บทที่ 44
หลังชิวเฟิงประลองที่อารีน่าเสร็จ เมื่ออยู่เฉยๆ เขาก็รู้สึกเบื่อจึงเข้าไปหาคนคุยเล่นด้วยใน YY แต่เพราะเป็นวันทำงาน ห้องแชต YY ของกิลด์เลยไม่มีใครอยู่ สุดท้ายเขาก็ได้แต่ไปรบกวนโลกที่มีเพียงเราสองของหัวหน้าและรองหัวหน้ากิลด์ตัวเอง
โชคดีที่ช่างหัวความรัก AFK อยู่ ชุนเซี่ยวจึงไม่ได้เตะเขาออกจากห้องแชต
“เธอว่าทำไมจิ่งแสนหวานตัวน้อยถึง…ใจแข็งเป็นหินขนาดนี้นะ?” ชิวเฟิงอดไม่ได้ที่จะพูดเรื่องจิ่งแสนหวานตัวน้อยกับเธอ เขาบ่นอย่างสิ้นหวัง “เธอดูสิ ปกติเวลาจิ่งแสนหวานตัวน้อยอยู่กับหัวใจเพรียกหาน่ะดูมีชีวิตชีวาขนาดไหน พอมาอยู่กับฉันนี่แทบไม่พูดอะไรสักคำ”
ชุนเซี่ยวเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “เพราะงั้นผู้ชายแบบนายมันถึงง่ายไง ยิ่งได้มายากเท่าไรยิ่งอยากได้มากเท่านั้น พูดตรงๆ เลยนะ นายอยากแย่งผู้หญิงมาจากหัวใจเพรียกหาใช่ไหมล่ะ”
ชิวเฟิงสำลัก เขาปฏิเสธไม่ได้เลย ตามจริงแล้วก็เป็นเพราะหัวใจเพรียกหา เขาถึงได้สนใจจิ่งแสนหวานตัวน้อยมากขึ้นทุกวัน
“พูดให้มันดีๆ หน่อย อย่ามาว่ากันแบบนี้สิ” เขาชะงักไป “ก็ไม่เชิงว่าเป็นแบบนั้นหรอก ตัวจิ่งแสนหวานตัวน้อยเองก็น่าสนใจมาก อีกอย่างเธอก็มีข้อดีเยอะด้วย”
พูดถึงตอนนี้ชิวเฟิงก็อดยิ้มไม่ได้ น้ำเสียงเองก็อ่อนโยนขึ้นมาก “เธอนิสัยน่ารัก แต่ละคำที่พูดออกมาก็เหมือนกำลังอ้อนไปซะหมด ฝีมือก็ไม่เลว…ที่สำคัญก็คือเธอเป็นคนจริงใจมากไงล่ะ”
ชุนเซี่ยวมีน้ำเสียงสงสัย “จริงใจเหรอ”
“อืม เมื่อตอนบ่ายฉันว่าจะส่งหินโชคชะตาไปให้ แต่เธอไม่ชอบของแพง พูดยังไงก็ไม่ยอมรับไว้” ชิวเฟิงพูดพลางหัวเราะ “เธอไม่เหมือนสาวคนอื่นๆ เลย…”
ชิวเฟิงยังพูดประโยคนี้ไม่ทันจบ เสียงของเขาก็หายไปในอากาศ
เพราะในตอนนั้นกล่องข้อความด้านขวาของหน้าจอเกมเขาโดนบังจนมิด
[ประกาศจากระบบ] [จิ่งแสนหวานตัวน้อยเปิดหินโชคชะตาลึกลับ ได้รับหินเจ็ดสีx1! ขอแสดงความยินดีกับผู้กล้า!]
[ประกาศจากระบบ] [จิ่งแสนหวานตัวน้อยเปิดหินโชคชะตาลึกลับ ได้รับลิ้นมังกรx1! ขอแสดงความยินดีกับผู้กล้า!]
[ประกาศจากระบบ] [จิ่งแสนหวานตัวน้อยเปิดหินโชคชะตาลึกลับ ได้รับขนแกะx3! ขอแสดงความยินดีกับผู้กล้า!]
สิ่งที่ห่วยแตกที่สุดของระบบหินโชคชะตาก็คือจุดนี้ การเปิดหินโชคชะตานั้นมีความเป็นไปได้ที่จะได้รับทอง ค่าประสบการณ์ หรือไอเทม แต่ถ้าคุณเปิดได้ไอเทมไม่ว่าจะเป็นของดีหรือไม่ดีก็จะมีการประกาศจากระบบ
เช่นเดียวกับจิ่งแสนหวานตัวน้อย ได้รับไอเทมขยะเป็นกองก็ยังมีการป่าวประกาศ ซึ่งมันไม่ต่างจากการถูกประหารต่อหน้าสาธารณชนเลย
ในตอนนั้นเองชุนเซี่ยวก็พูดเย้ยหยันด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จริงใจจังเลยเนอะ”
ชิวเฟิงว่า “…อาจจะเพิ่งคิดได้มั้ง? เธอคงอยากใช้เงินของตัวเองมากกว่าใช้ของฉัน แบบนี้ก็ยิ่งมีค่าไม่ใช่เหรอ”
“ตอนฉันไปที่ดินแดนปริศนา ฉันบังเอิญไปเห็นว่าตอนนี้เธออยู่ตี้เดียวกับหัวใจเพรียกหานะ” ชุนเซี่ยวหัวเราะเบาๆ “หัวใจเพรียกหาเป็นหัวตี้ด้วย”
มีเพียงหัวหน้าปาร์ตี้เท่านั้นที่กด NPC ได้และต้องสนทนากับ NPC ถึงจะกดปุ่มซื้อหินโชคชะตาได้
ชิวเฟิง “…”
“เพราะงั้นเธอไม่ได้ไม่อยากได้ของนายหรอก แต่อยากได้แค่ของหัวใจเพรียกหาคนเดียวต่างหาก”
ตอนแรกจิ่งฮวนไม่ได้ตั้งใจจะรับหินโชคชะตาไว้ ในเมื่อเป้าหมายของเขาคือการทำลายไอดีของหัวใจเพรียกหา ใครมันจะไปสนใจหินโชคชะตานี่กันล่ะ
แต่จากกรณีของลู่เหวินเฮ่า จิ่งฮวนจึงตระหนักได้ถึงเหตุผลหนึ่ง ยิ่งโดนแฟนที่เป็นผู้ชายปลอมตัวมาหลอกเอาเงินไปมากเท่าไร ตอนรู้ความจริงก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น
หินโชคชะตาร้อยก้อนยังไงก็ประมาณสองพันหยวน เป็นใครก็ต้องเจ็บใจทั้งนั้นแหละ
จิ่งฮวนจึงส่งคำพูดประมาณว่า ‘อ๋าๆๆ’ ‘ทำไมพี่เป็นคนดีขนาดนี้ QAQ’ ‘ฉันคงได้แต่อุทิศชีวิตให้พี่เท่านั้นแหละ!’ ไปเป็นพืดแล้วรับหินโชคชะตาร้อยก้อนนี้มา
เพียงแต่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะโชคร้ายขนาดนี้ เปิดหินโชคชะตาตั้งร้อยก้อนดันไม่ได้ของดีเลย แถมยังได้ไอเทมขยะมาเป็นคันรถ สองพันหยวนจึงเสียไปเปล่าๆ ทั้งแบบนั้น
เกมดูดเงินแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องล้มละลายแน่
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ฮือๆๆๆ QAQ
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ฉันจะลบไอดีเพื่อไถ่โทษ!
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : คนดวงซวยแบบฉันมันห่วยแตกจริงๆ [ซึม]
[ปาร์ตี้] หัวใจเพรียกหา : …ไม่ขนาดนั้นหรอก
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ฉันดวงซวยจริงๆ นะพี่… TT ต้องไปไหว้พระหรือเปล่าเนี่ย
[ปาร์ตี้] หัวใจเพรียกหา : ปัญหาอยู่ที่ความน่าจะเป็น ถ้าเปิดอีกสักร้อยก้อนเดี๋ยวก็คงได้ของดีแล้ว
จิ่งฮวนตกใจจนรีบเปิดไมค์
“ไม่ต้องแล้วค่ะพี่ ฉันไม่เปิดแล้ว!”
เขาอยากให้หัวใจเพรียกหาหมดตัวก็จริง แต่ก็ไม่อยากให้เกมนี้ได้เงินสี่พันหยวนไปฟรีๆ หรอกนะ
ปลายนิ้วของเซี่ยงไหวจือหยุดชะงักกะทันหัน
[ปาร์ตี้] หัวใจเพรียกหา : ไม่อยากเปิดแล้วเหรอ
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : [ส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง]
เซี่ยงไหวจือจึงปิดหน้าต่างซื้อขายอย่างเชื่องช้า
หินโชคชะตาร้อยก้อนนี้ถือเป็นน้ำใจที่จิ่งฮวนให้ที่พักเขา รีสอร์ตน้ำพุร้อนที่พวกเขาเข้าพักกันในวันนั้น ราคาห้องพักต่อคืนอย่างน้อยก็เป็นเลขสี่หลัก คนที่ได้ค่าขนมอาทิตย์ละไม่กี่ร้อยหยวนไม่รู้ต้องใช้เวลาเก็บเงินนานแค่ไหนกว่าจะได้ไปเที่ยวในครั้งนี้
นอกจากนี้เขาก็รู้ดีว่าจิ่งแสนหวานตัวน้อยจะต้องปฏิเสธหินโชคชะตาของชิวเฟิง ซึ่งในหัวของเจ้าตัวจะต้องมีเหตุผลบางอย่างของตัวเองแน่นอน
เมื่อพาเซียนจิ้งจอกน้อยเปิดหินโชคชะตาเล่นเสร็จแล้ว เซี่ยงไหวจือก็ขยับนิ้วกดใช้ยันต์โบยบินเพื่อพาอีกฝ่ายบินจากไป
ทำเหมือนกับว่า ‘แฟนเก่า’ และพวกเพื่อนสาวของเธอที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้อยู่ตรงนั้น
แต่ลับหลังพวกเขา กลุ่มแชตของพวกเธอมีแจ้งเตือนการสนทนาถึง 99+
จี้เสี่ยวเหนียน : จิ่งแสนหวานตัวน้อยนี่มันอวดดีเกินไปปะ?! นางรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเซียนเซียน AFK อยู่ตรงนี้ถึงได้จงใจพาหัวใจเพรียกหามาทางนี้??
เตี่ยนเตี่ยนยา : เป็นไปได้สูง ร้ายเกินไปละยัยนี่
เซียนเหมิงเหมิง : เฮ้อ ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว ฉันกับหัวใจเพรียกหาไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว
เสี่ยวม่าย : ไม่น่ามั้ง? ฉันเห็นว่าหัวตี้เป็นหัวใจเพรียกหานี่ ถ้าจงใจมาก็น่าจะเป็นหัวใจเพรียกหาเองที่จงใจ…
จี้เสี่ยวเหนียน : เสี่ยวม่าย เธอเพิ่งกลับมาคงไม่รู้เรื่อง ยัยผู้หญิงคนนี้ร้ายมาก นางซื้อยอดไลค์ด้วยนะ!
เสี่ยวม่าย : ซื้อยอดไลค์?
จี้เสี่ยวเหนียน : ใช่สิ เพลง ‘รับใช้ชาติด้วยความภักดี’ ที่นางร้องอะต้องซื้อยอดไลค์มาแน่! เพื่อนฉันหลายคนบอกว่าไอดีตัวเองกดไลค์เพลงนี้ แต่จริงๆ พวกเขาไม่ได้กดเอง
เสี่ยวม่าย : งั้นก็รีพอร์ตให้ผู้ดูแลแบนไอดีได้สิ
จี้เสี่ยวเหนียน : ฉันถึงบอกไงว่านางน่ะร้าย นางกลัวพวกเรารีพอร์ตก็เลยหาข้ออ้างถอนตัวออกจากการแข่งไปก่อน!
เตี่ยนเตี่ยนยา : แหวะ
เสี่ยวม่าย : อวดดีขนาดนี้ไม่มีใครเอาเรื่องนางเลยเหรอ
จี้เสี่ยวเหนียน : นางเกาะติดขาใหญ่อย่างหัวใจเพรียกหา ใครจะไปกล้าเอาเรื่องล่ะ ไม่เห็นเหรอว่าขนาดช่างหัวความรักก็ยังต้องก้มหัวให้เลย ตอนนี้นางร่อนไปทั่วเซิร์ฟ ไม่มีใครกล้ายุ่งเลย
เตี่ยนเตี่ยนยา : เสี่ยวม่าย แฟนเธอเป็นสายโจมตีอันดับสองนี่ ห่างกับหัวใจเพรียกหาไม่เท่าไรเอง ในกลุ่มนี้มีแค่เธอนะที่ช่วยออกหน้าให้ทุกคนได้
จี้เสี่ยวเหนียน : นั่นสิ [ร้องไห้] ถ้าเธอไม่ลงมือ เซิร์ฟนี้ก็คงต้องเปลี่ยนเป็นชื่อนางแล้ว
เสี่ยวม่าย : …?
เสี่ยวม่าย : ฉันจะลองหาทางดู
วันรุ่งขึ้นจิ่งฮวนไปเข้าเรียนคนเดียวโดยไม่มีพวกลู่เหวินเฮ่าไปด้วย ถึงจะเงียบสงบแต่ก็น่าเบื่อ แค่คาบนี้คาบเดียวก็หาวไปเป็นสิบครั้งแล้ว
หลังเลิกเรียนเขาก็ลุกขึ้นและเดินกลับบ้าน แต่ระหว่างทางก็ได้รับข้อความจากกลุ่มแชต
ลู่เหวินเฮ่า @เสี่ยวจิ่งยา ฮวนฮวนที่รัก เลิกเรียนหรือยัง
เสี่ยวจิ่งยา ?
เกาจื้อเสียง ซื้ออาหารเช้าสองชุดมาให้เราหน่อยดิ เดี๋ยวชาติหน้าฉันยอมไปเกิดเป็นวัวเป็นม้ารับใช้นายเลย แล้วให้เฮ่าเอ๋อร์เป็นเมียนาย
เสี่ยวจิ่งยา ไปไกลๆ เลย
จิ่งฮวนตื่นสาย เขาเองก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้า เพราะงั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องซื้อไปฝากพวกนั้นเลย ตอนนี้เขาแค่อยากกลับไปนอนต่อเท่านั้นแหละ
พอด่าเสร็จเขาก็ส่งข้อความที่ไม่ค่อยเป็นมิตรไปอีกสองประโยคก่อนจะปิดวีแชต
เขาเดินออกทางประตูหลัง เมื่อเห็นสนามบาสเกตบอลก็อดเหลือบมองเข้าไปไม่ได้
เพียงมองเข้าไปก็ถูกไหล่กว้างที่หันหลังให้รั้วเหล็กอยู่ดึงดูดสายตา
ชายหนุ่มสวมชุดบาสสีดำอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็น ทรงผมถูกตัดอย่างเรียบร้อยเผยให้เห็นลำคอเรียวยาวสะอาดสะอ้าน ในเวลานี้กำลังนั่งกางขา ส่วนข้อศอกนั้นเท้ากับหัวเข่าพลางก้มหน้าเล่นมือถือ
ตอนนี้เซี่ยงไหวจือกำลังหงุดหงิดเล็กน้อย
กว่าขาจะหายดีได้แบบนี้ก็ไม่ง่ายเลย เขาจึงคันไม้คันมือมาก ดังนั้นเมื่อเช้าพอคนในกลุ่มแชตเมนชั่นมาหาเขาเพื่อชวนเล่นบาส เขาจึงตอบตกลงโดยไม่คิดเลย
พอมาถึงก็พบว่ามีสองคนที่มาไม่ได้เพราะติดธุระด่วนทำให้คนเล่นว่างไปสองตำแหน่ง
คนจะน้อยก็ช่างเถอะ ที่สนามบาสมีคนเยอะแยะ ชวนๆ มาสองสามคนก็ได้แล้ว แต่เขาแค่คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มปีสองที่อยู่ห้องติดกันแถมยังเล่นบาสได้โคตรห่วยจะอยู่ที่นี่ด้วย ทำเอาความกระตือรือร้นของเขาหายไปกว่าครึ่ง
เซี่ยงไหวจือจิ๊ปาก ในใจกำลังคิดหาเหตุผลที่จะไปจากที่นี่
“รุ่นพี่!”
เซี่ยงไหวจือชะงักแล้วหันหลังไปมอง
จิ่งฮวนยืนอยู่ด้านนอก สองมือเกาะอยู่บนรั้วเหล็กและมองมาที่เขาพร้อมยกยิ้มจนตาหยี รอยยิ้มดูผ่อนคลายยิ่งกว่าสายลมในฤดูใบไม้ร่วงเสียอีก
“อรุณสวัสดิ์ครับรุ่นพี่” จิ่งฮวนกะพริบตา “พี่ออกมาเล่นบาสแต่เช้าเลยเหรอ”
เสียงตะโกนของอีกฝ่ายไม่ได้มีเพียงเซี่ยงไหวจือหันมามองเท่านั้น แต่ผู้ชายคนอื่นที่อยู่ข้างๆ เขาก็ยังหันมามองจิ่งฮวนอย่างอดไม่ได้
เซี่ยงไหวจือเลิกคิ้วมองไปยังทางที่เขาเดินมา “อืม เพิ่งเลิกเรียนเหรอ”
จิ่งฮวนพยักหน้า “ใช่ครับ กำลังจะกลับไปนอนต่อ”
“พี่เซี่ยง นั่นใครอะ เพื่อนเหรอ” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ยกยิ้มพลางเดินมาหาก่อนจะทักทายจิ่งฮวนอย่างเป็นกันเอง “อยู่สาขาไหนอะ”
จิ่งฮวนกลับตอบว่า “อยู่ปีสองครับ”
ชายคนนั้นเดินไปตรงหน้าจิ่งฮวนก่อนจะเท้าเอวพลางถาม “เป็นรุ่นน้องเหรอ งั้นก็ดีเลยสิ เล่นบาสเป็นไหม”
จิ่งฮวน “ได้นิดหน่อยครับ”
“เล่นเป็นก็พอแล้ว รอบนี้เราขาดคน มาเล่นให้ครบคนหน่อยได้ไหม”
จิ่งฮวนมองไปยังเซี่ยงไหวจือ “รุ่นพี่เล่นด้วยหรือเปล่า”
เซี่ยงไหวจือยังไม่ทันได้หาข้ออ้างเพื่อจากไป ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ก็มาขวางหน้าเสียก่อน
“พี่เซี่ยงต้องเล่นอยู่แล้ว เขานั่งรอตรงนี้ตั้งนานแล้วล่ะ ขาดอีกแค่คนเดียวเอง ถ้านายมาเราจะได้เริ่มกันเลย”
“อ้อ…” จิ่งฮวนตอบกลับอย่างสดใส “ได้สิครับ แต่ผมขออยู่ทีมเดียวกับรุ่นพี่นะ ถ้าได้ผมจะเล่นด้วย”
เซี่ยงไหวจือเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วกลืนข้ออ้างที่จะหนีกลับก่อนลงคอไป
ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้า “ฮ่าๆ ได้สิ นายเข้ามาเลย”
หลังจากเข้ามาในสนามจิ่งฮวนก็มายืนข้างๆ เซี่ยงไหวจือและเริ่มวอร์มร่างกาย
เขาสวมชุดไปรเวต โชคดีที่เป็นกางเกงขาสั้น ส่วนรองเท้าก็เป็นรองเท้าผ้าใบ เวลาวิ่งจึงไม่ลำบาก
เซี่ยงไหวจือกวาดตามองรองเท้าผ้าใบสีขาวของเขา ส่วนด้านบนเป็นน่องขาเรียวซึ่งแตกต่างจากกล้ามขาของผู้ชายคนอื่นที่อยู่ข้างๆ อย่างเห็นได้ชัด
เขาละสายตาก่อนจะใช้เสียงที่ได้ยินเพียงสองคนพูดกับอีกฝ่าย “ถ้าไม่อยากเล่นก็ปฏิเสธได้นะ”
“ทำไมจะไม่อยากล่ะครับ” จิ่งฮวนมองเขาด้วยความสงสัย ก่อนจะยกมุมปากขึ้นแล้วพูด “จริงๆ ช่วงสองสามวันนี้ผมกะว่าจะชวนพี่ออกมาเล่นบาสอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะบังเอิญมาเจอกันพอดี”
ทันใดนั้นเซี่ยงไหวจือก็เริ่มไม่แน่ใจในความคิดของจิ่งฮวนแล้ว
“…ชวนฉันเหรอ ทำไมล่ะ”
“เพราะผมคิดว่าพี่เล่นบาสเก่ง”
“นายเคยเห็นเหรอ”
“ไม่เคยเห็นพี่เล่นบาส แต่เคยเห็นพี่รับลูกบาส” จิ่งฮวนยกมือขึ้นทำท่าทางเหมือนรับลูกบาสเลียนแบบอีกฝ่ายในคืนนั้น “เจ๋ง!”
เซี่ยงไหวจือยกริมฝีปากแย้มยิ้ม
เซี่ยงไหวจือเป็นคนหน้าหยิ่งดูเย็นชา ตาชั้นเดียวยิ่งทำให้เขาดูเย็นชามากขึ้นไปอีก พอยกยิ้มขึ้นมาจึงดูอบอุ่นอย่างหาได้ยาก
คนสิบคนถูกแบ่งเป็นสองทีม จิ่งฮวนยืนอยู่ฝั่งทีมของตนเองและกำลังปรึกษากันเพื่อแบ่งตำแหน่งให้แต่ละคน
เซี่ยงไหวจือเป็นกองหลัง จิ่งฮวนได้เป็นกองหน้า
จิ่งฮวนเดาไว้ไม่ผิด เซี่ยงไหวจือเล่นบาสเกตบอลเก่งมาก แค่เริ่มเกมก็ชู้ตสามแต้มลงไปถึงสองครั้ง เปิดฉากทำคะแนน 6-0 ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
คนที่มามุงดูการแข่งรอบนี้ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจำนวนของสาวๆ พวกเธอต่างกระซิบกระซาบกัน ส่วนสายตานั้นก็เอาแต่มองชายหนุ่มสองคนซึ่งดูโดดเด่นสะดุดตาที่สุดในสนาม
จิ่งฮวนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดเซนติเมตร ถึงแม้จะไม่นับว่าสูง แต่เพราะเขากระโดดได้เก่งทำให้การเล่นเป็นกองหน้าไม่ใช่เรื่องยาก เขาเลี้ยงบอลขณะที่สายตาก็เริ่มสังเกตกองหน้าของทีมตรงข้าม
คนอื่นไม่เท่าไร แต่มีคนหนึ่งที่ทั้งตัวสูงใหญ่และแข็งแรง สีหน้าดุดันดูรับมือยาก เขาคิดคำนวณในใจเพียงสองวินาทีก่อนจะบุกไปทางขวา ทว่าอีกฝ่ายก็เข้ามาป้องกันไว้ทันที
ในตอนที่ผู้ชายคนนั้นกระโดดขึ้นและกำลังจะบล็อกลูกชู้ตของจิ่งฮวน ทันใดนั้นเขาก็หมุนตัวส่งบอลไปด้านหลัง
อย่าว่าแต่ทีมตรงข้ามเลย แม้แต่ทีมเดียวกันเองก็ตอบสนองไม่ทัน จะมีก็แต่เซี่ยงไหวจือเท่านั้น ไม่รู้ว่าเขามารอเซฟไว้ตั้งแต่แรกหรือเพราะตอบสนองรวดเร็ว หลังจากรับบอลของจิ่งฮวนมาได้เขาก็ชู้ตสามแต้มอย่างแม่นยำอีกครั้ง
บอลลงห่วงไปแล้ว แต้มเพิ่มขึ้นทิ้งห่างขาดลอยเป็น 13-2
เซี่ยงไหวจือเลิกคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่คิดว่าจะชู้ตลูกนี้ลง ดูเหมือนวันนี้เขาจะมือขึ้นไม่เลว
ขณะที่กำลังคิดทีมตรงข้ามก็ขอพัก รุ่นน้องที่เล่นเป็นกองหน้ารีบวิ่งกระหืดกระหอบมาหาเขา
“รุ่นพี่ มาเร็ว ไฮไฟว์กัน!” จิ่งฮวนยื่นฝ่ามือของตนเองไปหาเขา
เซี่ยงไหวจือชะงักแล้วยกฝ่ามือขึ้นตาม
หลังจากจิ่งฮวนบังคับอีกฝ่ายไฮไฟว์เสร็จก็ยังจงใจถูมืออีกฝ่ายด้วย เขายิ้มพลางพูด “ขอให้สกิลไหลมา”
มือของชายหนุ่มไม่หยาบเลย มันนุ่มน่าสัมผัส ลูบแล้วรู้สึกสบายมาก
เซี่ยงไหวจือยังไม่ทันได้สติ จิ่งฮวนก็ชักมือออกและวิ่งกลับไปที่ตำแหน่งของตัวเองเสียแล้ว
ช่วงเวลาพักหมดลงอย่างรวดเร็ว คนที่คอยสกัดเซี่ยงไหวจือของทีมตรงข้ามถูกเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มกำยำที่เล่นเป็นกองหน้าก่อนหน้านี้
จิ่งฮวนไม่ได้สนใจอะไร เซี่ยงไหวจือชอบชู้ตสามแต้ม ถึงแม้ชายหนุ่มคนนั้นจะแข็งแรง แต่ก็ไม่ได้สูงเท่าเซี่ยงไหวจือ ด้วยน้ำหนักตัวเวลาเขากระโดดจึงดูเทอะทะอย่างเห็นได้ชัด และทำให้ไม่สามารถหยุดเซี่ยงไหวจือได้
แต่แน่นอนว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
การแข่งดำเนินต่อไป หลังผ่านไปสองนาทีเซี่ยงไหวจือก็รับลูกได้อีกครั้ง เขายกมือขึ้นแสร้งทำเหมือนจะชู้ตสามแต้ม คิดไว้ว่าจะทำท่าหลอกแล้วเปลี่ยนไปดั๊งก์แทน แต่จู่ๆ กลับโดนอีกฝ่ายกระแทกเข้าที่หน้าอกอย่างแรง จุดที่โดนปลายศอกกระแทกนั้นเจ็บเอามากๆ
เขารู้อยู่แล้ว
คนที่บล็อกเขาก็คือไอ้โง่ที่อยู่ห้องข้างๆ เขาเมื่อเทอมที่แล้ว หมอนี่อยู่ทีมบาส ซึ่งเป็นคนที่ขึ้นชื่อเรื่องเล่นสกปรก ถ้าไม่ใช่เพราะข้อได้เปรียบด้านกายภาพก็คงโดนทีมบาสไล่ออกไปนานแล้ว
เซี่ยงไหวจือขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับส่งเสียงอู้อี้เบาๆ ในลำคอ แต่มือไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว เขาเปลี่ยนกลยุทธ์การเล่นโดยไม่ส่งบอลต่อและชู้ตสามแต้มไปทันที ทว่าบอลกลับไม่ลงห่วง
บอลหล่นลงกับพื้นและถูกฝ่ายตรงข้ามแย่งไป เซี่ยงไหวจือไม่พูดอะไร เขาหันหลังกลับมาคอยกันพร้อมเหลือบมองชายร่างใหญ่คนนั้นแวบหนึ่งอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มร่างใหญ่ยักไหล่พร้อมยกยิ้มให้เขาอย่างใสซื่อสุดๆ
ครึ่งแรกผ่านไป คะแนนขึ้นมาเป็น 21-10 ฝั่งเซี่ยงไหวจือยังคงได้เปรียบอยู่มาก
ในช่วงพักครึ่งเพียงไม่กี่นาทีเซี่ยงไหวจือทำหน้านิ่งเฉย ขณะที่กำลังจะตรงไปเอาเรื่องผู้ชายคนนั้น ข้อมือของเขาก็ถูกใครบางคนคว้าไว้เสียก่อน
“รุ่นพี่” จิ่งฮวนพูด “เราเปลี่ยนตำแหน่งกันไหม ผมอยากเล่นกองหลังอะ”
เมื่อคิดถึงวิธีการของกองหลังอีกทีม เซี่ยงไหวจือก็บอกว่า “ไว้คราวหน้าแล้วกัน ครึ่งหลังแล้วฉันมีประสบการณ์ในการบล็อกหมอนั่น”
“ผมก็บล็อกเก่งเหมือนกันนะ” จิ่งฮวนยืนยัน “ให้ผมลองเถอะ ผมจะฝึกมือหน่อย ถ้าไม่โอเคจริงๆ เราค่อยเปลี่ยนกันตอนจบควอเตอร์ก็ได้”
เซี่ยงไหวจือลังเลอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะยอม “…ควอเตอร์เดียวนะ”
ทั้งสองกลับไปพักบนม้านั่ง จิ่งฮวนหยิบมือถือออกมาเช็กข้อความในวีแชตพลางซับเหงื่อ
ลู่เหวินเฮ่า เวรเอ๊ย @เสี่ยวจิ่งยา ทำไมนายไปเล่นบาสแล้วล่ะ แข่งบาสไม่เรียกเพื่อนเลยนะ?!
เสี่ยวจิ่งยา รู้ได้ไงว่าฉันมาเล่นบาส
ลู่เหวินเฮ่า [รูปภาพ]
ลู่เหวินเฮ่า ในกรุ๊ปมหา’ลัยพากันส่งรูปนายกับรุ่นพี่เซี่ยงกันใหญ่เลย ไม่รู้ก็แปลกแล้ว
จิ่งฮวนกดเปิดดู รูปภาพสิบกว่ารูปนั้นถ้ากล้องไม่จับภาพเขาก็เป็นเซี่ยงไหวจือ ส่วนคนอื่นแทบจะเห็นแค่ร่างเบลอๆ
เขาไม่แปลกใจอะไรจึงพิมพ์ตอบกลับไปว่า ‘แค่มาเล่นเฉยๆ’
ลู่เหวินเฮ่า แล้วทำไมนายไปเล่นกับหมอนี่ได้ล่ะ
ลู่เหวินเฮ่า [รูปภาพ]
ในรูปที่ลู่เหวินเฮ่าส่งมาเป็นรูปชู้ตติ้งการ์ด ของทีมตรงข้าม
ลู่เหวินเฮ่า ไอ้หมอนี่เล่นบาสอย่างสกปรกอะ ครั้งก่อนทำเพื่อนต่างสาขาเราสันคิ้วแตก เลือดไหลซิบเลย
เซี่ยงไหวจือได้ยินเสียงหัวเราะเยาะดังมาจากด้านข้างจึงเหลือบไปมองโดยไม่รู้ตัวและได้เห็นรูปโพรไฟล์สีชมพูอยู่บนจอของอีกฝ่าย
โพรไฟล์ที่คุ้นตา แต่คำพูดที่ใช้กลับดูไม่คุ้นเคย
เสี่ยวจิ่งยา ฉันกลัวที่ไหน นายรอดูในกรุ๊ปแชตมหา’ลัยเลยนะ อีกเดี๋ยวป๊ะป๋าคนนี้จะลงมือยังไง
“…” เซี่ยงไหวจือละสายตาออกมา
ควอเตอร์ที่สามเริ่มขึ้น จิ่งฮวนยืนอยู่ตรงหน้าชายร่างใหญ่พลางบิดคอไปมา
“ทำไมเป็นนายอีกแล้ว” เมื่อชายคนนั้นเห็นเขาก็หัวเราะออกมา “เซี่ยงไหวจือโดนฉันบล็อกจนต้องหนีไปเลยเหรอ”
จิ่งฮวนยิ้ม “ได้ยินว่าพี่เล่นบาสเก่ง ผมเลยอยากจะศึกษาสักหน่อย”
ชายคนนั้นหัวเราะลั่น “ไม่มีปัญหา เรียนรู้ให้ดีล่ะ”
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นชายร่างใหญ่ก็ได้บอล เขาคิดจะดั๊งก์ให้ลง รุ่นน้องคนนี้จะได้ประจักษ์แก่สายตา
เขาคิดจะบุกเข้าไปอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่กลับเป็นว่าไปได้แค่ครึ่งตัวก็โดนอีกฝ่ายเอาศอกกระแทกหน้าอกอย่างแรง เขาเจ็บจนต้องพ่นลมหายใจออกมาโดยไม่สามารถป้องกันได้ ขาสองข้างอ่อนแรงล้มลงไปนั่งกับพื้นทันที
ทุกคนต่างตกตะลึงและรีบรุดเข้าไปดูชายคนนั้น มีเพียงคนลงมือเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ที่เดิม เขาหยิบบอลจากพื้นมาเดาะเบาๆ สองสามที
“ไอ้ฉิบหา…” ชายคนนั้นได้สติกลับมา ใบหน้าแดงก่ำถลึงตามองจิ่งฮวนด้วยความโกรธ “แกชนฉันเหรอ?! จงใจใช่ไหม!”
ความจริงแล้วจิ่งฮวนไม่ได้ศอกกลับแรงอะไรนัก แต่เป็นอีกฝ่ายเองที่คิดจะกระแทกจิ่งฮวนเพื่อฝ่าไปจึงจงใจออกแรงมาก สุดท้ายแรงกระแทกเลยสะท้อนกลับมาโดนตัวเอง
เซี่ยงไหวจือขมวดคิ้วก้าวมาด้านหน้าจึงได้ยินจิ่งฮวนพูดด้วยใบหน้าใสซื่อพอดี “ผมแค่ตั้งรับเองนะ”
“ตั้งรับบ้านแกสิ!” ในที่สุดอีกฝ่ายก็เริ่มหายเจ็บขึ้นมานิดหน่อย “แกจงใจกระแทกฉัน! ฟาวล์นี่! แม่ง…”
เซี่ยงไหวจือขัดจังหวะ ส่งสายตาดุดัน “พูดจาให้มันดีๆ หน่อย”
แต่จิ่งฮวนไม่สนใจ เขายกมุมปากขึ้นพูดอย่างสบายๆ “จริงๆ พี่ก็รู้ว่าแบบนี้คือการกระแทก ถือว่าฟาวล์ใช่ไหม”
เมื่อเซี่ยงไหวจือได้ยินก็ชะงัก ดวงตาสีดำมองไปทางคนข้างๆ
ที่แท้เขาก็เห็น ดังนั้นเลยขอเปลี่ยนตำแหน่งกับตนเพื่ออาสาเอาตัวเองมาบล็อกไอ้โง่นี่งั้นเหรอ
บทที่ 45
สิ่งที่จิ่งฮวนทนเห็นไม่ได้มากที่สุดก็คือการเล่นตุกติกแบบนี้ในสนามบาส สมัยมัธยมตอนปลายก็เคยมีคนจงใจยื่นขามาขัดจนเกาจื้อเสียงจนล้มในการแข่ง ต่อมาเขากับเกาจื้อเสียงก็ขัดขาอีกฝ่ายคืนนับครั้งไม่ถ้วน ตาต่อตาฟันต่อฟัน ถึงแม้วิธีการจะดูเด็กแต่ก็ใช้ได้ผล หลังจากนั้นคนคนนั้นก็ไม่กล้ามาเล่นบาสกับพวกเขาสองคนอีกเลย
เวลานี้รอบข้างมีคนดูอยู่มากทำให้ชายคนนั้นรู้สึกขายหน้า เขาลุกขึ้นและคิดจะเดินกลับเข้ามาในสนาม แต่เซี่ยงไหวจือกลับยืนอยู่ตรงหน้าจิ่งฮวน บดบังตัวของเขาไปครึ่งหนึ่ง ท่าทางเหมือนพยายามจะปกป้อง
“พี่เซี่ยง แบบนี้ถือว่าหมอนั่นฟาวล์นะ” ชายคนนั้นกัดฟัน “เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง…แต่นี่ควรมีการชู้ตลูกโทษสิ?”
เซี่ยงไหวจือจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “ใช้วิธีกระแทกคนอื่นจนเบื่อแล้ว ตอนนี้เลยจะหัดแกล้งทำฟาวล์งั้นเหรอ”
“แกล้งฟาวล์…” ผู้ชายคนนั้นชะงัก ทันใดนั้นก็พูดอย่างเกรี้ยวกราด “แกล้งทำฟาวล์บ้าบออะไร! เขากระแทกผมต่างหาก!”
“ดูจากรูปร่างของนายสองคนแล้ว…” เซี่ยงไหวจือหยุดพูด “เขาเนี่ยนะจะกระแทกนาย?”
จิ่งฮวน “…?”
เมื่อเซี่ยงไหวจือพูดแบบนั้น พวกคนที่เข้ามาประคองชายหนุ่มคนนั้นก็พากันตกตะลึงและหันมาพิจารณาจิ่งฮวนโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็หันกลับไปมองชายร่างใหญ่อีกรอบ
รูปร่างของจิ่งฮวนเมื่อเทียบกับผู้ชายคนอื่นๆ ก็ไม่ถือว่าผอม แต่ถ้าเทียบกับชายร่างใหญ่คนนี้ก็ถือว่าตัวบางกว่ามาก
เมื่อนึกถึงการเล่นบาสของคนข้างตัว สองสามคนนั้นก็พากันอุทานก่อนจะปล่อยมือที่ช่วยพยุงหนุ่มร่างใหญ่ทันที
“ช่างเถอะๆ เรื่องเล็กแค่นี้เอง เล่นบาสมันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันเป็นปกติอยู่แล้ว” ใครบางคนพยายามไกล่เกลี่ย “เล่นต่อกันเถอะ”
“แม่ง…” ชายร่างใหญ่สบถเสียงต่ำออกมาหนึ่งคำ แต่ก็รู้ดีว่าเรื่องนี้คงไม่สามารถทำให้วุ่นวายได้ “ช่างเถอะ”
ขณะที่จิ่งฮวนจะกลับไปประจำตำแหน่งเดิมก็ถูกคว้าแขนเอาไว้
“นายกลับไปตำแหน่งก่อนหน้านี้เลย” เซี่ยงไหวจือพูด
“ไม่” จิ่งฮวนยืนยัน “ผมอยากเล่นกองหลัง…”
ทันทีที่พูดจบจู่ๆ เซี่ยงไหวจือก็ยื่นมือออกมาหาเขา
มือของชายหนุ่มเคลื่อนไหวอยู่บนหัวเขาครู่หนึ่ง แต่เพราะกลัวว่าจะทำผมของเขาสกปรก สุดท้ายจึงใช้มือดันหลังเขาแล้วออกแรงผลักให้เดินไปข้างหน้าเบาๆ
“กลับไป” เซี่ยงไหวจือพูด “ฟังกันหน่อยเถอะ”
“…”
มือของเซี่ยงไหวจือใหญ่มาก ส่วนเสื้อของจิ่งฮวนเองก็บางทำให้สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากฝ่ามือของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ความอบอุ่นค่อยๆ กระจายจากกระดูกสันหลังลามไปทั่วทั้งตัว
แล้วที่มือนั้นมาวนไปเวียนมาอยู่แถวๆ หัวเขาเมื่อกี้นี้…คิดจะทำอะไรกันแน่
คนอื่นๆ เร่งเร้าโดยไม่ปล่อยให้จิ่งฮวนได้มีเวลาคิดมาก เขาจึงดึงสติกลับมา “…รู้แล้ว”
เพราะแต้มห่างกันมากแถมเมื่อกี้ยังมีเรื่องเกิดขึ้น ทีมตรงข้ามจึงหมดกำลังใจจะต่อสู้ ในควอเตอร์สุดท้ายแทบจะมีแค่ทีมของจิ่งฮวนที่ทำแต้มได้ จนสุดท้ายก็ชนะมาแบบขาดลอย
จิ่งฮวนเดินไปข้างๆ ม้านั่งแล้วหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดเหงื่อก่อนจะยกยิ้มให้เซี่ยงไหวจือที่อยู่ด้านข้าง “รุ่นพี่ หมอนั่นอยู่ทีมบาสจริงเหรอ ทำไมผมไม่เห็นเขาจะเล่นเก่งอะไรเลย เก่งไม่เท่าลู่เหวินเฮ่าด้วยซ้ำ”
เซี่ยงไหวจือพยักหน้าเห็นด้วย “ก็ไม่เก่งจริงๆ นั่งแหละ น่าจะเพราะโค้ชมหา’ลัยเห็นหุ่นเขาดีเลยอยากฝึกเขาล่ะมั้ง”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จิ่งฮวนก็นึกถึงเรื่องเมื่อครู่ขึ้นมาได้
เซี่ยงไหวจือเช็ดเหงื่อ เขาหยิบขวดน้ำแร่มากำลังจะบิดเกลียวเปิด แต่จู่ๆ คนข้างๆ ก็มาคว้ามือเขาไว้
สิ่งที่ตามมาก็คือกลิ่นหอมของแชมพูผสมกับกลิ่นเหงื่อจางๆ ที่ลอยเข้ามาในจมูกของเขา
เขาหันไปมองด้วยความสงสัยก็พบว่าคนข้างๆ กำลังขยับเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ใช้มือเพียงข้างเดียวดึงชายเสื้อเลิกขึ้น
สีผิวของชายหนุ่มขาวยิ่งกว่าสาวๆ หลายคน บนร่างยังมีรอยเหงื่อจางๆ อยู่ด้วย
จิ่งฮวนสูดหายใจเบาๆ เผยให้เห็นลอนกล้ามหน้าท้องรำไร
“รุ่นพี่ ที่พี่พูดก่อนหน้านี้ก็ดูถูกผมไปหน่อยนะ” จิ่งฮวนพูดจริงจัง “ผมก็มีกล้ามท้องเหมือนกันนะ ถึงจะไม่ชัดก็เถอะ…”
เซี่ยงไหวจือหยุดมองไม่กี่วินาทีก่อนจะละสายตากลับมาทื่อๆ
“อืม” เขาควบคุมความเร็วในการพูด “นายเก่งกว่าหมอนั่นอีก”
“แน่นอนสิ ต่อให้ผมไม่ตั้งใจเล่นก็ยังดั๊งก์ใส่หัวหมอนั่นได้สบายๆ”
จิ่งฮวนพูดอย่างเห็นด้วยจบแล้วก็พลันคิดได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
คำพูดของเซี่ยงไหวจือเมื่อกี้ ฟังไปฟังมาก็เหมือนคำพูดหลอกเด็กเลย
เขาขยับริมฝีปาก ทั้งยังคิดจะพูดอะไรเสริม แต่แล้วก็มีขวดน้ำแร่ที่ยังไม่ได้เปิดขวดหนึ่งยื่นเข้ามาตรงหน้าเขา
จากนั้นก็พบว่าเป็นหญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตยาวกับกระโปรงสั้น มัดผมแกะสองข้าง ทั้งตัวมีกลิ่นหอมกรุ่น เธอมองมาที่จิ่งฮวนด้วยสีหน้าเขินอาย
“รุ่นพี่คะ…” เธอกะพริบตา “ขวดนี้ให้พี่ค่ะ”
การได้รับน้ำจากสาวๆ เป็นเรื่องปกติสุดๆ สำหรับพวกเขาทั้งคู่ สมัยเข้ามาปีหนึ่งคนที่อยากให้น้ำเซี่ยงไหวจือถึงกับต้องเข้าแถวต่อคิวเลยทีเดียว หลังจากเซี่ยงไหวจือปฏิเสธอย่างเย็นชาอยู่ครึ่งเทอมสถานการณ์ทำนองนี้ถึงค่อยๆ หายไป
เซี่ยงไหวจือเม้มปาก ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้เขาเหมือนส่วนเกินไม่มีผิด
จิ่งฮวนเงยหน้าส่งเสียงหัวเราะก่อนจะพูด “ขอบใจนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันมีน้ำแล้ว”
“พี่กินหมดไปแล้วนี่นา ฉันเห็นนะคะ” หญิงสาวพูดพลางหน้าแดง “ขวดนี้ฉันเพิ่งซื้อมา ยังเย็นๆ อยู่เลย”
“ขอโทษที ฉันไม่ชอบกินน้ำเย็น” จิ่งฮวนพยักพเยิดไปยังขวดน้ำที่เหลืออยู่ครึ่งขวดบนม้านั่ง “แถมฉันยังเหลือขวดนั้นอยู่อีก”
หญิงสาวเอ่ยต่อ “แต่ขวดนั้นเป็นของรุ่นพี่เซี่ยงนะคะ…”
“เราสนิทกัน ไม่คิดมากหรอก กินด้วยกันได้หมดแหละ” จิ่งฮวนไม่ได้พูดโกหก เขามักจะกินน้ำขวดเดียวกับพวกลู่เหวินเฮ่าเสมอ ขอแค่ปากไม่โดนขวดก็พอแล้ว “ใช่ไหมฮะรุ่นพี่”
เซี่ยงไหวจือเลิกคิ้วเล็กน้อย ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบ “…อืม”
หลังจากสาวน้อยเดินจากไป จิ่งฮวนก็เลียริมฝีปาก ตอนไม่พูดก็เฉยๆ แต่พอพูดแล้วก็กระหายน้ำขึ้นมาเลย เขาหันมองซ้ายขวาก็พบว่าไม่มีขวดน้ำที่ยังไม่ได้เปิดแล้ว
เมื่อเห็นการกระทำของเขา เซี่ยงไหวจือจึงเอ่ยถาม “หิวน้ำเหรอ”
“นิดหน่อยครับ” จิ่งฮวนลูบท้อง “งั้นผมไปก่อนนะรุ่นพี่ ต้องไปหาอะไรกินที่หน้าประตูมหา’ลัยหน่อย”
เมื่อเห็นท่าทางของเขาเซี่ยงไหวจือก็ขมวดคิ้ว “นายยังไม่ได้กินข้าวเช้าเหรอ”
“ยังครับ ตอนแรกกะว่าจะกลับไปนอนต่อ” เมื่อจิ่งฮวนพูดจบก็หยิบโทรศัพท์บนม้านั่งขึ้นมา “ไว้มาเล่นบาสด้วยกันอีกนะครับ รุ่นพี่”
“เดี๋ยวก่อน” เซี่ยงไหวจือเรียกเขาไว้ “ไปด้วยกันสิ ฉันเลี้ยงเอง”
ไม่รอให้เขาได้ตอบกลับ เซี่ยงไหวจือก็รีบเปิดปากอธิบายก่อน
“เป็นรางวัลที่ช่วยให้ฉันชนะไง”
สิบนาทีถัดมา ทั้งสองคนเดินเคียงกันเข้าไปในร้านไก่อบขิงใกล้ๆ มหาวิทยาลัย
ความคิดของเซี่ยงไหวจือนั้นเรียบง่ายมาก เขาเลี้ยงข้าวจิ่งฮวนเพื่อช่วยอีกฝ่ายลดค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน
“รุ่นพี่ ไก่อบขิงร้านนี้อร่อยมากเลยนะครับ!” จิ่งฮวนหักตะเกียบแล้วยื่นให้เขา “ผมชอบสั่งอาหารร้านนี้ไปกินที่บ้าน”
เซี่ยงไหวจือชะงัก เขารับตะเกียบมา “ฉันรู้แล้ว เคยมีคนบอกฉันแล้ว”
จิ่งฮวนพยักหน้า “คนคนนั้นตาถึงมากเลยนะเนี่ย”
เซี่ยงไหวจือ “…” ชมไปก็เข้าตัวเองทั้งนั้น
กินไปได้ไม่กี่คำเซี่ยงไหวจือก็นึกอะไรบางได้ “รีสอร์ตที่นายไปพักคราวก่อน ค่าที่พักคืนหนึ่งเท่าไรนะ ฉันจะได้คืนเงินค่าที่พักให้นาย”
จิ่งฮวนช้อนตาขึ้นมอง “หา? ไม่เป็นไรครับ ครั้งนั้นลู่เหวินเฮ่าเป็นคนออก ผมไม่ได้จ่ายเลย”
การไปเที่ยวรีสอร์ตครั้งนั้นจริงๆ ลู่เหวินเฮ่าเป็นคนจ่ายให้ ก่อนหน้านี้จิ่งฮวนซื้อรองเท้าผ้าใบรุ่นลิมิเต็ดอีดิชั่นซึ่งมีแค่ไม่กี่ร้อยคู่ในโลกให้ลู่เหวินเฮ่าเป็นของขวัญวันเกิด เมื่อลู่เหวินเฮ่าได้เห็นก็น้ำตาแทบไหล อีกนิดก็จะเรียกเขาว่าพ่อแล้ว
เซี่ยงไหวจือพยักหน้า ในใจคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หลังกินดื่มกันจนอิ่มจิ่งฮวนก็ซดน้ำซุปพลางหยิบมือถือออกมาพิมพ์ข้อความด้วยมือเดียวอย่างชำนาญ
เซี่ยงไหวจือรู้สึกได้ถึงการสั่นในกระเป๋าจึงหยุดเคี้ยวทันที
ไม่กี่วินาทีถัดมา
ครืด…ครืด…
มือถือสั่นอีกสองครั้ง
เซี่ยงไหวจือหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยท่าทางสุขุม
เสี่ยวจิ่งยา พี่ชายตื่นหรือยังค้า >.<
เสี่ยวจิ่งยา [นอนเตียงเดียวกัน.jpg]
เสี่ยวจิ่งยา พี่ชายวันนี้จะออนเกมกี่โมงเหรอ [นิ้วจิ้มกัน]
เซี่ยง …อีกสักพัก
เสี่ยวจิ่งยา โอเคค่ะ [รูปภาพ] ดูสิคะ ฉันกินไก่อบขิงอยู่!
ไก่อบขิงที่อยู่ในภาพก็วางอยู่ตรงหน้าเขานี่แหละ
ทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกันแท้ๆ แต่กลับคุยกันผ่านวีแชต เซี่ยงไหวจือเพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก
ตอนแรกเขาคิดว่ากลับไปก่อนค่อยตอบ ทว่าหลังจากเห็นตะเกียบของตัวเองปรากฏอยู่ในภาพ เซี่ยงไหวจือก็พิมพ์ข้อความตอบไปโดยไม่ทันคิด
เซี่ยง กินกับเพื่อนเหรอ
เสี่ยวจิ่งยา ใช่ค่ะ
เซี่ยงไหวจือมองจอแล้วอดหัวเราะไม่ได้ เขาก็เป็นไปด้วยแล้วหรือไง ทำไมตัวเองถึงกลายเป็นโรคจิตไปแล้วล่ะ
เขากำลังจะปิดมือถือ แต่อีกฝ่ายก็ตอบข้อความกลับมาก่อน
เสี่ยวจิ่งยา อ้อ พี่ชายอย่าเข้าใจผิดนะคะ เป็นเพื่อนผู้หญิงน่ะ >O<!
เซี่ยงไหวจือยิ้มค้าง
เซี่ยง ?
เสี่ยวจิ่งยา เป็นรุ่นพี่ผู้หญิงที่ดีมากเลยค่ะ ^^
เซี่ยง …
อยู่ดีๆ ก็โดนแจกบัตรคนดี เสียอย่างนั้น ในใจเซี่ยงไหวจือสับสนไปหมด
กินอาหารเสร็จทั้งคู่ก็เดินออกจากร้าน สายตาจิ่งฮวนจับจ้องไปยังร้านชานมฝั่งตรงข้าม “รุ่นพี่ อยากกินชานมไหมครับ”
เซี่ยงไหวจือไม่ค่อยกินชานมที่ทั้งหวานและมันเกินไป เขาชำเลืองมอง “นายอยากกินเหรอ”
“อยากครับ!” จิ่งฮวนถอนหายใจ “ไม่ได้กินมานานแล้วอะ”
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำเสียงที่พูดอย่างเสียดายนั่นทำให้คนฟังที่อยู่ข้างๆ รู้สึกสงสารมากเพียงใด
“งั้นไปเข้าแถวสิ”
ไม่นานนักจิ่งฮวนก็ถือชานมสามแก้วยืนอยู่หน้าร้านชานมด้วยสีหน้ามึนงง
เมื่อกี้ตอนที่ต่อแถวจนถึงคิว เซี่ยงไหวจือถามว่าเขาอยากดื่มอะไร พอเขาตอบไปหนึ่งประโยคก็ได้ยินเซี่ยงไหวจือพูดกับพนักงานว่า “ชานม XX สามแก้วครับ”
จากนั้นก็เปิดคิวอาร์โค้ดของจือฟู่เป่า และจ่ายเงินให้เสร็จสรรพ
ทีแรกเขาคิดว่าเซี่ยงไหวจืออยากดื่มเอง แต่สุดท้ายเมื่อได้ชานมแล้ว เซี่ยงไหวจือกลับยื่นชานมสามแก้วนั้นใส่มือเขาก่อนบอกลาแล้วจากไป
จิ่งฮวนเอียงคอด้วยความสับสน
เมื่อกี้นี้เขาดู…ตะกละขนาดนั้นเลยเหรอ
หลังจากเอาชานมสองแก้วไปใส่ตู้เย็น จิ่งฮวนก็มานั่งหน้าคอมพิวเตอร์แล้วขยับเม้าส์ไปมา หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ส่องสว่างขึ้นมาทันที
ก่อนออกจากบ้านเขาเปิดไอดีทิ้งไว้ที่เเดนเซียนเผิงไหล ตอนนี้ได้ค่าประสบการณ์มาสองสามหมื่นแต้มแล้ว
ไอคอนเพื่อนกะพริบไม่หยุด จิ่งฮวนเลยเปิดดู
[เพื่อน] ชิวเฟิง : เสี่ยวจิ่งจิ่ง มาแต่เช้าเลยนะ
[เพื่อน] ชิวเฟิง : AFK เหรอ
[เพื่อน] ชิวเฟิง : มาแล้วก็ตอบหน่อยนะ [น่ารัก]
[เพื่อน] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : อ๋อ ฉันไม่ลงดันนะ
[เพื่อน] ชิวเฟิง : เธอมาพอดีเลย ไม่ใช่เรื่องลงดันหรอก เรื่องอื่นน่ะ เธอรอฉันตรงนั้นนะ เดี๋ยวฉันไปหา
[เพื่อน] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : เรื่องอะไรเหรอ O.O
[เพื่อน] ชิวเฟิง : เรื่องใหญ่!
จิ่งฮวนกลัวนายชิวเฟิงคนนี้จริงๆ ปฏิเสธกี่ครั้งยังไงก็ไล่ไม่ไปสักที
ไม่นานบัณฑิตชุดขาวก็เดินมาอยู่ข้างๆ เขา โบกพัดในมือไปมาเบาๆ อย่างสง่าและนุ่มนวล
[ชิวเฟิงส่งคำเชิญให้คุณเข้าร่วมปาร์ตี้ — (ยอมรับ) (ปฏิเสธ)]
จิ่งฮวนคลิกที่ปุ่มยอมรับ
“เสี่ยวจิ่งจิ่ง กินข้าวหรือยัง” เมื่อเข้ามาในปาร์ตี้ เสียงของชิวเฟิงก็ดังขึ้นมาทันที
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : กินแล้ว นี่เราต้องไปที่ไหน
“บอกไม่ได้ แต่ไม่ได้พาเธอไปขายหรอก” ชิวเฟิงถามต่อ “เธอยังพูดไม่ได้อีกเหรอ”
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : …ไม่ได้
ขณะที่จิ่งฮวนกำลังลังเลว่าจะกดออกดีไหม พวกเขาก็ผ่านศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา มือของเขากลับมีเหงื่อผุดซึมขึ้นมาพลางสงสัยว่าชิวเฟิงจะพาเขาเข้าไปที่นั่นเพื่อยื่นเรื่องแต่งงานหรือเปล่า
เขามองดูเส้นทางการเดินของชิวเฟิงเขม็งจนทำให้ไม่ทันเห็นการแจ้งเตือนผู้เล่นออนไลน์ที่กล่องข้อความด้านขวาของหน้าจอ
ทันทีที่เซี่ยงไหวจือออนไลน์ก็ได้รับแจ้งเตือนข้อความหนึ่ง แจ้งว่าอัญมณีที่เขาจองเอาไว้ได้รวบรวมสำเร็จแล้ว
มันเป็นอัญมณีที่เขาจองไว้สำหรับแหวนของจิ่งฮวน ยิ่งเลเวลของอัญมณีบนแหวนสูงเท่าไร พลังฮีลของถ้ำเซียนจิ้งจอกก็จะยิ่งสูงเท่านั้น เมื่อไปประลองในอารีน่าก็จะยิ่งสบายมากขึ้น
หลังจากได้รับอัญมณีมาแล้ว เซี่ยงไหวจือก็เปิดรายชื่อเพื่อน
ชื่อ ‘จิ่งแสนหวานตัวน้อย’ ส่องสว่างอยู่ แปลว่าอีกฝ่ายกำลังออนไลน์
แต่น่าจะกำลัง AFK ไม่งั้นคงส่งข้อความมาหาเขาแต่แรกแล้ว
เซี่ยงไหวจือคลิกดูที่โพรไฟล์ของจิ่งแสนหวานตัวน้อยเพื่อดูพิกัดของอีกฝ่ายและเตรียมจะเอาอัญมณีไปให้
วังจันทรา (19.21)
ไปทำอะไรที่วังจันทรา
ที่นั่นเป็นแผนที่ที่มีทิวทัศน์สวยงาม แต่เลเวลแผนที่ต่ำเลยไม่ค่อยมีใครไปกัน
ขณะที่กำลังสงสัยก็พบว่าพิกัดของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปอีกครั้ง
วังจันทรา (44.102)
ที่แท้ก็ไม่ได้ AFK
ในเมื่อไม่ได้ AFK แล้วก็ออนไลน์มาตั้งนานแล้ว ทำไมอีกฝ่ายยังไม่ส่งข้อความมาอีกล่ะ
เซี่ยงไหวจือคลิกจุดวาร์ปของเมืองหลัก จากนั้นก็กดวาร์ปไปที่วังจันทราและมุ่งหน้าไปยังพิกัดที่จิ่งแสนหวานตัวน้อยอยู่ทันที
ชายชุดดำเดินเข้าไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นเขาก็ชะงักงัน
บริเวณหน้าดาวตกพระจันทร์เต็มดวงที่อยู่ไม่ไกลนักมีบัณฑิตในชุดขาวและเซียนจิ้งจอกน้อยที่กำลังสะบัดพวงหางใหญ่โตไปมายืนอยู่ ทั้งสองยืนอยู่ใกล้กันมากจนตัวแทบจะติดกันและดูสนิทสนมสุดๆ
หลังจากนั้นไม่นานที่เท้าของบัณฑิตคนนั้นก็มีดอกไม้ค่อยๆ บานออก…เป็นเอฟเฟ็กต์ดอกไม้ไฟพิเศษในเกมที่ให้ผู้เล่นควบคุมเอง
ดอกไม้หลากสีหลายร้อยดอกบานขึ้นมาพร้อมกันเป็นรูปหัวใจ ตรงกลางเป็นตัวอักษร ‘จิ่ง’ ตัวใหญ่ ดอกไม้ผุดขึ้นมาทุกที่และกลายเป็นดอกไม้ไฟนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปเบ่งบานเต็มท้องฟ้า ทำเอาท้องฟ้ายามค่ำคืนของวังจันทราสว่างขึ้นมา
ไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนการเดตที่สุดแสนจะโรแมนติก
ชายชุดดำยืนอยู่ตรงมุมฉาก ซ่อนตัวอยู่ในความมืดและกลายเป็นส่วนเกินในฉากนี้
เซี่ยงไหวจือ “…”
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 11 พ.ค. 65
Comments
comments
No tags for this post.