X
    Categories: ทดลองอ่านฟูมฟักจอมราชันมากกว่ารัก

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 3-4

หน้าที่แล้ว1 of 6

บทที่ 3

อู๋เซี่ยวเซี่ยวเปิดกระจกรถเล็กน้อยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ให้กลิ่นค่อยๆ ระบายออกไป จากนั้นสตาร์ตรถ เหยียบคันเร่งขับรถสปอร์ตออกไปจากโรงจอดรถของตึกสูง

“ว่ามาสิ มาหาฉันมีธุระอะไร” อู๋เซี่ยวเซี่ยวหมุนพวงมาลัยอย่างคล่องแคล่วพลางเอ่ยถาม

เซินหย่วนยื่นนิ้วเรียวยาวไปเขี่ยตุ๊กตาที่แขวนอยู่เหนือหน้าปัดรถเล่น จากนั้นก็ถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “คุณทำเรื่องหย่ากับเจิงฝานเรียบร้อยแล้วหรือยัง”

อู๋เซี่ยวเซี่ยวเผยอกลีบปากสีแดงเล็กน้อย ก่อนจะเลิกคิ้วแล้วหันหน้าไปมองเทพบุตรซูเปอร์สตาร์ตัวท็อปในรอบหมื่นปีที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกว่าเขาไม่น่าจะถึงขั้นรับงานปาปารัซซี่มาสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องซุบซิบของเธอ

แต่น้ำเสียงที่ไม่แยกแยะสูงต่ำและความสนิทสนมเหินห่างแบบนี้ชวนให้รู้สึกหมั่นไส้จริงๆ ต่อให้เป็นจิ้งจอกเฒ่าที่คลุกคลีในวงสังคมมาหลายปีอย่างอู๋เซี่ยวเซี่ยวก็ยังรู้สึกเอือมระอา เธอจึงเลิกทักทายด้วยมารยาทอันเสแสร้งแล้วถามขึ้นอย่างไม่เกรงใจ

“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน เกรงว่าจะไม่เกี่ยวกับคุณเซินนะคะ!”

หลายปีมานี้ข่าวลือเกี่ยวกับภูมิหลังครอบครัวของเซินหย่วนนั้นคลุมเครืออย่างยิ่ง มีคนบอกว่าเบื้องหลังเขามีอำนาจมาก ไม่สามารถสืบค้นได้

ทั้งยังมีคนบอกว่าเขามีเศรษฐินีสาวใหญ่เลี้ยงดู สรุปว่าเขาเป็นธารน้ำใสในวงการบันเทิง ไม่เคยปากกัดตีนถีบในวงการบันเทิงอย่างทุ่มสุดตัวมากนัก ใช้ชีวิตราวกับเทพเซียนที่ไม่มีใครรู้ว่าหายตัวไปอยู่ที่ใด

แต่อู๋เซี่ยวเซี่ยวที่รู้จักวิถีของวงการบันเทิงดีกลับคิดว่าในวงการมีคนใสซื่อไร้เดียงสาเสียที่ใด

เซินหย่วนรุ่นราวคราวเดียวกับเจิงฝาน ตอนนั้นก็ไม่เห็นว่าเขาจะเปิดเผยเบื้องหลังของตนเอง แต่โอกาสที่ได้มาหลังจากนั้นกลับอยู่เหนือเจิงฝานไปไกล

อู๋เซี่ยวเซี่ยวคิดว่าเขาน่าจะเป็นแบบข่าวอย่างหลัง และความช่วยเหลือจากเบื้องหลังเองก็ไม่ใช่เล็กๆ ด้วย

ตอนนั้นเจิงฝานมีสายตาแหลมคมแตกต่างจากคนอื่น ดูออกว่าคุณหนูบ้านรวยมาตรฐานสูงเป็นอย่างไร และผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานเสียทีอย่างอู๋เซี่ยวเซี่ยวนั้นแม้ดูเหมือนจะฉลาดหลักแหลม แต่ความจริงแล้วกลับโง่เขลาซื่อบื้อในเรื่องของความรัก เขาจึงตัดสินใจว่าจะเอาอกเอาใจและตามจีบเธอ จนได้ผู้สนับสนุนทางการเงินที่ปั้นเขาให้โด่งดังอย่างสุดความสามารถและภรรยาควบผู้จัดการที่ทำงานหนักอย่างเธอคนนี้มาครอง

นับจากนั้นเจิงฝานก็เดินทางอ้อมมากมายโดยไม่จำเป็นต้องเปื้อนโคลนจนโด่งดังเป็นพลุแตก

ส่วนเบื้องหลังของเซินหย่วนไม่รู้ว่ามีพี่สาวพี่ชายผู้ร่ำรวยรู้ใจคอยสนับสนุนอยู่กี่คน ถึงทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วได้เช่นนี้

อู๋เซี่ยวเซี่ยวในตอนนี้พอเห็นผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินซึ่งอ่อนวัยกว่าตนก็รู้สึกเบื่อเต็มทน มิหนำซ้ำยังเป็นเซินหย่วนที่เป็นศัตรูกับเธอมาโดยตลอดอีก

แต่เซินหย่วนกลับเคยชินกับน้ำเสียงแย่ๆ ที่อู๋เซี่ยวเซี่ยวพูดกับเขาเป็นการส่วนตัว อาจเป็นเพราะช่วงนี้ประสบการณ์อันน่าอนาถของอู๋เซี่ยวเซี่ยวสร้างความสำราญใจให้แก่เขา ชายหนุ่มจึงไม่เปลี่ยนสีหน้าอย่างหาได้ยาก

เขายังคงเอ่ยด้วยท่าทีสบายๆ “สถานการณ์การแต่งงานของคุณย่อมเกี่ยวกับผม ถ้าการแต่งงานของพวกคุณยังมีผลอยู่ ผมก็ไม่สะดวกใจที่จะเอาเงินไปลงทุนในบริษัทของคุณ และหากทรัพย์สินระหว่างการแต่งงานของพวกคุณไม่ได้ถูกจัดการให้เรียบร้อยจะไม่เท่ากับว่าผมตัดชุดแต่งงานให้เจิงฝาน ฟรีๆ เหรอ…”

ตอนนี้อู๋เซี่ยวเซี่ยวประหลาดใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก หากที่เซินหย่วนพูดมาเป็นเรื่องจริงก็เท่ากับว่าเขาจะส่งถ่านกลางหิมะ ช่วยเธอให้เดินออกมาจากสถานการณ์ที่ขาดแคลนเงินทุนอย่างนั้นเหรอ

อู๋เซี่ยวเซี่ยวรู้สึกว่าขนมเปี๊ยะใส่ไส้ชิ้นเบ้อเริ่มร่วงตกลงลงมาจากท้องฟ้า กระแทกแรงเกินไป ทำให้วิงเวียนตาลาย เธอจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“ทำไม…คุณต้องทำแบบนี้ด้วย เงินที่พ่อฉันเป็นหนี้อยู่เป็นเงินหลายพันล้านนะ ไม่ใช่หนี้ที่คุณจะปิดได้หรอก”

เซินหย่วนไม่สะดุ้งสะเทือนกับตัวเลขจำนวนมหาศาลในคำพูดของเธอ แค่ตอบเรียบๆ ว่า “เรื่องพวกนั้นไม่มีปัญหา…คุณกับเจิงฝานหย่ากันหรือยัง”

อู๋เซี่ยวเซี่ยวไม่คิดว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องปิดบังคนที่รู้เรื่องภายในอย่างเขา จึงตอบไปว่า “ยังไม่ได้…ฉัน…”

เซินหย่วนขมวดคิ้วแล้วตัดบทคำพูดของเธอที่ยังพูดไม่ทันจบ “ถึงขั้นนี้แล้วยังไม่หย่าอีก คุณขาดแคลนผู้ชายมากเหรอ เจอขยะชิ้นหนึ่งคุณกลับเห็นเป็นของล้ำค่า!”

น้ำเสียงที่น่ารังเกียจแบบนี้เป็นของเซินหย่วนคนปากร้ายซึ่งอู๋เซี่ยวเซี่ยวคุ้นเคยดี

เมื่อนึกถึงท่าทีของเขาในสองสามครั้งที่เจอเธอก่อนหน้านี้ อู๋เซี่ยวเซี่ยวก็มีแต่อยากจะแค่นหัวเราะ

ไม่รู้ว่าเพราะเซินหย่วนคนนี้มีใจพยาบาทหรือเปล่า ถึงได้ทำตัวเหลวไหลไร้สาระยิ่งกว่าแต่ก่อน

ล่าสุดตอนเจอกันที่คลับส่วนตัว เขาคงดื่มมากเกินไป จึงเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นเพื่อนผู้หญิงที่เขาพามาด้วย ถึงขั้นกอดเธอในมุมมืดและเกือบจะจูบเธอแล้ว

ผู้ชายล้วนมีความอยากเอาชนะสิ่งมีชีวิตที่มีระดับต่ำกว่า บางทีในสายตาของเซินหย่วน การนอนกับอดีตเจ้านายอย่างเธออาจช่วยลบล้างความอับอายในตอนนั้นได้ ตอนนี้เขาถึงกับใช้เล่ห์เหลี่ยมเอาเงินทุนมหาศาลมาล่อลวงเธอ! เขาเห็นเธอเป็นเด็กสาวอ่อนต่อโลกอย่างนั้นเหรอ

ตอนนี้เห็นเขามีท่าทางก้าวร้าวแบบนี้ อู๋เซี่ยวเซี่ยวก็ตัดสินใจว่าจะเปิดโปงความคิดสกปรกของเขา จงใจทอดเสียงให้นุ่มนวลขึ้น

“ทำอย่างไรดีล่ะ ในสายตาฉันถึงเป็นขยะก็ดีกว่าคุณแล้วกัน! คุณเซินวางใจได้ค่ะ ถึงชาตินี้ฉันอู๋เซี่ยวเซี่ยวจะแต่งไม่ออกก็ไม่มีทางนำพาหายนะมาให้ซูเปอร์สตาร์อย่างคุณเซินหรอกค่ะ ดังนั้นเรื่องของฉัน คุณกรุณาอย่าได้เป็นกังวลไปเลย!”

เธอรู้สึกว่าตัวท็อปที่ได้เจอในวันนี้จะมีหลายคนเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้เป็นเจิงฝานกับยายมือที่สามสกุลไป๋ ต่อมาก็เป็นซูเปอร์สตาร์ที่พูดอะไรไม่รู้เรื่องคนนี้อีก ชีวิตคนสั้นนิดเดียว ทำไมเธอจะต้องสนใจคนชั่วด้วย

เธอหักพวงมาลัยเข้าข้างทาง เตรียมจะจอดรถแล้วถีบซูเปอร์สตาร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ คนนี้ลงไปเสีย

น่าเสียดายที่ซุป’ตาร์เซินหย่วนไม่รู้ว่าตนเองทำให้อีกฝ่ายรำคาญ อาจเพราะน้ำเสียงดูแคลนของอู๋เซี่ยวเซี่ยวกระตุ้นความแค้นที่สะสมในใจเขามาหลายปีจนระงับไม่อยู่ เขาจึงพูดอย่างปากร้ายอีก

“คุณดูเหมือนฉลาดนะ แต่จริงๆ แล้วเรื่องของตัวเองกลับมองไม่ทะลุปรุโปร่งสักอย่าง ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะอาศัยความฉลาดเล็กๆ น้อยๆ และกำลังทรัพย์ของพ่อคุณ ในวงการบันเทิงนี้คุณคงถูกแทะจนไม่เหลือแม้แต่เศษซากแล้ว…เศษสวะอย่างเจิงฝานก็มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่เห็นเป็นของล้ำค่า ตอนนี้ยังไม่ยอมหย่าอีก อยู่มาจนแก่ซะเปล่า! ต่อให้สวรรค์มอบโอกาสให้คุณอีกครั้ง คุณก็ใช้ไม่เป็นหรอก ทำตัวเองขายหน้าอีกรอบอยู่ดี ตอนนี้สกุลอู๋ล้มละลายแล้วก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน! ทิ้งคุณไว้ในบ้านที่จนกรอบ จะได้ตั้งใจมองความเป็นจริงให้ชัดๆ เสียที…”

อู๋เซี่ยวเซี่ยวถูกยั่วโมโหเต็มที่ จึงคิดจะโต้เถียงกลับ แต่จู่ๆ กลับพบว่าเบรกใต้เท้าไม่ฟังคำสั่ง ขณะที่อู๋เซี่ยวเซี่ยวหวีดร้องด้วยความตื่นตระหนก รถสปอร์ตที่เบรกไม่ทำงานอย่างกะทันหันก็เหมือนสัตว์ร้ายที่หลุดจากการควบคุม พลิกตลบขึ้นไปบนเกาะกลางถนนอย่างรวดเร็ว…

ท่ามกลางกระจกที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย บทละครเรื่อง ‘ฟูมฟักจอมราชัน’ กระเด็นออกมาจากกระเป๋าเอกสาร ถูกย้อมด้วยเลือดที่ไหลนองออกมาช้าๆ สิ่งที่ตกอยู่ข้างบทละครยังมีหยกดำชิ้นหนึ่งที่แตกออกเป็นสองสามซีก ส่องแสงสว่างเรืองรองอย่างแปลกประหลาด…

 

วันถัดมาพาดหัวข่าวบันเทิงของเว็บใหญ่ทุกเว็บล้วนเป็นข่าวอู๋เซี่ยวเซี่ยวผู้จัดการดารามือทองประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ บาดเจ็บสาหัสและยังคงสลบไสลไม่ได้สติ แต่คาดไม่ถึงว่าคนที่นั่งรถไปกับเธอจะเป็นซุป’ตาร์เซินหย่วน ทำไมทั้งสองคนถึงนั่งรถคันเดียวกันได้ เรื่องนี้ควรค่าแก่การสืบในเบื้องลึกต่อไป…

ในเวลาเดียวกันนั้นข้อมูลลับของเจิงฝานก็พวยพุ่งออกมาเหมือนบ่อน้ำมันที่ถูกเจาะทะลุ

นี่เป็นข้อมูลตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนที่เขาอาศัยภรรยาเก่าชุบตัว ไปจนถึงความลับที่ว่าอู๋เซี่ยวเซี่ยวแท้งจนมดลูกเสียหายเพราะเขาไม่อยากมีลูกเร็ว รวมถึงภาพที่เจิงฝานกับไป๋ฉีอวี๋ลักลอบเป็นชู้กันในระหว่างที่เขามีภรรยาอยู่ ข้อมูลเหล่านี้ถูกเปิดเผยออกมาทุกสองสามวัน ทำให้สังคมฮือฮาร้องลั่นว่าคดีพลิกแล้ว

เห็นได้ชัดว่าผู้จัดการคนใหม่ของเจิงฝานไม่ได้มีกำลังมือรับจ้างโพสต์เปลี่ยนภาพลักษณ์ดาราได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าอู๋เซี่ยวเซี่ยว เมื่อเผชิญภาวะวิกฤตที่ประดังประเดเข้ามาอย่างกะทันหันก็รับมือได้ไม่ทั่วถึง

นอกจากนี้ยังเล่าลือกันด้วยว่าอู๋เซี่ยวเซี่ยวจงใจประสบอุบัติเหตุแกล้งป่วยใส่ร้ายเจิงฝานเพื่อลบล้างมลทินให้ตนเอง

แต่ไม่นานแพทย์ผู้ดูแลอู๋เซี่ยวเซี่ยวก็ได้รับการไหว้วานจากญาติผู้ป่วยให้ยอมรับการสัมภาษณ์จากนักข่าว

เขาเปิดเผยว่าเปลือกสมองซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบประสาทส่วนกลางของผู้ป่วยอู๋เซี่ยวเซี่ยวไม่ทำงาน ซึ่งหมายความว่าชีวิตที่เหลืออยู่เธออาจนอนเป็นผัก ขอให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องในอินเตอร์เน็ตใช้ถ้อยคำอย่างเหมาะสม อย่ามารบกวนญาติของผู้ป่วยอีก…

ครั้งนี้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงอีกครั้งในโลกออนไลน์ แต่ไม่มีใครพูดว่าอู๋เซี่ยวเซี่ยวจงใจปล่อยข้อมูลทำลายชื่อเสียงของเจิงฝานแล้ว พวกเขาเพิ่งเกิดความเห็นอกเห็นใจอันไร้ขีดจำกัดต่ออู๋เซี่ยวเซี่ยวที่ถูกผู้ชายเฮงซวยใช้ประโยชน์มานานหลายปี

แฟนคลับจำนวนมหาศาลของเจิงฝานย่อมเปลี่ยนจากแฟนคลับเป็นคนนอก บ้างก็เปลี่ยนเป็นแอนตี้แฟน และข้อมูลที่เก่ากว่านั้นของเจิงฝานก็พวยพุ่งออกมาราวกับน้ำมันจากบ่อต่อไป…

อู๋เซี่ยวเซี่ยวไม่เคยเชื่อเรื่องภูตผีหรือเทพเจ้า

ชั่วพริบตานั้นที่รถพลิกคว่ำ นางรู้สึกแค่ว่าชีวิตนี้ของตนเองคงจบสิ้นลงแล้ว

แต่ตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งขณะที่เจ็บระบมไปทั้งตัว นางเห็นตนเองนอนอยู่บนเตียงไม้โบราณหลังหนึ่ง พอมองการตกแต่งห้องที่มืดสลัวรอบด้านก็อดเหม่อลอยนิดๆ ไม่ได้ รู้สึกเพียงว่าตนเองเหมือนจะไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาล

“เซี่ยวเหนียง ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว! หากเจ้ายังไข้ขึ้นสูงต่อไปไม่ตื่นเสียที ข้าคงต้อง…คงต้อง…สวรรค์คุ้มครอง…” เสียงโศกเศร้าอาดูรดังขึ้นขณะที่สตรีที่มีใบหน้าซีดเซียวนางหนึ่งปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอู๋เซี่ยวเซี่ยว

อู๋เซี่ยวเซี่ยวที่เพิ่งฟื้นเกือบสะดุ้งตกใจเพราะสตรีผู้นี้ แม้อีกฝ่ายจะมีเรือนผมยุ่งเหยิง ใบหน้ามอมแมม แต่ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นแม่ของนางเอง…คุณหูหรือคุณนายอู๋นั่นเอง

แต่แม่ของนางเป็นสตรีผู้ดีที่ดูแลตนเองเป็นอย่างดี มาสก์หน้าด้วยแผ่นมาสก์ลาแมร์ทั้งวัน บำรุงร่างกายด้วยซุปคอลลาเจนตุ๋นรังนก มีหรือจะใส่เสื้อผ้าปุปะทั้งตัว ไม่สนใจการแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างสตรีตรงหน้าผู้นี้

