บทที่ 48
ในคาบเรียนวันต่อมา จิ่งฮวนนั่งอยู่แถวหลังสุดพลางใส่หูฟังดูคลิปวิดีโออยู่
ลู่เหวินเฮ่าพิงพนักเก้าอี้ มือสองข้างปล่อยทิ้งไว้ข้างตัวอย่างสบายๆ เขาหันมาพูดอย่างเบื่อหน่าย “ฮวนฮวน ทำไมเล่นมือถือแต่เช้าเลยล่ะ”
เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของจิ่งฮวนเขาก็ตกใจ “นี่นาย…ดูอะไรอยู่อะ”
บนหน้าจอเป็นคลิปวิดีโอ PVP ของเกม Nine Heroes ชายชุดดำกำลังทำร้ายชายหน้าเสือที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม
คลิปมีชื่อว่า ‘หัวใจเพรียกหา สายโจมตีมือหนึ่งของ Nine Heroes VS ร่วงหล่นยาวนาน ถ้ำเซียนจิ้งจอกมือหนึ่งของ Nine Heroes’
“ดู PVP” จิ่งฮวนตอบโดยไม่หันหน้ามามอง
เขาไม่เข้าใจจริงๆ
ถึงไอเทมเขาจะไม่ได้ดี แต่เมื่อวานหัวใจเพรียกหาก็เปลี่ยนไอเทมไปเป็นแบบธรรมดาทั้งหมดแล้ว ปรากฏว่าไม่เพียงเขาเป็นฝ่ายแพ้ แต่ยังใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ
สามนาที!!!
จิ่งฮวนเล่น Nine Heroes มาก็หลายปี เขาไม่เคยต้องอับอายขายหน้าครั้งใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย
แม้ร่วงหล่นยาวนานจะไม่มีอาวุธระดับเทพ แต่ดูจากออร่าที่เปล่งแสงออกมาจากไอเทมแล้ว มันจะต้องเป็นเซ็ตระดับเทพแน่นอน
ผู้เล่น Nine Heroes จำนวนมากที่ชอบเล่น PVP ต่างก็เคยดูคลิปนี้กันหมดแล้ว ลู่เหวินเฮ่าเองก็เช่นกัน เขามาดูกับจิ่งฮวนอีกรอบพลางจุปากพูด “ฉันดูไอเทมที่ร่วงหล่นยาวนานใช้แล้ว เป็นไอเทมระดับสีม่วงที่มีคุณสมบัติทำให้ความเสียหายคริติคอลได้ แต่พอมาอยู่ตรงหน้าหัวใจเพรียกหาก็ยังอยู่ได้ไม่ถึงสิบนาทีเลย”
“สิบนาทีเหรอ” จิ่งฮวนกดดูแถบเวลาของวิดีโอ ที่แท้ความยาวก็มีเวลาแค่สิบนาทีสี่สิบแปดวินาทีจริงๆ
“ใช่สิ ฉันว่าต้องมีโชคช่วยบ้างแหละ ถ้ำเซียนจิ้งจอกเคลื่อนไหวรวดเร็ว แต่อัตราความแม่นยำของเทพเซี่ยงสูงตั้งเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์” ลู่เหวินเฮ่าถามด้วยความสงสัย “ว่าแต่ทำไมจู่ๆ นายถึงมาดูคลิป PK วะ? ถ้าชอบ PK ขนาดนั้นก็ซื้อไอดีกลับมาเล่นสิ”
ทำไมถึงดูคลิปน่ะเหรอ
ก็เพื่อศึกษาว่าทำยังไงถึงจะเอาชนะหัวใจเพรียกหาได้น่ะสิ!
แต่หลังจากตามจีบหัวใจเพรียกหามาสักพัก จิ่งฮวนก็คิดว่าไม่แน่วิธีการแก้แค้นโดยการฆ่าหัวใจเพรียกหาจนกว่าหมอนั่นจะเลิกเล่นไปอาจจะดีกว่า
เฮ้อ บนเส้นทางการแก้แค้นของเขามันมีแต่ขวากหนามจริงๆ
“ซื้อไอดีกับผีสิ ฉันจะเอาเวลาไหนไปเล่น” จิ่งฮวนตอบไปส่งๆ
“นายไม่มีเวลา? แล้วปกตินายทำอะไร เมื่อคืนนี้ฉันก็ไปดูอยู่ ไม่เห็นนายเล่นทั้ง LoL ทั้ง PUBG”
คลิปวิดีโอจบลง จิ่งฮวนดูภาพถ้ำเซียนจิ้งจอกที่โดนหัวใจเพรียกหาฟันจนกระเด็นด้วยความรู้สึกเหมือนกำลังดูตัวเองเมื่อวาน
เขาขมวดคิ้ว “แอบส่องคะแนนปะป๊านาย?”
“ไม่ได้เรียกว่าแอบส่องเว้ย ฉันแค่เป็นห่วงรูมเมต ดูสิ นายย้ายออกไปตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่ออกไปข้างนอก ไม่เล่นเกม วันๆ ทำอะไรอยู่ในบ้านเช่ากัน” ลู่เหวินเฮ่าพูด “ไม่งั้นเอางี้ ฉันมีไอดีสำรอง ก่อนหน้านี้ฉันซื้อมาทำเควสต์กิจกรรม เดี๋ยวฉันเอาไอดีให้”
“ไม่เอา” จิ่งฮวนปฏิเสธ
ลู่เหวินเฮ่าถาม “ให้ฟรีก็ไม่เอาเหรอ?!”
“เดี๋ยวก็สอบแล้ว ไม่มีอารมณ์”
จิ่งฮวนไม่ได้พูดไปมั่วๆ อาทิตย์หน้าพวกเขามีสอบ และจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ทบทวนบทเรียนเลย
“ได้ งั้นสอบเสร็จค่อยว่ากัน” ลู่เหวินเฮ่านึกอะไรบางขึ้นมาได้ “ช่วงนี้นายไม่ออกจากบ้าน คงไม่ใช่ว่าแอบทวนบทเรียนอยู่หรอกนะ?”
อย่าว่าแต่ทบทวนเลย ช่วงนี้พอเลิกเรียนจิ่งฮวนก็แค่ออกจากห้องเรียน แม้แต่หนังสือก็ยังไม่ได้แตะ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จิ่งฮวนเองก็กังวลอย่างบอกไม่ถูก “มีแต่เสียงเอ๋อร์เท่านั้นแหละที่จะทำแบบนั้น”
เกาจื้อเสียงว่า “ไม่มีเลยเหอะ เอางี้ พรุ่งนี้เราไปอยู่ที่ห้องสมุดกัน”
พวกเขาทั้งสามคนเป็นวัยรุ่นติดอินเทอร์เน็ต ถ้ามัวแต่นอนอยู่หอแล้วมีคอมพิวเตอร์วางอยู่ตรงหน้าก็อย่าหวังว่าจะได้อ่านหนังสือเลย ดังนั้นเวลามีสอบพวกเขาก็จะไปขลุกอยู่ที่ห้องสมุดกัน
“ไม่ต้องพรุ่งนี้หรอก” จิ่งฮวนพูด “วันนี้ตอนบ่ายเลยดีกว่า”
เกาจื้อเสียงบอก “ตอนบ่ายไม่ได้ ฉันต้องไปถ่ายคลิปกับที่รัก”
ลู่เหวินเฮ่าก็พูดว่า “ฉันก็ไม่ได้ ต้องพาแฟนไปลงดัน”
จิ่งฮวนรู้สึกดีใจที่ตัวเองย้ายออกมาจากหอพัก ไม่งั้นคงได้กินอาหารหมา จนอิ่มทุกวันแน่
เพราะงั้นตอนบ่ายจิ่งฮวนจึงหอบหนังสือไปห้องสมุดคนเดียว ช่วงนี้นักศึกษาส่วนใหญ่มีเรียน ที่ว่างในห้องสมุดจึงเหลือเยอะ เขาเลือกที่นั่งข้างหน้าต่างและนั่งลงโดยไม่ได้คิดอะไร
จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ออกมากะว่าจะอู้ก่อนสักหน่อย
เขาเปิดกรุ๊ปแชตสามคนกับพวกหัวใจเพรียกหา
เสี่ยวจิ่งยา [เคาะประตู] มีใครอยู่ไหมน้า~
ถนนยาวไกล อยู่จ้าเสี่ยวจิ่งจิ่ง!
เสี่ยวจิ่งยา O.O ทำเควสต์เสร็จไปกี่อย่างแล้วคะ
ถนนยาวไกล 73 เควสต์แล้ว! วันมะรืนต้องเริ่มฆ่าได้ตามเวลาแน่!
เสี่ยวจิ่งยา อ้อๆ เยี่ยมเลย แล้วพี่ชายล่ะคะ?
ถนนยาวไกล …นี่เธอจะถามฉันเรื่องนี้สินะ
เสี่ยวจิ่งยา (#^.^#) ฮิๆ เพราะพี่ชายไม่ตอบแชตส่วนตัวของฉันน่ะสิ
ถนนยาวไกล มองออกน่า 🙂
ถนนยาวไกล เขาเพิ่งกลับมาจากเล่นบาสน่ะ อาบน้ำอยู่ สงสัยจะไม่เห็นล่ะมั้ง? อีกเดี๋ยวก็คงตอบแหละ จริงสิเสี่ยวจิ่งจิ่ง ขอฉันคุยด้วยเรื่องนึงสิ ตี้ฆ่าเทพสงครามของเรายังขาดอยู่คนหนึ่ง ฉันเรียกชิวเฟิงมาเล่นด้วยได้ไหม
เสี่ยวจิ่งยา อ๋า ฉันยังไงก็ได้ค่ะ
ถนนยาวไกล แหะๆ งั้นก็ดี ไอเทมของชิวเฟิงสุดยอดมาก เขามาน่าจะพอช่วยได้บ้าง
จิ่งฮวนปิดแชตกลุ่ม ขณะที่กำลังเลื่อนดูโมเมนต์ในวีแชต จู่ๆ กลุ่มแชตรูมเมตของเขาก็เด้งขึ้นมา
ลู่เหวินเฮ่า [รูปภาพ]
ลู่เหวินเฮ่า ฮวนฮวน รองเท้าคู่นี้เท่ปะ รุ่นลิมิเต็ดเลยนะ เว็บออฟฟิเชียลของ XX จะเปิดให้แย่งซื้อพรุ่งนี้แปดโมง!
จิ่งฮวนเปิดดูรูปภาพ ตัวรองเท้าเป็นสีขาวสลับสีเงิน ลายเรียบหรู ที่เด็ดสุดคือตรงโลโก้ด้านข้างรองเท้าที่ทำจากวัสดุพิเศษ ทั้งดำและเงางาม
เสี่ยวจิ่งยา เท่!! เท่าไรอะ
ลู่เหวินเฮ่า 8,000 กว่าหยวนเอง!
เสี่ยวจิ่งยา อ๋าๆๆ บ้าเอ๊ย ซื้อดิ >.<!!!
ลู่เหวินเฮ่า …
ลู่เหวินเฮ่าเห็นอีโมติคอนของเขาก็อดที่จะหันไปพูดกับคนข้างๆ ไม่ได้ “เสียงเอ๋อร์ ทำไมฉันรู้สึกว่าช่วงนี้ฮวนฮวนมันพิมพ์ข้อความออกสาวยังไงก็ไม่รู้”
ครั้งก่อนจิ่งฮวนถึงขนาดส่งอีโมจิหน้าแดงให้พวกเขา ทำเอาทั้งสองคนตกใจกันแทบบ้า นึกว่าอีกฝ่ายถูกแฮกไอดีซะแล้ว
เกาจื้อเสียงพูดโดยไม่ได้เงยหน้ามอง “นายลองไปพูดแบบนี้ต่อหน้ามันดูดิ จะได้รู้ว่าสาวไม่สาว”
“…” ลู่เหวินเฮ่าปิดปากเงียบ
จิ่งฮวนตั้งแจ้งเตือนเวลาที่รองเท้าจะเปิดวางขายเพื่อเตรียมตัวตื่นมาแย่งชิงในวันพรุ่งนี้
“รุ่นพี่?” จู่ๆ คนข้างหลังก็เรียกเขาเสียงเบา
จิ่งฮวนหันไปมอง เป็นเด็กสาวที่เอาน้ำมาให้เขาในสนามบาสเมื่อคราวก่อนนั่นเอง เธอปล่อยผมยาว สวมกางเกงยีนสีขาว แถมในมือยังถือหนังสืออยู่ด้วย
หญิงสาวชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆ เขาพลางถามด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “ฉันขอนั่งตรงนี้ได้ไหมคะ”
จิ่งฮวนกะพริบตาก่อนจะวางโทรศัพท์ลงโดยไม่แสดงท่าทีอะไร “ได้อยู่แล้ว”
เซี่ยงไหวจือออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าบนหน้าจอโทรศัพท์มีข้อความที่ยังไม่อ่านอยู่สี่ข้อความ
“ในช่วงสิบนาทีที่นายอาบน้ำอยู่เสี่ยวจิ่งจิ่งก็ทักมาหาฉันแทน” ลู่หังล้อ “นายรีบเปิดดูสิว่าเธอมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับนายหรือเปล่า”
เซี่ยงไหวจือเปิดโทรศัพท์ดูเงียบๆ
เสี่ยวจิ่งยา พี่ชาย สวัสดีวันพฤหัสค่ะ!
เสี่ยวจิ่งยา ฉันเรียนอยู่แหละ ง่วงมากเลย =O=
เสี่ยวจิ่งยา พี่ชายทำอะไรอยู่คะ [แอบมอง]
เสี่ยวจิ่งยา พี่ชาย อาทิตย์หน้าฉันมีสอบ บ่ายนี้ขอไปกอดขาพระเจ้าที่ห้องสมุดก่อนนะคะ! คงไม่ได้ไปลงดันกับพี่แล้วนะ QAQ
ลู่หังโพล่งออกมา “จริงสิ ฉันเพิ่งถามเสี่ยวจิ่งจิ่งไป เธอบอกว่าไม่คิดมากถ้าชิวเฟิงจะมาเล่นด้วย งั้นฉันไปตกลงกับชิวเฟิงก่อนนะ เขาอาสาจะมาช่วยฉัน ฉันเลยไม่อยากจะปฏิเสธ”
“แล้วแต่เลย”
“เออ ตอนแรกฉันกะจะชวนชุนเซี่ยวมา ได้ทั้งฮีลทั้งโจมตี แต่เธอไม่ว่างพอดี…” เมื่อเห็นการกระทำของคนที่อยู่ข้างหลังลู่หังก็หยุดพูด “นายจะไปไหนอะ”
เซี่ยงไหวจือสวมเสื้อคลุมตัวบาง “ไปคืนหนังสือ”
“คืนหนังสือ? บ่ายนี้นายต้องลงดันไม่ใช่หรือไง”
“จะครบกำหนดคืนแล้ว” เซี่ยงไหวจือตอบสั้นๆ ก่อนหยิบหนังสือสองสามเล่มบนโต๊ะแบบลวกๆ “ไปล่ะ”
“…เออ”
ด้วยความหน้าตาดีทำให้จิ่งฮวนเคยถูกสารภาพรักมาตั้งแต่เด็กจนโต
เขาเอามือเท้าศีรษะ ปลายปากกาจรดอยู่ที่ปลายคาง ในใจกำลังคิดว่าถ้ารุ่นน้องสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ มาสารภาพรัก เขาควรจะปฏิเสธอย่างไรดี
เมื่อเซี่ยงไหวจือเข้ามาก็ได้เห็นภาพนั้นเข้าพอดี
ชายหนุ่มหลุบตาลงอ่านหนังสือที่อยู่บนโต๊ะอย่างตั้งอกตั้งใจ เด็กสาวข้างๆ ก้มหน้าลงพลางแอบมองเขา แสงแดดสาดส่องมาบนร่างของทั้งคู่ราวกับฉากในซีรี่ส์นักเรียนมัธยมเอามากๆ
หนุ่มสาวหน้าตาดีอยู่ด้วยกันทำให้หลายคนที่ผ่านไปผ่านมาอดแอบมองพวกเขาไม่ได้
ในตอนนั้นเองดูเหมือนในที่สุดเด็กสาวก็รวบรวมความกล้าขึ้นมาได้และหันหน้าไปพูดอะไรบางอย่างกับจิ่งฮวน
จิ่งฮวนทำหน้าตกใจในทีแรก จากนั้นจึงค่อยยกยิ้มออกมาพร้อมสีหน้ารู้สึกผิด
เซี่ยงไหวจือละสายตาออกมา ในมือถือหนังสือสองเล่มที่หยิบมาส่งๆ ขณะกำลังตัดสินใจจะหาที่นั่งสักที่ก็ถูกรุ่นน้องที่อยู่ไม่ไกลพบเข้าเสียก่อน
พอเห็นเขาจิ่งฮวนก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นจึงยกมือขึ้นทักทาย เนื่องจากห้องสมุดห้ามใช้เสียงดัง จิ่งฮวนจึงขยับปากเรียกเขาโดยไร้เสียง “รุ่นพี่!”
“…” เซี่ยงไหวจือลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปหาอีกฝ่าย
เมื่อเขาเดินมาอยู่ตรงหน้าตนเอง จิ่งฮวนจึงส่งเสียงถาม “รุ่นพี่ก็มาอ่านหนังสือเหรอครับ”
“มาคืนหนังสือ” เซี่ยงไหวจือตอบ “เลยถือโอกาสหาอะไรอ่านด้วย”
จิ่งฮวนมองดูหนังสือในมือเขา ทั้งหมดนั่นล้วนเป็นงานเขียนมีชื่อเสียงของต่างประเทศ
“ผมมาทวนบทเรียนครับ อาทิตย์หน้ามีสอบ ต้องช่วยชีวิตตัวเองหน่อย” จิ่งฮวนถาม “เรานั่งด้วยกันไหมครับ”
เซี่ยงไหวจือเหลือบมองเด็กสาวข้างๆ ตัวอีกฝ่าย
“อ้อ เธอบอกว่าจะไปแล้วครับ” จิ่งฮวนอธิบาย
เด็กสาวหน้าแดงยิ่งกว่าเดิมและรีบลุกขึ้น “ใช่ค่ะ ตอนนี้ฉันต้องไปแล้ว…รุ่นพี่มานั่งเถอะค่ะ”
พูดจบเด็กสาวก็หอบหนังสือจากไปด้วยความกระอักกระอ่วน
เมื่อเซี่ยงไหวจือนั่งลงก็ได้ยินเสียงจิ่งฮวนถอนหายใจอย่างโล่งอกพอดี
“เป็นอะไร ไม่ชอบสาวแบบนั้นเหรอ”
จิ่งฮวนตกใจ “พี่ได้ยินเหรอครับ”
“พอเดาออก”
จากบรรยากาศเมื่อกี้ สายตาคาดหวังของเด็กสาวที่แปรเปลี่ยนเป็นความผิดหวัง แค่มองดูก็รู้ว่าสารภาพรักแล้วโดนปฏิเสธ
“ก็ใช่ครับ…ประเด็นคือผมไม่รู้จักเธอเลย ถ้าตอบตกลงสิแปลก?” จิ่งฮวนบิดขี้เกียจ
พอได้ยินเสียงเซี่ยงไหวจือ เขาก็อดนึกถึงหัวใจเพรียกหาไม่ได้ทุกที
เขาแค่นหัวเราะเสียงเย็นก่อนเปิดปากพูด “อีกอย่างตอนนี้ผมกำลังจีบคนอื่นอยู่”
เปลือกตาของเซี่ยงไหวจือกระตุก เขาถามอย่างไม่สะทกสะท้าน “งั้นเหรอ เด็กมอเราหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ครับ” เขาเองก็ไม่รู้ว่าคนคนนั้นอยู่ส่วนไหนของโลก
“เขาเป็นคนยังไงเหรอ”
จิ่งฮวนงุนงง ก่อนจะยิ้มออกมา “ไม่ใช่แล้วมั้งรุ่นพี่ พี่ก็สนใจเรื่องนี้ด้วยเหรอ”
เซี่ยงไหวจือเปิดหนังสือหน้าหนึ่ง “ก็แค่ถามๆ ดู ไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไร”
“ไม่ใช่ว่าไม่สะดวกหรอกครับ” จิ่งฮวนแค่นหัวเราะ “คนที่ผมตามจีบอยู่เป็นคนไม่ได้เรื่องเลย”
?
“คนไม่ได้เรื่อง?” เซี่ยงไหวจือเอียงคอมองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “แล้วทำไมนายยังตามจีบอยู่ล่ะ”
จะอะไรซะอีกล่ะ ก็เพราะเจตนาร้ายน่ะสิ
จิ่งฮวนตอบส่งๆ ไปเพียงหนึ่งประโยคโดยไม่ได้ตั้งใจจะลงรายละเอียด ยังไงเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้บอกแม้แต่พวกลู่เหวินเฮ่า ยิ่งเป็นเซี่ยงไหวจือยิ่งบอกไม่ได้
รอให้แผนการใหญ่ของเขาสำเร็จก่อน แล้วเรื่องที่เขาปลอมตัวเป็นสาวน้อยไปตามจีบไอดีหัวใจเพรียกหาจะต้องถูกกลบฝังไว้ในดาต้าเบสของ Nine Heroes ไปตลอดกาล!
“จะเพราะอะไรอีกล่ะครับ” จิ่งฮวนตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ “ก็เพราะผมชอบเขาน่ะสิ”
เซี่ยงไหวจือทำหน้าสับสน “ต่อให้เขาเป็น ‘คนไม่ได้เรื่อง’ งั้นเหรอ”
“ใช่ครับ คนเราชอบอะไรไม่เหมือนกันไง” จิ่งฮวนหันมามองเขายิ้มๆ “รุ่นพี่คงไม่ได้ดูถูกผมเพราะผมไปชอบคนผิดหรอกใช่ไหม”
“…”
เซี่ยงไหวจือหรี่ตาลง ใช้เวลาสักพักถึงค่อยตอบแกนๆ “ไม่หรอก”
บทที่ 49
จิ่งฮวนคิดว่ามันน่าประหลาดมาก
ก่อนที่จะขึ้นปีสองเขาไม่เคยเจอเซี่ยงไหวจือมาก่อน แต่หลังจากทั้งคู่เจอกันที่บันไดก็เหมือนว่าจะได้เจอกันตลอด
ไปเที่ยวก็บังเอิญเจอกัน ไปเล่นบาสก็บังเอิญเจอกัน นี่มาห้องสมุดก็ยังบังเอิญเจอกันอีก
เมื่อคิดถึงชานมสามแก้วที่เซี่ยงไหวจือเลี้ยงเมื่อครั้งก่อน จิ่งฮวนก็ครุ่นคิดว่าควรไปซื้อกาแฟที่ร้านมาขอบคุณอีกฝ่ายดีหรือเปล่า
เขาหันไปและคิดจะถาม แต่ก็เห็นเซี่ยงไหวจือกำลังขมวดคิ้วตั้งใจอ่านหนังสืออยู่
ที่จริงเซี่ยงไหวจือไม่ได้อ่านเนื้อหาภายในงานเขียนชื่อดังนี่เลยสักนิด
แต่เขากำลังย้อนคิดว่าตัวเองทำอะไรลงไปกันแน่ถึงได้กลายเป็น ‘คนไม่ได้เรื่อง’ ไปซะได้
คิดไปคิดมาก็เหมือนจะมีแต่เรื่องของเซียนเหมิงเหมิง
เขาควรพูดกับอีกฝ่ายในเกมให้ชัดเจนไหม จะได้ลบภาพจำผู้ชายเจ้าชู้ของตนเองในสายตาอีกฝ่ายไปได้บ้าง
แต่ถ้าอธิบายชัดเจนแล้ว คนคนนี้จะยังชื่นชอบเขาอยู่หรือเปล่าล่ะ
ไม่มีทาง
เมื่อนึกถึงคำพูดประหลาดๆ ในเกมของจิ่งแสนหวานตัวน้อย เซี่ยงไหวจือก็เม้มปาก
“รุ่นพี่เซี่ยง?”
เซี่ยงไหวจือได้สติ เขาชำเลืองมอง “หืม?”
“พี่อยากดื่มกาแฟไหมครับ” จิ่งฮวนถาม “เดี๋ยวผมซื้อให้พี่สักแก้ว?”
“อืม” เซี่ยงไหวจือดึงความคิดกลับมาและชิงลุกขึ้นก่อนเขา “เดี๋ยวฉันไปซื้อเอง”
“ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมไปเอง…”
จิ่งฮวนยังพูดไม่ทันจบ เซี่ยงไหวจือก็พลิกหนังสือคว่ำลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก
จิ่งฮวน “…”
จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา จิ่งฮวนเบนสายตากลับมาเปิดดูข้อความ
ลู่เหวินเฮ่า @เสี่ยวจิ่งยา ฮวนฮวน อ่านหนังสือที่ห้องสมุดคนเดียวเหงาไหม ไม่งั้นอ่านหนังสือเสร็จก็มาหาพวกเราสิ เรายังขาดคนมีฝีมือลงดันอยู่นะ [เขิน]
เสี่ยวจิ่งยา ไสหัวไปเลย ฉันไม่เหงา
เขายกมือถือขึ้นถ่ายรูปหนังสือที่ถูกคว่ำไว้ข้างๆ จากนั้นก็ส่งเข้าไปในกลุ่ม
ลู่เหวินเฮ่า ???
ลู่เหวินเฮ่า ที่แท้นายก็แอบมีสาวลับหลังพวกเรานี่เอง
เสี่ยวจิ่งยา สาวกับผีสิ ผู้ชายเว้ย
ลู่เหวินเฮ่า นอกจากฉันกับเสียงเอ๋อร์แล้วยังจะมีผู้ชายที่ไหนไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเป็นเพื่อนนายได้อีก??
ขณะที่จิ่งฮวนหัวเราะและกำลังจะตอบกลับไปก็เห็นเซี่ยงไหวจือกำลังถือกาแฟสองแก้วเดินมาทางเขา
เซี่ยงไหวจือเป็นคนไหล่กว้าง ขายาว รูปร่างถือว่ายอดเยี่ยม เดินเข้ามาก็เหมือนจะนำสายลมพัดพาเข้ามาด้วย สาวๆ ที่อยู่โดยรอบต่างก็มองเขากันแทบทุกคน
จิตใต้สำนึกของจิ่งฮวนสั่งให้ขยับมือถือหันกล้องไปที่เซี่ยงไหวจือ ก่อนอัดวิดีโอประมาณสามวินาทีแล้วส่งเข้าไปในกลุ่มแชต
ลู่เหวินเฮ่า แม่ง นอนด้วยกันคืนเดียว สนิทกันขนาดนี้เลยเหรอ
เสี่ยวจิ่งยา ?
เสี่ยวจิ่งยา พูดให้มันดีๆ หน่อย แค่บังเอิญเจอกัน
แน่นอนว่าเซี่ยงไหวจือรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายถ่ายตนเอง
เขาวางกาแฟลงบนโต๊ะ “ร้อนนะ”
“ขอบคุณครับ” จิ่งฮวนได้สติจึงยกโทรศัพท์ขึ้นอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง “ลู่เหวินเฮ่าถามว่าผมมาอ่านหนังสือกับใคร ผมเลยอัดวิดีโอส่งไปให้เขา”
เซี่ยงไหวจือถือโอกาสแอบมอง
เมื่อเห็นคำว่า ‘นอนด้วยกันคืนเดียว’ เขาก็ชะงักไป ก่อนจะดึงสายตากลับมา “อืม ไม่เป็นไร”
ทั้งสองคนอยู่ในห้องสมุดด้วยกันตลอดบ่าย
กระทั่งห้องสมุดเปิดไฟจิ่งฮวนจึงผุดขึ้นมาจากห้วงมหาสมุทรแห่งความรู้และดิ้นรนขึ้นมาบนฝั่ง
เขาถอนหายใจก่อนเอ่ยปากเรียกเบาๆ “รุ่นพี่”
เซี่ยงไหวจือถาม “อ่านหนังสือเสร็จแล้วเหรอ”
“…ประมาณนั้นครับ”
“สอบอาทิตย์หน้าจะผ่านไหมเนี่ย”
“ไม่น่าครับ”
“…”
“แต่ผมก็พยายามแล้วนะ” จิ่งฮวนปิดหนังสือ “แผนการอยู่ที่คน ความสำเร็จอยู่ที่ฟ้า ปล่อยให้ชะตาฟ้าลิขิตเถอะครับ”
เซี่ยงไหวจือหัวเราะ
ตัวจริงของรุ่นน้องคนนี้ต่างกับคนในเกมอย่างกับคนละคน มีเพียงการมองโลกในแง่ดีนี่แหละที่เหมือนกัน
เมื่อทั้งสองคนเดินออกจากห้องสมุด ท้องฟ้าด้านก็นอกมืดแล้ว
“ไปกินข้าวเย็นกันไหม” เซี่ยงไหวจือถามด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ
จิ่งฮวนบอก “ได้ครับ แต่ครั้งนี้ผมเลี้ยงนะ”
“ไม่ต้องหรอก” เซี่ยงไหวจือหยุดชะงัก “ฉันเป็นรุ่นพี่ ฉันต้องเลี้ยงสิ”
จิ่งฮวนได้ยินก็หัวเราะ เขาหันมาพูด “ถ้าพูดแบบนี้ ผมเด็กกว่าพี่ก็ควรให้เกียรติพี่สินะ”
เซี่ยงไหวจือขมวดคิ้วอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกจิ่งฮวนขัดเอาไว้
“รุ่นพี่ สิ่งสำคัญในการคบหาเพื่อนคือการให้และการรับ ถ้าผมให้พี่เลี้ยงตลอด ต่อไปผมคงไม่กล้ากินข้าวกับพี่แล้ว”
เซี่ยงไหวจือจ้องตาเขาอยู่นานกว่าจะยอมแพ้ “ก็ได้”
ทั้งคู่ไปกินอาหารตามสั่ง ระหว่างกินข้าวจิ่งฮวนก็หยิบโทรศัพท์มาพิมพ์ข้อความเป็นระยะๆ
เซี่ยงไหวจือดูเหมือนจะดื่มซุปอย่างเงียบเชียบ แต่จริงๆ แล้วโทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาสั่นไปเป็นร้อยรอบแล้ว
พอกินดื่มกันจนอิ่มจิ่งฮวนก็จ่ายเงิน เขาพูดอย่างจริงใจว่า “รุ่นพี่ ถ้าคราวหน้าพี่จะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดก็เรียกผมได้นะครับ ผมจะไปนั่งเป็นเพื่อนเอง”
ที่ไปห้องสมุดก็เพราะที่นั่นเงียบสงบ แล้วทำไมถึงต้องการคนไปเป็นเพื่อนด้วยล่ะ
เซี่ยงไหวจือคิดในใจแบบนั้นแต่กลับพยักหน้า “ได้สิ”
“รุ่นพี่ครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะ” จิ่งฮวนยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ขณะที่กำลังจะเดินจากไปก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เดี๋ยวนะครับรุ่นพี่ ต่อไปผมขอเรียกรุ่นพี่แบบอื่นได้ไหม”
เอาแต่เรียกรุ่นพี่ๆ นี่ไม่คุ้นปากเลย
เซี่ยงไหวจือเลิกคิ้ว “ได้”
“งั้นให้ผมเรียกพี่ว่าอะไรดี” จิ่งฮวนคิด “ไหวจือ? พี่จือ? พี่ไหว?”
เซี่ยงไหวจือฟังอยู่เงียบๆ และรู้สึกว่าเรียกแบบไหนก็ไม่คุ้นหู
“นายเรียกพี่ชายก็ได้”
“…” จิ่งฮวนงุนงง “หา?”
เมื่อคิดได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป เซี่ยงไหวจือก็ตกใจเช่นกัน แต่เขาก็รีบพูดเสริมอย่างเรียบเฉย “ฉันโตกว่านาย เรียกพี่ก็ปกติไม่ใช่เหรอ”
สมเหตุสมผล
จิ่งฮวนลังเล “…พี่ชาย?”
น้ำเสียงช่างแตกต่างจากที่เซี่ยงไหวจือเคยได้ยิน มันไม่ได้ดูออดอ้อนขนาดนั้น แล้วก็ไม่ได้หวานแหววด้วย เห็นได้ชัดว่าจิ่งฮวนค่อนข้างประหม่า น้ำเสียงที่ใช้เรียกก็เลยดูระมัดระวังและเขินอาย
แต่เขากลับคิดว่าเสียงนี้เพราะกว่าที่เคยได้ยินในเกมซะอีก
จิ่งฮวนเรียกไปหนึ่งครั้งก็รู้สึกแปลกๆ เขายิ้มหน้าแดง “ช่างเถอะครับ เรียกแบบนี้แล้วรู้สึกขนลุกเลยแฮะ…งั้นผมเรียกพี่เฉยๆ แล้วกัน ไม่งั้นก็พี่เซี่ยง?”
เซี่ยงไหวจือหลุบตาลงระงับอารมณ์ “ยังไงก็ได้ นายกลับไปเถอะ”
“พี่ชาย!” เสียงสาวน้อยเอ่ยเรียกดังชัดอยู่ในหูฟังอย่างกระฉับกระเฉงเล็กน้อย “พี่คะฉันมาดึกเลย ฮือๆๆ”
เซี่ยงไหวจือกดนิ้วชี้เบาๆ เพื่อเปิดดันเจี้ยน “ไม่เป็นไร”
[ปาร์ตี้] รักคือแบ่งให้เธอกิน : เสี่ยวจิ่ง วันนี้เธอไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ ทำไมมาออนดึกจัง
เพราะลงดันเจี้ยนด้วยกันมาตั้งหลายครั้งทำให้รักคือแบ่งให้เธอกินพอจะรู้เวลาว่างของคนในปาร์ตี้
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ตอนบ่ายฉันไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดมา อาทิตย์หน้ามีสอบน่ะ QAQ
[ปาร์ตี้] รักคือแบ่งให้เธอกิน : น่าสงสารชะมัด ลูบหัวนะ [ลูบหัวสุนัข]
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : [ร้องไห้]
[ปาร์ตี้] รักคือแบ่งให้เธอกิน : จริงสิ เธอเห็นประกาศอัพเดตพรุ่งนี้หรือยัง
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ไม่มีเวลาดูเลย ทำไมเหรอ มีกิจกรรมอะไรอะ
[ปาร์ตี้] รักคือแบ่งให้เธอกิน : มีชุดใหม่ออกน่ะสิ!! สวยมาก!
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : O.O! โห ลิมิเต็ดไหม
[ปาร์ตี้] รักคือแบ่งให้เธอกิน : ไม่ใช่ เป็นชุดธรรมดานี่แหละ…ที่สำคัญก็คือทั้งๆ ที่เป็นแค่ชุดธรรมดา แต่มันสวยกว่าพวกชุดลิมิเต็ดอีกนะ! สงสัยคืนนี้ดีไซเนอร์จะคืนชีพ [เคาะไม้]! ฉันส่งรูปไปในกลุ่มวีแชตแล้ว เธอรีบไปดูเร็ว!
ในเมื่อไม่ใช่ชุดลิมิเต็ด ชุดนี้ก็ไม่ได้สำคัญอะไรนัก
จิ่งฮวนเปิดดูในวีแชตแวบหนึ่ง ความจริงมันสวยมาก ดีไซน์โคมไฟก็น่ารัก แถมยังมีที่ห้อยอาวุธอีกชิ้นด้วย
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ก็สวยดี ชุดนี้เท่าไรเหรอ
[ปาร์ตี้] รักคือแบ่งให้เธอกิน : 1,200 ทอง
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ???
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : [โบกผ้าเช็ดหน้า]
[ปาร์ตี้] รักคือแบ่งให้เธอกิน : ก็ยังดีไหม มีที่ห้อยอาวุธให้ด้วยนะ เพราะงั้นเลยถือว่าเป็นราคาสำหรับชุดที่พกอาวุธได้สองชิ้น
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : แพงเกินอะ ช่างเถอะ ไว้รอมีเงินค่อยซื้อแล้วกัน [เช็ดน้ำตา]
ซื้อกับผีสิ จิ่งฮวนสบถอยู่ในใจ
ชุดธรรมดาชุดเดียวก็ตั้งหนึ่งพันสองร้อยหยวนงั้นเหรอ?! ทำไมไอ้เกมนี้มันไม่ไปปล้นธนาคารให้จบๆ แทนที่จะมาไถเงินกับผู้เล่นอย่างงี้
จิ่งฮวนลืมเรื่องนี้ไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งวันต่อมาเมื่อเขาล็อกอินเกมและได้เห็นข่าวสารจากระบบ เขาก็อึ้งไปนานกว่าจะดึงสติกลับมาได้
[พ่อค้าดินแดนปริศนา : ขอแสดงความยินดีกับผู้กล้า! หัวใจเพรียกหามอบชุด ‘ตะเกียงวิญญาณ’ ให้คุณ กรุณาไปที่ดินแดนปริศนา (118.29) เพื่อรับชุดใหม่ของคุณ!]
จิ่งฮวนกะพริบตาปริบๆ อ่านข้อความนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายครั้ง
คนส่งให้คือหัวใจเพรียกหาไม่ผิดแน่ และของที่ส่งมาก็คือชุดใหม่นั่นจริงๆ…
ไม่สิ…นี่หัวใจเพรียกหาซื้อชุดให้เขางั้นเหรอ?!!
จิ่งฮวนถึงกับช็อก
ที่ให้แหวนก็สามารถพูดได้ว่าจะได้สะดวกเวลาลงดัน ที่ให้อัญมณีก็กล่าวได้ว่าจะได้สะดวกเวลาประลองที่อารีน่า แต่การซื้อเสื้อผ้าให้นี่มันหมายความว่ายังไงกัน
จิ่งฮวนคิดเรื่องนี้กลับไปกลับมาอยู่ในใจแล้วทอดถอนใจเป็นร้อยเป็นพันรอบ
สองสามเดือนผ่านไป ในที่สุดเขาก็ได้เห็นแสงแห่งชัยชนะถึงแม้จะเพียงน้อยนิดก็ตามแล้ว!
จิ่งฮวนเปิดดูรายชื่อเพื่อนก็พบว่าหัวใจเพรียกหาไม่ได้ออนไลน์อยู่
เขาฮัมเพลงสองสามท่อนอย่างมีความสุขพลางบังคับตัวละครเซียนจิ้งจอกน้อยให้กระโดดโลดเต้นมุ่งหน้าไปยังดินแดนปริศนา
ด้วยความที่เป็นชุดออกใหม่ ตอนนี้จึงมีผู้เล่นไม่น้อยที่อยู่รอบๆ พ่อค้าดินแดนปริศนา พวกเขาต่างพากันมาเพื่อซื้อชุด
[ขณะนี้] จี้เสี่ยวเหนียน : ดูเหมือนสีดำจะสวยกว่าหน่อยนะ เซียนเซียน เธอซื้อสีอะไรเหรอ
[ขณะนี้] เซียนเหมิงเหมิง : ฉันซื้อทุกสี สีละชุดเลย [น่ารัก]
ถึงแผนที่เกมจะกว้างใหญ่ขนาดนั้น ทว่าการได้พบเจอคนรู้จักก็ถือเป็นเรื่องปกติ จิ่งฮวนเดินเข้าไปในกลุ่มคน คิดว่าเมื่อรับชุดเสร็จก็จะไป แต่เนื่องจากผู้เล่นที่มาซื้อชุดมีจำนวนมาก ดังนั้นแม้แต่การรับชุดก็ยังต้องต่อแถว
[ขณะนี้] จี้เสี่ยวเหนียน : เธอซื้อมาครบทั้งเจ็ดสีเลยเหรอ! รวยจัง QAQ!
[ขณะนี้] เซียนเหมิงเหมิง : ฮ่าๆ หยางหยางเป็นคนซื้อให้น่ะ
[ขณะนี้] จี้เสี่ยวเหนียน : ไอ้หยา งั้นเขาก็ใจป้ำมากเลยนะ [ตลก] ทำไมยังไม่รับรักเขาเร็วๆ ล่ะ
[ขณะนี้] เซียนเหมิงเหมิง : ก็ฉันยังไม่อยากมีแฟนนี่นา ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีมากแล้ว
ถึงแม้จะคุยกันแค่สองสามประโยค แต่ก็ทำให้คนที่มองมาเข้าใจความหมายในนั้นได้แล้ว
จิ่งฮวนไม่อยากสอดเรื่องส่วนตัวของชาวบ้าน แต่อย่างไรพวกเธอก็ยืนอยู่ข้างๆ แถมยังคุยกันในช่องเวิลด์แชตอีก
เขาจิ๊ปาก ดูแล้วสมัยนี้ถ้าไม่มีพื้นเพครอบครัวดีๆ คงเป็นไม่ได้แม้แต่ตัวสำรอง
[ขณะนี้] จี้เสี่ยวเหนียน : เธอก็ลองดูๆ ไปสิ ฉันว่าเขายังดีกว่าใครบางคนซะอีก
[ขณะนี้] เซียนเหมิงเหมิง : ทำไมต้องพูดถึงคนนั้นอีกแล้วล่ะ [ปิดปาก]
[ขณะนี้] จี้เสี่ยวเหนียน : โอ๊ย ฉันผิดเองแหละ ก็เพราะเมื่อเช้าฉันเห็นโพสต์ที่เธอประจานหร่านซินสองสามอันนั้นโดนดันขึ้นมาอีกไม่ใช่หรือไง ฉันเลยอ่านดูอีกรอบจนอยากจะอ้วกตั้งแต่เช้าเลย [อาเจียน]
จิ่งฮวนที่กำลังรอรับชุดหยุดชะงัก
เขาออกจากแถวแล้วเปิดดูเว็บบอร์ดของเกม Nine Heroes ทันที ปรากฏว่าหน้าแรกของเว็บบอร์ดนั้นเต็มไปด้วยโพสต์เกี่ยวกับพี่สาวเขาจริงๆ
[หร่านซินหน้าด้านเกินไปละ ลบเพื่อนออกอากาศซะเลย]
[ชู้รักหร่านซินเซิร์ฟบุปผาในคันฉ่อง จันทราในวารี ผู้เล่นในเซิร์ฟนี้จำไว้หมดแล้ว]
[ได้ยินว่าหร่านซินรู้สึกผิดจนลบไอดีไปแล้วเหรอ]
รอยยิ้มบนใบหน้าของจิ่งฮวนหายไปอย่างช้าๆ
เขาค่อยๆ อ่านทีละโพสต์ถึงพบว่าทุกโพสต์นั้นถูกขุดโดยไอดีเดิมๆ ดูจากคอมเมนต์เหมือนมีแต่พวกที่เพิ่งจะมาตามเผือกย้อนหลัง เหมือนตามอ่านย้อนแล้วก็ถามคำถามไปด้วย แต่แป๊บเดียวก็มีผู้เล่นคนอื่นมาตอบคำถามให้ คนแล้วคนเล่าทำให้โพสต์ค้างอยู่ที่หน้าแรกตลอด
ผ่านมาตั้งหลายเดือนแล้วคำก่นด่าใต้โพสต์เหล่านี้ก็ยังมีมาไม่หยุด
ถึงจะเคยอ่านโพสต์พวกนี้ไปแล้ว แต่พอกลับมาอ่านอีกครั้งจิ่งฮวนก็ยังคงรู้สึกโกรธอยู่ดี
สายตาของเขาจับจ้องไปยังคำก่นด่าและคำดูถูกที่อยู่บนหน้าจอก่อนแววตาจะค่อยๆ เย็นชาขึ้น
หลังจากตามอ่านเสร็จเขาก็ปิดหน้าเว็บบอร์ดด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์แล้วกดเข้าเกมอีกครั้ง
เลิกเรียนแล้วเซี่ยงไหวจือกลับถูกรั้งตัวไว้
“พี่ๆ ครับ มาเล่นบาสกันก่อนค่อยกลับไหม”
เขายังไม่ทันได้ตอบอะไร ลู่หังที่อยู่ข้างๆ ก็จับไหล่เขาไว้ก่อนตอบรับ “ได้สิ ฉันไม่ได้เล่นบาสนานแล้ว คันไม้คันมือจะแย่”
เซี่ยงไหวจือปัดมือเขาออก “นายไปคนเดียวเลย ฉันจะกลับหอ”
“ไม่เอาน่า นี่เพิ่งสิบโมงเอง นายกลับไปจะมีอะไรให้ทำ” ลู่หังพูด “ไปกันเถอะ เล่นครึ่งเกมก็ได้”
“ไม่” เซี่ยงไหวจือถือหนังสือด้วยมือข้างเดียวโดยไม่ยอมปล่อย “ไปล่ะ”
เมื่อกลับมาถึงหอเซี่ยงไหวจือก็วางหนังสือแล้วเปิดคอมพิวเตอร์
เพิ่งล็อกอินเสร็จก็ได้รับข้อความจากระบบข้อความหนึ่ง
[พ่อค้าดินแดนปริศนา : จิ่งแสนหวานตัวน้อยเพื่อนของคุณปฏิเสธการรับของขวัญจากคุณ กรุณาไปหาพ่อค้าที่ดินแดนปริศนา (118.29) เพื่อรับเงินคืนภายใน 7 วัน]
เขาชะงัก รีบเปิดดูรายชื่อเพื่อนทันที
ชื่อของจิ่งแสนหวานตัวน้อยส่องแสงอยู่เงียบๆ โดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : ?
[เพื่อน] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ?
[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : ทำไมไม่รับชุดล่ะ
[เพื่อน] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ฉันจะกล้าใช้เงินพี่ได้ยังไง
[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : …
ไม่มีอีโมติคอน ไม่มีอีโมจิ หรือแม้แต่เครื่องหมายใดๆ ด้านหลังประโยค
ให้ความรู้สึกเฉยเมยเหลือเกิน…หรือเขาเข้าใจผิดไปเอง?
เซี่ยงไหวจือขมวดคิ้ว ลองพิมพ์ข้อความไป
[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : ลงดันไหม
[เพื่อน] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ไม่ค่ะ
[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : เธอเป็นอะไรไป
[เพื่อน] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ?
[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : อารมณ์ไม่ดีเหรอ
เออสิ เพราะงั้นทางที่ดีอย่ามากวนอารมณ์พ่อนายตอนนี้จะดีกว่า
จิ่งฮวนนึกภาพคีย์บอร์ดเป็นหัวใจเพรียกหาแล้วเคาะแป้นพิมพ์อย่างแรง
[เพื่อน] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : เปล่าค่ะ
[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : งั้นมาลงดันสิ
[เพื่อน] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : [ยิ้ม]…ฉันไม่ค่อยสบาย ไม่อยากลงค่ะ
[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : ไม่สบายตรงไหน
[เพื่อน] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ไม่สบายไปหมดเลยค่ะ
[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : เจาะจงหน่อยสิ?
จิ่งฮวนรำคาญเขาแทบบ้า
ถามเยอะขนาดนี้จะช่วยรักษาได้หรือไงวะ!!
อาชีพหลักเป็นเพลย์บอย อาชีพรองเป็นหมอหรือไง?!
[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : ?
[เพื่อน] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : …ไอ้นั่นฉันมา
[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : ไอ้ไหน
[เพื่อน] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : คุณป้า น่ะ
เพราะรู้เพศที่แท้จริงของอีกฝ่าย จิตใต้สำนึกของเซี่ยงไหวจือจึงไม่ได้นึกไปถึงเรื่องนั้นเลย
[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : คุณป้า? ญาติเหรอ
[เพื่อน] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : …
เซี่ยงไหวจือกำลังจะพิมพ์แต่ก็ถูกเครื่องหมายอัศเจรีย์จำนวนมากโจมตีเข้าใส่เสียก่อน
[เพื่อน] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ประจำเดือนน่ะ! ประจำเดือน!! ประจำเดือนฉันมา!! พี่รู้จักประจำเดือนไหม!!! ที่มาเดือนละครั้งอะ! ที่ปวดท้องปวดหลัง! เลือดไหลไม่หยุด!! รู้จักไหม!!! ฮะ?! จะให้ฉันพูดให้ชัดกว่านี้อีกไหม!!!
เซี่ยงไหวจือนั่งอ่านตัวหนังสือระหว่างเครื่องหมายอัศเจรีย์แล้วเอามาต่อกันก็ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่
ในหัวเขามีคำถามผุดขึ้นมามากมายนับไม่ถ้วน แต่คำพูดเป็นร้อยพันกลับกลายเป็นเครื่องหมายเพียงเครื่องหมายเดียว…
[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : ?
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 16 พ.ค. 65
Comments
comments
No tags for this post.