ทดลองอ่านเรื่อง ไฟล์ข้อมูลของการตกหลุมรัก
ผู้เขียน : สือเอ้อร์ซาน (十二三)
แปลโดย : Lucky Luna
ผลงานเรื่อง : 心动文档 (Xin Dong Wen Dang)
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน
ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับอาการป่วยทางจิต
ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 1
โจวมู่
ตอนที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น สวี่จือกำลังอุ้มโน้ตบุ๊กพลางนั่งเหม่อบนเก้าอี้พักผ่อนที่ทำจากไม้ตรงระเบียงห้องนอน
บนหน้าเดสก์ท็อปโน้ตบุ๊กกำลังเปิดไฟล์เอกสารสร้างใหม่ที่ไม่มีชื่ออยู่ไฟล์หนึ่ง บนนั้นมีเพียงตัวอักษรหนึ่งบรรทัด ‘12 กรกฎาคม โจวมู่ ยืนยันว่าเป็นมนุษย์’
ระเบียงห้องนอนเป็นระเบียงแบบปิด ติดตั้งหน้าต่างยาวจรดพื้นบานใหญ่ มีเก้าอี้พักผ่อนวางไว้มุมหนึ่ง จากมุมของสวี่จือสามารถมองเห็นรถราจำนวนไม่มากนักที่แล่นอย่างรวดเร็วบนท้องถนน
เสียงเคาะประตูดังขึ้นรวมแล้วสองครั้ง สวี่จือหันไปมองแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
ไม่นานนักนาฬิกาข้อมือดิจิตอลหน้าปัดสี่เหลี่ยมสีเทาเงินบนตู้หัวเตียงเรือนนั้นก็ดังขึ้น ตัวเลขที่เปล่งแสงสีน้ำเงินบ่งบอกเวลาสามนาฬิกาตรง
สวี่จือปิดไฟล์เอกสารในโน้ตบุ๊ก ไฟล์เอกสารกลายเป็นไอคอนมุมพับสีขาวกลับเข้าไปในโฟลเดอร์ แสดงชื่อขึ้นมาว่า ‘Doc2’
สวี่จือพับหน้าจอโน้ตบุ๊กแล้วลุกขึ้น เก้าอี้พักผ่อนเฉออกจากแนวเดิมเล็กน้อยเพราะการเคลื่อนไหวของเขา เขาจึงจัดมันให้ตรงกับแนวร่องพื้นอย่างจริงจัง
เขาเข้านอนตรงเวลาตอนตีสามของทุกคืนและตื่นตอนสิบโมงเช้าของวันต่อมา จากนั้นจะลงมาซื้ออาหารกลางวันหนึ่งชุดที่ร้านโจ๊กข้างล่าง โดยปกติจะเป็นโจ๊กข้าวโอ๊ตนมสดคู่กับเกี๊ยวนึ่งไส้กุ้งชุดเล็กหนึ่งชุด
ที่ผ่านมาล้วนเป็นอย่างนี้เสมอ กระทั่ง…
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม สวี่จือที่เตรียมขึ้นเตียงนอนหยุดชะงัก ก่อนเดินอ้อมปลายเตียงเพื่อไปเปิดประตู
ผู้มาเยือนสวมชุดนอนผ้าฝ้ายซึ่งตัดเย็บมาพอดีตัว เรียวขายาวทั้งสองข้างไขว้กันอย่างสบายๆ อีกฝ่ายก้มหน้าเล็กน้อย เผยรอยยิ้มสมบูรณ์แบบไร้ที่ติให้กับเขา “สวัสดียามค่ำ”
ท่าทางนั้นดูกระตือรือร้นเหมือนคนทำงานบริการอย่างว่าในสถานเริงรมย์ที่กำลังเชื้อเชิญแขก
สวี่จือเบ้ปาก กระแทกประตูปิดโดยไม่ส่งเสียงสักคำ
ดีกับแม่แกสิ
กระทั่งสองวันก่อน ทุกอย่างล้วนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
สิบโมงเช้าของเมื่อสองวันก่อนสวี่จือตื่นนอนตรงเวลา แล้วพบว่าคนที่อยู่นอกประตูนั่นปรากฏตัวบนเตียงของเขาด้วยร่างเปลือยเปล่า และเกี่ยวกระหวัดกับเขาด้วยท่าทางไม่งามอย่างยิ่ง
สวี่จือรู้จักเขา แต่ก็ไม่รู้จักเขาเช่นกัน เพราะนี่คือพระเอกในนิยายที่สวี่จือกำลังเขียน
