บทที่ 2
ริมฝีปากสวยมากเลยนี่นา
ตอนเช้าแจชินเป็นฝ่ายโทรมาหาซงอาก่อน บอกว่าจะมาหาเธอที่บ้าน แต่ซงอาปฏิเสธไปเพราะไม่ต้องการให้เขาเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธออีก เธอเล่าปัดๆ ไปว่าอาการเมื่อวานก็แค่ปวดท้องธรรมดา เขาเชื่อตามนั้นโดยไม่ถามไถ่ หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่ติดใจอะไร แต่พอเรื่องราวกลายมาเป็นเช่นนี้ เธอถึงได้เห็นว่าเขาไม่ใส่ใจเธอเอามากๆ
ไม่สิ ซงอาเพิ่งตระหนักชัดเลยว่าเขาไม่สนใจเธอเลยต่างหาก
ที่ผ่านมาเธอสร้างภาพแจชินตามที่ตัวเองอยากเห็นอยู่เพียงฝ่ายเดียว เธอเชื่อว่าเขาเป็นผู้ชายรอบคอบ มีความเป็นผู้นำ โอบอ้อมอารีและใจกว้าง แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาทั้งไม่ใส่ใจและไม่สนใจด้วยว่าเธอจะเป็นอย่างไร เพราะรู้ดีว่าซงอาจะยอมทุกอย่างโดยไร้ข้อแม้ จากนั้นก็จะเป็นฝ่ายเข้ามาหา พาตัวเธอมาตามติดเขาเอง แจชินไม่มีแม้แต่จิตสำนึกพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ เขาใจกว้างแค่ไหน อาศัยเรื่องในวันนี้และการสังเกตพฤติกรรมเขาต่อจากนี้ก็คงรู้ได้
“ผมไม่ได้ทำทั้งหมดนี้เพราะต้องการให้รุ่นพี่เจ็บปวดนะครับ” อยู่ดีๆ ฮยอนซึงก็พูดโพล่งขึ้นมา
ซงอาชะงัก เธอกำลังมองนอกกระจกรถพลางคิดไปเรื่อยว่าจะพูดอะไรกับแจชินบ้าง ครั้นสบตากัน ฮยอนซึงก็หันกลับไปมองทางด้านหน้า
“เราทุกคน ไม่ว่าใครก็ตามต่างจำเป็นที่จะต้องปกป้องตัวเอง และตอนนี้โอกาสที่รุ่นพี่จะได้ปกป้องตัวเองมาถึงแล้วครับ”
อันที่จริงฮยอนซึงคิดว่าทั้งหมดทั้งมวลที่ทำอยู่นี้เป็นไปเพื่อซงอา แต่เมื่อเธอตกปากรับคำยอมทำตามเขาแล้ว เขากลับนอนไม่หลับสักงีบเพราะกลัวว่าจะเป็นการบังคับให้เธอทำในสิ่งที่ไม่เป็นตัวเอง
“อย่าเจ็บปวดกับเรื่องนี้นะครับ แล้วไม่ต้องคิดด้วยว่ารุ่นพี่ทำให้ใครต้องเจ็บปวดบ้าง”
พอได้ทบทวนซ้ำไปซ้ำมา เขาก็สรุปได้ว่าคงจะดีกว่าหากจบละครที่ไหนๆ ก็ถูกเปิดโปงแล้วครั้งนี้ให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะฉากที่ต้องจบด้วยมือของซงอา และแม้จะพร่ำบอกเธอว่าอย่าเจ็บปวด อย่างไรเสียเธอก็ต้องเจ็บปวดอย่างไม่อาจเลี่ยง เขาอยากรับหน้าที่เป็นคนปลอบโยนเธอเอง
“อย่าเสียใจนะครับที่เคยรัก ไม่มีใครหรอกที่จะมีแต่ความรักอันสวยงาม แต่…” ฮยอนซึงเว้นจังหวะพอดีกับรถที่จอดอย่างนิ่มนวลเพราะติดสัญญาณไฟ เขามองซงอาอย่างจริงจัง “ถ้ารุ่นพี่หันมาหาผม ผมจะทำให้รุ่นพี่ได้มีความรักอันสวยงามมากเท่าที่ใจต้องการ ผมจะไม่ยอมให้รุ่นพี่ต้องหยิบโล่กำบังขึ้นมาปกป้องตัวเองต่อหน้าผมเด็ดขาด”
แววตาแน่วแน่ของฮยอนซึงไม่ละไปจากใบหน้าเธอแม้สักชั่วแวบ ซงอากำลังลังเลว่าจะดุเขาหรือปล่อยผ่านดี แต่แล้วกลับยิ้มบางๆ ออกมา เขากำลังพูดเพื่อปลอบใจ ใช่ว่าเธอดูไม่ออก
“สุดท้ายก็คือจะตื๊อให้หันไปหานาย โดยใช้คำพูดหล่อๆ มาหว่านล้อมสินะ”
“ความสามารถในการวิเคราะห์โอเค การควบคุมสีหน้าโอเค ประมาณนี้น่าจะลงสนามรบคนเดียวได้แล้วล่ะครับ”
ฮยอนซึงเองก็รู้ว่าเธอต้องการอะไร จึงเบาใจลงเช่นกัน ซงอาหัวเราะน้อยๆ ตรงข้ามกับสถานการณ์ที่กำลังจะต้องเผชิญนับจากนี้
“นี่ฉันกำลังไปออกรบหรอกเหรอ”
“ใช่สิครับ แล้ววันนี้ผู้ชนะในสงครามก็คือรุ่นพี่ คิดไว้ด้วยนะครับว่าจะยึดอะไรมาจากศัตรูบ้าง”
ปี๊น! เสียงแตรจากด้านหลังดังขึ้นเหมือนเตือนให้หยุดจีบกันเสียที
“คร้าบ ไปเดี๋ยวนี้แล้วครับ ขอประทานโทษครับผม”
ฮยอนซึงแกล้งล้อเล่นติดตลก เขาบังคับตัวเองให้ถอนสายตาจากซงอาแล้วเหยียบคันเร่งทันที
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่ปล่อยให้รุ่นพี่ต้องสู้คนเดียวนานๆ หรอก”
คำพูดที่ออกมาคล้ายไม่ตั้งใจแต่เปิดเผยชัดเจนไร้แววล้อเล่น อายุห่างกันเพียงหนึ่งปี ทว่าคำพูดอ่อนโยนของเขาซึ่งอายุอ่อนกว่ากลับให้กำลังใจและปลอบโยนเธอได้ไม่น้อย เรื่องนี้ซงอาไม่อาจปฏิเสธได้เลย
ฮยอนซึงจอดรถห่างจากสถานที่นัดพบเล็กน้อยเพื่อไม่ให้สะดุดตาแจชิน ก่อนลงจากรถซงอาหยิบลิปสติกกับกระจกออกมาเป็นอันดับสุดท้าย ลิปสติกประกายสีชมพูซึ่งฮยอนซึงเคยบอกว่าไม่ค่อยสวย แท่งที่เธอมักนำมาทาทุกครั้งเมื่อจะไปพบแจชิน ซงอาเริ่มทาลิปสติกนี้มาตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน แจชินให้เธอเป็นของขวัญทั้งที่ไม่ใช่วันพิเศษแล้วบอกว่าเหมาะกับเธอมาก พอเห็นเขาชอบ เธอก็ทาลิปสติกนี้ตลอดทุกครั้งไม่เคยขาดเวลามีเดตกับเขา
ส่วนวันนี้เธอจงใจเอาติดมือมาทาเพราะต้องการจะพูดคำที่เป็นหนามแหลมทิ่มตำอีกฝ่าย ซึ่งนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วสำหรับลิปสติกแท่งนี้
เขาให้ผู้หญิงคนนั้นด้วยเหมือนกันรึเปล่านะ หรือไม่ก็…เพราะเธอทาแล้วสวยเลยเอามาให้ฉันด้วย
มีความเป็นไปได้อย่างมาก มือที่กำลังทาลิปสติกขณะส่องกระจกชะงักงัน พอคิดดังนั้นซงอาก็หลุดหัวเราะเย้ยตัวเองที่อุตส่าห์สงสัยอะไรเช่นนี้ เธอคิดทบทวนอีกครั้งก็เห็นว่าดีแล้วที่ตัดสินใจจบเรื่องให้เร็วที่สุด ต่อไปนี้หากจะขยับทำอะไรสักอย่าง เธอคงต้องสงสัยแบบนี้ก่อนเสมอแน่ๆ แค่คิดก็เครียดจนกลับมาปวดท้องแบบเมื่อคืนแล้ว เหนืออื่นใดเธอไม่ต้องการกลายเป็นผู้หญิงที่ทั้งน่าสมเพชและไร้ค่าเพียงนั้นอีก
วันนี้แหละจะระเบิดให้หมดเปลือกเลย ไม่ให้เหลือแม้แต่เศษเล็กเศษน้อย จะวิธีไหนก็ได้ไม่เกี่ยง
ครั้นซงอาปิดปลอกลิปสติก ฮยอนซึงที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยปาก
“ผมจะอนุญาตแค่วันนี้เท่านั้นนะครับ”
“หา?”
“เรื่องที่ทาลิปสติกนี่แล้วไปหาอีแจชินน่ะ ผมยอมแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น” ฮยอนซึงจ้องริมฝีปากสีชมพูของซงอานิ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ต่อหน้าอีแจชิน อย่าทาลิปสติกนั้นอีกนะครับ”
พอสบตาฮยอนซึงที่ทำหน้าบูดบึ้งไม่พอใจ ซงอาก็นึกไปถึงเมื่อครั้งที่เขาทำลิปสติกเธอเปื้อน
ก็นึกว่าสติแตกเรื่องอะไร
เธอเพิ่งจะเข้าใจเหตุผลที่ฮยอนซึงทำเช่นนั้นเอาเดี๋ยวนี้เอง ซงอาเผยยิ้มกว้าง ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาก็คงอยากทำให้ริมฝีปากเธอเปื้อนอีกแน่ๆ ดูคันไม้คันมือแต่พยายามอดกลั้นอยู่อย่างไรก็ไม่รู้
“ฉันถึงไม่ชอบผู้ชายอ่อนกว่าไง ขี้หึง”
“อายุมากกว่าก็คือไม่หึงเหรอครับ สมมติไม่นับพวกเก็บงำความรู้สึก จะยังมีผู้ชายหน้าไหนที่ไม่หึงบ้าง ถ้าไม่หึงจริงๆ แปลว่าเขาไม่ได้รักเราเลยจริงๆ เหมือนกันครับ”
“นั่นสินะ เพราะยังงี้อีแจชินก็เลยไม่เคยหึงล่ะมั้ง”
เหมือนมีเงามืดทาบทับบนดวงตาของซงอา ฮยอนซึงรีบร้อนแก้ไขคำพูด
“ไม่ใช่นะ ผม…”
“ฉันรู้ นายไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ซงอาเอ่ยขัดอย่างนุ่มนวล “เดิมทีฉันไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้ายหรอกนะ แต่พอเจอเรื่องแบบนี้เข้า ความคิดก็เปลี่ยนไปเฉยเลย แปลกจัง” เธอยื่นลิปสติกสีชมพูในมือให้ชายหนุ่ม “เอาไปสิ จากนี้คงไม่มีเรื่องให้ต้องหยิบมาทาต่อหน้าใครอีกแล้ว”
ฮยอนซึงไม่แน่ใจว่าเธออยากให้ทำอะไร จึงได้แต่ยื่นมือไปรับไว้ก่อน
“ทิ้งไปเลย” ซงอาบอก
“เอาจริงเหรอครับ”
“อื้ม งั้น…อีกเดี๋ยวเจอกันนะ”
หญิงสาวหยิบกระเป๋ามาถือแล้วก้าวลงจากรถทันที ฮยอนซึงเฝ้าดูเธอเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ก่อนจะหลุบสายตาลงมามองที่ลิปสติก
“น่าเสียดายเนอะ”
ต้องยอมรับว่าลิปสติกแท่งนี้เหมาะกับซงอามาก แต่เขาแค่ไม่ชอบให้เธอทามันต่อหน้าแจชินเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามนี่เป็นของที่มีความเกี่ยวข้องกับแจชิน ฉะนั้นก็ถูกต้องแล้วที่จะกำจัดให้สิ้นซาก ฮยอนซึงจัดการหย่อนลิปสติกลงในกระเป๋าเสื้อโค้ตของตัวเองอย่างหมายมั่น
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน พฤษภาคม 65)
Comments
comments
No tags for this post.