บทที่ 3
การปรากฏตัวของชีอิ้งทำให้การต่อสู้ชุลมุนครั้งนี้ถูกบังคับให้ขาดตอนกลางคัน
เหล่าเด็กเกเรถือคำพูดติดปากว่า ‘ไม่ทำร้ายผู้หญิง’ มาตลอด เมื่อเห็นการบาดเจ็บโดยอุบัติเหตุก็หยุดมืออย่างมึนงง
เวลานี้หยางซินหย่วนค่อยตามมาถึง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งยังนึกว่าเป็นคนของจี้รั่งทุกคนจึงตะโกนว่า “ตำรวจมาแล้ว!”
คนของโรงเรียนมัธยมหมายเลขสามพอได้ยินเข้าก็หันหน้าวิ่งจากไป
อวี๋จั๋วไม่สนใจอะไร พุ่งเข้าไปประคองชีอิ้งถึงตรงหน้าจี้รั่ง “พี่! พี่บาดเจ็บตรงไหน ปวดตรงไหนบ้าง”
เขาตกใจจนคลั่งไปแล้ว ถามอยู่เป็นนานถึงนึกได้ว่าชีอิ้งไม่ได้ยินจึงล้วงโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหา 120* ด้วยมือไม้ที่พันกันยุ่ง รถพยาบาลถามหาพิกัดสถานที่ ที่นี่เป็นตรอกเล็ก รถขับเข้ามาไม่ได้ อวี๋จั๋วทำได้เพียงแค่บอกที่ตั้งของประตูโรงเรียนไป
พอวางสายก็ยื่นมือจะคว้าตัวชีอิ้งมาจากอ้อมอกของจี้รั่ง
แต่ปรากฏว่าดึงไม่ออก
อวี๋จั๋วโมโหจัด “แก ปล่อยนะ!”
จี้รั่งมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะชูสองมือขึ้นอย่างผู้บริสุทธิ์
อวี๋จั๋วถึงเห็นว่าเป็นชีอิ้งที่จับเสื้อนักเรียนตรงเอวของจี้รั่งไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!
อวี๋จั๋วพิมพ์ข้อความให้พี่สาวอ่านด้วยความอดทน
อวี๋จั๋ว : ‘พี่ ฉันพาพี่ไปโรงพยาบาลนะ’
นึกไม่ถึงว่าพอชีอิ้งอ่านข้อความของเขาแล้วกลับส่ายหน้าให้ สองมือของเธอยังคงเกาะจี้รั่งไว้แน่นราวกับกลัวว่าเขาจะหายไป
เด็กผู้หญิงที่ชอบจี้รั่งสามารถต่อแถวจากประตูโรงเรียนไปถึงถนนฝั่งตรงข้ามได้ วิธีจีบเขาก็มีสารพัดสารพันร้อยแปดวิธี เพียงแต่คนที่รับไม้แทนเขาอย่างนี้มีเธอเป็นคนแรกจริงๆ
พวกนายเบิ้มชวีซึ่งมีกันไม่กี่คนยืนอยู่ด้านข้างต่างพากันมองจนปากอ้าตาค้างไปแล้ว
อวี๋จั๋วโมโหจนเหลืออด ทั้งยังไม่สามารถสื่อสารพูดคุยได้ ในหัวจึงสับสนวุ่นวายไปหมด เขาแค่อยากจะพาชีอิ้งไปโรงพยาบาลให้เร็วหน่อยเลยจับไหล่พี่สาวเอาไว้แล้วดึงมาข้างหลัง
ความจริงก้านเหล็กเมื่อครู่นี้ตีถูกไหล่ของเธอ อวี๋จั๋วแตะถูกบริเวณที่บาดเจ็บเข้า ชีอิ้งก็เจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
จี้รั่งผลักอวี๋จั๋วออกทันที
อวี๋จั๋วเพิ่งด่า “ไอ้สารเลว” ออกไปได้คำเดียวก็เห็นจี้รั่งก้มลงอุ้มชีอิ้งขึ้นในท่าเจ้าหญิง เดินก้าวใหญ่ไปทางประตูโรงเรียน เขาทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงแค่เดินตามไป
ชีอิ้งปวดไหล่ราวกับมีไฟเผา แต่พอได้กลิ่นควันจางๆ บนตัวเด็กหนุ่มผสมกับกลิ่นหอมของเจ้าเจี่ยว* ที่ปกเสื้อ และได้ยินเสียงจังหวะหัวใจหนักหน่วงที่อกของเขา ความทรงจำก็ถูกดึงย้อนกลับไปในวันแรกที่เข้าจวนแม่ทัพ
วันนั้นท่านแม่ทัพช่วยเธอออกมาจากรังโจร เมื่อกลับไปถึงจวนแม่ทัพเขาก็ลงจากม้าก่อนแล้วจึงอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยท่าทางเช่นนี้ อุ้มเธอไว้ตลอดทางที่เดินเข้าจวน
เธอเหลือบตาขึ้นเล็กน้อยมองเห็นกรามคมสันของเขา ใบหน้าด้านข้างคมกริบราวกับถูกเหลาด้วยใบมีดจนคมมาแต่ไหนแต่ไร
ทว่าเด็กหนุ่มในเวลานี้ผิวพรรณขาวเนียนขึ้นมาก บนตัวไม่มีท่วงท่าเด็ดเดี่ยวของการประหัตประหาร แม้แต่เครื่องหน้าที่ติดตรึงอยู่ในเลือดเนื้อของเธอก็ยังดูอ่อนเยาว์
แต่เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย
เป็นท่านแม่ทัพของเธอ…
จี้รั่งรู้สึกได้ถึงสายตาของคนในอ้อมแขน เขาก้มหน้ามอง
เด็กสาวในอ้อมกอดยังคงจับชายเสื้อเขาไว้แน่น เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย จ้องเขาเป็นพักๆ เมื่อเห็นเขาก้มลงมา มุมปากก็หยักโค้งเป็นรอยยิ้มหวานหยดทันใด เบ้าตามีน้ำตาเอ่อคลอ ขยับปากเป็นคำว่า “ท่านแม่ทัพ” อีกครั้ง
จี้รั่งเห็นแค่รูปปากแต่ไม่ได้ยินเสียง เขาไม่รู้เลยว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่จึงถามขึ้นว่า “เธอพูดไม่ได้เหรอ”
เด็กสาวในอ้อมกอดไม่พยักหน้าและไม่ส่ายศีรษะ เพียงแค่ใช้ดวงตาคู่นั้นจ้องมองเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
จี้รั่งยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น “หูฟังไม่ได้เลยไม่ได้ยินสินะ”
สิ้นเสียงสีหน้าของเขาพลันขรึมลง อยู่ๆ ก็นึกถึงนักเรียนพิเศษคนนั้นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งระดับชั้นเมื่อเช้านี้
บุตรธิดาของผู้พลีชีพ เด็กผู้หญิงที่หูหนวกและสวยมากๆ
เขากระชับแขน พลันยิ้มออกมา “น่าสนใจชะมัด”
รถพยาบาลมาถึงประตูโรงเรียนในไม่ช้า
เพราะเป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วนของโรงเรียนพอดี บริเวณประตูโรงเรียนจึงมีคนเดินไปมาพลุกพล่าน รถพยาบาลเปิดไซเรนแล่นเข้ามาดึงดูดสายตาผู้คนไม่น้อย ยามของโรงเรียนวิ่งจ้ำอ้าวเข้าไปถามคุณหมอที่กระโดดลงมาจากรถ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
คุณหมอบอกว่า “นักเรียนโรงเรียนคุณเรียกรถพยาบาล แล้วคนเจ็บล่ะ”
จี้รั่งอุ้มชีอิ้งเดินเข้าไป “อยู่นี่”
ยามทำสีหน้าที่อ่านได้ว่า ‘ทำไมเป็นแกอีกแล้วที่ก่อเรื่อง’
จี้รั่งหน้าไม่เปลี่ยนสี อุ้มชีอิ้งขึ้นรถพยาบาลไปท่ามกลางสายตาของฝูงชนที่จับจ้องมา อวี๋จั๋วปีนตามขึ้นไปแล้วร้องตะโกนด้วยความร้อนใจเป็นไฟสุม “หมอครับ รีบตรวจดูพี่สาวผมเร็ว! เธอบาดเจ็บไปถึงศีรษะหรือเปล่าครับ”
ไม่งั้นทำไมอยู่ๆ พี่สาวของเขาถึงได้ไปชอบไอ้จี้รั่งเวรนี่!
คุณหมอตรวจอย่างรวดเร็วไปรอบหนึ่ง “ที่ศีรษะไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอกให้เห็นชัดเจน รอไปถึงโรงพยาบาลแล้วค่อยตรวจสอบอย่างละเอียดอีกทีแล้วกัน”
อวี๋จั๋วจ้องจี้รั่งเขม็ง
จี้รั่งชายตามองอีกฝ่าย เมื่อริมฝีปากหยักยกขึ้นใบหน้าก็ดูเหี้ยมเกรียมเป็นพิเศษ “คิดว่าฉันอารมณ์ดีนักหรือไง”
อวี๋จั๋วมองดูชีอิ้งที่นั่งอยู่ข้างจี้รั่งอย่างเรียบร้อยน่าเอ็นดู แถมมือยังจับชายเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ภายในใจของเขาก็สุดจะทนจริงๆ แล้วในตอนนั้นเองเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้น
หยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นพ่อของเขาโทรมา
อวี๋จั๋วหวาดกลัวขึ้นมาในทันใด เขารับสายด้วยอาการเนื้อตัวสั่นระริก อวี๋เฉิงถามมาจากอีกฝั่งของสาย “พวกลูกเลิกเรียนหรือยัง พ่อเพิ่งเลิกงาน กำลังจะไปรับลูกกับอิ้งอิ้ง”
อวี๋จั๋วลำบากใจจนพูดไม่ออกจริงๆ จึงเลี่ยงไป “พวกเรานั่งรถเมล์กลับกันก็ได้ ไม่ใช่ทางผ่านพ่อสักหน่อย”
“จะให้อิ้งอิ้งไปเบียดอยู่บนรถเมล์ได้ไง พวกลูกรออยู่ที่โรงเรียนก่อน อีกแป๊บเดียวพ่อก็ถึง”
อวี๋จั๋วจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ขณะกำลังจะยอมรับสารภาพ ชีอิ้งก็ยื่นโทรศัพท์มือถือมาตรงหน้าเขา บนหน้าจอมีข้อความเขียนไว้ว่า
ชีอิ้ง : ‘บอกคุณน้าว่าพี่ไปเดินเล่นที่ร้านหนังสือกับเพื่อนใหม่เพื่อซื้อเครื่องเขียนกับหนังสือติว อยากเที่ยวเล่นอีกสักพัก’
อวี๋จั๋วเหมือนได้รับการไถ่โทษ รีบบอกความต่อ อวี๋เฉิงเมื่อรู้ว่าชีอิ้งอยู่กับเพื่อนแล้วมีความสุขอย่างนี้จึงยอมปล่อยไป
วางสายแล้วอวี๋จั๋วก็เหลือบมองจี้รั่งที่มีสีหน้าเหนื่อยหน่าย ก่อนจะก้มหน้าลงคุยวีแชต* กับชีอิ้ง
อวี๋จั๋ว : ‘พี่ พี่รู้จักเขาเหรอ’
ชีอิ้ง : ‘อืม’
อวี๋จั๋ว : ‘สยอง! รู้จักกันได้ยังไง พี่รู้เหรอว่าเขาคือใคร’
ชีอิ้ง : ‘จี้รั่ง’
อวี๋จั๋ว : ‘ผมจะบอกให้นะ พี่อย่าไปหลงรูปร่างหน้าตาภายนอกของเขาเชียว คนคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร’
ชีอิ้ง : ‘ไม่ใช่นะ เขาเป็นคนดี ฉันรู้’
อวี๋จั๋วโกรธจนกลอกตามองบน เกือบจะหลุดคำหยาบออกมา
รู้บ้านพี่สิ!
ห้องสองมีพิษสงอะไรหรือเปล่า เพิ่งจะเปิดเทอมได้วันเดียวก็ล้างสมองพี่สาวที่ว่าง่าย น่ารัก และสงบเสงี่ยมของเขาไปเสียแล้ว
แล้วไอ้จี้รั่งนี่ก็ลงมือหนักจริง ตอนนี้ท้องน้อยเขายังเจ็บอยู่เลย เดี๋ยวคงต้องให้หมอตรวจดูสักหน่อย
ระหว่างที่รถพยาบาลขับมาถึงโรงพยาบาล จี้รั่งก็นั่งเงียบมาตลอดทาง เขารอจนชีอิ้งหาหมอเสร็จเรียบร้อยก็หยิบใบรักษาไปชำระค่ายา ตอนที่กลับมาก็โยนของทั้งหมดให้อวี๋จั๋วก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
ชีอิ้งเพิ่งจะเข้าไปในห้องพักฟื้น พอเห็นว่าจี้รั่งกำลังจะกลับไปก็วิ่งออกมาแล้วคว้าหมับเข้าที่แขนเสื้อนักเรียนซึ่งพาดอยู่ที่หัวไหล่เขา
จี้รั่งไม่ได้หันกลับไป ทำเพียงเอียงศีรษะมองอวี๋จั๋วที่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังข่มขู่ใคร “ฉันไม่มีความอดทนขนาดนั้นนะ”
อวี๋จั๋วรีบเข้าไปแกะมือของชีอิ้ง
ความจริงเธอไม่อยากปล่อย ทว่าเห็นสีหน้าของจี้รั่งแล้ว เธอก็รู้ว่าเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้เอ่ยถ้อยคำดีงามอะไร ขอบตายังแดงอยู่ แต่ยอมปล่อยนิ้วมือออก
จี้รั่งสะบัดไหล่ ปัดๆ ชายแขนเสื้อแล้วก้าวเดินไปที่ประตูลิฟต์
เดินไปได้สองก้าวก็หันมองเหมือนมีภูตผีดลใจ
ชีอิ้งยังคงยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองแผ่นหลังของเขาด้วยความคาดหวังรอคอย พอเห็นเขาหันมา ใบหน้าเล็กจ้อยก็ยิ้มออกมาในทันใด
รอยยิ้มมีนัยของการผูกมิตรอย่างระมัดระวัง
จี้รั่งรู้สึกหงุดหงิดในใจอย่างบอกไม่ถูก สบถคำหนึ่งแล้วจึงก้าวฉับเดินจากไป
เพิ่งออกจากโรงพยาบาล สายของนายเบิ้มชวีก็โทรเข้ามาถามเขาว่า “พี่รั่ง เด็กผู้หญิงที่รับก้านเหล็กแทนพี่เป็นไงบ้าง”
จี้รั่งล้วงบุหรี่จากกระเป๋าออกมาคาบ “ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
นายเบิ้มชวีถอนหายใจ “สุดยอดไปเลยพี่รั่ง ต้องจารึกเพิ่มไว้ในประวัติอันทรงเกียรติของพี่นะว่ามีเด็กผู้หญิงมารับก้านเหล็กแทนพี่”
พี่รั่งหัวเราะ “ไสหัวไปซะ”
“พี่รั่ง แล้วไอ้พวกมัธยมหมายเลขสามพี่จะเอายังไง”
จี้รั่งเอียงหัวหนีบโทรศัพท์มือถือไว้พลางหยิบไฟแช็กออกมาจุดบุหรี่ ลมพัดมา กลิ่นบุหรี่ขจรไปทั่ว ยามด้านข้างส่งเสียงตวาดลั่น “เฮ้ย! โรงพยาบาลไม่อนุญาตให้สูบ!!”
จี้รั่งเงยหน้ามองเขาทีหนึ่ง ทั้งๆ ที่เป็นแค่เด็กหนุ่มสวมเสื้อนักเรียนคนหนึ่ง แต่สายตานั้นกลับชวนให้คนหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก
ยามถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ
จี้รั่งแค่นยิ้มทีหนึ่ง แล้วก้าวอย่างฉับไวออกนอกประตูใหญ่ไป เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงราบเรียบใส่โทรศัพท์ “เอายังไงเหรอ เอามันให้ตายไง”
เชิงอรรถ
* 120 เบอร์ของหน่วยรถฉุกเฉินในประเทศจีน
* เจ้าเจี่ยว ต้นไม้ชนิดหนึ่ง ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Gleditsia sinensis ฝักสามารถใช้ทำสบู่และน้ำยาซักผ้าได้
* วีแชต หรือเวยซิ่น แอพพลิเคชั่นส่งข้อความที่สามารถใช้งานได้ทั้งในโทรศัพท์มือถือที่มีระบบปฏิบัติการไอโอเอส หรือแอนดรอยด์ และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 13 มิ.ย. 65 เวลา 12.00 น
Comments
comments
No tags for this post.