บทที่ 3
ชาคริยาเปิดประตูห้องออกมาพบกับแสงแดดจัดจ้าของท้องฟ้ากลางฤดูร้อน เธอคว้าหมวกออกมาใส่กันแดด สะพายกระเป๋าเป้กระชับตัว แล้วก้าวเดินตรงไปยังมหาวิทยาลัย หากก็อดเหลือบตามองไปยังที่ที่เคยจอดเจ้าสีเงินนัมเบอร์วันและทูไม่ได้
…ไม่มีแล้ว…เจ้าโจรร้ายคงไม่กลับใจ
ตัดใจแบบไม่เหลือความหวัง แล้วเธอก็ออกเดินต่อไปทันที
จักรยานสีฟ้าคันคุ้นตาขี่ผ่านหน้า แถมร่างสูงผมยาวของชายหนุ่มเจ้าของรถก็คุ้นเสียจนเธอต้องตะโกนเรียก
“ฮายาโตะ”
ดูเหมือนเสียงจะเบาไปเขาเลยไม่หยุดรถ เธอเลยตัดสินใจตะโกนเรียกอีกที
“ฮายาโตะ”
…ยัง ยังไม่หยุดอีก
ชาคริยากัดริมฝีปากอย่างขัดใจ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ซากุระจัง รอก่อน”
ได้ผล รถจักรยานสีฟ้าอ่อนคันนั้นเบรกพรืด และซามูไรตาฟ้าก็หันขวับมามองหน้าเธอทันที หญิงสาวยิ้มกว้างหัวเราะร่าก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปหาคนที่ยืนคร่อมจักรยานทำหน้าบึ้งนิดๆ พอเป็นพิธี
“ไปมหา’ลัยใช่ป่ะ ไปด้วยนะ”
และโดยไม่รอคำตอบรับเหมือนเดิม ร่างโปร่งบางก็กระโดดไปนั่งบนตะแกรงซ้อนด้านหลังทันที มาร์คส่ายหน้าอย่างระอา หากก็ไม่พูดอะไรออกมา นอกจากขี่จักรยานตรงไปมหาวิทยาลัย โดยมีชาคริยานั่งกินแรงอย่างสบายอารมณ์อยู่ด้านหลัง
“ชาจัง”
ชาคริยาขมวดคิ้วนิดๆ กับคำเรียกขานของสาวๆ เพื่อนร่วมแล็บ
…ไม่ได้ชาเฟ้ย ไม่ได้ชาอะไรเล้ย
เธอได้แต่คิดโวยวายอยู่ในใจ เพราะยังไม่ชินสักทีกับคำว่า ‘ชาจัง’ ที่เพื่อนๆ เรียก ความจริงชื่อเล่นที่พ่อแม่ตั้งให้เธอก็มี ‘ลูกชุบ’ ชื่อออกจะน่ารักน่ากิน แต่ค่าที่มันออกเสียงยากลำบากเหลือเกินสำหรับคนญี่ปุ่น พวกนั้นก็เลยตกลงใจเรียกเธอสั้นๆ ว่า ‘ชาจัง’ แทน
“ชาจัง วันนี้ไปดื่มกันมั้ย มีร้านเปิดใหม่ตรงใกล้ๆ โชเตงไกน่ะ ร้านน่ารักมากเลย” มาริโกะ สาวน้อยร่างเล็กในชุดเสื้อสายเดี่ยวกระโปรงบานสีสันสดใสรับหน้าร้อนเอ่ยชวน
“เป็นบาร์เล็กๆ คนไม่เยอะนะชาจัง แถมบรรยากาศยังดีมากด้วย” ฝ่ายสนับสนุนอย่างอาเคมิตามมาติดๆ และเจ้าคนผมม้าหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม…ทาเอโกะก็ยื่นหน้าเข้ามาช่วยโน้มน้าวอีกคน
“ที่สำคัญนะ บาร์เทนเดอร์หล่ออย่างงี้เลย” ทำมือให้ดูเป็นการยืนยันว่าล้อหล่อ…หล่อจริงๆ ไม่ได้โกหก ชาคริยาหัวเราะเบาๆ
“ไป อยากเห็นบาร์เทนเดอร์หล่อๆ เผื่อชีวิตจะมีสีสันขึ้นมาบ้าง เห็นแต่หน้าสาวๆ อย่างพวกเธอจนจะเฉาตายอยู่แล้ว”
สามสาวค้อนควัก ชาคริยาหัวเราะลั่นกับท่าทีนั้น
…ถึงแม้เมืองนี้จะไม่มีเพื่อนคนไทยให้คลายเหงา แต่เด็กๆ ในแล็บที่น่ารักกุ๊กกิ๊กก็ทดแทนกันได้ไม่น้อยเหมือนกัน
…ซามูไรตาฟ้า!
