ทดลองอ่านเรื่อง ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 1
ผู้เขียน : สิงซั่งเซียง (刑上香)
แปลโดย : ศีตกาล
ผลงานเรื่อง : 大国师,大骗子
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน
ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง
การฆาตกรรม การทารุณกรรมเด็ก การสังหารหมู่
การบังคับหรือโน้มน้าวให้ผู้อื่นทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ
และมีการกล่าวถึงการข่มขืน ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 17
ตัวแทน
ไม่นานผู้บัญชาการหลัวก็จากเมืองฉางหนิงกลับไปรายงานตัวที่เมืองหลวง
ซ่งเสวียนแขวนกระเทียมเอาไว้หน้าประตู กลับมาทำนายชะตาแปดอักษร พูดถ้อยคำไร้สาระหลอกลวงผู้คนทุกวัน กระทั่งเย็นย่ำก็ไปทางตะวันออกของเมืองเพื่อซื้อเนื้อแห้งกับขนม
เนื้อแห้งให้เจ้าหมาโง่ ส่วนขนมให้จีอวิ๋นซี
เป็นเช่นนี้อยู่ระยะหนึ่ง อาการของจีอวิ๋นซีก็หายเป็นปลิดทิ้ง ซ่งเสวียนจึงเริ่มวางแผนที่จะออกเดินทาง
ลู่เหล่าลิ่วได้รับจดหมายก็เสียดายอยู่พักใหญ่ พาพรรคพวกหลายคนมาตั้งโต๊ะสุราเพื่อขอบคุณที่ซ่งเสวียนขับไล่ความชั่วร้ายให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ทั้งยังถึงขั้นจัดพิธีให้เขาด้วย
เมื่อสุราถูกดื่มไปสามยก ลู่เหล่าลิ่วก็ลอบถามว่า “ท่านครึ่งเซียน คราวนี้ท่านทำพิธีได้เงินมาเท่าใด”
ซ่งเสวียนซ่อนมือไว้หลังแขนเสื้อลอบชูนิ้วเป็นตัวเลข ลู่เหล่าลิ่วเห็นแล้วตกใจจนเดาะลิ้นติดต่อกัน
ที่จริงซ่งเสวียนใช่ว่าจะกอบโกยเงินมาได้มากมาย เพียงทำไปเพื่อดึงดูดความสนใจผู้คนเท่านั้น
ลู่เหล่าลิ่วอดถามไม่ได้ “ท่านครึ่งเซียน ท่านนี่ร้ายกาจจริงๆ แม้แต่พญายมราชยังข่มขู่ได้ พิธีที่ทำย่อมไม่ใช่พิธีธรรมดาแน่”
ลู่เหล่าลิ่วไม่รู้ว่าซ่งเสวียนทำพิธีอะไรและไม่ได้เข้าไปสอดรู้ เขาเพียงทำธุระให้ซ่งเสวียนสองเรื่อง
หนึ่งคือบนถนนสายนี้มีโจรลักพาตัวคนหนึ่ง หลายปีก่อนเคยจับบุตรสาวของเศรษฐีสกุลจูไป
เมื่อซ่งเสวียนรู้เรื่องก็ให้ลู่เหล่าลิ่วออกหน้าไปสืบถามให้แน่ใจว่าสตรีนางนั้นอยู่ที่ใด ก่อนจะพรางเป็นเทพแสร้งเป็นผีอยู่ที่จวนสกุลจูเพื่อตามตัวบุตรสาวกลับมาให้
นับแต่นั้นซ่งเสวียนก็มีชื่อเสียงในเมืองมากทีเดียว
เรื่องที่สอง เขาช่วยเคลื่อนย้ายศพให้ซ่งเสวียน
ลู่เหล่าลิ่วเข้าใจว่าซ่งเสวียนกำลังช่วยพญายมราชตามหาคน แต่รายละเอียดปลีกย่อยอื่นใดเขาไม่รู้เลย จนถึงบัดนี้ก็ยังมืดบอดไปหมด
ซ่งเสวียนเองก็ไม่อธิบาย เพียงหัวเราะแล้วชนถ้วยกับเขา
กลับเป็นลู่เหล่าลิ่วที่ตะลึงงัน “เข้าใจๆ คนทำอาชีพอย่างเราจะให้คนอื่นมาเห็นงานได้อย่างไร ข้าสะเพร่าเอง ขอท่านครึ่งเซียนอย่าได้ถือโทษ”
ว่าแล้วเพื่อนบ้านสองคนในโต๊ะอาหารก็เริ่มพูดเล่นสัพเพเหระ ลู่เหล่าลิ่วเข้าร่วมวงด้วยอย่างสนุกสนาน ไม่ได้พูดเรื่องพิธีกรรมใดอีก
แม้จะเป็นงานเลี้ยงส่ง แต่บรรยากาศในวงสุราค่อนข้างคึกคักทีเดียว ไม่ได้มีความเศร้าโศกเสียใจ คนที่ทำอาชีพแบบพวกเขาจะมีฟ้าใต้ดินเหนือทะเลรอบทิศเป็นบ้านก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ บางครั้งมีบุญคุณน้ำใจพรรคพวกพี่น้องบ้าง ที่จริงก็เป็นเพียงวาสนาที่นานครั้งจะพบพานเท่านั้น
“สุนัขจรพวกนั้นมาจากที่ใดหรือ” จีอวิ๋นซีถาม
“เจ้าหมาโง่นี่เรียกมาน่ะ” ซ่งเสวียนลูบเจ้าหมาโง่ที่กำลังส่ายหัวส่ายหางด้วยความลิงโลด ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างอดไม่ได้ว่า “ไม่ต้องห่วง เจ้าหมาโง่เชื่อฟังมาก ไม่เคยกินคน”
จีอวิ๋นซีมองเจ้าหมาโง่แยกเขี้ยวใส่อย่างอาฆาตมาดร้าย สุดท้ายก็ไม่คิดจะเชื่อคำปลอบของซ่งเสวียน
“เช่นนั้นเมื่อหลายวันก่อนที่เจ้าออกไปข้างนอกทุกคืน แท้จริงคือไปขุดศพหรือ” จีอวิ๋นซีนั่งอยู่ในเรือน เอียงคอถามด้วยท่าทางดูเป็นเด็กหนุ่มอยู่หลายส่วน
ซ่งเสวียนพยักหน้าอย่างอิหลักอิเหลื่อ
ตอนแรกเขาเองก็ลำบากใจ จีอวิ๋นซีเป็นคนฆ่าอู๋ซื่อแท้ๆ แต่เขากลับต้องใช้ศพของอู๋ซื่อมาปลดเปลื้องตัวพวกเขาสองคนออกจากอันตราย
แม้จะไร้หนทางจนมีเพียงต้องทำเช่นนี้ แต่เขาก็ยังรู้สึกราวกับโดนตบหน้าอยู่
ศพสองศพไม่ได้หาง่าย ศพที่มาเป็นตัวแทนจีอวิ๋นซีคือบุตรชายของฮูหยินผู้เฒ่าที่มาทำนายชะตาผู้นั้น อีกฝ่ายเสียชีวิตระหว่างหาสตรีมาปรนนิบัติ เขาบังเอิญไปได้ยินมาว่าคนผู้นั้นป่วยเป็นโรคหัวใจพอดี ถึงได้เกิดความคิดเปลี่ยนตัวเช่นนี้ขึ้นมา
ส่วนอีกศพนั้นเดิมซ่งเสวียนคิดจะสุ่มขุดผีตายใหม่ออกมาสักศพ ทว่ากลับได้รับการบอกเล่าว่าช่วงนี้ไม่มีการฌาปนกิจผู้เสียชีวิตที่ยังเยาว์เช่นเขาเลย
ไม่นานเขาก็นึกถึงอู๋ซื่อขึ้นมา โชคดีว่าตอนนั้นซ่งเสวียนรู้สึกสงสารอีกฝ่ายจนสละเสื้อของตนสวมให้ศพ สุดท้ายจึงแต่งเรื่องราวที่สมบูรณ์ขึ้นมาได้อีกเรื่อง
คิดแล้วซ่งเสวียนอดเม้มปากไม่ได้
เกี่ยวกับนิสัยของจีอวิ๋นซี ในใจเขาก็มีข้อกังขาอยู่ร่ำไป
แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร ร่อนเร่ในยุทธภพมาเนิ่นนานปานนี้ เรื่องราวมากมายล้วนเคยพบเห็น สำหรับเรื่องต่อสู้ฆ่าฟัน เรื่องเป็นเรื่องตาย เขาคล้ายไม่รู้สึกรู้สาอันใดแล้ว
แต่กับท่าทีหยอกเล่นอย่างเย็นชาเช่นนี้ของจีอวิ๋นซี เขายังคงรู้สึกยากจะรับได้อยู่
เจ้าก้อนน้อยคนเดิมไม่เคยเป็นเช่นนี้
เจ้าก้อนน้อยเป็นคนที่แม้แต่นกกระจอกตัวเล็กๆ ก็ยังประคองไว้ในมือแล้วพาไปพันแผลให้อย่างระมัดระวัง
ซ่งเสวียนขมวดคิ้วหมายจะลุกจากไป พริบตานั้นกลับได้ยินจีอวิ๋นซีเอ่ยว่า “คนอย่างข้ากลับมีคนตายแทนติดต่อกันคนแล้วคนเล่า เกรงว่านี่จะเป็นเรื่องน่าขันใหญ่หลวงที่สุดในโลกนี้แล้ว”
ซ่งเสวียนหันกลับมา พบว่าอีกฝ่ายกำลังใช้นิ้วม้วนแส้ขนจามรีของเขาเล่น เมื่อจีอวิ๋นซีเห็นว่าเขามองอยู่ก็ผุดรอยยิ้มเย็นเยียบออกมา
“ซ่งเสวียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเสด็จแม่ของข้าจึงไม่เป็นที่โปรดปรานจนต้องเข้าตำหนักเย็น” เขายังไม่ทันขยับปาก จีอวิ๋นซีก็ตอบขึ้นมาเอง “เพราะนางกระทำผิดฐานหลอกลวงฝ่าบาท เล่นกลแมวดาวเปลี่ยนรัชทายาท*”
ในหมู่ชาวบ้าน เรื่องราวของจีอวิ๋นซีถือเป็นความลับ แต่บรรดาขุนนางในราชสำนักย่อมล่วงรู้กันดี
จีอวิ๋นซีจึงไม่ลังเลที่จะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพื่อเรียกความเห็นใจจากซ่งเสวียน
อย่างไรเสียมันก็เป็นเรื่องที่ชวนให้ผู้คนตะลึงงันอย่างแท้จริง
ตอนจีอวิ๋นซียังอยู่ในครรภ์ มารดาได้รับการวินิจฉัยจากหมอว่าครรภ์มีภาวะเสี่ยง มีโอกาสอย่างมากที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝัน
มารดาของจีอวิ๋นซีเป็นซูเฟยรูปโฉมงดงามแต่มีบุตรยาก หลายปีมานี้ตั้งครรภ์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไหนเลยจะยอมแพ้ง่ายๆ
อีกอย่างนางเองก็รู้อยู่แก่ใจ สตรีฝ่ายในหากไม่ตั้งครรภ์มีบุตร จุดจบคงไม่ดีสักเท่าไร
ดังนั้นนางจึงตัดสินใจใช้อุบายแมวดาวเปลี่ยนรัชทายาท
นางซื้อตัวหมอหลวงเพื่อให้รายงานกำหนดคลอดผิดพลาด เมื่อถึงกำหนดคลอดจริงๆ ก็ทำทีโวยวายจะกลับบ้านเดิมเพื่อหลบไปคลอดบุตรเงียบๆ หากให้กำเนิดมาแล้วทารกตายจะได้เปลี่ยนเป็นเด็กชายคนอื่นที่เพิ่งเกิดได้ทันที
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย
จีอวิ๋นซีที่นางให้กำเนิดมานั้นไม่ตาย แต่กลับผิวซีดม่วงคล้ำ หายใจกระชั้น สามารถตายตกได้ทุกเมื่อ
ฮ่องเต้เห็นว่านางให้กำเนิดบุตรลำบากยากเข็ญ เดินทางไม่สะดวกจึงอนุญาตให้อยู่พักที่บ้านมารดาสักสองสามวัน และระหว่างนี้เองที่นางได้รู้จากปากหมอว่าบุตรชายตนเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิด เกรงว่าจะมีชีวิตอยู่ไม่พ้นสิบสองปี
บุตรชายที่มีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสิบสองปีผู้หนึ่ง ไม่เพียงมิอาจนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่วงศ์ตระกูล แต่ยังเป็นภาระถ่วงซูเฟยซึ่งมีสถานะในวังหลวงเลวร้ายอยู่แล้ว
ซูเฟยตัดสินใจฝากบุตรชายตนไว้กับเสนาบดีซ่ง ลูกพี่ลูกน้องที่กำลังจะถูกเนรเทศ จากนั้นก็นำเด็กชายร่างกายแข็งแรงที่นางเตรียมเอาไว้กลับเข้าวังหลวงมา
ไม่มีผู้ใดทราบว่าซูเฟยรับปากสิ่งใดเอาไว้ เสนาบดีซ่งถึงอาจหาญเผชิญความเสี่ยงใหญ่หลวง ยอมซ่อนจีอวิ๋นซีเอาไว้ในจวนของตน
นับแต่นั้นจีอวิ๋นซีก็กลายเป็นหนึ่งในความลับของสกุลซ่ง
เขาเติบโตอย่างเดียวดายในเรือนนอกของจวนสกุลซ่ง กระทั่งได้พบกับซ่งเสวียน
ซ่งเสวียนฟังการบรรยายด้วยน้ำเสียงพลิ้วไหวของจีอวิ๋นซีจบก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เขาเคยคาดเดาสาเหตุที่จีอวิ๋นซีมาปรากฏตัวอยู่ในจวนสกุลซ่งเช่นกัน แต่คิดให้ตายก็คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นเด็กที่ถูกมารดาทอดทิ้งเพราะอาการป่วย
“กระดาษห่อไฟไม่ได้* ยิ่งในสถานที่อย่างฝ่ายในยิ่งเรียกได้ว่าไม่มีความลับ” จีอวิ๋นซีทอดมองออกไปไกลแสนไกลคล้ายกำลังหวนนึกถึงบางสิ่ง “หลังจากเรื่องราวหลุดรั่ว ข้าถูกรับตัวกลับเข้าวัง เด็กที่เป็นตัวแทนผู้นั้นก็ถูกสังหารอย่างลับๆ”
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในภายหลัง จีอวิ๋นซีคงไม่ต้องเล่าแล้ว
ขนาดโอรสที่เห็นมากับพระเนตรตั้งแปดปีเต็ม ฮ่องเต้นึกจะสั่งประหารก็สามารถทำได้ลงคอ จีอวิ๋นซีเติบโตอยู่ข้างนอกแปดปี เป็นโอรสที่พระองค์ไม่เคยพบหน้า คาดว่าคงไม่ได้สลักสำคัญมากมายเท่าใด
“ซ่งเสวียน เจ้าเป็นหมอดู มิสู้ทำนายชะตาให้ข้าสักหน่อย ชื่อจีอวิ๋นซีนี้จริงๆ มิควรเป็นของข้าใช่หรือไม่” จีอวิ๋นซีเอ่ยราวกับกำลังหยอกเย้า “ชีวิตชวนหดหู่เช่นนี้ยังมีคนมาแลกเปลี่ยน บางทีข้าควรจุดธูปไหว้ขอบคุณพวกเขาให้เป็นเรื่องเป็นราวเสีย”
ซ่งเสวียนพลันเกิดความคิดชั่ววูบอยากพูดกับจีอวิ๋นซีว่า
เช่นนั้นเราก็ไม่เอาชื่อนี้เสียเลยปะไร
ข้าจะพาท่านไปท่องเที่ยวทุกหนแห่ง ชมขุนเขาดูสายน้ำให้ถ้วนทั่ว
ชั่วชีวิตนี้คงไม่มีผู้ใดมาทดแทนเจ้าก้อนน้อยในใจของเขาได้อีกแล้ว
ทว่าซ่งเสวียนไม่ได้พูดออกไป
เพียงเห็นจีอวิ๋นซีกำหมัดแน่น ใบหน้าประดับรอยยิ้มเย็นเยียบ เขาก็กระจ่างแจ้งแก่ใจ จีอวิ๋นซีอยากเอาทุกอย่างที่เป็นของตนคืน
เจ้าก้อนน้อยเองก็เติบโตแล้ว
ย่อมต้องมีความปรารถนาและความคิดเป็นของตนเอง
อีกประการคือเขาเป็นนักต้มตุ๋น จะใช้สิ่งใดไปเรียกร้องให้ผู้อื่นละทิ้งศักดิ์ที่มีมาแต่กำเนิดแล้วไปนอนกลางดินกินกลางทรายทั่วยุทธภพด้วยกัน
ซ่งเสวียนได้แต่ทอดถอนใจ เขาลูบผมจีอวิ๋นซี “อย่าคิดมาก ข้าจ้างรถเทียมวัวเอาไว้แล้ว กลับไปเก็บของเถิด ตอนบ่ายเราจะออกนอกเมืองกัน”
เหมือนลูบเจ้าหมาโง่ไม่มีผิดเพี้ยน
จีอวิ๋นซีฟังแล้วไม่พอใจ อดถลึงตาใส่เขาไม่ได้ “ซ่งเสวียน แม้แต่สถานะที่แท้จริงข้าก็บอกเจ้าแล้ว เจ้าจะสงสารข้าสักนิดไม่ได้เชียวหรือ”
“เช่นนั้นท่านจะให้ข้าทำอย่างไร” ซ่งเสวียนผายมือ “ด้วยหน้าที่แล้วกระหม่อมมิอาจปฏิเสธ”
จีอวิ๋นซีเองก็พูดไม่ออก เขากลับไปเก็บของด้วยสีหน้าเย็นชา
ที่จริงตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าอยากให้ซ่งเสวียนปฏิบัติกับตนอย่างไร
จีอวิ๋นซีไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนถึงอยากเข้าใกล้ซ่งเสวียน ซ้ำยังยอมทำตัวราวกับสัตว์เล็ก จงใจแสดงความอ่อนแอเพื่อให้ได้รับความอบอุ่นอ่อนโยนจากอีกฝ่าย
อาจเป็นเพราะข้างกายเขาไม่มีผู้ใดควรค่าให้เชื่อใจมานานแล้ว จีอวิ๋นซีคาดเดาเช่นนั้น
แต่ซ่งเสวียนก็หาได้มีด้านที่ดูอบอุ่นอ่อนโยนอะไร
เขาเป็นบุรุษเช่นนั้น เกียจคร้าน มักวางท่าทางราวกับใต้เท้าผู้หนึ่ง ไม่ว่าสิ่งใดล้วนไม่เก็บมาใส่ใจ ถ้อยคำที่ออกมาจากปากไม่มีความจริงสักประโยค
แต่เพื่อข้าแล้วเขากลับ…
ทุ่มเทกายใจทั้งหมด
ใช่แล้ว ทุ่มเทกายใจทั้งหมดจริงๆ
เล่นลูกไม้เต็มที่ วิ่งโร่ไปหาพญายมราชเพื่อเขา
เดิมซ่งเสวียนไม่เคยทำเรื่องเช่นการขุดหลุมศพผู้ใด แต่กลับยอมขุดศพผู้อื่นขึ้นมาเพื่อเขา
ซ่งเสวียนไม่ชอบเขา ไม่ชอบที่เขาสังหารคนตามอำเภอใจ ไม่ชอบที่เขาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายผิดมนุษย์
แล้วเหตุใดซ่งเสวียนจึงต้องทำเพื่อข้าถึงขั้นนั้น
จีอวิ๋นซีไม่รู้ เขารู้เพียงว่าเขาชอบเข้าใกล้ซ่งเสวียนและชอบสิ่งที่ซ่งเสวียนทำอยู่ตอนนี้…คือค่อยๆ เข้าใกล้เขาทีละก้าว
เขาอดมองซ่งเสวียนที่อยู่นอกหน้าต่างไม่ได้
คนผู้นั้นกำลังนอนหนุนห่อข้าวของที่ตนเพิ่งเก็บเสร็จ แอบอู้อย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง แต่มุมปากกลับมีรอยยิ้มอยู่จางๆ
น่ามองมากทีเดียว
* แมวดาวเปลี่ยนรัชทายาท เป็นนิทานพื้นบ้านเรื่องหนึ่งซึ่งชาวจีนนิยมเล่ากันอย่างแพร่หลาย หมายถึงการลอบสับเปลี่ยนของปลอมมาแทนของจริง
* กระดาษห่อไฟไม่ได้ เป็นสำนวนเปรียบเทียบว่าความจริงเป็นสิ่งที่ไม่อาจปิดบัง
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 1
วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub และร้านหนังสือทั่วไป
รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่
Meb / OOKBEE / Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN
Comments
comments
No tags for this post.