แล้วที่อีกฝ่ายใส่อยู่นั่นคืออะไร คุณหูก็แต่งชุดชาวฮั่นตามแฟชั่นกับเขาด้วยอย่างนั้นหรือ

“แม่คะ…ทำไมแม่ถึงได้…” อู๋เซี่ยวเซี่ยวเพิ่งจะพูดไม่กี่ประโยคด้วยเสียงแหบพร่า จากนั้นก็ต้องอึ้งงันไป

แม้เสียงจะแหบพร่า แต่นางฟังออกว่าเสียงที่ตนเองเปล่งออกมาคือเสียงของเด็กหญิงวัยสิบเอ็ดถึงสิบสองปี

นางมองมือของตนเองที่ยื่นออกมาด้วยความตกตะลึง ผิวขาวก็จริงอยู่ แต่กลับผอมแห้งซูบเซียวลงไปมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นมือของเด็กหญิง

อู๋เซี่ยวเซี่ยวลุกพรวดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้แล้วเดินโซเซออกไปนอกห้อง ได้เห็นเงาสะท้อนของตนเองในถังน้ำพอดี…เด็กหญิงใบหน้ามอมแมมผมกระเซอะกระเซิง ดวงตาโตรูปเมล็ดซิ่ง กำลังจ้องมองนางอย่างตกตะลึง…

หากไม่ใช่เพราะรูปร่างของตนเองเล็กลง ใบหน้าเปลี่ยนไป อู๋เซี่ยวเซี่ยวคงนึกว่านางถูกรายการเรียลลิตี้ในโทรทัศน์รายการใหญ่แกล้งเสียแล้ว!

ความจริงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความสามารถในการปรับตัวของมนุษย์ช่างน่าทึ่ง อู๋เซี่ยวเซี่ยวเป็นผู้จัดการดารา เคยอ่านบทละครทะลุมิติมานับไม่ถ้วน สิ่งที่ได้ประสบพบเจอในช่วงหลายวันมานี้ทำให้นางจำต้องเข้าใจความจริงเรื่องหนึ่งว่า…นางทะลุมิติมาแล้ว ทะลุมิติเข้ามาในบทละครเรื่อง ‘ฟูมฟักจอมราชัน’ ที่นางเพิ่งอ่านจบ

และดูเหมือนว่าตอนที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็ตรงกับคำพูดร้ายๆ ของเซินหย่วน เพราะนางทะลุมิติมาอยู่ในบ้านที่จนกรอบพอดี

ในบทละครเรื่องนั้นมีนางเอกซึ่งแต่ละคนงดงามโดดเด่นมีเอกลักษณ์ แต่อู๋เซี่ยวเซี่ยวกลับทะลุมิติมาเป็นโม่เซี่ยวเหนียงตัวประกอบหญิงผู้ชั่วร้ายสุดขีด!

โม่เซี่ยวเหนียงผู้นี้ก็เปรียบได้กับหลี่โม่โฉว ตัวละครจากปลายปากกาของจินยง เป็นก้อนหินขวางทางหมื่นปีในเส้นทางสังหารมอนสเตอร์เพื่ออัพเลเวลของพระเอก

แน่นอนว่าสุดท้ายจะขาดบทที่นางมารถูกพระเอกฉีกเป็นชิ้นๆ ไปไม่ได้ จุดจบของนางนั้นแสนจะรันทดจนสุดบรรยาย

 

กว่าอู๋เซี่ยวเซี่ยวจะทำความเข้าใจกับตัวตนของตนเองได้ไม่ใช่เรื่องง่าย พอนึกถึงจุดจบอันน่าเวทนาของโม่เซี่ยวเหนียงในวันหน้าก็อยากจะวิ่งออกไปจากประตูไม้โกโรโกโสในทันใด อยากจะหาเกวียนเทียมวัวเช่นในสมัยก่อน ดูว่าถ้าขับเกวียนพุ่งชนให้ตายแล้วจะกลับไปได้หรือไม่

แต่หลังจากลองพุ่งชนผนังหลายครั้ง นางก็เจ็บจนน้ำตาร่วง รู้ตัวว่าขาดความกล้าหาญที่จะทำร้ายตนเอง จึงล้มเลิกความคิดที่จะตายแล้วกลับไปอีกครั้ง

นางยังจำความทรงจำก่อนหน้านี้ได้ เบรกรถไม่ทำงาน รถจึงเสียหลักจนพลิกคว่ำ บางทีอาจเพราะนางตายไปแล้วจึงได้มาอยู่ที่นี่

หลายครั้งในความฝันยามค่ำคืน มีเสียงพูดกับนางอย่างต่อเนื่องว่า ‘มีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี ทุกอย่างจึงจะมีความหวัง’

แม้จะเป็นเพียงคำพูดในความฝัน แต่ก็ฟังดูสมเหตุสมผล

ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางประสบพบเจอในตอนนี้แปลกประหลาดเกินไป ไม่สามารถอธิบายได้ มีแต่จะต้องคอยระวังไปทีละก้าว มีชีวิตอยู่ให้ดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่…โลกที่ไม่คุ้นเคยตรงหน้านี้ถึงกับทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายชั่วคราวราวกับได้มุดเข้าไปในเปลือกหอยทาก

อย่างน้อยที่สุดนางยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบสองปี ไม่ต้องพบเจอกับวิกฤตวัยกลางคน ไม่ต้องรับมือกับหนี้ก้อนโตที่ทำให้ครอบครัวล้มละลาย รวมทั้งเรื่องจุกจิกไร้สาระอย่างการเลิกรากับสามี

เพียงแต่…โม่เซี่ยวเหนียงมองโจ๊กสีขาวขุ่นชามหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะเล็กบนเตียงเตา เก่าๆ ไม่กล้าเอาของเหนียวข้นราวกับอาหารหมูนี้ใส่ปาก

แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ หูซื่อ มารดาของนางในตอนนี้ที่ในบทละครก็ใช้สกุลหูเหมือนกันยังคงเกลี้ยกล่อมอย่างขันแข็งให้นางกิน

“นี่คือผักป่าและเห็ดที่ขึ้นเขาไปเก็บมาวันนี้ สดใหม่ยิ่ง เซี่ยวเหนียง เจ้ากินมากๆ สักหน่อย บำรุงร่างกายให้ดี”

อู๋เซี่ยวเซี่ยวซึ่งก็คือโม่เซี่ยวเหนียงในเวลานี้มองชามของมารดาแล้วมองชามของตน จากนั้นก็พบว่าในชามของหูซื่อมีน้ำเสียเป็นส่วนใหญ่ ทว่าในชามของตนกลับมีข้าวโพดที่ต้มจนเละปะปนอยู่บ้าง

แม้สถานที่และเวลาจะผิดแปลก ตัวตนพลิกผัน แต่ความรักอันแรงกล้าของมารดาไม่ใช่สิ่งที่คิดไปเอง ครั้นเห็นสายตาจริงจังของหูซื่อ สุดท้ายนางก็ค่อยๆ ยกชามขึ้น กลืนข้าวโพดที่ต้มจนเละลงไป

บทที่ 4

หากสภาพแวดล้อมที่นางอยู่นั้นเหมือนในบทละครเรื่อง ‘ฟูมฟักจอมราชัน’ จริง เช่นนั้นสถานที่ที่นางอยู่ก็คือโลกสมมติเลียนแบบสมัยซ่งซึ่งเรียกว่ายุคต้าฉิน และที่นี่คือเมืองเฟิ่งที่อยู่ค่อนขึ้นไปทางทิศเหนือ

เดิมทีหูซื่อผู้เป็นมารดาเป็นนักแสดงในคณะงิ้ว ต่อมาถูกหัวหน้าคณะขายให้โม่จื้อเหวิน คุณชายรองในตระกูลมั่งคั่งของท้องที่ในราคาห้าสิบตำลึง กลายเป็นภรรยานอกสมรสของเขา

คุณชายรองสกุลโม่เลี้ยงดูภรรยานอกสมรสซึ่งเป็นนักแสดงงิ้วเยาว์วัยรูปโฉมงดงามลับหลังภรรยาเอกที่บ้าน ผ่านไปเพียงไม่กี่วันก็ถูกบิดาของเขาโม่กงเฉิงนายท่านผู้เฒ่าสกุลโม่จับได้

ตอนนี้ใบหน้าเป็นมันของโม่จื้อเหวินก็นับว่าได้ยัดเข้าไปในรังแตนแล้ว

พึงรู้ว่าหลายปีก่อนสกุลโม่ทำการค้าทั่วโม่เป่ย และเจียงหนาน แต่ไม่กี่ปีมานี้หลังจากที่บุตรหลานในตระกูลหลายคนได้เป็นซิ่วไฉ จึงได้สลัดจนหลุดพ้นจากกลิ่นเงินเหม็นคลุ้ง ตัดสินใจว่าจะเดินบนเส้นทางตระกูลบัณฑิต

โม่จื้อกวนบุตรชายคนโตที่เกิดกับภรรยาเอกของนายท่านผู้เฒ่าโม่เอาการเอางานที่สุด แม้เป็นเพียงจิ้นซื่อลำดับที่ห้า แต่หลังจากที่นายท่านผู้เฒ่าสกุลโม่ผูกมิตรกับผู้คนทั้งที่เหนือกว่าและต่ำกว่าเพื่อหาลู่ทางให้ เขาก็ได้เป็นนายอำเภอประจำอำเภอว่อหม่าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองเฟิ่ง

นายท่านผู้เฒ่าสกุลโม่ยินดีปรีดายิ่ง ทั้งยังพึงพอใจกับหน้าตาของสกุลโม่ ทำให้เริ่มเข้มงวดกวดขันกับครอบครัวตนเองเอาอย่างตระกูลของขุนนางใหญ่ประจำราชสำนัก นอกจากนี้ยังซ่อมแซมศาลบรรพชน เชิญนักประพันธ์เรืองนามในเมืองมาเขียนลำดับผังวงศ์ตระกูลของสกุลโม่เสียใหม่

ผ่านไปหลายยุคหลายสมัย บุตรหลานสกุลโม่ที่เก่งกาจซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายก็จะได้คุกเข่าในศาลบรรพชนอย่างพร้อมเพรียง รำลึกถึงรากเหง้าและคุณงามความดีในการดูแลตระกูลของนายท่านผู้เฒ่าโม่กงเฉิง

แต่นึกไม่ถึงว่าบุตรชายคนโตเพิ่งไขว่คว้าเอาหน้าตากลับมาให้ตระกูลได้ ชั่วพริบตาก็ถูกโม่จื้อเหวินบุตรชายคนรองของตนทำลายจนหมดสิ้น

เลี้ยงดูภรรยานอกสมรสที่เป็นนักแสดงงิ้ว นี่เป็นเรื่องไม่เข้าท่าที่มีแต่บุตรหลานตระกูลชั้นต่ำเท่านั้นที่ทำ!

อยากรับอนุ สตรีบริสุทธิ์มากมายกลับไม่รับ แต่ไปรับนักแสดงงิ้วที่ออกหน้ารับส่งแขกต่อหน้าผู้คน!

บุตรชายคนรองผู้นี้ไม่เห็นความสำคัญในชื่อเสียงขุนนางของพี่ชายตนเอง อยากทำลายแผนการหนึ่งร้อยปีของสกุลโม่ของพวกเขาเสียให้ได้!

ดังนั้นไม้เรียวที่เพิ่งเหลาเป็นรูปเป็นร่างและทาน้ำมันเคลือบเงาซึ่งวางไว้ในศาลบรรพชนจึงได้นำออกมาใช้เป็นครั้งแรก นายท่านผู้เฒ่าสกุลโม่ที่ฝึกยุทธ์มาหลายปีหวดเสียงดังจนโม่จื้อเหวินร้องโหยหวน แผ่นหลังถูกฟาดจนเนื้อแตกเลือดไหล จากนั้นก็บอกบุตรชายว่าหากคิดจะเลี้ยงดูภรรยานอกสมรสอีกก็จะโยนเขาออกไปจากสกุลโม่โดยไม่ให้เงินแม้แต่ตำลึงเดียว ปล่อยให้เขาไปใช้ชีวิตตามยถากรรม

นับจากนั้นเขาก็ไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปในเรือนเล็กของภรรยานอกสมรสอีกแม้แต่ครึ่งก้าว

ตามความเห็นของนายท่านผู้เฒ่าสกุลโม่ หูซื่อผู้นั้นเป็นเพียงนางจิ้งจอกที่มายั่วยวนบุตรหลานตระกูลขาวสะอาด หลังทำลายนิสัยบ้าตัณหาของบุตรชายคนรองได้แล้วก็ให้นายหน้าค้าทาสขายนางไปไกลๆ ก็พอ

แต่นึกไม่ถึงว่าหูซื่อกลับตั้งครรภ์ได้แปดเดือนและใกล้จะคลอดแล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลโม่เป็นชาวพุทธ ไม่เห็นด้วยที่นายท่านผู้เฒ่าสกุลโม่จะทำเรื่องผิดบาป กอปรกับคังซื่อสะใภ้รองแต่งเข้าตระกูลมาหลายปี ให้กำเนิดเพียงบุตรสาวสองคน หากหูซื่อให้กำเนิดบุตรชาย แม้จะเป็นบุตรที่เกิดกับภรรยานอกสมรสก็ต้องเลี้ยงดูเอาไว้ ดังนั้นจึงเตรียมจะขับไล่มารดาแต่เก็บบุตรไว้ อุ้มเด็กกลับมาก็พอ

แต่ผู้ใดจะคิดว่าเด็กที่หูซื่อคลอดออกมาจะเป็นเด็กหญิงเช่นกัน ส่วนคังซื่อก็พยายามจะปลิดชีวิตตนเอง ทั้งยังร้องไห้ฟูมฟายทั้งวัน ไม่ยอมให้อุ้มทารกหญิงคนนั้นกลับมา และไม่ยอมช่วยสามีเลี้ยงบุตรที่เกิดกับนักแสดงงิ้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลโม่ก็ไม่อาจข้ามหน้าสะใภ้รอง อุ้มต้นเหตุของปัญหากลับมา

ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลโม่ส่งบ่าวหญิงสูงวัยข้างกายไปดูแลหูซื่อ นางมิใช่คนที่อยากมีเรื่องมีราว ถือคติไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่น มีเรื่องน้อยเข้าไว้ย่อมดีกว่า จึงเลิกราแต่เพียงเท่านั้น ทว่าก็จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งให้สองแม่ลูกทุกเดือน ให้หูซื่อเลี้ยงดูบุตรสาวจนเติบใหญ่ รอจนบุตรสาวเติบใหญ่แล้วก็หาคนที่เหมาะสมแต่งงานด้วย

นับจากนั้นหูซื่อกับโม่เซี่ยวเหนียงบุตรสาวก็กลายเป็นหนูในทางระบายน้ำ อยู่กันอย่างเรียบง่าย เอาตัวรอดไปวันๆ

แต่นึกไม่ถึงว่าคุณชายใหญ่สกุลโม่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน โยกย้ายเลื่อนตำแหน่งไปเป็นเจ้าเมืองที่ไหวซานซึ่งอยู่ใกล้กับฉินไหว คุณชายใหญ่สกุลโม่ผู้มีใจกตัญญูจึงย้ายลงใต้ไปทั้งครอบครัว พาบิดามารดาไปด้วย

คุณชายรองสกุลโม่ที่ไม่ได้แยกบ้านก็ย้ายตามไปพร้อมกัน

แต่หูซื่อกับบุตรสาวที่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ กลับถูกทิ้งไว้ นานวันเข้าไม่รู้ว่าสกุลโม่สั่งไว้อย่างไร ถึงกับตัดค่าใช้จ่ายทุกเดือนของสองแม่ลูก

บ่าวหญิงสูงวัยที่ดูแลหูซื่อในตอนแรก เนื่องจากไม่มีเงินแล้วจึงรามือเลิกยุ่งเกี่ยว ทิ้งสองแม่ลูกให้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

หูซื่อไม่มีหนทางทำมาหากิน เกือบจะต้องไปพึ่งพาคณะงิ้วขับลำนำอีก แต่พอนึกขึ้นได้ว่าบุตรสาวของตนเดิมทีก็เป็นคุณหนูตระกูลร่ำรวย จะให้บุตรสาวออกหน้ารับส่งแขกต่อหน้าผู้คนกับตนได้อย่างไร จึงเอาเครื่องประดับที่คุณชายรองสกุลโม่ให้ไว้เมื่อหลายปีก่อนไปจำนำ อีกทั้งรับงานซักผ้าลงแป้งและงานเย็บปักถักร้อยของพ่อค้าเพื่อนบ้านเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง

แต่อยู่มาได้หนึ่งปีเครื่องประดับก็ไม่มีเหลือแล้ว หูซื่ออยากเอาเรือนเล็กของพวกนางไปจำนอง แต่ก็ไม่มีโฉนดที่ดินอยู่กับตัว จึงต้องไหว้วานให้คนช่วยเขียนจดหมายส่งไปให้สกุลโม่ที่อยู่ไกลถึงไหวซานด้วยหวังว่าพวกเขาจะช่วยเหลือพวกนางสองแม่ลูกสักเล็กน้อย

หูซื่อตั้งตารอคอยอย่างยิ่งว่าสกุลโม่จะตอบจดหมายกลับมา แต่อู๋เซี่ยวเซี่ยวที่เพิ่งอ่านบทละครซึ่งไม่รู้ว่ายายบ้าที่ใดเขียนย่อมรู้ว่าจดหมายที่นางส่งไปก็เป็นเพียงก้อนหินที่จมลงในทะเล

ก่อนที่สกุลโม่จะไปอยู่ไกลถึงไหวซานได้กำชับพ่อบ้านที่เฝ้าเรือนหลังเก่าไว้ว่าให้มอบเงินให้พวกนางสองแม่ลูกทุกเดือน แต่คังซื่อภรรยาเอกของคุณชายรองสกุลโม่กลับกำชับไว้ว่าให้พ่อบ้านเก็บเงินเอาไว้ใช้เอง

คังซื่อฮูหยินรองตั้งใจไว้ว่าเมื่อหญิงม่ายภรรยานอกสมรสและบุตรสาวของนางไม่มีเงินติดตัวแล้วย่อมไม่สามารถไปฟ้องร้องที่ไหวซานได้ นานวันเข้าหูซื่อย่อมทนอยู่ต่อไปไม่ไหว หญิงชั้นต่ำที่เคยเป็นนักแสดงงิ้วผู้หนึ่ง หากจะเปิดประตูเรือนรับแขกกลายเป็นนางคณิกาอย่างลับๆ ก็ไม่น่าแปลกใจ

เมื่อถึงตอนนั้นสองแม่ลูกที่เน่าเฟะไปแล้วก็จะกลายเป็นความอัปยศอดสูอันใหญ่หลวงของสกุลโม่ ต่อให้หูซื่อมาร้องทุกข์ต่อหน้าคุณชายรองสกุลโม่ก็แค่ทำให้พื้นหินของสกุลโม่สกปรกเท่านั้น

อันที่จริงตามลำดับของพล็อตเรื่อง แผนการชั่วช้าเลวทรามของคังซื่อนั้นกลายเป็นจริงทุกเรื่อง

เนื่องจากบุตรสาวไข้สูงไม่ได้สติ หูซื่อซึ่งรักบุตรสาวสุดหัวใจ ทั้งยังเกิดเรื่องอย่างกะทันหันจึงไม่มีแผนรับมือ ตบประตูเรือนเพื่อนบ้านขอยืมเงินก็ไม่ได้เงิน พอพบบุรุษอันธพาลมาที่เรือนร้องขออย่างไร้มารยาท หูซื่อที่ตัดสินใจไม่เก่งก็ร้อนใจ ในที่สุดก็ยินยอมให้บุรุษอันธพาลข้างถนนเข้ามา ทิ้งชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ ประจบเอาใจอีกฝ่ายทั้งน้ำตาเพื่อแลกเงินช่วยชีวิตที่เอาไว้ไปหาหมอและซื้อยาเพียงเล็กน้อย

แต่เพราะอู๋เซี่ยวเซี่ยวทะลุมิติมาอยู่ในร่างของโม่เซี่ยวเหนียง เหตุการณ์ไข้ขึ้นสูงนั้นจึงดำเนินไปเพียงครึ่งคืนก็หาย หูซื่อจึงนับได้ว่ารักษาชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ไว้ได้ชั่วคราว ไม่ได้เปิดประตูรับแขก

เมื่อจัดลำดับจุดเชื่อมต่อของเวลาที่ตนอยู่ ณ ขณะนี้แล้ว อู๋เซี่ยวเซี่ยวที่กลายเป็นโม่เซี่ยวเหนียงก็รู้สึกสิ้นหวังอย่างยิ่ง

นางไม่ได้ดูถูกอาชีพในสมัยก่อนของหูซื่อ ถึงอย่างไรอาชีพของนางหากมองจากมุมมองของยุคสมัยนี้ก็เป็นเพียงหัวหน้าคณะงิ้วเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าภาคภูมิใจเช่นกัน

แต่พอคิดว่ามารดาของนางกำลังจะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นผู้ให้บริการทางเพศ นางก็รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ

ในฐานะตัวประกอบหญิงผู้ชั่วร้ายในบทละคร เพื่อให้การกลายเป็นคนชั่วสมเหตุสมผล ต้องมีการสนับสนุนจากประสบการณ์ชีวิตที่เศร้ารันทดมากพอ ดังนั้นนักเขียนบทจึงเขียนประสบการณ์เศร้ารันทดของโม่เซี่ยวเหนียงอย่างไม่ออมมือ

เดิมทีโม่เซี่ยวเหนียงควรได้เป็นคุณหนูตระกูลมั่งคั่ง แต่กลับจมลงบ่อโคลนเพราะมารดา ตอนอายุสิบหกปีก็ถูกแขกของมารดาทำให้มัวหมองมีราคี นับจากนั้นมาก็กลายเป็นคนชั่ว ยึดการแก้แค้นคนสกุลโม่ที่ทำร้ายพวกนางสองแม่ลูกในตอนนั้นเป็นภารกิจของตน

ส่วนพระเอกนั้นเป็นบุตรชายบุญธรรมที่สกุลโม่รับมาเลี้ยงดู ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากคนสกุลโม่ทั้งระดับสูงไปจนถึงระดับล่าง ยิ่งทำให้โม่เซี่ยวเหนียงอิจฉาริษยาจนสุดจะทนได้

ดังนั้นความขัดแย้งระหว่างนางกับพระเอกจึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนท้ายโม่เซี่ยวเหนียงกลายเป็นภรรยารักของศัตรูคู่แค้นของพระเอก คอยปลุกปั่นก่อเรื่อง ข่มเหงภรรยาของพระเอกสามในแปดคน

สุดท้ายหญิงชั่วก็มีจุดจบที่น่าเศร้า นางถูกพระเอกที่ปกป้องบรรดานางเอกอย่างสุดหัวใจแทงจนร่างพรุนแล้วตัดศีรษะเซ่นไหว้เทพเจ้า โยนศพให้สุนัขกิน…

อ้อ ลืมบอกไปว่าก่อนตายตัวประกอบหญิงผู้ชั่วร้ายคนนี้ยังสำนึกผิดด้วย นางพบว่าที่ตนเฝ้าทำร้ายพระเอกอย่างไม่ลดละก็เพราะรักเขาแล้วไม่ได้เขามาครอบครอง การเอ่ยคำสารภาพรักและคำสาปแช่งก่อนตายเรียกได้ว่าเป็นการแสดงที่ทรงพลังดึงดูดใจอย่างยิ่ง

ส่วนพระเอกก็เป็นแมรี่ ซู ฉบับผู้ชาย ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ต้องหลงรักเขากันทั้งนั้น

หากกลับไปสู่โลกแห่งเป็นความจริงได้ในตอนนี้ อู๋เซี่ยวเซี่ยวจะจุดไฟเผาบทละครบ้าๆ ไร้สาระที่เน้นย้ำเรื่องชายเป็นใหญ่นี้เป็นอย่างแรก

แสดงความเป็นชายบ้าบออะไรกัน! ใครๆ ก็เป็นเหวยเสี่ยวเป่า ที่มีภรรยาขนาบซ้ายขวาเป็นโขยงได้กันหมดเช่นนั้นหรือ

ที่สำคัญที่สุดคือนางเอกที่โดดเด่นในแบบของตนเองหลายคนของพระเอก หน้าที่การงานและอนาคตดีมาก แล้วเหตุใดจะต้องให้ข้าทะลุมิติมาเป็นตัวประกอบหญิงผู้ชั่วร้ายดวงซวยผู้นั้นด้วย!