ผู้มาเยือนชื่อว่าโจวมู่ เป็นคนที่เดิมทีไม่ควรมีตัวตนอยู่
ก๊อกๆ
โจวมู่ยังคงเคาะประตูอย่างไม่ยอมเลิกรา
ไฟในห้องนอนยังคงสว่าง ดังนั้นแม้จะเป็นเวลาตีสามแล้ว แต่เสียงเคาะประตูกลับไม่ได้น่ากลัว เพียงแต่น่ารำคาญเล็กน้อยเท่านั้น
สวี่จือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกดมือจับประตูแล้วเปิดออก ปล่อยให้โจวมู่เข้ามา
“จะทำอะไรอีก” สวี่จือกดมุมปากราบเรียบ น้ำเสียงไม่นับว่าดีเท่าไหร่นัก แต่ดีที่เขามีใบหน้าที่ไม่ว่าจะพูดด้วยน้ำเสียงอย่างไรก็ล้วนได้รับการให้อภัยทั้งนั้น
“ไฟห้องรับแขกเปิดไม่ติดแล้ว” บนใบหน้าของโจวมู่ยังคงมีรอยยิ้มที่เก็บไม่มิด หางเสียงสูงขึ้น “ฉันกลัวจังเลย”
เขาเอ่ยพลางพยายามเบียดเข้ามาข้างกายสวี่จือ แต่ถูกสวี่จือหลบเลี่ยง
“ฉันจำได้ว่านายไม่ได้กลัวความมืด” สวี่จืออธิบายอย่างใจเย็น “นายใจกล้ามากนี่”
โจวมู่ขยับมุมปากเหมือนคิดจะโต้แย้งอะไรสักอย่าง สวี่จือจึงตัดสินใจชิงรุกก่อน เขากล่าวเสริมประโยคหนึ่งอย่างรวดเร็ว “ฉันเขียนไว้แบบนี้”
“แต่ความจริงแล้วฉันกลัวความมืดมาก” โจวมู่บอกพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้สวี่จือหนึ่งก้าว
ชายเสื้อชุดนอนของเขากวาดผ่านโดนหลังมือสวี่จือ ทำให้สวี่จือรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อย สวี่จือเลยเก็บมือกลับมาเงียบๆ และถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อรักษาระยะห่างกับเขา
โจวมู่ตัวสูงมาก ตอนพูดคุยกับสวี่จือจึงต้องก้มหน้าเล็กน้อย สวี่จือจึงมักเห็นดวงตาสีเข้มทว่าเปล่งประกายของเขาอยู่เสมอ
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันสวยมาก
“งั้นเรามาคุยเรื่องนี้กันให้ละเอียดหน่อย” สวี่จือเดินมานั่งตรงขอบเตียง จากนั้นยื่นมือชี้ไปยังโซฟาเดี่ยวที่อยู่ตรงข้าม บอกเป็นนัยว่าให้โจวมู่นั่งลง
ปฏิกิริยาตอบสนองของโจวมู่คือการทำเป็นมองไม่เห็น อีกฝ่ายเดินตรงไปยังข้างกายสวี่จือก่อนนั่งลงใกล้ๆ เขา
สวี่จือขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฟูกเตียงไม่ได้นุ่มมากนัก สวี่จือจึงรู้สึกแค่ว่าข้างๆ บุ๋มลงเล็กน้อย แต่เขายังคงขยับไปอีกด้านอยู่ดี
โชคดีที่โจวมู่ไม่ได้ขยับตามมา
สวี่จือเริ่มเล่านิยายที่เขาเขียนเรื่องนั้น
ต้นเดือนที่แล้วเขาลาออกจากงานเดิม และเซ็นสัญญากับเว็บไซต์อ่านนิยายที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเจ้าหนึ่ง เท้าข้างหนึ่งก้าวเข้าสู่วงการนิยายออนไลน์ กลายเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์อย่างเป็นทางการแล้ว
เขาเริ่มเขียนนิยายเมื่อสองวันก่อน เรื่องย่อยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่พล็อตเป็นสูตรสำเร็จ เป็นนิยายโลกสวยที่น่าจะไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่
พระเอกโจวมู่เป็นคนแรกที่เขาคิดขึ้นมาได้ในหัว พูดให้ถูกคือชื่อโจวมู่นี้เด้งเข้ามาในหัวเขาเป็นอันดับแรก
โจวมู่เป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยม แทบจะรวมจุดเด่นทั้งหมดของพระเอกนิยายเอาไว้เลยก็ว่าได้
หน้าตาหล่อเหลาและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
สวี่จือใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงก็ร่างคาแร็กเตอร์ของโจวมู่เสร็จแล้ว
ไม่ใช่เพราะตัวละครโจวมู่ไม่มีมิติ แต่เป็นเพราะไอเดียมากมายเกี่ยวกับโจวมู่นั้นหลั่งไหลเข้ามาในหัวสมองของสวี่จืออย่างไม่ขาดสายโดยไม่ต้องเปลืองแรงคิดเลย
ขณะที่สวี่จือกำลังเขียนยังเผลอคิดไปว่าหากโจวมู่คนนี้มีตัวตนอยู่จริงๆ ล่ะก็ น่าจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
ตอนที่สวี่จือหยุดเขียนเป็นเวลาตีสามพอดี
เขาเข้านอนตรงเวลาอย่างมาก หลังจากนั้นเมื่อตื่นขึ้นมาตอนสิบโมงเช้าของวันถัดมาก็พบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอยู่บนเตียงของเขา
ร่างกายเปลือยเปล่า…
…เปลือยเปล่ากันทั้งสองคน
เวลานอนหลับสวี่จือชินกับการแง้มม่านหน้าต่างไว้ ห้องนอนจึงไม่ได้มืดมาก แสงสว่างจากท้องฟ้าภายนอกลอดผ่านช่องว่างที่แง้มไว้ สาดส่องให้เงาสายหนึ่งทอดยาวลงบนพื้น
ชายหนุ่มยังคงหลับอย่างสงบ หน้าอกแกร่งกระเพื่อมขึ้นลงน้อยๆ ตามจังหวะหายใจ ภาพสมจริงจนไม่น่าเชื่อ
สวี่จือแน่ใจว่ามันไม่ใช่ความฝัน
เขาตะลึงงันไปหลายวินาที จากนั้นลุกขึ้นนั่งอย่างระแวดระวังทันใด
เสื้อผ้าของเขาที่พับไว้เรียบร้อยเมื่อคืนวางอยู่บนตู้หัวเตียง เขาค้นเอากางเกงตัวหนึ่งออกมาสวมก่อนแล้วจึงสวมเสื้อยืดอย่างลวกๆ
หลังแน่ใจแล้วว่าการแต่งตัวของตนเองสามารถวิ่งออกไปจากห้องได้ทุกเมื่อ สวี่จือก็ยื่นมือไปผลักคนที่กำลังหลับอยู่
“อื้อ…” ชายหนุ่มส่งเสียงเบาๆ ทีหนึ่ง ดูเหมือนว่าเขายังง่วงมาก ไหล่ขยับเล็กน้อย เส้นผมถูไถบนหมอนเบาๆ และไม่ขยับตัวอีก
สวี่จือเกร็งแขน ยื่นมือไปผลักอีกฝ่ายเป็นครั้งที่สอง
ชายหนุ่มพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว “อย่ากวนน่า”
“นายเป็นใคร” เสียงของสวี่จือยังคงแหบพร่าเพราะเพิ่งตื่น แต่สติกลับแจ่มชัดอย่างยิ่ง
เขาเห็นขนตาสั้นที่เรียงเป็นแพหนาของชายหนุ่มสั่นไหวเบาๆ จากนั้นดวงตาก็พลันลืมขึ้น เร็วเสียจนทำให้สวี่จือนึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้กำลังหลับอยู่แต่แรก
สวี่จือถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยสัญชาตญาณ
ชายหนุ่มค่อยๆ ขมวดคิ้ว สายตาจับจ้องใบหน้าสวี่จือ ดูเหมือนว่าคอของเขาจะแห้งเล็กน้อยเพราะเพิ่งตื่น จึงกระแอมเบาๆ
เบาเสียจนเหมือนกับว่ากลัวทำให้ใครตกใจ
สวี่จือมองออกว่าเขากำลังตื่นเต้น ถึงขั้นตื่นเต้นยิ่งกว่าสวี่จือเสียด้วยซ้ำ
สวี่จือไม่พูดอะไร ริมฝีปากเม้มแน่น ยืนมองชายหนุ่มอยู่ตรงหัวเตียงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ
ชายหนุ่มเองก็ไม่พูดอะไร ประจันหน้ากับสวี่จือโดยไม่ส่งเสียงสักแอะ
จากมุมของสวี่จือสามารถมองเห็นองคาพยพทั้งห้าอันคมชัดบนใบหน้าของเขาได้ จมูกโด่ง คิ้วเข้ม เป็นรูปลักษณ์ที่ดูดุดันอย่างยิ่ง
ชายหนุ่มจ้องสวี่จืออยู่หลายวินาที ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ท่าทางคิดจะลงจากเตียงเข้ามาใกล้สวี่จือ
“อย่าขยับ!” สวี่จือยื่นมือชี้เขา ร้องตะโกนออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ น้ำเสียงเคร่งเครียดอย่างมาก
ชายหนุ่มถูกตะโกนใส่จนชะงัก เขาค่อยๆ เก็บเท้าที่กำลังจะก้าวลงจากเตียง จากนั้นก็ไม่ขยับอีกจริงๆ
“นายเป็นใคร” สวี่จือยังคงอยู่ในท่าทางป้องกันตัวโดยค้อมตัวเล็กน้อย แล้วถามอีกรอบ
เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร มีคำตอบมากมายหลายแบบแวบผ่านเข้ามาในหัวของสวี่จือ แต่ละอย่างล้วนเหลวไหลและห่างไกลจากความเป็นจริงมาก
บางทีเมื่อคืนเขาอาจจะละเมอออกไปดื่มเหล้าจนเมาก็ได้ บางทีพอเขาตื่นขึ้นมาแล้วอาจจะสูญเสียความทรงจำก็ได้ สวี่จือคิดหาตัวตนต่างๆ นานาให้ผู้ชายคนนี้ด้วยจินตนาการอันไร้ขอบเขต
ทว่าสวี่จือกลับได้ยินในสิ่งที่ไม่ใช่หนึ่งใน ‘คำตอบมากมายหลายแบบ’ เหล่านี้ ซ้ำยังทำให้ขนลุกชันยิ่งกว่าคำตอบใดๆ
ชายหนุ่มเอ่ย “ฉันคือโจวมู่”
บทที่ 2
ตัวละครในนิยาย
“นายบอกว่า…” สวี่จือได้ยินตนเองทวนซ้ำอย่างไร้ชีวิตชีวาว่า “นายคือโจวมู่?”
“อืม” โจวมู่พยักหน้า ดูเหมือนว่าสภาพเปลือยทั้งตัวทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก เขาชี้ไปที่ตู้หัวเตียง “ฉันใส่เสื้อผ้าสักชิ้นก่อนได้ไหม”
สวี่จือมองตามนิ้วมือของเขา ถึงได้พบว่าบนตู้หัวเตียงยังมีเสื้อผ้าของอีกคนวางอยู่ ดูเหมือนจะเป็นชุดคลุมนอน
ตอนที่เพิ่งตื่นเขาตกใจเกินไป ถึงกับมองข้ามเสื้อผ้าชุดนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
“นายวางไว้ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ฝ่ามือสวี่จือกดไว้บนเสื้อผ้าชุดนั้น ไม่ได้ส่งให้อีกฝ่ายทันที
“ฉันไม่ได้วาง” โจวมู่ส่ายหน้า ดวงตามองเสื้อผ้าชุดนั้นสองสามวินาทีถึงได้เอ่ย “แต่ฉันเดาว่านี่อาจเป็นของที่เตรียมไว้ให้ฉัน”
สวี่จือหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาแล้วส่งให้อีกฝ่ายทั้งที่ตัวแข็งทื่อ
ขณะที่โจวมู่รับมา ปลายนิ้วของทั้งสองก็แตะโดนกัน
สวี่จือสัมผัสได้ว่าปลายนิ้วของโจวมู่อุ่นร้อน
นี่เป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของฤดูร้อน แถมอุณหภูมิในห้องนอนก็ไม่ได้ต่ำเลย ทว่าสวี่จือกลับขนลุกไปทั้งตัวเพราะความตื่นเต้น เหงื่อผุดออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
โจวมู่รับเสื้อผ้าไป สะบัดชุดออก ดูคร่าวๆ ว่ากลับด้านหรือไม่ แล้วคลุมชุดไว้บนไหล่
เขาคล้ายกับอยากพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไร จึงหันหลังผูกสายชุดคลุมนอนแบบลวกๆ อย่างสบายใจ
หลังจากเขาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็หมุนตัวมา และขยับเข้าไปใกล้สวี่จือเล็กน้อย
“นายอย่าเข้ามานะ!” สวี่จือตะคอกห้ามเขาเสียงดัง
“โอเคๆ” โจวมู่ถูกตะคอกใส่จนตกใจ เขายกมือสองข้างขึ้นโดยอัตโนมัติ รับรองกับสวี่จือว่า “ฉันไม่เข้าไป”
สวี่จือก้าวถอยหลังไปหลายก้าวช้าๆ แผ่นหลังแนบชิดกับผนัง จากนั้นเขยิบไปทางประตูด้วยความประหม่า ระหว่างนั้นดวงตาก็จับจ้องความเคลื่อนไหวของโจวมู่อยู่ตลอด
โจวมู่อ้าปากคล้ายกับคิดจะพูดบางอย่าง แต่สวี่จือขมวดคิ้วเป็นนัยเตือน เขาจึงหุบปาก
สวี่จือคลำเจอมือจับประตูแล้วกดลง เขาเปิดประตูแล้วเบี่ยงตัวออกไปอย่างว่องไว จากนั้นล็อกขังโจวมู่ไว้ในห้องนอน
เขาเดินตรงไปยังห้องครัว ก่อนนำมีดทั้งหมดบนเคาน์เตอร์ทำครัวไปเก็บไว้ในลิ้นชักแล้วล็อกกุญแจ จากนั้นวิ่งไปที่ห้องอาบน้ำเพื่อเอาผ้าขนหนูทั้งหมดยัดใส่ตู้
วิธีฆ่าคนที่อาชญากรแทบทุกคนเลือกใช้เป็นอันดับแรกคือการใช้มีดหรือไม่ก็การรัดคอให้ตาย
เมื่อนึกไปถึงรูปร่างของอีกฝ่าย สวี่จือคิดว่าหากอีกฝ่ายจะลงมือกับเขาล่ะก็ เขาไม่มีทางเอาชนะได้เลย
สวี่จือกำกุญแจห้องนอนไว้ในมือ เดินวนกลับไปกลับมาในห้องรับแขกที่ขนาดไม่ได้ใหญ่นักอยู่หลายรอบ คอยสังเกตความเคลื่อนไหวในห้องนอนอยู่บ่อยๆ ความรู้สึกยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
สวี่จือไม่เก่งในเรื่องการเข้าสังคม เขาแทบจะไม่มีเพื่อน ด้วยเหตุนี้เขาจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าเขาไม่เคยพูดถึงชื่อโจวมู่นี้กับใครแม้แต่คนเดียว
คืนวันก่อนเมื่อเขาร่างคาแร็กเตอร์เกี่ยวกับโจวมู่เสร็จ นาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ตอนตีสามก็ดังขึ้น เขาไม่มีกระทั่งเวลาไปตรวจคำผิดอีกรอบด้วยซ้ำ
ฟันของกุญแจประตูห้องนอนแหลมมาก ขณะที่ถือไว้ในมือสวี่จือออกแรงนิดหน่อย ลืมไปแล้วว่าใครเคยบอกว่าความเจ็บปวดเล็กน้อยช่วยให้เกิดการคิดไตร่ตรอง
สวี่จือเดินไปยังห้องครัว หยิบเอาแก้วใบหนึ่งจากชั้นวางสแตนเลสตรงเคาน์เตอร์ทำครัว รินน้ำเย็นให้ตนเองหนึ่งแก้ว
อุณหภูมิของน้ำต่ำมาก บนผิวรอบนอกของแก้วโปร่งใสก่อตัวเป็นหยดน้ำ ไหลลงมาตามข้อมือของเขา
สวี่จือดื่มน้ำไปกว่าครึ่งแก้ว รู้สึกได้ว่าหัวสมองที่นิ่งค้างค่อยๆ ฟื้นคืนความคิดกลับมา ความรู้สึกวิตกกังวลก็ได้รับการบรรเทาไประดับหนึ่ง
เขาไม่ได้มีความเคยชินแย่ๆ อย่างการละเมอไปไนต์คลับอะไรทำนองนี้ จึงแน่ใจได้ว่าคนที่อยู่ในห้องนอนโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่า
ชายหนุ่มเรียกตัวเองว่าโจวมู่ สวี่จือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโจวมู่หน้าตาควรเป็นอย่างไร แต่คิดดีๆ แล้วก็น่าจะมีลักษณะแบบผู้ชายในห้องนอนคนนั้น
ผู้ชายคนนั้นตรงตามที่เขาดีไซน์รูปลักษณ์ของโจวมู่เอาไว้ทุกประการ
องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้ามีมิติคมชัด เปลือกตาสองชั้น สันจมูกสูงโด่ง ริมฝีปากบางเล็กน้อย รวมถึงดวงตาสีเข้ม
แต่สวี่จือเป็นคนขี้ระแวงมาแต่ไหนแต่ไร เวลานี้เขารู้สึกว่าบางทีความทรงจำของตนเองก็เชื่อถือไม่ได้เหมือนกัน
เขาเริ่มครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่ตนจะจำลักษณะพิเศษภายนอก หรือแม้กระทั่งชื่อของพระเอกนิยายผิดไป
โน้ตบุ๊กวางอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องนอน จากประตูไปถึงโต๊ะระยะประมาณเจ็ดก้าว
เขาแค่ต้องเข้าไปเปิดโน้ตบุ๊กก็จะสามารถพิสูจน์ได้
สวี่จือจิกปลายนิ้วเบาๆ ทีหนึ่ง สูดลมหายใจยาวๆ แล้วถือกุญแจไปเปิดประตู
โจวมู่ยังคงนั่งอยู่บนเตียง เมื่อเห็นสวี่จือเข้ามาก็เงยหน้ามองเขา
สวี่จือเพียงมองอีกฝ่ายแวบหนึ่งแล้วละสายตา จากนั้นเดินตรงไปหลังโต๊ะทำงาน
โลโก้ของโน้ตบุ๊กหันเข้าหาโคมไฟสำหรับอ่านหนังสือสีขาวล้วนที่อยู่บนโต๊ะ แสดงว่าไม่ได้ถูกใครแตะต้อง
สวี่จือลอบผ่อนลมหายใจ
เขาเปิดโน้ตบุ๊กแล้วกรอกรหัสผ่าน จากนั้นก็เหม่อลอยอยู่ตรงหน้าเดสก์ท็อปที่โล่งสะอาดจนกวาดตามองเห็นได้ชัดเจนในแวบเดียว
หน้าเดสก์ท็อปเป็นภาพมหาสมุทรกับยอดเขาที่มาพร้อมกับระบบของโน้ตบุ๊ก โฟลเดอร์หลายโฟลเดอร์เรียงอยู่ทางขวามือของหน้าจออย่างเป็นระเบียบ แต่กลับไม่มีร่างคาแร็กเตอร์ที่เกี่ยวกับโจวมู่
สวี่จือตรวจสอบโฟลเดอร์เหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปิดแถบค้นหาของโน้ตบุ๊ก ทว่าข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับโจวมู่ล้วนไม่มีแล้ว
สวี่จือพลันเงยหน้าขึ้น สบเข้ากับสายตาสืบเสาะของโจวมู่พอดี
นั่นคือดวงตาที่ไร้พิษภัยคู่หนึ่ง ทว่าสวี่จือกลับรู้สึกว่ามีความไร้กำลังอันลึกล้ำขุมหนึ่งโอบล้อมเขาไว้ ฉุดดึงเขาให้ดิ่งลงไปยังห้วงอันตรธาน
สวี่จือแน่ใจแล้วว่าผู้ชายที่อยู่ในห้องนอนคนนี้ก็คือโจวมู่
เครื่องปรับอากาศที่ติดบนผนังห้องนอนยังคงทำงานอยู่ เสียงกระแสลมอันแผ่วเบาดังเสียดหูอย่างชัดเจนในเวลานี้
“เอ่อ…สวัสดี?” โจวมู่เอ่ยขึ้นเบาๆ ทำลายสภาวะชะงักงันของทั้งสองคน
สวี่จือไม่ได้ตอบอีกฝ่าย แต่ถามอย่างรีบร้อนและตรงประเด็นด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “นายรู้ไหมว่านายเป็นใคร”
โจวมู่ตะลึงงัน แต่ยังคงพูดตามตรง “รู้สิ ฉันคือโจวมู่”
“อืม นายคือโจวมู่” สวี่จือพยักหน้า สองมือของเขาเท้าลงบนโต๊ะทำงาน โน้มตัวไปข้างหน้า “ฉันหมายความว่านายรู้ไหมว่าโจวมู่คือใคร”
ในดวงตาของโจวมู่มีความสงสัยวาบผ่าน แต่ยังคงถูกสวี่จือจับได้อยู่ดี
“ไม่รู้” โจวมู่ส่ายหน้า สายตายังคงสบกับสวี่จืออยู่ตลอด พยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตนอย่างสุดความสามารถ
สวี่จือพับโน้ตบุ๊กก่อนจะดันมันไปวางไว้ตรงที่เดิม รู้สึกได้ว่าเสียงวิ้งในหูค่อยๆ หายไป
บางทีนักเขียนนิยายอาจจะมีจินตนาการสูงและมีความสามารถในการยอมรับได้ดีมาตั้งแต่เกิด หรือไม่ก็ท่าทีของโจวมู่ยังอยู่ในขอบเขตที่ปลอดภัยมาจนถึงตอนนี้ ความวิตกกังวลที่สวี่จือรู้สึกได้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าซึ่งทำให้จิตใจของเขาไม่สงบจึงค่อยๆ หายไป
เขาใช้เวลาเกือบสิบห้านาทีในการเตรียมใจตัวเอง พูดโน้มน้าวให้ตนเองยอมรับเหตุการณ์พิลึกพิลั่นนี้ จากนั้นค่อยเริ่มรวบรวมคำพูด
ท่าทางประหม่าและสับสนของโจวมู่เหมือนจริงมาก ดังนั้นการอธิบายเรื่องนี้อย่างไรให้โจวมู่เข้าใจจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
แต่สุดท้ายสวี่จือยังคงเลือกวิธีรวบรัดและไม่อ้อมค้อมที่สุด
เขาบอกโจวมู่อย่างตรงไปตรงมา “นายคือตัวละครในนิยายที่ฉันเขียน”
อารมณ์บนใบหน้าโจวมู่แข็งค้างไปหลายวินาที จากนั้นก็ค่อยๆ มากล้นเกินจริงขึ้นเรื่อยๆ จนแทบเรียกได้ว่าน่าตลกเลยทีเดียว
นัยน์ตาเขาเบิกกว้างน้อยๆ ริมฝีปากก็เผยออ้านิดๆ ท่าทางทึ่มทื่อ
“ตัวละคร…” ผ่านไปหลายวินาทีโจวมู่ถึงได้เอ่ยคำพูดที่เหลือ “ในนิยาย?”
ภายในใจสวี่จือรู้สึกปั่นป่วน ทว่าสีหน้ากลับสงบเยือกเย็นมาก เขาไม่ได้ใส่ใจสีหน้าที่ดูไม่อยากจะเชื่อของอีกฝ่าย ถึงอย่างไรสีหน้าแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
“งั้นฉัน…” โจวมู่ยืนยันต่อว่า “จริงๆ แล้วเป็นคนที่ไม่มีตัวตน?”
“ใช่” สวี่จือตอบอย่างไม่ปรานีแม้แต่น้อย “นายไม่ควรมีตัวตน”
ชั่วขณะหนึ่งสวี่จือรู้สึกว่าโจวมู่ดูเสียใจอยู่บ้าง ทำให้เขารู้สึกว่าคำตอบของตนไร้มนุษยธรรมเกินไป
แต่สำหรับเขาแล้วโจวมู่ก็คือสิ่งที่เหนือความคาดหมายอย่างมาก
“งั้นนายคือ?” โจวมู่เก็บอารมณ์ที่มากล้นเกินจริงบนใบหน้าไปพอสมควรแล้ว เขาถามถึงตัวตนของสวี่จืออย่างระมัดระวัง
สวี่จือบี้นิ้วมือที่ห้อยตกอยู่ข้างลำตัว ใช้ความเชี่ยวชาญของนักเขียนนิยายวางฐานะซึ่งปลอดภัยอย่างที่สุดให้ตนเองภายในสามวินาที
“ฉันชื่อสวี่จือ” เขาเดินอ้อมมาจากหลังโต๊ะทำงาน ประกาศด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เป็นพ่อของนาย”
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
comments
No tags for this post.