X
    Categories: With Loveทดลองอ่านสุภาพบุรุษ สุดที่ร้าย

ทดลองอ่าน สุภาพบุรุษ สุดที่ร้าย บทที่ 4

หน้าที่แล้ว1 of 9

บทที่ 4 หนี

“เชิญครับ”

กวินผายมือเชิญหัวหน้าทีมฝ่ายขายประจำภาคกลางให้ลุกขึ้นรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทตามลำดับที่ไล่ลงมาจากเหนือ อีสาน จนมาถึงภาคกลาง สพลยิ้มรับก่อนจะลุกขึ้นด้วยความมั่นใจ พร้อมกางแฟ้มรายงานในมือเอ่ยอย่างฉะฉาน

“สวัสดีครับ ผมสพล ชนะมิตร ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมฝ่ายขายประจำภาคกลาง ขออนุญาตรายงานผลงานไตรมาสแรกของสาขาดังนี้”

ชายหนุ่มมองสพลด้วยท่าทีพิจารณาอยู่เงียบๆ สพลเป็นคนที่จัดว่าหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่แววตาบ่งบอกว่าน่าจะเป็นคนค่อนข้างเปิดเผย เพราะอาการที่มองทยาดาอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกนั่นทำให้กวินรู้สึกได้ถึงความปรารถนาของสพลที่น่าจะมีอยู่ไม่น้อย

ยังดีที่ทยาดาไม่มีอาการตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดๆ ซ้ำยังออกอาการรังเกียจจนเห็นชัดด้วย

“จากการที่ผมได้แนะนำและอบรมพนักงานฝ่ายขายของสาขาเป็นอย่างดี ส่งผลให้ลูกค้าภาคกลางของบริษัทมีจำนวนการสั่งซื้อในปริมาณที่มากขึ้นกว่าปีที่แล้วถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐที่มีการจัดประชุมภายในจังหวัดมาเลือกซื้อสินค้าสำหรับใช้ในการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ทางไกล รวมถึงบริการติดตั้งอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในห้องประชุมแบบครบวงจรกับทางเราด้วย”

กวินลอบมองอากัปกิริยาของทยาดาที่กำลังรับฟังด้วยความตั้งใจ แม้จะไม่มองหน้าคนพูด แต่เขาเห็นมือบางกำลังบันทึกผลการรายงานของแต่ละสาขาอย่างขะมักเขม้น เขาเลยคิดไม่ตกว่าเหตุใดผีตนนั้นถึงปรากฏตัวกับทั้งทยาดาและสพลพร้อมกัน เพราะเท่าที่ดูคงจะมีแค่สพลฝ่ายเดียวที่สนใจในตัวหญิงสาว

หรือทยาดาอาจจะเก็บอาการเพราะทำงานร่วมกัน ไม่อยากให้ใครรับรู้หรือเปล่า

สพลยังคงยืนอธิบายยอดขายเป็นนกแก้วนกขุนทอง และทุกครั้งที่รายงาน กวินก็รู้สึกได้ถึงความภูมิใจนำเสนอว่าทุกผลงานเกิดขึ้นจากการที่สพลเป็นผู้นำทุกเรื่องจนเขาชักเอียนในการอวยตัวเองจนเว่อร์เกินเหตุ

“ไหนลองอธิบายถึงแผนงานในไตรมาสสุดท้ายของปีให้ฟังหน่อยครับ” กวินแกล้งถาม เพราะเขาเป็นคนสั่งให้รายงานผลงานที่ผ่านมา แต่ไม่ได้บอกให้เตรียมตัวเพิ่มเติม ซึ่งติดนิสัยมาจากสมัยเรียนที่ต้องค้นคว้าล่วงหน้าเพื่อให้การเรียนราบรื่นและจบการศึกษาได้อย่างรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม

ชายหนุ่มสังเกตได้ถึงความนิ่งงันไปชั่วครู่ของสพล กวินยิ้มเย็นพร้อมกับที่ทยาดายอมเงยหน้าขึ้นมาดูปฏิกิริยาของสพลเช่นเดียวกัน และถ้าเขาไม่ได้ตาฝาด เห็นว่าหญิงสาวยกยิ้มมุมปากเย้ยหยันเสียด้วย

“ต้องขอประทานโทษที่ผมไม่ได้ติดแผนงานการทำงานในอนาคตมาร่วมประชุมในวันนี้ด้วย เพราะผลงานที่ผ่านมาภายใต้ความดูแลของผมมีปริมาณค่อนข้างเยอะที่จะนำขึ้นมารายงาน เลยเกรงว่าถ้านำแผนงานอนาคตมานำเสนอด้วยในวันนี้การประชุมอาจจะยืดเยื้อครับ”

แค่เวลาชั่วพริบตาสพลที่นิ่งไปก่อนหน้ากลับแก้สถานการณ์ได้ดีจนน่าทึ่ง ความไหลลื่นนั้นกวินเองยังต้องยอมรับว่าสพลแลดูน่าสนใจในไหวพริบที่รวดเร็ว ถือว่าสมแล้วที่ทำงานด้านนี้

ผิดกับทยาดาที่เบะปากเบือนหน้าหนีทันทีที่สพลตอบ

การรายงานผลประกอบการของสาขาภาคกลางจบลง ถึงคราวการรายงานผลประกอบการของสำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีทยาดาเป็นผู้นำอยู่ ทำให้กวินเผลอส่งยิ้มให้หญิงสาวที่กำลังลุกขึ้นรายงานโดยไม่รู้ตัว

