X
    Categories: ทดลองอ่านนิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน!มากกว่ารัก

ทดลองอ่าน นิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน! บทที่ 2

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่สอง

 สายตาของหลี่หลิงหว่านกับหลี่เหวยหยวนประสานกันท่ามกลางหิมะโปรยปราย เพียงสบตาครั้งเดียวหลี่หลิงหว่านก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่าง นางเพิ่งตระหนักได้ว่าก่อนหน้านี้ล้วนเป็นนางที่กำลังหลอกตนเองอยู่

อะไรคือนางเป็นเทพผู้สร้าง อะไรคือหลี่เหวยหยวนก็แค่ตัวละครที่นางเขียนขึ้นมาเท่านั้น อะไรคือนางที่เป็นถึงเทพผู้สร้างจะจัดการตัวละครที่ตนเองเขียนขึ้นมาตัวหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ…

ทันทีที่ได้สบเข้ากับสายตาดุจมีดน้ำแข็งของเขาแล้ว หลี่หลิงหว่านก็ตระหนักถึงเรื่องหนึ่งได้อย่างลึกซึ้ง นั่นก็คือเด็กหนุ่มผู้มีแววตาเย็นชาอำมหิตตรงหน้านี้ไม่ได้เป็นเพียง ‘หลี่เหวยหยวน’ คำสามคำทั่วไปที่นางเขียนในนิยายอีกแล้ว ยามนี้เขามีชีวิตขึ้นมาจริงๆ และกำลังยืนตัวเป็นๆ อยู่ตรงหน้านางในตอนนี้ เมื่อรวมเข้ากับที่ตนเองเขียนให้เขาเป็นคนมีสติปัญญาสูงส่ง ใจคอคับแคบ และโหดเหี้ยมอำมหิต ในภายภาคหน้าเขาจะต้องกลับมาแก้แค้นคนที่เคยเยาะเย้ยดูถูกเหยียบย่ำเขาอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นยังรวมหลี่หลิงหว่านอยู่ด้วย…

เพียงชั่วพริบตาหลี่หลิงหว่านก็คิดถึงจุดจบอันน่าอนาถของเจ้าของร่างเดิมในนิยายขึ้นมาได้ทันที นางพลันรู้สึกว่าทั้งร่างกำลังสั่นสะท้าน กระทั่งลมหายใจที่ออกมาในตอนนี้ยังไม่อุ่นเหมือนแต่ก่อน กลับเป็นไอน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกและแฝงไว้ซึ่งกลิ่นอายของความตาย

นางมองหลี่เหวยหยวนด้วยหัวใจที่สั่นระรัว ก่อนจะพยายามฝืนใบหน้าที่แทบแข็งกระด้างเหยียดรอยยิ้มออกมาด้วยอยากแสดงเจตนาดีต่อหลี่เหวยหยวน แต่สายตาของเด็กหนุ่มยังคงประดุจมีดน้ำแข็งอันคมกริบเช่นเดิม

หลี่หลิงหว่านรู้สึกว่าหัวใจอันบอบบางในอกของนางนั้นใกล้จะถูกสายตาเย็นเยียบอำมหิตของเขามองจนเป็นรูพรุนแล้ว สองขาของตนเองก็สั่นระริกจนเกือบจะยืนไม่ไหว นางแทบทรุดลงไปกองกับพื้นอยู่แล้ว

เป็นสายตาที่ทำให้คนอายุขัยสั้นจริงๆ เพียงแค่ถูกเขาจ้องก็รู้สึกกดดันมากขนาดนี้แล้ว ภายหลังนางจะยังประจบประแจงและเกาะแข้งเกาะขาเขาได้อย่างไร จะไม่ถูกเขาทำให้แข็งจนกลายเป็นน้ำแข็งแกะสลักที่ไม่มีวันเกิดใหม่ได้อีกตลอดไปเลยหรือ

หลี่หลิงหว่านพลันรู้สึกว่าหนทางข้างหน้าช่างมืดมิดยิ่งนัก

หลี่เหวยหยวนไม่ได้มองหลี่หลิงหว่านอีก เด็กหนุ่มดึงสายตาของตนเองกลับมาแล้วเดินมุ่งหน้าต่อไปตามทางของตน ท่ามกลางหิมะที่ยังตกอยู่เขาไม่เหลือบแลไปที่ใดสักนิด

หลี่หลิงหว่านพยายามกระตุ้นความฮึกเหิมในใจตนเอง

นางไม่มีทางยอมแพ้ และนางก็ไม่สามารถยอมแพ้ได้ด้วย จุดจบของการยอมแพ้คือความตาย แต่นางเป็นถึงเทพผู้สร้างของทุกคนในนิยายเรื่องนี้ รวมถึงหลี่เหวยหยวนคนเย็นชาแสนร้ายกาจตรงหน้านี้ด้วย ดังนั้นนางจำเป็นที่จะต้องกำราบเขาให้ได้ ทั้งยังต้องคอยหลอมละลายเขาอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ให้ตนเองได้กลายเป็นแสงอาทิตย์ในใจเขา ขับไล่ความมืดมิดและความอ้างว้างในจิตวิญญาณเขาออกไป

ด้วยเหตุนี้หลี่หลิงหว่านจึงหมุนตัวแล้วเดินตามหลังหลี่เหวยหยวน ทางหนึ่งรีบก้าวเร็วๆ เพื่อไล่ตามเขา อีกทางก็เปิดปากเอ่ยเรียกเขาเสียงใสว่า “พี่ชาย”

เดิมทีในนิยายนางเขียนให้หลี่หลิงเยี่ยนเรียกหลี่เหวยหยวนว่า ‘พี่ชาย’ มาโดยตลอด และหลี่เหวยหยวนเองก็ชื่นชอบยิ่งนัก ดังนั้นตอนนี้นางเลยยืมมาใช้เรียกเขาก่อนเป็นการชั่วคราว

ตอนที่หลี่เหวยหยวนได้ยินหลี่หลิงหว่านเรียกตนเองว่าพี่ชายนั้น ฝีเท้าของเขาก็ชะงักลงอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มก้าวเดินต่อ ทั้งยังเพิ่มความเร็วมากกว่าเดิม

น่าตลกชะมัด! มารน้อยตนนี้ถึงกับเรียกข้าว่าพี่ชาย? เมื่อก่อนเวลาที่นางเห็นข้ามิใช่ว่าเอาแต่ยกมือเท้าสะเอวแล้วเชิดหน้าเรียกข้าว่า ‘เจ้าขยะ’ หรือไร

หลี่เหวยหยวนคิดว่าหูตนเองคงโดนความเย็นกัดจนเสียแล้วเป็นแน่ เมื่อครู่ถึงได้หูแว่วไปเช่นนั้น

แล้วเขาก็รู้ได้ชัดเจนว่านี่หาใช่อาการหูแว่ว เพราะว่าหลี่หลิงหว่านยังคงเอาแต่เรียกเขาว่าพี่ชายไม่หยุด

เด็กหญิงอายุแปดขวบย่อมมีช่วงระยะของการก้าวขาที่ไม่กว้างนัก ซ้ำบนพื้นยังเป็นหิมะที่เดินยาก นางจึงได้แต่วิ่งอยู่บนพื้นหิมะอย่างทุลักทุเลเช่นนี้ไปตลอดทาง พยายามเร่งตามฝีเท้าของเขาให้ทัน

หลี่เหวยหยวนเอียงศีรษะไปมองเล็กน้อย หางตาเห็นภาพนี้แล้วเขาก็ดึงสายตากลับ ในใจคิดอย่างเย็นชาว่า เจ้ามารน้อยตนนี้กำลังวางแผนร้ายอะไรอีก

 

เมื่อสองวันก่อนเขาเดินออกมาจากเรือนที่กักบริเวณตู้ซื่อ เพิ่งเดินไปได้ไม่ไกลก็เจอเข้ากับหลี่หลิงหว่าน ตอนนั้นนางเชิดหน้าและยกมือเท้าสะเอวยืนอยู่ตรงหน้าเขา ใช้สายตาดูถูกอย่างที่สุดมองมา น้ำเสียงของนางไม่ไยดีอย่างยิ่งขณะเอ่ยถามเขา ‘เจ้าขยะ! เจ้าโผล่มาจากที่ใดกัน’

พอมองไปเห็นเรือนปลีกวิเวกที่อยู่ด้านหลังเขา บนใบหน้านางก็ปรากฏความเข้าใจกระจ่าง ก่อนจะชี้นิ้วมาทางเขา

‘ที่แท้เจ้าก็เข้าไปในสถานที่ต้องห้ามนี่เอง ท่านย่าเคยพูดไว้แล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสถานที่ต้องห้าม คนที่เข้าไปจะต้องถูกโบย ซ้ำยังต้องถูกขับออกจากจวนด้วย ฮ่าๆ ข้าจะไปบอกท่านย่าเรื่องที่เจ้าเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามเดี๋ยวนี้เลย’

พูดจบนางก็หมุนตัวเตรียมวิ่งจากไป

ยามนั้นหลี่เหวยหยวนกำลังเจ็บปวดไปทั้งร่าง สภาพจิตใจของเขาย่ำแย่ยิ่งนัก เขาเพิ่งโดนมารดาแท้ๆ ของตนเองใช้ปลายแหลมของเชิงเทียนทิ่มแทงร่างกายเขาอย่างรุนแรง ทำราวกับว่าเขามิใช่บุตรชายของนาง แต่เป็นศัตรูที่นางไม่อาจอยู่ร่วมโลกได้อย่างไรอย่างนั้น ไม่ว่าใครที่ถูกกระทำเช่นนี้จิตใจย่อมย่ำแย่อยู่แล้ว

ในชั่วขณะนั้นหลี่เหวยหยวนแทบจะหมดความอดทน เขาอยากพุ่งเข้าไปบีบคอตู้ซื่อให้ตายเสียเลย

ทว่าเขายังอดทนได้อยู่

เด็กหนุ่มอายุสิบสามปีได้แต่ยืนกำหมัดแน่นอยู่บนพื้นอันเย็นเฉียบ เขาไม่หลบและไม่หลีกเลี่ยง เพียงแค่ปล่อยให้มารดาแท้ๆ หยิบเชิงเทียนมาแทงบนร่างกายเขาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับฟังนางด่าทอว่าเขาเป็นลูกนางโลม พูดว่าเหตุใดเขายังไม่ตายๆ ไปเสียที

เหตุใดข้าถึงเป็นลูกนางโลมไปได้ ในใจหลี่เหวยหยวนคิดอย่างเย็นชา หรือว่าข้าจะไม่ใช่ลูกของนาง?

เหตุใดเด็กในครอบครัวอื่นล้วนได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนจากมารดา แต่ข้ากลับถูกมารดาแท้ๆ ของตนเองทำร้ายทารุณเช่นนี้ หรือว่าข้าสมควรตายไปจริงๆ?

เด็กหนุ่มสภาพจิตใจย่ำแย่อย่างมาก ซ้ำในเวลานั้นยังถูกหลี่หลิงหว่านทำตัวยั่วยุเช่นนั้นใส่อีก

ยามนั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองหลี่หลิงหว่าน เด็กหญิงแต่งกายหรูหรา บนใบหน้างดงามมีแต่ความอวดดีและการดูถูกเหยียดหยามเขา นางยังข่มขู่ว่าจะนำเรื่องที่เขาเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามไปบอกแก่ฮูหยินผู้เฒ่าด้วย

เด็กหนุ่มพลันมีโทสะผุดวาบขึ้น กระทั่งเกิดความกล้าที่จะกระทำเรื่องชั่วช้าขึ้นมา เขายื่นมือออกไปผลักเด็กหญิงอย่างเหี้ยมโหด

เขามองเห็นว่าที่ด้านหลังหลี่หลิงหว่านมีหินแหลมคมอยู่ก้อนหนึ่ง ต่อให้เป็นตอนที่กระทำเรื่องชั่วช้าแค่ไหน ในใจเขาก็ยังสามารถคำนวณได้อย่างว่องไว ดูจากความสูงของหลี่หลิงหว่านแล้ว ตอนที่นางล้มลงไปท้ายทอยจะต้องกระแทกเข้ากับหินก้อนนั้นอย่างแน่นอน

ผลลัพธ์ย่อมเป็นไปตามที่เขาคำนวณไว้ ตอนที่หลี่หลิงหว่านล้มลงไปท้ายทอยก็กระแทกเข้ากับหินก้อนนั้นอย่างแม่นยำจริงๆ

เสียงตึงดังขึ้นอย่างชัดเจน จากนั้นเลือดสดๆ ก็ค่อยๆ ไหลรินจากก้อนหินแผ่ลามลงมาบนพื้นทันที

มองเห็นเลือดที่คดเคี้ยวลงมาหลายสายนั้น ในใจหลี่เหวยหยวนก็บังเกิดความรู้สึกดีขึ้นมา ความรู้สึกดีเช่นนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ว่าหัวใจในอกกำลังเต้นดุจรัวกลอง ฝ่ามือชื้นเหงื่อ ปากแห้งผาก แต่บนใบหน้าของเขายังคงรักษาความเย็นชาเฉยเมยเอาไว้ได้อยู่

สายตาของเขากวาดมองไปยังเด็กหญิงที่ในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่อยากจะเชื่อคราหนึ่งอย่างไม่แยแส ก่อนหมุนตัวจากไปทันที

ตอนนั้นไม่มีสาวใช้ติดตามอยู่ข้างกายหลี่หลิงหว่าน ขอเพียงนางนอนเลือดไหลอยู่ที่นี่เพียงลำพัง สุดท้ายนางจะต้องตายแน่ๆ ใช่หรือไม่ พอนางตายไปแล้วก็จะไม่มีผู้ใดรู้เรื่องที่เขาเป็นคนผลักนางอีก

น่าเสียดายที่หลี่หลิงหว่านยังไม่ตาย

หลี่เหวยหยวนคิดในใจอย่างขยะแขยง เหตุใดหลี่หลิงหว่านถึงยังไม่ตายกัน นางนำเรื่องนี้ไปบอกฮูหยินผู้เฒ่าแล้วหรือ เหอะ ต่อให้นางนำเรื่องนี้ไปบอกกับฮูหยินผู้เฒ่าแล้วก็ไม่เป็นไร อย่างมากก็แค่ให้ฮูหยินผู้เฒ่าทุบตีข้าให้ตาย ถึงอย่างไรแม้แต่มารดาแท้ๆ ยังพูดว่าเหตุใดข้ายังไม่ตายไปเสียที หนนี้หากข้าถูกทุบตีจนตายแล้วจริงๆ เช่นนั้นก็เป็นการช่วยให้นางสมปรารถนาแล้วมิใช่หรือ

เกล็ดหิมะอันเย็นเยียบร่วงมาบนใบหน้าหลี่เหวยหยวน ก่อนจะกลายเป็นน้ำไหลลงมาจากบนใบหน้าเขาอย่างรวดเร็ว มองดูแล้วราวกับเขากำลังร่ำไห้อย่างไรอย่างนั้น

ต่อให้ข้าตายไป บนโลกใบนี้ก็คงไม่มีใครร้องไห้เพื่อข้ากระมัง

ทางหนึ่งหลี่เหวยหยวนคิดในใจอย่างไม่แยแสเช่นนี้ อีกทางฝีเท้าของเขาก็ย่ำไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

หลี่หลิงหว่านยังคงเดินตามอยู่ข้างหลังอย่างทุลักทุเล

เดิมทีร่างกายนี้ก็เป็นร่างที่บอบบางอยู่แล้ว เกรงว่าจะไม่ค่อยได้ออกกำลังด้วย เพียงวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวนางก็แทบจะหายใจไม่ทันอยู่แล้ว ทว่าหลี่หลิงหว่านยังคงไม่หยุดฝีเท้า

หลี่เหวยหยวนอยู่ข้างหน้านางนี่เอง ไม่ว่าอย่างไรวันนี้นางจะต้องแสดงความเป็นมิตรต่อหน้าเขาให้ได้ สร้างความประทับใจดีๆ ให้กับเขาจึงจะถูก

เดิมทีหลี่เหวยหยวนก็เดินไวมากอยู่แล้ว หลี่หลิงหว่านที่ทั้งแขนและขาสั้นกว่าย่อมไม่มีทางไล่ตามเขาได้ทัน นางจึงต้องวิ่งไปพร้อมร้องเรียกเขาด้วยเสียงหอบแฮกๆ “พี่ชาย รอข้าด้วยสิ ข้ามีเรื่องจะพูดกับพี่!”

หลี่หลิงหว่านจะต้องบอกกับหลี่เหวยหยวนว่านางไม่มีทางบอกเรื่องที่เขาผลักนางจนเกือบตายให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ มิเช่นนั้นหากให้คนผู้นี้คิดว่านางจะนำเรื่องนี้ไปบอกฮูหยินผู้เฒ่าล่ะก็ ไม่แน่ภายในไม่กี่วันนี้เขาอาจจะเล่นงานนางก็เป็นได้

อาศัยสติปัญญาของหลี่เหวยหยวน หากเขาอยากเล่นงานตนจริงๆ หลี่หลิงหว่านรู้สึกว่าตนเองจะต้องป้องกันอีกฝ่ายไม่ได้แน่

แต่หลี่เหวยหยวนไม่ได้สนใจนางเลย เขาเอาแต่เดินมุ่งไปข้างหน้าจนถึงเรือนที่เขาพักอาศัยอยู่

หลี่เหวยหยวนผลักประตูเรือนเปิดออกก่อนก้าวเท้าเข้าไป จากนั้นก็หันตัวกลับมาปิดประตูไม้เก่าๆ พังๆ สองบานเข้าหากัน ทั้งยังลั่นดาลอีกด้วย

รอจนเขาทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผ่านไปอีกสักพักหนึ่งหลี่หลิงหว่านถึงไล่ตามมาทัน

นางหยุดยืนที่หน้าประตูทางเข้า อาการหอบยังไม่ทันหายก็ยกมือขึ้นเคาะประตูเรียกแล้ว “พี่ชาย เปิดประตูสิเจ้าคะ ข้ามีเรื่องจะพูดกับพี่ชาย”

แม้หลี่เหวยหยวนจะไม่ได้เปิดประตู แต่เขาก็ไม่ได้จากไปไหน เพียงยืนอยู่ด้านหลังประตูเงียบๆ อยากรู้ว่าหลี่หลิงหว่านตั้งใจจะทำสิ่งใดกันแน่

ตอนนั้นเองเสี่ยวซานก็หอบแฮกๆ ตามมาทัน นางเห็นหลี่หลิงหว่านยังคงเคาะประตูเรียกให้หลี่เหวยหยวนเปิดประตูไม่ยอมหยุด แต่เขาก็ไม่ยอมเปิด ดังนั้นนางจึงเปิดปากเกลี้ยกล่อม “คุณหนู วันนี้หิมะตก อยู่ข้างนอกเช่นนี้อากาศเย็นยิ่งนัก พวกเรารีบกลับกันเถอะเจ้าค่ะ”

หลี่หลิงหว่านไม่ขยับ นางกำลังคิดว่าหลี่เหวยหยวนเป็นคนขี้ระแวง ถึงจะปิดประตูเรือนเช่นนี้ แต่จริงๆ อาจจะยืนอยู่ด้านหลังประตูฟังที่นางกับเสี่ยวซานพูดคุยกันอยู่ก็ได้ เขาย่อมอยากรู้ว่านางตั้งใจจะทำสิ่งใดกันแน่ ในเวลานี้จึงนับเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสร้างความประทับใจดีๆ แล้ว

จะมีอะไรดีไปกว่าการเล่นไปตามบทบาทให้แนบเนียน ทำให้หลี่เหวยหยวนคิดว่าต่อให้ตัวเขาไม่อยู่ตรงหน้า นางก็ยังจริงใจที่จะทำดีและสำนึกผิดต่อเขาอยู่ดี

ดังนั้นหลี่หลิงหว่านจึงยกนิ้วขึ้นมาจิกลงไปบนแขนตนเองอย่างรุนแรงคราหนึ่ง

เจ็บจริงๆ นะเนี่ย เจ็บจนข้าแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว!

แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมีน้ำตาไหลออกมาจริงๆ เสียหน่อย ถึงอย่างไรก็มีประตูบานหนึ่งขวางไว้ หลี่เหวยหยวนมองออกมาไม่เห็นอยู่ดี ขอแค่ในน้ำเสียงแฝงอาการสะอื้นเอาไว้ก็เพียงพอแล้ว

ชั่วขณะต่อมาเสี่ยวซานจึงได้แต่อ้าปากค้างตาโตมองคุณหนูของตนเอง

หลี่หลิงหว่านยืนอยู่บนขั้นบันไดที่เต็มไปด้วยหิมะพร้อมสะอึกสะอื้นเอ่ย “ข้าไม่ไป ที่ผ่านมาข้าทำผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรกลั่นแกล้งพี่ชายเลย พี่ชายดีกับข้าถึงเพียงนั้น ตอนที่ข้ากลั่นแกล้งพี่ชาย พี่ชายก็ไม่เคยด่าข้า ไม่เคยทุบตีข้า…”

เขาไม่ด่า ไม่ทุบตีก็จริง แต่พอลงมือครั้งหนึ่งแล้วก็เอาให้ถึงตายเลยทีเดียว

ในใจหลี่หลิงหว่านคิดเช่นนี้ ทว่าต่อหน้ายังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น มือก็ยกขึ้นเคาะประตูพลางร้องไห้เรียกหาพี่ชาย พูดซ้ำไปมาว่าตนเองสำนึกผิดแล้ว พี่ชายเปิดประตูเถอะ ให้โอกาสนางขออภัยเขาด้วย

ตอนนี้นางเป็นเพียงแค่เด็กอายุแปดขวบ คำพูดไม่อาจมีเหตุผลมากเกินไป มิเช่นนั้นหลี่เหวยหยวนอาจจะสงสัยขึ้นมาได้

แน่นอนว่าหลี่เหวยหยวนไม่มีทางเปิดประตูให้อยู่แล้ว เขาเพียงแค่ยืนอยู่ด้านหลังประตูด้วยใบหน้าเย็นชา ในใจไม่เชื่อถือคำพูดของหลี่หลิงหว่านเลยแม้แต่น้อย

นางจะขออภัยข้า? หลี่เหวยหยวนแค่นเสียงดูแคลนคราหนึ่ง คงต้องรอให้ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาจากทางทิศเหนือเท่านั้นแล้ว

หลี่เหวยหยวนไม่ได้ส่งเสียงตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแค่ยืนอยู่ด้านหลังประตูโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

หลี่หลิงหว่านเองก็คิดว่าตนไม่สามารถร้อนใจในเรื่องนี้ได้ นางไม่มีทางเกลี้ยกล่อมให้หลี่เหวยหยวนเลิกรังเกียจนางได้ในชั่วพริบตา วันเวลาในภายภาคหน้ายังอีกยาวนานนัก นางสามารถค่อยเป็นค่อยไปได้

แม้ภายนอกและหัวใจทั้งดวงของหลี่เหวยหยวนจะไม่ต่างอะไรกับทะเลสาบที่ถูกน้ำแข็งปิดผนึก ดูเย็นชาไร้ความรู้สึก ทว่าในใจนางกลับเชื่อมั่นว่าคนประเภทนี้จะยิ่งกระหายอยากความรักอย่างรุนแรง ดังนั้นนางจะใช้หัวใจเปี่ยมรักของตนเองไปหลอมละลายเขา

หลี่หลิงหว่านในใจคิดเช่นนี้ นางจึงเคาะประตูอีกสักพักหนึ่ง เรียกพี่ชายอีกเล็กน้อย ร้องไห้เอ่ยคำพูดทำนองว่าพี่ชายไม่สนใจนาง เช่นนั้นวันพรุ่งนี้นางค่อยมาหาใหม่จำพวกนี้แล้ว จากนั้นจึงค่อยๆ หันหลังกลับแล้วพาเสี่ยวซานจากไป

ที่ด้านหลังนางขวางกั้นไว้ด้วยประตูบานหนึ่ง หลี่เหวยหยวนครุ่นคิด แล้วสุดท้ายจึงตัดสินใจแนบใบหน้าไปที่รอยแตกบนประตู มองออกไปข้างนอก

หิมะตกลงมาหนักกว่าเมื่อครู่นี้แล้ว เงาร่างกระจ้อยร่อยเดินทุลักทุเลเหยียบย่ำอยู่บนหิมะมุ่งตรงไปข้างหน้า

หลี่เหวยหยวนมองอยู่สักพักพลันแค่นเสียงดูแคลนออกมาคราหนึ่ง

หนนี้เจ้ามารน้อยตั้งใจจะทำอะไรอีก เขาไม่มีวันเชื่อเป็นอันขาดว่านางแค่คิดอยากมาขออภัยเท่านั้น

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 6 มิ.ย. 62

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

Jamsai Editor: