บทที่ 6 ติ่งโป๊ะแตก!
แม้ภาพข่าวที่ออกอากาศไปจะดูน่ากลัวมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วสภาพร่างกายของผู้ประสบอุบัติเหตุอย่างมนายุกลับไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอย่างที่หลายๆ คนคาดการณ์ นอกจากบาดแผลจากเศษกระจกบาด รอยช้ำบนแผงอก และเอ็นข้อเท้าขวาอักเสบแล้ว หลังผ่านการเอ็กซเรย์ก็พบว่าทั้งสมองและอวัยวะภายในของชายหนุ่มยังปกติดี ไม่ได้รับความเสียหายอย่างที่กังวลในทีแรก ส่วนที่สลบไปนั้นแพทย์วินิจฉัยว่าอาจจะเกิดจากความตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประกอบกับช่วงที่ผ่านมาพระเอกหนุ่มโหมถ่ายละครจนพักผ่อนน้อย
ดังนั้นหลังรับการรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเดิมได้สองวันคุณมัทนาก็ทำเรื่องย้ายลูกชายกลับมารักษาต่อในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ แม้พระเอกหน้าหวานจะยืนยันว่าเขาปกติดีแล้ว หากยังต้องนอนโรงพยาบาลอีกสามวันกว่ามารดาจะแน่ใจว่าเขาปลอดภัยจริงๆ และอนุญาตให้กลับมาพักฟื้นที่คอนโดฯ ได้
ส่วนเรื่องข่าว…เพียงแค่ฟื้นได้วันเดียวมนายุก็ต้องเปิดห้องพักฟื้นให้นักข่าวของช่องที่เขาสังกัดมาสัมภาษณ์ พระเอกหนุ่มเล่าเหตุการณ์ไปตามจริง ทั้งยังกล่าวติดตลกว่าบางทีที่เขารอดตายจากการโดนไฟคลอกมาได้อาจจะเพราะบุญกุศลที่ได้รับจากการยอมหักรถลงข้างทางเพื่อไม่ให้ทับงูตัวดังกล่าวตาย
“อ่ะ เหมือน”
คุณมัทนายื่นกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าแผ่นเล็กไปตรงหน้าลูกชาย หนุ่มหน้าหวานซึ่งนั่งเคี้ยวแอปเปิ้ลไปพลาง ดูละครของเขาซึ่งถูกนำกลับมารีรันช่วงบ่ายไปพลางเงยหน้าขึ้นมองแม่ตาปริบๆ
“อะไรฮะแม่”
“ก็นามบัตรเจ้าสาวลูกไง แม่หาเจอแล้ว นี่ถ้าแม่ไม่เผลอทำมือถือตกน้ำไปก็คงเอาเบอร์ให้เหมือนได้นานแล้ว” คุณมัทนาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยังนึกเสียดายสมาร์ตโฟนราคาแพงที่ลูกชายซื้อให้ซึ่งท่านเผลอทำหล่นแม่น้ำตอนไปทำบุญปล่อยนกปล่อยปลาสะเดาะเคราะห์ให้ลูก
“ฮะ?!” คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนสบายใจเฉิบเด้งตัวลุกขึ้น ขยับตัวจนพื้นที่บนเดย์เบดสีควันบุหรี่เหลือพอให้มารดานั่ง
“อย่าทำเป็นงง เหมือนจำไม่ได้รึไงที่แม่บอกว่าคนที่ช่วยลูกไว้ก็คือหนูรักแรก…ว่าที่เจ้าสาวสะเดาะเคราะห์ของลูกน่ะ”
มนายุกลอกตา ก่อนนิ่งไปขณะใช้ความคิด
ใช่ว่าเขาจะจำไม่ได้ เพราะตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาพอมารดามั่นใจว่าเขาปลอดภัยแน่ๆ แล้วก็พร่ำพูดไม่หยุดว่าหนูรักแรก ผู้หญิงชื่อแปลกคนนั้นจะต้องเป็นเจ้าสาวสะเดาะเคราะห์ที่จะมาเสริมดวงช่วยให้เขาผ่านเคราะห์เบญจเพสไปได้จริงๆ เพราะขนาดวันนั้นเธอยังเป็นคนช่วยเขาเลย
‘โลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ มีแต่พรหมลิขิต…’
มารดาของเขากล่าวไว้แบบนั้น
ดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่เขาจะลืมเธอได้ ชายหนุ่มพยายามรื้อค้นความทรงจำเกี่ยวกับ ‘เธอ’ ขึ้นมาให้ได้มากที่สุด
แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเอฟเฟ็กต์จากอุบัติเหตุหรือเพราะตอนนั้นเขาตกใจเกินไปกันแน่ มนายุถึงได้นึกใบหน้า ‘ว่าที่เจ้าสาว’ ของเขาไม่ออก จำได้เพียงความตื่นตระหนกในดวงตากลม สัมผัสแผ่วเบาที่ท่อนแขน และน้ำเสียงที่ปะปนระหว่างความตกใจกับห่วงใยเข้มข้น
อ้อใช่ เหมือนเขาจะจำอ้อมกอดของเธอได้รางๆ และคล้ายๆ จะได้ยินเสียงกระพรวนอะไรสักอย่างด้วย
ชายหนุ่มเดาะลิ้นเป็นจังหวะอย่างที่เขามักจะทำเสมอยามที่หมกมุ่นกับการคิดอะไรจริงจัง
เขาจำเธอได้ ทั้งยังรู้สึกขอบคุณเธอกับเพื่อน และไม่ปฏิเสธว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้…เขา ‘ประทับใจ’ เธอจริงๆ
หากนั่นก็ยังไม่มากพอ…ที่เขาจะยอมแต่งงานกับผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งเพื่อใช้เธอสะเดาะเคราะห์ผ่านเบญจเพสนี้ไป…นี่ยังไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องที่ผู้หญิงดีๆ ปกติๆ ที่ไหนจะยอมแต่งงานด้วยเหตุผลปัญญาอ่อนแบบนี้กัน
แต่เอาเถอะ…
มนายุพ่นลมหายใจ คว้าแอปเปิ้ลอีกชิ้นมายัดเข้าปาก เด้งตัวลุกขึ้นยืนจนมารดาตกใจ
“นั่นจะไปไหนน่ะเหมือน”
ลูกชายคนเดียวโบกกระดาษแผ่นเล็กไปมา พูดทั้งที่ยังเคี้ยวแอปเปิ้ลอยู่ในปากจนคุณมัทนามั่นใจว่าหากไม่ใช่แม่ที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กอย่างท่านคงต้องใช้เวลาอีกครู่หนึ่งกว่าจะแกะประโยคที่ถอดความว่า ‘ก็จะไปขอบคุณเธอไงครับ’ ออกมาได้
“เหมือนนะเหมือน เคี้ยวให้หมดก่อนค่อยพูดก็ไม่ได้” คุณแม่ยังสวยบ่นไม่จริงจังนัก มองร่างสูงที่เดินเขยกกลับห้องส่วนตัวไปด้วยรอยยิ้ม ขณะที่มนายุเอง…ก็ล้วงเอาสมาร์ตโฟนออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดจิ้มตัวเลขลงไป
เปล่า เขาไม่ได้กดเบอร์โทรศัพท์เพื่อโทรออก แต่เพื่อบันทึกไว้ต่างหาก
“เยส!”
ชายหนุ่มร้องเบาๆ เมื่อเข้าสู่แอพพลิเคชั่นไลน์แล้วพบว่าชื่อ ‘หนูรักแรก’ ถูกเพิ่มขึ้นมาในรายชื่อเพื่อนโดยอัตโนมัติ นั่นหมายความว่าเธอไม่ได้ตั้งไพรเวตเอาไว้ ทว่าพอเห็นรูปโพรไฟล์ของเธอ คนที่ตั้งใจจะแอบส่องดูผู้มีพระคุณพ่วงด้วยตำแหน่งว่าที่เจ้าสาวสะเดาะเคราะห์ก็ต้องร้องเบาๆ อีกหนด้วยอารมณ์ที่แตกต่างจากทีแรก
“โห่”
มนายุส่ายหัวเซ็งๆ เมื่อพบว่าใบหน้าบนโพรไฟล์ของเธอช่างคุ้นตาเขาเหลือเกิน คุ้นเหมือนเห็นบ่อยๆ เวลาส่องกระจก
หนูรักแรกของแม่ใช้รูปเขาเป็นรูปโพรไฟล์!
หนุ่มหน้าหวานชะงัก ริมฝีปากกระตุกเป็นรอยยิ้มเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ขณะเคาะโทรศัพท์กับฝ่ามือเบาๆ
แบบนี้แปลว่า…เธอเป็น ‘ติ่ง’ เขางั้นเหรอ
และข้อสันนิษฐานของเขาก็ยิ่งหนักแน่นมากขึ้น เมื่อเหลือบตามองสเตตัสไลน์ของเธอ…
ลิปสามีนิสัยอย่างหนึ่งที่ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี นั่นคือเวลาเศร้าเสียใจหรือกังวลเธอจะรู้สึกแบบสุดทาง แต่เมื่อเวลาผ่านไป…เธอก็จะค่อยๆ ลืมความรู้สึกเหล่านั้นจนเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น เช่นเดียวกับความกลัวและความรู้สึกผิดตอนเกิดอุบัติเหตุกับมนายุ เธอโทษว่าอาจจะเป็นเพราะการที่เธอชอบเขามาก ชอบมานานหลายปีพอพลังเทพีแห่งหายนะทำงานทีก็เลยรุนแรงจนพระเอกหนุ่มเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทว่าหลังจากได้รับการปลอบใจจากเพื่อนรักและได้ผ่านวันเวลาไปนานนับสัปดาห์เธอก็เลิกคิด เลิกกังวลว่าตัวเองเป็นหายนะต่อพระเอกคนโปรด และกลับมาติ่งมนายุโดยไม่คิดอะไรมากเหมือนเดิม
ในช่วงเวลาทำงานลิปสาจะเปิดโปรแกรมไลน์ในคอมพิวเตอร์ไว้ตลอดเผื่อว่าบรรดาเพื่อนร่วมงานจะติดต่อหรือแจ้งอะไรมา กระนั้นเธอก็ไม่ค่อยได้สนใจมากนักเวลาแถบสีส้มเด้งกะพริบเป็นการเตือนว่ามีข้อความใหม่ โดยเฉพาะวันนี้ที่เธอต้องหัวหมุนแต่เช้าเมื่อพบว่านักเขียนไม่ได้ส่งไฟล์รีเช็กต้นฉบับกลับมาตามกำหนด ทั้งๆ ที่ตามแผนวันนี้ต้นฉบับเรื่องกล่าวจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์อักษรแล้ว แถมที่ร้ายแรงที่สุดก็คือติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้เลยด้วย!
ดังนั้นกว่าจะเคลียร์เรื่องปวดหัวจนจบและเห็นว่ามีห้องแชตไลน์เพิ่มขึ้นมาพร้อมกับเพื่อนใหม่ก็เป็นตอนที่เธอเซ็งๆ เบื่อๆ ไล่ดูข้อความในไลน์ระหว่างรอละครมา
แน่นอนว่ามันคือละครเรื่องล่าสุดของมนายุ
หืม? Asawa.Muen?
แม้รูปโพรไฟล์อีกฝ่ายจะไม่ค่อยชัด ด้วยเป็นเงาสลัวแบบอาร์ตๆ อย่างที่ลิปสาไม่เข้าใจ หากชื่อที่ปรากฏกลับทำให้หัวใจซึ่งเต้นแบบเหนื่อยๆ เซ็งๆ ปนเครียดมาทั้งวันประหนึ่งจังหวะธรณีกันแสงก็เปลี่ยนมาเป็นจังหวะดนตรีประกาศรางวัลออสการ์
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอลุ้นให้เป็นเขา!
Asawa.Muen : ขอบคุณครับ สำหรับความช่วยเหลือในวันนั้น
Asawa.Muen : อ้อ ดูเหมือนผมจะลืมแนะนำตัวเนอะ
Asawa.Muen : หวัดดีฮะ ผมเหมือนเองนะ
Asawa.Muen : เหมือนเดียวกับบนโพรไฟล์เธอนั่นแหละ 😛
และเมื่อเห็นชัดแล้วว่าเป็นเขาแน่ๆ หัวใจเธอก็เปลี่ยนจังหวะการเต้นอีกครั้ง คราวนี้ลิปสาไม่แน่ใจว่ามันเป็นจังหวะอะไร รู้แค่ว่าในความพร่าเลือนนั้นสิ่งแรกที่เธอกลัวคือกลัวหัวใจหลุดทะลุซี่โครง ผิวหนัง และเสื้อผ้าออกมากองข้างนอก!
ฮือออ เต้นแรงเกินไปแล้ววว
หญิงสาวกัดริมฝีปาก บรรยากาศตึงเครียดตลอดทั้งวันเหมือนมีเมฆฝนดำทะมึนลอยตามอยู่เหนือศีรษะแปรเปลี่ยนเป็นสดใสราวแดดแรกหลังฝนหยุด ละอองอ่อนดูอบอุ่นและสว่างในแบบที่ดวงตารับได้ แถมยังมีสายรุ้งพาดผ่านแทนที่เจ้าเมฆดำน่ารังเกียจนั่น เธอเคาะปลายนิ้วลงกับขอบโทรศัพท์ ตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าควรจะตอบเขาไปว่ายังไง
ด้วยความสัตย์จริง นับตั้งแต่วันที่ให้นามบัตรไปกับคุณมัทนาและรู้จากข่าวว่ามนายุปลอดภัยดีแล้ว ลิปสาก็อดไม่ได้ที่จะลุ้นและรอคอยให้ฝั่งเขาติดต่อกลับมา คิดไว้เสร็จสรรพด้วยว่าจะตอบว่าอย่างไรดี แต่พอผ่านวันแล้ววันเล่าไปอย่างเงียบเชียบ แถมเธอเองก็หัวหมุนอยู่กับการรีไรต์ต้นฉบับที่เป็นนิยายชุดซึ่งตัวละครมีความต่อเนื่องสอดคล้องกัน หญิงสาวก็ยุ่งจนลืมไปเสียสนิท
แล้วนี่อะไร ในวันที่เธอเลิกรอแล้ว ลืมประโยคที่คิดไว้ไปจนหมดแล้วด้วย เขากลับส่งคำขอบคุณมาซะงั้น!
ด้วยความตื่นเต้นและทำอะไรไม่ถูกลิปสาจึงตัดสินใจแคปคำขอบคุณจากสามีมโนส่งให้เพื่อนรักอย่างปรียาวตีดูเพราะหวังปรึกษาทันที
Lipsaa : ฮือออ ปิ๊ง! ปิ๊งดูนี่ ดูๆๆ
ดูเหมือนเพื่อนสนิทของเธอจะเล่นโทรศัพท์อยู่ก่อนแล้ว เพราะยังไม่ทันที่ปลายนิ้วจะรัวข้อความไปตามใจนึกได้ทั้งหมด ปรียาวตีก็ตอบกลับมา
Preeyavaty : หืมมม เหมือนบนโพรไฟล์รักแรกนี่…อย่าบอกนะว่า…
Lipsaa : อือออ ช่ายยย รักว่าเหมือนนั้นแหละ ปิ๊ง…ทำไงดีๆ รักควรตอบเขาว่าไงดี
หลังจากกรีดร้องกันอยู่พักนึงลิปสาก็ได้ข้อความที่เธอจะส่งกลับไปหาสามีมโนของตัวเองว่า…
หนูรักแรก : ไม่เป็นไรค่ะ ^^
มนายุมองข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเข้าไปดูในห้องแชตด้วยความสงสัยว่าข้อความถูกส่งไปถึงคู่สนทนารึเปล่าและทันเห็นว่ามันขึ้น Read อยู่เกือบสิบนาทีกว่าจะมีข้อความสั้นๆ ตอบกลับมาแบบนั้น
แค่นี้? สั้นๆ แค่นี้?
พระเอกหนุ่มขมวดคิ้ว ลังเลว่าควรจะพิมพ์ตอบกลับไปเลยไหม เพราะหากเธอยังอยู่ในห้องแชตเดียวกันกับเขาจะต้องเห็นเช่นกันว่าเขาอ่านข้อความแล้วเช่นกัน ทว่าขณะที่ลังเลอยู่นั้นเองข้อความใหม่ก็เด้งตามมา
หนูรักแรก : เอ่อ…เหมือนเป็นยังไงบ้างคะ หมายถึงอาการ…
อ้อ ยังดี ยังมีใจห่วงถามถึงอาการเขาอยู่บ้าง
ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเอง
Asawa.Muen : ก็ดีขึ้นแล้วแหละฮะ ขอโทษด้วยนะที่เพิ่งมาขอบคุณทั้งที่ผ่านมานานมากแล้ว พอดี…คุณแม่เพิ่งหานามบัตรเจอน่ะ
คู่สนทนาเงียบไปอีกเกือบสามนาทีหลังขึ้น Read และมันน่าประหลาดมากที่คนอย่างเขา…นั่งจ้องหน้าจออยู่แบบนั้น ทั้งยังทำเป็นเมินข้อความของเพื่อนรุ่นพี่ในวงการที่เด้งขึ้นมา แต่กลับรอคอยว่าเธอจะตอบกลับมาไหมและตอบกลับมาเมื่อไหร่
หนูรักแรก : อื้อ ไม่เป็นไรค่ะ จริงๆ เราก็ไม่ได้คาดหวังแต่แรกว่าจะได้คุยกับเหมือน…
Asawa.Muen : ทำไมล่ะ ผมดูนิสัยแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ
หนูรักแรก : ไม่ใช่แบบน้านนน ไงดีล่ะ คือเหมือนเลยนะ เหมือนอ่ะ เหมือน มนายุ ใครจะไปกล้าคิดว่าจะได้คุยด้วยจริงๆ
บทสนทนาระหว่างทั้งคู่เริ่มลื่นไหลมากขึ้น ระยะเวลาในการโต้ตอบของหญิงสาวเร็วขึ้นราวกับว่าเธอไม่ต้องเสียเวลาคิดวิเคราะห์หาคำตอบที่เหมาะสม แต่ตอบทันทีเหมือนเวลาคุยกับคนอื่นๆ ทั่วไป รู้ตัวอีกที ‘คนแปลกหน้า’ สองคนก็พูดคุยเรื่องทั่วๆ ไปกันยาวเกือบยี่สิบนาที กระทั่งฝ่ายหญิงเป็นคนเอ่ยปากขอตัวด้วยเหตุผลที่ทำให้มนายุต้องรีบซัก
หนูรักแรก : เฮ้ย! ละครมาแล้ววว เราขอตัวไปดูก่อนนะคะ บายค่ะ
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองจอโทรทัศน์ขนาดหกสิบห้านิ้วที่ถอยมาใหม่เพื่อดูละครของตัวเองโดยเฉพาะ ตอนนี้ข่าวในพระราชสำนักและข่าวบันเทิงจบไปแล้ว ขณะที่เพลงไตเติ้ลละครของเขากำลังฉาย
Asawa.Muen : เดี๋ยวๆ ขออีกคำถาม ละครเรื่องไหน ดูเรื่องผมรึเปล่า เรื่องผมก็มาแล้วนะ
แทนคำตอบ หญิงสาวส่งภาพถ่ายหน้าจอโทรทัศน์ของตัวเองกลับมาและบังเอิญว่าเป็นรูปพร้อมชื่อนามสกุลของเขาพอดี
Asawa.Muen : โอเค แบบนี้ค่อยคุยกันได้หน่อย ขอให้ดูละครให้สนุกนะครับ รับรองว่าคืนนี้ฟินแน่นอน 🙂
ทั้งๆ ที่เพลงประกอบละครจบจนเริ่มฉายย้อนความเดิมตอนที่แล้ว แต่สมาธิของลิปสากลับจดจ่ออยู่แต่หน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัว ปลายฟันขาวกดลงบนกลีบปากล่าง ร้องกรี๊ดในลำคอเบาๆ
ยอมรับตรงๆ เลยว่าเธอจงใจบอกมนายุว่ากำลังจะไปดูละคร แต่ก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่าเขาจะรีบถามกลับมาทันทีว่าไปดูละครเรื่องอะไร
“โอ๊ยยย รักแรกพบบบ แกอย่ามโน! อย่ามโนอะไรมากกก เขาก็แค่ชวนดูละครเพิ่มเรตติ้งให้ตัวเองตามปกติเท่านั้นแหละ!”
หญิงสาวเอาโทรศัพท์ในมือเคาะหน้าผาก เรียกสติตัวเองด้วยชื่อเล่นจริงๆ ที่น้อยคนจะรู้ แต่ถึงแบบนั้นหัวใจก็ยังเต้นแรงและริมฝีปากก็ยังหุบยิ้มไม่ได้อยู่ดี เธอรีบแคปหน้าจอบทสนทนาส่งไปกรี๊ดกับเพื่อนสนิทอย่างปรียาวตี ก่อนจะหันไปสนใจเมื่อละครเริ่มฉาย
ลิปสามั่นใจเลยว่า…วันนี้เธอจะดู ‘กลหัวใจ’ ได้สนุกและฟินกว่าที่ผ่านๆ มาแน่นอน!
ไลน์~
“หืม?”
มนายุที่อาศัยช่วงละครโฆษณาเช็กฟีดแบ็กในทวิตเตอร์ผ่านไอแพดคว้าโทรศัพท์ที่มีเสียงแจ้งเตือนขึ้นมาดู ข้อความจาก ‘หนูรักแรก’ ทำให้เขานิ่งค้างไป
หนูรักแรก : กรี๊ดดดดด ปิ๊งงงงง ปิ๊งได้ดูมั้ยๆๆๆ
หนูรักแรก : โอ๊ยยย พระเจ้าาา ซะมีรักหล่อโฮกกก
หนูรักแรก : ฮือออ ทำไมเรื่องนี้หล่อแบบนี้นะ ฉากทำอาหารให้เมียกินตะกี้ กร๊าวใจรักม้ากกก
สมองของพระเอกหนุ่มประมวลผลอยู่พักใหญ่จนจับใจความได้ว่า ‘ซะมี’ น่าจะมาจากคำว่า ‘สามี’ ส่วน ‘ฉากทำอาหารให้เมีย’ น่าจะหมายถึงฉากที่ ‘วิศยะ’ พระเอกเรื่องกลหัวใจทำอาหารให้ ‘นิษญา’ ซึ่งเป็นภรรยากิน และกำลังเป็นที่พูดถึงในทวิตเตอร์จนมีหลายข้อความที่สาวๆ ‘หวีด’ ละครเรื่องนี้ถูกรีทวีตไปเฉียดพันทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านมาไม่ถึงสิบนาที
โอเค…เขาเข้าใจแล้วว่าหนูรักแรกของแม่เขาน่าจะกำลังหวีด ‘คุณยะ’ ที่รับบทโดย… ‘เขา’ อยู่ และจากชื่อ ‘ปิ๊ง’ ที่เธอเรียกคาดว่าหญิงสาวน่าจะทักผิดแชต
มนายุยิ้มขำ ดวงตาของพระเอกหนุ่มเป็นประกายระยับ ไม่คิดเลยว่าจะได้รับฟีดแบ็กโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังตัดสินใจว่าจะตอบกลับยังไงไม่ให้หนึ่งใน ‘เมียมโน’ ของเขาหน้าแตกยับ อีกฝ่ายที่เห็นข้อความถูกอ่านแล้ว แต่คู่สนทนากลับเงียบไปเฉยๆ ก็รัวข้อความกลับมาอีกครั้ง
หนูรักแรก : ปิ๊ง! อย่าเงียบใส่แบบนี้นะ!
หนูรักแรก : ช่วยสาฯ เพื่อนทำมาหากินบ้าง! ปั่นเรตติ้งให้หน่อย!
หนูรักแรก : เรื่องนี้สนุกด้วย สาฯ รักหล่อโฮกมากกก ฮือออ นี่ว่าหล่อกว่าตัวจริงที่เราเจอกันวันนั้นอีกนะ
หนูรักแรก : ไม่ใช่แค่เหมือนนะที่หล่อ พี่ลิสสาก็สวยยย สวยแบบโคตรสวย ผู้หญิงอะไร สวยซะรักหลงรักแล้วเนี่ยยย
หนูรักแรก : พระ-นางสวยหล่อแบบนี้ บทก็น้ำเน่าแบบโคตรทันสมัย ปิ๊งที่รักเปิดทีวีช่อง 37 ด่วนเลยยย
หนูรักแรก : เร็ว! เดี๋ยวนี้เลย! เบรกสองจะมาแล้ววว
หนูรักแรก : เปิดทีวีเท่านั้นนะปิ๊ง รักไม่แน่ใจว่าถ้าดูออนไลน์จะนับเรตติ้งด้วยรึเปล่าอ่ะ
“ทำไมเงียบแบบนี้เนี่ย หรือว่ากำลังเลือกสติ๊กเกอร์อยู่?”
ลิปสาขมวดคิ้ว ปลายนิ้วยังรัวตัวอักษรอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เธอกำลังพิมพ์ว่า ‘ปิ๊ง อย่าเงียบ’ แต่ยังไม่ทันกดส่ง เสียงแจ้งเตือนดัง ‘ติ๊ง’ พร้อมป็อปอัพจากอีกแอพพลิเคชั่นสำหรับการสนทนาก็เด้งขึ้นบนขอบหน้าจอด้านบนสุด
Preeyavaty : โอ๊ยยย รักแรกกก เป็นไงมั่งๆ
Preeyavaty : หลังรักแรกตอบไปอย่างที่เราคุยกัน เหมือนว่าไงมั่งงง
Preeyavaty : นี่ปิ๊งค่ดเซ็ง ไลน์เป็นไรไม่รู้อ่ะ พอคุยกะรักแรกตะกี้ก็เข้าไม่ได้เลยอ่ะ T^T
ข้อความจากแอพฯ Messenger ที่เด้งรัวๆ ทำเอาหญิงสาวเย็นยะเยือกไปทั้งตัว ต่างกับหัวใจที่เต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง
ถะ…ถ้าปรียาวตีเข้าไลน์ไม่ได้ งั้นทำไมข้อความที่เธอส่งไปถึงขึ้น Read!
ลิปสากลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ สมองที่สับสนวุ่นวายพยายามคิดในแง่ดีว่าไลน์ของเพื่อนอาจจะค้างอยู่ที่หน้าแชตจนขึ้น Read ทั้งหมด
นั่นเป็นเหตุผลที่ดีว่าทำไมปรียาวตีถึงได้อ่านแล้วไม่ตอบ
ฟึ่บ~
ร่างเพรียวแทบสะดุ้งกับเสียงแจ้งเตือนสั้นๆ นั่น ดวงตากลมไหวระริกก้มมองหน้าแชตไลน์ที่ยังส่งค้างอยู่แล้วแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความอับอายยามเลื่อนสายตามองชื่อคู่สนทนาที่เธอละเลยไป
Asawa.Muen
ไม่เท่านั้น เสียงแจ้งเตือนครั้งล่าสุดยังเป็นของคนที่อ่านแล้วไม่ตอบมานาน
Asawa.Muen : ผมว่าเธอน่าจะส่งผิดแชตนะ แต่…
Asawa.Muen : กลหัวใจสนุกจริงๆ นั่นแหละ
Asawa.Muen : …และฉากเมื่อกี้คุณยะก็น่ารักมากจนอิจฉาคุณญาเลยเนอะ 😛
และก่อนที่ ‘คุณยะตัวจริง’ จะพิมพ์อะไรที่ทำให้เธออยากกลั้นใจตายด้วยความอับอายตามมาอีก ปลายนิ้วที่สั่นตามอัตราการเต้นของหัวใจก็รัวข้อความกลับไป
Lipsaa : ขอโทษค่ะ! เราส่งผิดแชต!
ไม่เพียงเท่านั้นหญิงสาวยังรีบเข้าหน้าตั้งค่าไปปิดแจ้งเตือนเฉพาะไลน์ของสามีมโนทันที ราวกับว่าทำแบบนั้นจะลบล้างข้อความทั้งหมดที่เธอพิมพ์ลงไปอย่าง ‘โคตรติ่ง’ และความอับอายทั้งหมดลงได้
ขณะที่อีกด้านหนึ่งนั้นชายหนุ่มผู้ได้รับข้อความมากมายจากการส่งผิดก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ดวงตาพราวระยับด้วยความขบขัน
มนายุส่ายหัว พิมพ์ตอบกลับไปอย่างที่ใจคิด
Asawa.Muen : ผมก็ว่างั้น 🙂
เขาพลันนึกไปถึงสเตตัสไลน์ที่เห็นในหน้าโพรไฟล์ของเธอ อารมณ์อยากแหย่เล่นปะทุขึ้นในอก จนอดไม่ได้ที่จะพิมพ์กลับไปอีกครั้งว่า
Asawa.Muen : ว่าแต่…ปรารถนาที่จะได้จริงๆ เหรอ 😛
หลังส่งข้อความไปแล้วมนายุก็ยังจ้องหน้าแชตอยู่แบบนั้นราวกับกำลังลุ้นว่าคู่สนทนาจะตอบว่าอย่างไร แต่จนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ไม่แม้แต่จะอ่านข้อความ
หัวคิ้วของพระเอกหนุ่มขมวดมุ่น
นี่ไม่ใช่ว่าอายจนบล็อกกันไปแล้วหรอกนะ
ขณะที่กำลังนึกสงสัยปนหงุดหงิดเสียงเพลงไตเติ้ลพร้อมภาพคีย์ซีนของกลหัวใจบนหน้าจอก็เรียกให้มนายุหันกลับไปสนใจละครของตัวเอง ชายหนุ่มพ่นลมหายใจ ตัดสินใจปล่อยวางเพื่อชื่นชมผลงานตัวเองจะได้ไม่เสียชื่อ ‘แฟนคลับอันดับหนึ่งของเหมือน มนายุ’ ตามที่บรรดาแฟนคลับตัวจริงแซว ค่าที่เวลาละครออนแอร์ทีไร…คนที่อินกว่าใครเพื่อนจนต้องทวีตหวีดรัวๆ ทั้งเขินพระเอกและด่าพระเอก เข้าข้างนางเอก โกรธนางเอกก็คือเขาเอง
โดยไม่รู้เลยว่าหลังหญิงสาวพยายามข่มใจไม่ให้เข้าไปอ่านอยู่ได้ไม่กี่นาที ลิปสาก็ทนความรู้สึกยุบยิบในหัวใจซึ่งเกิดจากความอยากรู้อยากเห็นไว้ไม่ไหว แล้วเข้าแชตสนทนาที่ค้างเอาไว้เพื่ออ่านข้อความที่พระเอกคนโปรดทิ้งเอาไว้ได้ทำให้อาการชาปนกระดากอายลามไปทั่วตัวเธออีกครั้งเมื่อลิปสานึกออกว่าตัวเองตั้งสเตตัสไลน์ไว้ว่าอย่างไร
‘มนายุ’ = เป็นที่น่าปรารถนา ‘ลิปสา’ = ปรารถนาที่จะได้ มนายุ+ลิปสา = #ปรารถนาที่จะได้เหมือนค่ะ ♥
เจ้าของชื่อที่มีความหมายว่า ‘ปรารถนาที่จะได้’ สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ มือสั่นเทายกขึ้นกดแก้ไขสเตตัสยาวเหยียดที่แสดงความติ่งออกมาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่เคยคิดจะเกรงใจใครมาหลายเดือน กดลบข้อความเก่าทิ้งทั้งๆ ที่สมองยังว่างเปล่า คิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าเธอจะตั้งสเตตัสใหม่ว่าอะไร
อย่างเดียวที่รู้คือต้องรีบเอาข้อความที่เธอไม่เคยอายจนกระทั่งคนที่ชื่อมีความหมายว่า ‘เป็นที่น่าปรารถนา’ คนนั้นเข้ามาเห็นจนหยิบยกขึ้นมาแซวให้ได้เขินอายออก พอทำทุกอย่างเรียบร้อยก็รีบโถมตัวไปคว้า ‘คุณอ้อมกอด’ ตุ๊กตาหมีซึ่งตอนได้รับมาครั้งแรกมีขนสีขาวสะอาดนุ่ม ทว่าวันเวลาเกือบยี่สิบปีทำให้หมีซึ่งในอดีตตัวโตกว่าเธอมอมแมมและขาดวิ่นอยู่หลายจุดเข้ามากอด กดหน้ากรี๊ดกับพุงนุ่มเบาๆ
สวรรค์! ถ้ารู้ว่าจะมีวันนี้ที่มนายุตัวจริงมาเห็นสเตตัสสุดเพ้อนี่ จ้างให้เธอก็ไม่มีวันพิมพ์มันลงไปแน่ๆ!
บทที่ 7 (ความมโนบอกไว้ว่า) ‘โลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ มีแต่พรหมลิขิต’
หลังจากวันนั้นที่มนายุทักมาขอบคุณก่อนที่เธอจะโป๊ะแตกแสดงความ ‘ติ่ง’ น่าอับอายขายหน้าออกไป ทั้งคู่ก็ไม่ได้คุยกันอีก ส่วนหนึ่งคงเพราะว่าลิปสาอายจนไม่กล้าตอบอะไร ซึ่งถ้าพระเอกคนโปรดกลับมาเปิดแชตดูคงได้เห็นว่าข้อความถูกอ่านแล้วแต่ไม่มีคนตอบ และด้วยอีโก้ของคนโด่งดังแบบนั้นก็คงตัดสินใจเลิกสนใจคนที่กล้าเมินเขาไปแล้ว เพราะจะว่าไปเรื่องระหว่างทั้งคู่ก็แค่หญิงสาวบังเอิญช่วยเขาไว้ มนายุเลยทักมาขอบคุณ เมื่อแสดงมารยาทขั้นพื้นฐานทางสังคมกันไปแล้ว ก็ถือว่าไม่มีอะไรติดค้างกันอีก
หากก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้ความอับอายในคราวนั้นจะทำให้ลิปสาอยากจะกดบล็อกเขาล้างอาย ทว่าสุดท้ายแล้วมีหลายครั้งที่เธอกดกลับเข้าไปอ่านบทสนทนาที่เคยคุยกับเขา หลายคราวที่ฝันลมๆ แล้งๆ อยู่คนเดียวว่ามนายุจะทักมา และถ้าไม่ติดอีโก้ที่รั้งอยู่บนคอหญิงสาวยังนึกอยากจะเป็นฝ่ายทักเขาไปก่อนด้วยซ้ำ
แต่ด้วยรู้สถานะของตัวเองดีว่าเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่หลงใหลเขาอย่างบ้าคลั่ง จากที่บังเอิญได้ช่วยมนายุไว้ครั้งเดียวเธอก็เก็บมาวาดฝันถึงตำนานรักสุดลึกซึ้งที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่มีทางมีอะไรอย่างนั้นเกิดขึ้นได้ ดังนั้นต่อให้เธอข่มศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงที่ยึดถือและทักเขาไปก่อนก็ใช่ว่าคนระดับนั้นจะตอบกลับมาง่ายๆ คนที่รู้จักนิสัยตัวเองดีว่าถ้าเธอทักแล้วเขาไม่ตอบคงได้อับอายจนอยากจะกระโดดตึกตายวันละพันรอบจึงตัดสินใจไม่ทักไปให้เสียศักดิ์ศรีและนั่งวนอ่านข้อความเดิมซ้ำๆ อยู่แบบนั้นแทน
ก่อนหน้านี้ตอนที่ชีวิตเธอกับเขายังไม่มีอะไรเชื่อมโยงกันมากกว่า ‘แฟนคลับ’ กับ ‘พระเอกคนโปรด’ ลิปสาเคยคิดว่าถ้ามีโอกาสได้คุยกับเขา เธอจะแคปข้อความประกาศความติ่งออกไปให้คนทั้งโลกได้รับรู้ถึงความฟินของตัวเอง แต่พอเกิดขึ้นจริงก็ไม่รู้ว่าเพราะลึกๆ เธออายที่ปล่อยไก่หมดเล้าจนความฟินหดลงหรืออะไรกันแน่ ทว่าสุดท้ายเรื่องที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเธอเคยได้คุยกับ ‘เหมือน มนายุ’ ก็มีเพียงเพื่อนรักอย่างปรียาวตีที่รับรู้
อาชีพนักเขียนทำให้ปรียาวตีมีพลังจินตนาการสูงกว่าเธอเป็นร้อยเท่า ดังนั้นเมื่อรู้ว่าวันนี้พวกเธอจะต้องไปร่วมงานฉลองมงคลสมรสของหฤทชนัน น้องรหัสซึ่งลิปสาเป็นคนเอ่ยปากชวนให้มาสมัครงานในตำแหน่งกองบรรณาธิการของสำนักพิมพ์เหนือฝัน ทำให้ปรียาวตีแอบกระซิบกระซาบกับเธอหลายต่อหลายครั้งว่าวันนี้เธออาจได้พบกับมนายุอีกครั้ง!
เพราะคนที่น้องรหัสของลิปสาแต่งงานด้วย คือ ‘ภพสยาม พิริยะพัฒน์’ แฝดคนโตในบรรดาแฝดสามที่โด่งดังมาตั้งแต่เกิด ด้วยบิดาของสามหนุ่มเป็นอดีตพระเอกรุ่นใหญ่ชื่อดัง มีปู่เป็นอดีตคณะรัฐมนตรีมาก่อน มารดาก็สืบเชื้อสายตระกูลเก่าแก่แห่งประเทศนิศมา และเมื่อหลายปีก่อน ‘ภักดิ์สยาม พิริยะพัฒน์’ แฝดคนกลางของบ้านได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงในฐานะนักร้องวัยรุ่นชื่อดัง ขณะที่ ‘ภาสยาม พิริยะพัฒน์’ แฝดคนเล็กก็เป็นนายแบบมือสมัครเล่นอยู่หลายหนพ่วงตำแหน่งคาสโนว่ามาตั้งแต่ยังละอ่อน กระแสของแฝดสามจึงยังโด่งดังในวงสังคมไม่จาง
จำได้ว่าครั้งแรกที่เห็นชื่อนามสกุลของน้องรหัส ‘หฤทชนัน พิริยะพัฒน์’ เธอและคนอีกจำนวนไม่น้อยต่างตั้งคำถามกับสาวน้อยตัวเล็กท่าทางนุ่มนิ่มสมชื่อเล่นว่าหล่อนเป็นญาติกับ ‘ภักดิ์ ภักดิ์สยาม’ รึเปล่า ซึ่งหลังจากนิ่งคิดไปครู่หนึ่งหฤทชนันก็ตอบกลับมาว่า ‘ใช่’
พี่รหัสที่ค่อนข้างสนิทสนมกับสาวเจ้าอย่างลิปสาเพิ่งรู้ความจริงเอาตอนได้รับการ์ดแต่งงานสีเงินสวยหรูดูแพงจากมือน้องรหัสคนดีว่าที่เป็น ‘ญาติ’ กันน่ะ เพราะหฤทชนันจดทะเบียนสมรสและแต่งงานเงียบๆ กับภพสยามตั้งแต่จบมัธยมปลาย พอเข้ามหาวิทยาลัยจึงได้ใช้นามสกุลพิริยะพัฒน์ และการแต่งงานกับแฝดคนโตก็ทำให้หล่อนเป็นญาติกับแฝดคนรองไปโดยปริยาย
ฟังแล้วลิปสาก็ได้แต่อึ้ง นึกสงสัยขึ้นมาครามครันว่าถ้าวันนั้นคนที่พวกเธอถามว่าเป็นญาติรึเปล่าไม่ใช่ภักดิ์สยามหรือภาสยาม แต่เป็นภพสยาม หฤทชนันจะตอบกลับมาว่าอย่างไร
อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเรื่องของคนอื่น ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่าเจ้าบ่าวอย่างภพสยามมีพ่อเป็นอดีตพระเอกดัง มีน้องชายคนรองเป็นนักร้องพ่วงตำแหน่งพระเอกร่วมช่องของมนายุ แถมยังมีน้องชายคนเล็กที่แม้จะมีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนมาตั้งแต่ยังเด็กแต่ก็ไม่วายมีข่าวกับสาวๆ ทั่ววงการอย่างโชกโชน ทำให้ปรียาวตีกรอกหูเธอมาตลอดว่าด้วยสายสัมพันธ์อันมากมายเหล่านั้นทำให้วันนี้มีบรรดาคนในวงการบันเทิงหลายคนถูกเชิญมาร่วมงาน และเพื่อนของเธอก็มั่นใจมากว่ามนายุต้องเป็นหนึ่งในนั้น
ลิปสาเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ จากครอบครัวชนชั้นกลางคนหนึ่ง เธออาจจะชอบเพ้อฝันไปเรื่อยเปื่อยตามนิสัยของคนที่อ่านนิยายมาตั้งแต่แตกเนื้อสาว ทว่าด้วยสังคมรอบตัวที่แสนจะธรรมดาทำให้เธอไม่เคยกล้าคิดว่าตัวเองจะได้มาเหยียบอยู่ในงานแต่งงานระดับช้างร่วมกับบรรดาคนเด่นคนดังของประเทศแบบนี้ นั่นทำให้เธอ ปรียาวตี รวมถึงแขกฝั่งหฤทชนันซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับรุ่นพี่รุ่นน้องทั้งรู้สึกตื่นเต้น เกร็ง และประหม่ากับการออกงานครั้งนี้ จนในวินาทีสุดท้ายรีไรเตอร์สาวเกือบจะเทงานแต่งงานของน้องรหัสคนสนิททิ้ง ติดแค่ว่าเจ้าสาวของงานเคยเดินมากอดเธอไว้ ขอร้องด้วยแววตาอ้อนๆ ตั้งแต่ก่อนวันงานแล้วว่า
‘พี่รักต้องไปให้ได้นะคะ นิ่มรู้ว่างานแต่งนิ่มคงทำให้หลายคนอึดอัดไม่อยากไป แต่นิ่มยังหวังว่า…พี่รักกับพี่ปิ๊งจะยอมไปนะคะ’
น้องรหัสที่แสนน่ารักขอร้องมาแบบนั้นแล้ว ไหนจะเสื้อผ้าหน้าผมที่เธอหน้ามืดลงทุนไปเกือบหมื่น สุดท้ายแล้วหญิงสาวก็กัดฟันมาร่วมงานด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ
ใจหนึ่งก็โคตรดีใจที่ได้มาร่วมงานระดับนี้ ได้เจอดาราหลายคนที่เคยเห็นแต่ในทีวี แต่อีกใจก็กลัวโก๊ะ เปิ่น ทำอะไรให้ตัวเองและหฤทชนันขายหน้าในฐานะที่เธอเป็นแขกฝ่ายเจ้าสาว สุดท้ายสิ่งที่ลิปสาทำได้ดีที่สุดคือพยายามตั้งสติ ข่มทุกความติ่งลงไปจนหมด ไม่ทำท่ากระเหี้ยนกระหือรืออยากขอถ่ายรูปกับพระเอกนางเอก นางร้ายตัวโกง ยันนักร้องและเหล่าคนเบื้องหลังที่เดินว่อนเต็มงาน รวมถึงพยายามไม่สอดส่ายสายตามองหาคนที่เธอทั้งอยากเจอและไม่อยากเจอที่สุดอย่าง…มนายุ
ตอนที่ลิปสากำลังนั่งกินอกเป็ดอบไวน์แดงที่เธอติดอกติดใจจนกำลังคิดจะไปตักเพิ่มอีกสักรอบ เจ้าสาวของงานก็หอบชายกระโปรงยาววิ่งกระหืดกระหอบมาที่โต๊ะและคว้าไหล่เธอไว้ทั้งที่ยังหอบแฮก
“เฮ้ย นิ่ม เป็นไร ทำไมวิ่งมาแบบนี้เนี่ย”
ลิปสาตกใจจนรีบกลืนเป็ดลงคอ มือหนึ่งป้องปาก อีกมือหันไปจับมือรุ่นน้องเบาๆ
“พี่…พี่รัก ทำไมนิ่มโทรหาไม่รับคะเนี่ย”
“อ้าว โทรมาเหรอ สงสัยเสียงในงานดังอ่ะ พี่เลยไม่ได้ยิน” พี่รหัสของเจ้าสาวยิ้มแหย ล้วงสมาร์ตโฟนในกระเป๋าคลัตช์ใบเล็กขึ้นมาแล้วพบมิสคอลล์อยู่จริงๆ “ว่าแต่เราโทรหาพี่ทำไม แล้ววิ่งมาทำไมเนี่ย เป็นเจ้าสาวตอนนี้ต้องยืนตรงแบ็กดร็อปคอยถ่ายรูปกับแขกไม่ใช่หรือไง”
“นิ่มถ่ายรูปเสร็จแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวจะเริ่มพิธีบนเวทีแล้ว แต่นิ่มอยากให้พี่รักไปเจอคนคนนึงก่อน”
หัวใจลิปสาเต้นระรัว ในหัวแอบคาดเดาถึงคนที่น้องรหัสอยากให้เธอได้เจอจนถึงขั้นหอบชุดเจ้าสาวน้ำหนักหลายกิโลวิ่งมาหา แถมดวงตาของน้องยังดูเป็นประกายวิบวับอย่างประหลาด
“ไม่ต้องถามแล้วค่ะ ไปกับนิ่มดีกว่า…พี่ปิ๊ง ไปด้วยกันนะคะ” ท้ายประโยคหฤทชนันหันไปชวนเพื่อนสนิทของพี่รหัส เพราะรู้ดีว่าคนที่ดูเหมือนกล้าแกร่งไม่กลัวใครอย่างลิปสาลึกๆ ค่อนข้างขี้อายและคงประหม่าหากต้องไปคนเดียว
“หา? อื้อ ได้ดิ” นักเขียนสาวพยักหน้ารับพร้อมจัดชายกระโปรงให้เข้าที่ก่อนลุกขึ้นยืน ลิปสาเห็นแบบนั้นเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากยกน้ำอัดลมขึ้นดื่มอึกใหญ่และก้าวตามแรงจูงของเจ้าสาว
เดินมาจนถึงมุมห้องจัดเลี้ยงซึ่งค่อนข้างเงียบกว่ามุมอื่น สะใภ้ใหญ่ตระกูลดังก็หยุดเดิน ดวงตากวาดมองรอบตัวของพี่รหัส ไล่ตั้งแต่ดวงหน้าจิ้มลิ้มซึ่งถูกแต่งอย่างประณีตด้วยฝีมือช่างแต่งหน้าคนเดียวกับที่แต่งให้เจ้าตัวในวันรับปริญญาจนลิปสาเชื่อมั่นในฝีมือว่าแม้จะไม่อาจสู้กับดาราเซเลบในงานได้ แต่ก็จะไม่ทำให้เธอต้องขายหน้า เรือนผมยาวสีน้ำตาลเข้มใส่แฮร์พีซเปียที่คาดผมประดับด้วยดาวจิ๋ววิบวับ ส่วนผมที่เหลือทั้งผมจริงและที่เพิ่มแฮร์พีซให้ดูหนาขึ้นถูกถักเป็นเปียใหญ่วางพาดไว้บนบ่าด้านขวาอย่างมีศิลป์ เปิดเปลือยไหล่บอบบางด้านซ้ายในชุดเดรสความยาวเคลียเข่าเข้ากับรองเท้าส้นสูงราวสองนิ้วครึ่งที่พันขึ้นมาเหนือข้อเท้าเล็กน้อย
เจ้าสาวคนสวยมองพี่รหัสที่วันนี้น่ารักบอบบางอย่างพึงพอใจ แต่พอเห็นริมฝีปากเคลือบสีชมพูที่อ่อนจางลงจากการกินดื่มในงานเลี้ยงก็ส่ายหน้าเล็กน้อย
“นิ่มว่าเติมปากอีกหน่อยดีกว่า”
“หา?” ลิปสากะพริบตาที่วันนี้กรอบตาดูคมชัดหวานเป็นพิเศษจากขนตาปลอมทั้งบนล่างปริบๆ มองหฤทชนันถือวิสาสะคว้ากระเป๋าใบเล็กของตัวเองไปเปิดหาลิปสติก
ภรรยาของหนึ่งในแฝดสามคนดังยื่นแท่งลิปสติกมาเกือบถึงริมฝีปากอวบอิ่ม กะมือเหมือนจะทาอยู่นานแต่สุดท้ายแล้วก็ถอนหายใจด้วยรู้ดีว่าตัวเองแต่งหน้าได้แย่พอๆ กับพี่รหัส สุดท้ายจึงหันไปฝากความหวังกับรุ่นพี่ควบตำแหน่งนักเขียนที่ดูแลอยู่
ปรียาวตีไม่ใช่ลิปสาที่ปล่อยให้รูปร่างหน้าตาดั้งเดิมเสียเปล่า สาวหมวยเป็นคนสวยที่รู้ตัวว่าสวย (จากคำชื่นชมเยินยอที่ได้รับจากเพื่อนสนิทตั้งแต่เล็ก) และรู้จักหาวิธีเสริมสร้างความสวยให้เพิ่มขึ้น จึงใช้เวลาช่วงปิดเทอมก่อนเข้ามหาวิทยาลัยไปกับการศึกษาเทคนิคแต่งหน้าทำผมจนทุกวันนี้เชี่ยวชาญศาสตร์และศิลป์เหล่านั้นจนสามารถไปเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ได้ไม่ยาก แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวทำให้ปรียาวตีเลือกจะเป็นนักเขียนที่ไม่ต้องพบเจอกับผู้คนเยอะแยะ ไม่ต้องปั้นหน้าใส่ใคร
“พี่ปิ๊งงง เติมลิปให้พี่รักหน่อยสิคะ นิ่มว่าการเจอกันครั้งแรกมันควรประทับใจจจ”
นักเขียนสาวเลิกคิ้วมอง บ.ก. ของตัวเอง พลังแห่งจินตนาการอันแรงกล้าทำให้หล่อนพอนึกออกว่าเจ้าสาวคนสวยตั้งใจจะพาลิปสามาพบใครกันแน่ ดวงตาที่หางเชิดขึ้นนิดๆ เป็นประกายระยับ รับลิปสติกจากรุ่นน้อง จับใบหน้าที่ยังดูงุนงงของเพื่อนมาปาดลิปอย่างรวดเร็ว กว่ารีไรเตอร์สาวจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หฤทชนันคว้าข้อมือเธอรีบออกเดินอีกครั้งพลางพึมพำ
“เราต้องรีบแล้วค่ะ นิ่มให้พี่ภักดิ์ช่วยพี่ภพรั้งไว้ก็จริง แต่ไม่รู้จะได้นานแค่ไหนกัน”
ตอนแรกลิปสาอาจจะยังไม่เข้าใจว่าน้องรหัสจะลากเธอไปไหน แต่พอระยะห่างระหว่างพวกเธอและกลุ่มที่มีเจ้าบ่าวของงานยืนอยู่ร่นน้อยลง หญิงสาวก็เข้าใจได้ในทันที
หัวใจดวงเล็กในอกซ้ายกระหน่ำระรัวอีกหน เพียงแค่เห็นแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเธอก็นึกออกทันทีว่าเขาเป็นใคร
นี่น้องรหัสสุดที่รักคงหวังดีกับรุ่นพี่อย่างเธอ ถึงได้จะสานฝันให้เป็นจริงด้วยการให้เธอได้เจอกับสามีมโน!
ทั้งๆ ที่ใจหนึ่งยังรู้สึกอับอายขายหน้ากับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่ลิปสาก็ปล่อยให้หฤทชนันจูงมือไปโดยไม่ขัดขืน รีไรเตอร์สาวเม้มปากแน่น แอบหลุบตามองสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้ง และอดไม่ได้ที่จะหันไปสบตาเพื่อนสนิท อ้าปากพะงาบๆ ถามโดยไร้เสียงว่า
‘รักโอเคมั้ยอ่ะ’
ซึ่งปรียาวตีก็ส่งยิ้มกว้าง ชูนิ้วหัวแม่มือมาให้แทนคำตอบ
สองสาวเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังไม่ประสา สนิทสนมกันมาเกือบทั้งชีวิตชนิดแค่มองตาก็รู้ใจ ตัวตนของพวกเธอที่คนข้างนอกไม่รู้ แต่พวกเธอกลับรู้จักกันและกันดีที่สุดราวกับฝาแฝด ดังนั้นปรียาวตีจึงรู้ดีว่าถ้าไม่ใช่หล่อนแล้ว…ลิปสาจะไม่มีวันกล้าตั้งคำถามที่แสดงออกให้รู้ว่า ‘ใส่ใจ’ กับการปรากฏตัวต่อหน้ามนายุอีกครั้งแบบนี้เด็ดขาด
และแน่ล่ะ เพราะสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันของพวกเธอคืออีโก้นี่นา พวกเธอไม่มีวันปล่อยให้คนอื่นรู้หรอกว่ากำลังเขินหรือประหม่า ดังนั้นเมื่อหยุดอยู่ตรงหน้ากลุ่มผู้ชายที่คุยกันอยู่ ลิปสาจึงพยายามซ่อนความตื่นเต้นดีใจระคนเขินอายอย่างสุดความสามารถ
แต่อย่างที่รู้กัน เพื่อนหล่อนมักแสดงทุกอย่างออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน…เกินไป
“พี่เหมือนคะ นี่ไงคะพี่รหัสนิ่ม คนที่นิ่มบอกว่าเป็นแฟนคลับพี่เหมือนน่ะค่ะ” หฤทชนันดึงแขนพี่รหัสไปยืนตรงหน้าชายหนุ่ม เอ่ยแนะนำหญิงสาวอย่างกระตือรือร้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านอกจากตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ให้รุ่นพี่ที่รักได้มีโมเมนต์กับพระเอกคนโปรดแล้ว ลึกๆ หล่อนยังแอบหวังตามประสาสาวน้อยผู้เพ้อฝันว่าอาจจะได้เป็นกามเทพอุ้มสมให้ความรัก (?) ของพี่รหัสได้สมหวัง ให้สมกับที่เพ้อให้หล่อนฟังมาตั้งแต่เริ่มสนิทกันเมื่อหลายปีก่อนโน้น
มนายุหันมายิ้มให้กับสะใภ้คนโตของพิริยะพัฒน์ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองไปยังหญิงสาวที่ได้รับคำแนะนำว่าเป็นแฟนคลับของเขา แวบแรกที่ได้เห็นพระเอกหนุ่มรู้สึกคุ้นหน้าเธออย่างประหลาด ทว่านึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน ซึ่งเขาก็ตัดสินไปว่าทั้งคู่อาจจะเคยเจอกันในอีเวนต์ไหนสักงานที่เขาไปออกและเธอตามไปเชียร์เหมือนแฟนคลับทั่วๆ ไป
“สวัสดีฮะ ดีใจมากเลยอ่ะที่ได้เจอแฟนคลับน่ารักๆ แบบนี้”
พระเอกคนโปรดทักทายอย่างเป็นมิตรด้วยสีหน้าปลื้มปริ่มแบบนั้น ลิปสาก็อดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มตอบกลับไป ทว่าเพราะเสียงหัวใจที่เต้นระรัวไม่หยุดทำให้หญิงสาวนึกไม่ออกว่าควรจะพูดอะไรกับเขาบ้าง แต่ที่แน่ๆ เธอมั่นใจอย่างหนึ่งว่า
มนายุจำไม่ได้ว่าเธอคือคนที่ช่วยเขาไว้และเป็นคนที่คุยไลน์กับเขาเมื่อเกือบสองเดือนก่อน!
ก็ไม่แปลก
หญิงสาวบอกตัวเองในใจ ข่มความผิดหวังที่พลุ่งพล่านขึ้นมาเอาไว้สุดความสามารถ
วันนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก มนายุจำเธอไม่ได้คือไม่แปลกเลย แถมในไลน์ช่วงนั้นเธอก็แสดงความติ่งด้วยการใช้รูปเขาเป็นโพรไฟล์ แล้วหลังจากนั้นแม้จะรีบเปลี่ยนรูปเป็นภาพตัวเอง…แต่ก็เป็นรูปถ่ายไกลๆ ที่ไม่ได้ชัดนัก หากไม่นั่งซูมนั่งส่องคงจำไม่ได้หรอกว่าเป็นเธอ ซึ่งจากปฏิกิริยาของเขา…แน่นอนเลยว่าชายหนุ่มไม่ได้ส่อง เผลอๆ เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเปลี่ยนรูปตั้งนานแล้ว
“เนี่ย พี่รักเขาชอบพี่เหมือนมากๆ เลยนะคะ กรี๊ดให้นิ่มฟังตลอดเลย” ด้วยรู้จักนิสัยพี่รหัสประมาณหนึ่ง หฤทชนันจึงเล่าสั้นๆ ไม่ได้ลงรายละเอียดลึกว่าลิปสา ‘กรี๊ด’ เข้าขั้นคลั่งไคล้ เพราะกลัวพี่รหัสหน้าบางของตัวเองจะอายจนพาลโกรธขึ้นมา หากก็ยังช่วยอธิบายแทนคนที่ตอนนี้หล่อนเดาว่าคงเขินและตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก
“รัก?” จากที่ไม่ได้สนใจเธอมากไปกว่าการได้เจอแฟนคลับคนหนึ่งซึ่งรู้จักกับภรรยาของคนที่เขารู้จัก พระเอกหนุ่มก็เพ่งความสนใจมาที่เธอมากขึ้น หัวสมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว
แม้ชื่อ ‘รัก’ จะไม่ได้หายากอะไร มีความเป็นไปได้สูงที่ในบรรดาแฟนคลับมากมายของเขาอาจจะมีชื่อนี้อยู่มากกว่าหนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไม…มนายุสังหรณ์ใจว่าหญิงสาวตรงหน้าอาจจะเป็นคนเดียวกับ ‘หนูรักแรก’ คนที่คุยไลน์กับเขาเมื่อเกือบสองเดือนก่อนและถึงปัจจุบันก็ยังขึ้นว่า ‘Read’ แต่ไม่มีข้อความตอบกลับมา เป็นคนเดียวกับคนที่ช่วยเขาไว้จากอุบัติเหตุคราวนั้น…
และเป็นคนเดียวกับว่าที่เจ้าสาวสะเดาะเคราะห์ที่จะพาเขาผ่านเคราะห์เบญจเพสไปได้คนนั้น!
“ใช่ค่ะ รัก…เอ้อ รักแรกน่ะค่ะ…พี่รักไม่คุยอะไรกับพี่เหมือนหน่อยเหรอคะ หรือว่าเพิ่งได้เจอตัวจริงใกล้ๆ ครั้งแรกเลยเขิน อ๊ะ! ไม่สิ…เหมือนพี่รักเคยไปงานวันเกิดพี่เหมือนแล้วก็เคยเจอที่อีเวนต์อะไรสักอย่างแล้วด้วยนี่เนอะ”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะนิ่ม ที่จริงเมื่อตอนที่พี่กับรักแรกไปเที่ยวกาญจน์ เราบังเอิญเจอเหมือนด้วย” ปรียาวตีอธิบายให้รุ่นน้องฟังพลางเหลือบมองเพื่อนสนิทสลับกับพระเอกคนดัง หล่อนทันเห็นประกายตาบางอย่างของผู้ชายที่เพื่อนคลั่งไคล้หัวปักหัวปำมาหลายปี นักเขียนสาวสูดลมหายใจลึก ลอบร้องเตือนตัวเองในใจอย่างเข้มงวดว่า
ห้ามเชียร์! ปิ๊ง! แกห้ามเชียร์รักแรกกับเหมือนเด็ดขาด!
เกิดอาถรรพ์ของเทพีแห่งการเลิกราทำงานจนทำร้ายเพื่อนรักขึ้นมา หล่อนจะทำยังไงล่ะนั่น
ดังนั้นแม้ในใจของนักเขียนสาวจะมโนไปไกลลิบแค่ไหน แต่ปรียาวตีก็ยังหยุดตัวเองแค่นั้น ไม่เอ่ยพูดอะไรอีก หางตาของสาวหมวยเหลือบมองไปทางอื่นจนได้สบตากับผู้ชายคนหนึ่งเข้า
เขาเป็นคนที่หล่อนรู้จักผ่านสื่อต่างๆ มาหลายปี ชายหนุ่มที่เป็นทั้งนักแสดงชื่อดัง ผู้จัดการส่วนตัว และเพื่อนรุ่นพี่ร่วมแก๊งของมนายุ
อิกด์ อาตมัน
คือชื่อของเขา
อะไรบางอย่างทำให้หัวใจของหญิงสาวที่ไม่เคยหวั่นไหวกับใครยกเว้นบรรดาพระเอกในนิยายกระตุกวาบ ยิ่งได้รับรอยยิ้มจากเขาก็ยิ่งทำให้อัตราการเต้นของชีพจรรัวขึ้นจนเลือกจะส่งยิ้มบางๆ ให้ก่อนรีบเบนความสนใจไปยังลิปสากับมนายุอีกครั้ง
“รักแรกนี่…ใช่คนที่ช่วยผมไว้ตอนนั้น แล้วก็อ่านแต่ไม่ตอบใช่มั้ย”
“เอ๋?” เจ้าสาวที่พยายามทำตัวเป็นกามเทพอุ้มสมกะพริบตาปริบอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ถูกสามีดึงแขนไว้อย่างนุ่มนวล
“เราต้องไปเตรียมตัวแล้ว”
หฤทชนันมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่หล่อนสัมผัสได้ว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างตัดใจไม่ลงอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ยอมเดินตามแรงจับจูงของภพสยามไปอยู่ดี ซึ่งพอพี่ชายฝาแฝดพาภรรยาเด็กออกไป ลูกชายคนกลางของบ้านพิริยะพัฒน์จึงตั้งท่าจะเอ่ยขอตัวบ้าง เพราะการที่เขาถ่วงเวลาชวนเพื่อนรุ่นน้องอย่างมนายุสนทนากันจนหฤทชนันพาพี่รหัสมาเจอพระเอกหนุ่มได้ทันก็ถือว่าเขาทำตามที่พี่สะใภ้ของตัวเองขอได้สำเร็จแล้ว
ยิ่งตอนที่สายตาเหลือบไปเห็นร่างระหงคุ้นตาอยู่ไวๆ ภักดิ์สยามยิ่งมีเหตุผลในการปลีกตัวมากยิ่งขึ้น
“เหมือนฉันเห็นคนรู้จักว่ะ อิกด์ เหมือน ไปก่อนนะ…ขอตัวก่อนนะฮะสาวๆ”
ท้ายประโยคทายาทคนกลางแห่งพิริยะพัฒน์ก็หันไปบอกลารุ่นพี่ของหฤทชนัน ก่อนรีบก้าวเท้าไปยังทิศทางที่เห็นหญิงสาวคนหนึ่งลับตาไป
จนเมื่อวงสนทนาเหลือกันอยู่แค่สี่คน อาตมันที่มองสถานการณ์ตรงหน้าอยู่นานก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา
“พวกคุณสองคนเป็นคนช่วยเหมือนไว้ที่กาญจน์ใช่มั้ยครับ” หางตาของชายหนุ่มเหลือบมองพระเอกในสังกัดอย่างมีความนัย
วันนั้นกว่าเขาจะเคลียร์เรื่องนักข่าวได้จบลงจนมีเวลาหันไปสนใจรอบข้าง สองสาวก็ขอตัวจากไปก่อนแล้ว แต่คุณมัทนามารดาของมนายุซึ่งสนิทสนมกับเขามากจนเล่าอะไรหลายๆ อย่างให้ฟังเสมอได้เล่าให้เขาฟังด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจว่าเจอ ‘ผู้หญิงคนนั้น’ แล้ว
กล่าวกันตามตรง ชายหนุ่มที่เป็นทั้งอดีตพระเอกชื่อดัง เป็นนักแสดงที่มีคุณภาพ กระทั่งเปิดโมเดลลิ่งเล็กๆ รับนักแสดงในสังกัดไว้ไม่ถึงสิบคนแต่ล้วนมีคุณภาพและกลายเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงแถวหน้าของวงการไม่ได้เชื่อถือในเรื่องดวงชะตาราศีอะไรทำนองนั้นมากนัก หากปฏิเสธไม่ได้ว่าเคราะห์ร้ายหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับมนายุประกอบกับคำพูดกรอกหูของคุณมัทนาก็ทำให้เขาใส่ใจเรื่อง ‘เจ้าสาวสะเดาะเคราะห์เบญจเพส’ ของพระเอกในสังกัดอยู่ไม่น้อย
ลิปสาพอตั้งสติได้แล้วจึงเหลือบตาขึ้นมองชายหนุ่มสองคนซึ่งหน้าตาดีระดับทำลายล้างหัวใจสาวๆ ครึ่งค่อนประเทศ ก่อนพยักหน้ารับ เริ่มตอบคำถามทีละคน
“ใช่ค่ะ รักกับเพื่อนเป็นคนช่วยเหมือนไว้ตอนนั้น” เธอเลือกที่จะแทนตัวเองว่า ‘รัก’ อย่างที่มักใช้พูดกับผู้ใหญ่ เพราะจำได้รางๆ ว่าผู้จัดการส่วนตัวของมนายุอายุมากกว่าพวกเธอเกือบสิบปี “แล้วก็…ค่ะ เราคือ…รักแรกคนที่อ่านแล้วไม่ตอบ”
ประโยคหลังเธอเอ่ยเสียงแผ่วเบา
กลัวเหมือนกันว่ามนายุจะทวนความหนหลังขึ้นมาให้นึกอายอีกรอบ หากพระเอกหนุ่มกลับพยักหน้าหงึกหงัก ถามไปอีกเรื่องว่า
“แล้วได้ดูละครผมต่อมั้ยอ่ะ”
“หือ? ดูสิคะ” เธอพยักหน้ารับ ความประหม่าเริ่มลดลงเมื่ออีกฝ่ายชวนคุยในเรื่องที่ตัวเองสนใจโดยไม่วนกลับไปแตะต้องเรื่องที่ปล่อยไก่ไปคราวนั้น “คุณญาสวยน่ารักมากกก เราทีมคุณญาเลยดูต่อ”
“แล้วไม่ทีมคุณยะแล้วหรือไง ผมโดนคุณญารังแกไม่น้อยเหมือนกันนะ”
แม้ในใจลึกๆ ตอนดูละครเธอจะอยู่ #ทีมคุณยะ มากกว่า #ทีมคุณญา และเคยตัดพ้อต่อว่าการกระทำของนางเอกสาวไว้ไม่น้อย แต่หญิงสาวก็ยังตอบกลับไปว่า
“ไม่อ่ะค่ะ เราเพื่อนหญิงพลังหญิงมากกว่า ตอนใกล้จบคุณยะใจร้ายกับคุณญาสุดๆ อีกอย่าง…ตะกี้เจอตัวจริงของพี่ลิสสามา น่ารักมากกก เลยรู้สึกตัดสินใจไม่ผิดเลยที่อยู่ทีมคุณญา”
ลิปสากล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขึ้น งานแต่งงานของน้องรหัสทำให้เธอได้เจอดาราหลายคน แต่หนึ่งเดียวที่เธอรวบรวมความกล้าไปขอถ่ายรูปก็คือ ‘ลาลิสสา’ นางเอกในดวงใจ ซึ่งดาราสาวที่อายุไล่เลี่ยกับมนายุก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ตัวจริงหล่อนทั้งสวย ทั้งน่ารัก และนิสัยดีจนรีไรเตอร์สาวตั้งใจว่าจะเป็นแฟนคลับคอยสนับสนุนผลงานต่อไป
“แต่คุณยะโดนมาเกือบทั้งเรื่องเลยนะ! เอาคืนแค่สองตอนเอง แล้วอีกอย่างตัวจริงผมไม่น่ารักเหมือนลิสสาหรือไง”
คำถามด้วยสีหน้าจริงจังของมนายุทำให้คนฟังอึ้งกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะคนต้องตอบอย่างลิปสาที่เผลอหน้าแดงอย่างห้ามไม่อยู่ ดวงตาเหลือบมองไปทางเพื่อนสนิทอย่างขอความช่วยเหลือ
ปรียาวตีซึ่งสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ มาตลอดและห้ามตัวเองเป็นครั้งที่ล้านว่าไม่ว่าหล่อนจะเห็นโมเมนต์อะไรก็ห้ามเชียร์เพื่อนรักกับพระเอกที่อีกฝ่ายคลั่งไคล้เด็ดขาดรีบเอ่ยว่า
“รักแรก เดี๋ยวพิธีบนเวทีน่าจะเริ่มแล้วอ่ะ รักแรกรีบขอถ่ายรูปคู่กับเหมือนไว้เป็นที่ระลึกสักรูปแล้วเรารีบกลับไปนั่งที่กันดีกว่า”
“ฮะ?” ลิปสาทำหน้าเหวอ ตกใจที่เธอทั้งเขินทั้งประหม่าจนทำอะไรไม่ถูกแต่เพื่อนก็ยังบอกให้ขอถ่ายรูปกับมนายุ
“เร็ว อุตส่าห์ได้เจอพระเอกคนโปรดทั้งทีจะไม่ขอถ่ายรูปเก็บไว้หรือไงล่ะยะ…ขออนุญาตถ่ายรูปคู่กับเหมือนนะคะ”
ประโยคหลังนักเขียนสาวหันไปขอทั้งพระเอกและผู้จัดการส่วนตัวของเขา ซึ่งหลังสองหนุ่มสบตากันแวบหนึ่งพระเอกหน้าหวานก็พยักหน้ารับ
“ได้สิ มาเลยฮะ”
ไม่ว่าเปล่า ร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบสี่เซนติเมตรยังก้าวเข้าไปใกล้ โอบไหล่เปิดเปลือยไว้ แล้วเลื่อนใบหน้าหล่อแบบหวานๆ ของตัวเองลงไปใกล้ใบหน้าแข็งเกร็งด้วยความตื่นเต้นของแฟนคลับสาว
ลิปสาสูดลมหายใจลึก พยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้เขินหรือประหม่าแล้วฉีกยิ้มกว้างๆ ห้ามมโนอะไรเพ้อเจ้อเด็ดขาด เพราะจากรูปที่มนายุถ่ายกับแฟนคลับซึ่งเธอได้เห็นตามโซเชียลมีเดีย เขาก็มักจะให้ความใกล้ชิดสนิทสนมประมาณนี้อยู่แล้ว
“รักแรก ยิ้มดีๆ สิ โอกาสครั้งเดียวนะ!”
เสียงร้องเตือนของเพื่อนทำให้รีไรเตอร์สาวข่มทุกความรู้สึกที่ปะทุขึ้น ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี แถมยังทำใจกล้าเอื้อมมือไปโอบเอวสอบกลับ สัมผัสได้เบาๆ ว่าร่างสูงข้างตัวดูเกร็งไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อถ่ายรูปเสร็จ…พระเอกคนโปรดที่เธอยกให้เป็นสามีมโนมาหลายปีก็หันกลับมาบอกว่า
“ถ้าลงไอจีแล้วอย่าลืมแท็กมานะฮะ”
โปรดติดตามตอนต่อไป
Comments
comments
No tags for this post.