วันนี้ทยาดามาในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวคลุมด้วยสูทลายทางตั้งสีกรมกับกางเกงสแล็กส์ขายาวเข้ารูปสีเดียวกัน อวดสะโพกผายและเรียวขายาวที่รับกับส่วนสูงทั้งตัว ซึ่งเขากล้าพูดได้เต็มปากว่าเธอเหมาะกับการแต่งตัวสไตล์นี้มาก

ผมสั้นดำขลับตัดกับสีลิปสติกเฉดแดงบนดวงหน้าขาวนวลนั้นทำให้ทยาดาน่ามองยิ่งขึ้น ดวงตาเรียวเล็กที่แต่งแต้มให้ดูโฉบเฉี่ยว พอรวมกับท่าทางการรายงานที่กระฉับกระเฉงด้วยแล้วกวินก็แทบจะละสายตาจากเธอไปไม่ได้ ขนาดทยาดาอ่านรายงานไปตั้งหลายหน้าแล้วเขายังมัวมองแต่ริมฝีปากอวบอิ่มที่ยังคงพูดไม่หยุดอยู่เลย

“ต้องการให้นำเสนอแผนงานในไตรมาสสุดท้ายของปีหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามท่ามกลางความตั้งใจฟังของผู้ประชุมทุกคนในห้อง

หญิงสาวรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่เริ่มรายงานจากการที่ได้เห็นสายตาคมเข้มของกวินมองเธออยู่แทบจะไม่กะพริบหรือเปลี่ยนองศาไปไหน จ้องเอาเป็นเอาตายอะไรขนาดนั้น เธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย

ทยาดารายงานไปพลางสำรวจความผิดปกติของตัวเองไปด้วย หลังจากที่รู้สึกว่ากวินชักจะมองกันนานไปแล้ว อีกทั้งแววตาที่ดูชื่นชมขนาดนั้นทำเอาเธอประหลาดใจ

“ต้องการไหมคะ” เธอเอ่ยถามอีกครั้งหลังจากเห็นเขานั่งเงียบไป

กวินเริ่มตื่นจากภวังค์ความคิดก็ตอนที่สบกับสายตาโฉบเฉี่ยวดูดุของเธอเข้าไป

“ครับ ถ้าเตรียมมาก็เริ่มเลย” เขาตอบพลางผายมือให้ทยาดาได้พูดต่อ

“เป้าหมายในไตรมาสสุดท้ายของปีสำหรับสำนักงานใหญ่จะไม่ใช่การเพิ่มยอดขาย แต่เป็นการดูแลและบริการลูกค้าหลังการขาย เพื่อคงสภาพการใช้บริการของลูกค้าไว้ให้นานที่สุดและเตรียมตัวนำเสนอเทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทนที่ผลิตภัณฑ์รุ่นเก่า” ทยาดานำเสนอไอเดียที่แปลกออกไป

“โดยเราจะหยุดอัพเดตผลิตภัณฑ์ตัวเก่าเพื่อปูทางให้ลูกค้าเปิดงบประมาณสำหรับการจัดซื้อครั้งใหม่ เพราะตอนนี้สินค้าที่จำหน่ายออกไปอยู่ในช่วงปลดระวางครบรอบสามและห้าปีตามลำดับ ซึ่งถ้ามีการจัดซื้อในหน่วยงานราชการ หากเราไม่เตรียมการไว้ก่อน การได้รับเงินจากลูกค้าก็จะล่าช้าไปอีก” เธอสาธยายระบบการทำงานของฝ่ายขายที่วางแผนเอาไว้อย่างเป็นขั้นตอน

“อีกอย่างปีนี้เป็นปีที่ผู้ผลิตต้นทางสร้างเทคโนโลยีตัวใหม่ขึ้นมาพอสมควร ดิฉันคิดว่าฝ่ายนำเข้าและฝ่ายบริการหลังการขายสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาเทคโนโลยีตัวใหม่เพื่อรองรับกับการใช้งานอุปกรณ์ที่เรามีค่ะ” เป็นอีกครั้งที่ทยาดาจบการรายงานอย่างสวยงาม ท่ามกลางการพยักหน้ายอมรับในแนวคิดของคนทั้งห้องประชุม

“เป็นความคิดที่ดีมากครับ ผมค่อนข้างประทับใจที่การประชุมครั้งแรกในการเข้าทำงานของผมมีพนักงานที่ใส่ใจการทำงานถึงขนาดนี้” กวินกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม “ผมเชื่อว่าถ้าทีมนี้ทำได้ ทุกๆ ทีมก็คงมีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน”

ถ้ามองไม่ผิดทยาดาเห็นเขาปรายตามองไปยังสพลที่แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังจับจ้องแต่เธอจนน่ารำคาญ ไม่ได้สนใจการประชุมตรงหน้าเลย เจอกันทีไรก็มีแต่เรื่องให้ขัดหูขัดตาเธอตลอด

ทยาดาเลือกก้มหน้าก้มตาจดบันทึกสิ่งสำคัญที่เป็นประโยชน์ให้ตัวเอง ตัดรำคาญสพลที่จ้องเหมือนเธอเป็นปลาสวยงามในตู้กระจกอยู่ตลอดเวลา อันที่จริงก็มีอีกคนมองมา แต่ก็น่ารำคาญน้อยกว่าสพลอยู่ดี

กวินพักเบรกการประชุมด้วยการปล่อยให้พนักงานออกไปยืดเส้นยืดสายก่อนจะกลับเข้ามาใหม่ เธอจึงรีบตรงไปยังมุมกาแฟทันที หลังจากที่นั่งฟังไปนานๆ ก็ชักจะเริ่มมีอาการง่วงนอนขึ้นมาครามครัน

