บทนำ
โคกเสือเผ่น คืออำเภอเล็กๆ ที่ ‘เขา’ มาเป็นหมอใช้ทุนร่วมปีกว่าแล้ว
เธอไม่ชอบเขาตั้งแต่แรกเห็นเพราะความขี้เก๊ก น่าหมั่นไส้ แต่ ‘เงิน’ ทำให้เราต้องมาเกี่ยวข้องกันจนได้
‘ขายยังไง’
เขาถามหน้าตายตอนเจอเธอที่อู่ซ่อมรถของพ่อ นัยน์ตาคมกริบสีดำจัดหลังแว่นกรอบบางจับจ้องเธอไม่วางตา แม้เธอจะอายุแค่สิบเก้าปี แต่ใครจะรู้ รสนิยมทางเพศของผู้ชายบางคนอาจจะชอบ ‘กินเด็ก’ ก็ได้
‘พูดให้มันดีๆ นะลุง’
‘เธอนั่นแหละพูดให้ดีๆ ฉันไม่ได้แก่ขนาดเป็นลุง’
เขาส่งเสียงดุพลางดันแว่นขึ้นกระชับใบหน้าด้วยท่าทีของผู้ทรงภูมิ
‘แล้วจู่ๆ หมอปาลถามว่าขายยังไงกับผู้หญิง จะให้เอ๋ยคิดเป็นอื่นได้ยังไงล่ะ’
ชายหนุ่มเลิกคิ้วละม้ายเพิ่งนึกได้ว่าตนเองประหยัดถ้อยคำเกินไป
‘เห็นพยาบาลบอกว่าเธอรับทำปิ่นโตส่งโรง’บาลด้วย’
เขาชูใบปลิวโฆษณาเซ็ตปิ่นโตดีลิเวอรี่ในมือ
‘อ๋อ เอ๋ยรับ แต่คิวแน่นมาก’
หญิงสาวคุยโว ไม่ใช่ว่าโรงพยาบาลโคกเสือเผ่นไม่มีร้านอาหาร แต่รสชาติอาหารแสนอร่อยของอิศยาดังกระฉ่อนไปทั่วอำเภอโคกเสือเผ่น ทำให้บุคลากรในโรงพยาบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ในที่ว่าการอำเภอล้วนติดอกติดใจ ยอมควักเงินผูกปิ่นโตรายเดือนกับเธอหลายสิบราย
‘ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร’
หญิงสาวผู้เห็นเงินเป็นศาสดารีบคว้าแขนหมับ
‘เดี๋ยวเอ๋ยแทรกคิวให้’
แพทย์หนุ่มเลิกคิ้ว นัยน์ตาคมกริบมีประกายขบขันในทำนองว่าเขา ‘รู้ทัน’ เธอ
แต่อิศยาแสร้งตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เห็นแก่เงินหรอกจึงยอมลงให้ เธอชอบเงิน ชอบกรีดแบงก์เหมือนพนักงานธนาคารเวลานับแบงก์ที่เคาน์เตอร์ ชอบมองตัวเลขในบัญชีธนาคารวิ่งขึ้นทุกเดือน มันอุ่นใจดี
‘เห็นว่าหมอปาลช่วยคนตกทุกข์ได้ยากหรอกนะ เนี่ยเอ๋ยมีเวตติ้งลิสต์ตั้งหลายคน แต่เอ๋ยแทรกคิวให้หมอปาลเป็นพิเศษเลยนะ’
หญิงสาวแสร้งพูดเป็นบุญเป็นคุณ และหลังจากเขาเข้ามาเป็นสมาชิก ‘ปิ่นโต’ ได้สองเดือน เธอก็อยากทึ้งผมตัวเองนัก เพราะหมอปาลมีกระดาษสอดกลับมาในปิ่นโตให้เธอทุกวัน
‘ทำไมไข่ดาวเกรียม บอกแล้วไงว่าเอาแบบไม่สุก…หมูผัดซีอิ๊วแข็งไป…ฉันไม่ชอบไก่ติดกระดูก…ทำไมผสมมันหมูในแฮ่กึ๊นเยอะขนาดนั้น…ผัดฉ่าอะไรน้ำมันลอยฟ่องขนาดนั้น’
และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายจนอิศยาหมั่นไส้ อยากฟาดเขาด้วยเงินค่าผูกปิ่นโตนักเชียว เจอแบบนี้ทางใครทางมันดีกว่า
‘เดือนหน้าเอ๋ยต้องแคนเซิลปิ่นโตของหมอปาลแล้วนะ คิวเต็ม!’
‘ฉันมาก่อน คิวจะเต็มได้ยังไง’
‘ก็เอ๋ยทำไม่ทัน เอ๋ยทำไหวแค่สี่สิบคิว ของหมอปาลคิวที่สี่สิบเอ็ด เต็มพอดี’
หมอปาลยกมือกอดอก ก้มหน้ามองหญิงสาวนิ่งๆ ดวงตาสีดำจัดหลังกรอบแว่นสีเงินเปล่งประกายวิบวับราวกับมีสายฟ้าฟาดฟันกันอยู่ในนั้น ครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ยเสียงเรียบ
‘เธอเรียนจบมัธยมปลายแล้ว ทำไมไม่เรียนต่อ’
‘มันชีวิตเอ๋ยไหมคะหมอ’
หมอหนุ่มวางสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนกับคำตอบในเชิงต่อว่านัก
‘ฉันหวังดี!’
‘เอ๋ยหัวขี้เลื่อย เรียนไปก็เปลืองเงิน เสียเวลาด้วย เอ๋ยทำปิ่นโตขายแล้วก็ช่วยพ่อดูแลอู่ดีกว่า’
‘เธอควรคิดถึงอนาคตตัวเองบ้าง เธอยังเด็กนะ’
‘ก็เอ๋ยสะดวกแบบนี้นี่คะ’
อิศยาคือหญิงสาวผู้มีจิตวิญญาณแห่งผู้ประกอบการ เธอชอบค้าขาย ไม่ได้อยากเรียนต่อเพื่อไปเป็นลูกจ้างใครสักหน่อย
แต่หมอปาลคงไม่เข้าใจจึงมองเธอด้วยสายตาตำหนิก่อนเดินจากไป หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเกือบสามเดือน
กระทั่งคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เขาลงจากรถจักรยานยนต์ของลุงภารโรงแล้ววิ่งเข้ามาในอู่ซ่อมรถของพ่อซึ่งเป็นอาคารกึ่งปูนกึ่งไม้ขนาดสองห้องริมถนนสองเลน
เนื้อตัวของเขาเปียกโชก เส้นผมดกดำลีบแบน หมดสภาพหมอหนุ่มสุดหล่อแห่งโคกเสือเผ่น
‘รถเสร็จไหมครับลุงถม’
‘ยังเลย เข้ามากินข้าวกินปลาก่อนสิหมอปาล เอ๋ยไปเอาจานมาเพิ่มหน่อยลูก’
อิศยาลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารอย่างว่าง่าย พอเธอเดินกลับมาหมอปาลก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเธอแล้ว แววตาคมกริบยามมองลอดแว่นออกมานั้นชวนให้เธอรู้สึกวูบวาบแปลกๆ
‘กับข้าวง่ายๆ หมอคงทานได้ใช่ไหมคะ’
อิศยาพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเขาจากการวิพากษ์วิจารณ์เธอทางสายตา มาหยุดที่อาหารบนโต๊ะ ผัดเผ็ดกบ ผักต้มเคียงน้ำพริกแมงดา และทอดมันปลากรายคืออาหารบนโต๊ะวันนี้
ทุกอย่างสดใหม่และส่งกลิ่นหอมฉุย หมอหนุ่มซึ่งเพิ่งเสร็จงานที่โรงพยาบาลและยังไม่มีอะไรรองท้องจึงพยักหน้า
‘หรือจะให้เจ้าเอ๋ยทำอะไรเพิ่มไหม บอกได้นะหมอ’
‘ผมทานได้ครับลุงถม’
ได้หรือไม่ได้เขาก็เติมข้าวสองจาน โดยมีเธอกับพ่อนั่งมองตาปริบๆ
‘คงจะหิวมากล่ะสิหมอ เมื่อกลางวันไม่ได้ทานเหรอ’
‘ผมยุ่งน่ะครับ อาหารที่โรง’บาลก็ไม่ค่อยอร่อย ผมเลยไม่ค่อยทานกลางวัน’
เขาพูดพลางเหลือบมองคนต้นเหตุ แต่เรื่องอะไรจะยอมรับ เธอจึงลอยหน้าลอยตาเสมองทางอื่นแทน
‘ช่วงนี้ทำอะไรบ้าง’
หมอปาลเปรยขึ้นเมื่ออาสามาช่วยเธอล้างจาน
เธอไม่ชอบนัยน์ตาดุๆ ที่หมอปาลมองมาเหมือนครูฝ่ายปกครองกำลังประเมินว่านักเรียนตัดผมผิดระเบียบหรือเปล่า
‘ก็ทำโน่นทำนี่ค่ะ’
‘แล้วทำโน่นทำนี่น่ะทำอะไร’
อิศยาช้อนตามองคนตัวโตละม้ายจะถามว่าต้องการอะไรกันแน่ แล้วเขาก็ไม่ให้เธอรอคำตอบนาน
‘แล้วเมื่อไรจะเรียนต่อ’
อิศยาเบะปากด้วยความระอา เจอหน้าทีไรหมอปาลก็ชอบถามเรื่องนี้
‘เมื่อไรก็เมื่อนั้นแหละค่ะหมอ’
‘อย่ามากวน นี่ถามดีๆ’
‘ก็เอ๋ยไม่ได้อยากเรียนต่อนี่คะ เอ๋ยชอบทำงาน ชอบหาเงินเยอะๆ สนุกดี’
‘งานอะไร’
‘ก็ทำปิ่นโตขายแล้วก็ช่วยพ่อดูแลอู่ไงคะ’
เขาเช็ดจานพลางถอนหายใจ
‘มันไม่มั่นคง อะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอนะเอ๋ย เธอควรเรียนต่อได้แล้ว ยิ่งนานวันจะยิ่งขี้เกียจ’
เธอขี้เกียจที่ไหนกัน ตื่นตั้งแต่ไก่โห่ไปตลาดซื้อวัตถุดิบมาปรุงอาหาร ช่วงสายไปไปรษณีย์ เที่ยงก็ขับกระบะไปส่งปิ่นโตที่โรงพยาบาล แล้วค่อยกลับบ้าน ไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆ เสียหน่อย
เดี๋ยวนี้เธอมีลูกค้าเกือบหกสิบรายจนต้องจ้างเด็กข้างบ้านให้มาช่วยเตรียมอาหารและแพ็กของส่งไปรษณีย์ด้วยซ้ำ
‘เอ๋ยพูดไปหมอปาลก็ไม่เข้าใจหรอก’
เธอเช็ดมือกับกางเกงสี่ส่วนพลางเดินกลับไปหาบิดาที่หน้าบ้าน หมอปาลยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในครัวครู่หนึ่งก่อนเดินตามมาสมทบ
‘รถพอขับได้ไหมครับลุงถม ไม่ถึงกับต้องเพอร์เฟ็กต์ก็ได้ครับ แค่พอขับไปถึงโรง’บาลได้ก็พอครับ’
‘ยังขับไม่ได้หรอกหมอ อะไหล่ยังไม่มาส่งเลย ขนส่งมันบอกจะมาวันนี้ก็เลื่อน ผมก็ลืมโทรบอกหมอด้วย เลยเสียเวลากันหมด’
‘ถ้างั้นผมขอยืมรถมอ’ไซค์ลุงถมสักสองสามชั่วโมงได้ไหมครับ มีเคสด่วนที่โรง’บาล เสร็จแล้วเดี๋ยวผมขี่รถกลับมาส่ง’
สายฝนเทกระหน่ำลงมาอาบถนนสายเล็ก ทำให้ชายผิวคล้ามแดดหันมามองด้วยสีหน้ากังวล
‘ฝนตกหนักแบบนี้ขี่รถเครื่องอันตรายออกหมอ เดี๋ยวผมขับกระบะไปส่งหมอแล้วกัน’
ทว่าอิศยากลับมองพายุฝนที่พัดหวีดหวิวด้วยหัวใจวูบโหวง สังหรณ์ประหลาดตีกระหน่ำในหัวใจจนเธอไม่สบายใจ
‘อย่าออกไปเลยพ่อ ให้หมอปาลยืมรถกระบะแทนแล้วกันนะพ่อ’
‘นั่นน่ะสิครับ ผมขับไปเองดีกว่า พอฝนหยุดตกผมค่อยขับมาคืน’
‘ไม่ได้หรอก ฝนตกหนักแบบนี้หมอไม่ชำนาญทาง’
ปาลเหลือบมองสีหน้ากังวลของอิศยาก็ยิ่งรู้สึกผิด
‘อย่าเลยครับลุงถม ผมอยู่โคกเสือเผ่นมาปีกว่าแล้ว รู้จักถนนหนทางดี ผมขอยืมรถไปแทนดีกว่า ลุงถมจะได้ไม่เสียเวลาขับไปขับกลับ ไว้พรุ่งนี้ผมขับกระบะมาคืน แล้วถอยเจ้ากระป๋องของผมกลับไปแทนดีกว่าครับ’
‘รถกระบะมันเกียร์กระปุก หมอขับแต่เกียร์ออโต้ ไม่ชินมือหรอก เกิดรถดับกลางสี่แยกล่ะแย่เลย’
‘แต่ผมว่า…’
‘เถอะน่าหมอ ผมขับไปขับกลับแป๊บเดียว เอาตามนี้แหละ’
‘งั้นเอ๋ยไปด้วย’
‘เสียเวลาไปกลับทำไมล่ะเจ้าเอ๋ย ไหนเอ๋ยบอกพ่อว่าวันนี้ยุ่งไม่ใช่เหรอลูก’
อิศยาเม้มปากอย่างขัดใจ ออเดอร์รอแพ็กส่งอีกเพียบก็จริง แต่อีกใจก็อดห่วงบิดาไม่ได้
‘พ่อไปแป๊บเดียวก็กลับมาแล้ว เอ๋ยล็อกบ้านให้ดีนะลูก’
เธอตวัดมองคนตัวใหญ่ที่มาก่อความวุ่นวายให้พ่อด้วยสีหน้าฉุนกึก แต่เมื่อเลี่ยงไม่ได้จึงพยักหน้า ปล่อยให้พ่อขับรถไปส่งหมอปาล
แต่หารู้ไม่ว่าคืนนั้นพ่อจะไม่ได้กลับมาหาเธออีก!
ติดตามบทที่ 1-3 ได้แล้ววันนี้!
Comments
comments
No tags for this post.