ชาคริยาร้องเอ็ดอึงในใจเมื่อเห็นบาร์เทนเดอร์ที่สาวๆ ในแล็บการันตีตลอดการเดินทางเต็มตา ชายหนุ่มในชุดสูทผูกหูกระต่ายที่กำลังเขย่าเชกเกอร์ด้วยมาดเท่ใต้แสงสลัวน้อยแรงเทียนนั่น ให้ดูยังไงก็เหมือนซามูไรตาฟ้าหนุ่มคนข้างห้องไม่ผิดเพี้ยน
“หล่อใช่มั้ยล่ะชาจัง” มาริโกะกระซิบถาม ส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้บาร์เทนเดอร์หนุ่มแล้วทรุดตัวลงนั่งบนแท่งเหล็กรูปโค้งหน้าเคาน์เตอร์
“เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเราด้วยนะ ชาจังเคยเห็นมั้ย” ข้อมูลยืนยันมาจากอีกหนึ่งสาว ทาเอโกะ
“โห มองตาค้างเลย อย่าเพิ่งตกหลุมรักนะจ๊ะ คนนี้น่ะสาวๆ จองกันให้เพียบ” อาเคมิท้วงเบาๆ ชาคริยากะพริบตาถี่ ก่อนจะคลี่ยิ้มบาง
“ไม่ตกหลุมรักหรอก ก็แค่…กำลัง…ทึ่ง”
“เห็นหน้าฝรั่งอย่างนั้นแต่จริงๆ แล้วเป็นคนญี่ปุ่นนะจ๊ะ พูดญี่ปุ่นคล่องเลย”
“ก็ลูกครึ่งนี่”
แล้วข้อมูลส่วนตัวของหนุ่มคนนั้นก็ตามมาอีกมากมาย จนเมื่อบาร์เทนเดอร์หนุ่มเป้าหมายหันมารับออเดอร์ วงนินทาจึงหยุดชั่วขณะ
“ยินโทนิกค่ะ” อาเคมิถือโอกาสสั่งก่อนด้วยรอยยิ้มหวาน ชายหนุ่มยิ้มตอบนิดๆ ทำชาคริยามองอึ้งไปเหมือนกัน
…ซามูไรตาฟ้า นายนั่น…ยิ้มเซ็กซี่ชะมัด
“มาร์ตินี่ค่ะมาร์ค” มาริโกะทอดเสียงหวาน ซามูไรตาฟ้าแจกรอยยิ้มทรงเสน่ห์อีกแล้ว
“สกรูไดรเวอร์เหมือนเดิมนะคะมาร์ค” ทาเอโกะก็สั่งเสียงหวานใช่ย่อย ชายหนุ่มรับคำด้วยเสียงทุ้มเบาแบบที่ชาคริยาฟังแล้วขนลุกตั้ง แต่สำหรับสาวๆ คงจะแสนรัญจวนหัวใจจนทำเอาตาปรอยไปตามๆ กัน บาร์เทนเดอร์หนุ่มหันมองลูกค้าคนสุดท้ายแล้วเลิกคิ้วเข้มเป็นเชิงถาม ไม่มีทีท่าแปลกใจ ประหม่า หรืออะไรเลย
ชาคริยายิ้มนิดๆ ที่มุมปาก ก่อนจะสั่งสิ่งที่ต้องการออกไป “เอาค็อกเทลอะไรก็ได้ ผสมให้หน่อยนะบาร์เทนเดอร์”
คำสุดท้ายย้ำเสียงหนัก เขาพยักหน้ารับคำ กำลังจะหันกลับไปจัดการผสมเครื่องดื่ม เสียงใสก็ร้องห้ามไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อน รู้แล้วเหรอว่าฉันอยากได้เครื่องดื่มรสอะไร”
มาร์คเก็บรอยผวาซ่อนไว้ในสีหน้าเรียบเฉยและมาดนุ่มๆ ได้เป็นอย่างดี
“เอารสออกหวานนำ แต่เปรี้ยวนิดๆ ที่ปลายลิ้น เค็มไม่เอานะ พวกที่มีเกลือเคลือบปากแก้วน่ะไม่ต้องเอามา ไม่ชอบเค็ม แล้วก็…ไม่เอาใบมิ้นต์หรือกลิ่นมิ้นต์นะ ไม่ชอบ อ้อ สี…ค็อกเทลต้องสีสวยๆ ขอสีฟ้าใสๆ เหมือนตาคุณนั่นล่ะ ทำได้…ใช่มั้ย”
หยอดเสียงหวานลงท้ายให้คนถูกสั่งได้เจ็บใจเล่น มาร์ครับคำก่อนจะหันกลับไประดมความคิดปรุงค็อกเทลตามความต้องการของคนเรื่องมาก ชาคริยากลั้นหัวเราะอย่างยากลำบาก
…ก็ช่วยไม่ได้ อยากทำเป็นไม่รู้จักกันทำไม พ่อซากุระดอกโต
มาร์คล้มตัวนอนแผ่บนเตียงกว้างมุมห้องอย่างหมดแรง งานพิเศษที่ทำวันนี้ทำไมถึงได้เหนื่อยกว่าทุกวันก็ไม่รู้ หากแล้วตัวต้นเหตุก็เหมือนกับจะวิ่งเข้ามาในห้วงคำนึงอย่างรวดเร็ว
…คนตัวบางๆ แต่ตาโต๊โต ผมสั้นยุ่งเหยิงคนนั้นนั่นแหละ…ชาคริยา…หรือนามิ…คลื่นเจ้าอารมณ์
หลังจากที่คิดจนหัวแทบจะปวดตายกับค็อกเทลแก้วแรกที่คุณเธอสั่ง แก้วที่สอง สาม สี่ และห้าก็ตามมาติดๆ พร้อมกับคำสั่งพิเศษแบบที่ทำเขามึนหัวตึ้บ
…ผู้หญิงใจร้าย
เขาลงความเห็นอย่างไม่มีข้อแย้ง ว่าแล้วก็พลิกตัวคว้าดินสอขึ้นมาลากเส้นลงไปบนกระดาษ วาดไปก็อดยิ้มไปไม่ได้ และเหมือนเดิม…ด้วยเวลาไม่นาน ภาพก็เห็นเป็นโครงร่างชัดเจน
…คนใจร้ายมีเขี้ยวโง้งตาปรือด้วยความเมา เพราะแก้วค็อกเทลหลายขนาดนอนกลิ้งอยู่ข้างๆ
เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ดีดนิ้วใส่หน้าคนที่อยู่ในรูปเสียทีเป็นการระบายอารมณ์ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงแล้วแทบจะหลับไปในทันที
…เชื่อเรื่องเวรกรรมมั้ย
คนอื่นอาจจะไม่เชื่อ แม้แต่มาร์คก็เพิ่งจะมาเชื่อเมื่อเร็วๆ นี้นี่เอง เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำเวรทำกรรม หรือทำบุญทำทานร่วมกับคนข้างห้องมาตั้งแต่ชาติปางไหน ผลบุญผลกรรมที่ไม่เคยจะแสดงผลก็กลับมาแผลงฤทธิ์ติดๆ กันแทบทุกวันในช่วงนี้ เพราะทุกครั้งที่เขาปั่นจักรยานออกจากบ้าน เป็นต้องเจอสาวน้อยเดินต๊อกๆ ไปตามทางอยู่ข้างหน้าทุกที และเขาก็ต้องกลายเป็นสารถีจำเป็นขี่จักรยานไปส่งที่ตึกของเธอทุกครั้ง เพราะถึงแม้จะอยู่คณะเดียวกัน แต่เรียนกันคนละภาควิชาเลยทำให้แล็บของเธอกับเขาอยู่คนละตึก หากอย่างหนึ่งที่เขาอดแปลกใจไม่ได้…เธอไม่เอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องที่เจอเขาในบาร์แห่งนั้นเลยสักคำ
“ยังไม่เจอจักรยานหรือครับ”
เขาทำใจกล้าเอ่ยถามขึ้นมาในวันหนึ่ง หลังจากที่ขี่จักรยานให้เธอซ้อนท้ายมาได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว
“ยังไม่เจอ” ทำเสียงขึ้นจมูกเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากคุยเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังอยากถามต่อ
“แล้วไม่ซื้อใหม่หรือครับ”
“ซื้อใหม่ทำไม ซื้อมาให้หายใหม่น่ะเหรอ ไม่มีทาง ตอนนี้ฉันอยู่ในโหมดทรมานตัวเอง”
…ทรมานเขาล่ะมากกว่า มาร์คคิดอย่างปลงๆ
“ว่าแต่ถามทำไม ถ้าไม่อยากให้ฉันซ้อนจักรยานบอกกันตรงๆ ก็ได้ ไม่ต้องมาอ้อมค้อมเสียเวลา”
น้ำเสียงที่แหวมาแฝงรอยน้อยใจชัดจนทำเอาเขาต้องละล่ำละลักปฏิเสธ หารู้ไม่ว่าคนเจ้าเล่ห์แอบยิ้มอยู่ข้างหลัง
“ไม่ใช่อย่างนั้น แค่ถามดูเฉยๆ”
“งั้นก็ดี ปั่นจักรยานเร็วๆ หน่อยสิ วันนี้ฉันมีสัมมนาเช้า นี่อีกห้านาทีเอง”
แล้วเธอก็กลับมาเป็นคนเดิม…น้ำเสียงที่สั่งไม่มีร่องรอยเกรงอกเกรงใจสักนิด เขาส่ายหน้า นึกด่าตัวเองอยู่ในใจ
…ไม่น่าไปใจอ่อนให้เลย ยายนามิลูกโตเลยได้ใจ
บ่นในใจไปอย่างนั้น หากเขาก็เร่งฝีเท้าในการปั่นให้เร็วขึ้นตามความต้องการของเธอแต่โดยดี
“ชาจัง” เสียงใสๆ ตะโกนเรียก หญิงสาวละสายตาจากการอ่านเอกสารทางวิชาการก่อนจะหันไปยิ้มรับสาวร่างเล็กมาริโกะ
…ดูสาวญี่ปุ่นแต่งตัวก็เพลินตาดีแฮะ
เธอคิดอย่างรื่นรมย์ ตามองสาวน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า วันนี้เสื้อเกาะอกสีน้ำเงินเข้ม แต่ยังดีที่มีเสื้อคลุมโปร่งๆ ทับอยู่พอไม่ให้คนแก่หัวใจวายกับกางเกงขาสามส่วนสีฟ้าสด
“มีอะไรมาริโกะจัง”
“เมื่อเช้าเห็นนะ ชาจังนั่งซ้อนจักรยานมาร์คมาเหรอ” ไม่พูดเปล่า เพราะมีการค้อนส่งมาด้วย ชาคริยากะพริบตาปริบ ลืมไปว่าซามูไรตาฟ้าเป็นขวัญใจสาวๆ
“ก็จักรยานมันหาย”
“แล้วทำไมต้องซ้อนจักรยานมาร์คด้วยล่ะ”
นั่น…เสียงพูดยังไม่วายมีรอยงอน
“ก็พอดีตอนเช้าออกจากห้องมาแล้วก็เจอ…มาร์ค…เข้าพอดี เขาใจดีก็เลยให้ซ้อนจักรยานมาด้วย”
เธอพูดแบบลืมความจริงที่ว่าตัวเองเป็นฝ่ายมัดมือชกเจ้าของจักรยานต่างหาก หาได้เป็นเขาที่เสนอตัวไม่
“ชาจังไม่ได้ชอบมาร์คแน่นะ”
คราวนี้เธอหัวเราะดังกับคำถาม เพราะไม่เคยมีความคิดนั้นอยู่ในสมองในหัวใจเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ล่ะ ไม่ขอรับประทาน ผู้ชายอะไรตัวโตอย่างกับตึก”
“เท่จะตายตัวโตๆ ถ้าหากมีอะไรก็น่าจะปกป้องเราได้” มาริโกะพูดด้วยดวงตาเคลิ้มฝัน เธอกลั้นหัวเราะไม่อยากทำลายภาพเจ้าชายของหญิงสาว
…ก็ไม่แปลกที่สาวๆ จะเห็นนายซามูไรตาฟ้าเป็นเจ้าชาย…รูปลักษณ์มันให้ขนาดนั้น
“ไม่ล่ะ ไม่ต้องห่วงน่ามาริโกะ เราไม่ได้ชอบเขาหรอก ไม่อย่างแน่นอน”
เธอยืนยันหนักแน่นให้สาวน้อยเบาใจ คนฟังคลี่ยิ้มหวานสดใส เมื่อได้คำตอบที่พอใจแล้วร่างเล็กก็เดินจากไป
…นายซามูไรตาฟ้านั่นเสน่ห์แรงจริงแฮะ
ชาคริยาคิดอย่างอ่อนใจ ก่อนจะส่ายหน้าเลิกสนใจ แล้วก้มลงอ่านหนังสือที่ค้างอยู่ต่อ
ติดตามบทที่ 4-5 ได้แล้ววันนี้!
Comments
comments
No tags for this post.