บทที่ 88
เมื่อลู่หังหลับมา เซี่ยงไหวจือก็เพิ่งจะวางโทรศัพท์ไป
ถึงจะได้ยินเสียงดังขึ้นมาเขาก็ยังถือโทรศัพท์พิมพ์ข้อความโดยไม่ขยับเขยื้อน
ลู่หังเรอจนกลิ่นเหล้าออกมา เขาปิดประตูลากเก้าอี้มานั่งอยู่ข้างๆ เซี่ยงไหวจือก่อนจะไอออกมาสองที “ขึ้นศาล…”
เซี่ยงไหวจือมองเขาด้วยสายตาราวกับมองคนปัญญาอ่อนอยู่
“พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ระหว่างเพื่อนสนิทต้องไม่มีความลับ นายพูดออกมาตามตรงเลย” ลู่หังกล่าว “ตอนบ่ายนายไปเดตกับใคร เด็กในมหา’ลัยเราหรือเปล่า”
“นายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ” เซี่ยงไหวจือพูด
“ฉันเห็นอะไร…” ลู่หังชะงัก “เดี๋ยวนะ นายไปกับจิ่งฮวนจริงๆ เหรอ แล้วมันจะถือว่าเป็นเดตได้ไง ปกติพวกนายสองคนออกไปกินข้าวด้วยกันก็เรียกว่าเดตเหรอ”
เซี่ยงไหวจือเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
คิดไปคิดมาเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไร และเพียงพูดว่า “ไปไกลๆ ดิ๊ กลิ่นเหล้านายโคตรเหม็น”
“ฉันดื่มไปไม่เท่าไรเอง” ลู่หังลุกขึ้นยืนช้าๆ แต่ก็ยังถามอย่างไม่ยอมแพ้ “ไปดูหนังกับจิ่งฮวนจริงๆ เหรอ”
“เออ”
ลู่หังมองดอกกุหลาบบนโต๊ะพร้อมเอ่ยด้วยความสงสัย “แล้วไปเอาดอกไม้ดอกนั้นมาจากไหน”
เซี่ยงไหวจือพูด “ของแถมจากเซ็ตป็อปคอร์นโรงหนัง”
เปลวไฟที่แผดเผาไปทั่วตลอดทั้งคืนของลู่หังดับวูบลงทันที เขาส่งเสียง ‘จิ๊’ ออกมาก่อนจะลากเก้าอี้ไปเก็บที่เดิม หลังจากเลื่อนเม้าส์ไปมาภาพพักหน้าจอก็หายไป “ก็จริง ทุกวันนี้ถ้านายไม่ไปเรียนก็มัวแต่เล่นเกม จะเอาเวลาที่ไหนไปพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้หญิงวะ…อ้อ นอกซะจากจิ่งแสนหวานตัวน้อยจะมาเจอนาย ถ้านายไปเปิดห้องนี่ฉันจะไม่แปลกใจเลย”
เซี่ยงไหวจือ “…”
แอลกอฮอล์ก่อให้เกิดปัญหา เซี่ยงไหวจือเค้นรายละเอียดในหัวถามเสียงเย็น “นายเป็นบ้าเหรอ”
ลู่หังดื่มจนเมาแล้วเลยไม่กลัวเขา เจ้าตัวเท้าคางพูด “แค่ล้อเล่นเอง ฉันว่านายดีกับจิ่งฮวนมากเลย พวกเราสองคนยังไม่เคยไปดูหนังด้วยกันเลย จิ๊ จะว่าไปแล้วทำไมต้องจงใจเลือกคนที่มีคำว่า ‘จิ่ง’ ในชื่อด้วยวะ”
เซี่ยงไหวจือใส่หูฟัง “ฉันพอใจ”
ลู่หังเมาแล้ว แค่ได้ฟังว่าคู่เดตคือรุ่นน้องของพวกเขาก็หมดความสนใจไปทันที เลยไม่ได้ฟังให้ละเอียดว่าเซี่ยงไหวจือพูดอะไร เขาหันกลับไปหาสาวๆ ที่เพิ่งแอดเข้ารายชื่อเพื่อนมาคุยเล่น
จิ่งฮวนหาข้ออ้างหลบหลีกไปจากเควสต์คู่รักได้
ตอนนี้จิ่งฮวนจะเอากะจิตกะใจที่ไหนไปทำเควสต์คู่รักกัน เวลานี้ในหัวของเขามีแต่ ‘เชี่ย ไปคบกับพี่เขาได้ยังไง นี่พี่ชายยังไม่ยกโทษให้ผมเหรอ ยังอยากทรมานผมต่อไปใช่ไหม’ เต็มไปหมด
ขณะนั้นเขาก็ถือโทรศัพท์เอาไว้ คำพูดโต้แย้งทั้งหลายกำลังจะพรั่งพรูออกไป แต่พอจะพูดออกไปจริงๆ ก็ต้องหุบปากเงียบเพราะความรู้สึกผิดอีกครั้ง
เพราะเขาพบว่ามันไม่ถึงกับเป็นการคบกัน แต่เป็นเพียงแฟนออนไลน์เท่านั้น
อืม…บ้าเอ๊ย
ดูเหมือนจะเป็นงั้นจริงๆ ก็แค่นิดๆ นั่นแหละที่ไปแตะขอบของความสัมพันธ์
จิ่งฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถคิดต่อไปได้อีก ถ้าคิดต่อไปคืนนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้นอนเลย
ขณะที่เขาปอกเปลือกส้มในใจก็เต็มไปด้วยความคิดมากมาย พอโยนส้มชิ้นหนึ่งเข้าไปในปากในใจของเขาก็คิดว่าจะเอาผลไม้ตะกร้านี้ลงไปพูดคุยกับลุงยามดีหรือเปล่า
สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหารูมเมตของเขา
ลู่เหวินเฮ่ารับสายพร้อมหัวเราะเสียงเย็น [ว่าไง สำนึกผิดแล้วสินะ?]
“รู้แล้ว”
[…]
เขายอมรับอย่างง่ายดาย ลู่เหวินเฮ่าเลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
จิ่งฮวนเอ่ย “ดังนั้นเพื่อเป็นการชดเชยให้พวกนาย พรุ่งนี้ฉันจะเลี้ยงหม้อไฟพวกนายเอง”
ปวดหัวเสร็จแล้วเขาก็ต้องเริ่มกลบเกลื่อนคำโกหกที่เพิ่งพูดออกไป จิ่งฮวนคิดว่าคำโกหกที่ตัวเองพูดในช่วงนี้คงเยอะกว่าหลายปีก่อนหน้านี้รวมกันซะอีก
[…?] ถึงจะไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุ แต่มีของกินก็ถือว่าไม่เลว ลู่เหวินเฮ่าว่า [ดีเลย ไปร้านไหนอะ]
“หอ”
[…]
“เดี๋ยวฉันเอาวัตถุดิบ เครื่องปรุง กับหม้อไป” จิ่งฮวนว่า “ส่วนพวกนายล้างจาน”
จิ่งฮวนไม่ได้กลับหอมาสักพักแล้ว ช่วงนี้อากาศเย็นพอเลิกเรียนเขาเลยวิ่งกลับอพาร์ตเมนต์ทันที
ต่อมาเขาก็หอบหม้อและวัตถุดิบเดินเข้าไปในหอ ลู่เหวินเฮ่าและเกาจื้อเสียงกำลังลงดันอยู่ โชคดีที่สองคนนั้นเก็บกวาดโต๊ะกินข้าวเรียบร้อยแล้ว จิ่งฮวนเปิดเตาไฟฟ้า จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กๆ สองมือเท้าคางมองเข้าไปในหม้อด้วยสีหน้าเซื่องซึม
ลู่เหวินเฮ่าหันมาเห็นฉากนั้นเข้าพอดี เขานั่งลงมองหม้อแล้วมองจิ่งฮวนอีกครั้ง “นายเป็นอะไรไป ในหม้อมีแมลงเหรอ”
จิ่งฮวนเบิกตาโต “ไสหัวไปเลย พูดดีๆ หน่อยได้ไหม”
“งั้นนายจะมองแบบทรมาทรกรรมอะไรขนาดนั้น”
หม้อทรงโค้งเริ่มเดือด จิ่งฮวนจึงใส่เนื้อวัวลงไป “ไม่มีอะไร ฉันหิวแล้ว ไม่รอพวกนายนะ”
กลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมา เกาจื้อเสียงเองก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เขารีบถือชามลงมานั่งโดยที่ยังทำเควสต์ประจำวันไม่เสร็จด้วยซ้ำ
“จะซื้อมาทำไมเยอะแยะขนาดนี้” เกาจื้อเสียงมองดูอาหารบนโต๊ะ “พวกเราสามคนกินไม่หมดหรอก”
“ไม่เป็นไร” จิ่งฮวนว่า “กินไม่หมดเดี๋ยวฉันเอาไปให้พี่เซี่ยงที่ชั้นบนเอง”
เกาจื้อเสียงตักกุ้งสับ “ทำไมฉันคิดว่าความสัมพันธ์ของนายกับรุ่นพี่เซี่ยงมันแทบจะเกินหน้าเกินตาพวกเราสองคนแล้ววะ”
ลู่เหวินเฮ่าบอก “ก็ไม่แน่นะ เมื่อวานยังไปกินเนื้อย่างด้วยกันอยู่เลย”
“ก็พอสมควรอะ…” พอคิดถึงเรื่องเมื่อวานจิ่งฮวนก็รู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ เขาดื่มน้ำไปหนึ่งอึกแล้วพูดด้วยความลังเล “เฮ่าเอ๋อร์ ฉันถามนายอย่างสิ”
“ว่ามาดิ”
จิ่งฮวนหันไปถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าวันไหนผู้ชายที่โกหกนายโผล่มาตรงหน้า นายจะทำยังไง”
“…?”
ลู่เหวินเฮ่าคิดว่าไส้เป็ดที่อยู่ในปากไม่น่ากินอีกต่อไป เขามองจิ่งฮวนด้วยความตกใจ “ทำไมมันต้องโผล่หัวมาตรงหน้าฉันด้วย ในที่สุดมันก็เบื่อชีวิตแล้วเหรอ มันอยากจบชีวิตน่าสมเพชสามสิบปีของมันแล้วหรือไง”
จิ่งฮวนกัดตะเกียบถาม “แต่ก่อนหน้านี้นายคิดถึงหมอนั่นมากไม่ใช่เหรอ”
จิ่งฮวนขี้เกียจอ้อมค้อมกับเขาแล้วเลยถามออกไปตรงๆ “ถ้าได้เจอหน้ากันนายคิดอยากจะจูบหมอนั่น…อะไรแบบนั้นไหม”
ลู่เหวินเฮ่าจินตนาการภาพที่จิ่งฮวนพูดออกมา ภายในไม่กี่วินาทีเขาก็แทบบ้าและพูดจามั่วซั่วไม่เป็นภาษา “ฉันจูบหมอนั่น? ฉันจูบ…หึ ใช่ ถ้าฉันจะจูบมันล่ะก็ ถ้าไม่จูบจนมันขาดอากาศหายใจตาย น้ำลายฟูมปาก ฉันคงไม่ได้แซ่ลู่แล้ว”
สองคนที่อยู่บนโต๊ะมีสีหน้าสับสนและหมดความอยากอาหารไปทันที
“ช่างเถอะ บอกตามตรงนะฉันว่าฉันต้องบ้าแน่ๆ คนที่ฉันชอบคือผู้หญิงที่หมอนั่นแสดงออกมา” ลู่เหวินเฮ่าพูด “อีกอย่างฉันก็ไม่ใช่เกย์ จะไปจูบผู้ชายได้ไง”
นั่นสิ!
จิ่งฮวนคิดว่าลู่เหวินเฮ่าพูดจามีเหตุผลมาก ต่อให้เป็นการแก้แค้นก็เป็นไปไม่ได้…จูบปากน่ะเหรอ
หรือเซี่ยงไหวจือจะเป็นเกย์
ก็ไม่น่าใช่…
จิ่งฮวนมีเรื่องหนักอกหนักใจ หม้อไฟมื้อนี้เลยกินไปโดยไม่รู้รส
หลังจากกินหม้อไฟเสร็จจิ่งฮวนก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปวัตถุดิบที่ยังไม่ได้เอาลงหม้อ
เสี่ยวจิ่งยา [รูป] ยังเหลืออยู่นิดหน่อย พี่กับพี่ลู่พอกินไหมครับ
เซี่ยง ไม่ต้องหรอก ฉันกินบะหมี่ไปนิดหน่อยแล้ว ลู่หังไม่อยู่หอ
เสี่ยวจิ่งยา …
ลู่หังไม่อยู่ เขาต้องอยู่กับเซี่ยงไหวจือ
พูดง่ายๆ ก็คืออยู่ด้วยกันตามลำพัง
“ฮวนฮวน” ลู่เหวินเฮ่าหยิบของชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและทาลงบนปากของตัวเอง “นายไม่ได้กินเผ็ดไม่ใช่เหรอ ทำไมหูแดงล่ะ”
จิ่งฮวนหันไปมองเขาก่อนจะเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว “กินอันนี้เลยร้อนอะ นายกำลังทำอะไรอยู่”
“ทาลิปบาล์มไง” ลู่เหวินเฮ่าพูด
จิ่งฮวนยู่หน้าด้วยความรังเกียจ “ผู้ชายอกสามศอกอย่างนายจะทาลิปบาล์มไปทำไม”
“เฮ้ย แค่ทาลิปบาล์มนายก็ต้องเหยียดเพศด้วยเหรอ!” ลู่เหวินเฮ่าพูด “ก็ช่วงนี้ปากฉันลอก ทาหน่อยจะได้สบายๆ”
‘ปากแห้งไปหน่อย’
ทันใดนั้นคำพูดนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของจิ่งฮวน เขารู้สึกว่าตัวเองร้อนยิ่งกว่าเดิม
บ้าเอ๊ย
ช่วงนี้เขาแปลกไปนิดหน่อย
จิ่งฮวนยืนตากลมอยู่ข้างหน้าต่างสักพักเพื่อให้ตัวเองได้เตรียมตัวเตรียมใจนานๆ จากนั้นเขาก็หันกลับมา “เฮ่าเอ๋อร์ นาย…ฉันขอยืมลิปบาล์มหน่อยสิ”
ลู่เหวินเฮ่าได้ใจ “ทำไม นายไม่ได้รังเกียจของสาวน้อยแบบนี้หรือไง”
จิ่งฮวนเลิกคิ้วใส่เขาเหมือนจะเตือน ลู่เหวินเฮ่าจึงกระแอมออกมาหนึ่งที ก่อนจะหุบยิ้มลงแล้วมอบลิปบาล์มให้เขาด้วยมือสองข้าง
จิ่งฮวนเปิดออกดู ด้านบนสุดของลิปบาล์มมีสีแดงที่สังเกตแทบไม่เห็นติดอยู่ ถ้าเขาเดาไม่ผิดมันน่าจะเป็นน้ำซุปเผ็ดที่ยังไม่ได้เช็ดทำความสะอาด
จิ่งฮวนปิดฝาโยนกลับไป “เอาแท่งใหม่มาให้ฉัน”
ลู่เหวินเฮ่ามักจะขี้เกียจแถมยังมีเงิน ปกติเขาจึงซื้อของแบบนี้เอาไว้ห้าชิ้นเป็นอย่างต่ำ สุดท้ายลู่เหวินเฮ่าก็หยิบลิปบาล์มแท่งใหม่ออกมาจากลิ้นชัก เขาพูดด้วยความไม่พอใจ “แม่ง ฮวนฮวน นายรังเกียจฉันเหรอ”
จิ่งฮวนไม่ได้ตอบอีกฝ่าย เขาเพียงแค่เปิดลิปบาล์มทาไปส่งๆ สองที จากนั้นก็ยัดมันเข้าไปในกระเป๋า “ฉันกลับแล้วนะ”
“ไม่เอาไปให้รุ่นพี่เซี่ยงกินเหรอ” ลู่เหวินเฮ่าถาม
“เขากินไปแล้ว อีกเดี๋ยวพวกนายค่อยไปถามห้องข้างๆ แล้วกันว่าเอาหรือเปล่า”
แผ่นหลังของจิ่งฮวนจากไปอย่างห้าวหาญเหมือนนักรบในสนามรบ น่าเสียดายที่รูมเมตทั้งสองคนของเขากำลังจดจ่ออยู่กับการลงดันเลยไม่มีใครสังเกตเห็น
จิ่งฮวนเดินขึ้นไปถึงประตูห้อง 522 เขายกมือขึ้นเพื่อจะเคาะประตู แต่กลับพบว่ามันเปิดแง้มอยู่และทำให้มีช่องว่างระหว่างประตู
ล่วงเลยเวลาอาหารเย็นไปแล้ว ท้องฟ้าเป็นสีดำมืด ระเบียงทางเดินหอพักชายมีเพียงหลอดไฟสีเหลืองที่ส่องสว่าง
จะว่ายังไงดีล่ะ
จู่ๆ จิ่งฮวนก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเล่นเกมสยองขวัญอยู่ แถมยังเป็นแบบโฮโลแกรมอีกต่างหาก ทันทีที่เปิดประตูบานนั้นอาจมีผีกระโดดออกมากินเขาทั้งเป็น
จิ่งฮวนตัดความคิดเพ้อเจ้อของตัวเอง เขาเคาะประตูไปสองครั้ง ก่อนจะผลักเปิด
เสียงน้ำดังมาจากในห้อง เขายังไม่ทันได้ตอบสนองประตูห้องน้ำด้านข้างก็เปิดออกมา
ฝ่ามือของเซี่ยงไหวจือจับประตูไว้ เขาเปิดประตูออกเป็นช่องจนไอความร้อนพวยพุ่งออกมาจากห้องน้ำ แขนครึ่งหนึ่งที่โผล่ออกมาเรียวยาวเปี่ยมพละกำลัง ไหนจะลายกล้ามเนื้อนูนขึ้นมาเล็กน้อยที่มีหยดน้ำไหลผ่านเป็นครั้งคราว
ขนตาของเซี่ยงไหวจือเปียกน้ำ เขาพูดว่า “เตียงฉันอยู่ทางซ้าย นั่งรอฉันก่อนนะ”
จิ่งฮวนมองไปโดยไม่ได้ตั้งใจก็เห็นคอมพิวเตอร์ที่เปิดเครื่องอยู่ด้านล่างเตียงนอน
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของจิ่งฮวน เซี่ยงไหวจือก็พูดขึ้นมา “นายใช้คอมฯ ได้นะ”
พอเห็นแผนที่ที่ตัวละครอยู่ จิ่งฮวนก็โพล่งออกมา “งั้นผมช่วยพี่เคลียร์เควสต์ประจำวันนะครับ”
ไอดีของเซี่ยงไหวจือ AFK อยู่ด้านหน้าปรมาจารย์สำนัก บริเวณมุมขวาบนยังมีแจ้งเตือนเควสต์ที่ยังไม่ได้ทำอยู่ แถมบนหัวตัวละครในเกมของหัวใจเพรียกหายังมีคำว่า ‘สามีของจิ่งแสนหวานตัวน้อย’ อยู่ด้วย
จิ่งฮวนบังคับตัวละครไปก็รู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก
คอมพิวเตอร์ เม้าส์ และคีย์บอร์ดของเซี่ยงไหวจือล้วนเป็นของดีทุกชิ้น จิ่งฮวนจึงใช้อย่างคล่องมือ
ระดับความยากของเควสต์ประจำวันไม่สูงมาก จิ่งฮวนพาตัวละครไปยังเควสต์ล่ามอนสเตอร์ในแผนที่ป่าระดับต่ำ เขาเปิดแผนที่ใช้ฟังก์ชันค้นหาเส้นทางอัตโนมัติ
[ผลไม้น้อยแสนหวานเพิ่มคุณเป็นเพื่อน]
จิ่งฮวนกวาดตามองผ่านๆ โดยไม่ได้ใส่ใจ เพราะไอดีนี้ของเซี่ยงไหวจือถูกคนอื่นเพิ่มเป็นเพื่อนเป็นเรื่องปกติ
ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีข้อความจะสว่างวาบขึ้นมา
[คนแปลกหน้า] ผลไม้น้อยแสนหวาน : พี่ชายอยู่ไหม TT
นี่ไม่ใช่ไอดีของเขา จิ่งฮวนเลยไม่ได้ยุ่งกับมัน
แต่เมื่อเขาเห็นข้อความตรงหน้า เขาก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ
เขาครุ่นคิดก่อนจะส่งเครื่องหมายคำถามตอบกลับไป จากนั้นก็เปิดโพรไฟล์เกมของคนคนนั้นดู
ผลไม้น้อยแสนหวาน เพศหญิง เลเวล 61 ถ้ำเซียนจิ้งจอก
เป็นไปดีหลุม
[คนแปลกหน้า] ผลไม้น้อยแสนหวาน : ?
[คนแปลกหน้า] ผลไม้น้อยแสนหวาน : พี่ชายพาฉันออกไปจากแผนที่นี้ได้ไหมคะ ฉันหลงทางอ่า T ▽ T~~~55~
[คนแปลกหน้า] หัวใจเพรียกหา : มุมล่างซ้ายมีประตูวาร์ป พิกัด 11.19
[คนแปลกหน้า] ผลไม้น้อยแสนหวาน : ทางออกไม่ใช่บนขวาเหรอคะ
[คนแปลกหน้า] ผลไม้น้อยแสนหวาน : …
เหอะๆ เรามันก็คนตอแหลด้วยกันทั้งคู่จะมาหลอกกันได้ไง
น้องสาว มุกนี้ของเธอฉันใช้ไปหมดแล้ว
[คนแปลกหน้า] ผลไม้น้อยแสนหวาน : ก็ได้ค่ะพี่ชาย ฉันยอมรับ ฉันก็แค่อยากคุยกับพี่เฉยๆ QAQ
[คนแปลกหน้า] ผลไม้น้อยแสนหวาน : ฉันนับถือพี่มานานแล้ว…
ในแผนที่ป่าผลไม้น้อยแสนหวานเดินมาข้างๆ เขา จิ่งฮวนมองไปก็แทบจะระเบิด
ยัยเด็กที่ชื่อ ‘ผลไม้น้อยแสนหวาน’ มีหน้าตาแทบจะเหมือนจิ่งแสนหวานตัวน้อยเป๊ะๆ!!!
จิ่งฮวนพบว่าไอดี ‘ผลไม้น้อยแสนหวาน’ นี้ตั้งแต่ชื่อไปจนถึงตัวละคร และวิธีการพูด…แทบจะเป็นพิมพ์เดียวกับจิ่งแสนหวานตัวน้อยเลย
เชี่ย
จิ่งฮวนสบถด่าหยาบคายอยู่ในใจ
เธอจะเลียนแบบฉันก็ช่างเถอะ แต่ทำไมแม้แต่หน้าตาของฉันก็ยังจะขโมยไปอีกล่ะ!
นี่เป็นข้อมูลที่ฉันซื้อมาตั้งเก้าร้อยเก้าสิบเก้าหยวนนะ!!
เธอจะไม่ลงทุนเลยเหรอ!!!
อีกอย่างเธอไม่เห็นเหรอว่าบนหัวของหัวใจเพรียกหาเขียนว่าอะไร คิดว่าฉันตายไปแล้วหรือไง
คิดจะเลียนแบบเพื่อหลอกล่อหัวใจเพรียกหางั้นเหรอ ดูสิว่าเธอจะทำได้ไหม!!!
จิ่งฮวนร้องคำรามอยู่ในใจก่อนจะลากคนคนนั้นไปที่บัญชีบล็อกแล้วกระทำการอย่างดุร้ายทันที
“เอาไงล่ะทีนี้…” เขาพึมพำออกมาประโยคหนึ่งอย่างอดไม่ได้
“บล็อกใครน่ะ” คนที่อยู่ด้านหลังถาม
“ผู้หญิงคนนึง” จิ่งฮวนพูดโดยไม่หันหน้ามา จากนั้นไม่กี่วินาทีปลายนิ้วของเขาก็ชะงักกึก
เซี่ยงไหวจือถาม “ผู้หญิงคนไหน”
บ้าเอ๊ย ฉันทำอะไรลงไปวะ
จิ่งฮวนหันไปด้วยท่าทางแข็งทื่อ หลังจากมองเห็นคนที่อยู่ด้านหลังตัวเขาก็แข็งยิ่งกว่าเดิม
เซี่ยงไหวจือสวมกางเกงตัวหนึ่ง ในมือเขาถือเสื้อกลับด้านและกำลังจัดการมันอย่างไม่รีบร้อน
จิ่งฮวนมองเห็นกล้ามหน้าท้องของชายหนุ่ม ลอนกล้ามเนื้อบนร่างกายของเซี่ยงไหวจือดูดีมาก รูปร่างสูงเพรียว กล้ามเนื้อไม่โอเวอร์เกินไป กำลังพอเหมาะพอดี เป็นรูปร่างในฝันของจิ่งฮวนเลย
ทันใดนั้นจิ่งฮวนก็คิดถึงเมื่อก่อนตอนที่ตัวเองอยู่ในสนามบาสและถกเสื้อขึ้นอวดกล้ามเนื้อหน้าท้องให้เซี่ยงไหวจือดู
“…”
ตอนนั้นสมองเขาถูกโยนลงทะเลไปแล้วหรือไง
ทำไมเขาถึงได้เลิกเสื้อให้เซี่ยงไหวจือดู
เขาเขินมาก
เซี่ยงไหวจือลืมเอาเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อสวมเสื้อผ้าครบชุดเรียบร้อยเขาก็หลุบตาลงถาม “เกิดอะไรขึ้น บล็อกใครไป”
จิ่งฮวนกลืนน้ำลาย “ผลไม้น้อยแสนหวาน”
พอได้ยินชื่อนี้เซี่ยงไหวจือก็กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ทำไมถึงบล็อกล่ะ”
“เธอ…เลียนแบบผม”
จิ่งฮวนพูดออกมาก็นึกย้อนเสียใจ
ไม่นะ เขาจะคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับผู้หญิง…อีกอย่างเลียนแบบก็เลียนแบบไปสิ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย
“ขนาดนั้นเลย?” เซี่ยงไหวจือเลิกคิ้ว “มีอะไรอีกไหม”
คำพูดคลุมเครือนี้สามารถกระตุ้นจิ่งฮวนได้
เขาพูดไปโดยไม่รู้ตัว “แถมยังเรียกพี่ว่าพี่ชายด้วย”
เซี่ยงไหวจือ “…”
จิ่งฮวน “..”
นี่เป็นครั้งที่แปดในเดือนนี้แล้วที่จิ่งฮวนอยากให้ตัวเองไปพัก
เขาโง่หรือเปล่า คนอื่นจะเรียกเซี่ยงไหวจือยังไงเขาก็เหมือนจะไปยุ่งไม่ได้
เมื่อเขาได้สติกลับมาก็หมุนตัวกลับไปเปิดรายชื่อเพื่อน “งั้นเดี๋ยวผมจะเอาชื่อเธอออกมาจากบัญชีบล็อกแล้ว…”
เขายังพูดไม่ทันจบ มือก็ถูกใครอีกคนรั้งเอาไว้
กลิ่นครีมอาบน้ำฟุ้งเข้ามาในจมูก เซี่ยงไหวจือโน้มตัวลงมาใกล้ใบหน้าด้านข้างของจิ่งฮวน กลิ่นของเขาก็ให้ความรู้สึกท่วมท้น จิ่งฮวนถึงกับคิดว่าแก้มของพวกเขาสัมผัสกันอยู่สักวิสองวิด้วยซ้ำ
ชั่วพริบตานั้นอุณหภูมิพลันพุ่งสูง ใบหน้าแดงก่ำใบหูร้อนผ่าว แม้แต่อากาศก็ยังร้อนอบอ้าวขึ้นมา
เซี่ยงไหวจือจับมือเขาบังคับเม้าส์กดลงไปยังไอคอนโจมตีมุมขวาล่าง จากนั้นก็ชี้ไปทางผลไม้น้อยแสนหวานที่อยู่ข้างๆ…
[คุณทำการบังคับ PK กับผลไม้น้อยแสนหวาน]
[ขณะนี้] ผลไม้น้อยแสนหวาน : ??? [สงสัย]
[ขณะนี้] ผลไม้น้อยแสนหวาน : พี่ชายหมายความว่าไงคะ
เซี่ยงไหวจือปล่อยมือเขา หลังมือจิ่งฮวนเย็นเฉียบและได้สติกลับมาทันที
“ผม” เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า จิ่งฮวนก็อึ้งไป เขาเลียริมฝีปาก “ผมจะพูดยังไงดีล่ะ”
“แล้วแต่นาย อยากด่าหรือจะเงียบไปก็ได้…หรือไม่ก็” เซี่ยงไหวจือเสนอความคิด “ทำให้เธอเลิกวุ่นวายกับสามีนาย”
จิ่งฮวน “…”
ช่วงนี้เขารู้สึกไม่อยากได้ยินเซี่ยงไหวจือพูดคำว่า ‘หรือไม่ก็’ นี่ไปอีกสักพักเลย
บทที่ 89
จิ่งฮวนแกล้งทำเป็นใจเย็น แผ่นหลังเหยียดตรงพลางเอ่ยปากถาม “ฆ่าได้เลยเหรอครับ”
“อืม” เซี่ยงไหวจือเช็ดผมพลางพูด
ผลไม้น้อยแสนหวานเป็นไอดีหลุม ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตรายอะไรอยู่แล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นไอดีที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อมาเล่นกับหัวใจเพรียกหา โจมตีไปสองท่าก็คงฆ่าอีกฝ่ายตายได้ในเสี้ยววินาทีแล้ว
จิ่งฮวนลงมือช้าๆ ใช้ไปสี่ท่าก็ยังไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้
ตอนนี้ในหัวของเขามีประโยคหนึ่งลอยขึ้นมาไม่หยุด…
เซี่ยงไหวจือเป็นเกย์เหรอ
ต่อให้เขาความรู้สึกช้าในเรื่องนี้มากแค่ไหนก็ยังพอจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติจางๆ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แต่ผู้ชายที่ไหนจะเรียกตัวเองว่า ‘สามี’ ของผู้ชายอีกคนกัน ตอนนี้เป็นอีกฝ่ายหรือเขากันแน่ที่ไม่เข้าใจ
ว่ากันตามหลักแล้วถ้าลู่เหวินเฮ่ามาโพล่งคำว่าสามีต่อหน้าเขา เขาคงสามารถส่งลู่เหวินเฮ่ากลับบ้านเก่าได้ด้วยหมัดเดียว
ผลไม้น้อยแสนหวานเห็นจิ่งฮวนยึกยักไม่ฆ่าตัวเองสักทีก็รู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ และคิดว่าที่หัวใจเพรียกหาเปิดฉากต่อสู้กับเธอก็คือการตอบรับโดยไม่พูด
[ขณะนี้] ผลไม้น้อยแสนหวาน : พี่ชาย พี่อารมณ์ไม่ดีเหรอคะ ฉันโทรคุยกับพี่ได้น้า
“ใช้ท่าไม้ตายสิ” เซี่ยงไหวจือเห็นการต่อสู้พัวพันไม่จบสิ้นอยู่นานก็เลิกคิ้วพูด “ตอนลงอารีน่าครั้งก่อนนายเล่นดีมากไม่ใช่เหรอ”
เสียงของเซี่ยงไหวจือเพิ่งจบลง จิ่งฮวนก็ยกมือฟันลงไปจนส่งผลไม้น้อยแสนหวานกลับไปยังจุดเกิดใหม่
“ผมไม่ชินเม้าส์น่ะครับ” จิ่งฮวนไอออกมาหนึ่งที
ตอนนี้ในใจจิ่งฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาควรจะรู้ตั้งนานแล้ว ผู้ชายสองคนมาเจอกัน ทำไมต้องมานัดกันที่หอด้วย
เขาคิดฟุ้งซ่านก่อนช้อนตาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เซี่ยงไหวจือใช้ผ้าปูที่นอนสีเทา ที่นอนก็หนามาก ขอบมุมที่โผล่ออกมาเป็นระเบียบเรียบร้อยดูอบอุ่น
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีจิ่งฮวนก็ได้สติ
แม่ง ฉันจะมองเตียงคนอื่นทำไมเนี่ย!
คิดฟุ้งซ่านบ้าบออะไรวะ ฉันเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่แท้ๆ จะโดนบังคับขืนใจได้ยังไง!?
เซี่ยงไหวจือไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าตัวเห็นใบหูของจิ่งฮวนขึ้นสีแดงก็อยากขำออกมานิดๆ
“นายนั่งไปเถอะ ฉันจะไปเป่าผม” เขาพูด
จิ่งฮวนเหมือนได้รับการอภัยโทษ เขาพยักหน้ากล่าว “เป่าให้แห้งนะครับ อากาศเย็น เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอาง่ายๆ”
ปลั๊กไฟอยู่ด้านล่างเครื่องปรับอากาศ ห่างจากเตียงนอนของเซี่ยงไหวจือไปนิดหน่อย เซี่ยงไหวจือเพิ่งจะเดินห่างออกไป จิ่งฮวนก็ถอนหายใจยาว
เขาสงสัยว่าไม่ช้าก็เร็วตัวเองต้องขาดอากาศหายใจตายแน่
ไหล่และคอของจิ่งฮวนผ่อนคลายลงเล็กน้อยและยังคงก้มหน้าทำเควสต์ประจำวันต่อไป ระหว่างนั้นเขาก็เปิดรายชื่อเพื่อนดูด้วยความเคยชิน…ปกติตอนทำเควสต์ประจำวันเขามักจะดูว่าหัวใจเพรียกหาทำอะไรอยู่เสมอ
หลังจากเห็นชื่อที่ไม่คุ้นเคยในรายชื่อเพื่อน เขาก็รู้ตัวว่านี่ไม่ใช่ไอดีของตัวเอง
เขามองดูการจัดกลุ่มเพื่อนของเซี่ยงไหวจือ มันแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม หนึ่งคือกลุ่มที่ระบบตั้งเอาไว้ล่วงหน้าซึ่งมีชื่อว่า ‘เพื่อน’ อีกกลุ่มหนึ่งถูกแบ่งออกไปอย่างโดดเดี่ยวโดยมีชื่อว่า ‘อืม’ และมีคนอยู่ในนั้นเพียงคนเดียวเท่านั้น
จิ่งฮวนเปิดดูกลุ่ม ‘อืม’ โดยไม่ตั้งใจ
พบจิ่งแสนหวานตัวน้อยนอนแอ้งแม้งอยู่ในนั้นเงียบๆ
สายตาเขามองลงไปจนเห็นชื่อผู้ใช้ที่ตัวเองตั้งไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
[ผู้ติดตามตัวน้อยของพี่ชาย ^ ▽ ^ ]
ตัวเขามองไม่เห็นเลยไม่รู้ ตอนนี้พอเห็นแล้ว ชื่อลงทะเบียนนี่มันแอ๊บเกินไปจริงๆ
จิ่งฮวนตกใจกับตัวเองในสมัยก่อนจนขนลุกซู่ รีบปิดกลุ่มนั้นไปพลางคิดในใจว่ากลับไปจะต้องไปเปลี่ยนชื่อนี่สักหน่อย
เปลี่ยนเป็นเครื่องหมายจุดตัวเดียวเหมือนเซี่ยงไหวจือก็เท่ดีเหมือนกัน
พอคิดแบบนั้นเขาก็กดเปิดชื่อผู้ใช้ของเซี่ยงไหวจือโดยไม่รู้ตัว
[มีความสุขก็พอ]
“…”
เป่าผมเสร็จเซี่ยงไหวจือก็วางไดร์เป่าผมลง เมื่อกลับมาก็เห็นจิ่งฮวนบันทึกเควสต์อยู่ในเมืองหลัก ส่วนตัวเขาก็นั่งหลังพิงเก้าอี้ สองมือประสานเข้าด้วยกัน
“ทำเสร็จแล้วเหรอ” เซี่ยงไหวจือถาม
จิ่งฮวนส่งเสียง “อืม” ตอบกลับไป “ก็แค่เควสต์ประจำวัน เมื่อกี้มีคนมาชวนพี่ลงดันด้วย แต่ผมไม่ได้ตอบ…พี่มาตอบเองเถอะ”
“งั้นก็ไม่ต้องตอบ” เซี่ยงไหวจือฉวยโอกาสลากเก้าอี้ลู่หังมานั่งข้างๆ จิ่งฮวน
บ้าเอ๊ย
จิ่งฮวนพยายามควบคุมสีหน้า พร้อมบอกตัวเองในใจอย่างบ้าคลั่ง…
‘มีความสุขก็พอ’ เป็นแค่ประโยคหนึ่งที่ใครๆ ก็พูดกัน
มันไม่เกี่ยวอะไรกับความหมายของชื่อที่เขาเคยพูดไปในร้านเนื้อย่างสักนิด อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง!
ผู้ชายสองคนนั่งอยู่เงียบๆ บรรยากาศค่อยๆ ดำเนินไปในทางที่กระอักกระอ่วน จิ่งฮวนกำลังคิดว่าจะพูดอะไรดีโทรศัพท์ของเซี่ยงไหวจือก็ทำลายความเงียบขึ้นมาซะก่อน
เซี่ยงไหวจือเหลือบมอง มันคือสายเรียกเข้าจากวีแชตที่ชุนเซี่ยวโทรมา
หลังจากเขารับสายก็กดสปีกเกอร์โฟน เสียงของชุนเซี่ยวดังออกมา
“เทพเซี่ยง” ชุนเซี่ยวถาม “นายกับจิ่งแสนหวานตัวน้อยมาไม่ได้จริงๆ เหรอ”
จิ่งฮวนตกใจและมองเซี่ยงไหวจือด้วยความสงสัย
“อืม” เซี่ยงไหวจือพูด “เธอไม่ได้พกคอมฯ มา”
ชุนเซี่ยวอึ้งไป “ไม่ได้พกคอมฯ มา…หมายความว่าไง เธออยู่ข้างนอกเหรอ”
“อยู่ข้างๆ ฉันนี่แหละ” เซี่ยงไหวจือพูด
ชุนเซี่ยว “…”
จิ่งฮวน “…”
“เสาร์อาทิตย์เถอะ ขอโทษนะ ถึงตอนนั้นฉันจะออกค่าซ่อมให้ทุกคนเอง” เซี่ยงไหวจือว่า
“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้แฟนฉันก็มีสอบ จะได้หาเวลาไปติวหนังสือพอดี” ชุนเซี่ยวเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาอย่างนุ่มนวล “ฉันไม่รบกวนพวกนายแล้ว”
เธอวางโทรศัพท์ไป จิ่งฮวนเลยเอ่ยปากถามด้วยความเขินอายและงุนงง “พวกพี่นัดกันไปลงดันเหรอ”
“เปล่า นายท้องแล้วจะลงยังไง” เซี่ยงไหวจือพูด “นัดกันไปทำสงครามพลังปีศาจน่ะ”
สงครามพลังปีศาจเองก็เป็นการต่อสู้ขนาดใหญ่ แต่เพราะมันประกาศออกมาค่อนข้างช้า ดังนั้นจึงยังไม่ได้ถูกระบบจัดเอาไว้ใน ‘กิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแท้ง’
จิ่งฮวนพูดอย่างระมัดระวัง “อ้อ ผมคิดว่า…” จะแอบนัดกันไปลงดันซะอีก
มิน่าล่ะ ที่เซี่ยงไหวจือมองมือของเขาในตอนที่เขาเข้ามาในห้องก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังหาคอมพิวเตอร์
แม่ง เมื่อกี้นี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
“คิดว่าอะไร” เซี่ยงไหวจือกำลังพิมพ์ข้อความไปอธิบายกับคนในกิลด์ที่นัดกันก่อนหน้านี้ พูดเสร็จเขาก็เงยหน้ามองก่อนจะถามพร้อมหลุดยิ้มออกมา “คิดว่าฉันเรียกนายมาช่วยฉันทำเควสต์ประจำวันเหรอ”
จิ่งฮวนพูดอู้อี้ “ครับ”
“ฉันไม่เรียกนายมาทำอะไรแบบนั้นหรอก”
เซี่ยงไหวจือพูดจบก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เขาแตะโดนปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะโดยไม่ระวัง ปากกาด้ามนั้นเลยขยับเบาๆ ก่อนจะตกลงมาบนพื้น เมื่อปลายปากกากระแทกพื้นก็กระเด็นกระดอนเล็กน้อยและกระแทกเข้ากับรองเท้าของจิ่งฮวน
ความกังวลของจิ่งฮวนหายวับไปกว่าครึ่ง ทั่วทั้งร่างผ่อนคลายลงมาก เขาชิงก้มตัวลงตรงหน้าเซี่ยงไหวจือ “ผมเก็บเอง”
เขาใช้ปลายนิ้วหยิบปากกา ขณะกำลังจะลุกขึ้นมาก็ได้ยินเสียงวัตถุตกลงพื้นดังขึ้นอีกครั้ง แถมยังชัดยิ่งกว่าเสียงเมื่อกี้นี้อีก
จิ่งฮวนหันมาเห็นลิปบาล์มสีแดงขาวนอนนิ่งอยู่บนพื้น มันคือของที่อยู่ในกระเป๋าของเขานี่เอง
หัวใจของจิ่งฮวนเหมือนเต้นผิดจังหวะ เขารีบเอื้อมมือไปหยิบทันที น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้แตะต้องลิปบาล์มแท่งนั้นมันก็ถูกคนอื่นเก็บไปซะก่อน
เซี่ยงไหวจือถือลิปบาล์มเอาไว้พร้อมก้มหน้ามองบนบรรจุภัณฑ์ก่อนอ่านเสียงเบา “ให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปาก…รสสตรอเบอรี่”
จิ่งฮวนตัวแข็งอีกครั้ง
เขาเงยหน้าขึ้นกะพริบตาอย่างรวดเร็วเพราะความหวาดหวั่น จากนั้นก็ฉีกยิ้มออกมา “ถ้าผมบอกว่าลู่เหวินเฮ่ายัดมาให้ผมพี่จะเชื่อไหม”
เซี่ยงไหวจือยิ้มบาง “เชื่อ”
จิ่งฮวนยื่นมือไปหยิบลิปบาล์มกลับมา ทว่าเซี่ยงไหวจือกลับชักมือกลับ กำลิปบาล์มแท่งนั้นเอาไว้ในฝ่ามือ จากนั้นเซี่ยงไหวจือก็ถามว่า “แล้วนายทาหรือยัง”
จิ่งฮวน “…”
เซี่ยงไหวจือไม่ได้กำลังมองเขา แต่กำลังมองริมฝีปากของเขาต่างหาก
บรรยากาศแปลกๆ ที่สลายลงไปอย่างยากลำบากโอบล้อมจิ่งฮวนอีกครั้ง จิตสำนึกเขาคิดจะเม้มปากแต่ก็รู้สึกว่ามันคงจงใจเกินไป
เขาหัวเราะเสียงแห้ง “ยังไงก็ให้มาแล้ว ไม่ใช้ก็เสียดายแย่”
เซี่ยงไหวจือไม่ได้พูดอะไร เขาเอาแต่มองจิ่งฮวน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มราวกับมีเวทมนตร์ทำให้หัวใจเต้นแรงได้อย่างง่ายดาย จิ่งฮวนมึนเบลอเล็กน้อย
เขาคิดมากไปหรือเปล่า ทำไมเขาถึงคิดว่า…เซี่ยงไหวจืออยากจูบเขา
ไม่ได้
คราวนี้เขาจะทำเรื่องพรรค์นั้นแบบไร้สติไม่ได้เด็ดขาด
ในหัวเขาคิดวิธีการรับมือหลายร้อยวิธีพร้อมกำหมัดเบาๆ ถึงเขาจะรู้สึกผิดอยู่มาก แต่ก็ไม่มีทางหลับหูหลับตาทำกับเซี่ยงไหวจือเพราะความรู้สึกผิดเด็ดขาด
ถ้าเซี่ยงไหวจือจูบลงมาจริงๆ เขาก็จะ…
เขาจะชกอีกฝ่าย
ชกไหล่ก็ได้ ไหล่คงไม่เจ็บเท่าไร
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ขัดจังหวะความคิดของเขา
เซี่ยงไหวจือขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นจึงปล่อยมือวางลิปบาล์มลงบนโต๊ะก่อนส่งเสียงออกไป
จิ่งฮวนคิดว่าสิ่งที่เซี่ยงไหวจือวางลงบนโต๊ะไม่ใช่ลิปบาล์ม แต่เป็นหัวใจของเขาต่างหาก
ลู่หังรออยู่ด้านนอกประตูสักพัก เขายกมือขึ้นกะจะเคาะต่อประตูก็เปิดเสียงดังปัง เขายกยิ้มและกำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พบว่าสายตาของรูมเมตที่รักของเขาดูไม่ค่อยเป็นมิตรเอาซะเลย
เซี่ยงไหวจือยืนขวางประตูพร้อมเอ่ยถาม “จะไปคาราโอเกะไม่ใช่เหรอ”
“…” ลู่หังว่า “ได้ยินมาว่าไม่มีสาวก็เลยไม่อยากไป ไปร้องเพลงกับพวกผู้ชายตัวโตๆ เป็นฝูงไม่เห็นจะสนุกเลย แน่นอนว่าเหตุผลหลักคืออยากกลับมาอยู่เป็นเพื่อนนายไง”
เซี่ยงไหวจือเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะดึงประตูเปิดให้เขาเข้ามา
ลู่หังมีสีหน้างุนงง
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเมื่อกี้นี้ถ้าเขาตอบคำถามไม่ดีไปคงไม่ได้เข้าประตูห้องแน่ล่ะ
ลู่หังผลักประตูเดินเข้าไป เมื่อเห็นว่าภายในห้องมีใครอีกคนเขาก็ตกใจ
“จิ่งฮวน?” พอเห็นคนที่อยู่บนเก้าอี้ชัดๆ เขาก็ถามขึ้นมา “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
“ผม” จิ่งฮวนตกใจเล็กน้อยก่อนจะโพล่งออกมา “มาช่วยพี่เขาทำเควสต์ประจำวันน่ะครับ”
ลู่หัง “…”
เซี่ยงไหวจือพูดโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี “อืม”
“นายไม่ได้เล่น Nine Heroes ไม่ใช่เหรอ” ลู่หังถอดเสื้อโค้ตออก
จิ่งฮวนมองไปที่คนข้างตัวโดยไม่รู้ตัว เซี่ยงไหวจือจึงเอ่ยว่า “ก็แค่ไม่ได้เล่นแล้ว ไม่ได้ลืมวิธีเล่นหรอกนะ”
“นายนี่ก็จริงๆ เลย ให้เขาเข้ามาจากข้างนอกเพื่อมาทำเควสต์ประจำวันให้โดยเฉพาะเนี่ยนะ?” ลู่หังพูด
“เปล่าครับ วันนี้ผมกลับมากินหม้อไฟที่หอเลยถือโอกาสแวะมา” จิ่งฮวนถือโอกาสลุกจากเก้าอี้ “ไหนๆ ก็ทำเควสต์เสร็จพอดี งั้นผมไปก่อนนะครับ ไม่รบกวนพวกพี่พักผ่อนแล้ว”
“ไม่ๆๆ” ลู่หังรีบเรียกเขาไว้ เขาพูดพลางหัวเราะคิกคัก “ไหนๆ ก็มาแล้ว งั้นก็ช่วยฉันทำหน่อยสิ”
เซี่ยงไหวจือถาม “นายไม่มีมือหรือไง”
“นายก็ให้จิ่งฮวนช่วยทำไม่ใช่เหรอ อย่าสองมาตรฐานดิ๊” ลู่หังว่า “ได้ไหมฮวนฮวน มือฉันแข็งจะตายอยู่แล้ว ไม่อยากถอดถุงมือเลย”
ไหนๆ เขาก็อยู่ที่นี่ จิ่งฮวนไม่คิดมากอยู่แล้ว
ตอนที่เขาทำเควสต์ ลู่หังก็พิงเก้าอี้หันหลังดื่มโยเกิร์ต
“ฮวนฮวน นายนี่เป็นคนดีจริงๆ” ลู่หังพูด “จริงสิ ชอบของขวัญที่ฉันให้นายหรือเปล่า”
จิ่งฮวนกล่าว “ชอบมากเลยครับ”
“ดีกว่าของที่เซี่ยงเซี่ยงให้เยอะเลยใช่มะ” ลู่หังถาม
“…” จิ่งฮวนเอ่ย “ไม่ต่างกันหรอกครับ ผมชอบมากทั้งคู่เลย”
เขาควบคุมผู้วิเศษเดินไปที่สำนัก ทันใดนั้นข้อความจากเพื่อนก็สว่างวาบขึ้นมา
จิ่งฮวนกดเปิดตามสัญชาตญาณ
[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : ?
[เพื่อน] ถนนยาวไกล : …
ไอ้บ้า
ฉันไม่ใช่เจ้าของไอดีนะ!
นายอย่ามาทำเป็นสนิทกับฉันสิ!
เซี่ยงไหวจือนั่งท่าเกียจคร้าน เสียงเคาะคีย์บอร์ดดังเข้ามาในหูฟังของจิ่งฮวนรัวๆ
จิ่งฮวนหัวใจเต้นตึกตักไม่หยุด ไม่รู้ว่าเซี่ยงไหวจือส่งอะไรมาให้เขา แถมเขายังกลัวว่าอยู่ๆ ลู่หังจะหันมาเห็นข้อความของพวกเขาทั้งสองคนด้วย
โชคดีที่ลู่หังไม่ได้หันมาเลยจนกระทั่งเขาทำเควสต์เสร็จ เซี่ยงไหวจือเองก็ไม่ได้ส่งข้อความมาอีก
“ทำเสร็จแล้วครับ” จิ่งฮวนลบบันทึกแชตในครั้งนี้จนเกลี้ยง หลังจากยืนขึ้นเขาก็ถอนหายใจ “งั้นผมกลับแล้วนะ”
“ลำบากนายแล้ว” ลู่หังทุบไหล่เขาสองที “ครั้งหน้าเดี๋ยวพี่จะเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นที่แพงหูฉี่ในเมืองนะ”
จิ่งฮวนหัวเราะ “ครับ”
“จริงสิ หัวหน้าคลาสเราฝากฉันมาขอโทษนายด้วย เขาบอกว่าครั้งหน้าจะไม่จงใจเทเหล้าให้นายแล้ว” ลู่หังพูด
จิ่งฮวนส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ดื่มไปไม่เยอะ”
“วันนี้พวกนั้นยังปรึกษากันอยู่เลยว่าวันคริสต์มาสจะไปเที่ยวในเมือง ฉันเลยมาชวนนายด้วย” ลู่หังโยนกล่องโยเกิร์ตทิ้งไปก่อนถามเขา “ว่าไง สนใจเปล่า มาแต่ตัวก็ได้ไม่ต้องหาร”
จิ่งฮวนแย้มยิ้ม ขณะที่เขากำลังจะตอบตกลงออกไปก็ถูกใครบางคนเอาผ้าพันคอพาดไว้บนคอของเขา
เซี่ยงไหวจือว่า “ยังไม่กลับอีก ประตูหลังจะปิดแล้วนะ”
ลู่หังมองผ้าพันคอผืนนั้นแล้วพูดด้วยความแปลกใจ “นี่…ไม่ใช่ของขวัญที่นายให้ฮวนฮวนเหรอ ทำไมถึงกลับมาอยู่กับนายได้ล่ะ”
เซี่ยงไหวจือไม่สนใจเขาแต่กลับไปถามคนข้างๆ “ไปเลยไหม”
ผ้าพันคอผืนนี้ไปๆ มาๆ ก็กลับมาอยู่กับตัวเขาอีกครั้ง จิ่งฮวนถึงกับรู้สึกว่าบนผ้าพันคอผืนนี้มีกลิ่นของเซี่ยงไหวจืออยู่ด้วย แต่ความจริงมันเป็นกลิ่นอะไรเขาก็แยกไม่ออก สรุปว่ามันหอมมากก็แล้วกัน
จิ่งฮวนพันผ้าพันคอให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว “งั้นผมไปแล้วนะครับ”
แต่เขากลับเห็นเซี่ยงไหวจือหยิบเสื้อโค้ตมาสวมเหมือนกัน
“เดี๋ยวฉันลงไปส่ง”
ทั้งสองคนเดินออกจากประตูห้อง ลู่หังกลับมานั่งที่ของตัวเองพลางพูดพึมพำกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี “เป็นผู้ชายตัวโตๆ ทั้งคู่ยังต้องไปส่งอีก แปล๊กแปลก”
จิ่งฮวนสองมือล้วงกระเป๋า พอออกมาจากหอพักและได้สูดอากาศสดชื่นเขาก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมา
“ไม่ต้องไปส่งหรอกครับ” จิ่งฮวนคิดว่าเซี่ยงไหวจือกลัวว่าถ้าหอปิดประตูแล้วคนคุมหอจะไม่ยอมให้ออกไป เขาจึงพูดยิ้มๆ “ผมสนิทกับคนคุมหอ เธอยึดปลั๊กไฟผมไปตั้งสี่ตัว ตอนที่ผมย้ายออกไปผมยังให้เธอไปอีกอันด้วย เพราะงั้นเธอจำผมได้แน่”
เซี่ยงไหวจือไม่ได้กังวลว่าเขาจะออกจากหอไม่ได้
บนบันไดจิ่งฮวนเดินอยู่ด้านหน้า ในใจก็คิดว่าอีกเดี๋ยวจะไปซื้อของว่างมื้อดึกกลับไปกินดีหรือเปล่า
“จิ่งฮวน” กระทั่งเดินไปถึงตีนบันไดเซี่ยงไหวจือก็เรียกเขา
จิ่งฮวนเดินเลาะกำแพง หลังจากได้ยินเสียงและกำลังจะหันกลับมาเขาก็ถูกใครบางคนดึงไปเบาๆ
ขณะที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวแผ่นหลังก็แนบติดเข้ากับกำแพง
เซี่ยงไหวจือโน้มตัวลงมาจูบ
จิ่งฮวนมึนงง ปฏิกิริยาแรกในหัวก็คือ…เย็น
เซี่ยงไหวจือนี่มันยังไงกัน ริมฝีปากกับนิ้วมือเย็นเฉียบไปซะทุกที ไตมีปัญหาหรือไง…
ความคิดที่อธิบายไม่ถูกเหล่านี้หายวับไปทั้งหมดหลังจากเซี่ยงไหวจือดูดดึง คราวนี้มันไม่ได้หยุดอยู่แค่การแตะริมฝีปาก ฝ่ามือข้างหนึ่งของเซี่ยงไหวจือวางอยู่ข้างกายเขาเหมือนกลัวว่าเขาจะตกบันได ส่วนมืออีกข้างก็กำเสื้อเขาไว้ เซี่ยงไหวจือจูบสะเปะสะปะแต่ก็อบอุ่นและอ่อนโยน
จิ่งฮวนกำหมัด
หมัดของเขาดันอยู่บนหน้าอกของเซี่ยงไหวจือ ขณะกำลังคิดจะขยับมือก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังมาจากชั้นล่าง
หัวใจของจิ่งฮวนจะระเบิดอยู่แล้ว ฝ่ามือก็ไม่กล้าออกแรงไปชั่วขณะ
“นายก็ออกมาทิ้งขยะด้วยเหรอ” ปรากฏว่าก็เป็นเสียงลู่เหวินเฮ่า
ทุกชั้นในหอพักของพวกเขาจะมีถังขยะใบใหญ่วางไว้ตรงมุมบันได
“ไร้สาระ ไม่งั้นนายจะให้ฉันมานอนที่นี่หรือไง”
ลู่เหวินเฮ่าหัวเราะ “เล่นไพ่ไหม”
“ไม่เล่น ไม่มีเงิน ใกล้คริสต์มาสแล้วต้องซื้อของขวัญให้แฟน”
“ไม่มีแววเอาซะเลย ไม่อยากชนะเยอะๆ จะได้เอาเงินไปซื้อของดีๆ ให้แฟนเหรอ”
เสียงฝีเท้าค่อยๆ หายไป จิ่งฮวนรู้สึกว่าตัวเองเกือบจะขาดอากาศหายใจตายอยู่ตรงบันไดแล้ว
เขากำหมัดแน่น
บ้าเอ๊ย ถ้าเมื่อกี้ถูกลู่เหวินเฮ่าเห็นเข้าล่ะก็…
เขาจะฆ่าลู่เหวินเฮ่าให้ตาย
ในความมืดมิดเซี่ยงไหวจือยืนตัวตรงและถามเขาด้วยน้ำเสียงแหบต่ำ “ลู่หังให้อะไรนาย”
บ้า มาถามเรื่องนี้ตอนนี้เนี่ยนะ นายไม่คิดจะขอโทษฉันบ้างหรือไง
หมัดที่จิ่งฮวนใช้ดันเซี่ยงไหวจือออกแรงขึ้นอีกนิด “ไม่รู้ครับ ผมยังไม่ได้แกะ”
เซี่ยงไหวจือรู้สึกเจ็บ เขาไม่เพียงไม่ถอยออกไปแต่ยังยกยิ้มนิดๆ อีกต่างหาก
เมื่อก่อนเขาไม่เคยมีแฟนมาก่อนและยังไม่เคยชอบใครด้วย ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจว่าการมีความรักเป็นยังไง
สรุปก็คือ…อยู่คนเดียวไม่ค่อยได้นั่นเอง
“ขอโทษนะ” เซี่ยงไหวจือพูด “คงจูบจนนายเจ็บล่ะสิ”
จิ่งฮวนเดินออกจากมหาวิทยาลัย สายลมเย็นเยียบพัดเข้ามาปะทะหน้าผากของเขาอยู่หลายทีแต่ก็ยังไม่สามารถเรียกสติเขากลับมาได้
ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมา จิ่งฮวนหยิบออกมาดู
ลู่เหวินเฮ่า [รูปภาพ]
ลู่เหวินเฮ่า ฮวนฮวน นายไปทำอะไรอยู่ข้างล่าง
ในรูปภาพนั้นคือแผ่นหลังของเขา จิ่งฮวนหันกลับไปดู ลู่เหวินเฮ่ากำลังโบกมือให้เขาอยู่ตรงหน้าต่างพร้อมยิ้มหวาน
จิ่งฮวนมองอีกฝ่ายอยู่หลายวินาทีก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นทำมือแบบไม่เป็นมิตรสุดๆ ใส่เขา จากนั้นเจ้าตัวก็เดินกลับไปท่ามกลางสายตามึนงงไม่รู้เรื่องรู้ราวของลู่เหวินเฮ่า
พอเห็นลู่เหวินเฮ่า จิ่งฮวนก็นึกถึงเรื่องตรงบันไดเมื่อกี้นี้ขึ้นมา จากนั้นความรู้สึกอยากทุบตีคนก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง…
บ้าเอ๊ย
ถือว่าเซี่ยงไหวจือขอโทษได้เร็ว ไม่อย่างนั้นหมัดของเขาคงหยุดเอาไว้ไม่อยู่
ระหว่างทางที่จิ่งฮวนเดินกลับบ้าน เขาก็เห็นเงาดำสองสายบริเวณใกล้ๆ อพาร์ตเมนต์
เงานั้นเป็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังจูบกันอยู่ สองคนนั้นจูบกันซื่อๆ เหมือนไก่อ่อนกำลังจิกกันไม่มีผิด แม้แต่หัวก็ยังไม่เอียงสักนิด
“…”
เซี่ยงไหวจือเป็นเกย์แน่นอน!!!
ไม่อย่างนั้นจะทั้งจูบทั้งดูดทั้งเลียผู้ชายได้ยังไง…
ขนาดคู่รักต่างเพศยังทำแบบนายไม่ได้เลย!!!
ก่อนเข้านอนจิ่งฮวนก็ยังคิดถึงเรื่องที่ตรงบันได เดิมทีเขากำลังครุ่นคิดว่าจะพูดกับเซี่ยงไหวจือให้ชัดเจนอย่างไร ตัวเขาสามารถตอบแทนด้วยชีวิตได้ แต่คงตอบแทนด้วยร่างกายไม่ได้ เมื่อคิดไปคิดมาความคิดของเขาก็ล่องลอยไปไกล
เขารีบร้อนออกมาจากหอพักเกินไปจนไม่ได้รูดซิปเสื้อโค้ต ตอนเซี่ยงไหวจือกำเสื้อยืดของเขา นิ้วมือเย็นเฉียบของอีกฝ่ายก็ปัดผ่านผิวของเขาไปเบาๆ
ตอนจูบกัน…เขาเลยส่งเสียงออกไปเล็กน้อยเพราะปัญหาด้านท่าทาง
จิ่งฮวนยิ่งคิดก็ยิ่งห่อเหี่ยว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง หลังจากนั้นสิบนาทีเขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง
ต่อมาก็ดึงผ้าห่มของตัวเองขึ้นมาช้าๆ แล้วมองลงไปอย่างไม่อยากเชื่อ
“…???”
ฮัลโหล
น้องชายตัวน้อย
ตื่นผิดคนแล้วมั้ง
บทที่ 90
เดือนธันวาคม เมืองหม่านเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ เกล็ดหิมะลอยละล่องตลอดคืน เมื่อจิ่งฮวนตื่นขึ้นมาด้านนอกก็ถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวเป็นชั้นๆ แล้ว
ใกล้จะหมดเทอมแล้วเลยมีคนมาเข้าเรียนมากกว่าปกติ พวกคนที่ไม่ค่อยเข้าเรียนก่อนหน้านี้ก็พากันมาหมด เพราะอยากช่วงชิงความรู้สึกดีๆ จากอาจารย์อย่างสุดชีวิต
ตอนบ่าย จิ่งฮวนฟุบลงกับโต๊ะเผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าเครื่องทำความร้อนในห้องเรียนจะเสียเลยไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นสักนิด เพื่อนๆ พากันเดินเข้าๆ ออกๆ ประตูห้องเรียนจึงไม่ได้ปิดไว้ ลมเย็นพัดฟู่ๆ เข้ามาด้านในทำเอาจิ่งฮวนหนาวจนไม่ได้ถอดผ้าพันคอออก
เมื่อมีชายหนุ่มอีกคนเข้ามาทางประตูหลังและทักทายจิ่งฮวน เขาก็กะพริบตาปริบๆ ก่อนส่งเสียง “อืม” ตอบกลับไปเนือยๆ
หลังจากคนคนนั้นจากไป ลู่เหวินเฮ่าก็ถามเขา “นายรู้จักคนนั้นเหรอ”
“จำหน้าได้ แต่ลืมชื่อน่ะ” จิ่งฮวนตอบอย่างเกียจคร้าน
“…” ลู่เหวินเฮ่าพูดไม่ออก “แล้วทำไมนายทักกลับเป็นธรรมชาติจัง”
“ถ้าไม่แบบนั้นล่ะ?” จิ่งฮวนพูด “แบบนี้แหละจะได้ไม่มีปัญหา”
ก็จริง
ประตูถูกผลักให้เปิดออกอีกครั้ง ลู่เหวินเฮ่าตัวสั่น เขาตบบ่าเกาจื้อเสียง “ทำอะไรของนาย จับแต่โทรศัพท์”
“คนโสดอย่างพวกนายไม่เข้าใจหรอก” เกาจื้อเสียงพูดอย่างร่าเริง “ฉันก็คุยกับแฟนน่ะสิ”
“ไอ้เวร ฉันไม่ใช่คนโสดนะเว้ย” ลู่เหวินเฮ่าตอกกลับอย่างโมโห
เกาจื้อเสียงพูด “จะไม่ใช่ได้ไง”
ลู่เหวินเฮ่าเงยหน้าขึ้น “ฉันคืนดีกับแฟนแล้ว! วันหยุดนี้ฉันจะไปเจอเธอ”
จิ่งฮวนหันหน้าไปทางพวกเขาโดยไม่เปลี่ยนท่าทาง “แฟนคนไหนของนายล่ะ”
“จะมีคนไหนอีกล่ะ นายก็รู้ว่ามีคนเดียวไม่ใช่เหรอ…แม่ง!” ลู่เหวินเฮ่าพูดไปได้เพียงครึ่งเดียวก็นึกถึงเรื่องแย่ๆ ในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง เขาโมโหจนหัวเราะออกมา “ฮวนฮวน ช่วงนี้ฉันก็ไม่ได้แกล้งนายนะ ทำไมนายต้องพูดถึงไอ้ตุ๊ดโง่นั่นตลอดเลย!”
จิ่งฮวนพูด “นายจะโทษผู้ชายที่เล่นตัวละครหญิงทุกคนแค่เพราะโดนผู้ชายที่เล่นตัวละครหญิงหลอกไม่ได้นะ นายนี่มันเหยียดเพศชะมัด”
ลู่เหวินเฮ่าพยักหน้า “ใช่ ตอนนี้ฉันจะด่าให้หมด ถ้าเก่งนักก็ส่งตัวแทนพวกผู้ชายที่เล่นตัวละครหญิงมาจัดการฉันซะสิ”
ในฐานะชายที่เล่นตัวละครหญิงจิ่งฮวนไม่ได้สนใจอะไร เขามองลู่เหวินเฮ่าและหัวเราะอย่างเย็นชา
“เจอกันจริงๆ เหรอ” เกาจื้อเสียงพูด “นายคงไม่โดนสาวปลอมหลอกเหมือนครั้งก่อนนะ คราวนี้อาจจะโดนผู้หญิงหลอกไปขึ้นเตียงแล้วไถตังค์ก็ได้ ถึงตอนนั้นไม่ต้องเรียกเพื่อนๆ ไปช่วยล่ะ พวกเราไม่ไปแน่”
“ไอ้เวร แช่งเก่งเหลือเกินนะ ชาติก่อนฉันไปฆ่าคนหรือไปเผาบ้านใครมาวะถึงต้องมาเจอพวกนายเนี่ย”
ลู่เหวินเฮ่าพูดจบก็พลันนึกอะไรขึ้นได้ เขาค่อยๆ โน้มตัวเข้าไปหาเกาจื้อเสียงแล้วพูดเบาๆ เกาจื้อเสียงฟังจบก็ตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะและด่าออกมาหนึ่งประโยค “ไอ้ประสาท…”
จิ่งฮวนขมวดคิ้ว “พวกนายคุยอะไรกัน”
“ช่างเถอะ เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องฟังหรอก” เกาจื้อเสียงส่ายหัว
จิ่งฮวนหัวเราะ “อยากโดนหรือไง รีบพูดมาเลย”
เกาจื้อเสียงทำหน้าลึกลับซับซ้อนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็โน้มตัวผ่านลู่เหวินเฮ่าเข้ามา “เฮ่าเอ๋อร์มันมาขอหนังโป๊จากฉัน ไอ้หมอนี่โคตรแย่เลย ยังไม่ทันได้เจอกันก็เอาเขามาจินตนาการซะแล้ว”
จิ่งฮวน “…”
ลู่เหวินเฮ่าโมโหมาก อยากจะกันก็กันไว้ไม่ได้ หลังจากถูกแฉก็ทำได้เพียงแกล้งถอนหายใจอย่างเคร่งขรึม “ฉันก็ต้องเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าเปล่าวะ”
“ไม่ใช่มั้ง” เกาจื้อเสียงพูด “มีแฟนออนไลน์มาตั้งหลายรอบ จนตอนนี้ยังซิงอยู่อีกเหรอ”
“แม่ง ฉันไม่เคยนัดเจอใครมาก่อนนี่หว่า” ลู่เหวินเฮ่าถูกจี้ใจดำก็ลากคนข้างๆ มาเอี่ยวด้วยทันที “ฮวนฮวนทำไมนายไม่พูดอะไรเลยล่ะ!”
จิ่งฮวนเหลือบมองด้วยสายตาที่ไม่สามารถอธิบายได้ “แล้วมาเกี่ยวอะไรกับพ่อนายล่ะ”
“เล่น Nine Heroes มาตั้งหลายปี แถมหล่อเบอร์นี้” ลู่เหวินเฮ่าพูด “มันก็ยังซิงอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ขนาดปากมันยังไม่เคยจูบใครเลย!”
เกาจื้อเสียงมองเขาด้วยสายตาสงสัย “หมายความว่านายเคยจูบเหรอ”
ลู่เหวินเฮ่าหัวเราะเยาะ “ฉันเคยจูบกับเพื่อนร่วมโต๊ะสมัย ม.ต้น”
เกาจื้อเสียงยกนิ้วโป้งให้เขา ทั้งคู่ตบมุกกันไปมาอยู่ครู่หนึ่งหัวข้อการสนทนาก็เลี้ยวขวาขึ้นทางด่วนไป
เมื่อได้ยินชื่อตัวเองไม่หยุด สุดท้ายจิ่งฮวนก็ทนไม่ไหว “ใครบอกพวกนายว่าฉันไม่เคยจูบ”
ข้างกายเขาก็เงียบสนิท
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นลู่เหวินเฮ่าก็เข้ามาล็อกคอเขา “ว่าไงนะ! นายไปจูบกับใครมา! ใครมันช่วงชิงครั้งแรกของนายไป!!”
จิ่งฮวนตกใจ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป
เขาแสร้งทำเป็นรังเกียจแล้วผลักอีกคนออก “เรื่องนี้นายไม่ต้องยุ่งหรอก”
“ตอนเข้าเรียนใหม่ๆ เสียงเอ๋อร์บอกว่านายไม่เคยมีแฟนมาก่อน งั้นก็ต้องเป็นตอนเรียนมหา’ลัยดิ…” ลู่เหวินเฮ่าถาม “เราเป็นเพื่อนรักกัน เรื่องนี้จะปิดบังไม่ได้นะเว้ย บอกมา! เป็นสาวคนไหน!”
ให้ตาย
เรื่องนี้จิ่งฮวนไม่สามารถพูดได้จริงๆ เพราะคำว่า ‘สาว’ นั้นไม่ได้ใกล้เคียงคนคนนั้นเลยสักนิด
ลู่เหวินเฮ่าอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก เขากำลังจะจี้ถามแต่จู่ๆ ก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง ต่อมาก็ทำท่าทางเหมือนค้นพบโลกใหม่ “เอาว่ะ! ฮวนฮวน หูนายแดงหมดแล้ว!”
“…” จิ่งฮวนบอก “หุบปากไปเลย”
ทั้งคู่จี้ถามจิ่งฮวนตลอดคาบเรียน ทว่าจิ่งฮวนก็ไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว เขาคิดว่าตัวเองคงถอดสมองออกไปหมดแล้วถึงได้พูดประโยคนั้นออกไป
ตอนใกล้จะหมดคาบโทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็สั่นขึ้นมาเล็กน้อย
เซี่ยง …
เสี่ยวจิ่งยา ?
เซี่ยง มองที่ประตูสิ
จิ่งฮวนมองไปยังหน้าต่างบานเล็กๆ เหนือประตูด้วยสายตางุนงง
เซี่ยงไหวจือยืนก้มหน้าอยู่ด้านนอก ไม่กี่วินาทีถัดมาเขาก็เก็บโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับจิ่งฮวน ชายหนุ่มเหมือนเพิ่งนอนหลับในคาบเรียนมา เปลือกตาตกลงเล็กน้อย สวมชุดสีดำทั้งชุด ท่าทางสุดคูลยิ่งกว่าอุณหภูมิวันนี้ซะอีก
จิ่งฮวนไม่สามารถละสายตาไปได้เลย
“นายมองอะไรอยู่” ลู่เหวินเฮ่ามองตามสายตาเขาไปด้านนอก จากนั้นก็ส่งเสียงแซว “พี่เซี่ยง? เขามายืนรอคนอยู่นอกห้องเราเหรอ พวกนายนัดกันไว้หรือไง”
จิ่งฮวนพูด “ไม่ได้นัด”
“งั้นเขารอใครล่ะ…” ลู่เหวินเฮ่ายกมือขึ้นเพื่อทักทายเซี่ยงไหวจือ อีกฝ่ายพยักหน้าตอบกลับอย่างสบายๆ ลู่เหวินเฮ่าพูดพลางส่งเสียงจิ๊จ๊ะ “พี่เซี่ยงหล่อโคตรๆ เลยว่ะ”
รอฉันนี่แหละ
จิ่งฮวนละสายตากลับมาอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ก้มหน้าลงกระแอมกลบเกลื่อน
“เดี๋ยวก็เลิกเรียนแล้ว ต้องออกไปรับลมหนาวอีกแล้วสินะ” ลู่เหวินเฮ่าพูดพลางเอื้อมมือเพื่อล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของจิ่งฮวน “อุ่นมือฉันให้หน่อยสิ ฮวนฮวน”
จิ่งฮวนสะดุ้งหนึ่งครั้งก่อนตบหลังมือของเขาเบาๆ
ทั้งสองคนต่างก็ตกตะลึง
ลู่เหวินเฮ่า “…?”
“ปิดให้บริการแล้ว” จิ่งฮวนเอามือสองข้างล้วงกระเป๋า และกลับมาแสดงสีหน้าเหมือนเดิมพร้อมพูดอย่างเคร่งขรึม
หลังเลิกเรียนจิ่งฮวนยัดหมากฝรั่งเข้าปากก่อนจะเก็บรวบรวมสมุดหนังสือ ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นกลับมีใครบางคนที่เร็วยิ่งกว่า
แม้จะเป็นหน้าหนาวในห้องเรียนก็ยังมีนักศึกษาสาวหลายๆ คนสวมกระโปรง ถึงด้านล่างจะมีถุงน่องห่อหุ้มอยู่ แต่กระโปรงตัวบางก็ยังทำให้สายตาใครๆ เป็นประกายได้
ชายกระโปรงของหญิงสาวสะบัดไปมาพร้อมกับปลายผม การก้าวเท้าสั้นๆ เต็มไปด้วยความคาดหวังและความประหม่า เธอวิ่งไปหาเซี่ยงไหวจือที่อยู่ด้านนอกประตูพร้อมรอยยิ้ม
“…” จิ่งฮวนชะงักไป ริมฝีปากอ้าออกเล็กน้อย สุดท้ายก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ “นั่นใครอะ”
ลู่เหวินเฮ่ากำลังคุยกับแฟนในเกม พอได้ยินก็งุนงง “หา? ใคร…อ้อ เธอน่ะเหรอ ชื่อเหลียงเมิ่งจยา เหมือนจะเป็นนางแบบดังอยู่นะ ได้ยินว่าในอนาคตจะได้เดบิวต์ด้วย ที่เทอมนี้ไม่ได้มาเรียนก็เพราะต้องไปเรียนกับครูเฉพาะทางน่ะ”
จิ่งฮวนถามขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว คิดไม่ถึงว่าลู่เหวินเฮ่าจะรู้เยอะขนาดนี้
เกาจื้อเสียงพูด “เหลียงเมิ่งจยาเหมือนจะเคยตามจีบเซี่ยงไหวจือนะ”
ฝีเท้าของจิ่งฮวนหยุดลง “นายก็รู้เหรอ…”
“เขาลือกันให้แซ่ด ได้ยินว่าสารภาพรักในห้องคาราโอเกะ” เกาจื้อเสียงพูด “เราไปทักทายพี่เซี่ยงกันดีไหม จะไปรบกวนเขาหรือเปล่า…”
เขายังพูดไม่ทันจบ สองมือของจิ่งฮวนก็ล้วงกระเป๋า แขนข้างหนึ่งเหน็บหนังสือเรียนไว้และเดินออกไปที่ประตูแล้ว
เมื่อได้ยินความเคลื่อนไหวจากในห้อง เซี่ยงไหวจือก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าก่อนจะถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าวเพื่อหลีกทางให้คนอื่นๆ
หญิงสาววิ่งมาหยุดตรงหน้า เขาเตรียมจะถอยหลังเพื่อหลีกทางแต่ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกเขาเบาๆ “รุ่นพี่เซี่ยง”
หลังจากจิ่งฮวนเดินมาถึงประตู ความเร็วในการเคี้ยวหมากฝรั่งก็ช้าลงนิดหน่อย
แม่ง…
สาวคนนี้มีเสียงแอ๊บแบ๊วซะด้วย
บริสุทธิ์ ไร้เครื่องแปลงเสียง ฟังดูไม่ได้พยายามดัดเสียงเลย
เซี่ยงไหวจือชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “มีอะไร”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองเขา ถึงอยากจะปิดบังไว้ แต่ความรู้สึกที่ยากจะควบคุมในดวงตากลับทรยศเธอ
จริงๆ แล้วเซี่ยงไหวจือจำเธอไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำ
“เมื่อต้นปีที่แล้วเราเคยเจอกันที่คาราโอเกะไงคะ” หญิงสาวยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลใบเล็กๆ ให้เขา บนนั้นมีรูปวาดซานตาคลอสแสนน่ารักอยู่หนึ่งตัว “ใกล้จะคริสต์มาสแล้ว นี่เป็น…ของขวัญวันคริสต์มาสค่ะ”
เซี่ยงไหวจือจำได้แล้ว ตอนนั้นไฟในห้องคาราโอเกะมืดสลัวเกินไป เขาเลยมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวไม่ค่อยชัด
เขาเหลือบมองถุงกระดาษ พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็เห็นจิ่งฮวนที่ยืนอยู่ด้านหลังหญิงสาวคนนั้นแล้ว
มีผมสองเส้นบนหัวของจิ่งฮวนกระดกขึ้นมานิดๆ ดูเหมือนจะโดนทับโดยไม่ตั้งใจขณะที่ฟุบตัวนอน อีกฝ่ายเป่าลูกโป่งหมากฝรั่งขึ้นมาหนึ่งลูก ทันทีที่สายตาสบประสานกัน ลูกโป่งหมากฝรั่งก็แตกออก จากนั้นก็ถูกเจ้าของเก็บกลับไปในปากช้าๆ
หน้าผากของเขาเหมือนจะมีคำว่า ‘ไม่พอใจ’ เขียนแปะอยู่
เซี่ยงไหวจือละสายตากลับมาและพูดว่า “ขอบใจ”
หญิงสาวมีความสุขอยู่ลึกๆ…
“แต่ต้องขอโทษด้วยนะ” เซี่ยงไหวจือพูดต่อ “ฉันมีแฟนแล้ว”
เสียงของเซี่ยงไหวจือไม่ดังไม่เบา จิ่งฮวนจึงได้ยินพอดี
หญิงสาวตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็ดึงของขวัญกลับไปด้วยความอับอาย “อ่า คือว่า…ฉันแค่อยากให้ของขวัญพี่ ไม่ได้มีเจตนาอื่นนะคะ”
เซี่ยงไหวจือปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก”
“เธอ…” หญิงสาวกัดฟัน “ยังไงแฟนพี่ก็คงไม่รู้…”
ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เซี่ยงไหวจือก็ยิ้มออกมา
“รู้สิ” เซี่ยงไหวจือพูด
จิ่งฮวนไม่รู้เลยว่าเหลียงเมิ่งจยาจากไปยังไง ตอนที่เขาได้สติกลับมา เซี่ยงไหวจือก็เดินเข้ามาหาและยกมือขึ้นลูบผมเขาแล้ว
“หลับในคาบเหรอ” เซี่ยงไหวจือถาม
“ฟุบไปแป๊บนึงครับ” จิ่งฮวนเคี้ยวหมากฝรั่งช้าๆ อีกครั้ง จากนั้นก็พูดว่า “พี่ก็หลับเหรอ”
เซี่ยงไหวจือตอบว่า “อืม” ออกมา “เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ”
ในใจจิ่งฮวนเอ่ยว่าบังเอิญจังเลยนะ
ตั้งแต่วันที่จูบกันตรงบันไดวันนั้น เขาก็ไม่เคยนอนหลับสบายอีกเลย
เขาฝันถึงเซี่ยงไหวจืออยู่หลายวัน บางครั้งความฝันก็แสนธรรมดา เรื่องราวเขาจำได้ไม่ชัดเจน จำได้เพียงสีหน้าและการแสดงออกของเซี่ยงไหวจือ
บางครั้งก็ฝัน…เกินไปหน่อย
“พี่เซี่ยง” เกาจื้อเสียงสวมหูฟังเดินออกมา “วันนี้พี่มีเรียนที่ตึกเราเหรอครับ”
เซี่ยงไหวจือชักมือกลับ “อืม”
“แล้วทำไมพี่ลู่ไม่อยู่ล่ะครับ” ลู่เหวินเฮ่ามองซ้ายมองขวา
“มันโดดเรียนน่ะ” เซี่ยงไหวจือมองนาฬิกาและถามขึ้นมาโดยทำเหมือนไม่ได้ใส่ใจ “พวกนายกำลังจะไปกินข้าวกันเหรอ”
“ใช่ครับ วันนี้ที่โรงอาหารมีหัวปลานึ่งราดพริกขาย” ลู่เหวินเฮ่าทำเหมือนเตี๊ยมกันมาก่อน เขาถามอย่างเป็นธรรมชาติ “พี่เซี่ยง ไปด้วยกันไหมครับ”
ระหว่างทางไปโรงอาหารจิ่งฮวนกังวลไปตลอดทาง กลัวว่าพวกลู่เหวินเฮ่าจะมองอะไรออก
แต่หลังจากนั้นเขาก็พบว่าเป็นตัวเองที่คิดมากไป รูมเมตทั้งสองคนของเขาต่างก็ยุ่งกันมาก คนหนึ่งยุ่งกับการคุยกับแฟน ส่วนอีกคนก็ยุ่งอยู่กับการคุยกับแฟนในเกม ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาจากจอด้วยซ้ำ
เซี่ยงไหวจือเองก็ไม่ได้ทำอะไรรุ่มร่าม แม้แต่ตอนกินข้าวก็ยังพูดคุยกับลู่เหวินเฮ่าเป็นครั้งคราวอยู่หลายประโยค
ขณะที่จิ่งฮวนกำลังรู้สึกดีใจก็ยังมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกอยู่นิดหน่อย
จะว่ายังไงดีล่ะ
เขาไม่ค่อยสบายใจนัก
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็ก้มหน้าลงกินซุปและกลืนเอาความรู้สึกยุ่งเหยิงเหล่านี้กลับลงไป
กินไปได้ครึ่งหนึ่งช่องเล็กๆ ของเคาน์เตอร์ในโรงอาหารก็เปิดออกอย่างเงียบๆ ลู่เหวินเฮ่าที่กินอยู่ตัวสั่นขึ้นมาทันทีก่อนจะรีบตบไหล่เกาจื้อเสียง
“นายนี่แม่ง…จะฆ่าฉันหรือไง” เกาจื้อเสียงข้าวติดคอ
“ช่องเบอร์สิบสองเปิดแล้ว!” ลู่เหวินเฮ่าพูด
ช่องที่สิบสองคือช่องขายอาหารพิเศษของโรงอาหาร เป็นร้านขายโอเด้งที่ซอสอร่อยแถมยังราคาถูก แต่เวลาเปิดไม่แน่นอน บางครั้งก็เปิดเพียงสัปดาห์ละสองวัน บางครั้งก็ไม่เปิดไปทั้งเดือน ซึ่งความถี่ในระยะหลังๆ ก็เป็นอย่างหลัง ดังนั้นตอนที่ลู่เหวินเฮ่าเห็นจึงตื่นเต้นมาก
ครึ่งนาทีหลังจากนั้นบนโต๊ะก็เหลือเพียงจิ่งฮวนกับเซี่ยงไหวจือ ส่วนอีกสองคนพากันไปเข้าแถวซื้อโอเด้งแล้ว
จิ่งฮวนเขี่ยข้าว สายตาเหลือบมองจานข้าวของคนข้างๆ
“พวกนายสอบกันเมื่อไหร่” จู่ๆ คนพูดน้อยก็วางตะเกียบลงพลางเอ่ยถาม
จิ่งฮวนงุนงง เขาตอบว่า “สอบเสร็จวันที่เจ็ดมกราคมครับ”
เร็วจัง
เซี่ยงไหวจือขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนถามอีก “แล้วนายจะกลับบ้านตอนไหน”
“ยังไม่แน่นอนเลยครับ” จิ่งฮวนพูด “ทำไมเหรอ”
“วันหยุดฤดูหนาวมาเจอกันได้ไหม”
ตะเกียบของจิ่งฮวนชะงัก
จริงๆ แล้วการเจอเพื่อนในช่วงวันหยุดฤดูหนาวเป็นเรื่องที่ปกติมาก ทุกปีเวลาเขากลับบ้านก็จะนัดรวมตัวกับเพื่อนเก่าเสมอ
เมื่อคิดแบบนี้จิ่งฮวนจึงไม่ได้กระอักกระอ่วนมากนัก เขาหันหน้ามาพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ “จะว่าได้มันก็ได้ครับ แต่ปีนี้วันตรุษจีนมาถึงเร็ว ผมคงไปที่อื่นไม่ได้…”
“ฉันไปหาเอง” เซี่ยงไหวจือพูด
“…” จิ่งฮวนพูด “งั้นพี่ก็ลำบากหน่อยนะครับ”
“บ้านนายอยู่ไหน”
“ที่เมืองหม่านนี่แหละครับ ขับรถจากมหา’ลัยไปไม่กี่ชั่วโมง”
เซี่ยงไหวจือยิ้มน้อยๆ “ฉันก็เหมือนกัน”
สุดท้ายก็ตกลงกันตามนั้น
หลังจากนั้นเซี่ยงไหวจือก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนจากกันเขาไปซื้อของบางอย่างที่ซูเปอร์เล็กๆ ในโรงอาหาร
“ฉันมีธุระต้องออกไปนอกมหา’ลัย พวกนายกลับไปก่อนเถอะ” เขาพูด
ลู่เหวินเฮ่าแปลกใจ “ในเมื่อต้องออกไปนอกมหา’ลัย แล้วมากินข้าวที่โรงอาหารทำไมล่ะครับ…พวกของกินสตรีตฟู้ดข้างนอกไม่ดีกว่าเหรอ”
“ไม่ดี” เซี่ยงไหวจือพูด
ก่อนจากไปเขาถือโอกาสตอนที่ทั้งสองคนไม่ทันสังเกตหยิบกล่องโยเกิร์ตออกมาจากกระเป๋าแล้วยัดใส่มือของจิ่งฮวน
ระหว่างทางกลับจิ่งฮวนใส่หมวกแก๊ปก้มหน้าก้มตามองพื้นตลอดทาง
ลู่เหวินเฮ่าเดินเข้ามาหาและเอ่ยถามเขา “ฮวนฮวน คิดอะไรอยู่”
จิ่งฮวนไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น “ไม่รู้สิ”
“…?”
ไม่รู้ว่าเดินไปไกลแค่ไหนแล้ว จู่ๆ จิ่งฮวนก็หันหน้ามาเรียก “เสียงเอ๋อร์”
เกาจื้อเสียงลดโทรศัพท์ลง “ว่า”
“วันหยุดฤดูหนาวมาเจอกันไหม”
“…” เกาจื้อเสียงงุนงง “ฉันก็ไปสวัสดีปีใหม่ที่บ้านนายทุกปีไม่ใช่เหรอ”
จิ่งฮวนจ้องเขาอยู่สักพัก จากนั้นก็พูดว่า “ไม่มีอะไรแล้ว” ก่อนหันหลังเดินจากไป
“…” เกาจื้อเสียงเอ่ย “เป็นอะไรของมัน”
ลู่เหวินเฮ่ายักไหล่ “อย่าไปเดาใจฮวนฮวนมันเลย”
จิ่งฮวนเดินไปด้านหน้า บนใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
เห็นๆ อยู่ว่าเป็นเพื่อนกัน เห็นๆ กันอยู่ว่าวันหยุดฤดูหนาวก็จะได้เจอกัน…
แต่พอเปลี่ยนเป็นเซี่ยงไหวจือ ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลกๆ แบบนี้ล่ะ
ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกนี้มันเหมือนกับ…
เหมือนว่าวันหยุดฤดูหนาวครั้งนี้จะแตกต่างจากวันหยุดฤดูหนาวสิบกว่าครั้งที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง
เมื่อกลับถึงบ้านจิ่งฮวนก็นั่งดูดโยเกิร์ตอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
จิ่งฮวนกดล็อกอินเข้าเกม หัวใจเพรียกหาไม่อยู่ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจไปกินยาบำรุงในบ้าน
[คนรับใช้ : หลังจากดื่มรังนกน้ำตาลก้อนแล้ว นายน้อยก็ขยับตัวเล็กน้อย ดูเหมือนจะมีความสุขมาก ^^]
ไร้สาระ อันละตั้งสิบกว่าหยวนจะไม่มีความสุขได้ไง
เขาเองก็ไม่ได้อยากกินนักหรอก
จิ่งฮวนต่อว่าเสร็จก็เปิดดูปฏิทินและพบว่าวันพรุ่งนี้ก็จะคลอดลูกได้แล้ว
เขาลังเลนิดหน่อยก่อนจะเปิดดูหน้าเว็บที่ตัวเองเซฟเอาไว้ คีย์เวิร์ดทั้งหมดล้วนเป็นคำว่า ‘ไกด์ไลน์การเลี้ยงดูลูกสำนักเขาฉีหยา’
ขณะที่กำลังคิดจะกดเข้าไปก็พบว่าด้านล่างของหน้าจอเกมมีโทรโข่งประโยคหนึ่งโผล่ขึ้นมา
[ดูหนัง AV → 99992LM : วิดีโอยอดนิยม 5 อันดับ ↑ ที่คนดูต่างชื่นชอบ, เซ็กซี่, ยุโรป, ญี่ปุ่น แบบมีซับไตเติ้ลภาษาจีนให้เลือก]
โฆษณาเล็กๆ ในเกม Nine Heroes มีเยอะแยะมาแต่ไหนแต่ไร ปกติเมื่อโผล่ขึ้นมาไม่ถึงครึ่งวินาทีก็จะหายไปโดยอัตโนมัติเพราะถูกระบบของเกมเซ็นเซอร์
แต่เจ้าโฆษณาตัวนี้กลับลอยอยู่ด้านล่างของเกมเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ โดยที่ยังไม่หายไป
[เวิลด์แชต] ดาวบนฟ้า : โอเค คนขายหนังผู้ใหญ่เนี่ยต้องมีคอนแท็กคนดูแลแน่เลย
[เวิลด์แชต] รองเท้าแก้วของฉันล่ะ : @GM มาทำงานหน่อย
[เวิลด์แชต] ความดุร้ายยามเที่ยงคืน 0 : หนังที่หมอนี่ขายคุณภาพดีมากนะ
ถ้าเป็นปกติจิ่งฮวนคงไม่สนใจจะมองแม้แต่แวบเดียว ดีไม่ดีอาจจะกดรีพอร์ตด้วยซ้ำ แต่วันนี้…
เขาลดสายตาลงมองไปยังข้อความในประกาศโทรโข่ง
ระยะนี้เขาเอาแต่ฝันอะไรมั่วซั่วไปหมด หรือจะเป็นเพราะอดกลั้นมานานเกินไป
ช่วงวัยสิบเก้าถึงยี่สิบปีเป็นวัยที่มีกำลังวังชาดีเยี่ยม ตอนที่เล่นบาสเกตบอลสองสามครั้งก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกว่าพลังงานทั้งร่างกายของตัวเองไม่มีที่ให้ปลดปล่อย…
หลังจากนั้นสองนาทีจิ่งฮวนก็เปิดวีแชตหาเพื่อนที่กระตือรือร้นกับเรื่องหนังโป๊มาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแล้วบอกจุดประสงค์ไป อีกฝ่ายส่งไฟล์ให้เขาในทันทีโดยไม่พูดไม่จา
ฟ้าเริ่มมืดไฟข้างทางสว่างไสว เขาปิดไฟในห้อง ปิดประตูหน้าต่างมิดชิด มีเพียงแสงจางๆ ที่ส่องออกมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
บรรยากาศกำลังดี
มือข้างหนึ่งของจิ่งฮวนวางรองท้ายทอยพลางเปิดไฟล์ที่เพื่อนส่งมาให้ ภาพหน้าปกของแต่ละคลิปเกินจะทน เขาเลื่อนจากบนลงล่างและค่อยๆ เปิดทีละอัน
อันนี้น่าเกลียดเกิน
นี่ก็แก่เกิน
นี่ก๊อกใหญ่ไม่เท่าเขาด้วยซ้ำ
…ส่วนนี่ก๊อกใหญ่เกินไป
หลายสิบวิดีโอไม่มีวิดีโอไหนที่เขาดูได้เกินสองนาทีเลย
ตอนนั้นเองจิ่งฮวนก็ขยับนิ้วกดลบไฟล์นั้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ก่อนจะเปิดหน้าแชตคุยกับเพื่อน
เสี่ยวจิ่งยา ฉันแค่ลองถามเชิงดูเฉยๆ
เพื่อน ?
เสี่ยวจิ่งยา คิดไม่ถึงว่านายจะมีจริงๆ
เสี่ยวจิ่งยา ฉันรีพอร์ตไปแล้ว
เสี่ยวจิ่งยา ไอดีนายไม่รอดแล้วนะ
เสี่ยวจิ่งยา [กรุณามากับเราด้วยครับ.jpg]
เพื่อน …
เพื่อน จิ่งฮวน ไอ้เวร ฉันจะฆ่านาย
จิ่งฮวนอ้าปากหัวเราะอยู่นานมาก หัวเราะไปเรื่อยๆ รอยยิ้มก็เริ่มขมขื่น
บ้าเอ๊ย ฉันมาหาความเร่าร้อนไม่ใช่เหรอวะ
ทำไมมาหัวเราะเหมือนไอ้โง่อยู่ได้…ไร้สาระ โคตรไร้สาระเลย
เขานอนราบลงบนเตียงพลางจับโทรศัพท์เลื่อนดูเวยป๋อไปเรื่อย ความง่วงเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จิ่งฮวนหาวออกมาหนึ่งครั้งและกำลังคิดว่าจะนอนเลยดีหรือเปล่า
ติ๊ง
เซี่ยง ฉันถึงหอแล้ว
จิ่งฮวนลุก ‘พึ่บ’ ขึ้นจากเตียง
เสี่ยวจิ่งยา อ้อ
เซี่ยง จะนอนแล้วเหรอ
เสี่ยวจิ่งยา เปล่าครับ
เซี่ยง เล่นเกมไหม
เสี่ยวจิ่งยา อ้อ
เสี่ยวจิ่งยา ได้ครับ
เสี่ยวจิ่งยา ผมลุกจากเตียงก่อน
จิ่งฮวนส่งไปสามข้อความติดกัน เขาพยายามทำให้ตัวเองไม่ดูรีบร้อนจนเกินไป จากนั้นก็รีบลุกจากเตียง
หัวใจเพรียกหาปรากฏตัวอยู่ที่บ้านแล้ว ตอนนี้กำลังยืนอยู่ข้างๆ พ่อบ้านเหมือนกำลังคุยอะไรกันอยู่
“พี่ทำอะไรอะ” จิ่งฮวนถาม
“เก็บยาบำรุง”
“ไม่ต้องแล้ว! พรุ่งนี้ผมก็คลอดแล้ว…”
บ้าเอ๊ย
จิ่งฮวนพูดจบถึงรู้สึกว่ามันผิดปกติ
เซี่ยงไหวจือชะงักหันกลับไปมองคนที่กำลังร้องเพลงอยู่ในห้องน้ำ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงพูดออกมา “ปิดเครื่องแปลงเสียงซะ”
“หา? ทำไมล่ะครับ”
“ไม่มีคนอื่นอยู่”
“ช่างเถอะ ผมขี้เกียจปิด” จิ่งฮวนพูด
นายไม่ชอบเครื่องแปลงเสียงนี่เหรอ
อุตส่าห์ดัดเสียงให้ฟังยังไม่พอใจอีก
เซี่ยงไหวจือพูด “ฉันอยากได้ยินเสียงนาย”
“…”
ผ่านไปครึ่งนาทีเสียงกังวานสดใสของชายหนุ่มก็ดังเข้ามาในหูฟัง “ปิดแล้วครับ”
เซี่ยงไหวจือกัดริมฝีปากเบาๆ จากนั้นก็ขยับนิ้วเอาหนังสือเกี่ยวกับเด็กที่อยู่กับตัวทิ้งไว้ให้จิ่งแสนหวานตัวน้อย
จิ่งฮวนประหลาดใจ “นี่อะไรครับ”
“ของที่ต้องใช้เลี้ยงเด็กถ้ำเซียนจิ้งจอก” เซี่ยงไหวจือพูด “หนังสือไกด์ไลน์ฉันเขียนไว้หมดแล้ว นายทำตามก็พอ”
จิ่งฮวนยังไม่ทันได้พูดอะไร เซี่ยงไหวจือก็ส่งไฟล์มาให้
เป็นไกด์ไลน์ที่เขาเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ช่วงนี้เขาหาไกด์ไลน์ไว้เยอะมาก อันไหนที่ดังๆ ก็มีเก็บไว้หมด อันนี้น่าจะเป็นอันที่เซี่ยงไหวจือทำขึ้นมาเอง
ลูกที่เลี้ยงมาตามแผนที่สร้างขึ้นเองจะต้องน่ารักน่าเอ็นดูมากกว่าแน่นอน
จิ่งฮวนครุ่นคิด จากนั้นก็เก็บไกด์ไลน์นั้นไว้
จิ่งแสนหวานตัวน้อยกำลังตั้งท้องจึงมีหลายกิจกรรมที่ทำไม่ได้ เซี่ยงไหวจือสร้างปาร์ตี้แล้วพาเขาไปเดินเตร่รอบเมืองหลักเหมือนกำลังดูแผงขายของ ถึงแม้จะไม่ได้ทำอะไรเลยแต่จิ่งฮวนก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่าย
เขาจับจ้องเกมอยู่นานมาก จนกระทั่งมีคำขอเป็นเพื่อนปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอวีแชต เขาถึงได้สติกลับมา
[เหลียงเมิ่งจยาขอเพิ่มคุณเป็นเพื่อน ข้อความเพิ่มเติม : สวัสดีจิ่งฮวน ฉันเหลียงเมิ่งจยาที่อยู่คลาสเดียวกับนายนะ]
ปลายนิ้วของจิ่งฮวนชะงัก ผ่านไปสักพักกว่าจะกดยอมรับ
เหลียงเมิ่งจยา รบกวนหน่อยนะ~
เหลียงเมิ่งจยา …ฉันคงไม่ได้เพิ่มเพื่อนผิดคนใช่ไหม
ทั้งรูปโพรไฟล์และชื่อ นอกจากคำว่า ‘จิ่ง’ แล้ว อย่างอื่นก็ดูไม่เข้ากับหนุ่มหล่อราวกับแสงตะวันในคลาสคนนั้นเลย จนตอนแรกเหลียงเมิ่งจยาคิดว่าเพื่อนของเธอให้วีแชตมาผิดคนซะแล้ว
เสี่ยวจิ่งยา ไม่ผิดหรอก
เหลียงเมิ่งจยา อ้อๆ งั้นก็ดี
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น
เหลียงเมิ่งจยา …นายยังอยู่ไหม
เสี่ยวจิ่งยา อยู่
เหลียงเมิ่งจยา …
เหลียงเมิ่งจยา จริงๆ แล้วฉันมีอะไรอยากให้นายช่วยน่ะ [ปิดหน้า]
เสี่ยวจิ่งยา ว่ามาสิ
เหลียงเมิ่งจยา วันนี้ฉันเห็นนายคุยกับเซี่ยงไหวจือ พวกนายสนิทกันมากไหม
ไม่สนิท
แค่จูบปากกันไปสองครั้งเอง
เสี่ยวจิ่งยา ประมาณนึง
เหลียงเมิ่งจยา อ้อๆ จริงๆ ก็ไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไรหรอก ฉันแค่อยากได้วีแชตของเขาน่ะ ได้ไหม
เหลียงเมิ่งจยา นายยังอยู่ไหม
จิ่งฮวนวางมือลงบนคีย์บอร์ดโดยไม่ได้ตอบกลับ
ตอนนี้หน้าจอเขาด้านซ้ายเป็นหน้าต่างสนทนากับเหลียงเมิ่งจยา ส่วนด้านขวาก็เป็นแผนการเลี้ยงลูกที่เซี่ยงไหวจือส่งมา
จิ่งฮวนกำลังจะพิมพ์ข้อความ จู่ๆ ก็เห็นข้อความเล็กๆ บางอย่างบนตาราง
ตัวหนังสือนั้นเล็กมาก อยู่ตรงบรรทัดสุดท้ายของแผนการเลี้ยงลูก
บนนั้นเขียนไว้ว่า ‘หนังสือเลี้ยงลูกของเสี่ยวเซี่ยงจิ่ง’
“…”
เหลียงเมิ่งจยา ?_?
เสี่ยวจิ่งยา อยู่
เสี่ยวจิ่งยา ฉันคงไม่สะดวกนะ เขามีแฟนแล้ว
เหลียงเมิ่งจยา เรื่องนี้ฉันก็ไปถามคนอื่นมาหมดแล้ว ทุกคนบอกว่าไม่มีนะ…นายรู้ไหมว่าแฟนเขาเป็นใคร
เสี่ยวจิ่งยา รู้
เหลียงเมิ่งจยา ใครเหรอ
‘ฉันไง’
จิ่งฮวนพิมพ์ข้อความนี้ไป แต่ก็ละล้าละลังไม่ได้กดส่ง
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นเขาก็ปิดหน้าต่างสนทนากับเหลียงเมิ่งจยาพร้อมทั้งกดลบเพื่อนไปด้วย พอสลับกลับมาที่เกมก็พบว่าเซี่ยงไหวจือพาเขามาทำกิจกรรมคู่เทศกาลคริสต์มาส
ถ้าจะเข้าสู่หน้าต่อสู้ของกิจกรรมก็ต้องให้ทุกคนในปาร์ตี้กดยอมรับ
จิ่งฮวนตกใจและรีบกดยอมรับ หลังเข้าไปสู่หน้าต่อสู้เขาก็เอ่ยถาม “เมื่อกี้ผมไปดูอย่างอื่นมา…ทำไมพี่ไม่เรียกผมล่ะ”
“กลัวว่านายจะหลับไปแล้ว” เซี่ยงไหวจือพูด
กลางดึกในฤดูหนาวเงียบกริบ ไม่มีเสียงจิ้งหรีดเรไรและไม่มีเสียงพูดคุยของผู้คนที่เดินไปมาด้วย
ดังนั้นตอนนี้จิ่งฮวนจึงได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นอย่างชัดเจน มันรัวเร็วและรุนแรง เร็วยิ่งกว่าตอนที่อยู่กับคนอื่นๆ
หลังการต่อสู้จบลงจิ่งฮวนถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกและเอนหลังพิงเก้าอี้
ผ่านไปไม่กี่วินาทีเขาก็ยกมือขึ้นปิดตาตัวเองช้าๆ
จิ่งฮวนรู้สึกเหมือนตัวเองเปลี่ยนไป
ดูเหมือนว่าเขาจะชอบเซี่ยงไหวจือเข้าให้แล้ว
**หมายเหตุ : ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบู
—
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน How to… เดตออนไลน์ยังไงให้พัง เล่ม 3
วางจำหน่ายที่ร้าน JamClub, เว็บไซต์ Jamsai Store และร้านหนังสือทั่วไป
Comments
comments
No tags for this post.