนั้น

ทว่าอวี๋ชิงจยาไม่เชื่อว่าใต้หล้านี้มีอาหารกลางวันที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย เหตุใดระบบจึงช่วยอวี๋ชิงหย่า แล้วระบบอยากได้อะไรจากตัวอวี๋ชิงหย่ากันแน่

อวี๋ชิงจยาไม่รู้ เกรงว่าอวี๋ชิงหย่าเองก็คงไม่เคยคิดเรื่องนี้เหมือนกัน

ตอนนี้อวี๋ชิงหย่าหรือก็คือ ‘มาตรการตอบโต้ของระบบ’ มีผลแล้ว อวี๋เหล่าจวินเปลี่ยนความคิดที่มีต่ออวี๋ชิงหย่าใหม่ดังคาด และภายใต้การยั่วยุอันคลุมเครือของอวี๋ชิงหย่า ทำให้อวี๋เหล่าจวินไม่พอใจอย่างยิ่งกับอวี๋ชิงจยาพ่อลูกที่อยู่ชิงโจวอันห่างไกล อวี๋ชิงจยานึกถึงเรือนอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ชีวิตอันอึมครึมเหล่านั้น สีหน้าก็หมองเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

ไป๋จื่อนึกถึงอวี๋เหล่าจวินผู้ถือตนเป็นใหญ่ที่บ้านเกิดและคนในบ้านใหญ่ที่เย่อหยิ่งก้าวร้าว นางอยู่ข้างกายอวี๋ชิงจยามานานหลายปี คุณหนูหกแม่ลูกใช้ชีวิตอยู่ที่จวนสกุลอวี๋อย่างไร ไป๋จื่อย่อมจำได้ดี

บิดามารดาของอวี๋เหวินจวิ้นคือคนของบ้านรอง ส่วนอวี๋เหวินจวิ้นกลับสืบทอดบ้านใหญ่และบ้านรองในเวลาเดียวกัน

สาเหตุของเรื่องนี้ยาวมาก

อวี๋เหล่าจวินคือเจ้าบ้านหญิงสกุลอวี๋ มีบุตรชายอยู่สองคน บุตรชายคนโตอวี๋ฟู่ถือเป็นทายาทสายตรงของบ้านใหญ่ บุตรชายคนรองคืออวี๋เหยี่ยนบิดาของอวี๋เหวินจวิ้น อวี๋ฟู่และอวี๋เหยี่ยนสองพี่น้องต่างมีบุตรชายอยู่หนึ่งคนเหมือนกัน อวี๋เหล่าจวินแต่ไหนแต่ไรมาลำเอียงไปทางบุตรชายและหลานชายคนโต แม้จะไม่พอใจหลานชายบ้านรองอย่างอวี๋เหวินจวิ้นที่ไม่รักความก้าวหน้าในเส้นทางขุนนางและไม่ทำเรื่องจริงจัง แต่ก็เพียงหลับตาข้างเดียวปล่อยผ่านเขาไป แต่ใครจะรู้ว่าสิบกว่าปีก่อน หลานชายคนเดียวของบ้านใหญ่ที่อายุยังน้อยจู่ๆ ก็ตายอย่างไม่คาดคิดโดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีแม้กระทั่งบุตรอนุภรรยาเหลือไว้ หลังโศกเศร้าอวี๋เหล่าจวินก็รู้สึกหวั่นวิตก กลัวว่าบุตรชายคนโตจะไร้ทายาทสืบทอด จึงคิดจะให้บุตรชายจากสายอื่นในเครือญาติมาสืบทอดบ้านใหญ่ด้วย ซึ่งผู้ที่มีต้นกำเนิดเดียวกันและอายุเหมาะสมที่สุด ย่อมเป็นอวี๋เหวินจวิ้นจากบ้านรอง

ทว่าอวี๋เหวินจวิ้นก็เป็นบุตรชายคนเดียวของบ้านอวี๋เหยี่ยนเช่นกัน หากสืบทอดบ้านใหญ่ บ้านรองก็จะสิ้นทายาท ด้วยความจนปัญญา จึงจำต้องใช้ธรรมเนียมเจียนเทียว หรือก็คืออวี๋เหวินจวิ้นหนึ่งคนต้องรับช่วงต่อถึงสองบ้าน รับหน้าที่สืบวงศ์วานครอบครัวตนเองและครอบครัวของท่านลุงในเวลาเดียวกัน

ในเมื่อเป็นธรรมเนียมเจียนเทียว นั่นก็หมายความว่าอวี๋เหวินจวิ้นต้องแต่งภรรยาเอกสองคนเพื่อสืบเชื้อสายสกุลแยกกัน อวี๋เหวินจวิ้นเดิมทีหมั้นหมายกับอวี๋ซื่อ เหมยเขียวม้าไม้ไผ่ที่อายุน้อยกว่าตน เพียงรออวี๋ซื่ออายุครบสิบห้าปีก็แต่งงานได้ สุดท้ายถูกธรรมเนียมเจียนเทียวทำให้วุ่นวาย เขาจำต้องเลื่อนการแต่งงานกับอวี๋ซื่อออกไป และถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับหลี่ซื่อภรรยาเอกที่หมั้นหมายกับญาติผู้พี่ตอนยังมีชีวิตอยู่ก่อน เรียกได้ว่าอยู่ดีๆ ภัยพิบัติก็ตกลงมาจากฟากฟ้า อวี๋ซื่อมองดูอวี๋เหวินจวิ้นแต่งงานกับสตรีอื่นต่อหน้าต่อตา และภายใต้การเตรียมการของผู้อาวุโสในตระกูล อวี๋เหวินจวิ้นต้องร่วมห้องกับหลี่ซื่อเป็นเวลาสามเดือน จึงจะสามารถแต่งงานกับอวี๋ซื่อได้

ความบาดหมางระหว่างหลี่ซื่อและอวี๋ซื่อจึงเริ่มต้นนับจากนี้

อวี๋ซื่อและหลี่ซื่อต่างเป็นฮูหยินเอกเช่นเดียวกัน แม้พวกนางมีสามีร่วมกัน แต่ยามเจอหน้ากลับเรียกกันว่า ‘พี่สะใภ้’ ‘น้องสะใภ้’ อวี๋ชิงจยาเป็นบุตรสาวของอวี๋ซื่อ ส่วนอวี๋ชิงหย่าเป็นบุตรสาวของหลี่ซื่อ พวกนางสองคนแม้มีบิดาเดียวกัน แต่ตามธรรมเนียมเจียนเทียวถือเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน

แม้ในนามจะเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้ที่มีฐานะเท่าเทียมกัน ทว่าอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ไหนเลยจะไม่แบ่งแยกสูงต่ำ บ้านใหญ่ครองความเป็นผู้ปกครองตระกูล หากไม่ใช่เพราะทายาทคนเดียวของบ้านใหญ่ตายอย่างคาดไม่ถึง เกรงว่าชื่อของบ้านใหญ่คงตกมาไม่ถึงตัวอวี๋เหวินจวิ้น ดังนั้นบ้านใหญ่ที่มีฐานะสูงส่งมาโดยตลอดจึงคิดว่าการที่อวี๋เหวินจวิ้นได้สืบสานวงศ์วานของบ้านใหญ่ล้วนเป็นความเมตตาของพวกเขา ส่วนอวี๋ซื่อซึ่งเดิมทีเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่กับอวี๋เหวินจวิ้น การแต่งงานของตนกลับต้องมาถูกขัดขวางโดยหลี่ซื่อ ว่ากันด้วยเวลาและเหตุผลแล้ว หลี่ซื่อก็คือบุคคลที่สาม

ทว่าใครให้ความอาวุโสมีลำดับ อวี๋เหวินจวิ้นจำต้องแต่งงานกับหลี่ซื่อก่อน หลี่ซื่อได้เข้าเรือนหอก่อนอวี๋ซื่อ จึงเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าอวี๋ซื่อ ย่อมดูถูกอวี๋ซื่อเป็นธรรมดา แม้หลี่ซื่อไม่พูดออกจากปาก แต่ในใจก็มองอวี๋ซื่อเป็นอนุภรรยา ความคิดของมารดาก็ถูกส่งต่อมาถึงตัวบุตรสาว อวี๋ชิงหย่าแต่เล็กจนโตถือว่าตนเป็นบุตรสาวคนโตของบ้านใหญ่ มักจะพูดจาดูหมิ่นทั้งโดยนัยและโดยแจ้งว่าอวี๋ชิงจยาเป็นบุตรสาวอนุภรรยา

ฐานะของอนุภรรยาและทายาทอนุภรรยานั้นแสนต่ำต้อย คำพูดของหลี่ซื่อและอวี๋ชิงหย่าไม่ได้ผิดพลาดโดยไร้เจตนา เพราะพวกนางเจตนาถากถางจริงๆ ก็ใครให้อวี๋เหล่าจวินลำเอียงเข้าข้างคนบ้านใหญ่เล่า อวี๋เหล่าจวินไม่ชอบใจอวี๋เหวินจวิ้นที่ไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระอยู่คนเดียว จึงเกิดความปรารถนาที่จะบงการให้ได้อย่างแรงกล้า แม้แต่เรื่องในห้องของหลานชายก็ต้องแทรกแซงให้ได้ อวี๋เหวินจวิ้นไม่พอใจที่ถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับหลี่ซื่อเป็นทุนเดิม หลังแต่งงานก็ยิ่งหมดความสนใจกับอดีตพี่สะใภ้ผู้นี้ ทุกวันจึงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ร่วมกับอวี๋ซื่อภรรยาเอกที่แท้จริง กลางคืนก็อยู่ที่ห้องของอวี๋ซื่อ เรื่องเช่นนี้หลี่ซื่อจะยอมได้อย่างไร อวี๋เหล่าจวินก็เข้าข้างบ้านใหญ่ ทุกวันจงใจให้อวี๋ซื่อมาอยู่ตรงหน้า เอะอะก็เรียกให้อวี๋ซื่อมาดูแลอาการเจ็บป่วย ใช้วิธีสารพัดเพื่อบีบบังคับให้อวี๋เหวินจวิ้นไปค้างคืนกับหลี่ซื่อ

ชีวิตของอวี๋ชิงจยาและมารดาที่บ้านหลังนั้นไม่ได้มีความสุขอะไรนัก

ภายใต้การทรมานเช่นนี้ อวี๋ซื่อจึงจากไปเร็วโดยที่อายุยังไม่ถึงสามสิบ ตอนที่อวี๋ซื่อจากโลกนี้ไป อวี๋ชิงจยาเพิ่งอายุสิบปีเท่านั้น อวี๋เหวินจวิ้นสูญเสียภรรยาที่รักไป ภายในใจทั้งเจ็บปวดและรู้สึกละอาย ขณะเดียวกันก็รู้สึกโกรธและเกลียดชังอวี๋เหล่าจวินกับหลี่ซื่ออย่างรุนแรง จนกระทั่งทำพิธีให้ภรรยาเสร็จ อวี๋เหวินจวิ้นก็ติดตามสหายไปประจำตำแหน่งที่เมืองอื่น หลังจากไหว้วานสหายช่วยหาตำแหน่งว่างและทะเลาะวิวาทกับตระกูลนับปี อวี๋เหวินจวิ้นก็ได้ออกจากเหยี่ยนโจวสมปรารถนา พาบุตรสาววัยสิบสองปีเดินทางไกลมายังชิงโจวและเข้ารับตำแหน่ง

แม้สิ่งต่างๆ ที่ก่วงหลิงจะเทียบกับที่บ้านเกิดไม่ติด แต่อวี๋ชิงจยารู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง นางใช้ชีวิตอยู่ที่นี่สองปีอย่างไร้ห่วงไร้กังวล จนกระทั่งวันนี้นางได้รับรู้ถึงอวี๋ชิงหย่าที่เกิดใหม่ ระบบที่ราวกับปีศาจร้าย และบิดาที่พาอนุภรรยากลับมาคนหนึ่งซึ่งหยิ่งผยองอย่างยิ่ง ชีวิตของนางก็คล้ายไม่เหมือนเดิม

อวี๋เหวินจวิ้นพาอวี๋ชิงจยาออกไปโดยทิ้งหลี่ซื่อและอวี๋ชิงหย่าไว้ที่บ้านเกิด ในมุมมองของแม่ลูกคู่นั้นย่อมเห็นว่าอวี๋เหวินจวิ้นเป็นหมาป่าตาขาวที่ลำเอียงและใจดำ เดิมทีอวี๋ชิงจยาก็มีความเป็นอริกับอวี๋ชิงหย่ามากอยู่แล้ว ตอนนี้อีกฝ่ายเกิดใหม่ทั้งยังได้รับความช่วยเหลือจากระบบ อวี๋ชิงหย่าจะทำอะไรที่บ้านเกิดบ้างนั้น อวี๋ชิงจยาแค่คิดก็รู้สึกขนลุกแล้ว

ตอนนี้อวี๋เหล่าจวินเร่งให้พวกเขากลับบ้านด้วยคำพูดรุนแรง คิดว่าคงเป็นฝีมือของอวี๋ชิงหย่าเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่าช่วงนี้อวี๋ชิงหย่าพูดว่าร้ายนางต่อหน้าอวี๋เหล่าจวินมากน้อยเพียงใด ตอนนี้เกรงว่าอคติของอวี๋เหล่าจวินที่มีต่ออวี๋ชิงจยาคงจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

อวี๋ชิงจยาไม่อยากสนใจเรื่องกวนใจเหล่านี้ นางโยนจดหมายไปด้านข้างโดยไม่คิดจะดูอีก ไป๋จื่อที่เฝ้าดูการกระทำของอวี๋ชิงจยาอยู่ก็เรียกอย่างระมัดระวัง “คุณหนู…”

“ข้าไม่เป็นไร” อวี๋ชิงจยากล่าวด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าพวกนางปฏิบัติต่อข้าด้วยท่าทีเช่นไร จะเสียใจเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร”

ไป๋จื่อถอนหายใจ คุณหนูของพวกนางทั้งงดงามและจิตใจดี นางจะไม่รู้ใจคุณหนูได้อย่างไร ไป๋จื่ออยากจะโอบอวี๋ชิงจยาไว้ด้วยสองมือของตนเองด้วยซ้ำ ในสายตานางคุณหนูมีค่ามาก สมบัติเพชรพลอยยังมีค่าสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ย่อมไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดอวี๋เหล่าจวินกับนายหญิงบ้านใหญ่ถึงกระทำการโหดร้ายเช่นนี้ได้ลงคอ

ไป๋จื่อจิตใจเต็มไปด้วยความสงสาร ทว่าอวี๋ชิงจยากลับสงบเยือกเย็น นางถอดกำไลหยกที่ข้อมือออก วางลงบนโต๊ะเกิดเสียงกระทบเบาๆ ทว่าอารมณ์นั้นเย็นชาและสง่างามอย่างไม่อาจบรรยาย “ชอบหรือไม่เป็นเรื่องความรู้สึกส่วนตัว ถ้าเหล่าจวินไม่ชอบข้า ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดหรอก เพราะข้าเองก็ไม่ได้ติดค้างอะไรนางนี่ เหล่าจวินจะเย็นชากับข้าก็ช่างปะไร แต่หากคนของบ้านใหญ่ดูถูกข้า ถือโอกาสดูหมิ่นชื่อเสียงของข้า ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ยอม”

ไม่ว่าจะเป็นหลี่ซื่อหรืออวี๋ชิงหย่า หากคิดจะเล่นงานกันล่ะก็ อวี๋ชิงจยาไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่ การเกิดใหม่ไม่ใช่เหตุผลที่ต้องทำชั่ว อวี๋ชิงจยาเป็นนางเอกในต้นฉบับ ไม่ใช่บาปที่ติดตัวมา

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 1 มิ.. 67 

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: