ทดลองอ่านเรื่อง คุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ เล่ม 1
ผู้เขียน : เจี้ยงจื่อเป้ย
แปลโดย : ปราณหยก
ผลงานเรื่องคุณชายแซ่กู้กับเจ้าสุนัขลู่จอมดุ
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 5
เด็กสาวดูซับกระสุนให้ห้องไลฟ์แล้วซื้อการ์ดเพิ่มเวลาให้ตัวเองถึงห้านาทีเต็มๆ
“คือว่า…เยี่ยนเยี่ยนเหล่ากงคะ หลายคนในห้องไลฟ์มีเรื่องอยากถามคุณค่ะ…”
ช่วงที่เธอพูด ลู่เยี่ยนจะพูดไม่ได้ และเธอก็ไม่สนใจว่าลู่เยี่ยนจะโอเคหรือไม่แล้วเริ่มหาซับกระสุนขึ้นมา
ซับกระสุนแนวแทะโลมจำนวนมากวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว คนไลฟ์ใช้เวลาหาอยู่นานกว่าจะเจอคำถามสองสามคำถาม
“ไม่ทราบว่าผลงานเรื่องต่อไปของเยี่ยนเยี่ยนคืออะไรคะ แล้วซีรี่ส์เรื่อง ‘ตำนานพระสนมซีเฟย’ ถ่ายทำไปถึงไหนแล้ว”
คำถามนี้ถือว่ากลางๆ
“และมีสุภาพบุรุษหลายท่านถามว่าคุณใช้ที่โกนหนวดไฟฟ้ายี่ห้ออะไร”
อันนี้เป็นคำถามประหลาด
“แฟนคลับบางคนถามว่า…ใต้ผ้าขนหนูไม่มีอะไรเลยจริงหรือเปล่า…”
นิ้วชี้ของกู้ซวีที่กำลังเคาะโต๊ะพลันชะงัก
“และคำถามสุดท้ายปัญหาที่ทุกคนคาใจกันที่สุดนั่นคือ…เยี่ยนเยี่ยน อยากได้แฟนคลับเป็นแฟนครับไหมคะ”
เด็กสาวพูดจบก็หน้าแดงแจ๋แล้วกดปุ่มจบทันที
ความจริงแล้วการที่เธอถามคำถามสองสามคำถามออกไปนั้นก็ไม่ได้หวังว่าจะได้รับคำตอบจากลู่เยี่ยน เพราะเมื่อตัวตนในเกมถูกถลกออกไปแล้วเขาก็มีโอกาสออกจากเกมไปได้เลย แต่เพราะในห้องไลฟ์มีคนเยอะเกินไป เธอเลยต้องทำตามความต้องการของผู้ชม เนื่องจากมีคนจำนวนมหาศาลส่งของขวัญมาขอให้เธอช่วยถามคำถามให้
พอถึงคราวลู่เยี่ยนพูด เขาสวมเสื้อสีขาวตัวหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ผมยังเปียกอยู่เล็กน้อย ชายหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่สีเทาอ่อน
เขายังคงยิ้มแย้มไม่เปลี่ยน น้ำเสียงเองก็อ่อนโยนมาก ลู่เยี่ยนมองกล้องอย่างใจเย็น ท่าทางงามสง่าเหมือนกำลังให้สัมภาษณ์อยู่ในรายการใดรายการหนึ่ง
“ผลงานเรื่องต่อไปยังไม่ได้ระบุครับ”
“ส่วนฉากของผมในเรื่องตำนานพระสนมซีเฟยถ่ายเสร็จแล้ว นี่ถือเป็นพระเอกที่มีซีนน้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยแสดงมาเลย” ลู่เยี่ยนยิ้มจนตาหยีเล็กน้อย ดูเข้ากับชุดลำลอง คนทั้งคนเหมือนอาบไล้ด้วยรัศมีอันอบอุ่น
“ส่วนเรื่องที่โกนหนวดไฟฟ้า…” เขาพูดพลางหยิบที่โกนหนวดไฟฟ้าขึ้นมาจากด้านข้างแล้วชูให้กล้องดู “ผมก็ไม่รู้ว่าคือยี่ห้ออะไรเพราะผู้ช่วยให้มา แล้วผมก็แกะห่อทิ้งไปแล้ว”
พอตอบสามคำถามนี้จบลู่เยี่ยนก็วางของในมือลง ทันใดนั้นเขาก็ยื่นหน้ามาหากล้อง ใบหน้าหล่อเหลาใหญ่เต็มหน้าจอ ดาราชายสมัยนี้ล้วนแต่งหน้า ดาราชายบางคนดูดีได้ด้วยคอนทัวร์กับดินสอเขียนคิ้ว ทำให้ภาพตอนก่อนแต่งหน้ากับหลังแต่งหน้ามีความแตกต่างกันอยู่บ้าง
แต่ลู่เยี่ยนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ บนใบหน้ายังมีหยดน้ำเกาะ นี่จึงเป็นหน้าสดอย่างชัดเจน แต่กลับไม่ได้แตกต่างจากเวลาอยู่ในจอ ผิวของชายหนุ่มดีจริงๆ อยู่ใกล้ขนาดนี้ก็ยังหาที่ติไม่ได้เลยสักนิด
“ใต้ผ้าขนหนู” เขาลดเสียงลง มีความเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก “…แน่นอนว่าบอกไม่ได้ครับ”
“ส่วนคำถามสุดท้าย…เป็นคำถามประเภทที่ถ้าอยู่ในการสัมภาษณ์ต้องถูกเชิญออกจากห้องสัมภาษณ์นะครับ”
พูดจบลู่เยี่ยนยังคงยิ้มบางๆ ขณะโบกมือให้กล้อง “ผมยังมีธุระอีกนิดหน่อย ต้องขอตัวออกจากเกมก่อน อย่ารายงานผมนะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะโดนระงับการใช้งาน ขอบคุณครับ”
จากนั้นเขาก็ยื่นมือมากดปุ่มจบการพูด
ต่อมาภาพของผู้เล่นเบอร์แปดก็ขึ้นตัวหนังสือตัวใหญ่ว่า ‘ออกจากเกมแล้ว’…โดยที่ลู่เยี่ยนได้ลบแอพฯ ทิ้งไปแล้ว
สุดท้ายซับกระสุนก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง ซับกระสุนวิ่งมากมายจน…เด็กสาวที่เป็นคนไลฟ์ได้รับของขวัญจนเว็บล่ม
[อ๊าๆๆๆ เยี่ยนเยี่ยนของฉันหล่อตาแตกจริงๆ ไม่ไหวละ ฉันต้องกระหน่ำให้ของขวัญทับคนไลฟ์ให้แบนเพื่อเป็นการขอบคุณคนไลฟ์ที่ทำให้ฉันได้เจอเยี่ยนเยี่ยนของฉัน]
[ทำไมคนไลฟ์ไม่ถามเขาว่าจะอัพเวยป๋อเมื่อไหร่!]
[ฉันถูกลู่เยี่ยนตกเข้าด้อม* แล้ว ฉันขอไปดูซีรี่ส์ของเขาก่อนนะ บ๊ายบาย]
[ขอคุกเข่าให้แก่ความงามของลู่เยี่ยน]
พอลู่เยี่ยนออกจากเกมไปแล้ว กู้ซวีก็ออกจากห้องไลฟ์ด้วยเหมือนกัน
เขาวางแท็บเลตไว้ด้านข้างก่อนจุดบุหรี่หนึ่งมวน ควันสีขาวลอยเอื่อย
ลู่เยี่ยนในตอนกลางวันดูนิ่งเฉย ไม่สะทกสะท้าน สีหน้าเฉยเมย
แต่ลู่เยี่ยนในตอนกลางคืน…
ในสมองของกู้ซวีพลันมีคำหนึ่งผุดขึ้นมาว่า…น่าหม่ำ
กู้ซวีหัวเราะเบาๆ คิดไม่ถึงว่าวันแรกที่ได้รู้จักกันเขาจะได้เห็นสองลุคที่ตรงข้ามกันของลู่เยี่ยน…น่าสนใจจริงๆ
ชายหนุ่มพ่นควันช้าๆ ยิ้มน้อยๆ พลางกดปุ่มเรียก เพียงชั่วอึดใจสวีเฟยก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามา
“ประธานกู้”
กู้ซวีดับบุหรี่ น้ำเสียงที่เอ่ยแหบต่ำ “เตรียมเรื่องเข้าซื้อกิจการของโต้วเมา TV”
“ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” สวีเฟยพูดจบก็เตรียมตัวเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน” แต่กู้ซวีเรียกเขาไว้ สายตาหยุดอยู่ที่แผนพัฒนาที่ดินในมือ “ซื้อมื้อค่ำมาให้ฉันด้วย”
สวีเฟยชะงักเล็กน้อย ยากมากที่จะเห็นเจ้านายของเขากินมื้อค่ำสักครั้ง “…คุณอยากกินอะไรครับ”
“อะไรก็ได้” กู้ซวีโค้งมุมปากเล็กน้อย “จู่ๆ ก็หิวขึ้นมา”
จากนั้นสวีเฟยก็รับคำด้วยท่าทางนิ่งๆ “ได้ครับ ผมจะไปซื้อเดี๋ยวนี้”
หลินอันนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ เขาอ่านข่าวในมือพลางทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่หยุด “ไอ้หยา ผ้าขนหนูของนายโดนลมแอร์แล้วจะหลุดไหมเนี่ย”
ลู่เยี่ยนเอนตัวอยู่บนเบาะด้านหลัง สองตาปิดสนิท ไม่ได้สนใจเขา
แต่หลินอันพูดอีกว่า “จริงๆ แล้ว…อย่าให้พูดเลยนะ จุ๊ๆ ดูกล้ามอก กล้ามท้อง วีไลน์นี่สิ มีหยดน้ำเกาะด้วย…สุดยอดเลย ลู่เยี่ยน ฉันไม่เคยรู้เลยว่านายมีพรสวรรค์ด้านนี้ด้วย อีกสองสามวันฉันจะส่งนายไปขึ้นปกนิตยสาร TAXS รับประกันว่ายอดขายของพวกเขาจะต้องทำสถิติใหม่ได้แน่นอน”
TAXS เป็นนิตยสารภายในประเทศที่มียอดขายระเบิดระเบ้อ สาเหตุใหญ่เป็นเพราะปกหนังสือของพวกเขา ทุกครั้งจะเป็นภาพแนวเซ็กซี่ของดาราแต่ละคน ยิ่งนานวันก็ยิ่งเดินอยู่แถวๆ ชายขอบถูกสั่งห้ามจำหน่าย
ลู่เยี่ยนเอ่ยถามอย่างจริงจัง “หลินอัน นายไม่ได้ถูกซ้อมมานานแค่ไหนแล้ว”
หลินอันมองเมินคำขู่ในวาจาของอีกฝ่ายและเลื่อนดูเวยป๋อต่ออย่างอารมณ์ดี
เขาแฮปปี้มากจริงๆ เพราะในขณะที่คนอื่นต้องคิดหาวิธีซื้อตำแหน่งในช่องการค้นหายอดนิยมกันอยู่ทุกวัน ศิลปินของเขาแค่เล่นเกมเรื่อยเปื่อยก็ได้ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในช่องการค้นหายอดนิยมแบบหน้าตาเฉย
ทันใดนั้นหลินอันก็ขำพรืด ต่อด้วยการระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฟัค! ลู่เยี่ยน ผู้ดูแลเวยป๋อบล็อกคลิปของนายแล้วด้วยนะ!”
ลู่เยี่ยน “…”
เขาช้อนตาขึ้นอย่างเยือกเย็นแล้วหยิบมือถือออกมาดู
แถวแรกในเทรนด์ของเวยป๋อคือคลิปที่แชร์กันในแอ็กเคานต์เวยป๋อออฟฟิเชียล ดูจากเนื้อหาแล้วน่าจะเป็นคลิปของผู้เล่นเกมในวันนั้นที่ถูกคนบันทึกภาพไว้และนำมาตัดต่อ ลู่เยี่ยนจึงกดเข้าไปดู ในคลิปนี้เหลือเพียงคำพูดประโยคหนึ่ง พื้นหลังสีดำ และตัวหนังสือสีขาว
‘เนื่องจากคลิปนี้มีเนื้อหาผิดระเบียบจึงถูกผู้ดูแลปิดกั้นการมองเห็น’
จากนั้นก็มีตัวการ์ตูนสีฟ้าหนึ่งตัวคุกเข่าร้องไห้
อะไรวะ
ความจริงลู่เยี่ยนไม่แคร์เรื่องภาพโชว์หุ่น เพราะเขาเคยถ่ายภาพโชว์หุ่นแบบกลุ่มมาแล้ว และในภาพแบบกลุ่มนั้นบทบาทที่เขาแสดงคือนักกู้ภัยหุ่นล่ำ ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าเต็มไปด้วยฝุ่นและเลือด แถมยังมีบาดแผลเป็นริ้วๆ กำลังออกแรงขนย้ายหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเพื่อช่วยเด็กผู้หญิงที่ถูกฝังอยู่ใต้ก้อนหิน เวลาต่อมาภาพนี้ได้รับรางวัลจำนวนไม่น้อย
นอกจากนี้เขายังเคยถ่ายฉากบนเตียงในซีรี่ส์โดยเปลือยท่อนบน ท่อนล่างสวมกางเกงขายาวสีขาวหนึ่งตัว ซ่อนร่างกายเกินครึ่งไว้ในผ้าห่ม แต่มันก็ยังชวนให้คิดลึกได้ไม่เท่าผ้าขนหนูที่จะหลุดมิหลุดแหล่ผืนนั้น
ทว่ารอบนี้การที่คลิปอวดเรือนร่างแบบวับๆ แวมๆ ของตัวเองถูกแชร์ไปทั่วแล้วยังโดนทางเวยป๋อบล็อกอีก ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็รู้สึกพิลึก
เวยป๋อของศิลปินจำนวนมากอยู่ในความดูแลของบริษัท แต่ของลู่เยี่ยนไม่ใช่ ถึงแม้ว่าเวยป๋อของเขาจะมีการโพสต์น้อย แต่ชายหนุ่มก็พิมพ์เองทุกถ้อยคำ ทุกประโยค และโพสต์ภาพประกอบเองกับมือ
เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองสูงส่งจนการมีคนมาชื่นชอบเป็นเรื่องที่ชอบด้วยเหตุผล แต่การมีคนมาชื่นชอบก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง
ด้วยความที่มักจะยุ่งอยู่กับการโปรโมต ช่องทางที่เขาสามารถสื่อสารกับแฟนคลับได้เลยมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย และเวยป๋อก็เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่ตอนที่เขายังไม่ดังจนถึงปัจจุบันเขาเลยไม่เคยยกแอ็กเคานต์เวยป๋อให้บริษัทดูแล ขนาดบริษัทซิงอวี๋ยังไม่มีแม้แต่รหัสเข้าเวยป๋อของเขา
ลู่เยี่ยนคิดแล้วกดค้างที่ไอคอนแอพฯ ในมือถือ จากนั้นก็กดสามจุดตรงมุมขวาบนของแอพฯ เกมล่ามนุษย์หมาป่า
หน้าต่างสนทนาอันหนึ่งเด้งออกมา
‘ต้องการลบ ‘เกมล่ามนุษย์หมาป่า’ หรือไม่’
เขาแคปหน้าจอแล้วโพสต์ลงเวยป๋อ
ลู่เยี่ยน [ยิ้มน้อยๆ][ลาก่อน][ภาพประกอบ]
แฟนคลับในเวยป๋อของลู่เยี่ยนมีมากกว่าสี่สิบล้านคน เวยป๋อเพิ่งโพสต์ไปได้ไม่กี่นาทีก็ได้รับคอมเมนต์เป็นพันแล้ว
[ฉันเพิ่งดาวน์โหลดแอพฯ มาเมื่อกี้ คุณก็ลบแล้วเหรอ! ไม่นะ ขอให้เราได้บังเอิญเจอกันแบบแซ่บๆ สักครั้งนะคะ เหล่ากง!]
[ฉันขอถามหน่อยนะ ที่รักคะ ที่บ้านคุณมีผ้าขนหนูที่ไม่ใช้แล้วบ้างไหม ขายให้ฉันสักผืนได้หรือเปล่า]
[เหล่ากงไม่ต้องกลัว ฉันจะช่วยเซ็นเซอร์ให้คุณเอง! [ภาพประกอบ]]
ลู่เยี่ยนคลิกภาพดูก็พบว่าเซ็นเซอร์ได้ไม่เลว แต่จะเซ็นเซอร์ผ้าขนหนูของเขาไปทำอะไร!
ที่น่าโมโหมากกว่าคือมีวีสีน้ำเงิน* สองสามแอ็กเคานต์มาตอบกลับด้วย
[ผ้าขนหนูเซียนตี้ ⓥ ขอขอบคุณลู่เยี่ยนที่ใช้ผ้าขนหนูที่ผลิตโดยบริษัทของเรา ผ้าขนหนูเซียนตี้ มอบความสะอาดให้ทุกวัน ใส่ใจในทุกด้าน ยินดีให้ทุกท่านมาเลือกช็อป! [เขินอาย]]
[ตี๋ลี่ผู่ ⓥ ที่โกนหนวดไฟฟ้าที่ลู่เยี่ยนใช้ในคลิปเป็นที่โกนหนวดไฟฟ้ารุ่นล่าสุดของบริษัทเรา ชื่อรุ่น rh-014 สั่งซื้อวันนี้ส่งฟรีนะคร้าบ~ [ยิ้มน้อยๆ]]
“…”
ทันใดนั้นหลินอันก็พลันยื่นหน้ามาถามเขา “เฉินจิงบอกว่าอีกสักพักถึงจะเปิดกล้องไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ถึงเรียกนายไปประชุมล่ะ”
ลู่เยี่ยนพูดเสียงเรียบ “ฉันกันคิวไว้ไม่เยอะ ตอนนี้ขาดแค่ตัวละครอีกตัวหนึ่งที่ยังไม่ได้เคาะ แต่บทนั้นมีซีนไม่มากเลยพอจะถ่ายไปหาไปได้”
“โอเค วันนี้ฉันไม่ไปกับนายนะ เดี๋ยวจะมีคนใหม่มารายงานตัวกับฉัน”
ลู่เยี่ยนหัวเราะเสียงเย็น “นายตัวไม่ติดกับฉันเลยนะ”
หลินอันยิ้มตอบ “ฉันหมดรักนายแล้วไง”
“คนใหม่เป็นไง” ถึงจะต่อปากต่อคำกันแต่ลู่เยี่ยนยังคงเป็นห่วง
ตั้งแต่เขาเข้าวงการมาหลินอันก็มีลู่เยี่ยนเป็นศิลปินในสังกัดแค่คนเดียว ตอนนั้นหลินอันยังเป็นผู้จัดการมือใหม่ พูดได้ว่าเขาวางเดิมพันไว้ที่ตัวลู่เยี่ยน
และแน่นอนว่าเดิมพันถูกฝั่ง
หลังยกเลิกสัญญากับบริษัทซิงอวี๋ ลู่เยี่ยนเสนอให้หลินอันรับดูแลศิลปินใหม่สองสามคนแทน แต่หลินอันกลับตามเขามาเซ็นสัญญาเข้าบริษัทหมิงเซิ่งด้วย ในบริษัทหมิงเซิ่งมีดาราหน้าใหม่เยอะมาก แต่หลินอันกลับดูแลลู่เยี่ยนคนเดียว ทั้งยังมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้นย่อมพูดได้ว่าหลินอันสามารถเลือกได้เลยว่าอยากดูแลดาราใหม่ของหมิงเซิ่งคนไหนที่ยังไม่มีผู้จัดการ
“ก็พอไหว เขาชื่ออวิ๋นอันชิง เป็นนักแสดงที่เคยแสดงบทเล็กๆ บทหนึ่ง” พูดมาถึงตรงนี้หลินอันก็ยิ้ม “เหมือนนายช่วงแรกๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย”
เมื่อรถแล่นมาถึงที่หมายลู่เยี่ยนก็ลงจากรถ เขายิ้มพลางตอบรับ “งั้นนายก็ไปเล่นบทคุณพ่อต่อเถอะ ไปนะ”
เสี่ยวหลิวที่เป็นผู้ช่วยรีบลงจากรถ เป็นเรื่องยากมากที่หลินอันจะไม่ตามลู่เยี่ยนไปทำงาน เขาเลยใช้เวลากำชับเสี่ยวหลิวอยู่นานกว่าจะปล่อยตัวอีกฝ่ายไป
ตอนที่เขาไปถึงห้องประชุม ข้างในมีคนนั่งเต็มหมดแล้ว
เมื่อทุกคนเห็นเขาก็ทักทายอย่างเป็นมิตร เฉินจิงนั่งในตำแหน่งประธาน กำลังหารืออะไรบางอย่างกับรองผู้กำกับ
ลู่เยี่ยนกวาดตามองรอบๆ มีนักแสดงสองสามคนที่หน้าตาคุ้นๆ แม้ไม่ถือว่าดังมากแต่ก็มีทักษะทางการแสดงสูง เห็นได้ว่าเฉินจิงทุ่มเทให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆ
เฉินจิง “มาแล้วเหรอ”
ลู่เยี่ยนรับคำว่าครับ
เฉินจิงดื่มน้ำชา “รอเดี๋ยวนะ ยังมีคนยังไม่…”
พูดยังไม่ทันจบประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างไม่เร็วไม่ช้า เธอดัดผมเป็นลอนใหญ่ เดินบิดเอวบางมาพร้อมหน้าตาสะสวย มีแว่นตาดำอันใหญ่ห้อยไว้ที่อกเสื้อ ทาปากสีแดงสด ดูมีเสน่ห์มาก ด้านหลังยังมีผู้ช่วยตามมาด้วยสองคน
พวกเขาเพิ่งเลือกนางเอกได้เมื่อวานซืน
เมื่อวานลู่เยี่ยนไปตัดริบบิ้นร้านใหม่ให้แบรนด์ที่เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่ต่างเมือง เพิ่งกลับมาถึงเมือง B แต่ชายหนุ่มแสดงออกว่าเชื่อในสายตาของเฉินจิง พอรู้ว่ามีการกำหนดตัวนางเอกแล้วก็ไม่ได้ซักถามอะไร
คิดไม่ถึงว่าเฉินจิงจะเลือกซือฉิง
* ด้อม มาจากคำว่าแฟนด้อม (Fandom) หมายถึงกลุ่มแฟนคลับของศิลปิน
* สัญลักษณ์ตัว V สีน้ำเงินใต้ชื่อแอ็กเคานต์ในเวยป๋อเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าแอ็กเคานต์ดังกล่าวได้รับการยืนยันตัวตนแล้ว
บทที่ 6
ซือฉิง นางเอกเบอร์ต้นของช่องใหญ่
ตั้งแต่เข้าวงการมาก็เล่นแต่ภาพยนตร์ ไม่เคยแสดงซีรี่ส์ เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งของราชินีภาพยนตร์ทุกเรื่อง แต่…ไม่เคยได้ครองตำแหน่งราชินีภาพยนตร์อย่างจริงๆ จังๆ ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตำแหน่งของเธอ หญิงสาวยังคงเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการภาพยนตร์ผู้มีศักยภาพ พูดได้ว่าเป็นตัวการันตียอดขายชั้นเยี่ยม ภาพยนตร์เรื่องแรกของเฉินจิงต้องน่าสนใจจริงๆ ถึงเชิญเธอมาได้
หญิงสาวนั่งลงข้างลู่เยี่ยน น้ำหอมบนตัวลอยมาปะทะจมูก
ซือฉิงนั่งไขว่ห้าง ก่อนพูดเสียงหวาน “ติดธุระนิดหน่อยเลยมาช้าค่ะ”
เมื่อคนมาครบแล้วเฉินจิงก็กระแอมสองครั้งเป็นการส่งสัญญาณให้เริ่มประชุม
แม้จะบอกว่าเป็นการประชุม แต่ความจริงคือการที่นักแสดงกับโปรดิวเซอร์จะมาพูดคุยกันเรื่องคิวและงานโปรโมต
เมื่อนักแสดงกับทีมงานแนะนำตัวกันเรียบร้อยแล้ว เฉินจิงก็บอกว่า “กำหนดการถ่ายทำที่ฉันวางแผนไว้คือสองถึงสามเดือน เข้ากองวันอาทิตย์นี้ พวกเธอมีความคิดเห็นเรื่องระยะเวลาไหม”
ลู่เยี่ยนไม่พูด ซือฉิงก็ไม่พูด เมื่อตัวละครหลักทั้งสองคนไม่มีความเห็น ตัวประกอบคนอื่นๆ ยิ่งไม่กล้ามีความเห็น
ห้องประชุมเงียบไปพักหนึ่ง เฉินจิงผงกศีรษะอย่างพอใจ “อ่านบทแล้วหรือยัง มีความเห็นจะเสนอไหม”
ซือฉิงยกสองมือขึ้นกอดอกขณะพูดยิ้มๆ “มีค่ะ”
เฉินจิงคิดในใจ ต่อให้เธอมีความเห็น ฉันก็อาจจะไม่ยอมรับนะ
“ลองว่ามาซิ”
คิดไม่ถึงว่าซือฉิงจะพูดสิ่งที่ทำให้คนฟังสะดุ้ง “เพิ่มฉากบนเตียงสักสองสามฉากเถอะค่ะ”
ลู่เยี่ยน “…”
เขามองซือฉิงอย่างค่อนข้างแปลกใจ เนื่องจากเขาเข้าวงการมาก็หลายปี แต่ซือฉิงกลับเป็นนักแสดงหญิงคนแรกที่เขาพบว่าขอให้เพิ่มฉากบนเตียง
ใบหน้าของซือฉิงยังคงมีรอยยิ้มน้อยๆ เธอมองเฉินจิงอย่างเปิดเผย ไม่รู้สึกประดักประเดิดเลยสักนิด
เฉินจิงดื่มน้ำชาเพื่อระงับความตกใจ “เพิ่มฉากบนเตียงของใครกับใคร”
“ยังมีใครได้อีกล่ะคะ ก็ต้องเป็นฉันกับลู่เยี่ยนน่ะสิ” ซือฉิงปัดผมลอนใหญ่ของตัวเองเล็กน้อย “เลิฟซีนในบทไม่เลวก็จริง แต่จุดขายแค่นี้ยังไม่พอ หนังสงครามย้อนยุคที่ออกไปทางการชิงอำนาจแบบนี้ไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ อยู่แล้ว ถ้ากระตุ้นสักหน่อยยอดขายก็น่าจะดีหรือเปล่าคะ”
เฉินจิงยิ้ม “เธอคิดว่าฉันให้เจ้าหนูหน้าเหม็นนี่มาทำอะไร เรียกความนิยมจากพวกสาวๆ เหรอ” พูดจบเขาก็เชิดหน้าใส่ลู่เยี่ยน
ซือฉิงเองก็ยิ้ม “เชื่อฉันเถอะค่ะ ลู่เยี่ยนตอนโป๊เรียกความนิยมจากสาวๆ ได้มากกว่า”
ลู่เยี่ยน “…???”
“ผมว่า…”
ลู่เยี่ยนพูดยังไม่ทันจบ เฉินจิงก็ปรบมือ “เฮ้ จริงด้วย ทำไมฉันคิดไม่ถึงนะ เราเพิ่มฉากเลิฟซีนหนึ่งนาทีได้ ไม่มีปัญหา”
ลู่เยี่ยนกุมขมับ “ไม่กลัวว่าจะไม่ผ่านเซ็นเซอร์หรือครับ”
ซือฉิงเอ่ย “คนอื่นเขาขี่ม้ากันปั๊บๆ ยังผ่านเซ็นเซอร์ได้ นายแค่เปลือยท่อนบนแล้วจะถูกตัดเหรอ”
ลู่เยี่ยนหมดคำจะเถียง เรื่องฉากบนเตียงไม่ว่าจะมองอย่างไรเขาก็เป็นฝ่ายได้กำไรจากซือฉิง แต่ทำไมคนที่เหมือนจะถูกเอาเปรียบกลับเป็นตัวเขาเสียได้
ชายหนุ่มเลิกอิดออด แล้วบอกเฉินจิงว่า “ผมยังไงก็ได้ครับ ถ้าคุณคิดว่าแบบไหนดีก็ถ่ายกันแบบนั้น”
เขามีประสบการณ์ด้านการแสดง แต่เรื่องยอดขายกับจุดขายเขาไม่ฉลาดเท่าเฉินจิงกับซือฉิง
พอประชุมเสร็จเรื่องทุกอย่างก็มีการตัดสินใจกันเรียบร้อย กำหนดให้เข้ากองวันอาทิตย์ วันนี้เป็นวันจันทร์ และเนื่องจากความไม่แน่นอนก่อนเข้ากองหลินอันเลยไม่กล้ารับงานให้ลู่เยี่ยนเพราะกลัวคิวจะชนกัน ทำให้ลู่เยี่ยนมีวันหยุดสี่วันเต็มๆ
ลู่เยี่ยนผ่อนลมหายใจยาวตอนเดินออกจากห้องประชุม สองปีนี้เป็นช่วงขาขึ้นของเขา นานมากแล้วที่เขาไม่เคยมีวันหยุดยาวแบบนี้
เสี่ยวหลิวที่เดินตามหลังชายหนุ่มมาเอ่ยถามว่า “พี่เยี่ยนครับ ยังมีงานอะไรอีกหรือเปล่าครับ ให้ผมส่งพี่กลับคอนโดฯ เลยดีไหม”
ลู่เยี่ยนดูนาฬิกา ตอนแรกเขาเข้าใจว่าการประชุมครั้งนี้จะเหมือนการประชุมที่เคยเข้าร่วม นั่นคือประชุมกันไม่นานแล้วรีบจบ คิดไม่ถึงว่าจะกินเวลาถึงสามชั่วโมงจนตอนนี้ใกล้จะหกโมงแล้ว
“ยังไม่กลับ ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ” ลู่เยี่ยนเพิ่งย้ายเข้าคอนโดฯ ใหม่ได้ไม่ถึงหนึ่งปี แต่เขากินอาหารดีลิเวอรี่ในละแวกนั้นจนเบื่อแล้ว
พอเสี่ยวหลิวได้ยินก็ก้มหน้า “พี่เยี่ยนครับ วันนี้วันเกิดแฟนผม ผมคงไปกินข้าวกับพี่ไม่ได้”
ลู่เยี่ยนชะงัก “วันเกิดแฟนแล้วนายยังจะมาประชุมกับฉันอีกเหรอ”
เสี่ยวหลิวยิ้มอย่างวางหน้าไม่ถูก “พี่อันเขาไม่ว่างไม่ใช่เหรอครับ ผมไม่สบายใจถ้าพี่จะมาคนเดียว”
“ผู้ชายตัวเบ้อเริ่มแบบฉันมีอะไรน่าห่วงกัน” ลู่เยี่ยนยิ้ม “เอาล่ะ นี่หกโมงแล้ว รีบไปหาแฟนนายเถอะ”
พูดจบลู่เยี่ยนก็เหมือนนึกอะไรได้ เขาพลันล้วงมือถือออกมากดๆ
ทันใดนั้นมือถือของเสี่ยวหลิวก็ดังขึ้น เมื่อเขาเอามือถือออกมาดูก็เห็นว่าลู่เยี่ยนโอนเงินมาให้สองพันไคว่*
“พี่เยี่ยนครับ เงินนี่ ผมรับไว้ไม่ได้”
“ฉันไม่ได้ให้นาย” ลู่เยี่ยนยกเท้าเดินจากไป เขาพูดระหว่างที่เดินอยู่ว่า “ไปหาซื้อของขวัญให้แฟนนายด้วย จำไว้ บอกเขาว่าฉันให้ ห้ามยืมดอกไม้ถวายพระ* เด็ดขาด”
เสี่ยวหลิวมองเงาแผ่นหลังของลู่เยี่ยนอย่างซาบซึ้งใจ เมื่อก่อนเขาเป็นแค่คนทำงานจิปาถะในสตูดิโอ ได้เงินแค่วันละไม่กี่สิบไคว่ ต่อมามีครั้งหนึ่งที่เขาได้ตามมากองถ่ายที่ลู่เยี่ยนอยู่ ลู่เยี่ยนเห็นว่าเสี่ยวหลิวชงกาแฟอร่อยและขยันขันแข็ง จึงถามเสี่ยวหลิวว่าสนใจมาทำงานเป็นผู้ช่วยของเขาไหม
เมื่อลู่เยี่ยนเป็นคนออกปากชวนเขาเอง เจ้าตัวจึงเป็นคนจ่ายเงินเดือนของเสี่ยวหลิว สามปีที่ผ่านมานี้เงินเดือนของเขาขึ้นตามรายได้ของลู่เยี่ยน แถมยังมีซองแดงให้ในวันส่งท้ายปีเก่าด้วย
ถ้าให้เสี่ยวหลิวพูด ลู่เยี่ยนก็คือผู้สูงส่งในชีวิตของเขา
เสี่ยวหลิวเลิกอิดออด พอทำซึ้งเสร็จก็วิ่งเหยาะๆ ตามหลังลู่เยี่ยนไป “พี่เยี่ยนครับ ผมไม่รีบ ผมจะส่งพี่กลับบ้านก่อนนะครับ”
เสี่ยวหลิวส่งลู่เยี่ยนกลับคอนโดฯ อย่างปลอดภัยแล้วถึงค่อยจากไป
ลู่เยี่ยนสั่งอาหารดีลิเวอรี่ไว้ตั้งแต่อยู่บนรถ กะว่าพอถึงบ้านจะได้กินตอนร้อนๆ
ถือว่าเขากะเวลาได้แม่นทีเดียว เพราะตอนที่ดีลิเวอรี่เอาอาหารมาส่งนั้นลู่เยี่ยนเพิ่งกลับถึงคอนโดฯ ชายหนุ่มหิ้วอาหารเดินเข้าลิฟต์ไปช้าๆ
ระหว่างเล่นมือถือ ลิฟต์ก็ส่งเสียงติ๊งดังกังวานบอกว่ามาถึงชั้นที่พักของเขาแล้ว
ชายหนุ่มยกเท้าเดินอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่พอก้าวออกจากลิฟต์ลู่เยี่ยนก็เห็นคนยืนอยู่หน้าประตู ทำให้เขาชะงักเท้า
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เขาแต่งกายอย่างประณีต จอนผมเป็นสีขาวเล็กน้อย สีหน้าท่าทางไม่สบอารมณ์ คาดว่าคงมารอนานมากแล้ว ความหงุดหงิดจึงฉายอยู่บนใบหน้า
ครั้นสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวที่ลิฟต์ชายคนนั้นจึงเบือนหน้ามามองลู่เยี่ยน แล้วหัวคิ้วก็ขมวดแน่นขึ้น
ลู่เยี่ยนก้าวเท้าด้วยสีหน้าเฉยเมยเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้มีอาการชะงักใดๆ ชายหนุ่มเดินตรงไปที่ประตู เตรียมใส่รหัสโดยใช้มืออีกข้างหนึ่งบังกุญแจแบบใส่รหัสไว้ ท่าทางระแวดระวังสุดขีด
โจวหมิงกล่าวเสียงหนัก “ทำไมไม่รับสาย”
แต่ลู่เยี่ยนไม่สนใจเขา
น้ำเสียงของโจวหมิงจึงหนักขึ้น เขาถึงขั้นยื่นมือไปขัดจังหวะการใส่รหัสของลู่เยี่ยน “แกทำกับพ่อของแกแบบนี้เหรอ”
มือของตนถูกปัดออกเช่นนี้ ลู่เยี่ยนจึงหัวเราะเสียงเย็นแล้วถาม “คุณมาทำอะไรที่นี่”
โจวหมิงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ สองสามครั้งเหมือนกำลังควบคุมโทสะของตัวเอง หลังทำซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งเขาก็หยิบบัตรเชิญหนึ่งใบออกมาจากสูทแล้วยัดใส่มือลู่เยี่ยน “เดือนหน้าฉันกับหมิงอีจะจัดงานแต่ง จำไว้ว่าต้องมา ห้ามเลต เข้าใจไหม”
ทีแรกลู่เยี่ยนเข้าใจว่าตัวเองหูฝาด แต่พอเห็นชื่อของคนสองคนบนบัตรเชิญเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงหยันออกมา
เมื่อหัวเราะเสร็จชายหนุ่มก็ถามขึ้น “โจวหมิง คุณหน้าไม่อายก็ไม่เป็นไร แต่อย่าลากผมเข้าไปเอี่ยวด้วย”
โจวหมิงถลึงตา ก่อนจะด่าเสียงดัง “ตุ๊กตาหมา* อย่างแกพูดว่าอะไรนะ…”
ลู่เยี่ยนพูดประโยคนั้นจบก็กดรหัสอย่างรวดเร็วและเข้าห้องทันที ทำให้ถ้อยคำระคายหูของโจวหมิงที่อยู่ด้านหลังถูกกันไว้นอกประตู
ชายหนุ่มเข้าห้องมาก็นั่งกุมหน้าผากอยู่ที่บันไดบริเวณสำหรับเปลี่ยนรองเท้าโดยไม่พูดไม่จา
เสียงก่นด่าจากด้านนอกดังมาระลอกแล้วระลอกเล่า ทุกคำล้วนเป็นถ้อยคำเถื่อนถ่อย โจวหมิงด่าอยู่สิบนาทีเต็มๆ กว่าเสียงจะเงียบไป เวลานี้เขาน่าจะไปแล้ว
ลู่เยี่ยนมองบัตรเชิญที่ตกอยู่ด้านข้างด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า
บนโลกใบนี้มีคนที่ใช้ชีวิตอย่างสับสนและน่าขำจำนวนไม่น้อย แต่โจวหมิงซึ่งเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของเขากลับเป็นคนที่ไปสุดที่สุดเท่าที่ลู่เยี่ยนเคยเห็น
โจวหมิงเป็นคนบ้านนอก เขาพากเพียรเรียนหนังสือมาตั้งแต่เล็กจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยในเมือง B ได้ และเจอกับลู่เหมี่ยวในมหาวิทยาลัย
โจวหมิงพบลู่เหมี่ยวได้ไม่นานก็ยอมศิโรราบอยู่แทบชายกระโปรงลายดอกทับทิม** ของลู่เหมี่ยวทันที และกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ตามจีบลู่เหมี่ยวอย่างเอิกเกริก
ในยุคนั้นไม่ได้มีช่องทางอะไรมากมาย โจวหมิงรูปร่างหน้าตาดูคงแก่เรียน เขียนจดหมายรักเก่ง แถมยังแวะเวียนไปช่วยยกน้ำตักข้าวให้ลู่เหมี่ยวทุกวัน ไม่รู้ว่าเขาทำท่าไหนถึงเข้าตาลู่เหมี่ยวได้
ลู่เหมี่ยวไม่มีพ่อแม่มาตั้งแต่เล็กเลยประทับใจในความเอาใจใส่ของโจวหมิงมาก หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็คบหาและแต่งงานกันหลังเรียนจบ ต่อมาก็ให้กำเนิดลู่เยี่ยน
ลู่เหมี่ยวมีมรดกก้อนโต โจวหมิงจึงเปิดบริษัทแห่งหนึ่งโดยได้รับการสนับสนุนจากลู่เหมี่ยว ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น
ผลคือวันหนึ่งก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหา เธอชี้หน้าลู่เหมี่ยวพร้อมด่าว่าเป็นเมียน้อย เป็นนางปีศาจจิ้งจอกแย่งสามีของคนอื่น ตอนนั้นลู่เหมี่ยวกำลังอุ้มลู่เยี่ยนด้วยสีหน้างุนงง ก่อนจะถูกผู้หญิงคนนั้นผลักอย่างแรง
ต่อมาถึงเพิ่งรู้ว่าโจวหมิงมีคู่หมั้นที่หมั้นหมายกันมาตั้งแต่เล็กอยู่ที่บ้านนอก แถมยังจัดพิธีแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่คนในหมู่บ้านก็รู้กันทั่ว
แต่ครอบครัวของโจวหมิงกลับไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ลู่เหมี่ยวฟังเลยสักครึ่งคำ
การก่อกวนของผู้หญิงคนนั้นทวีความรุนแรงขึ้นถึงขั้นลามมาถึงบริษัท ในที่สุดลู่เหมี่ยวก็ทนไม่ไหว จะยกหูโทรศัพท์แจ้งตำรวจ แต่กลับถูกโจวหมิงห้าม บอกว่ามันจะทำให้เขาเสียหน้า
ลู่เหมี่ยวเป็นคนใจเด็ด เมื่อหาทางออกไม่ได้เธอก็หย่าขาดจากโจวหมิงทันทีและพาลู่เยี่ยนจากมาอย่างสิ้นเยื่อใยโดยไม่แม้แต่จะสิ้นเปลืองความคิดไปแย่งชิงทรัพย์สิน
ทว่าผลลัพธ์ในท้ายที่สุดกลับน่าขำยิ่งกว่า เมื่อโจวหมิงหย่าขาดจากลู่เหมี่ยวแล้วเขาก็ไม่ได้คบหากับคู่หมั้นวัยเด็กคนนั้น กระทั่งเวลาต่อมาก็มีข่าวคาวกับดาราสาวหลิวหมิงอี
ซึ่งข่าวคาวที่ว่าลู่เยี่ยนก็มีส่วนร่วมอยู่ด้วย แน่นอนว่าเขารู้ถึงความไม่แน่นอนและการปั้นเสริมเติมแต่งในเรื่องนี้ แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการยืนยันเขาก็จะตระกองกอดความหวังและความรู้สึกโชคดีอันบางเบาเอาไว้ตลอด
แต่บัตรเชิญใบนี้เหมือนระเบิดที่ทำลายความหวังสุดท้ายที่เขามีต่อโจวหมิงให้กลายเป็นผุยผง
โจวหมิงอายุห้าสิบเอ็ดปี ในขณะที่หลิวหมิงอีอายุน้อยกว่าลู่เยี่ยน
ลู่เยี่ยนยิ่งคิดก็ยิ่งขำ เขาโทรหาโจวหมิงโดยที่อีกฝ่ายก็รับสายอย่างรวดเร็ว
“สำนึกผิดแล้วใช่ไหม แก…”
“อย่าเอาเรื่องบ้าๆ พวกนี้ไปกวนใจแม่ผม ไม่งั้นผมจะให้คนไปพังงานแต่ง”
ลู่เยี่ยนพูดจบก็ตัดสายทันที โจวหมิงโทรกลับมาทันควัน แต่ลู่เยี่ยนบันทึกเบอร์ไว้ในแบล็กลิสต์อย่างชำนาญ
อาหารดีลิเวอรี่วางอยู่ที่ข้างมือเขา กลิ่นหอมตลบอบอวลอยู่ในห้อง แต่ลู่เยี่ยนที่เคยรู้สึกหิวจนท้องร้องตอนนี้กลับหมดความอยากอาหารแล้ว
เขาหิ้วกล่องอาหารไปหย่อนใส่ถังขยะ ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปข้างนอก
ปกติลู่เยี่ยนมักนั่งรถตู้ไปไหนมาไหนเสมอ แต่ความจริงแล้วตัวเขาเองก็มีรถยนต์
แม้จะมีดาราที่ขับรถเองเยอะ แต่โดยทั่วไปแล้วหลินอันจะไม่ปล่อยให้ลู่เยี่ยนขับรถเอง และตัวลู่เยี่ยนเองก็เหนื่อยจากการทำงานมาพักใหญ่ เขาเลยไม่ค่อยได้แตะรถยนต์นัก
รถของลู่เยี่ยนคือจากัวร์ XJ ราคาไม่แพง เพียงไม่กี่แสนไคว่ บอดี้ยาวแบบเรียบหรู คันนี้เป็นรถที่เขาซื้อมาเมื่อสองปีก่อน
เจ้าของไม่ได้ขับนาน ต่อให้มีผ้าคลุมรถคลุมไว้ตัวรถก็ยังมีฝุ่นจับ
ตอนลู่เยี่ยนเข้าเกียร์ มือบังเอิญแตะถูกซองบุหรี่ที่นิ่มไปแล้ว ไม่รู้ว่ามันถูกวางอยู่บนรถมานานแค่ไหน เพราะคำตักเตือนของลู่เหมี่ยวทำให้ลู่เยี่ยนเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ ต่อให้เขาหงุดหงิดแค่ไหนก็ไม่เคยแตะต้องมัน
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากเล็กน้อยแล้วสตาร์ตรถขับออกจากลานจอดรถใต้ดิน
* ไคว่ เป็นภาษาพูดที่คนจีนทั่วไปใช้กัน หมายถึงหยวนซึ่งเป็นค่าเงินของจีน
* ยืมดอกไม้ถวายพระ เป็นสำนวน หมายถึงใช้สิ่งของของผู้อื่นมาแสดงน้ำใจหรือประจบเอาใจคนอื่น
* ตุ๊กตาหมา เป็นคำที่ผู้ใหญ่ใช้ดุด่าเด็กๆ หมายถึงเด็กเหลือขอ
** ยอมศิโรราบอยู่แทบชายกระโปรงลายดอกทับทิม มีที่มาจากกระโปรงลายดอกทับทิมที่หยางกุ้ยเฟยผู้เป็นอัครชายาคนโปรดของฮ่องเต้ถังเสวียนจงชอบสวมใส่ ฮ่องเต้ทรงลุ่มหลงนางจนละเลยราชกิจ เหล่าขุนนางต่างไม่พอใจจึงแสดงความไม่เคารพต่อนาง เมื่อความทราบถึงฮ่องเต้ถังเสวียนจง พระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้ขุนนางทุกคนเมื่อได้พบหยางกุ้ยเฟยต้องคุกเข่าคำนับ ผู้ใดขัดขืนจะมีโทษสถานหนัก ต่อมาสำนวนนี้มีความหมายถึงการที่ชายยอมศิโรราบต่อหญิง
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
comments
No tags for this post.