“ชงให้เอาไหม ชอบอะไรล่ะ” น้ำเสียงคุ้นหูแต่ฟังดูน่าขยะแขยงดังขึ้นจากด้านหลังเธอราวกระซิบกระซาบอยู่ใกล้ๆ หญิงสาวรีบเบี่ยงตัวหนีทันทีที่รู้ว่าสพลเข้ามาประชิดตัวเธอเกินไปแล้ว

“ไม่ต้อง ทำเองเป็น ไม่ได้เป็นง่อย” ทยาดาหยิบแก้วของตัวเองหนี ตักกาแฟสองสามช้อนและรินน้ำใส่อย่างลวกๆ ก่อนจะรีบออกไปจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่ทันสพลที่คว้าทั้งมือทั้งแก้วกาแฟเธอเอาไว้ทัน

น้ำร้อนในแก้วกระฉอกจนแทบจะลวกมือ และเกือบหกรดมาบนเสื้อของเธอ โชคยังดีที่หลบได้

“ให้ดีๆ ไม่เล่นตัวก็ไม่ต้องเสี่ยงโดนน้ำร้อนลวกตั้งแต่แรกแล้ว” สพลเอ่ยอย่างขบขัน การกอดอกด้วยท่าทางยียวนกวนอารมณ์ทำให้ต่อมความอดทนของทยาดาทำงานบกพร่องไปทันที

“ถ้าเล่นด้วยก็ไม่ต่างอะไรกับปล่อยหมาขี้เรื้อนเลียปาก สกปรก!” หญิงสาววางแก้วอย่างกระแทกกระทั้น “แค่ข่าวลือสัปดนนั่นก็ขยะแขยงจะแย่อยู่แล้ว ไม่อยากเอาตัวลงไปเกลือกกลั้วอาจม ไปหาคนที่เขารับกากเดนได้เถอะ”

เป็นฝ่ายสพลที่หน้าตึงขึ้นบ้าง แต่ก็แปรเป็นยิ้มเย็นชาที่จับความรู้สึกไม่ได้ว่าเจ้าตัวคิดจะทำอะไร ก่อนที่เขาจะเดินไปพาดแขนไว้ที่ขอบประตูห้องพักเบรก เอนกายสบายๆ พลางเสยผมให้เข้าที่ อีกมือยกกระป๋องกาแฟสำเร็จรูปขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี

“อ๋อ มิน่าล่ะ ยังว่าข่าวลืออะไร”

ทยาดาอยากจะออกไปจากห้องพักเบรกให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ติดที่สพลยืนขวางไว้ เธอแสดงความรังเกียจที่จะอยู่ในบริเวณเดียวกันกับคนตรงหน้าเต็มที่ไม่มีปิดบัง

“ยังแปลกใจที่เข้ามามีแต่คนถาม ว่าแต่ไม่ดีเหรอ เป็นข่าวกับนายสพลมันไม่ง่ายนะ ไม่ได้เป็นกันได้ทุกคน เธอควรจะดีใจมากกว่าที่ได้เป็นข่าวกับฉัน” สพลพูดด้วยความมั่นใจ

“เฮอะ! ผู้ชายสำส่อนได้เมียทั่วราชอาณาจักรแบบนี้น่ะเหรอ มีอะไรน่าสรรเสริญ ให้นั่งลุ้นว่าเลือดบวกไม่บวกเหรอ อุบาทว์ยังว่าน้อยไปเลย” ทยาดาสบถ

กิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของสพล เธอเคยได้ยินผู้หวังดีรายหนึ่งบอกมา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเชื่อจนกระทั่งได้เจอตัวเป็นๆ แบบใกล้ชิดตอนที่เขาเข้ามาดูงานที่สำนักงานใหญ่ครั้งแรก แค่ใบหน้าเธอก็ไม่ถูกชะตา แต่ก็ยังไม่คิดว่าจะต้องมาเจอพฤติกรรมเจ้าชู้เรี่ยราด กวาดเบอร์โทรศัพท์สาวๆ ตั้งแต่ชั้นล่างยันชั้นบน เหลือก็แต่แม่บ้านอายุคราวแม่ประจำตึกก็แค่นั้น

เธอเกลียดคนไม่ซื่อสัตย์ นั่นคือคุณสมบัติที่สพลบกพร่องอย่างที่สุด

“ก็พูดกันเกินไป ถ้าบอกว่าฉันมีเมียทั่วราชอาณาจักร ก็คงขาดแต่สำนักงานใหญ่นี่แหละที่ไม่มี” สพลยิ้มกวน

“หลบไป” ทยาดาสั่ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีคนอื่นเข้ามาทานของเบรก สพลใช้จังหวะนี้ฉวยจับข้อมือหญิงสาวแล้วดึงเธอออกมาจนเกือบจะถึงตัวเขา แต่ทยาดาไหวตัวทันผลักคนตรงหน้าออกไปได้ก่อนที่เธอจะตกไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา ในขณะเดียวกันสพลก็เสียหลักหงายหลังลงไปกองกับพื้นห้อง

คนเข้ามาใหม่ที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกต่างรีบหยิบของว่างแล้วออกไปกันอย่างรวดเร็วด้วยความไม่อยากวุ่นวายด้วย

“รุนแรงจัง” สพลเปรย แม้ตัวจะเจ็บที่กระแทกลงไปแต่ก็ยังยิ้มได้ ซึ่งนั่นเป็นยิ้มที่กวนประสาทที่สุดในชีวิตทยาดา

“ฉันบอกให้หลบไป” ทยาดาสั่งอีกครั้ง ซึ่งสพลยอมหลบโดยดี

ทว่าสพลกลับคว้าข้อมือทยาดาเอาไว้ เป็นผลให้เธอล้มลงบนตัวเขาในท่านั่งทับตักกันบนพื้น ลำแขนแข็งแรงกว่าโอบกระชับร่างเพรียวเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย แม้ทยาดาจะดิ้นรนแค่ไหน

“เฮ้ย ไอ้ทอย!” เสียงร้องเรียกอย่างตกใจของนลินีดังมาแต่ไกลที่เห็นเพื่อนตนเองอยู่ในสภาพล่อแหลมเช่นนั้น

นลินีปรี่เข้ามาแยกทยาดาออก สพลที่อยู่ในอารามตกใจที่มีคนเห็นรีบปล่อยตัวหญิงสาวจนแทบผลัก แล้วลุกขึ้นมาจัดแจงเสื้อผ้าอย่างรีบร้อน ส่วนทยาดาปัดเนื้อตัวด้วยความขยะแขยง

“ก็เพราะเป็นคนทุเรศแบบนี้นี่แหละ ฉันถึงรังเกียจไอ้พวกสำส่อนอย่างแก” ทยาดาตวาดแหวจนนลินีต้องปรามให้เพื่อนสาวใจเย็นลง

ผิดกับสพลที่มองทยาดากำลังโมโหด้วยความพอใจ “โดนด่าวันนี้ก็ถือว่าคุ้มกับการได้กอด”

“ฉันถือว่าให้ทานหมามัน”

“ทอยใจเย็น นี่ข้างๆ ห้องประชุมนะ” นลินีปรามทยาดาที่พร้อมปะทะเต็มที่ โดยสพลก็ยังลอยหน้าลอยตายั่วโมโหอยู่

“แกก็เห็นที่มันทำนะหนิง” หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่น ต่อสู้กับความอดกลั้นไม่ให้ร่างตัวเองพุ่งไปจัดการกับสพลจนสาแก่ใจ

“นี่นายช่วยออกไปก่อนได้ไหม อย่ามารังควานเพื่อนฉันให้มากนักเลย ผู้หญิงมีตั้งเยอะแยะ ไปเลือกที่เขาเล่นด้วยเถอะ” นลินีเอ่ยไล่

“หึ ทำตัวเป็นเด็กในโฆษณาแม่หนูเกลียดผู้ชายไปได้ คิดจะเล่นตัวไปถึงเมื่อไหร่กัน เห็นมานักต่อนักแล้วหยิ่งๆ แบบเนี้ย”

“ไอ้สพล!” ทยาดาสบถแรงพลางสะบัดแขนนลินีออกแล้วกระโจนเข้าใส่สพลทันที แต่ติดที่ว่ามีคนเดินผ่านไป เธอเองเลยได้แต่ชะงักไว้ตรงนั้นด้วยความโมโหที่ไม่ได้ระบายออกมา หนำซ้ำสพลยังยิ้มเยาะอีกต่างหากที่เธอทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้

“ฉันไม่รู้ว่านายไปเจอคนง่ายๆ ที่ไหนมานะ แต่ขอให้รู้ไว้ว่าเพื่อนฉันไม่ใช่คนประเภทนั้น ครั้งที่แล้วก็รู้ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ยังจะมาตื๊อมันอีกทำไม” นลินีพูดไปพลางดึงทยาดาไปพลางไม่ให้พุ่งเข้าใส่อีก

“ทอย ฉันว่าเดี๋ยวแกเอาของว่างไปช่วยฉันเสิร์ฟ ส่วนนาย ฉันขอล่ะ” นลินีดันตัวทยาดาไปด้านหลัง แม้จะรู้ว่าตัวเองต้านไม่ค่อยอยู่ก็ตามในยามที่เพื่อนสาวคนนี้โมโหขั้นสุด “พอเสียที เพื่อนฉันจะทำงาน หยุดก่อกวนได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะรายงานเข้าไปในสาขานาย”

สพลหัวเราะหึในลำคอ สาวเท้าเข้ามาใกล้นลินีที่กางแขนปกป้องทยาดาเต็มที่ ก่อนจะโน้มตัวเข้าหาทยาดาแล้วกระซิบเบาๆ ข้างใบหู

“หยิ่งๆ แบบนี้ชอบจัง”

พูดจบก็เดินผิวปากออกไป ทิ้งให้นลินีต้องปรามทยาดายกใหญ่ มือบางกำหมัดแน่นพร้อมปะทะตลอดเวลา ดีที่ได้นลินีกอดพลางลูบหลังให้เธอปรับอารมณ์ลงเร็วๆ “หายใจเข้า นับหนึ่งถึงสิบ มันมาวันนี้วันเดียวก็ไปแล้ว”

ทยาดาหายใจเข้าลึกๆ นับหนึ่งถึงสิบครบตามที่นลินีบอกแล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจอย่างเชื่องช้า มือที่กำแน่นคลายตัว แล้วค่อยหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาชงจัดชุดพร้อมของว่างอย่างตั้งสติที่สุด

“ฉันอยากจะตามไปฆ่ามันจริงๆ” ทยาดาพูดลอดไรฟันด้วยความไม่พอใจที่ยังคั่งค้างอยู่

“เข้าใจ แต่ตอนนี้ต้องช่วยกันเอาของว่างไปเสิร์ฟก่อน คิดถึงงานเอาไว้เพื่อน” นลินีพูดไปช่วยจัดไป “ฉันล่ะอยากจะพาแกหนีไปให้ไกลๆ มันจังเลยเชียว ไอ้สพลนี่มันโรคจิตหรือไงนะ ชอบใครก็จะเอาให้ได้”

ทยาดาชะงักมือหลังจากนลินีพูดทันที ครั้งแรกที่เจอกันสพลเข้ามาประกาศต่อหน้าทุกคนหลังเลิกงานว่าจะตามจีบเธอ ครั้งที่สองหลังจากเธอรู้พฤติกรรมแย่ๆ ก็ยังจะมาตามตื๊อ จนครั้งที่สามที่เป็นเรื่องราวใหญ่โตลือกันไปสามช่วงถนนนั่น

แววตาของหญิงสาวแข็งกร้าวขึ้นอีกครั้ง เธอจะไม่ยอมให้มีครั้งที่สี่ และจะไม่หนีอีกต่อไป ในเมื่อเจอคนบ้า เธอก็จะบ้ากว่าให้รู้แล้วรู้รอดกันไปข้าง!

นลินีเดินถือของว่างนำทยาดาเข้าห้องประชุมไปก่อน บัดนี้เหล่ากรรมการระดับสูงยังนั่งประชุมกันอย่างจริงจัง ไม่ได้พักเฉกเช่นพนักงานอย่างพวกเธอ หญิงสาวเคยคิดอยากมีบริษัทเป็นของตัวเอง แต่พอมานั่งคิดแล้วว่าจะต้องมาดูแลบริหารคนเป็นร้อยเป็นพันก็คงปวดหัวไม่น้อย แค่บริหารเวลาตัวเองในแต่ละวันยังวุ่นวายเอาเรื่อง

มือบางวางจานขนมและกาแฟไล่เรียงไปทีละคน จนกระทั่งมาถึงกวิน เธอสบตาเขาเล็กน้อยแล้ววางจานขนมไว้ข้างๆ หลังจากที่เห็นชายหนุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวด วุ่นวายกับเอกสารการบันทึกจากเลขาฯ ส่วนตัวของคุณกมลภพ

เขาเอ่ยขอบคุณสั้นๆ ก่อนจะหยิบแก้วกาแฟโดยไม่ได้มองว่ามันไม่ถึงจนเธอต้องเลื่อนแก้วกาแฟให้

มือหนาแตะเข้าที่มือเธอพอดีจนตัวเขาเองชะงักและหยุดนิ่งไป ส่งผลให้ปากกาในมือร่วงผล็อย เขานั่งนิ่งเงียบ สีหน้าที่กลับมาเป็นปกติเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นครุ่นคิดจนคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอีกครั้งอย่างรวดเร็วจนเธอสงสัย

“คุณ” เธอกระตุกมือเบาๆ แต่กวินยังนิ่ง

“ปล่อยมือได้แล้ว คนอื่นเขามอง” ทยาดาเอ่ยเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน แต่สีหน้ากวินยังเคร่งเครียดราวกับไม่ได้ยินเสียงรอบข้างใดๆ หรือไม่ได้สนใจจะฟังเธอเลย

หญิงสาวมองอาการของเขาด้วยความประหลาดใจ ปกติที่เขาแกล้งทำเป็นจับมือ พูดแค่นิดหน่อยก็ปล่อย และยิ่งต่อหน้าผู้บริหารหลายคนแล้วเธอไม่คิดว่ากวินจะแค่ต้องการหยอกเอินเล่นๆ เป็นแน่

“สพลทำอะไรคุณ” กวินเอ่ยหลังจากที่ปล่อยมือ

ทยาดาตาลุกวาวทันทีที่เขาถามด้วยอารามตกใจ “คุณพูดอะไร”

ทยาดาทำเฉไฉ รีบเดินออกห่างเขาไปนั่งประจำที่ของตัวเองให้เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ภายในใจเต้นโครมครามจนมือเย็นเฉียบไปหมด

กวินมองตามเธอไม่คลาดสายตา และสักพักก็เสมองไปทางอื่น แต่สีหน้าเคร่งเครียดยังคงฉายชัดบนใบหน้าคมคายนั้น เธอสังเกตว่าหลังจากสพลเข้ามาในห้องประชุมแล้วกวินยิ่งคิ้วขมวดมากกว่าเดิม และคอยจับตามองสพลอยู่ตลอดแทนที่จะมองแต่เธอเหมือนก่อนหน้า

และถ้าไม่ได้คิดไปเอง กวินคอยซักถามสพลอย่างเอาเป็นเอาตายตลอดการประชุมจนสพลไปแทบไม่รอดในหลายๆ ที แต่สพลก็คือสพล เอาตัวรอดเป็นเลิศ ไหลเก่งยิ่งกว่าปลาไหล จนเธอต้องยอมแพ้ในความปลิ้นปล้อนนั้น

“ก่อนจบการประชุมในวันนี้ผมอยากจะแจ้งการปรับเปลี่ยนการทำงานของพนักงานบางท่านเพื่อรองรับการทำงานในการเข้ารับตำแหน่งของผม” กวินกล่าว ทำให้ทุกคนต่างหันมองสบตากันด้วยความสงสัยใคร่รู้

“แกว่าปรับขึ้นหรือปรับลงวะทอย” นลินีเอนตัวมากระซิบกระซาบข้างๆ ซึ่งเธอก็ทำได้แค่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“จากการแสดงศักยภาพของพนักงานทุกท่านในวันนี้ ทุกคนต่างมีความสามารถ และตำแหน่งที่ขาดในวันนี้ก็ต้องใช้ความสามารถในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นการยากหากจะรับบุคลากรเข้ามาใหม่เพื่อดำเนินงานในตำแหน่งนี้ ในฐานะที่ตำแหน่งเลขานุการกรรมการต้องการบุคลากรที่เหมาะสม จึงได้ลงความเห็นว่า…”

ชายหนุ่มเงียบไปอึดใจ ทำเอาแต่ละคนลุ้นตาม ยิ่งได้ยินคำว่าตำแหน่งเลขานุการที่หมายความว่าขั้นเงินเดือนต้องถูกปรับขึ้นอย่างแน่นอนทำให้หลายคนต่างตาลุกวาว จากตอนแรกที่ยังหวั่นใจกลัวจะเป็นข่าวร้ายกันเสียยกใหญ่

“ขอแต่งตั้งคุณทยาดา พิธีบริรักษ์ขึ้นมาทำงานในตำแหน่งเลขานุการเพื่อช่วยเหลือในการทำงานของผม”

“ฮะ!”

หูฝาด หูฝาดแน่ๆ

หญิงสาวมองไปรอบตัว เห็นทุกคนต่างปรบมือแสดงความยินดีให้ สมองของเธอก็พลันประมวลผลอย่างหนักหน่วงขึ้นมาทันที เธอเป็นพนักงานขาย ไม่เคยทำงานเลขานุการ มีอิสระในการทำงานมาตลอด จู่ๆ ก็โดนแต่งตั้งขึ้นมาทำงานนี้

เขาเล่นตลกอะไรอีกแล้ว

หญิงสาวหุบปากฉับหลังเผลออุทานเสียงดัง ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนรับตำแหน่งด้วยความงุนงง ดวงตาเรียวเล็กมองไปยังกวินที่ตอนนี้เขากลับปรบมือดังเกินหน้าเกินตากว่าใครในห้องนี้ด้วยความคาดโทษ แต่ก็ต้องอ่อนลงเพราะเขามีศักดิ์เป็นถึงเจ้านายคนใหม่ ไม่ใช่ไอ้โรคจิตคนเดิม

“คือดิฉันไม่เคยทำงานด้านนี้ เกรงว่า…” หญิงสาวพูดถ่อมตัวด้วยความไม่อยากทำงานในตำแหน่งนี้

“คุณมีศักยภาพที่สุดเท่าที่ลงมติกันแล้วครับคุณทยาดา”

ยังพูดไม่จบเลยโว้ย ทยาดาหน้าเจื่อน ทั้งที่เธอกำลังจะปฏิเสธอย่างนุ่มนวลที่สุด แต่เขากลับพูดดักคอขึ้นมาเสียอย่างนั้น มือบางอยากจะทึ้งผมตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดกลางห้องประชุม

อิสระหลังพบลูกค้า เวลาแวบหลังเลิกงานเร็ว ทำไมต้องมาจบลงแบบนี้ด้วยลูกเอ๊ย

“ฉันไม่มีทักษะทางด้านการเป็นเลขานุการจริงๆ นะคะ รบกวนช่วยพิจารณาใหม่เถอะค่ะ” เธอแทบจะยกมือไหว้กราบกรานอ้อนวอนให้เขาเปลี่ยนใจ ขออิสระคืนให้อิฉันเถิดค่ะ ได้โปรด

“มีปัญหาเรื่องไหนนอกเหนือจากการไม่มีทักษะด้านนี้อีกไหมครับ” กวินถาม แล้วก็ถามอะไรให้เธอตอบไม่ได้เสียด้วย

ใครมันจะไปบอกล่ะว่าอยากทำตำแหน่งเดิมเพราะพบลูกค้าเสร็จก็แวบกลับบ้านได้ โอกาสแบบนี้สบายจะตาย

“มะ…ไม่มีค่ะ” เธอตอบอึกอัก

นลินีกระทุ้งสีข้างเธอ ยกมือเชียร์ให้ตกลง ท่าทางอยากให้รับตำแหน่งนี้มากเสียจนเธออยากยกตำแหน่งให้เพื่อนสาวทำแทนไปเลย

“ถ้าจะบอกว่าไม่มีทักษะ ผมคิดว่าศักยภาพของคุณทำได้มากกว่าการเป็นเลขานุการด้วยซ้ำ นอกเสียจากว่ามีเหตุผลอื่น” กรรมการหนุ่มไฟแรงอย่างกวินเลิกคิ้วขึ้น ส่งสายตาเหมือนคนรู้ทันจนทยาดาร้อนๆ หนาวๆ

“ในเรื่องของฐานเงินเดือน ปรับขึ้นตามตำแหน่งที่ได้รับแน่นอน ดังนั้นไม่ต้องกังวลนะครับ บริษัทเราประเมินฐานเงินเดือนตามความสามารถของพนักงานอย่างเป็นธรรมที่สุดแล้ว” กวินยิ้มกว้าง เชิญเธอนั่งลงแบบไม่ขอความเห็นใดๆ อีก

“ผมขอปิดการประชุมในวันนี้เลยแล้วกัน ขอบคุณและยินดีที่ได้ร่วมงานกับทุกคน ขอให้มีความสุขกับการทำงานร่วมกันนะครับ” เขาเอ่ยขอบคุณ ก่อนที่พนักงานหลายๆ คนจะเริ่มโค้งให้และทยอยลุกออกไปทำธุระของตนเองต่อ

ทยาดายังคงนั่งอยู่กับที่ มือที่จรดปากกาเขียนบันทึกยังคาเอาไว้ด้วยความคิดที่หนักอึ้ง ทำให้ไม่สามารถเขียนอะไรต่อได้ จนกระทั่งนลินีเขย่าร่างให้เธอรู้สึกตัวถึงได้เริ่มเก็บข้าวของออกไปบ้าง

“แกไปก่อนเลยหนิง ฉันว่าฉันมีบางอย่างต้องเคลียร์” หญิงสาวพูด แต่สายตากลับจับจ้องไปในทางที่กรรมการบริษัทคนใหม่เดินออกไปสลับกับมองมือตัวเองเป็นระยะ นลินีได้แต่ตบบ่าเพื่อนอย่างเห็นใจและเข้าใจ ปล่อยให้เพื่อนสาวได้ ‘เคลียร์’ อย่างที่ตั้งใจไว้

 

กวินเข้ามาเก็บของในห้องทำงานของตัวเอง เตรียมตัวกลับตามบิดาที่ล่วงหน้าออกไปได้สักพักแล้ว แต่ระหว่างเก็บของเขากลับนึกแต่ภาพที่ผุดขึ้นมาหลังจากแตะมือของทยาดาเมื่อช่วงบ่าย แขนของสพลกอดรัดหญิงสาวเอาไว้แน่นจนดิ้นไปไหนแทบไม่ได้ และตัวทยาดาเองก็ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้มากกว่าการดิ้นไปดิ้นมาบนตักของสพล

นั่นทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเอามากๆ แบบไม่มีเหตุผล ดูก็รู้ว่าทยาดาพยายามขัดขืนแค่ไหน แต่ร่างแบบบางเพรียวลมแบบนั้นหรือจะสู้สพลได้ ทว่าถ้าลองให้ทยาดายืนได้ถนัด คงใช้ขายาวๆ ฟาดก้านคอนายคนนั้นด้วยส้นสูง นั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดว่าเธอน่าจะถนัดกว่าด้วยรูปร่างราวนางแบบนั่น

และสักพักภาพก็ดันเปลี่ยนเป็นสพลกอดรัดทยาดาจากด้านหลัง ราวกับว่าเธอไร้สติในการประคองตัวเองอยู่ในดงพุ่มไม้ที่ไหนสักแห่งในเวลากลางคืน เขาแทบจะหลุดสบถออกมาด้วยถ้อยคำหยาบคายต่อหน้าที่ประชุมไปแล้วด้วยซ้ำถ้าไม่ได้ยินเสียงของทยาดาเรียกสติเอาไว้เสียก่อน มือหนาเผลอโยนแฟ้มอย่างไม่ตั้งใจเมื่อนึกถึงอาการดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตายและอาการนิ่งราวคนไร้ความรู้สึกของทยาดา เพียงแค่นั้นก็น่าจะบ่งบอกได้แล้วว่าหญิงสาวรู้สึกอย่างไรกับนายสพลคนนั้น นั่นยิ่งทำให้เขาสงสัยมากขึ้นไปอีกว่าทั้งสองมีเรื่องเกี่ยวข้องหรือบาดหมางอะไรกัน

เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น เขาจึงเอื้อมไปกดกริ่งให้ไฟแสดงที่หน้าห้องว่าเข้าพบได้ เพียงเท่านั้นประตูก็ถูกเปิดด้วยความแรงในระดับที่น่าจะหลุดติดมือออกมา พร้อมกับร่างของทยาดาที่ก้าวเข้ามาด้วยสีหน้ามึนตึง

“ขอโทษนะคะที่เสียมารยาท” ร่างเพรียวพ่นลมหายใจหอบเหนื่อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเสียงเข้ม

ชายหนุ่มที่กำลังเก็บของอยู่ต้องวางทุกอย่างในมือแล้วหันมาหาผู้มาเยือนด้วยความยินดี แต่พอเห็นแววตาดุและใบหน้าเนียนใสขึ้นสีแดงเรื่อแล้วก็ต้องหุบยิ้มลงเพราะรับรู้ถึงแรงอาฆาตเล็กๆ ที่ฉายชัดออกมา

“คุณแต่งตั้งฉันมาเป็นเลขาฯ ไม่ได้นะคุณกวิน” ทยาดาเปิดเรื่อง

ก็นึกว่าอะไร เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้

“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ ผู้บริหารทุกคนลงมติว่าคุณเป็นคนที่มีศักยภาพที่สุดนะ”

“แต่ก็ควรจะถามความสมัครใจไม่ใช่การบังคับกัน ทำไมคุณชอบบังคับนู่นนี่นัก บังคับให้ฉันเชื่อคุณ บังคับให้ฉันทำงานกับคุณ ต่อไปจะมีอะไรอีกล่ะ” หญิงสาวบ่นแทบลืมหายใจ ด้วยความเชิดรั้นนั้นทำให้ในสายตาของกวินตอนนี้ทยาดาก็เป็นแค่เด็กงอแงยามไม่ได้ดั่งใจคนหนึ่ง

“ผมเห็นว่าคุณเจอแต่เรื่องไม่ดีเลยเลื่อนตำแหน่งมาเป็นเลขาฯ ถ้าคุณไม่อยู่ใกล้ผม ผมจะรู้ได้ไงว่าผีที่ตามคุณอยู่ต้องการอะไร” ชายหนุ่มเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ด้วยความสบายใจ ปล่อยให้ทยาดายืนหงุดหงิดหน้าบอกบุญไม่รับอยู่กับที่

“แต่ฉันไม่เคยทำงานเลขาฯ และที่เจอเรื่องไม่ดีนั่นก็เพราะคุณพูดขึ้นมาเองทั้งนั้น ชีวิตปกติฉันดีอยู่แล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกไปเลยสักนิด”

“ไม่เคยก็ลองสิ เพราะผมก็ไม่เคยจ้างเซลส์ให้มาเป็นเลขาฯ เหมือนกัน ก็แปลกดีนี่นา ชีวิตคุณจะได้มีสีสัน ทำงานในตำแหน่งเดิมๆ ไม่เบื่อบ้างเหรอ”

กวินพูดตามความจริง แต่ดูท่าทยาดาจะหัวเสียไม่ใช่น้อย เพราะเจ้าหล่อนก้าวฉับๆ เข้ามาตรงหน้าโต๊ะทำงานแล้วยื่นคำขาดกับเขา “ฉันไม่รับตำแหน่งเลขาฯ”

“ผมให้เงินเดือนได้เท่าที่คุณจะขอ” กวินเสนอ ทว่าหญิงสาวกลับแค่นหัวเราะออกมาแทน

“ถ้าฉันขอเงินเดือนสิบล้านคุณจะให้หรือเปล่าล่ะ”

กวินนิ่งอึ้งไปกับจำนวนเงิน แม้จะรู้ว่าทยาดาพูดไปเพราะความอยากเอาชนะ แต่เขาก็ตกลง “ได้! ไม่มีปัญหาอะไรสำหรับผม”

กวินตอบรับข้อเสนอ ยิ่งทำให้ทยาดาหัวเสียหนักขึ้นไปอีก

“แต่เป็นค่าสินสอดแทนแล้วกันนะถ้าจะขอขนาดนั้น”

เขาตอบยียวน ยิ่งเห็นอาการหงุดหงิดงุ่นง่านของทยาดาแล้วยิ่งทำให้รู้สึกอยากปั่นหัวสาวเพอร์เฟ็กต์ตัวแม่ประจำบริษัทคนนี้ให้มากขึ้นไปอีก สนุกดี

“ไม่ต้องกังวลไป ผมไม่ใช่เจ้านายงี่เง่า ไม่ใช้งานหนักหรอก” กวินหยอก

“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นค่ะ” ทยาดาค้าน

กรรมการบริษัทคนใหม่วางมือหนาเท้าโต๊ะ ปรับสีหน้าให้เคร่งขรึมอีกนิดหนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวมาจ้องหญิงสาวให้ถนัดขึ้นพลางเอ่ยอย่างจับผิด “คุณกลัวผม?”

“ถ้าคุณไม่ใช่เจ้านาย ฉันอยากจะบอกว่าคุณมันกวนประสาท” ทยาดาว่า ในขณะที่เขาเผลอทำปากคว่ำตาโตใส่ราวประหลาดใจ ประหลาดที่คนตรงหน้าเพิ่งรู้ว่าเขากวนประสาทนี่แหละ

“ก็เหมือนพูดมาแล้วล่ะนะ” ชายหนุ่มอมยิ้ม “รับเถอะ อยากให้รับ แต่ไม่รับก็ไม่เป็นไร ฝ่ายบุคคลดำเนินการไปแล้วล่ะมั้งตอนนี้”

คำตอบของเขาทำให้ทยาดาได้แต่ถอนหายใจ

“ฉันไม่สะดวกที่จะติดสอยห้อยตามคุณไปทุกที่ เพราะฉะนั้นฉันขาดคุณสมบัติของการเป็นเลขาฯ แล้วล่ะหนึ่ง” เธอชูนิ้วขึ้นมาเพื่อร่ายความไม่ตรงคุณสมบัติของตนเองกับตำแหน่ง

“สอง ฉันเสียมารยาทกับคุณ คุณคงไม่อยากทำงานร่วมกันแน่ๆ และสาม ถ้าฉันเป็นเลขาฯ ให้คุณ แล้วใครจะมาทำงานแทนฉัน การเป็นหัวหน้าทีมขายมันไม่ง่ายที่จะจับใครมาเป็นก็ได้นะคะคุณกวิน”

หญิงสาวลงน้ำหนักให้กับการเรียกชื่อของเขาด้วยความขุ่นเคือง ทยาดาหาข้ออ้างมาปฏิเสธให้มากที่สุดเท่าที่เธอนึกได้ ซึ่งทั้งหมดมันก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของเขาแต่อย่างใด

“เป็นเซลส์อิสระกว่าเป็นเลขาฯ ใช่ไหมล่ะ”

เขาพูดเสียตรงจุด เล่นเอาทยาดานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ดวงตาดุดันโฉบเฉี่ยวมีร่องรอยสั่นระริกอยู่ภายใน ยิ่งทำให้เขายิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ชัวร์ อาการออกขนาดนี้

“ค่ะ” ทยาดายอมรับเสียงอ่อนลง รวมไปถึงท่าทางขึงขังก็ลดลงไปด้วย

“ผมก็ไม่เคยมีเลขาฯ กับเขาหรอกนะ แต่เท่าที่รู้ ผมไม่เคยใช้งานใครหนักหรือทำตัวเป็นภาระเพราะมีคนคอยรับใช้ คุณไม่ต้องห่วงแล้วเตรียมปรับตัวกับตำแหน่งงานใหม่เถอะ เพราะนั่นไม่ใช่แค่คุณที่ต้องปรับตัว ผมเองก็ต้องปรับเช่นกัน”

กวินพูดอย่างเป็นทางการ ที่พูดไปก็เรื่องจริงทั้งหมด คนเคยทำงานเป็นเจ้าของร้านอาหารในต่างประเทศจู่ๆ จะให้มาเป็นผู้บริหารบริษัทที่สายงานไม่ได้ใกล้เคียงในสิ่งที่เคยทำสักนิด เขาก็แปลกที่แปลกทางเช่นกัน

“ทุกคนที่ลงมติให้คุณขึ้นมาทำตำแหน่งนี้ต่างไว้ใจในความสามารถของคุณ”

ชายหนุ่มลงท้ายไว้เช่นนั้นพลางหนีบกระเป๋าเอกสารเดินเลี่ยงทางที่เธอยืนเพื่อไปเก็บของต่อ ให้ทยาดาไปคิดต่อเอาเองว่าควรทำอะไรเป็นลำดับถัดไป แต่ที่แน่ๆ ต่อจากนี้เธอจะหนีเขาไม่ได้อีกต่อไป อย่างน้อยก็จนกว่าเขาจะล่วงรู้ว่าเธอกำลังมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และถ้าเขาไขปัญหาให้ได้ เวลานั้นเธออยากหนีเขาไปไหนก็ได้ตามแต่ใจเธอเลือกเลย

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน ตุลาคม 64)

หน้าที่แล้ว1 of 9

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: