X
    Categories: LOVEทดลองอ่านเพลิงธุลี

ทดลองอ่าน เพลิงธุลี บทที่ 4

หน้าที่แล้ว1 of 5

บทที่ 4

สารินกลับมาบ้านของรานีในวันรุ่งขึ้นเพราะแม่เลี้ยงต้องการพบหน้า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายอยากโยนความผิดทั้งหลายในงานแต่งของมุกตาร์ไว้ที่เธอคนเดียว

“สะใจแกรึยังนังสาริน!”

เรื่องอะไรจะยอมรับง่ายๆ คนพวกนี้ยังไม่เคยยอมรับความผิดของตนเองเลย แล้วเหตุใดเธอถึงต้องยอม

“คุณแม่พูดเรื่องอะไรคะ สารินไม่เข้าใจ คุณแม่ใช้ให้สารินเฝ้าร้าน แล้วสารินจะล่มงานแต่งได้ยังไงคะ”

“ตัวแกไม่อยู่ แกก็เลยใช้ผัวเก่าพายายมุกตาร์หนีงานแต่งล่ะสิ”

“สารินเพิ่งออกจากคุกได้ไม่ทันไร จะมีปัญญาบังคับใครได้ล่ะคะคุณแม่ ทั้งเนื้อทั้งตัวสารินไม่มีเงินสักเวฬเดียว แล้วผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่สามีของสาริน แต่เป็นสามีของพี่มุกตาร์ คุณแม่น่าจะรู้ดีเพราะคุณแม่เป็นคนไล่เขาออกจากร้านนี่คะ”

“หัวหมอนัก จับไม่ได้คาหนังคาเขาคงไม่ยอมรับสินะ”

“สารินไม่รู้เรื่องจริงๆ ค่ะคุณแม่”

ทว่ารานีไม่เคยปรานีลูกเลี้ยงคนนี้มาแต่ไหนแต่ไรเลยฟาดไม่ยั้ง อรุณจึงถือโอกาสเข้ามาห้ามศึกและเอาตัวเข้ามาป้องในลักษณะกอดสารินไว้

“อย่าตีเด็กมันเลยน่า สารินไม่ได้อยู่ในงานสักหน่อย จริงไหมลูก”

ไอ้แก่จัญไร!

สารินเบี่ยงตัวหนี บิดแขนมันตามที่อดีตเพื่อนร่วมคุกเคยสอนจนมันร้องโอย รีบปล่อยเธอแทบไม่ทัน

“อย่าแตะสารินอีก ถ้าไม่อยากตาย!”

“นึกว่าอยากแตะนักรึไงวะ”

รานีแค่นหัวเราะใส่สามีอย่างดูแคลน ก่อนสะบัดหน้าไปทางลูกเลี้ยง “ออกจากคุกได้ไม่กี่วันก็มีแต่เรื่อง แกนี่มันตัวซวยจริงๆ”

“เธอจัดการมันแล้วกัน เธอเป็นแม่นี่” อรุณขึ้นเสียง ทำทีฮึดฮัดจะเดินออกจากบ้าน

“แล้วนี่คุณจะไปไหน”

“นัดเพื่อนไว้”

“นัดเพื่อนหรือว่าหลอกเด็กไปฟันอีก”

อรุณถลึงตาใส่ภรรยาผู้มองทางไหนก็ชวนห่อเหี่ยวใจ “เธอเห็นฉันเป็นคนยังไง คอยหาเรื่องตลอด”

“แล้วฉันพูดผิดตรงไหน ฉันหมดเงินไปตั้งเท่าไรกว่าพ่อแม่ของเด็กพวกนั้นจะยอมปิดปาก ถ้าไม่มีฉันป่านนี้คุณติดคุกหัวโตไปนานแล้ว”

“อ่อ นี่คิดจะทวงบุญคุณงั้นล่ะสิ”

“แล้วทำไมฉันจะพูดไม่ได้ ฉันจะพูดจนกว่าคุณจะเลิกทำตัวน่าสะอิดสะเอียนแบบนี้”

“ถ้าเบื่อนักก็เลิกไปสิวะ จะทนทำไม”

“อย่ามาท้าฉันนะ ที่มีกินมีใช้อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะเงินฉัน ลำพังเงินเดือนครูใหญ่จะไปพอยาไส้ที่ไหน”

“เออ เธอมันดีเลิศประเสริฐอยู่คนเดียว คนอื่นน่ะผิดหมด ลูกมันถึงทนไม่ได้ ต้องหนีตามผู้ชายไปไงเล่า”

“เพราะลูกเห็นสันดานเลวทรามของคุณต่างหาก มันถึงทนไม่ได้”

ทั้งสองทุ่มเถียงกันอย่างรุนแรง ต่างคนต่างขุดปมด้อยของอีกฝ่ายออกมาแผ่หลา โดยมีสารินยืนฟังอย่างชอบใจ แน่นอนว่าผู้ชนะครั้งนี้คือคนกุมเงิน อรุณหุนหันออกจากบ้าน ส่วนรานีก็หายเข้าห้องพระตามเคย

ทว่าเพียงครู่เดียวสารินก็ได้ยินเสียงรานีกรีดร้องลั่นบ้าน ก่อนผลุนผลันลงมาลากสารินขึ้นไปข้างบน

“แกเอาเงินฉันไปไหนหมดนังสาริน” รานีชี้มือไปที่ก้นหีบซึ่งบัดนี้มีเศษเถ้ากระดาษกองหนึ่งเท่านั้น

“คุณแม่เก็บเงินไว้ในนี้เหรอคะ”

“อย่ามาทำไขสือ ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร”

“สารินไม่ทราบจริงๆ ค่ะว่าคุณแม่เก็บเงินไว้ในห้องพระ แล้วยิ่งไม่รู้ใหญ่ว่าซ่อนไว้ตรงนี้ คุณแม่ห้ามสารินเข้ามาในห้องนี้แล้วก็ถือกุญแจไว้คนเดียว สารินจะเข้ามาได้ยังไงล่ะคะ”

รานีนิ่งไปครู่หนึ่งคล้ายจำนนด้วยเหตุผล

“คุณแม่เปิดหีบครั้งสุดท้ายเมื่อไรคะ”

“เดือนที่แล้ว”

“สารินหายไปตั้งหลายปี กว่าจะกลับมาก็ไม่กี่วันนี้เอง สารินจะรู้ช่องทางและหาทางขโมยเงินของคุณแม่ได้ยังไงล่ะคะ ทำไมไม่ลองถามพี่มุกตาร์หรือคุณพ่อดูล่ะคะ”

“พวกมันอยู่ให้ฉันถามที่ไหนล่ะ” รานีสะบัดเสียง เหลือบมองกล้องวงจรปิดที่ใช้งานมาเนิ่นนาน ก่อนจะโทรเรียกคนงานให้ขึ้นมาตรวจเช็กกล้องวงจรปิดย้อนหลัง แต่ก็พบว่าวิดีโอดังกล่าวไม่มีการบันทึกมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว

“เป็นไปได้ยังไง ไฟแดงที่กล้องยังขึ้นอยู่เลย”

“หรือว่าจะมีคนแอบลบคะคุณแม่”

“หรือว่าเป็นแก”

“สารินลบเป็นเสียที่ไหนล่ะคะคุณแม่ แล้วสารินก็เพิ่งกลับมาจะรู้ได้ยังไงว่ามีอะไรในกล้องวงจรปิดเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว อีกอย่างสารินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในห้องพระมีกล้องวงจรปิดนะคะคุณแม่”

ทว่าความจริงคือเธอแอบลบไฟล์ในกล้องวงจรปิดเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อเพิ่มผู้ต้องสงสัยต่างหาก

“คุณแม่ลองค้นห้องทำงานคุณพ่อกับห้องพี่มุกตาร์สิคะ บางทีอาจพบอะไรก็ได้”

“ฉันค้นแน่ แต่ฉันจะค้นห้องแกก่อน”

รานีลากสารินลงมาที่ห้องพลางสั่งให้คนงานค้นห้องเก็บของที่สารินใช้ซุกหัวนอน แต่ค้นเท่าไรก็ไม่มีเงินหรือทองโผล่ออกมาสักก้อน

“ถ้าไม่ใช่แก แล้วเงินจะหายไปไหนได้”

จะอยู่ได้อย่างไรในเมื่อเธอแอบผ่องถ่ายทั้งเงินและทองคำทั้งหมดออกไปจากบ้านตั้งแต่รานีสั่งให้ไปเฝ้าร้านอาหารแล้ว เธอนำเงินและทองพวกนั้นฝากไว้กับเพื่อนสนิท บางส่วนก็นำไปซ่อนไว้ในห้องเช่าที่ตนเช่าไว้

“คุณแม่ก็รู้ว่าพี่มุกตาร์เป็นคนฉลาด คงไม่ยอมหนีไปทั้งที่ไม่มีเงินติดตัวหรอกค่ะ”

สีหน้าของรานีเข้มขึ้นด้วยความคับแค้นใจ ลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวกลับตกเป็นผู้ต้องสงสัยขโมยเงิน จึงลากสารินขึ้นไปค้นห้องลูกสาวเพื่อพิสูจน์ความจริง

“ไม่เห็นจะมี เห็นไหมล่ะว่าลูกสาวฉันไม่ใช่ขี้ขโมยเหมือนแกหรอก”

“พี่มุกตาร์จะเก็บเงินไว้ในห้องทำไมล่ะคะ ในเมื่อพี่มุกตาร์หนีไปแล้ว คุณแม่ไม่ลองค้นห้องทำงานของคุณพ่อล่ะคะ อาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ก็ได้”

“แกจะใส่ร้ายอะไรเขาอีก”

“สารินแค่สันนิษฐานค่ะ ทั้งพี่มุกตาร์และคุณพ่อต่างมีเหตุผลให้ขโมยเงินของคุณแม่ทั้งนั้น คุณแม่ก็รู้ดีว่าแต่ไหนแต่ไรคุณพ่อก็แอบหยิบเงินคุณแม่ไปใช้อยู่แล้ว บางทีคุณพ่ออาจจะมีปัญหากับ…เอ่อ…เด็กของคุณพ่อ ก็เลยจำเป็นต้องใช้เงิน…สารินไม่ได้จะใส่ร้ายนะคะ แต่สารินเห็นคุณพ่อจงใจหาเรื่องคุณแม่ แล้วก็รีบร้อนออกไปข้างนอก มันดูมีพิรุธค่ะ”

เป็นธรรมดาของคนเราเมื่อเริ่มระแวงแล้ว ต่อให้เป็นคนดีแค่ไหนก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้ แล้วคนเลวอย่างอรุณมีหรือจะรอดพ้น

“ค้นห้องทำงานของอรุณซิ” รานีนำคนงานบุกค้นห้องทำงานของสามีแทบจะทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่พบเงินทองที่ว่าแม้แต่ชิ้นเดียว “ไหนแกว่าอรุณเป็นขี้ขโมยไง ไหนล่ะหลักฐาน”

“สารินแค่พูดตามเนื้อผ้า แล้วอีกอย่างคุณแม่ยังไม่ได้ค้นอีกตั้งหลายจุดนะคะ”

“ตรงไหนอีก” รานีกวาดตาไปทั่วห้องก็ไม่พบจุดที่ตนไม่ได้สั่งให้ชายฉกรรจ์ค้น แต่สารินกลับเป็นฝ่ายคุกเข่าและแทรกตัวเข้าไปใต้โต๊ะทำงาน ก่อนดึงก้อนทองที่แปะสก็อตเทปอยู่ใต้ฐานเก๊ะออกมาส่งให้รานี

“ใช่ทองของคุณแม่รึเปล่าคะ”

“แกรู้ได้ยังไงว่ามีทองซ่อนตรงนี้ หรือว่าแกจงใจใส่ร้ายเขา”

“ถ้าคุณแม่ไม่ลำเอียงจนเกินไปคุณแม่ก็น่าจะมองออกนะคะว่าสารินไม่ได้ใส่ร้าย สารินมีเพื่อนในคุกเป็นโจรย่องเบาค่ะ เขาเล่าให้ฟังว่าพวกเศรษฐีชอบซ่อนเงินไว้ใต้โต๊ะทำงาน สารินก็เลยลองก้มไปดูถึงรู้ว่าคุณพ่อก็ทำแบบนี้เหมือนกัน คุณแม่ลงไปดูสิคะ มีทองตั้งหลายก้อน แล้วก็ไม่ได้มีแค่ทองนะคะ มีซองสีน้ำตาลด้วยค่ะ”

คราวนี้รานีถึงกับเต้นผาง สั่งให้คนล้มโต๊ะก็ปรากฏทองคำห้าก้อนกับซองจดหมายสีน้ำตาล จังหวะกำลังจะควานมือหยิบของด้านใน รานีก็โบกมือไล่คนงานทั้งหมดออกไป สารินยอมเดินตามออกมาอย่างว่าง่ายเพราะรู้แล้วว่าข้างในเป็นอะไร ในเมื่อเธอเป็นคนแอบนำของเหล่านี้เข้าไปแปะไว้ใต้โต๊ะของพ่อเลี้ยงเอง

เพียงชั่วอึดใจเสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังลั่นออกมาจากด้านใน ในซองคือภาพร่วมเพศระหว่างโสเภณีเด็กจากกล้องวงจรปิดที่นักสืบของมีร่าแอบตั้งกล้องไว้เพราะอรุณมักใช้บริการโรงแรมเล็กๆ ที่เดิมเป็นประจำ นักสืบจึงแอบยัดเงินแม่บ้านของโรงแรมเพื่อแอบเข้าไปตั้งกล้องถ่ายไว้ โดยเบลอหน้าเด็กสาวเหล่านั้น แต่เน้นใบหน้าของอรุณชัดเจน ทว่าเหตุที่แม่เลี้ยงกรีดร้องลั่นขนาดนี้ก็เพราะเด็กขายบริการบางคนเป็นเด็กผู้ชายน่ะสิ

สารินเชื่อว่าไม่มีเมียที่ไหนทนใช้สามีร่วมกับผู้ชายอื่นได้ ยิ่งแต่ละท่วงท่าของอรุณเข้าข่ายวิตถาร คนหน้าใหญ่ใจเล็กเท่ามดอย่างรานีไม่มีวันใจเย็นได้อีกต่อไปแน่!

 

อรุณกลับถึงบ้านในช่วงหัวค่ำ แต่เพียงไม่นานเขาก็รีบร้อนออกไปข้างนอกอย่างหัวเสียอีกครั้งหลังจากทุ่มเถียงกับรานีอย่างรุนแรงเกี่ยวกับเงินทองและความสัมพันธ์วิตถารเหล่านั้น

‘ไร้สาระทั้งเพ นังสารินมันใส่ร้ายฉันล่ะสิ ฉันจะขโมยเงินเธอไปทำไมในเมื่อขอจากเธอก็ได้ เรื่องรูปนั่นดูก็รู้ว่าตัดต่อชัดๆ เธอถูกนังสารินหลอกแล้ว’

‘ถึงฉันจะไม่ชอบขี้หน้ามัน แต่ฉันก็ไม่ได้โง่จนดูไม่ออกว่าคนในรูปคือแก ฉันอยู่กินกับแกมาสามสิบปี รสนิยมของแกเป็นยังไงทำไมฉันจะไม่รู้ แต่ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าแม้แต่เด็กผู้ชาย แกก็ไม่เลือก…ทุเรศ!’

‘ก็บอกว่าไม่ใช่ไงวะ’

‘จนป่านนี้แล้วยังจะโกหก แกเอาเงินเอาทองทั้งหมดของฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน บอกมานะ!’

‘ก็บอกแล้วว่าไม่รู้เรื่องไงวะ เซ้าซี้อยู่นั่นแหละ’

แม้ลอบฟังจากชั้นล่างสารินก็ได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งลงไม้ลงมือระหว่างสองผัวเมียด้านบนชัดเจน ครู่หนึ่งอรุณก็กระแทกเท้าลงมาชั้นล่างและรีบร้อนออกไป โดยมีรานีวิ่งร้องไห้ตามลงมา คะเนจากรอยปูดบวมบนใบหน้าแล้วสารินคิดว่าอรุณคงหัวเสียมากจริงๆ

“เอาเงินกูคืนมา!” รานีคว้ากุญแจรถอีกคัน ก่อนเร่งร้อนออกจากบ้านไป

ด้วยรู้นิสัยแม่เลี้ยงดีว่าเป็นคนขี้ระแวง โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ รานีไม่มีวันยอมปล่อยไปง่ายๆ สารินจึงโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทที่คอยท่าอยู่ก่อนแล้ว

“อรุณออกไปแล้ว แม่เลี้ยงฉันตามไปติดๆ คนพวกนั้นมากันรึยัง”

“เห็นอยู่คนสองคน”

“แกแน่ใจใช่ไหมปารีว่าพวกที่เหลือจะมาแน่”

“แน่สิ พอได้ยินว่าไอ้เฒ่ากำลังเพลี่ยงพล้ำ ถ้าแกเป็นเด็กสาวพวกนั้นจะไม่หาโอกาสแก้แค้นรึยังไง”

การล้างแค้นมันหอมหวานเพียงใดสารินรู้รสชาติดี แล้วเด็กพวกนั้นจะไม่อยากลิ้มลองรสชาตินี้บ้างหรือ

“หนูอยู่ไหนจ๊ะ ออกมาหาครูเร็ว!”

น้ำเสียงกรุ้มกริ่มชวนให้คนที่กำลังแอบฟังอยู่ตามหลืบมุมอาคารเก่าของโรงเรียนที่กำลังปิดซ่อมแซมรู้สึกคลื่นเหียน แต่ละคนกำอาวุธกระชับมือพร้อมจะฟาดฟันประหัตประหารไอ้เฒ่าจัญไรให้แหลกคามือ

“ไหนหนูบอกว่าหนูคิดถึงครูยังไงล่ะคะ คิดถึงก็ออกมาหาครูสิจ๊ะ”

อรุณย่างเท้าลงบนพื้นปูนแตกระแหงของอาคารร้างซึ่งเคยเป็นที่เสพสมกับเหล่านักเรียนสาวใสซื่อเพื่อแลกกับการไม่ถูกไล่ออกเพราะคะแนนต่ำกว่ามาตรฐาน เขาจึงไม่แปลกใจนักที่นักเรียนสาวคนนั้นจะนัดเขาอีกครั้งในค่ำคืนนี้ เพราะเคยร่วมเสพสังวาสที่นี่มาแล้วหลายครั้งแต่เขาชอบครั้งแรกของเธอที่สุด

‘อย่าทำแบบนี้กับหนู’ เด็กสาวคนนั้นร้องไห้ราวกับจะเป็นจะตาย

‘จะกลัวอะไรล่ะจ๊ะ ครูไม่ทำให้หนูเจ็บหรอกนะ ครูจะทำให้หนูถึงสวรรค์ต่างหาก’

‘ไม่!!! อย่าทำหนู!!!’

เด็กสาวกรีดร้องลั่น ดิ้นพล่านใต้ร่างของเขา กว่าจะหลอกล่อให้ยอมเดินตามมาที่ตึกร้างหลังโรงเรียนไม่ใช่เรื่องง่าย เรื่องอะไรอรุณจะปล่อยเนื้อชิ้นงามหลุดปากไปง่ายๆ

ในบรรดาเด็กสาวที่ผ่านมือมาอรุณหลงเด็กคนนี้ที่สุด เพราะเธอหอมหวานไปทั้งเนื้อทั้งตัว และข้อสำคัญเขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ ดังนั้นพอเด็กโทรมาออดอ้อนว่าคิดถึง แรงพิศวาสที่ยังไม่มอดดับจึงลุกโชนขึ้นอีกครั้ง

ตอนแรกเด็กสาวให้เขามารับที่ป้ายรถเมล์แถวบ้านของเธอ เขารออยู่เกือบชั่วโมงเธอก็ยังไม่มา โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย แต่หลังจากนั้นเธอก็โทรมาออดอ้อนอีกครั้งบอกว่าให้ไปเจอที่รังรักเลย อรุณก็แทบอดใจไม่ไหว รีบผลุนผลันตามมา

“ครูขา หนูอยู่นี่ค่ะ” เสียงหวานใสดังมาจากซอกใต้บันไดที่เขาเคยร่วมรักกับนักเรียนสาวมาแล้วหลายคน อรุณยิ้มกริ่ม สาวเท้าตามเสียงร้องหวานใสไปอย่างตื่นเต้น “เร็วๆ สิคะ หนูร้อนไปทั้งตัวแล้วนะคะ”

“มาแล้วจ้ะ ครูมาแล้ว”

อรุณก้าวเข้ามาภายในตึกร้างที่มีเศษใบไม้ใบหญ้ากระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น แปลกที่วันนี้เขารู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องมองมา เขาหยุดเหลียวมองอย่างระแวง แต่เพราะได้ยินเสียงเด็กสาวผู้นั้นร้องหาอีกครั้งจึงผลักความสงสัยทิ้งไป ปล่อยให้ตัณหาราคะฉุดรั้งเขาไปยังจุดหมายแทน

“ปล่อยให้รอตั้งนาน หนูโกรธแล้วนะคะครู”

คงเพราะราคะบดบังความจริงทั้งปวง อรุณจึงไม่ทันเอะใจว่าน้ำเสียงอ่อนหวานวันนี้ยั่วยวนผิดหู จึงสาวเท้าไปหาอย่างรวดเร็ว

“อย่าเพิ่งโกรธสิจ๊ะ เดี๋ยวครูให้หนูลงโทษตามใจชอบเลยดีไหมจ๊ะ”

“จริงเหรอคะครู หนูชอบแรงๆ ครูจะไหวเหรอคะ”

“ถึงเช้าก็ไหวจ้ะ” อรุณหยอกกลับพลางก้าวมาถึงมุมอับใต้บันได ร่างที่เคยเห็นเป็นเงา บัดนี้เผยโฉมว่าไม่ใช่เด็กสาววัยใส แต่เป็นหญิงสาวสวมวิกผมทอง ใบหน้ากร้านโลกหน้าตาขี้เหร่คนหนึ่ง

“มึงเป็นใครวะ!” อรุณตวาดลั่น

“ก็ยมบาลส่งมึงลงนรกน่ะสิ!”

ยังไม่ทันที่อรุณจะถอยทัน ไม้หน้าสามก็ฟาดเข้าที่ท้ายทอยจนล้มลงไปกองกับพื้น จากนั้นเงาดำมืดก็โผล่เข้ามากระหน่ำตีเขาจากทุกทิศทุกทาง คะเนจากรูปร่างที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าฮิญาบสีดำแล้วน่าจะเป็นผู้หญิง

“ปล่อยครูเถอะ ครูผิดไปแล้ว อย่าทำอะไรครูเลย”

“แล้วตอนที่กูขอร้อง มึงเคยปล่อยกูไหม”

เสียงโกรธเกรี้ยวดังขึ้นก่อนที่เจ้าของคำพูดจะฟาดไม้ลงมากระแทกถูกของสงวนกลางหว่างขา ทำให้อรุณร้องลั่น

“มึงทำร้ายกูไม่พอ มึงยังถ่ายวิดีโอแบล็กเมล์กู มึงฆ่ากูทั้งเป็น ไอ้ชาติชั่ว!”

เสียงหญิงสาวอีกคนตะโกนก้องก่อนกระหน่ำตีในจุดเดียวกันอีกครั้งจนอรุณร้าวระบม ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก จากนั้นคนอื่นก็รุมกระหน่ำตีในจุดเดียวกันซ้ำไปซ้ำมาก่อนที่อรุณจะสิ้นสติไปในที่สุด

“มันตายรึเปล่า” หนึ่งในเหยื่อของอรุณถามขึ้น

“ตายเสียได้ก็ดี ปล่อยไว้ก็รกโลก” เสียงหนึ่งดังขึ้นในกลุ่มของหญิงสาวที่สวมผ้าคลุมสีดำปิดหน้าตาและรูปร่าง เสียงเด็กสาวอีกคนจึงแทรกถามขึ้นอย่างขลาดกลัว

“แล้ว…แล้ว…ถ้าตำรวจจับได้ล่ะ”

“พวกเราในที่นี้ไม่บอก แล้วใครจะรู้”

เจ้าของเสียงหวานเปรยขึ้น กระตุ้นให้เหล่าเด็กสาวพยักหน้าเห็นด้วย ปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียดว่าจะจัดการกับศพของมันอย่างไรดี ในที่สุดก็ตัดสินใจจับมันแก้ผ้า คล้องเชือกไว้ที่คอก่อนหย่อนร่างเย็นชืดลงมาจากราวบันไดให้มันเป็นผีเฝ้าใต้บันได วนเวียนอยู่ในที่ที่มันเคยพรากความบริสุทธิ์ของเด็กสาวมานับครั้งไม่ถ้วน

ท่ามกลางความเงียบงันเด็กสาวทั้งหลายต่างยืนมองศพของชายสารเลวที่เคยพรากความบริสุทธิ์สดใสไปจากวัยแรกรุ่นของตนด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ความรู้สึกที่มีเหมือนกันแน่นอนคือความโล่งใจ ความอึดอัดคับแค้นใจที่ต้องทนมองมันเสวยสุขบนความทุกข์ของตนก็จบสิ้นเสียทีในวันนี้

แต่แล้วเสียงกรอบแกรบของใบไม้แห้งที่พื้นก็ทำให้เหล่าเด็กสาวสะบัดหน้าพรึบ หันขวับไปมองเป็นตาเดียว หลายคนในชุดคลุมดำเริ่มลนลาน

“มีคนมาเหรอ”

“มีคนเห็นพวกเรารึเปล่า”

“ทำไงดี ถ้ามันเอาไปแจ้งตำรวจล่ะ”

“ถึงมีมันก็เล็ดลอดออกไปบอกใครไม่ได้ แยกย้ายกันค้นหา” เจ้าของเสียงหวานเปรยเสียงเข้ม แล้วกลุ่มเด็กสาวก็กระจายกำลังออกค้นหาจนพบ ‘สิ่งแปลกปลอม’ ที่แฝงตัวอยู่ในที่นี้

“เมียครูใหญ่ เศรษฐินีหน้าเลือดที่เอาเงินปิดปากตำรวจ” เด็กสาวคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น

“ปละ…ปล่อยฉันไปเถอะจ้ะ ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”

รานียกมือขึ้นพนมไหว้ปลกๆ ด้วยความตื่นกลัว ตอนแรกนางคิดจะมาตามจับชู้ของอรุณคาหนังคาเขา แต่ใครจะคิดว่าไอ้แก่จะถูกจับฆ่าอย่างอนาถ แล้วเธอก็อาจจะซวยเป็นเหยื่อรายถัดไป

“ปล่อยไม่ได้นะ มันต้องเห็นแน่ๆ ไม่งั้นมันจะรีบหนีเหรอ” เด็กสาวอีกคนร้องห้าม

“แล้วจะทำยังไงกันดี”

“ปล่อยไม่ได้ มันเป็นเมียของไอ้แก่ มันเอาเงินฟาดหัวตำรวจ มันรู้เห็นเป็นใจให้ไอ้นั่นข่มขืนพวกเรา”

“ไม่ๆ ฉันไม่รู้เรื่องเลย!” รานีรีบปฏิเสธลั่น ทว่าเหยื่อทั้งหมดต่างพากันขุดความเลวของอรุณและรานีขึ้นมาประจานอย่างโกรธแค้น

“อยู่ไปก็รกโลก”

“ใช่! แจ้งความจับแป๊บเดียวมันก็ลอยหน้าลอยตาออกมาแล้ว กฎหมายเอาผิดคนรวยได้เสียที่ไหน”

“ไม่จ้ะไม่ ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย ปล่อยฉันไปเถอะ!”

แต่ ‘เหยื่อ’ ที่เคยถูกย่ำยีทั้งร่างกายและจิตใจ เคยตกนรกทั้งเป็นมาหลายปี มีหรือจะยอมปล่อยให้ผู้สมรู้ร่วมคิดหนีรอดและกลับมาลากพวกเธอเข้าคุกได้

“จัดการมันเสียอีกคน คนตายยังไงก็พูดไม่ได้”

“ไม่นะ! ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ จะโทษก็โทษไอ้อรุณสิ มันทำร้ายพวกหนู ฉันไม่เกี่ยว!”

“แต่แกใช้เงินปิดปากตำรวจ”

“ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ”

“แกมีทางเลือก แต่แกเลือกรักษาครอบครัวตัวเอง แล้วครอบครัวของพวกหนูล่ะ รู้ไหมว่ามันพินาศย่อยยับแค่ไหน” หนึ่งในเด็กสาวคนนั้นเงื้อมือฟาดรานีจนหน้าหัน

คนที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่เคยถูกใครทุบตีทำร้ายมาก่อนถึงกับควันออกหู ตวาดแว้ดทันที

“ก็เสือกโง่ให้มันหลอกเอง มึงจะโทษใครวะ!”

ถึงรานีจะรีบยกมือขึ้นปิดปากตนเองแต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะหลายเสียงที่ตอนแรกยังลังเลไม่อยากทำร้ายรานีกลับเอนเอียงไปทาง ‘ตัดบัวอย่าเหลือใย’ แทน

จากนั้นไม่นานเสียงกรีดร้องโหยหวนของรานีก็ดังลั่นอาคารร้าง ไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วย มีแต่จะผลักให้รานีได้ตามไปปรนนิบัติสามีในนรกเร็วขึ้น

หลังจากเด็กสาวทั้งหลายต่างแยกย้ายกลับคนละทิศละทางโดยเว้นจังหวะห่างกันคนละห้านาทีเพื่อไม่ให้รู้ว่าใครเป็นใคร เหลือเพียงเจ้าของเรือนร่างเย้ายวนที่ยืนเผชิญหน้ากับเจ้าของน้ำเสียงหวาน

“พอใจไหม!”

เจ้าของเสียงหวานปลดผ้าคลุมสีดำออกจากใบหน้าเผยให้เห็นดวงหน้าหวานของสาริน

ตอนแรกเธอขอให้เหยื่อสาวผู้นั้นถ่วงเวลาอรุณไว้ เพื่อเธอจะได้มาถึงอาคารร้างก่อน เธอพบเหยื่อสาวหลายคนในผ้าคลุมสีดำปิดบังรูปร่างหน้าตา เหลือเพียงดวงตาที่เต็มไปด้วยความคั่งแค้นโผล่พ้นออกมาจากผ้าคลุมใบหน้า

สารินแค้นไอ้อรุณแต่ไม่คาดคิดว่าแม่เลี้ยงจะลงเอยเช่นนี้ เธอเงยหน้ามองร่างไร้ลมหายใจของรานีจากชั้นสองด้วยสีหน้าสับสน

“ฉันไม่ได้อยากให้รานีตาย”

มีร่าปลดวิกสีทอง ฟันหน้าม้า และไฝปลอมออกจากใบหน้าซึ่งตั้งใจปลอมเป็นคนขี้เหร่

“แต่แกก็ไม่ได้หวังให้แม่เลี้ยงแกมีความสุขอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

สารินอยากให้รานีทุกข์จึงจงใจให้รานีมาเห็นอรุณถูกซ้อมจนไปก่อเวรก่อกรรมกับเด็กสาวคนไหนไม่ได้อีก แต่อารมณ์แค้นที่อัดแน่นในตัวเด็กสาวเหล่านั้นผลักดันจนนำมาสู่โศกนาฏกรรมที่เธอเองก็หยุดไม่อยู่

 

(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 7 ส.ค. 62)

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

Jamsai Editor: