มาเทโอ
1:06 น.
ผมกลับมาที่ห้องนอน…ที่บอกว่าจะไม่ได้กลับมาในนี้อีกน่ะไม่เอาละ…แล้วผมก็รู้สึกดีขึ้นทันที เหมือนผมเพิ่งได้ชีวิตเพิ่มในวิดีโอเกมที่ตัวบอสด่านสุดท้ายกำลังไล่บี้ผมอยู่ ผมไม่ได้อ่อนเดียงสาเรื่องที่ผมจะตายหรอกนะ ผมรู้ว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ไม่เห็นต้องรีบเลยนี่ ผมกำลังซื้อเวลาให้ตัวเอง สิ่งเดียวที่ผมต้องการตอนนี้คือมีชีวิตนานขึ้นอีกหน่อย และผมมีอำนาจพอที่จะไม่ทำฝันตัวเองสลายโดยการเดินออกไปนอกประตูบานนั้น โดยเฉพาะตอนที่มันดึกขนาดนี้แล้ว
ผมกระโดดขึ้นเตียงด้วยความรู้สึกโล่งใจที่จะรู้สึกได้แค่ตอนที่คุณตื่นจะไปโรงเรียนแล้วนึกได้ว่ามันเป็นวันอาทิตย์เท่านั้น ผมเอาผ้าห่มคลุมไหล่ตัวเอง เปิดแล็ปท็อปอีกรอบ อ่านโพสต์ในเคาต์ดาวน์เนอร์สของเมื่อวานที่ผมอ่านค้างไว้ก่อนเดธแคสต์โทรมาต่อโดยไม่สนใจอีเมลจากเดธแคสต์ที่ส่งใบเสร็จประทับวันและเวลาที่ผมได้รับสายจากแอนเดรีย
เดกเกอร์คนนี้ชื่อคีธ อายุยี่สิบสองปี สถานะที่เขาอัพไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับชีวิตของเขามาก นอกจากว่าเขาเป็นคนสันโดษที่ชอบออกไปวิ่งกับเจ้าเทอร์โบ หมาโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ของเขา มากกว่าออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนร่วมชั้น เขากำลังหาบ้านใหม่ให้เทอร์โบเพราะเขามั่นใจว่าพ่อของเขาต้องยกมันให้คนแรกที่รับเลี้ยงได้แน่นอน ซึ่งอาจเป็นใครก็ได้เพราะเทอร์โบเป็นหมาที่สวยมาก ให้ตายสิ ผมคงรับเลี้ยงมันไปแล้วถึงผมจะแพ้ขนหมาขั้นรุนแรงก็เถอะ แต่ก่อนที่คีธจะยกหมาให้คนอื่น เขากับเทอร์โบกำลังวิ่งผ่านสถานที่โปรดต่างๆ ของพวกเขาด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย แล้วฟีดก็ไม่อัพเดตอีกตอนพวกเขาอยู่ตรงไหนสักแห่งในเซ็นทรัลพาร์ก
ผมไม่รู้ว่าคีธตายยังไง ไม่รู้ว่าเทอร์โบรอดหรือตายไปพร้อมกับคีธ ไม่รู้ว่าคีธกับเทอร์โบอยากให้เป็นแบบไหนมากกว่ากัน ผมไม่รู้เลย ที่จริงแล้วตอนหน้าฟีดหยุดอัพเดต ผมไปหาอ่านพวกข่าวปล้นชิงทรัพย์หรือข่าวฆาตกรรมในเซ็นทรัลพาร์กที่เกิดขึ้นเมื่อวานประมาณ 17:40 น. ก็ได้นะ แต่เพื่อสุขภาพจิตที่ดี ผมว่าปล่อยให้มันเป็นปริศนาต่อไปดีกว่า ตอนนี้ผมเลยเข้าโฟลเดอร์เพลงและเปิดเล่นเสียงในอวกาศ
เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ทีมของนาซ่าทีมหนึ่งสร้างอุปกรณ์พิเศษขึ้นมาเพื่ออัดเสียงของดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ผมรู้น่า มันฟังดูแปลกสำหรับผมเหมือนกัน เพราะหนังทุกเรื่องที่ผมเคยดูก็บอกว่าอวกาศไม่มีเสียง แต่ความจริงแล้วมันมีนะ เพียงแต่เป็นลักษณะการสั่นสะเทือนของแม่เหล็ก นาซ่าปรับเสียงของมันให้มนุษย์สามารถได้ยินได้ และถึงแม้ว่าตอนนั้นผมจะซ่อนตัวอยู่ในห้อง ผมก็บังเอิญเจอเข้ากับสิ่งมหัศจรรย์ของจักรวาล…สิ่งที่คนที่ไม่ค่อยตามเทรนด์ในอินเตอร์เน็ตจะพลาดไป เสียงของดาวเคราะห์บางดวงฟังดูอันตราย เป็นเสียงที่คุณจะได้ยินในหนังไซไฟที่มีฉากเป็นโลกต่างดาว เป็น ‘โลกต่างดาว’ แบบโลกที่มีเอเลี่ยน ไม่ใช่โลกอื่นธรรมดาๆ ดาวเนปจูนเสียงเหมือนกระแสน้ำไหลเชี่ยว เสียงของดาวเสาร์มีความโหยหวนน่ากลัวที่ทำเอาผมไม่กลับไปฟังอีก ยูเรนัสก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่ยูเรนัสจะมีเสียงหวีดหวิวของลมกระโชกที่ฟังดูเหมือนยานอวกาศหลายลำกำลังยิงเลเซอร์ใส่กันอยู่ด้วย เสียงของดาวเคราะห์ดวงต่างๆ เป็นตัวเปิดบทสนทนาที่ดีเลยนะถ้าคุณมีคนให้คุยด้วย แต่ถ้าไม่มี เสียงพวกนี้ก็เหมาะเอาไว้เปิดคลอเวลานอน
ผมเบี่ยงเบนความสนใจจากวันสุดท้ายของตัวเองด้วยการอ่านฟีดอื่นๆ ในเคาต์ดาวน์เนอร์สและเปิดเสียงดาวโลกฟังไปด้วย มันทำให้ผมนึกถึงเสียงนกร้องอันปลอบประโลมกับเสียงทุ้มต่ำของวาฬ แต่มันก็ให้ความรู้สึกแปลกๆ ด้วยเหมือนกัน เป็นความรู้สึกบางอย่างที่ผมอธิบายออกมาไม่ได้ คล้ายดาวพลูโตที่เสียงเหมือนเปลือกหอยกับเสียงขู่ฟ่อของงู
ผมกลับมาฟังเสียงดาวเนปจูน
รูฟัส
1:18 น.
เราปั่นจักรยานไปพลูโตตอนกลางดึก
‘พลูโต’ คือชื่อที่เราตั้งให้บ้านอุปถัมภ์ที่เราอยู่ด้วยกันเพราะครอบครัวของเราตายหรือไม่ก็ทอดทิ้งเราไป ดาวพลูโตถูกลดขั้นจากดาวเคราะห์เป็นดาวเคราะห์แคระ แต่พวกเราไม่มีวันปฏิบัติต่อกันเหมือนมีใครด้อยกว่า
ผ่านมาสี่เดือนแล้วที่ผมต้องอยู่โดยไม่มีครอบครัว แต่ทาโกกับมัลคอล์มสนิทกันมานานกว่านั้นมาก พ่อแม่ของมัลคอล์มตายในเหตุการณ์บ้านไฟไหม้ฝีมือนักวางเพลิงที่ระบุตัวไม่ได้ และไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม มัลคอล์มก็หวังว่าคนคนนั้นจะมอดไหม้อยู่ในนรกโทษฐานที่พรากพ่อแม่ของเขาไปตอนเขาเป็นแค่เด็กเจ้าปัญหาอายุสิบสามที่ไม่มีใครต้องการนอกจากรัฐบาล แต่รัฐบาลก็แทบไม่ได้ต้องการเขาด้วยซ้ำ แม่ของทาโกทิ้งเขาไปตั้งแต่เขายังเด็ก ส่วนพ่อเขาหนีไปเมื่อสามปีก่อนเพราะดูแลค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ไหว หนึ่งเดือนต่อมา ทาโกได้รู้ว่าพ่อของเขาฆ่าตัวตาย และเพื่อนรักของผมยังคงไม่เสียน้ำตาให้พ่อเขาสักหยด เขาไม่เคยถามด้วยซ้ำว่าพ่อเขาตายยังไงหรือที่ไหน
ตั้งแต่ก่อนที่ผมรู้ว่าตัวเองจะตาย ผมก็รู้อยู่แล้วว่าพลูโตจะไม่ได้เป็นบ้านของผมไปนานกว่านี้หรอก จะถึงวันเกิดปีที่สิบแปดของผมแล้ว ทาโกกับมัลคอล์มก็จะอายุครบสิบแปดในเดือนพฤศจิกายน ผมจะเข้ามหา’ลัยเหมือนกับทาโก และเราตกลงกันว่ามัลคอล์มจะพักอยู่กับเราจนกว่าเขาจะตั้งตัวได้ ใครจะไปรู้ว่าคราวนี้จะเอายังไงต่อ และผมไม่ชอบเลยที่ตัวเองไม่ต้องมากังวลกับปัญหาพวกนี้อีกแล้ว แต่ในตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือเรายังอยู่ด้วยกัน ผมมีมัลคอล์มกับทาโกอยู่ข้างๆ อย่างที่พวกเขาเป็นมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่ผมมาที่บ้านอุปถัมภ์ ไม่ว่าจะเป็นเวลาครอบครัวหรือเวลาบ่นด่าคนอื่น พวกเขาจะคอยขนาบอยู่ข้างผมเสมอทั้งซ้ายและขวา
ตอนแรกผมก็ไม่ได้กะจะแวะหรอก แต่ผมจอดตรงข้างทางตอนเห็นโบสถ์ที่ผมเคยมาหลังอุบัติเหตุครั้งใหญ่ครั้งนั้น…ซึ่งเป็นเดตช่วงสุดสัปดาห์ครั้งแรกของผมกับเอมี่ โบสถ์นี้มีขนาดใหญ่โต ผนังอิฐสีขาว ยอดหลังคาแหลมสีน้ำตาลอมแดง ผมอยากถ่ายภาพหน้าต่างกระจกสีของที่นี่ แต่แฟลชอาจทำให้ภาพสีเพี้ยน แต่ไม่สำคัญหรอก ถ้ารูปมันเหมาะจะเอาลงอินสตาแกรม แค่ใส่ฟิลเตอร์พระจันทร์ให้ภาพเป็นสีขาวดำแบบคลาสสิกก็พอแล้ว ปัญหาที่แท้จริงคือผมไม่คิดว่ารูปโบสถ์ที่ถ่ายโดยคนไม่มีความเชื่อทางศาสนาอย่างผมจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เหมาะจะทิ้งไว้ให้ผู้ติดตามเจ็ดสิบคนของผมได้ชมที่สุดน่ะสิ (#ไม่ทำหรอก)
“มีอะไรเหรอ รูฟ”
“เอมี่เคยเล่นเปียโนให้ฉันฟังที่โบสถ์นี้” ผมพูด เอมี่เป็นคาทอลิกอยู่พอตัว แต่เธอไม่เคยยัดเยียดความเป็นคาทอลิกใส่ผม เราคุยกันเรื่องดนตรีมาตลอด ผมบอกเธอว่าผมชอบพวกดนตรีคลาสสิกที่โอลิเวียเคยเปิดเวลาทบทวนหนังสือ เอมี่เลยอยากให้ผมได้ฟังดนตรีพวกนั้นแบบสดๆ…และเธออยากเป็นคนเล่นให้ผมฟัง “ฉันต้องบอกเธอว่าฉันได้รับการแจ้งตือน”
ตัวทาโกกระตุก ผมรู้ว่าเขาคันปากอยากเตือนผมว่าเอมี่บอกว่าเธอต้องการระยะห่างจากผม แต่คำขอพวกนั้นไม่สำคัญอีกแล้วในวันสุดท้าย
ผมลงจากจักรยานแล้วเอาขาตั้งลง ผมเดินไปไม่ไกลจากพวกเขามาก แค่ไปใกล้ทางเข้าอีกหน่อยในตอนที่บาทหลวงพาผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังร้องไห้ออกจากโบสถ์ เธอคล้องแหวนสองวงเข้าด้วยกัน น่าจะเป็นบุษราคัมนะผมว่า เหมือนอันที่แม่ผมเอาไปจำนำเพราะอยากซื้อตั๋วคอนเสิร์ตเป็นของขวัญวันเกิดปีที่สิบสามให้โอลิเวีย ผู้หญิงคนนี้คงเป็นเดกเกอร์หรือไม่ก็รู้จักคนที่เป็นเดกเกอร์ งานกะเช้ามืดที่นี่ไม่ใช่เล่นๆ เลย มัลคอล์มกับทาโกชอบล้อเลียนโบสถ์ที่ไม่ยอมรับเดธแคสต์กับ ‘นิมิตอันผิดบาปจากซาตาน’ ของพวกเขา แต่มันเจ๋งมากเลยนะที่แม่ชีกับบาทหลวงบางส่วนยังทำงานจนเลยเที่ยงคืนเพื่อเดกเกอร์ที่พยายามสำนึกบาป อยากทำพิธีล้างบาป และอะไรดีๆ พวกนั้น
ถ้ามีพระเจ้าอย่างที่แม่ผมเชื่ออยู่จริงๆ ล่ะก็ ผมหวังว่าตอนนี้เขาจะหนุนหลังผมอยู่นะ
ผมโทรหาเอมี่ มันดังอยู่หกครั้งก่อนจะตัดเข้าระบบฝากข้อความ ผมโทรอีกรอบแต่ก็เหมือนเดิม ผมลองอีกครั้ง มันดังสามครั้งแล้วตัดเข้าระบบฝากข้อความเลย เธอเมินผม
ผมพิมพ์ข้อความ เดธแคสต์โทรหาฉัน บางทีเธอน่าจะทำงั้นบ้างนะ
ไม่ได้หรอก ผมจะทำตัวระยำและส่งข้อความนั้นไปไม่ได้
ผมแก้ใหม่ เดธแคสต์โทรหาฉัน เธอช่วยโทรกลับมาหน่อยได้ไหม
มือถือผมดังภายในหนึ่งนาที เป็นเสียงริงโทนธรรมดาๆ ที่ไม่ใช่เสียงแจ้งเตือนที่ทำเอาหัวใจหยุดเต้นของเดธแคสต์ เอมี่โทรมา
“ไง”
“พูดจริงเหรอ” เอมี่ถาม
ถ้าผมโกหก เธอได้ฆ่าผมแน่โทษฐานทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ทาโกเคยทำแบบนั้นเพื่อเรียกร้องความสนใจและเอมี่ให้เขาหยุดทันที
“ใช่ ฉันอยากเจอเธอ”
“นายอยู่ไหน” เธอไม่ได้ฟังดูโกรธและไม่ได้พยายามวางสายใส่ผมอย่างที่เธอทำสายก่อนๆ
“จริงๆ แล้วฉันอยู่ตรงโบสถ์ที่เธอเคยพาฉันมาน่ะ” ผมพูด ตรงนี้โคตรสงบ อย่างกับผมสามารถอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันและจะรอดไปจนถึงพรุ่งนี้ “อยู่กับมัลคอล์มกับทาโก”
“ทำไมถึงไม่อยู่ที่พลูโตล่ะ พวกนายออกมาทำอะไรกลางดึกวันจันทร์เนี่ย”
ผมต้องการเวลาอีกหน่อยก่อนตอบคำถามนี้ น่าจะอีกสักแปดปี แต่ผมไม่มีเวลาขนาดนั้นและยังไม่อยากรวบรวมความกล้าบอกเธอตอนนี้ “เรากำลังกลับไปที่พลูโต เธอไปเจอเราที่นั่นได้ไหม”
“ว่าไงนะ ไม่มีทาง อยู่ที่โบสถ์นั่นแหละ เดี๋ยวไปหา”
“ฉันไม่ตายก่อนได้เจอเธอหรอกน่า เชื่อ…”
“นายไม่ได้อยู่ยงคงกระพันนะ ไอ้โง่เอ๊ย!” เอมี่ร้องไห้แล้ว เสียงเธอสั่นเหมือนตอนที่เราติดฝนด้วยกันโดยไม่มีแจ็กเก็ต “โอย ให้ตายเถอะ โทษที แต่นายรู้ไหมว่ามีเดกเกอร์กี่คนที่ให้สัญญาแบบนั้นแล้วเปียโนก็หล่นลงมาทับหัวพวกเขาเลยน่ะ”
“ขอเดาว่าไม่น่าจะเยอะนะ” ผมตอบ “ความเป็นไปได้ที่จะตายเพราะเปียโนดูไม่น่าสูงเท่าไหร่”
“ไม่ตลกนะ รูฟัส ฉันกำลังแต่งตัว อย่าขยับไปไหนนะ ฉันจะไปถึงนานสุดก็สามสิบนาที”
ผมหวังว่าเธอจะยอมให้อภัยผมได้ทุกเรื่องนะ รวมถึงเรื่องคืนนี้ด้วย ผมต้องได้เจอเธอก่อนที่เพ็คจะทำได้แล้วเล่าให้เธอฟังว่าผมทำแบบนั้นไปทำไม ผมมั่นใจว่าเพ็คจะกลับบ้านไปอาบน้ำล้างตัวแล้วใช้มือถือของพี่ชายเขาโทรไปหาเอมี่เพื่อบอกเธอว่าผมน่ะโหดร้ายแค่ไหน แต่อย่าโทรหาตำรวจละกัน ไม่งั้นผมคงได้ใช้วันสุดท้ายของตัวเองในตะรางไม่ก็โดนฟาดด้วยตะบอง ผมไม่อยากคิดถึงอะไรพวกนั้นแล้ว ผมแค่อยากเจอเอมี่และบอกลาชาวพลูโตในฐานะเพื่อนที่พวกเขารู้จัก ไม่ใช่สัตว์ประหลาดอย่างที่ผมเป็นในคืนนี้
“เจอกันที่บ้านละกัน แค่…มาหาฉันให้ได้นะ บาย เอมี่”
ผมวางสายก่อนที่เธอจะท้วงอะไรได้ ผมคว้าจักรยานแล้วขึ้นไปนั่งในขณะที่เธอโทรมาไม่หยุด
“แผนคืออะไร” มัลคอล์มถาม
“เราจะกลับไปที่พลูโต” ผมบอกพวกเขา “พวกนายต้องจัดงานศพให้ฉัน”
ผมเช็กเวลา 1:30 น. แล้ว
ยังเหลือเวลาพอให้ชาวพลูโตคนอื่นได้รับการแจ้งเตือน ผมไม่อยากให้พวกเขาได้รับการแจ้งเตือนหรอก แต่บางทีผมอาจไม่ต้องตายคนเดียวก็ได้
หรือบางทีมันอาจต้องเป็นอย่างนั้น
มาเทโอ
1:32 น.
การเลื่อนดูฟีดในเคาต์ดาวน์เนอร์สทำเอาจิตตกหนักไม่ใช่เล่น แต่ผมหันหนีไปไม่ได้เพราะเดกเกอร์ทุกคนมีเรื่องราวที่อยากแบ่งปัน เวลามีคนเอาการเดินทางของพวกเขาออกมาให้เราดู เราควรสนใจนะ ถึงคุณจะรู้ว่าสุดท้ายพวกเขาต้องตายอยู่ดีก็ตาม
ถ้าผมจะไม่ออกไปข้างนอก อย่างน้อยผมก็ยังออนไลน์เพื่อคนอื่นได้
ในเว็บมีแถบตัวเลือกอยู่ห้าแถบคือเป็นที่นิยม มาใหม่ ชุมชน โปรโมต สุ่ม ผมเข้าไปเลื่อนดูในหมวดชุมชนก่อนอย่างเคยเพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครที่ผมรู้จัก…ไม่มี ดีแล้ว
คงจะดีนะถ้าวันนี้ผมมีเพื่อนอยู่ด้วยสักคน
ผมสุ่มเลือกเดกเกอร์คนหนึ่ง ชื่อผู้ใช้คือ Geoff_Nevada88 เจฟฟ์ได้รับสายจากเดธแคสต์สี่นาทีหลังเที่ยงคืนและตอนนี้เขาอยู่ข้างนอกแล้ว เขากำลังมุ่งหน้าไปบาร์โปรดของตัวเองและหวังว่าจะไม่ถูกตรวจบัตรเพราะเขาคือหนุ่มอายุยี่สิบปีที่ทำบัตรประชาชนปลอมหาย ผมว่าเขาน่าจะเข้าไปได้แหละ ผมปักหมุดฟีดของเขาไว้และจะได้รับกระดิ่งแจ้งเตือนตอนเขาอัพเดตครั้งหน้า
ผมเปลี่ยนไปดูอีกฟีด ชื่อผู้ใช้คือ WebMavenMarc มาร์คเคยเป็นผู้จัดการด้านโซเชียลมีเดียของบริษัทเครื่องดื่มโซดาแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาย้ำสองครั้งในโพรไฟล์ของเขา และเขาไม่แน่ใจว่าลูกสาวจะมาหาเขาได้ทันเวลาไหม มันเหมือนกับเดกเกอร์คนนี้มายืนอยู่ตรงหน้าผมและกำลังดีดนิ้วใส่หน้าผมเลย
ผมต้องไปหาพ่อ ถึงพ่อจะยังไม่ได้สติก็เถอะ พ่อต้องได้รู้ว่าผมไปหาก่อนที่ผมจะตาย
ผมวางแล็ปท็อปลง ไม่สนใจกระดิ่งแจ้งเตือนจากแอ็กเคาต์สองสามแอ็กเคาต์ที่ผมปักหมุดไว้ แล้วตรงไปที่ห้องนอนของพ่อ พ่อไม่ได้เก็บที่นอนในเช้าวันที่พ่อออกไปทำงาน แต่ผมจัดที่นอนให้พ่อตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ผมสอดผ้าคลุมเตียงไว้ใต้หมอนอย่างดีแบบที่พ่อชอบ ก่อนจะนั่งลงบนเตียงฝั่งของพ่อ ก็คือฝั่งขวา เพราะแม่ผมชอบนอนฝั่งซ้ายตลอด และถึงแม่จะจากไปแล้ว พ่อก็ยังใช้ชีวิตแบบแบ่งเป็นสองฝั่ง ไม่เคยลบแม่ออกไปจากชีวิต ผมหยิบกรอบรูปที่เป็นภาพถ่ายตอนพ่อช่วยผมเป่าเทียนบนเค้กทอยสตอรี่ในวันเกิดหกขวบของผมขึ้นมา ที่จริงพ่อเป็นคนเป่าหมดเลย ส่วนผมเอาแต่หัวเราะพ่อ พ่อบอกว่าสีหน้ามีความสุขของผมคือเหตุผลที่พ่อเก็บรูปนี้ไว้ใกล้ตัว
ผมรู้ว่ามันออกจะแปลกๆ หน่อย แต่พ่อเป็นเพื่อนสนิทของผมพอๆ กับที่ลิเดียเป็นเลยนะ ผมไม่มีวันยอมรับออกมาดังๆ โดยไม่โดนล้อหรอก ผมรู้ดี แต่ความสัมพันธ์ของเราดีมากมาตลอด มันไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ผมมั่นใจว่าคนทุกคู่ข้างนอกนั่น…ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน ในเมืองนี้ หรืออีกฟากหนึ่งของโลก…ต่างทะเลาะกันทั้งเรื่องโง่ๆ และเรื่องจริงจัง แต่คู่ที่สนิทกันที่สุดจะหาทางผ่านมันไปได้ พ่อกับผมไม่มีวันมีความสัมพันธ์แบบที่พอทะเลาะกันแล้วก็ไม่คุยกันอีกเลย ไม่เหมือนพวกเดกเกอร์ในฟีดของเคาต์ดาวน์เนอร์สที่เกลียดพ่อตัวเองมากถึงขนาดที่ไม่ยอมไปดูใจพ่อของพวกเขาหรือไม่ยอมแก้ไขเรื่องผิดพลาดก่อนที่พวกเขาเองจะตาย ผมดึงรูปถ่ายออกจากกรอบ พับครึ่ง แล้วสอดมันลงกระเป๋ากางเกง พ่อคงไม่คิดมากเรื่องรอยยับหรอก คิดว่านะ ผมลุกขึ้นเพื่อจะไปโรงพยาบาล บอกลาพ่อ และดูให้แน่ใจว่ารูปนี้จะวางอยู่ข้างๆ ตอนพ่อตื่นขึ้นมา ผมอยากให้พ่อรู้สึกสงบได้อย่างรวดเร็วราวกับมันเป็นแค่เช้าธรรมดาๆ อีกวัน ก่อนจะมีคนมาบอกพ่อว่าผมตายแล้ว
ผมเดินออกจากห้อง รู้สึกฮึกเหิมที่จะออกไปข้างนอกและทำตามนี้ แล้วผมก็เหลือบไปเห็นกองถ้วยชามในซิงก์ ผมควรล้างจานพวกนั้นนะ พ่อจะได้ไม่ต้องกลับบ้านมาเจอชามกับแก้วเซรามิกที่คราบติดแน่นจนล้างไม่ออกเพราะช็อกโกแลตร้อนที่ผมดื่มไป
สาบานได้ว่านี่ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไม่ออกไปข้างนอก
ผมพูดจริงๆ
รูฟัส
1:41 น.
เราเคยปั่นจักรยานโลดแล่นไปตามท้องถนนราวกับกำลังปั่นแข่งกันโดยไม่คิดจะเบรก แต่จะทำแบบนั้นคืนนี้ไม่ได้ เรามองสองข้างทางอยู่ตลอดและหยุดเวลาไฟแดง เหมือนอย่างตอนนี้ ถึงแม้ว่าถนนจะไม่มีรถเลยก็ตาม เราอยู่ตรงช่วงถนนที่มีคลับซึ่งปลอดภัยสำหรับเดกเกอร์ ชื่อว่าสุสานของคลินต์ มีพวกคนอายุยี่สิบกว่าๆ รวมกลุ่มกันอยู่ตรงนั้น แถวที่พวกเขาต่อกันวุ่นวายสุดๆ น่าจะเป็นเพราะต้องพากันจ่ายเงินค่าเข้าให้คนเฝ้าหน้าร้านที่ต้องรับมือกับบรรดาเดกเกอร์และเพื่อนๆ ของพวกเขาที่พยายามจะปลดปล่อยบนฟลอร์เต้นรำเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเวลาจะหมดลง
ผู้หญิงผมน้ำตาลคนหนึ่งที่สวยมากๆ ร้องไห้โฮตอนผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาจีบเธอด้วยประโยคจีบสาวห่วยๆ (‘บางทีเธออาจอยู่ได้อีกวันถ้ากินวิตามินของฉันเข้าไปในร่างกาย’) เพื่อนของเธอเหวี่ยงกระเป๋าถือใส่เขาจนเขายอมถอยไป เธอน่าสงสารจริงๆ ที่หนีไม่พ้นพวกระยำที่เข้ามาจีบตอนเธอกำลังเศร้าอยู่
พอไฟเขียว เราก็ปั่นจักรยานไปต่อ แล้วในที่สุดก็ถึงพลูโตในหลายนาทีต่อมา บ้านอุปถัมภ์หลังนี้เป็นดูเพล็กซ์ ยกสูงที่มีสภาพเป็นตึกเก่าโทรม อิฐบางส่วนหายไป มีงานกราฟิตี้หลากสีที่ดูไม่ออกว่าเป็นรูปอะไร หน้าต่างชั้นล่างติดลูกกรงไว้ ไม่ใช่เพราะเราเป็นอาชญากรหรืออะไรหรอก แต่เพื่อไม่ให้ใครบุกเข้ามาขโมยของของเด็กกลุ่มหนึ่งที่สูญเสียไปมากพอแล้ว เราจอดจักรยานทิ้งไว้ที่ปลายบันได ก่อนจะวิ่งขึ้นไปที่ประตูแล้วเข้าไปข้างใน เราเดินไปตามโถงโดยไม่คิดจะย่องบนพื้นกระเบื้องลายตารางหมากรุกสภาพแย่เข้าไปในห้องนั่งเล่น และถึงแม้ว่าจะมีบอร์ดที่บอกข้อมูลเกี่ยวกับเซ็กซ์ การตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV) คลินิกบุตรบุญธรรมกับคลินิกทำแท้ง และประกาศอื่นๆ เกี่ยวกับอะไรทำนองนั้น ที่นี่ก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน ไม่ใช่สถาบันอะไรสักอย่าง
ที่นี่มีเตาผิงที่ใช้งานไม่ได้แต่ก็ยังดูเจ๋งอยู่ดี ผนังทาสีส้มโทนอบอุ่นเตรียมผมให้พร้อมสำหรับฤดูใบไม้ร่วงในหน้าร้อนนี้ มีโต๊ะไม้โอ๊กที่พวกเราชอบมานั่งรวมกันแล้วเล่นเกมการ์ดต้านมนุษยชาติ กับเกมคำต้องห้าม ในคืนกลางสัปดาห์หลังอาหารเย็น มีทีวีที่ผมชอบดูรายการเรียลลิตี้ฮิปสเตอร์เฮ้าส์กับทาโก ถึงเอมี่จะเกลียดฮิปสเตอร์พวกนั้นมากจนเธอหวังว่าผมจะดูหนังโป๊การ์ตูนแทนก็เถอะ แล้วก็มีโซฟาที่เราผลัดกันมานอนงีบเพราะมันสบายกว่าเตียงของเรา
เราขึ้นไปชั้นสองที่เป็นห้องนอนของเรา เป็นที่แคบๆ ที่อยู่คนเดียวยังไม่สบายด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่สามคนเลย แต่เราก็อยู่กันได้ มีหน้าต่างหนึ่งบานที่เราเปิดทิ้งไว้ในคืนที่ทาโกกินถั่ว ถึงแม้ข้างนอกจะเสียงดังมากก็ตาม
“ขอพูดหน่อยเถอะ” ทาโกว่าและปิดประตูตามหลังเรา “นายมาไกลมากแล้วนะ ลองนึกถึงทุกอย่างที่นายทำไปตั้งแต่มาที่นี่สิ”
“ยังมีอะไรอีกมากที่ฉันทำได้” ผมนั่งลงบนเตียงแล้วหงายลงนอนบนหมอน “กดดันฉิบเป๋งที่ต้องใช้ชีวิตทั้งหมดในวันเดียว” อาจไม่ถึงหนึ่งวันเต็มด้วยซ้ำ แค่อยู่ถึงสิบสองชั่วโมงได้นี่ก็ถือว่าโชคดีแล้ว
“ไม่มีใครคาดหวังให้นายรักษามะเร็งหรือช่วยชีวิตแพนด้าที่ใกล้สูญพันธุ์ได้หรอกนะ” มัลคอล์มพูด
“โย่ เดธแคสต์โชคดีนะที่พวกเขาทำนายไม่ได้ว่าสัตว์จะตายเมื่อไหร่” ทาโกบอก ผมทำเสียงขัดใจและส่ายหน้าเพราะเขากำลังปกป้องแพนด้าในขณะที่เพื่อนสนิทตัวเองกำลังจะตาย “อะไร ก็มันจริงนี่! นายจะกลายเป็นคนที่ถูกเกลียดมากที่สุดในดาวเคราะห์ดวงนี้ถ้านายเป็นคนโทรแจ้งแพนด้าตัวสุดท้าย ลองนึกถึงพวกมีเดียสิ คนจะพากันโพสต์เซลฟี่และ…”
“เข้าใจแล้ว” ผมขัด ผมไม่ใช่แพนด้าไง มีเดียเลยไม่สนที่ผมตาย “พวกนายต้องช่วยอะไรฉันหน่อย ปลุกเจนน์ ลอรี่กับฟรานซิสให้ที บอกพวกเขาว่าฉันอยากจัดงานศพก่อนไปจากที่นี่” ฟรานซิสไม่เคยชอบผม แต่ผมมีบ้านอยู่จากการจัดการพวกนี้ และนั่นถือว่ามากกว่าที่คนอื่นได้รับแล้ว
“นายควรอยู่นี่นะ” มัลคอล์มบอก เขาเปิดตู้เสื้อผ้าตู้เดียวในห้อง “เราอาจผ่านมันไปได้ นายจะเป็นข้อยกเว้น! เราจะขังนายไว้ในนี้”
“ฉันจะได้ขาดใจตายหรือไม่ชั้นวางเสื้อที่หนักฉิบหายของพวกนายพังใส่หัวเอาน่ะสิ” เขาควรรู้ดีเกินกว่าที่จะเชื่อเรื่องข้อยกเว้นหรือเรื่องไร้สาระแบบนั้น ผมลุกขึ้นนั่ง “ฉันมีเวลาไม่มาก พวก” ตัวผมสั่นนิดหน่อย แต่ยังควบคุมสติได้ จะให้พวกเขาเห็นผมสติแตกไม่ได้เด็ดขาด
ทาโกกระตุก “นายอยู่คนเดียวโอเคใช่ไหม”
ต้องใช้เวลาอยู่หลายวินาทีกว่าผมจะเข้าใจสิ่งที่เขาตั้งใจจะถาม “ฉันไม่ฆ่าตัวตายหรอกน่า” ผมบอก
ผมไม่ได้พยายามจะตาย
พวกเขาปล่อยผมไว้คนเดียวในห้องกับกองเสื้อผ้าที่ผมไม่ต้องกังวลเรื่องขนไปซักและการบ้านหลักสูตรภาคฤดูร้อนที่ผมไม่ต้องทำให้เสร็จ…หรือเริ่มทำ ผ้าห่มของเอมี่ม้วนเป็นก้อนอยู่ตรงมุมเตียง ผืนสีเหลืองลายนกกระเรียนหลากสี ผมหยิบมันขึ้นมาคลุมไหล่ตัวเอง มันเป็นของเอมี่ตั้งแต่ตอนที่เธอยังเด็ก เป็นของสืบทอดตั้งแต่ช่วงวัยเด็กของแม่เธอ เราเริ่มคบกันตอนเอมี่ยังอยู่ที่พลูโต เราชอบนอนใต้ผ้าห่มผืนนี้ด้วยกันและใช้มันตอนปิกนิกในห้องนั่งเล่นที่จัดขึ้นเป็นบางครั้งบางคราว ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายสุดๆ เธอไม่ได้ขอผ้าห่มคืนหลังเราเลิกกัน ผมคิดว่าเธอทำแบบนั้นเพื่อรั้งผมให้อยู่ใกล้ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะต้องการระยะห่างระหว่างเราก็ตาม เหมือนผมยังมีโอกาสคืนดีกับเธออยู่
ห้องนี้ต่างจากห้องที่ผมโตขึ้นมาลิบลับ…ผนังสีเบจ ไม่ใช่สีเขียว มีเตียงเสริมสองเตียง มีเพื่อนร่วมห้อง ขนาดเล็กกว่าครึ่งหนึ่ง ไม่มีดัมเบลล์หรือโปสเตอร์วิดีโอเกม…แต่ห้องนี้ก็ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านอยู่ดี และมันแสดงให้ผมเห็นว่าผู้คนสำคัญกว่าสิ่งของ มัลคอล์มได้รับบทเรียนนั้นหลังจากพนักงานดับเพลิงดับไฟที่เผาบ้าน พ่อแม่ และของรักของเขา
เราอยู่กันง่ายๆ สบายๆ ที่นี่
หลังเตียงผมมีรูปปักหมุดติดกับผนัง เอมี่พริ้นต์ทุกรูปจากอินสตาแกรมของผม รูปอัลเธียพาร์ก ที่ที่ผมชอบไปเพื่อใช้ความคิด รูปเสื้อเชิ้ตสีขาวชุ่มเหงื่อห้อยจากแฮนด์จักรยานของผม ถ่ายขึ้นหลังจากผมแข่งมาราธอนเป็นครั้งแรกเมื่อหน้าร้อนปีที่แล้ว รูปเครื่องเสียงสเตอริโอที่ถูกทิ้งไว้บนถนนคริสโตเฟอร์ มันเล่นเพลงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนและไม่เคยได้ยินอีก รูปทาโกเลือดกำเดาไหล ตอนนั้นเราพยายามคิดวิธีเชกแฮนด์สำหรับชาวพลูโต แต่ทุกอย่างพังหมดเพราะการโหม่งหัวใส่กันโง่ๆ รูปรองเท้าผ้าใบสองข้าง ข้างหนึ่งไซส์สิบเอ็ด ข้างหนึ่งไซส์เก้า ตอนนั้นผมซื้อรองเท้าคู่ใหม่แต่ดันไม่เช็กให้ดีว่ามันเข้าคู่กันไหมก่อนออกจากร้าน รูปผมกับเอมี่ ตาของผมขนาดไม่เท่ากันเหมือนเวลาที่ผมเมา ซึ่งตอนนั้นผม (ยัง) ไม่เมา แต่รูปนี้ควรค่าแก่การเก็บไว้เพราะแสงจากไฟถนนส่องหน้าเอมี่เป็นประกาย รูปรอยเท้าบนโคลนจากตอนที่ผมไล่จับเอมี่ไปทั่วสวนสาธารณะหลังฝนตกยาวหนึ่งสัปดาห์หยุดลง รูปเงาสองเงานั่งข้างกัน มัลคอล์มไม่ได้อยากมีส่วนร่วมด้วยเลย แต่ผมก็ถ่ายไว้อยู่ดี และอีกหลายรูปที่ผมจะทิ้งไว้ให้เพื่อนๆ ของผมหลังเดินออกไปจากที่นี่
เดินออกไปจากที่นี่…
ผมไม่อยากไปเลย
มาเทโอ
1:52 น.
ผมใกล้จะพร้อมออกไปข้างนอกแล้ว
ผมล้างจาน กวาดฝุ่นกับห่อลูกกวาดออกจากใต้โซฟา ถูพื้นห้องนั่งเล่น เช็ดคราบยาสีฟันบนซิงก์ในห้องน้ำจนสะอาดหมดจด แถมยังจัดที่นอนของตัวเองด้วย ผมกลับมานั่งหน้าแล็ปท็อปและเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า ซึ่งก็คือการคิดคำจารึกบนป้ายหลุมศพให้ได้ไม่เกินสิบสองคำ ให้ทำเรียงความก่อนเรียนยังดีซะกว่า ผมจะสรุปชีวิตตัวเองในสิบสองคำได้ยังไง
ตายรอดที่เดียวกัน : ในห้องนอนเขาเอง
ช่างเป็นชีวิตที่น่าเสียดาย
เด็กยังกล้าเสี่ยงมากกว่าเขาอีก
ผมต้องทำให้ดีกว่านี้ ทุกคนต่างหวังอะไรจากตัวผมมากกว่านี้ ตัวผมเองก็ด้วย ผมต้องให้เกียรติสิ่งนี้ มันเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้ทำแบบนั้น
นี่คือมาเทโอ เขาใช้ชีวิตเผื่อทุกคน
ผมกด ส่ง
ถอยไม่ได้แล้ว ใช่ ผมแก้ไขคำจารึกได้ แต่คำสัญญาไม่ได้ทำงานแบบนั้น และการใช้ชีวิตเผื่อทุกคนคือคำสัญญาที่ผมให้ไว้กับโลกใบนี้
ผมรู้ว่าตอนนี้ยังถือว่าเร็วอยู่สำหรับวันนี้ แต่อกผมบีบรัดเพราะตอนนี้ก็ถือว่าสายแล้วเหมือนกัน อย่างน้อยก็สำหรับเดกเกอร์ ผมทำคนเดียวไม่ได้ การไปจากที่นี่น่ะ ผมจะไม่ลากลิเดียให้มาอยู่กับผมในวันสุดท้ายหรอก ตอน (ไม่ใช่ถ้า) ผมออกไปจากที่นี่ ผมจะไปหาลิเดียกับเพนนี แต่ผมจะไม่บอกลิเดียเรื่องนี้ ผมไม่อยากให้เธอมองว่าผมตายไปแล้วก่อนที่ผมจะตายจริงๆ หรือทำให้เธอเศร้า บางทีผมอาจส่งโปสการ์ดที่อธิบายทุกอย่างให้เธอในขณะที่ผมใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก
สิ่งที่ผมต้องการตอนนี้คือโค้ชที่เป็นเพื่อนกับผมได้ด้วย หรือเพื่อนที่เป็นโค้ชให้ผมได้ และนั่นคือสิ่งที่แอพฯ ที่ได้รับความนิยมที่โปรโมตบ่อยๆ ในเคาต์ดาวน์เนอร์สช่วยจัดหาให้
แอพฯ เพื่อนคนสุดท้ายถูกออกแบบมาเพื่อเดกเกอร์ไร้เพื่อนกับคนดีๆ ที่อยากอยู่เป็นเพื่อนเดกเกอร์ในช่วงเวลาสุดท้ายของพวกเขา อย่าสับสนกับแอพฯ เนโครนะ อันนั้นเอาไว้ให้ใครก็ได้ที่อยากมีความสัมพันธ์ข้ามคืนกับเดกเกอร์…เป็นแอพฯ รักสนุกไม่ผูกพันขั้นสุด เนโครเป็นแอพฯ ที่กวนใจผมมาตลอด และไม่ใช่เพราะเซ็กซ์ทำให้ผมประหม่านะ ไม่ล่ะ แอพฯ เพื่อนคนสุดท้ายถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนรู้สึกมีค่าและได้รับความรักก่อนตาย ไม่มีค่าสมัครสมาชิก ไม่เหมือนเนโครที่คิดเงิน 7.99 ดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งมันกวนใจผมเพราะผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าชีวิตคนเรามีค่ามากกว่าเงินแปดดอลล์
ไงก็เถอะ ความสัมพันธ์ที่เกิดจากแอพฯ เพื่อนคนสุดท้ายเป็นอะไรที่ถ้าไม่ได้ก็เสียเลย ไม่ต่างจากการเริ่มต้นมิตรภาพใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้นั่นแหละ ผมเคยติดตามฟีดหนึ่งในเคาต์ดาวน์เนอร์ส เดกเกอร์คนนี้ได้เจอกับเพื่อนคนสุดท้ายแล้วนานๆ ถึงจะอัพเดตฟีดสักที บางทีก็เป็นชั่วโมงๆ จนถึงขั้นคนดูในห้องแชตนึกว่าเธอตายแล้ว แต่ความจริงเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอแค่กำลังใช้ชีวิตในวันสุดท้ายในอย่างที่มันควรจะเป็น หลังจากที่เธอตาย เพื่อนคนสุดท้ายของเธอเขียนคำไว้อาลัยสั้นๆ ที่ทำให้ผมรู้จักผู้หญิงคนนี้มากกว่าที่โพสต์อื่นๆ ของเธอทำได้ซะอีก แต่มันไม่ได้จับใจแบบนั้นตลอดหรอก เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เดกเกอร์ที่มีชีวิตแสนเศร้าคนหนึ่งเป็นเพื่อนกับฆาตกรต่อเนื่องชื่อกระฉ่อนของแอพฯ เพื่อนคนสุดท้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เรื่องมันเศร้าเกินกว่าจะอ่านต่อ และมันเป็นหนึ่งในหลายๆ เหตุผลที่ผมต้องดิ้นรนพยายามที่จะเชื่อใจโลกใบนี้
ผมคิดว่าการมีเพื่อนคนสุดท้ายน่าจะช่วยอะไรผมได้บ้าง แต่ก็นะ ผมไม่รู้ว่าอะไรน่าเศร้ากว่ากันระหว่างตายคนเดียวกับตายกับใครบางคนที่นอกจากจะไม่ได้มีความหมายอะไรเลยกับคุณแล้ว ยังไม่น่าจะแคร์อะไรคุณมากด้วย
เวลากำลังหมดไปเรื่อยๆ
ผมต้องลองและต้องค้นหาความกล้าที่เดกเกอร์เป็นร้อยเป็นพันก่อนหน้าผมเคยหาเจอให้ได้ ผมเช็กเงินในบัญชีของผมในเน็ต เงินที่เหลือจากทุนมหา’ลัยถูกโอนเข้ามาในบัญชีของผมโดยอัตโนมัติ มีแค่ประมาณสองพันดอลลาร์ แต่แค่นั้นก็เกินพอแล้วที่จะใช้ในวันนี้ ผมไปอารีน่าท่องโลกในดาวน์ทาวน์ได้ มันเป็นที่สำหรับให้เดกเกอร์กับผู้มาเยี่ยมชมได้สัมผัสวัฒนธรรมกับสภาพแวดล้อมของประเทศอื่นๆ และเมืองต่างๆ
ผมดาวน์โหลดแอพฯ เพื่อนคนสุดท้ายลงในมือถือ เป็นการดาวน์โหลดที่เร็วที่สุดที่เคยเจอ เหมือนมันเป็นสิ่งมีชีวิตมีประสาทสัมผัสที่เข้าใจจุดประสงค์ของการมีอยู่ของตัวมันเอง คือมันรู้ว่าเวลาของใครคนหนึ่งกำลังจะหมดลง อินเตอร์เฟซของแอพฯ นี้เป็นสีฟ้ากับภาพเคลื่อนไหวของนาฬิกาสีเทาพร้อมเงาสองเงาเคลื่อนมาแปะมือกัน คำว่า เพื่อนคนสุดท้าย พุ่งมาตรงกลางแล้วเมนูก็เลื่อนลงมา
ตายวันนี้
ไม่ได้ตายวันนี้
ผมเลือก ตายวันนี้ แล้วข้อความก็เด้งขึ้นมา
พวกเราบริษัทเพื่อนคนสุดท้าย ขอร่วมกันแสดงความเสียใจต่อการจากไปของคุณ และขอแสดงความเห็นใจอย่างลึกซึ้งต่อคนที่รักคุณและคนที่จะไม่มีวันได้พบคุณ พวกเราหวังว่าวันนี้คุณจะได้พบเพื่อนใหม่คนสำคัญที่จะใช้เวลาร่วมกับคุณในช่วงเวลาสุดท้าย กรุณากรอกประวัติเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
พวกเราเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องเสียคุณไป
บริษัทเพื่อนคนสุดท้าย
ช่องประวัติโล่งๆ เด้งขึ้นมา ผมกรอกลงไป
ชื่อ : มาเทโอ ทอร์เรส
อายุ : 18
เพศ : ชาย
ส่วนสูง : 178 ซม.
น้ำหนัก : 74 กก.
เชื้อชาติ : เปอร์โตริโก
รสนิยมทางเพศ : <ข้าม>
อาชีพ : <ข้าม>
ความสนใจ : ดนตรี เตร็ดเตร่
หนังเรื่องโปรด/รายการทีวีโปรด/หนังสือเล่มโปรด : ทิมเบอร์วูล์ฟส์ โดยกาเบรียล รีดส์/ “เพลดอิสเดอะนิวแบล็ก”/ เดอะสกอร์เปียสฮอว์ธอร์นซีรี่ส์
ชีวิตของคุณ : ผมเป็นลูกคนเดียวและมีแค่พ่อมาตลอด แต่พ่อผมอยู่ในอาการโคม่ามาสองอาทิตย์แล้วและน่าจะตื่นหลังผมจากไป ผมอยากทำให้พ่อภูมิใจและกล้าทำอะไรใหม่ๆ ผมจะเป็นเด็กที่เอาแต่เลี่ยงการเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ต่อไปไม่ได้เพราะสิ่งเดียวที่มันทำคือรั้งไม่ให้ผมออกไปอยู่ข้างนอกนั่นกับพวกคุณ…ไม่งั้นผมอาจได้เจอพวกคุณเร็วกว่านี้
รายการสิ่งที่อยากทำก่อนตาย : ผมอยากไปโรงพยาบาลเพื่อบอกลาพ่อต่อด้วยเพื่อนสนิทของผม แต่ผมไม่อยากบอกเธอว่าผมกำลังจะตาย หลังจากนั้นก็ไม่รู้แล้ว ผมอยากสร้างความเปลี่ยนแปลงให้คนอื่นและค้นหามาเทโอที่ต่างไปจากเดิมในตอนที่ยังทำได้อยู่
คำพูดทิ้งท้าย : ผมเอาจริงนะ
ผมส่งคำตอบ แล้วแอพฯ ก็ให้ผมใส่รูปภาพ ผมเลื่อนดูอัลบั้มในมือถือ มีรูปเพนนีอยู่หลายรูปกับภาพถ่ายหน้าจอของเพลงที่ผมจะแนะนำให้ลิเดียฟัง มีรูปอื่นๆ ที่เป็นรูปผมกับพ่อในห้องนั่งเล่น มีรูปถ่ายเกรดสิบเอ็ดของผมที่ดูไม่ได้เลย ผมเจอรูปหนึ่งที่ผมถ่ายตัวเองใส่หมวกลุยจิที่ผมชนะรางวัลเมื่อเดือนมิถุนาจากการเข้าร่วมการแข่งขันเกมมาริโอคาร์ตออนไลน์ ความจริงผมต้องส่งรูปตัวเองให้ผู้จัดการแข่งขันให้เขาเอาไปลงในเว็บไซต์ แต่ผมไม่คิดว่าเด็กหนุ่มใส่หมวกลุยจิทำตัวบ้าๆ บอๆ ดูเป็นตัวเองสักเท่าไหร่ ผมเลยไม่ได้ส่งรูปไป
แต่ผมคิดผิด ทำไมน่ะเหรอ นั่นน่ะคือคนที่ผมอยากเป็นมาตลอด…สบายๆ สนุกสนาน ไร้กังวล จะไม่มีใครดูรูปนี้แล้วคิดว่ามันดูไม่ใช่ตัวผมเพราะไม่มีพวกเขาคนไหนรู้จักผมเลย พวกเขาจะแค่คาดหวังให้ผมเป็นคนที่ผมพรีเซนต์ให้พวกเขาเห็นในโพรไฟล์
ผมอัพโหลดรูป แล้วข้อความสุดท้ายก็เด้งขึ้นมา ดูแลตัวเองด้วย มาเทโอ
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
comments
No tags for this post.