ถึงแม้เส้นทางข้างหน้าจะมีลมหนาวหรือพายุฝนพัดกระหน่ำ แต่เรื่องราวดำเนินมาจนถึงตอนนี้ โม่เซี่ยวเหนียงในเวลานี้รู้สึกว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ทำได้เพียงเปลี่ยนแปลงพล็อตเรื่องอย่างสุดกำลัง ให้ตนเองสุขสบายขึ้นสักหน่อย

เรื่องที่สำคัญเป็นอันดับแรกคือให้หูซื่อเลิกวาดหวังกับสกุลโม่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเดียวกันก็หยุดยั้งไม่ให้นางเปลี่ยนอาชีพเป็นผู้ให้บริการทางเพศ

คนจนจะทำอะไรก็ลำบากไปเสียทุกเรื่อง หากจะเปลี่ยนชะตากรรมอันแสนรันทดของพวกนางสองแม่ลูก อย่างแรกก็ต้องหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวให้ได้ก่อน

แต่ตอนนี้ในร่างเล็กๆ นี้แม้จะมีหญิงสาวจากยุคปัจจุบันคนหนึ่งอาศัยอยู่ ทว่าพออยู่ในยุคโบราณที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมรอบด้านเลยสักนิดก็ค่อนข้างจนปัญญา

หลังจากกินโจ๊กไปอีกหลายมื้อและเห็นว่าข้าวโพดน้อยลงทุกที อู๋เซี่ยวเซี่ยวก็อดทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว วันหนึ่งนางวางชามกับตะเกียบ ก่อนถามหูซื่อจากใจจริงว่าเคยคิดจะแต่งงานใหม่เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดบ้างหรือไม่

เนื่องจากพออู๋เซี่ยวเซี่ยวทะลุมิติมาอยู่ในร่างของโม่เซี่ยวเหนียงแล้วก็ถือคติกินโจ๊กมากๆ พูดน้อยๆ มาโดยตลอด เอาแต่ใส่ใจและสังเกตสภาพแวดล้อมรอบด้าน หูซื่อจึงเข้าใจไปว่าหลังล้มป่วยบุตรสาวร่างกายย่ำแย่ จิตใจจึงหดหู่ไร้ชีวิตชีวาไปด้วย

นึกไม่ถึงว่าบุตรสาวที่เซื่องซึมไม่พูดไม่จามาหลายวัน พอเอ่ยปากขึ้นมาวาจาก็ชวนให้ตกตะลึงไม่น้อย!

แม้นางจะมีนิสัยอ่อนโยนนุ่มนวล แต่ก็อดวางชามกับตะเกียบไม่ได้เช่นกัน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “พูดจาเหลวไหลอะไร! บิดาเจ้ายังอยู่ เหตุใดข้าต้องแต่งงานใหม่ด้วย”

โม่เซี่ยวเหนียงจึงอธิบายสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนในตอนนี้ของพวกนางให้หูซื่อฟังด้วยความอดทน

“บิดาผู้นั้นของข้าตอนนี้ไม่ยอมรับท่าน ตอนแรกให้เงินจำนวนหนึ่งมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้สกุลโม่ทั้งตระกูลย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว แต่ไม่ได้จัดการดูแลเรื่องปากท้องของพวกเราสองแม่ลูกให้ดี เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะสนใจไยดีพวกเราอีกแล้ว ระหว่างท่านกับเขา ประการแรกไม่มีคำสั่งของบิดามารดา ประการที่สองไม่มีวาจาแม่สื่อ เป็นเพียงการซื้อขายด้วยเงินทอง ตอนนี้เงินทองไม่มีแล้ว เรื่องความรักยังมีอยู่อีกกี่ส่วนหรือ”

โม่เซี่ยวเหนียงเป็นคนเจ้าเล่ห์ใจดำมาตั้งแต่เด็ก นางได้ยินคำซุบซิบนินทาของเพื่อนบ้าน รู้ว่าเพราะตนเป็นบุตรสาวของนักแสดงงิ้ว จึงไม่อาจเข้าประตูใหญ่สกุลโม่ได้ ด้วยเหตุนี้โม่เซี่ยวเหนียงจึงตำหนิมารดาไม่ใช่น้อย เอะอะก็ทำตัวเกรี้ยวกราดและใช้อารมณ์ไม่ต่างจากเด็กๆ

หูซื่อเองก็ไม่มีความน่าเกรงขามเช่นผู้เป็นมารดา นางตามใจจนโม่เซี่ยวเหนียงนับวันยิ่งนิสัยย่ำแย่

แม้หูซื่อจะเคยชินกับความปากร้ายของบุตรสาวมานาน แต่เดิมทีนึกว่าหลังล้มป่วยคราวนี้บุตรสาวจะเติบโตและรู้ความมากขึ้น ถึงได้พูดน้อยลงและอ่อนโยนขึ้น ตอนนี้ดูไปแล้วบุตรสาวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ถ้อยคำน่าอับอายที่นางไม่มีวันกล้าเอ่ยทำให้นางรู้สึกทนไม่ได้ น้ำตาเอ่อคลอที่ดวงตาอย่างรวดเร็ว

“แม้แต่เจ้าก็ยังดูถูกข้า…ขะ…ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออันใด”

อู๋เซี่ยวเซี่ยวมีนักแสดงนิสัยหลากหลายแบบอยู่ในมือ คนที่ว่าง่ายมีน้อย คนที่ชอบก่อเรื่องมีมาก งานล้างสมองโน้มน้าวพรรค์นี้นางถนัดนัก

นางไม่ได้ต้องการเย้ยหยันหูซื่อ หลังจากพูดแรงๆ ทำลายเปลือกหุ้มทางจิตใจของหูซื่อจนแหลกละเอียดแล้วก็เดินไปข้างๆ หูซื่อ ก่อนจะดึงมือของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยจากใจจริง

“ท่านแม่ ไม่ว่าท่านจะเป็นอย่างไรท่านก็เป็นมารดาของข้า ข้าจะดูถูกท่านได้อย่างไร แต่ตอนนี้พวกเรายากจนข้นแค้น ไม่มีข้าวของมีค่าเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้อีก อีกทั้งไม่รู้ว่าเมื่อไรสกุลโม่จะไล่พวกเราออกไปจากเรือนหลังนี้ ตอนนี้ข้ายังดีอยู่ หากวันใดป่วยหนักเข้าจริงๆ จำเป็นต้องให้หมอช่วยชีวิต ท่านไม่มีเงินในมือ แล้วตอนนั้นจะทำเช่นไร จะลอบเปิดประตูเรือนแขวนโคมแดงเรียกแขกเช่นนั้นหรือ”

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 19 มิ.. 68

หน้าที่แล้ว1 of 6

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: