X
    Categories: ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืนทดลองอ่านมากกว่ารัก

ทดลองอ่าน ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืน บทที่ 66

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 66 หนึ่งในหมื่น

อวี๋ชิงหย่าสีหน้าดำคล้ำ พลันแค่นหัวเราะเย็นชาแล้วกล่าว “เจ้าอย่าโอหังให้มากนัก ตอนนี้หัวเราะมีความสุขมากเกินไป ระวังภายหลังจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออกเล่า”

อวี๋ชิงจยาแย้มยิ้มให้อวี๋ชิงหย่า อย่างไรก็ตาม แม้ปากนางจะยิ้มอยู่ แต่ภายในดวงตากลับเยือกเย็นอย่างยิ่ง “พี่หญิงสี่กำลังขู่ข้าอยู่หรือ น่าเสียดาย ข้ากลับรู้สึกว่าการหัวเราะก่อนร้องไห้ทีหลังก็ยังดีกว่าที่พี่หญิงสี่เป็น อย่างท่านนั้นคือการให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว หัวเราะไม่ออกตั้งแต่ต้นจนจบ”

“เจ้า…” อวี๋ชิงหย่าพลันเดือดดาลจัด

ทว่าอวี๋ชิงจยาไม่คิดที่จะพูดต่อ นางลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวกับอวี๋ชิงหย่าอย่างเย็นชา “รบกวนหลีกทางหน่อย ข้าจะกลับไปแล้ว”

อวี๋ชิงจยาเดินเฉียดผ่านข้างกายอวี๋ชิงหย่าไป ทว่าเพิ่งจะเดินห่างไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงของอวี๋ชิงหย่าก็ดังไล่หลังมา “ที่ยามนี้น้องหญิงหกอวดดีเช่นนี้ได้ก็เพราะอาศัยที่ตนเองมีชื่อเสียง ท่านพ่อโปรดปรานเจ้า คนข้างนอกยกย่องเจ้าเป็น ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ แต่เจ้าไม่คิดบ้างเล่า บทเพลงในวันนั้นหาใช่เจ้าบรรเลงเพียงคนเดียวเสียหน่อย”

อวี๋ชิงจยาคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ อวี๋ชิงหย่าจะพูดถึงจิ่งหวนขึ้นมา นางสีหน้าเคร่งขรึม หันกลับไปมองอย่างเย็นชา “ท่านคิดจะพูดอะไร”

“ไม่มีอะไร แค่จะเตือนเจ้าไว้ ที่จริงแล้วข้ารู้ทุกอย่าง”

อวี๋ชิงหย่ายิ้มอย่างมั่นใจ เชิดคางให้อวี๋ชิงจยาอย่างคนเหนือกว่า

อวี๋ชิงจยานึกถึงสถานะของจิ่งหวน แม้จะรู้ดีว่าไม่มีทางที่จิ่งหวนจะหักหลัง แต่นางก็มีท่าทางระมัดระวังขึ้นมา “เรื่องของพวกเราสองคน เกี่ยวอะไรกับจิ่งหวนด้วย”

“เกี่ยวอะไรอย่างนั้นหรือ” อวี๋ชิงหย่าหัวเราะด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน กล่าวว่า “เพลงนั้นบรรเลงประสานร่วมกันสองคน หากจะมีชื่อเสียงก็ต้องมีชื่อเสียงด้วยกันสองคนสิ เจ้ากลับครอบครองผลประโยชน์ทั้งหมดไว้คนเดียว เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าอนุผู้นั้นเต็มใจ หรือว่าเจ้าคิดจริงๆ ว่าอีกฝ่ายตระกูลตกต่ำ ใช้ชีวิตระหกระเหินเร่ร่อน ต้องถูกส่งตัวต่อไปเป็นทอดๆ เจ้าแค่มอบบุญคุณให้อีกฝ่ายเล็กๆ น้อยๆ แล้วทางนั้นจะไม่เอาใจออกหากจากเจ้าแล้ว?”

ตอนแรกอวี๋ชิงจยาคิดว่าจิ่งหวนสถานะถูกเปิดเผย แต่ภายหลังยิ่งฟังยิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง ตระกูลตกต่ำ ใช้ชีวิตระหกระเหินเร่ร่อน ต้องถูกส่งตัวต่อไปเป็นทอดๆ นี่คือ…จิ่งหวน?

อวี๋ชิงจยาเผยสีหน้าประหลาดใจ มองอวี๋ชิงหย่าด้วยสายตาที่ไม่รู้ควรเรียกว่าเวทนาหรือสงสัยดี “ท่านเคยพบจิ่งหวนเป็นการส่วนตัว? นางพูดเช่นนี้กับท่านหรือ”

“เฮอะ” อวี๋ชิงหย่าหัวเราะหยันอย่างดูแคลน กล่าวว่า “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่านางดีกับเจ้าด้วยใจจริง เสียดายที่นางเกลียดชังเจ้ามานาน เป็นฝ่ายมามอบความจริงใจกับข้าเอง ยินดีช่วยข้าเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าต่อหน้าทุกคน”

“นี่ก็คือสิ่งที่นางพูดกับท่าน?”

“ถูกต้อง”

อวี๋ชิงจยาส่งเสียงจิ๊ในใจ มองอวี๋ชิงหย่าด้วยสายตาที่มองคนโง่เขลา “ถึงนางพูดเช่นนั้นจริง ท่านก็เชื่อด้วยหรือ”

อวี๋ชิงหย่าชะงัก เบิกตาโตจ้องมองอวี๋ชิงจยา “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

“ไม่ได้หมายความว่าอะไร” อวี๋ชิงจยาส่ายหน้า ถอนหายใจคราหนึ่งแล้วกล่าว “ท่านมีอะไรจะพูดอีก เชิญพูดต่อได้เลย”

อวี๋ชิงหย่ามักรู้สึกว่ามีตรงที่ใดแปลกๆ อยู่เสมอ นางเพิกเฉยต่อความรู้สึกนี้แล้วยุแยงให้คนแตกแยกตามแผนของตนเองต่อ นางเอ่ยกับอวี๋ชิงจยาว่า “คนผู้นี้แม้จะเป็นแค่อนุ แต่เล่ห์เหลี่ยมไม่เบาเลย ซึ่งนั่นก็ไม่แปลก เพราะนางเคยเป็นถึงคุณหนูตระกูลพ่อค้า วัยเด็กเคยใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จิตใจสูงส่ง แต่เนื่องจากชะตากรรมอาภัพ เลยไม่แปลกที่จะใช้เจ้าเป็นแท่นเหยียบเพื่อปีนขึ้นไป”

“คุณหนูตระกูลพ่อค้า?” อวี๋ชิงจยาย้ำคำเหล่านี้อย่างช้าๆ พลันรู้สึกว่าอวี๋ชิงหย่าเหตุใดถึงไปรู้อะไรมามากมายเช่นนี้ นางถาม “ท่านรู้ได้อย่างไรว่านางเคยเป็นบุตรีตระกูลพ่อค้า”

“แม้แต่เรื่องนี้เจ้าก็ไม่รู้?” อวี๋ชิงหย่าเข้าใจอารมณ์บนใบหน้าของอวี๋ชิงจยาผิด คิดว่าจี้โดนจุดสำคัญของอวี๋ชิงจยาเข้า พลันรู้สึกภูมิใจและนึกดูแคลนในคราวเดียวกัน “เจ้าเป็นเช่นนี้ยังคิดจะควบคุมจิ่งหวนอีก มิน่าถึงได้ถูกคนแว้งกัด จิ่งหวนเคยเป็นบุตรีของตระกูลพ่อค้า ภายหลังบิดาตายในสงคราม ผู้อาวุโสในตระกูลขับไล่พวกนางออกไป ภายหลังนางกับมารดาไม่ทันระวัง พลัดพรากจากกัน นางถูกส่งต่อไปหลายที่ ถึงได้ถูกคนส่งมาให้ท่านพ่อ”

อวี๋ชิงหย่าพูดสิ่งเหล่านี้ เดิมคิดจะโอ้อวด แต่อวี๋ชิงจยากลับไม่แสดงอาการโกรธเกรี้ยวหรือไม่พอใจใดๆ ซ้ำยังฟังไปพลางพยักหน้าไปพลาง สุดท้ายยังกล่าว “อ้อ” เป็นเชิงกระจ่างแจ้ง

นางไม่พอใจกับท่าทีตอบสนองเช่นนี้ของอวี๋ชิงจยา อวี๋ชิงหย่าทำหน้าตาบูดบึ้งแล้วซักถาม “เจ้า ‘อ้อ’ อะไร”

“ข้ากำลังขอบคุณท่านอยู่ หากไม่ใช่เพราะท่านพูด ข้าก็ยังไม่รู้ชาติกำเนิดของนางจริงๆ” อวี๋ชิงจยาถอนหายใจให้คำพูดเหล่านี้ที่พูดได้ดูน่าเชื่อถือเสียเหลือเกิน หากไม่ใช่เพราะนางรู้ว่ามันเป็นเช่นนั้นไม่ได้อยู่แล้ว นางก็คงนึกไปแล้วว่าเรื่องราวอันน่าเวทนานี้เป็นเรื่องจริง อวี๋ชิงจยาพลันเกิดความรู้สึกประหลาด จิ่งหวนสามารถแต่งเรื่องชาติกำเนิดขึ้นมาได้ตามใจชอบเยี่ยงนี้ เช่นนั้นเรื่องราวที่เขาบอกกับข้า…เป็นจริงหรือเท็จ

ครั้นเห็นอวี๋ชิงจยาทำท่าครุ่นคิด อวี๋ชิงหย่าก็หัวเราะอย่างได้ใจ ลดเสียงต่ำลงแล้วเอ่ยยั่วยุต่อ “เจ้าเห็นนางเป็นคนรู้ใจ แต่เสียดายที่อีกฝ่ายไม่ชอบหน้าเจ้า ชื่อเสียงของเจ้ากว่าครึ่งในตอนนี้เป็นของนาง หากนางเปิดโปงเจ้าต่อหน้าทุกคน ตอนนี้เจ้ายิ่งปีนสูงเท่าไร วันหน้าก็ยิ่งตกลงมาปางตายเท่านั้น”

อวี๋ชิงหย่าพูดจบแล้วแสร้งยิ้ม มองอวี๋ชิงจยาอย่างชั่วร้าย อยากจะเห็นสีหน้าอับอายและสงสัยบนใบหน้าของนาง ทว่าอวี๋ชิงจยาเพียงกะพริบตา ครั้นเห็นอวี๋ชิงหย่าพูดจบก็ถามต่อ “มีแค่นี้หรือ”

อวี๋ชิงหย่างุนงงกับคำถาม เหตุใดอวี๋ชิงจยาถึงตอบสนองเช่นนี้ นางใช้เรื่องของจิ่งหวนมาขู่อวี๋ชิงจยา แต่อวี๋ชิงจยาไม่กลัวเลยหรือ

อวี๋ชิงหย่าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง กัดฟันกล่าว “เจ้ารู้จักนางจริงๆ หรือ รู้ว่านางมาจากที่ใด จะทำอันใดด้วย? แม้แต่สถานะที่แท้จริงของนางเจ้ายังไม่รู้เลย คิดว่าจิ่งหวนจะจริงใจกับเจ้าจริงๆ หรือ ตอนนี้นางก็แค่หลอกใช้เจ้าเท่านั้น”

อวี๋ชิงจยารู้สึกว่าอวี๋ชิงหย่ายั่วยุได้น่าขันเหลือเกิน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำพูดเหล่านี้ของนางพูดได้ตรงประเด็น อวี๋ชิงจยาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับจิ่งหวนจริงๆ สถานะของเขา ที่มาของเขา เขาคือใคร และเขาต้องการทำอะไร นางไม่รู้เลย

อวี๋ชิงจยาเคยคิดว่าชาติกำเนิดที่เขาบอกนางออกจากปากตนเองไม่มีทางเป็นคำลวง แต่ตอนนี้ได้ยินประสบการณ์ชีวิตที่ ‘สมจริง’ ของเขาจากปากอีกคน อวี๋ชิงจยาพลันสงสัยขึ้นมาว่าสิ่งที่ตนรู้เป็นความจริงหรือไม่

อวี๋ชิงจยานิ่งเงียบไม่พูดจา ผ่านไปครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า “ข้ารู้จักนางไม่มากจริงๆ แต่ในเมื่อนางบอก ข้าก็เต็มใจเชื่อนาง หากว่าสักวันหนึ่งพิสูจน์ได้ว่านางหลอกลวงข้า เช่นนั้นก็ถือเสียว่าพวกเราวาสนาไม่พอ ข้าพร้อมยอมรับ” อวี๋ชิงจยาพูดพลางเงยหน้ามองอวี๋ชิงหย่า ดวงตาใสสะท้อนเงาของอวี๋ชิงหย่าชัดเจน ลูกตาดำขาวแบ่งชัด เป็นประกายแวววาวน่าหลงใหล “ลำบากท่านยั่วยุมาตั้งนาน เสียดาย ไม่ว่าท่านจะพูดอะไร ข้าก็ไม่เชื่อท่าน”

อวี๋ชิงหย่าโกรธเกรี้ยว นางสิ้นเปลืองน้ำลายตั้งมากมาย อวี๋ชิงจยากลับตอบสนองเช่นนี้หรือ อวี๋ชิงหย่ากล่าวพลางกัดฟันกรอด “โง่เขลาไม่รู้ความ ดื้อดึงยิ่งนัก เจ้าไม่กลัวถูกหลอกจนสูญเสียทุกอย่างหรือ”

“แล้วจะเป็นอันใด เพราะอย่างไรเสียข้าก็ไม่ฟังที่ท่านพูด” อวี๋ชิงจยากลอกตาไปที่ร่างของอวี๋ชิงหย่า ปรายตามองอย่างดูแคลน “ไยข้าต้องฟังคำพูดของผู้แพ้ด้วย”

อวี๋ชิงหย่าตะลึงงัน นางพลันระเบิดโทสะ

อวี๋ชิงหย่าก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สายตาไม่เป็นมิตร เห็นได้ชัดว่าอาศัยที่ตนเองมีระบบคิดจะทำอะไรบางอย่าง

อวี๋ชิงจยาเลิกคิ้วเล็กน้อย หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าว “มีอันใด ยั่วโมโหไม่ได้ก็เลยจะลงมือหรือ เช่นนั้นท่านก็มาตีข้าเลยสิ ถึงอย่างไรที่นี่ก็มีคนมากมาย ท่านลงมือ ข้าก็จะร้องไห้ จากนั้นทุกคนก็จะได้รู้ว่าคราวก่อนหลังท่านแพ้การดวลพิณให้น้องสาว กลับบ้านไปก็ลงมือรังแกน้องสาว ให้ทุกคนได้ดูว่าท่านศีลธรรมต่ำทรามอย่างไรบ้าง สามารถทำเรื่องชั่วช้าได้โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด”

อวี๋ชิงหย่าโกรธมาก อวี๋ชิงจยาทำตัวโอนอ่อนเชื่อฟังต่อคนภายนอก ไม่กระตือรือร้นในชื่อเสียงและผลประโยชน์ แต่ตอนนี้อวี๋ชิงจยากลับนำชัยชนะในการดวลพิณเมื่อครั้งก่อนมายั่วยุนางอย่างเปิดเผย อวี๋ชิงหย่ากำมือแน่น เล็บจิกจนฝ่ามือเป็นรอยแดง นางแทบอยากจะลากอวี๋ชิงจยาออกไปให้คนอื่นๆ ดูทันที ให้พวกนางได้เห็นโฉมหน้าของอวี๋ชิงจยาในตอนนี้ นางถึงกับอยากให้ระบบบันทึกภาพไว้ด้วย แล้วฉายให้คนนอกดู อย่างไรก็ตาม หลังจากระเบิดโทสะแล้วสติของอวี๋ชิงหย่าก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง หากนางฉายภาพออกไป อวี๋ชิงจยาจะถูกคนวิจารณ์หรือไม่นั้นยังไม่แน่ แต่นางจะเป็นฝ่ายเปิดเผยตนเองโดยสมบูรณ์

อวี๋ชิงหย่าโกรธจนคลุ้มคลั่ง ทั้งที่มีหลักฐานอยู่ในมือแท้ๆ แต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้

อวี๋ชิงจยาเห็นอวี๋ชิงหย่าสีหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วก็เบ้ปากอย่างเบื่อหน่าย “ท่านจะลงมือหรือไม่ ถ้าไม่ลงมือข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว”

อวี๋ชิงจยาสะบัดกระโปรง เดินจากไปอย่างนุ่มนวลท่ามกลางสายตาที่แทบจะจับคนกินของอวี๋ชิงหย่า นางทำได้เพียงมองอวี๋ชิงจยาเดินเชิดหน้าจากไปต่อหน้าต่อตา จนกระทั่งคนไปแล้วนางก็กระทืบเท้าอย่างแรง แล้วตะโกนใส่ระบบด้วยความโกรธเกรี้ยว ‘ระบบ คนเช่นนี้ไยถึงเป็นนางเอกได้!’

ระบบหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวอย่างซื่อตรง ‘ในหนังสือประวัติศาสตร์ยกย่องหมิงซีฮองเฮาสูงส่ง บางที…วรรณกรรมอาจจะกล่าวเกินจริงเล็กน้อย’

อวี๋ชิงหย่าโกรธจนแทบกระอักเลือด นางกัดฟันกล่าว ‘ยาที่เจ้าจัดมาให้ แน่ใจนะว่าไม่มีปัญหา’

‘แน่นอน’

‘ดี!’ อวี๋ชิงหย่าดวงตาฉายแววชั่วร้าย มองแผ่นหลังของอวี๋ชิงจยาอย่างอำมหิต ‘ทางฝั่งจิ่งหวน ให้ดำเนินตามแผนการทั้งหมด’

อวี๋ชิงจยาเพิ่งเดินออกไปได้ไม่นาน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง นางลอบกลอกตา กำลังจะหันกลับไปถามอวี๋ชิงหย่าว่าคิดจะทำอะไรอีก แต่ก็พลันตาลาย ได้ยินเสียงของอวี๋ชิงหย่าที่ดูมอมเมาแฝงความเย้ายวนไว้ราวกับดังมาจากที่ที่ไกลมาก “จิ่งหวนจะหักหลังเจ้า วันนี้นางจะแสดงศิลปะให้อิ่งชวนอ๋องดูตามลำพัง จากนั้นนางก็จะบอกกับอิ่งชวนอ๋องว่าเพลงพิณทั้งหมดนางเป็นผู้บรรเลง วันนั้นเจ้าอาศัยม่านไม้ไผ่อำพราง ที่จริงแล้วไม่ได้ดีดอะไรเลย”

อวี๋ชิงจยาแววตาเลื่อนลอย จิตสำนึกเริ่มเชื่องช้าลงภายใต้อำนาจของคลื่นเสียงอินฟราเรด แต่เมื่อนางได้ยิน ‘อิ่งชวนอ๋อง’ สมองก็ราวกับพบบางอย่างที่ไม่ปกติ สติพลันแจ่มชัดขึ้นมาทันที

ไม่ถูก จิ่งหวนจะไปพบอิ่งชวนอ๋องได้อย่างไร อิ่งชวนอ๋องรู้จักเขา ตามหาเขาด้วยตนเองอย่างไม่คำนึงถึงระยะทาง จิ่งหวนจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร

ราวกับพบท่อนไม้ในทะเลอันกว้างใหญ่ อวี๋ชิงจยาอาศัยแสงที่ริบหรี่นี้นึกถึงความทรงจำมากมายอย่างรวดเร็ว เมื่อนางฟื้นคืนสติ วิชาเสน่ห์ถูกพบช่องโหว่ ผลของมันก็หายไปทันที

อวี๋ชิงจยาฟื้นคืนสติ นางนึกถึงความสับสนเมื่อครู่นี้ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย นางแสร้งทำเป็นเบิกตาอย่างสับสน จ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า อยากฟังว่าอวี๋ชิงหย่ายังจะพูดอะไรอีก

อวี๋ชิงหย่าเปิดใช้วิชาเสน่ห์ต๋าจี่ นางเห็นการแสดงออกของอวี๋ชิงจยาก็คิดว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น จึงกล่าวต่อ “วันนี้จิ่งหวนจะหักหลังเจ้า ตอนนี้นางอยู่ในห้องรับแขกที่สองของสวนดอกไม้ เจ้าต้องไปขัดขวางนางทันที”

อวี๋ชิงจยากลัวว่าถ้าพูดแล้วจะเปิดเผยว่าตนมีสติดี จึงไม่พูดอะไรทั้งนั้น แล้วเดินไปข้างนอกเงียบๆ จนกระทั่งเดินพ้นสายตาของอวี๋ชิงหย่าแล้วนางถึงค่อยถอนหายใจ

ทว่านางเพิ่งจะถอนหายใจไม่นาน พอนึกถึงท่าทางผิดปกติของอวี๋ชิงหย่าก็รู้สึกระแวดระวังขึ้นมาทันที เสียงของอวี๋ชิงหย่าเมื่อครู่นี้แปลกประหลาดมาก นางรู้สึกได้ว่านั่นไม่ใช่ความสามารถที่คนเราจะมีได้เด็ดขาด มองออกได้ง่ายว่านี่ก็เป็นดรรชนีทองคำของระบบอีกแล้ว

อวี๋ชิงจยารู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนางได้ยินว่าอิ่งชวนอ๋องก็พลันหลุดจากภวังค์ด้วยความตกใจ แล้วจิ่งหวนเล่า เป็นเรื่องจริงที่ปีศาจจิ้งจอกเฉลียวฉลาดกว่าข้า สงบเยือกเย็นกว่าข้า แข็งแกร่งกว่าข้า และมีความสามารถในการควบคุมจิตใจ แต่ถ้าเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นเล่า

อวี๋ชิงจยามองไปทางสวนดอกไม้ ยังไม่อาจเสี่ยงกับ เรื่องเหนือความคาดหมาย นางกัดฟัน ยกชายกระโปรงแล้วเดินไปที่ห้องรับแขกอย่างรวดเร็ว

อวี๋ชิงจยาเดินเงียบๆ ข้ามสวนดอกไม้ เดิมนางตั้งใจจะมองหาคนอย่างรวดเร็ว หากเขาไม่อยู่ตรงนั้นก็จะดีมาก แต่ถ้าโชคไม่ดีเขาถูกสะกดจิตให้อยู่ที่นี่ นางก็จะได้เรียกสติเขา แล้วออกจากที่นี่ด้วยกันสองคน ซึ่งนั่นก็ยังทัน แต่อวี๋ชิงจยาเพิ่งจะเดินเข้าระเบียงทางเดิน ยังไม่ทันเปิดประตูห้อง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงทำความเคารพจากด้านหลัง อวี๋ชิงจยาร้องในใจว่าแย่แล้ว ยามเห็นมู่หรงสวี่กำลังเดินขึ้นมาบนระเบียงทางเดิน ขณะที่อวี๋ชิงจยาวนไปรอบๆ อย่างร้อนใจด้วยไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี จู่ๆ ที่ด้านหลังก็มีมืออันเรียวยาวข้างหนึ่งอุดปากของนางไว้ ยังไม่ทันให้นางตอบโต้ก็รู้สึกโลกหมุนคว้าง แล้วนางก็ถูกลากไปในห้องหนึ่ง

อวี๋ชิงจยาถูกปิดปาก เมื่อนางเห็นคนตรงหน้าแล้ว แสงในดวงตาก็เปล่งประกาย “ปีศาจจิ้งจอก!”

มู่หรงเหยียนใช้นิ้วทาบกับริมฝีปากเป็นเชิงให้นางสงบ คนทั้งสองพิงประตู ต่างได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน รอกระทั่งเสียงฝีเท้าข้างนอกผ่านไปแล้วมู่หรงเหยียนจึงค่อยก้มหน้า แล้วจ้องนางอย่างจนใจ “วันนี้เตือนเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ เจ้ามาได้อย่างไร”

อวี๋ชิงจยาริมฝีปากสั่น สุดท้ายก็หลุบตาลง น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “ข้ารู้ แต่ข้ากลัวเกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย”

นางรู้ว่าในหนึ่งหมื่นมีโอกาสอยู่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าที่มู่หรงเหยียนจะมองอุบายนั้นออกและไม่ตกหลุมพราง แต่ถ้าเกิดเป็นหนึ่งในหมื่นเล่า

นางเดิมพันกับหนึ่งในหมื่นนี้ไม่ได้

 

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน กรกฎาคม 2567)

 

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: