X
    Categories: everYทดลองอ่านราชครูนักต้มตุ๋น

ทดลองอ่าน ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 1 บทที่ 12 #นิยายวาย

ทดลองอ่านเรื่อง ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 1

ผู้เขียน : สิงซั่งเซียง (刑上香)

แปลโดย : ศีตกาล

ผลงานเรื่อง : 大国师,大骗子

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – – 

Trigger Warning

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน

ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ

   

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง

การฆาตกรรม การทารุณกรรมเด็ก การสังหารหมู่

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ผู้อื่นทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ

และมีการกล่าวถึงการข่มขืน ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

   

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 12

ข่าวการตาย

เดิมซ่งเสวียนคิดว่าตนกับจีอวิ๋นซีคงอยู่ด้วยกันไม่เกินหนึ่งเดือน ยามกินข้าวจึงเริ่มคุยเล่นกับอีกฝ่ายมากขึ้น “ตอนนี้อาการป่วยก็ดีขึ้นแล้ว คุณชายมีแผนอะไรหรือไม่”

สุขภาพของจีอวิ๋นซีดีวันดีคืน และตัวองค์ชายเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าสุดท้ายตัวเขาต้องกลับไป

ซ่งเสวียนนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ข้าจำได้ว่าที่เมืองอันติ้งยังมีบริวารของคุณชายอยู่ ต้องส่งคนไปบอกข่าวให้พวกเขามารับคุณชายหรือไม่”

จีอวิ๋นซียังเคี้ยวผักดองครึ่งคำไว้ในปาก หลังได้ยินซ่งเสวียนเอ่ยก็เงยหน้าขึ้นมอง “ซ่งเสวียน เจ้าคิดว่าร่องรอยของข้าก่อนหน้านี้ ใครเป็นผู้แพร่งพรายออกไป พวกจู้หยางล้วนติดตามข้ามาสี่ห้าปีแล้วตั้งแต่ตอนอยู่ที่วังตากอากาศ นอกจากพวกเขาไม่มีใครรู้ว่าข้าจะอ้อมมาถึงเมืองฉางหนิง”

ใบหน้าของจีอวิ๋นซีไม่เจือความทุกข์สักนิด ถึงขั้นมีรอยยิ้มเย็นเสี้ยวหนึ่งด้วยซ้ำ

“ซ่งเสวียน ข้าเชื่อใจใครไม่ได้เลย”

ซ่งเสวียนถึงกับพูดไม่ออก

โลกนี้มีผู้คนมากมาย จีอวิ๋นซีย่อมไม่ใช่คนรูปงามที่สุดเท่าที่เขาเคยพบ ไม่ใช่คนโหดเหี้ยมเย็นชาที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น แต่กลับเป็นคนที่โดดเดี่ยวเดียวดายที่สุด

เขาเคยพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับจีอวิ๋นซีมาบ้าง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเคยอยู่ในวังหลวงมาระยะหนึ่ง แต่เนื่องจากไม่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ ไม่นานจึงถูกเนรเทศไปที่วังตากอากาศด้วยข้ออ้างว่ารักษาตัว

จีอวิ๋นซีไม่มีสหาย ญาติหรือก็หวังให้เขาตายไปเสีย บริวารยิ่งไม่ต้องพูดถึง…

ที่เห็นเขาสูงส่งร่ำรวยตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้เป็นเพียงฉากหน้า เหมือนกับหุ่นกระบอกที่ถูกผูกโยงไว้ด้วยเส้นไหม ไร้ที่พึ่งพิง วันใดเส้นไหมนั้นเก่าจนขาดสะบั้น เขาย่อมร่วงจากท้องฟ้าสูงลิ่วตกลงมาแตกกระจาย แขนขาแยกออกจากกัน

ซ่งเสวียนใคร่ครวญมากเข้าก็หักใจไล่อีกฝ่ายไม่ลง “ช่างเถิด ท่านพักฟื้นให้สบายใจ ไว้หายดีค่อยว่ากัน คาดว่าเพียงออกจากทางเหนือที่ห่างไกลนี้ก็ไม่มีผู้ใดกล้าหาญชาญชัยหมายเอาชีวิตคุณชายแล้ว”

“ขอบคุณมาก” จีอวิ๋นซีทำเป็นก้มหน้ากินข้าวเพื่อซ่อนความยินดีที่ปิดเอาไว้ไม่มิดตรงมุมปาก

หลังทั้งคู่กินอาหารเย็นเสร็จก็ได้ยินเสียงตบประตูดังมาจากข้างนอก มีเจ้าหมาโง่ช่วยเห่าอย่างลิงโลดคลอไปด้วย

จีอวิ๋นซีรีบหลบเข้าห้องไป

ซ่งเสวียนกองชามและตะเกียบไว้ในอ่างอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะเดินไปเปิดประตู

ศีรษะใหญ่โตของลู่เหล่าลิ่วยื่นพรวดเข้ามา เขาเอ่ยเสียงกระด้างว่า “ท่านครึ่งเซียน หลายวันมานี้เราต้องหลบซ่อนตัวกันหน่อย เบื้องบนเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

ซ่งเสวียนขมวดคิ้วถาม “เรื่องใหญ่อะไร”

“มีคนใหญ่คนโตถูกโจรป่าทางนี้สังหารเสียแล้วน่ะสิ!” ลู่เหล่าลิ่วเอ่ย

“คนใหญ่คนโตรึ คนใหญ่คนโตที่ใด” ซ่งเสวียนยกกาน้ำชาอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะเริ่มรินน้ำให้ลู่เหล่าลิ่ว

“ข้าบอกท่านครึ่งเซียนแค่คนเดียวนะ ท่านอย่าได้แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด” ลู่เหล่าลิ่วกระซิบเสียงเบา “องค์ชายสามในรัชศกนี้น่ะซี”

ซ่งเสวียนราวกับโดนฟ้าผ่ากลางศีรษะ ได้แต่นิ่งค้างอยู่กับที่

จากนั้นยังได้ยินลู่เหล่าลิ่วพูดด้วยท่าทีมีลับลมคมใน “ได้ยินว่าเดิมองค์ชายสามพักฟื้นอยู่ที่วังตากอากาศเหลิงซาน หลายวันก่อนฮ่องเต้รับสั่งให้เขากลับวัง แต่ไม่รู้อย่างไรองค์ชายกลับไม่ให้ทหารคอยคุ้มกัน ลอบมาใช้เส้นทางนี้ของพวกเรา จากนั้นก็ถูกพวกโจรป่าสังหาร บัดนี้เบื้องบนจัดกำลังทหารมาที่นี่ เตรียมไปกวาดล้างพวกโจรป่า”

ซ่งเสวียนฟังแล้วตาค้างลิ้นจุกปาก ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงเค้นเสียงเอ่ยว่า “องค์ชายสามนั่น…ถูกสังหารไปจริงรึ”

“ข่าวจากเมืองหลวงส่งมาที่นี่หลายวันแล้ว คนของเราเพิ่งได้รับจดหมายเมื่อเร็วๆ นี้ จะเป็นเท็จได้อย่างไรกัน” ลู่เหล่าลิ่วรีบดื่มน้ำไปอึกหนึ่ง “โชคร้ายจริงเชียว หากเบื้องบนส่งคนมากิจการบนถนนสายนี้ของเราก็ติดขัดไปแล้วครึ่งหนึ่ง ต้องกระเบียดกระเสียรกันสักสองสามวัน ท่านครึ่งเซียน แม้กิจการของท่านจะไร้อุปสรรค แต่ข้าคิดว่ามาเตือนเอาไว้สักหน่อยดีกว่า วันปกติก็ระวังตัวให้ดี อย่าได้ไปล่วงเกินใครเข้า”

ซ่งเสวียนฝืนยิ้ม จริงอยู่ว่าเขาดำเนินกิจการในยุทธภพ แต่โชคดีที่เป็นกิจการเกี่ยวกับดวงชะตาโหงวเฮ้ง กฎหมายไม่อาจแตะต้องย่อมไม่ต้องปิดร้าน ทว่าพวกบ่อนพนัน ทำอาวุธ ผลิตเงินปลอม หากไม่ระวังคงหัวหลุดจากบ่าแน่นอน

ลู่เหล่าลิ่วดื่มชาแล้วบ่นต่ออีกไม่กี่ประโยคก่อนจะยกเท้าเตรียมจากไป

จู่ๆ กลับได้ยินซ่งเสวียนเอ่ยว่า “เหล่าลิ่ว เจ้าปลดกระเทียมหน้าร้านข้าพวงนั้นออกเถิด ตั้งแต่วันนี้ข้าก็จะไม่เปิดร้านแล้ว”

ลู่เหล่าลิ่วถามด้วยความสงสัย “แต่กิจการของอาจารย์ไม่มีปัญหานี่”

ซ่งเสวียนเพียงพูดว่า “หลายวันก่อนข้าทำนายชะตาให้ตนเอง เกรงว่าระยะนี้จะมีเคราะห์ ข้าปิดร้านหลบเลี่ยงดีกว่า ไว้ผ่านไปสักพักค่อยว่ากัน” จากนั้นยังกำชับอีกประโยค “หากมีข่าวคราวอันใดอย่าลืมมาบอกข้าด้วยล่ะ”

ลู่เหล่าลิ่วประจักษ์ในความสามารถของซ่งเสวียนมานานแล้วจึงเชื่อสนิทใจ ยอมปลดกระเทียมออกให้แล้วหิ้วกลับไปผัดข้าวที่เรือน

จีอวิ๋นซีได้ยินว่าลู่เหล่าลิ่วไปแล้วจึงออกมาจากห้อง

ซ่งเสวียนขมวดคิ้ว “ท่านยังมีชีวิตอยู่แท้ๆ โจรป่าที่อยู่บนเขานั่นก็รู้…”

จีอวิ๋นซีหัวเราะเสียงเย็น “พวกเขาอยากให้ข้าตาย ข้าย่อมเป็นคนตายแล้ว”

ซ่งเสวียนพลันกระจ่างแจ้งขึ้นมา

เบื้องบนมีคนไม่อยากให้จีอวิ๋นซีกลับไป ไม่ว่าจีอวิ๋นซีจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ถือเสียว่าเป็นคนตายคนหนึ่ง จากนั้นยัดเยียดความผิดให้โจรป่าไป

หากตอนนี้จีอวิ๋นซีอยู่ในค่ายโจร ต่อให้เขายังมีชีวิตอยู่ก็คงถูกมองเป็นโจรป่าและตกเป็นเหยื่อการกวาดล้างไปพร้อมกัน

กลัวก็แต่จวนว่าการเมืองฉางหนิงจะมีแผนการเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น อาศัยจีอวิ๋นซีมากำจัดโจรป่าและอาศัยโจรป่ามากำจัดจีอวิ๋นซี

มิน่าโบราณถึงว่าพวกขุนนางต่างเจ้าเล่ห์เพทุบาย กระทั่งลำไส้ยังอาจผูกไปแล้วสิบแปดปม ไม่แปลกที่จะเกิดความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ออกมา

แต่แล้วซ่งเสวียนก็เห็นจีอวิ๋นซีจ้องมองมาด้วยสายตายากจะคาดเดา

“ซ่งเสวียน โจรป่าสองคนนั้นจดจำเจ้าได้ พวกเขารู้ชื่อของเจ้า”

ซ่งเสวียนนิ่งงัน ทหารกลุ่มนั้นบุกไปกวาดล้างโจรป่า หากหาร่องรอยของจีอวิ๋นซีไม่พบย่อมต้องทรมานพวกโจรอย่างหนัก ขอเพียงถามศัตรูย่อมรู้ว่าพวกเขาสองคนหนีลงจากเขามาแล้ว

ระหว่างที่ซ่งเสวียนกับจีอวิ๋นซีอยู่บนเขามีโอกาสพบปะผู้คนน้อยครั้ง คนที่จำรูปพรรณของพวกเขาได้ถูกต้องเกรงว่าจะมีเพียงอู๋ซื่อกับหัวหน้าทั้งสอง ตอนนี้อู๋ซื่อตายไปแล้ว หัวหน้าสองคนนั้นจึงกลายเป็นอันตรายซ่อนเร้นขนานใหญ่ที่สุดของพวกเขา

“ดังนั้นความหมายของคุณชายคือ…” ซ่งเสวียนอดเม้มปากไม่ได้ เขารู้ว่าจีอวิ๋นซีร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีความสามารถเรื่องการตัดศีรษะคนในพริบตา

“ตอนนี้เจ้ามีสองทางเลือก” จีอวิ๋นซียิ้มพลางเอ่ย “เจ้าตัดหัวข้าแล้วนำไปโยนไว้หน้าประตูจวนว่าการ เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ตามสืบมาถึงเจ้า แต่คิดว่าเป็นเรื่องดีที่พวกโจรป่าทำ หรือไม่เจ้าก็มาเป็นตั๊กแตนบนเชือกเส้นเดียวกัน* กับข้า ไม่นานหากมีคนรู้ว่าเราหนีมาด้วยกัน พวกเขาจะต้องทุ่มกำลังตามหาตัวเจ้าสุดความสามารถแน่ ถึงเวลานั้นความเป็นความตายของเจ้าเกรงว่าต้องดูลิขิตฟ้าจริงๆ แล้ว”

จีอวิ๋นซีกระตุกยิ้มมุมปาก ดวงตากลับมีประกายสนุกสนานปรากฏขึ้นมา

ซ่งเสวียนได้แต่มองเขาพลางอ้าปากพะงาบ

เขาอยากถามจีอวิ๋นซีว่าเหตุใดไม่เลือกลงมือสังหารเขาเสีย เท่านี้ในโลกหล้าก็จะไม่มีผู้ใดรู้ร่องรอยขององค์ชายสามอย่างแท้จริง

แต่สุดท้ายเขากลับไม่ถามออกไป

“ซ่งเสวียน ข้ารอเจ้านะ” จีอวิ๋นซีเดินกลับเข้าไปในห้องของตน หลังปิดประตูลงเบาๆ ก็เผยรอยยิ้มหยันออกมา

ข้ายอมส่งมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้นักต้มตุ๋นจริงหรือนี่

ทั้งยังไม่คิดจะดิ้นรนอีกต่อไปแล้ว

จีอวิ๋นซีกระเสือกกระสนมาจนป่านนี้คิดว่าตนเองสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไปเสียอีก

ทว่าตอนนี้เขากลับไม่อยากทำมันแล้ว

บางทีอาจเพราะซ่งเสวียนคล้ายคลึงกับคนในความทรงจำผู้นั้นอยู่หลายประการ

บางทีอาจเพียงเพราะชื่อของซ่งเสวียนคำนี้

หากทุกอย่างต้องจบสิ้นลงที่นี่ก็คล้ายจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอันใด

ซ่งเสวียน

ข้ารอเจ้าอยู่ เชิญเข้าห้องมาสังหารข้าเสีย

หรือไม่ก็ช่วยข้าทีเถิด

 

ซ่งเสวียนเดินวนเวียนอยู่ในเรือนเนิ่นนาน

เขาไม่เคยคิดจะลงมือกับจีอวิ๋นซี

จริงอยู่ว่าซ่งเสวียนรักชีวิต แต่ก็มิใช่พวกรักตัวกลัวตาย และยิ่งไม่อาจลงมือสังหารเด็กหนุ่มอ่อนแอขี้โรคผู้หนึ่งเพื่อรักษาชีวิตตนเอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเด็กหนุ่มผู้นั้นคือจีอวิ๋นซี

เขาเพียงลังเลว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตัวเขาท่องยุทธภพมานานหลายปี เป็นกระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามโพรง* หากคิดหลบเลี่ยงการไล่ล่าของทางการก็ใช่จะทำไม่ได้

ติดอยู่ก็แต่เรื่องของจีอวิ๋นซี

ข้าจะต้องทิ้งเด็กคนนี้หรือ

หรือเขาควรโน้มน้าวให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจ ละทิ้งสถานะองค์ชายสามมาหลบซ่อนตัวอยู่กับเขาสักสองสามปี รอจนคลื่นลมสงบแล้วค่อยคิดหาทางทำทะเบียนเรือนใหม่ เปลี่ยนสถานะกลายเป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไปเสีย

แต่จีอวิ๋นซีจะตกลงหรือไม่

ซ่งเสวียนอยู่ในลานเรือนจนพระจันทร์ลอยขึ้นกลางท้องฟ้า ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวผลักประตูเข้าไป กลับพบว่าจีอวิ๋นซีกำลังหลับตานั่งพิงอยู่ที่ข้างเตียง

ซ่งเสวียนนึกว่าอีกฝ่ายอาการกำเริบจึงรีบเข้าไปอังจมูก ทว่าลมหายใจกลับยังคงเป็นปกติ ดูเหมือนจีอวิ๋นซีจะแค่รอนานจนผล็อยหลับไป

เขารู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกไปชั่วขณะ ก่อนหน้านี้กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้เสียเด็ดขาด แต่ตนเองกลับนอนหลับไปก่อน อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง คงทนอยู่จนดึกไม่ไหว

พรุ่งนี้ค่อยมาพูดคุยกับเขาแล้วกัน

ซ่งเสวียนส่ายหน้าจนใจก่อนจะค่อยๆ ห่มผ้าให้จีอวิ๋นซี ไม่นึกว่าจะได้ยินอีกฝ่ายละเมอขึ้นมากะทันหัน จีอวิ๋นซีพึมพำบางอย่างใต้ลมหายใจ มีเพียงไม่กี่คำที่ลอยเข้ามาในหูซ่งเสวียน

“…พี่เซวียน…”

ซ่งเสวียนชะงัก

“…พี่เซวียน…อย่าไป…”

ครั้งนี้ซ่งเสวียนได้ยินชัดแล้ว

คำเรียกนี้ช่างคุ้นหูเหลือเกิน คุ้นหูเสียจนซ่งเสวียนอยากรู้ว่าเหตุใดจีอวิ๋นซีจึงเอ่ยชื่อนี้ในความฝัน

ที่จริงหากตัดเรื่องความจำเป็นในการทำมาหากินออกไป เขาก็ไม่ยินดีเป็นฝ่ายไปสำรวจความทรงจำของผู้อื่นก่อน โดยเฉพาะกับคนคุ้นเคยหรือมิตรสหายที่เขารู้จัก

ซ่งเสวียนไม่สนใจความลับหรืออดีตของผู้อื่น

ตอนอยู่ในค่ายโจร ซ่งเสวียนเคยคิดสืบดูความทรงจำของจีอวิ๋นซีเพื่อหาสาเหตุว่าเพราะเหตุใดเขาถึงมาลงเอยที่ค่ายโจร ทว่าหลังจากหนีออกมาก็ไม่เคยมีความคิดเช่นนั้นอยู่ในหัวอีก

แต่ครานี้ซ่งเสวียนกลับลังเลอยู่บ้าง

คำเรียกเมื่อครู่บังเอิญเกินไป ทั้งยังคุ้นหูจนซ่งเสวียนอดไม่ได้ที่จะอยากตรวจสอบให้แน่ชัด แม้นี่จะเป็นเรื่องที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้เลยก็ตาม

แค่ครั้งนี้เท่านั้น

ซ่งเสวียนเดินไปข้างหน้าสองก้าว จากนั้นก็ค่อยๆ ทาบมือลงบนหน้าผากร้อนผ่าวของจีอวิ๋นซี

มือของเขาเย็นเยียบคล้ายจะทำให้จีอวิ๋นซีรู้สึกสบายตัวยิ่งจึงถูไถหน้าผากเข้ากับมือของเขาเล็กน้อย ท่าทางดูราวกับสัตว์เล็ก ซ้ำยังส่งเสียงทอดถอนใจเบาๆ ออกมา

ขณะเดียวกันความทรงจำในความฝันของจีอวิ๋นซีก็ทะลักทลายเข้ามาในหัวของซ่งเสวียน

ภาพที่เขาเห็นเป็นอันดับแรกคือต้นหลี่จื่อ* สูงใหญ่

บนต้นไม้มีเด็กคนหนึ่งกำลังเด็ดผลหลี่จื่อ

เด็กคนนั้นคือซ่งเสวียนในวัยสิบปี

 

* ตั๊กแตนบนเชือกเส้นเดียวกัน หมายถึงคนสองคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ไม่มีใครหนีความรับผิดชอบได้

* กระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามโพรง เป็นสำนวน หมายถึงมีไหวพริบในการหาทางหนีทีไล่ เตรียมวิธีการที่หลากหลายไว้รับมือกับปัญหาฉุกเฉินในอนาคต

* ต้นหลี่จื่อ หมายถึงต้นพลัมญี่ปุ่น

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: