ตอนที่ 11
อาร์เธอร์
“ลูกต้องใจเย็นๆ นะ” พ่อพูด “ปล่อยไปก่อนแล้วอีกชั่วโมงค่อยเช็กอีกที”
“ผมรู้ แต่ถ้า…”
“ถ้าเขาอีเมลมาน่ะเหรอ ก็ดีเลย ลูกไม่ได้อยากตอบเขาทันทีอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ”
“ไม่เหรอ”
“ไม่ๆๆๆ พระเจ้า ไม่ ลูกต้องนิ่งไว้ อาร์ธ แต่ต้องไม่นิ่งเกินไป นิ่งนิดเดียวพอ” ประโยคนี้ออกมาจากปากของผู้ชายที่สวมผ้ากันเปื้อนลายแฟลชไดรฟ์พร้อมข้อความ ‘สำรองข้อมูลซะสิ’
มือถือผมสั่นเพราะมีแจ้งเตือนอีเมลเข้า
พ่อจะฉกมือถือผมไป แต่ผมดึงมันหนีออกมาห่างๆ แล้วเปิดกล่องอินบ็อกซ์
เพิ่มมาอีกสอง ผมทึ่งมากเลยนะ ผมเพิ่งแปะโปสเตอร์ไปเมื่อสิบเอ็ดชั่วโมงก่อน แต่ตอนนี้ผมได้รับอีเมลตั้งสิบหกฉบับ
ฉันเห็นโปสเตอร์ล่ะ ไม่ใช่คนที่นายตามหาหรอกแต่โชคดีนะ!
โอเอ็มจี โรแมนติกมากเลย ผู้ชายในรูปก็ฮอตเว่อร์ ว้าว
ไม่มีอีเมลจากหนุ่มถือกล่อง แหงล่ะ แต่จังหวะหัวใจของผมไม่รู้ด้วย มันเต้นผิดปกติทุกครั้งเลยเวลามีอีเมลเข้ามาใหม่
ผมอ่านหัวข้อเรื่องผ่านๆ เร็วๆ อันแรกเขียนว่า อายุเท่าไหร่ ไม่มีการเกริ่นหรือการอารัมภบทใดๆ อันที่สองเขียนว่า นี่คือเรื่องจริงใช่มั้ย
“พอเถอะน่า พ่อต้องการลูกนะ เราต้องทำแซนด์วิชชีสย่าง” พ่อยกมีดขึ้นมา “วางมือถือ เดี๋ยวนี้”
“ไม่งั้น…พ่อจะแทงผมเหรอ”
“หา” พ่อขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปมองมีด “โอ้ เหอะ เปล่า พ่อตัดขอบขนมปังอยู่ เอามือถือไปเก็บเร็ว วาร์ท”
“วาร์ทเหรอ”
“เหมือนในเรื่องอภินิหารดาบกู้แผ่นดินไง ไม่เหรอ”
“ไม่” ผมเปิดอีเมลอันที่สองที่ส่งจากคนที่ชื่อเบน ฮิวโก้ ผมว่าไม่น่าจะมีอะไรหรอก น่าจะเป็นพวกที่นอนกับคนอื่นไปเรื่อย แต่ผมรู้สึกเหมือนท้องมันกำลังขมวดเป็นปม จะแก้ยังไงก็แก้ไม่ออก
ถ้าเกิดว่ามันคือเขาล่ะ
“พ่อว่าพ่อจะเรียกลูกว่าวาร์ทจนกว่าลูกจะเก็บมือถือ” พ่อพูด
โอเค มีข้อความด้วย หนึ่งย่อหน้า และ…
เชี่ย
ไง ฉันไม่รู้ว่านี่คือมุกตลกหรือเล่นแกล้งกันหรือว่าอะไร แต่ฉันเห็นประกาศเรื่องที่ทำการไปรษณีย์ของนาย บอกตามตรง ฉันออกจะสติแตกหน่อยๆ แต่เป็นในทางที่ดี เพราะฉันคิดว่าฉันคือคนที่นายตามหา หวังว่าจะไม่ฟังดูน่าขนลุกนะ ไงก็เถอะ หวัดดีอีกครั้งนะ ฉันชื่อเบน
ผมจ้องข้อความนิ่ง
อึ้งจนพูดไม่ออก
มือผมสั่น ผมต้อง…โอเค ผมนั่งลงบนขอบเตียง มือสองค้างถือมือถือ คำทุกคำพร่ามัวไปหมด ผมไม่…เบน นั่นคือชื่อเขา และมันสมบูรณ์แบบ อาร์เธอร์กับเบน อาร์เธอร์กับเบนจามิน
ผมต้องเขียนตอบ ห่าเอ๊ย นี่คือความจริง
เว้นแต่
ผมจ้องข้อความนั้น โอเค
โอเค
คือในทางเทคนิคแล้ว มันเป็นไปได้ว่าอาจมีคนหลอกแกล้งผม แปลว่าผมยังตื่นเต้นไม่ได้ ยังไม่ใช่ตอนนี้
ผมต้องทดสอบเขาก่อน
ไง เบน
เบน ตามที่นายบอกอ่ะนะ
ขอบใจที่ส่งอีเมลมานะ ดีใจมากเลยที่ได้เจอนาย ช่วยตอบคำถามนี้อย่างละเอียดหน่อยนะ วันที่เราเจอกันที่ที่ทำการไปรษณีย์ พนักงานไปรษณีย์ใส่ห่วงเจาะแบบไหน
กดส่ง
หนึ่งนาทีต่อมา ล้อกันเล่นรึเปล่า
อะไรนะ
อย่างละเอียดเหรอ นายเหมือนครูของฉันเลย หน้ายิ้ม
โอเค แบบนี้มันหยาบคายไปหน่อยเนอะ
ผมรีบพิมพ์ อืม…ฉันไม่ได้ล้อนายเล่นนะ เพราะงั้นถ้านายแค่อยากจะแกล้งฉันเล่นเฉยๆ ล่ะก็ หยุดเถอะ
กดส่ง
แต่เบนไม่ตอบ นานจนผมรู้สึกเหมือนผ่านไปแล้วชั่วโมงหนึ่ง
“วาร์ท ยังมีชีวิตอยู่มั้ย”
พ่อ เกือบสะดุ้งแน่ะ
“กำลังจะไปแล้ว! แค่…”
มือถือผมสั่น นายคิดว่าฉันแกล้งนายเล่นเหรอ
ก็นะ ใช่
โอเค ว้าว ขอโทษนะ ฉันไม่ได้แกล้งนายเล่น เชื่อฉันเถอะ
ผมรู้สึกหวิวๆ ในท้อง โอเค
นี่ นายโทรหาฉันดีมั้ย ฉันว่าแบบนั้นน่าจะดีกว่า
เขาอยากให้ผมโทรหาเขา แบบโทรศัพท์คุยกันจริงๆ โทรคุยกับเบนจามิน เบน คนที่ไม่ได้แกล้งผมเล่น เขาไม่ทำแบบนั้นแหงอยู่แล้ว เขาคือเบน เขาไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นหรอก
เขาส่งเบอร์มือถือให้ผม
ผมกดโทรออก โทรติดด้วย มันกำลังเกิดขึ้นแล้ว มันกำลัง…
“ไง”
โอ้มายก็อด
“อาร์เธอร์ใช่มั้ย” เสียงเขาอู้อี้ “แป๊บนะ”
ผมได้ยินเสียงขยับตัวกับเสียงฝีเท้า ก่อนจะได้ยินเสียงประตูปิด
“โอเค โทษที คือ…เพื่อนฉันอยู่น่ะ ไงก็เถอะ ฟังนะ ฉันไม่ได้แกล้งนายเล่นในอีเมล มันแค่…ไม่รู้สิ มันฟังดูเหมือนอะไรที่ครูของฉันน่าจะพูดน่ะ น่ารักดี”
“ครูไม่น่ารักสักหน่อย”
เขาหัวเราะที่ผมพูดแบบนั้น และมันทำให้ผมยิ้ม แต่ผมยังดูไม่ออกว่าใช่เขาจริงๆ รึเปล่า ผมดูไม่ออกว่าเบนคือคนที่ผมตามหารึเปล่า ตอนแรกผมคิดว่าจะจำเสียงเขาได้ ผมนึกว่าจะรู้เลยตอนได้ยินเสียงเขา
“นายยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลย” ผมพูด
“นั่นสินะ”
“ฉันไม่ได้อยากทำตัวนิสัยเสียหรอกนะ แต่ฉันได้รับอีเมลจากคนแปลกหน้าเยอะมาก และ…ฉันต้องรู้ให้ได้ว่านี่คือนายจริงๆ”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง “ฉันจำเรื่องห่วงเจาะไม่ได้น่ะ”
“โอ้”
“แต่ฉันส่งรูปเซลฟี่ให้ได้นะถ้านายต้องการ นายใส่เนกไทลายฮอตดอก แล้วก็มีแฟลชม็อบกับฝาแฝดใส่ชุดรอมเปอร์ และฉันคิดว่าฉันบอกว่านายเป็นนักท่องเที่ยวใช่มั้ย อ้อ นายพูดถึงลุงทวดชาวยิว…”
“ชื่อมิลตัน” ใจผมเต้นกระหน่ำ
“ใช่” แล้วเขาก็เหมือนจะเงียบไป “นายเองสินะ”
ผมพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
“ฉันอึ้งอยู่น่ะ” ผมพูดในที่สุด
“อืม แบบนี้มันแปลกมากเลย”
ยิ่งกว่าแปลกอีก มันคือความน่าอัศจรรย์ มันคือช่วงเวลาแห่งนิวยอร์กที่ผมเฝ้าฝันถึง คู่รักได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ออเคสตราบรรเลงเพลงได้ หนุ่มถือกล่องมีตัวตนอยู่จริง
เขามีตัวตนอยู่จริง เขาชื่อเบน และเขาเจอผม
“ไม่อยากจะเชื่อ บอกแล้วไงว่าจักรวาลไม่ใช่ไอ้ระยำ ฉันบอกแล้ว!”
“ฉันว่าจักรวาลช่วยเราไว้จริงๆ”
“ใช่เลย” ผมยิ้มกับมือถือ “คราวนี้เอาไงต่อดี”
เขาเงียบไป “หมายความว่าไงน่ะ”
โอ้ เชี่ยละ โอเค บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยากเจอผมก็ได้ เขาอาจจะอยากทำแค่นี้ โทรคุยกันสักครั้ง นี่จะเป็นจุดจบของเรา บางทีเขาอาจจะสนใจผมจนกระทั่งได้ยินเสียงผมในมือถือนี่แหละ เพราะว่าผมพูดเร็วเกิน อีธานเคยบอกผมอยู่ เขาเคยถามผมว่า ‘นายหายใจตอนไหนเนี่ย’
“ฉันหมายความว่าไงล่ะ” ผมถามออกไปในที่สุด
“คือ…นายอยากมาเจอฉันเหรอ” เขาพูดออกมาเฉยๆ ย้ำที่คำว่า ‘นาย’ เหมือนผมยังชัดเจนไม่พองั้นแหละ แบบ ถามจริงเหอะ ฉันเอาโปสเตอร์ไปติดตามหานายนะ นึกว่านายจะรู้ซะอีกว่าฉันต้องการอะไร
“แล้วนาย…” ผมเริ่มถาม แต่เราดันพูดขึ้นมาพร้อมกัน ผมหน้าแดง “นายพูดก่อน”
“เอ้อ คือว่า” ผมเกือบได้ยินเสียงเขากัดริมฝีปากเลย “ขอถามหน่อยนะ นั่นตานายจริงๆ ใช่มั้ย”
“อะไรนะ”
“นายใส่คอนแทกใช่มั้ย”
“ฉันใส่…คอนแทกใส”
“งั้นตานายก็ฟ้าขนาดนั้นเลยเหรอ”
“คงงั้นมั้ง”
“อ่า” เขาพูด “เจ๋งมากเลย”
“เอ่อ ขอบใจ”
เขาหัวเราะ ก่อนจะเงียบไป
“งั้น…” ผมพูด
“อาฮะ” เขาหยุดไป “งั้นจะเอายังไงดี”
“อาร์เธอร์” พ่อผมเรียก
ผมไถลลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอาศอกดันประตูปิดแล้วล็อกซะ “เอาไงอะไร”
“ที่จะมาเจอกันน่ะ เราควร…”
“เอาสิ” ผมตอบเร็วไปหน่อย ผมสูดหายใจลึก “คือ ถ้านายอยากทำงั้น”
“แน่นอน” เบนพูด “กาแฟดีมั้ย”
กาแฟ ถามจริง คือ ในทางเทคนิคแล้วก็โอเคแหละ ผมจะดื่มกาแฟกับเบน จะนั่งกับเขาบนถนนที่รถติดและจะไปเที่ยวที่สำนักงานสอบใบขับขี่กับเขา แต่นี่มันให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่กว่าการไปดื่มกาแฟ ผมมั่นใจว่านี่คือพรหมลิขิต เหมือนเราถูกลิขิตมาให้เจอกัน จากกัน และกลับมาพบกันอีกครั้ง เพราะฉะนั้นเดตนี้ต้องพิเศษหน่อย เป็นเดตแบบสกาเวนเจอร์ฮันท์ มีรถม้า มีพลุ มีชิงช้าสวรรค์ด้วย
พระเจ้า ลองคิดภาพเราจับมือกันบนชิงช้าสวรรค์สิ
“โคนี่ไอส์แลนด์ล่ะ” ผมโพล่งออกมา
“มันทำไมเหรอ”
“แบบ…จุดหมายปลายทางแรกของเรา ที่จะไปด้วยกันน่ะ”
เราสองคนเงียบไปครู่หนึ่ง
“โคนี่ไอส์แลนด์เหรอ” เขาถามในที่สุด
“มันเป็นสวนสนุกสมัยเก่า”
“อืม ฉันรู้ว่าโคนี่ไอส์แลนด์คืออะไร” เขาพูด “นายอยากไปที่นั่นเหรอ”
“ไม่…คือ ไม่ต้องเป็นที่นั่นก็ได้ เว้นแต่นายอยากไป” ผมรัวนิ้วกับขอบเตียง
“ฉันคิดว่าเรา…”
“ไม่เป็นไร!” ผมสูดหายใจ “ทำไมนายไม่เป็นคนเลือกล่ะ”
“นายอยากให้ฉันวางแผน…เดตของเราเหรอ”
เดต เขาพูดคำนี้ออกมาล่ะ แม่เจ้า เราจะไปเดตกัน เจ๋งโคตร เขาสนใจผมแบบคนรัก ผมสนใจเขาแบบคนรัก แปลว่าในที่สุดมันก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆ เดตของจริงกับผู้ชายตัวเป็นๆ นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอันดับหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะ และผมทำใจให้สงบไม่ได้ ไม่มีทางเลย
แต่โอเค
ผมควรสูดหายใจ
“ก็ได้นะ” ผมพูดอย่างใจเย็น แบบโคตรชิล นิ่งสุด ผมยักไหล่ “ถ้านายอยากทำ”
“ได้สิ ได้เลย งั้นก็ โอเค พรุ่งนี้นายว่างมั้ย สักสองทุ่ม”
“สองทุ่ม ได้!”
ผมหยุดยิ้มไม่ได้ ผมแบบ แม่เจ้า ผมกำลังจะไปเดต
“โอเค ฉันว่าฉันมีไอเดียละ” เขาพูดช้าๆ “แต่อยากให้เป็นเซอร์ไพรส์น่ะ เจอกันนอกสถานีรถไฟใต้ดินมั้ย ตรงทางเข้าหลัก”
“ฟังดูดีนะ”
ที่บอกว่าดีน่ะ ผมหมายถึงเยี่ยมไปเลย หมายถึงมันเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ หมายถึงผมกำลังอยู่ในละครเพลงบรอดเวย์ นี่แหละละครเพลงบรอดเวย์ของจริง
“โอเค เจอกันนะ”
เราวางสาย ผมนั่งนิ่งและจ้องหน้าจอมือถือไปหนึ่งนาทีเต็มๆ
ผมกำลังจะไปเดต ไปเดต กับเบน ผมเดตกับเบน โอ้พระเจ้า โอ้จักรวาล แม่งเอ๊ยยย
ผมห้ามทำมันพังเด็ดขาด
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน What If It’s Us ฉบับเต็ม
Comments
comments
No tags for this post.