ทดลองอ่าน เรื่อง I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 4
ผู้เขียน : 酱子贝 (Jiang Zi Bei)
แปลโดย : หมั่งสีโสว ซื่อเก้เหล้าก้าย
ผลงานเรื่อง : 我行让我来〔电竞〕 (Wo Xing Rang Wo Lai (Dian Jing))
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
116
ตอนกลางดึกซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเวลากี่โมงแล้ว ลู่ป๋อหยวนได้ยินเสียงเพื่อนร่วมทีมถ่ายทอดมาจากด้านนอก
ความจริงผนังของแคมป์เก็บเสียงดีมากแต่ก็ยังต้านทานพวกเขาไม่อยู่ นอกจาก Pine แล้วคนในทีมแต่ละคนล้วนเป็นคนเสียงดัง โดยเฉพาะหลังดื่มอย่างหนักมา
ลู่ป๋อหยวนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคนใต้ร่างแข็งทื่อไปชั่วขณะ ถึงขั้นออกแรงรัดตนเองเล็กน้อย
ดังนั้นลู่ป๋อหยวนจึงไม่ขยับแล้ว เพียงแค่ก้มหน้าไปจูบเขา
พวกเขาแทบจะจูบกันตลอดเวลา สบตากันก็จูบ รู้สึกสุขสมก็จูบ บางครั้งเวลาที่เจี่ยนหรงส่งเสียงออกมาและคิดจะปิดใบหน้าตนเองไว้ ลู่ป๋อหยวนก็จะยิ้มแล้วจูบเขา
ด้านนอกไม่มีเสียงแล้ว ผมตรงหน้าผากของเจี่ยนหรงล้วนเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ซ้ำกำลังหอบหายใจอยู่
เจี่ยนหรงรู้สึกมาตลอดว่าถึงตัวเองจะไม่ได้มีรูปร่างกำยำเหมือนคนอื่นแต่ก็มีเรี่ยวแรงเยอะ พอนับได้ว่าเป็นหนุ่มนักกล้ามตัวน้อย เมื่อก่อนเขาช่วยหญิงสาวข้างบ้านยกของหลายครั้ง กระสอบใบใหญ่ก็แบกได้ด้วยมือเดียว
แต่ตอนนี้แม้แต่การขยับขา เขาก็ยังรู้สึกว่ามันยากมาก
ลู่ป๋อหยวนมองออกว่าเขาเหนื่อยแล้วจึงใช้นิ้วโป้งนวดหางตาของเขา “พานายไปอาบน้ำก่อนค่อยนอน”
เจี่ยนหรงเงยหน้า ลูกกระเดือกขยับหลายที จากนั้นก็ส่ายหน้า “…คุณเสร็จแล้วค่อยไป”
ทำเรื่องประเภทนี้กับคนที่ชอบ สบายตัวคนเดียวไม่มีความหมาย
ตอนแรกเจี่ยนหรงไม่ใช่คนที่ละเอียดอ่อนมากนัก เขามองดูลู่ป๋อหยวน เวลาแบบนี้ก็ไม่ลืมที่จะอวดเก่ง “หรือคุณเหนื่อย? ถ้าเหนื่อยแล้วผมทำเอง…อืม”
เมื่อนึกได้ว่าคนอื่นกลับมาแล้ว คำพูดที่เล็ดลอดออกไปโดยไม่ระวังนี้ทำให้เจี่ยนหรงรู้สึกหดหู่
หลังเสร็จภารกิจยังคงเป็นลู่ป๋อหยวนที่อุ้มเขาไปห้องน้ำ
พอล้างตัวจนสะอาดและกลับขึ้นเตียง เจี่ยนหรงก็หลับตาแล้วนอนหลับไป ลู่ป๋อหยวนคลุมผ้าห่มให้เขาแล้วก้มหน้าจูบไหล่ของเขาเล็กน้อย
ลู่ป๋อหยวนสติแจ่มชัดไม่มีความง่วงนอนเลยสักเสี้ยว ถึงขั้นอยากสูบบุหรี่อีกด้วย แต่ก็กลัวว่าจะกระทบต่อการนอนหลับพักผ่อนของคนข้างกาย
ดังนั้นเขาจึงเปิดวีแชต ส่งข้อความให้คนไปเรื่อยเปื่อย
R อยากสูบบุหรี่
ความรื่นเริงกับความสุขสันต์เป็นของผู้แข็งแกร่ง ผู้อ่อนแอยังคงร้องไห้ดูรีเพลย์การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่ตนเองไม่อาจเข้าร่วมอยู่
ดังนั้นถึงตอนนี้จะเป็นเวลาตีสามครึ่งแล้วก็ยังคงตอบกลับเร็วมาก
XIU ?
XIU เป็นอะไรไป ถึงนายจะเหยียบบนซากศพทรุดโทรมของฉันคว้าแชมป์ไปแล้ว แต่ฉันจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องก่อนหน้า ส่งด่วนไปให้นายหนึ่งซองดีมั้ย
R ฉันมีของตัวเอง
XIU ?
XIU นายมันแน่จริงๆ ในอินเตอร์เน็ตวุ่นวายเพราะสัมภาษณ์หลังการแข่งของนาย แต่นายหายตัวไปหนึ่งวันแล้วมาขอบุหรี่ฉันตอนตีสามครึ่งเหมือนว่างมาก
เจี่ยนหรงนอนไปนอนมาจึงพลิกตัวเขยิบเข้ามาใกล้ เอาหน้าผากพิงอยู่ข้างขาลู่ป๋อหยวน มือข้างหนึ่งพาดมาอย่างเกียจคร้าน
ลู่ป๋อหยวนสะกดกลั้นความวู่วามที่อยากปลุกคนเอาไว้ หยิบบุหรี่มวนหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก จับมือของเจี่ยนหรงมาเล่นพลางเปิดเวยป๋อที่ไม่ได้ดูมานาน
สองวันมานี้เวยป๋อคึกคักจริงๆ ทั้งเรื่องที่ XIU ไม่ได้ลงในการแข่งขันฤดูใบไม้ผลิ แฟนคลับของทีม PUD ใช้จุดนี้มาทำลาย TTC บอกว่าเงินรางวัลแชมเปี้ยนต่ำเกินไปไม่น่าสนใจ แฟนคลับของพวกเขาจึงตอบโต้กลับไป สองฝ่ายนี้ตบตีกันมาหลายปีแล้ว แต่อาจเพราะปีนี้มีคำพูดการต่อต้าน HT ของเจี่ยนหรงอยู่จึงตบตีกันค่อนข้างน้อย
เรื่องที่ถกเถียงกันมากที่สุดยังคงเป็นคำพูดที่ลู่ป๋อหยวนพูดตอนสัมภาษณ์หลังการแข่ง
ดังนั้นนักแข่งหญิง พิธีกรหญิง และสตรีมเมอร์หญิงในวงการอีสปอร์ตมากมายต่างก็ถูกสืบค้นจนหมดเปลือก คนผมสั้นและย้อมผมล้วนถูกแฟนคลับหรือคนรอเผือกที่มาชมความสนุกค้นหาและคัดกรองทั้งหมด มีผู้หญิงบางคนทนการคุกคามไม่ไหวจึงแสดงออกว่าไม่ใช่ตัวเอง และมีส่วนหนึ่งโพสต์รูปผมสั้นและย้อมผมของตัวเองหลายรูปพร้อมข้อความเวยป๋อที่คลุมเครือเพื่อเพิ่มความนิยม
เรื่องนี้ถูกดันขึ้นมาอยู่ด้านบนสุดในช่องการค้นหายอดนิยมเพราะการกดถูกใจและคอมเมนต์ มันเป็นรูปภาพที่เขากับเจี่ยนหรงนั่งอยู่ด้วยกันขณะสัมภาษณ์หลังการแข่ง
[มิดเลนและจังเกิ้ลของ TTC สู้กันบนเตียงตอนไหน : ผมสั้น ย้อมผม]
คอมเมนต์ที่ด้านล่างมีทุกรูปแบบ ที่มีมากที่สุดยังคงเป็นคำว่า ‘เหมาะสม’ มีคอมเมนต์หนึ่งบอกว่า ‘คิดมากไปแล้ว Road จะทำอะไรโจ่งแจ้งขนาดนี้ได้ยังไง นี่ไม่เท่ากับเป็นการเปิดเผยต่อสาธารณะหรอกเหรอ’
ในความเป็นจริงนั้นลู่ป๋อหยวนก็เคยคิดจะเปิดเผยต่อสาธารณชน
ที่เมื่อก่อนไม่ต้องการเปิดเผยต่อสาธารณะเป็นเพราะไม่อยากให้เจี่ยนหรงถูกด่า แค่ลู่ป๋อหยวนลองคิดดูก็รู้ว่าแอนตี้แฟนกลุ่มนั้นจะพูดอะไร ย่อมไม่มีอะไรมากไปกว่าคำพูดจำพวกยังไม่มีผลงานก็มีความรักซะแล้ว
แต่ตอนนี้พอเข้า LPL ก็เป็นแชมป์ ได้ MVP นับครั้งไม่ถ้วน เอาต์เพลย์หนึ่งต่อห้าในการแข่งขันรอบเพลย์ออฟ…คนที่โดดเด่นที่สุดในปีนี้ก็คือแฟนหนุ่มของเขา
ถ้าเปิดเผยต่อสาธารณะจริงก็อาจจะมีคนบอกว่าตนเองพาเด็กน้อยเสียคนและเคลมสมาชิกใหม่
ระหว่างนี้ปลายนิ้วมือของเจี่ยนหรงพลันขยับเล็กน้อย เกี่ยวนิ้วชี้ของลู่ป๋อหยวนเอาไว้
เจี่ยนหรงพึมพำเสียงแหบทั้งที่หลับตาอยู่ “…นอน”
แยกไม่ชัดว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าละเมอกันแน่ ลู่ป๋อหยวนโยนมือถือไปบนโต๊ะ ความคิดในหัวสมองพลันว่างเปล่าทั้งหมด จากนั้นกอดคนไว้ในอ้อมอกแล้วหลับไป
วันต่อมาเจี่ยนหรงถูกเสียงเรียกเข้ามือถือปลุกจนตื่น
เสียงเรียกเข้าดังอยู่พักหนึ่งเขาถึงมีความเคลื่อนไหว เขาเสาะหามือถือตามแหล่งกำเนิดเสียงจนพบ แล้วจึงกดรับสายโดยไม่แม้แต่จะลืมตา
น้ำเสียงของเขาแฝงความหงุดหงิดหลังตื่นนอน ถามออกมาว่า “ใคร”
ฝ่ายนั้นเงียบไปสองวินาทีจึงถามหยั่งเชิง “เธอคือเสี่ยวหรง?”
“ฉันคือพ่อ…”
คำว่า ‘นาย’ ถูกเจี่ยนหรงกลืนลงท้องไป
เป็นเพราะเขารู้สึกขึ้นมาว่าขนาดของมือถือที่ตนถืออยู่นี้ไม่ถูกต้องนัก มือถือของเขาเป็นรุ่นเมื่อหลายปีก่อน แค่มือข้างเดียวก็จับได้ทั้งหมด แต่เครื่องนี้ถือแล้วใหญ่กว่าอย่างชัดเจน
ผู้หญิงปลายสายหัวเราะและพูดเสียงอ่อนโยนว่า “ฉันคือแม่ของป๋อหยวน เธออยู่ด้วยกันกับป๋อหยวนหรือเปล่า”
เจี่ยนหรง “…”
หากไม่ใช่ตอนนี้ความเคลื่อนไหวของเจี่ยนหรงถูกจำกัด เขาคงกระโดดไปบนเพดานแล้ว
ลู่ป๋อหยวนไม่ได้อยู่บนเตียง เจี่ยนหรงเลยขยับตัวลุกขึ้นเช็กให้แน่ใจว่าในห้องน้ำก็ไม่มีคนเช่นกัน
“เขา…” เจี่ยนหรงตกใจเสียงของตัวเอง หลายวินาทีให้หลังจึงพูดต่อว่า “อาจจะอยู่ข้างล่างครับ เขาลืมมือถือไว้ที่ผม”
“แบบนี้เอง ไม่เป็นไรจ้ะ” คุณแม่ลู่หัวเราะ “ตอนนี้ฉันอยู่ที่ด้านนอกแคมป์พวกเธอ เธอสะดวกหรือเปล่า ช่วยลงมาเปิดประตูให้หน่อยได้มั้ย”
หัวสมองเจี่ยนหรงปั่นป่วน
หลังวางสายเขาก็ลงจากเตียงไปเปิดประตูทันที เมื่อแน่ใจว่าโถงทางเดินไม่มีคนจึงพุ่งกลับไปยังห้องของตัวเอง จากนั้นหาเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านมาสวมไว้บนร่างตนเองแบบส่งๆ
ทั้งแคมป์ล้วนไม่มีคนเพราะคนอื่นๆ ยังไม่ตื่น ส่วนลู่ป๋อหยวนก็ไม่รู้ไปที่ไหนแล้ว
เจี่ยนหรงได้แต่ฝืนใจไปเปิดประตู
คุณแม่ลู่แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย หิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมกับกระติกน้ำร้อนหลายใบ เมื่อเห็นเขาจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนมาก
เจี่ยนหรงร้อนตัวอยู่บ้าง ก้มหน้ามองดูสิ่งของในมือเธอ “ผมช่วยคุณถือนะครับ”
“โอเคจ้ะ ขอบคุณนะ” คุณแม่ลู่ยิ้มพลางพูดว่า “ป๋อหยวนไม่อยู่เหรอ หรือว่าเขาใช้เธอออกมาเปิดประตู?”
เจี่ยนหรงรับกระติกน้ำร้อนหลายใบนั้นมา ด้านในบรรจุไว้เต็มปริมาณ “เขาไม่อยู่ครับ น่าจะออกไปข้างนอก”
คุณแม่ลู่พยักหน้าแล้วเดินตามเขาไปด้านใน “ฉันให้คุณป้าต้มน้ำแกงบำรุงตั้งแต่เช้า ช่วงนี้พวกเธอลำบากแล้ว เดี๋ยวเธอกินให้เยอะหน่อยนะ”
เจี่ยนหรงเอากระติกน้ำร้อนไปวางที่ห้องครัว จากนั้นเทน้ำให้คุณแม่ลู่หนึ่งแก้ว
เดิมทีเขาก็ไม่เชี่ยวชาญการพูดคุยกับผู้อาวุโสอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่รู้จะพูดอะไร
คุณแม่ลู่รับน้ำมาแล้วเอ่ยขอบคุณ “ฉันรบกวนการนอนของเธอหรือเปล่า ป๋อหยวนก็จริงๆ เลย ทำไมถึงทำมือถือตกอยู่ในห้องเพื่อนได้”
เจี่ยนหรงส่ายหน้า “ไม่รบกวนครับ ผมตื่นแล้ว”
คุณแม่ลู่มองดูผมเผ้ายุ่งเหยิงกับสีหน้าเหนื่อยล้าของเขาแล้วก็เพียงแค่แย้มยิ้มไม่เปิดโปงเขา
“พวกเธอเพิ่งชนะการแข่งขัน ทีมไม่ได้จัดกิจกรรมฉลองอะไรเลยเหรอ”
ตอนนี้หากจับคนดูในสตรีมหรือเพื่อนร่วมทีมสักคนมายืนอยู่ข้างๆ คนคนนั้นคงตกใจท่าทางที่เหมือนนักเรียนประถมตอบคำถามในชั้นเรียนของเจี่ยนหรง
เขาพูดว่า “จัดแล้วครับ วันก่อนกินเลี้ยงฉลองไปแล้ว เมื่อคืนก็ออกไปเที่ยวมา”
คุณแม่ลู่พยักหน้า จากนั้นคนที่ปกติเรียบร้อยสง่างามก็อดไม่ได้ที่จะสอบถามอย่างอ้อมค้อมว่า “แฟนสาวของป๋อหยวนก็ไปด้วยกันกับพวกเธอเหรอ”
เจี่ยนหรงตกตะลึง “อะไรนะครับ”
“ไม่ต้องกลัว เขาบอกกับฉันแล้วเรื่องที่เขามีแฟน” คุณแม่ลู่ยิ้มน้อยๆ “เธอเองก็คงเคยเห็นใช่มั้ย”
“…”
เจี่ยนหรงไม่เคยคิดว่าลู่ป๋อหยวนจะพูดเรื่องนี้กับที่บ้านจึงงุนงงทำตัวไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ
ลู่ป๋อหยวนพูดถึงเมื่อไหร่ ทำไมถึงพูดออกไป
แล้วฉันควรพูดยังไงดี
“อ๊ะ เธอไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันค่อยถามเขาก็ได้” คุณแม่ลู่เห็นเขามีสีหน้าลำบากใจเลยรีบพูดว่า “เธอหิวหรือยัง เพิ่งตื่นคงยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่มั้ย ตอนนี้ไปดื่มน้ำแกงรองท้องหน่อยดีกว่า”
เจี่ยนหรงได้สติกลับมา “ไม่ต้องหรอกครับ ผม…”
เสียง ‘ติ๊ง’ ดังขึ้น ประตูแคมป์ถูกคนผลักออก
ลู่ป๋อหยวนสวมชุดกีฬา ผ้าปิดปาก และหมวกเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ทั่วร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อ ในมือยังถือถุงพลาสติกใบเล็กสีดำใบหนึ่ง
ลู่ป๋อหยวนเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองเห็นแม่ของตัวเอง “แม่ มาได้ยังไงครับ ไม่บอกล่วงหน้าสักคำ”
“ยังจะพูดอีก แม่ส่งข้อความให้ลูก ลูกก็ไม่ตอบแม่” คุณแม่ลู่เอ่ย “ไปไหนมา เหงื่อเต็มตัวเชียว”
ลู่ป๋อหยวนถอดผ้าปิดปากพลางเดินเข้ามา “วิ่งตอนเช้าครับ ลืมเอามือถือไปด้วย”
“อยู่นี่” เจี่ยนหรงลุกขึ้น หยิบมือถือออกมาใส่กระเป๋าของลู่ป๋อหยวน จากนั้นพูดว่า “งั้นผมขึ้นข้างบนก่อน…”
“เดี๋ยวก่อน” ลู่ป๋อหยวนยื่นถุงพลาสติกสีดำในมือให้เขา “เอาขึ้นไปใช้ด้วย”
เจี่ยนหรงรับมา “มันคืออะไร”
“ยา”
เจี่ยนหรงหยิบกล่องหนึ่งในนั้นออกมาด้วยความสงสัยแล้วอ่านสรรพคุณเล็กน้อย เพิ่งเห็นบรรทัดหนึ่งชัดเจนใบหูก็อาบย้อมด้วยสีเลือด จากนั้นเอากล่องยายัดกลับเข้าไปในถุงพลาสติกเสมือนแทงคน
ลู่ป๋อหยวนพูดต่อว่า “เมื่อเช้าฉันอ่านดู อาจต้องทาสักหน่อย…”
ลู่ป๋อหยวนยังไม่ทันพูดจบก็ถูกเหยียบเท้าหนึ่งที
เด็กหนุ่มออกแรงจริงๆ จนรู้สึกเจ็บมาก
คุณแม่ลู่จึงพบอะไรเข้าแล้ว
“ป๋อหยวน หมวกของลูกพิมพ์ชื่อของเสี่ยวหรงนี่นา” เธอพูดยิ้มๆ “ใช่มั้ย วันนั้นแม่ดูการแข่งขัน เสี่ยวหรงเหมือนใช้ชื่อนี้”
“ใช่ครับ เป็นของที่ระลึกของเขา” ลู่ป๋อหยวนพูดต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ทาเองได้มั้ย ไม่งั้นเดี๋ยวรอฉันขึ้นไป…”
“ได้!” เจี่ยนหรงตัดบทเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นใช้ความเร็วมือที่เก็บเพนตาคิลในสนามแข่งมัดถุงด้วยเงื่อนตาย “คุณป้า ผมขึ้นไปก่อนนะครับ พวกคุณค่อยๆ คุยกัน”
เจี่ยนหรงขึ้นชั้นบนไปแล้ว คุณแม่ลู่ถึงรั้งสายตากลับมาพูดว่า “ลูกนี่ก็จริงๆ เลย ทำมือถือตกไว้ที่เสี่ยวหรง แม่เสียงดังจนเขาตื่น”
“ไม่เป็นไรครับ เขานิสัยดี” ลู่ป๋อหยวนถามอีก “มาได้ยังไงครับเนี่ย”
“มาให้ของขวัญลูกน่ะ แล้วก็มีน้ำแกงด้วยนะ น้ำแกงนี่เคี่ยวไว้นานมาก กินแล้วบำรุงได้ดีเป็นพิเศษ แม่เอามาเยอะเลย เดี๋ยวรอเพื่อนร่วมทีมตื่นแล้วลูกก็ให้พวกเขากินด้วยสักหน่อย โดยเฉพาะเสี่ยวหรง แม่เห็นเขาตัวผอม”
ลู่ป๋อหยวนพยักหน้า “ตอนนี้เขาอ้วนขึ้นมาหน่อยแล้ว แต่ใส่เสื้อผ้าเลยดูไม่ออก”
คุณแม่ลู่ฟังความหมายในนั้นไม่ออกก็พูดต่อว่า “ถึงยังไงผู้ชายต้องล่ำหน่อยจะดีกว่า”
“…”
“ยังมีอีก แม่มาครั้งนี้…” เธอชะงักเล็กน้อย “วันนี้ฉลองวันเกิดลูก สาวน้อยคนนั้นไม่มาเหรอ”
ลู่ป๋อหยวนแกะของขวัญออกพบว่าเป็นนาฬิกาเรือนหนึ่ง เขาเลิกคิ้ว “สาวน้อยอะไรครับ”
ในเมื่อถามแล้วคุณแม่ลู่เองก็ไม่ปิดบัง “แฟนใหม่ของลูกไงล่ะ”
“แฟนผม…” ลู่ป๋อหยวนปิดของขวัญ พูดโดยไม่ปิดบังเช่นกัน “ใครบอกกับแม่ว่าแฟนผมเป็นผู้หญิง”
พอเจี่ยนหรงขึ้นชั้นบนมาก็พบเจอเสี่ยวไป๋ที่ขยี้ตาเตรียมไปกินอาหารเช้า
เสี่ยวไป๋เห็นเขาแล้วพลันรู้สึกตกตะลึง สายตาเคลื่อนลงมาไล่ตั้งแต่บนศีรษะของเขาช้าๆ โดยไม่รู้ตัว
ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใต้ตาดำคล้ำ หลายจุดตั้งแต่ลำคอไปจนถึงบริเวณกระดูกไหปลาร้ามีรอยสีชมพูจางๆ ใต้ขาคือรองเท้าแตะของพี่ชายเขา
และสิ่งที่แม่งสุดยอดที่สุดก็คือ…กลิ่นบนร่างเจี่ยนหรงยังเป็นกลิ่นของพี่ชายเขา
ไม่ใช่เขาไวต่อความรู้สึกขนาดนั้น แต่เป็นเพราะกลิ่นเปปเปอร์มิ้นต์ในห้องน้ำของพี่ชายเขาจำง่ายเกินไปจริงๆ
“นาย…” เสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะถามอย่างคนหาเหาใส่หัว “ทำไมนายใส่รองเท้าแตะของพี่ชายฉัน”
ปฏิกิริยาแรกของเจี่ยนหรงก็คือต้องปกปิด แต่พอเขาอ้าปาก…ไอ้หมอนี่เคยเห็นเขากับลู่ป๋อหยวนจูบกันแล้วชัดๆ ยังจะเสแสร้งเป็นเพื่อนร่วมทีมไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรอีก
ดังนั้นเจี่ยนหรงจึงหลุบตาถามกลับ “นายคิดว่าไงล่ะ”
“…”
“หลีกไป” เจี่ยนหรงพูด “อย่าขวางประตูฉัน”
เสี่ยวไป๋อึ้งเล็กน้อย ขยับเรือนร่างของตัวเองออกเล็กน้อย มองดูเจี่ยนหรงเดินเข้าห้องของพี่ชายเขาตาไม่กะพริบ
ไม่กี่วินาทีให้หลังเจี่ยนหรงถือเสื้อผ้าที่ตนเองถอดไว้เมื่อคืนออกมาอีกครั้ง ก่อนกลับไปที่ห้องตัวเองแล้วปิดประตู
เสี่ยวไป๋ “…”
เชี่ยอะไรเนี่ย?!
ระหว่างที่เขายังอยู่ในความตื่นตกใจ มือถือก็พลันดังติ๊งๆๆ ขึ้นมา
เป็นกลุ่มวีแชต [TTC รักกันฉันท์คนในครอบครัว] ของพวกเขา ข้อความจากพี่ติงกำลังโกรธจัด…
พี่ติง ฉันให้พวกนายพักผ่อนให้เต็มที่และอย่าทำตัวเป็นจุดสนใจ สุดยอดเลยนะพวกนาย? แถมยังสั่งแชมเปญ Armand de Brignac ด้วย?
พี่ติง [แชร์ลิงก์ : ช็อก! จุดตกต่ำของ LPL? ท็อปเลน แครี่ และซัพพอร์ตของ TTC ปาร์ตี้ที่บาร์กันอย่างเริงรื่นในช่วงกลางดึกหลังคว้าแชมป์! แชมเปญ Armand de Brignac เต็มโต๊ะ สาวสวยข้างกายนับไม่ถ้วน มีแค่มิดเลนกับจังเกิ้ลพักผ่อนและฝึกซ้อมอยู่ในแคมป์อย่างว่าง่าย! รายละเอียดคลิก…]
พี่ติง [แชร์ลิงก์ : มิดเลนและจังเกิ้ลของ TTC ถูกแยกตัวเพราะแข็งแกร่งเกินไป? ไม่ถูกเชิญไปงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ!]
พี่ติง [แชร์ลิงก์ : TTC ขัดแย้งภายในอย่างรุนแรง มิดเลนกับจังเกิ้ลของ TTC กำลังจะออกจากทีม?]
ซัพพอร์ตน้อยของPเป่า …
ซัพพอร์ตน้อยของPเป่า เรื่องนี้ผมอธิบายได้ยากมาก
ซัพพอร์ตน้อยของPเป่า บอกได้แค่ว่า ผมจวงอี้ไป๋มีชีวิตมายี่สิบกว่าปีไม่เคยหมดคำจะพูดขนาดนี้
117
วันนี้เป็นวันหยุดของคุณป้า พี่ติงกลัวว่าแชมป์กลุ่มนี้จะเมาค้างจนปวดหัวแถมไม่มีข้าวกิน จึงพึมพำด่าไปพลางสั่งอาหารจากร้านอาหารซึ่งปกติพวกเขาชอบกินที่สุดมาที่แคมป์
พอเขาเข้าแคมป์มาก็ได้กลิ่นบุหรี่ เขาจึงเสาะหาที่มาด้วยการตามกลิ่นไปถึงระเบียงจนมองเห็นร่างของลู่ป๋อหยวนรางๆ
แม้แต่จะวางของกินก่อนพี่ติงก็ไม่สนใจแล้ว เขาเปิดคิวอาร์โค้ดแล้วพุ่งเข้าไปด้วยความเคยชิน “เพิ่งคว้าแชมป์มาก็ลอยตัวแล้วใช่มั้ย ตอนนี้แม้แต่สูบบุหรี่นายก็ไม่ปิดประตูระเบียง ไม่เคารพฉันสักนิดเลยใช่…”
ขณะเดินเข้าใกล้และมองเห็นผู้หญิงที่ข้างกายลู่ป๋อหยวน คำพูดที่เหลือของพี่ติงก็ถูกกลืนกลับเข้าไปในท้องทั้งหมด
คุณแม่ลู่ที่มีภาพลักษณ์เป็นผู้หญิงสูงศักดิ์ในใจเขามาตลอดนั้นเวลานี้ยืนพิงอยู่ข้างผนัง ในปากคาบบุหรี่มวนหนึ่งอยู่ ดวงตาคู่งามมองไปยังที่ไกลๆ ไม่กี่วินาทีให้หลังจึงหันหน้ามาช้าๆ “ที่นี่ห้ามสูบบุหรี่เหรอคะ ขอโทษค่ะ เขาไม่ได้บอกฉัน”
พี่ติงเงียบไปหลายวินาทีเมื่อรู้สึกได้ถึงสถานการณ์ตึงเครียด ต่อมาก็โยนมือถือเข้ากระเป๋า ก่อนจับที่จับประตูด้วยความเกรงใจ “ได้อยู่แล้วครับ คุณสูบได้เลย ถ้าไม่พอที่ผมยังมีอีก ผมจะปิดประตูเอาไว้ พวกคุณพูดคุยตามสบาย”
ประตูสองบานถูกปิดสนิท ระเบียงกลับสู่ความเงียบงันอีกครั้ง
ความจริงก่อนพี่ติงมาแม่ลูกคู่นี้ไม่ได้คุยอะไรกันมาก
เมื่อกี้อยู่ที่ห้องนั่งเล่นคุณแม่ลู่ถามเขาด้วยความใจเย็นว่าคำพูดประโยคนั้นหมายความว่าอะไร
ลู่ป๋อหยวนบอกว่าแฟนของเขาเป็นผู้ชาย
คุณแม่ลู่สบตากับเขาเนิ่นนาน จากนั้นถามเขาว่าสูบบุหรี่ไหม ลู่ป๋อหยวนเลยเดินขึ้นชั้นบนไปหยิบลงมาหนึ่งซอง จากนั้นคนทั้งสองถึงมาที่ระเบียง
ขณะที่กำลังใจลอย คนทั้งสองต่างรู้สึกว่าเหมือนย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนที่ลู่ป๋อหยวนบอกว่าตนเองไม่เรียนแล้ว จะแข่งอีสปอร์ต ส่วนตอนนั้นคุณแม่ลู่ไม่รู้แม้กระทั่งแนวคิดอย่างเป็นรูปธรรมของคำว่า ‘อีสปอร์ต’ ว่าคืออะไร หลังใช้มือถือค้นดูเล็กน้อย ผลการค้นหาอันแรกก็คือความเห็นของยอดคนในอินเตอร์เน็ตจากเทียปาโพสต์หนึ่ง…[มีแต่เด็กติดเกมที่ไม่อยากเรียนและขี้เกียจถึงเลือกเกมเป็นอาชีพ แถมยังบอกว่าตัวเองแข่งอีสปอร์ตเพื่อแสดงให้เห็นความเป็นมืออาชีพ]
เวลานั้นคุณแม่ลู่อ่านจนต้องสูบบุหรี่ติดต่อกันสองซองทันที
ด้านลู่ป๋อหยวนกำลังใช้มือถือส่งข้อความถามเจี่ยนหรงว่าทายาหรือยัง
เจี่ยนหรงตอบกลับด้วยอีโมติคอนยิ้มน้อยๆ สองอันแบบไม่ได้ตั้งใจกวนแต่อย่างใด
ลู่ป๋อหยวนยิ้มพลางปิดมือถือ พอเห็นคนข้างกายยังคิดจุดบุหรี่มวนที่สามจึงพูดว่า “เลิกสูบได้แล้วครับ เดี๋ยวติดอีก”
คุณแม่ลู่เคยติดบุหรี่ตอนวัยรุ่น ขณะมีความรักในรั้วมหาวิทยาลัยคุณพ่อลู่เกลี้ยกล่อมหลายปีก็เลิกไม่ได้กระทั่งเธอตั้งท้องลู่ป๋อหยวน
เธอเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทและใช้ชีวิตไปวันๆ ที่ลานสเก็ตน้ำแข็ง เคยเป็นนักเลงหญิงและเคยเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่อ่อนโยนมีศีลธรรม อาจเพราะผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชนเหลือเกิน ในเวลานี้พอรู้รสนิยมทางเพศของลูกชายตัวเอง การตอบสนองของเธอจึงไม่รุนแรงสักเท่าไหร่
“อืม มวนสุดท้ายแล้ว” คุณแม่ลู่พ่นควันออกมาเป็นวงกลม “เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนพามาที่บ้านก็คบกันแล้ว?”
ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดมาทางนี้เลยเธอจึงไม่ได้สนใจ แต่ตอนนี้ลองคิดดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ลูกชายเธอใช้ชีวิตข้างนอกหลายปีขนาดนี้ แต่นอกจากเจี่ยนหรงแล้วเขาไม่เคยพาใครกลับบ้านมาก่อน
อีกทั้งปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาไม่กี่อย่างเมื่อกี้…ก็พอมองอะไรออกแล้ว
“ไม่นานครับ” เห็นเธอมองออกลู่ป๋อหยวนก็ไม่ได้ปฏิเสธเกินจำเป็นอีก เขาหยุดชะงักเล็กน้อยจากนั้นเน้นย้ำว่า “ผมจีบเขา”
คุณแม่ลู่พยักหน้า “พอเดาได้”
เดิมเธอคิดถามลู่ป๋อหยวนว่าเป็นมาตั้งแต่แรกแล้วหรือถูกทำให้เบี่ยงเบน แต่ตอนนี้เธอนึกย้อนดู แต่ก่อนลู่ป๋อหยวนก็ไม่เคยสนใจเรื่องความรัก หญิงสาวที่ตนแนะนำให้รู้จักเขาก็ไม่เคยไปพบ แข่งอีสปอร์ตมาหลายปีขนาดนี้ก็ไม่เคยพูดถึงหญิงคนไหนต่อหน้าเธอ…
คุณแม่ลู่จึงเก็บคำถามที่ไม่จำเป็นเหล่านี้กลับไป
คิ้วเรียวขมวดเบาๆ เมื่อเธอนึกอะไรขึ้นมาได้ “เสี่ยวหรงบรรลุนิติภาวะหรือยัง”
“เพิ่งฉลองวันเกิดอายุสิบแปด”
ตอนนี้สายตาที่คุณแม่ลู่มองเขาดูซับซ้อนกว่าขณะรู้ว่าเขาชอบผู้ชายซะอีก “…อายุสิบแปดเด็กเกินไปหรือเปล่า”
ลู่ป๋อหยวนส่งเสียงอืม “ยังดีที่เขาเข้าทีมช้า ไม่งั้นผมคงพรากผู้เยาว์แล้ว”
“…”
คุณแม่ลู่หันหน้ากลับมา ไม่อยากถลำลึกสู่หัวข้อสนทนานี้อีก เธอสูบบุหรี่คำสุดท้ายเสร็จยังก้มหน้าดื่มน้ำชาอีกหนึ่งอึก “ลูกจะดีกับพ่อของลูกสักหน่อยไม่ได้เลยเหรอ เขาเพิ่งใช้เวลาหลายปีย่อยเรื่องอีสปอร์ตของลูกเสร็จ”
“ยังไงก็ต้องบอกอยู่แล้ว บอกเร็วบอกช้าก็เหมือนกัน” ลู่ป๋อหยวนหยิบมือถือขึ้นมาดูข้อความ พบว่าเป็นพี่ติงเร่งพวกเขากินข้าวอยู่ในกลุ่ม “อยู่กินข้าวกลางวันด้วยกันมั้ยครับ”
“ไม่กินแล้ว พ่อลูกรอแม่อยู่ที่บ้าน” คุณแม่ลู่ดับบุหรี่ พักหนึ่งจึงพูดว่า “น้ำแกงที่เอามาน่ะ…ตักให้เขาเยอะหน่อย”
วันนี้ไม่ฝึกซ้อมทุกคนต่างขี้เกียจลงชั้นล่างจึงกินอาหารในห้องนั่งเล่นเล็กบนชั้นสาม
ห้องนั่งเล่นห้องนี้เล็กกว่าที่ชั้นหนึ่งมาก คนไม่กี่คนไปนั่งในนั้นก็เกือบเต็มแล้ว บนผนังด้านหน้าแขวนผ้าม่านเอาไว้ ดูแล้วอบอุ่นมากทีเดียว
เพียงแต่…
“พี่ชาย กินข้าวกัน ว่าแต่ที่พี่ส่ง ‘คลิปการสังหารอันยอดเยี่ยมในการแข่งขันฤดูใบไม้ผลิของ HT’ มาให้พวกเราหมายความว่าอะไร” เสี่ยวไป๋ถือชามพลางพูดด้วยความสงสัย
“พักผ่อนส่วนพักผ่อน การบ้านห้ามขาดตก” พี่ติงพูด “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”
เสี่ยวไป๋ “…”
เจี่ยนหรงถือข้าวราดเป๋าฮื้อของตัวเองพลางมองดูผ้าม่านอย่างใจลอย กินไปหนึ่งคำยังแสร้งหันหน้าอย่างไม่ตั้งใจ มองผ่านราวระเบียงไปยังชั้นหนึ่ง
หยวนเชียนอ้าปากหาวกว้างๆ ส่งข้อความเสียงให้แฟนสาวบอกว่าตัวเองตื่นแล้ว จากนั้นเงยหน้าถามว่า “เสี่ยวหรง นายยืนอยู่ทำไม กลัวว่าจะแคบไปเหรอ มานั่งนี่ฉันจะเขยิบที่ให้นายอีกนิดหนึ่ง…”
“ไม่เป็นไร” เจี่ยนหรงรั้งสายตากลับ “ผมไม่นั่ง”
“ไม่เอาสิ ฉันดูไอ้นี่ก็อึดอัดอยู่แล้ว นายยืนอยู่ข้างฉันแบบนี้ฉันกดดันมาก รู้สึกเหมือนนายจะเหวี่ยงหมัดต่อยฉัน” เสี่ยวไป๋ส่งเสียงพูด “มา นั่ง”
หมัดของเจี่ยนหรงทนไม่ไหวขึ้นมาเล็กน้อยจริงๆ
คิดว่าฉันไม่อยากนั่งหรือไง!
ถ้าพรุ่งนี้ยังเป็นแบบนี้อยู่อีก งั้นตอนฝึกซ้อมนั่งยองๆ บนเก้าอี้เอาก็แล้วกัน
ขณะลู่ป๋อหยวนหิ้วน้ำแกงขึ้นมาชั้นบนทุกคนก็กินกันไปพอสมควรแล้ว
พี่ติงเพิ่งอบรมคนเสร็จก็เงยหน้าถามว่า “คุณป้ากลับไปแล้ว?”
ลู่ป๋อหยวนมองดูเจี่ยนหรงที่ยืนกินข้าวอยู่ข้างโซฟา ไม่นานก็รั้งสายตากลับมา “อืม”
พี่ติงพยักหน้า “พอดีเลย ฉันซื้อเค้กกลับมาด้วย ตัดตอนนี้เลยแล้วกัน กลางคืนไม่รู้พวกนายแต่ละคนจะลุกจากเตียงได้หรือเปล่า”
สำหรับนักแข่งอีสปอร์ตแล้ว การพักผ่อน = การนอนหลับ เนื่องจากทุกคนต่างนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทุกวันจนเหนื่อยแล้ว งานรื่นเริงเมื่อคืนก็ถือว่าใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดไปแล้วด้วย
อีกทั้งพรุ่งนี้พวกเขายังต้องฝึกซ้อม เพราะสัปดาห์หน้าก็จะไปประเทศเกาหลีใต้แล้ว
ลู่ป๋อหยวนมองดูเค้กวันเกิดแล้วถามอย่างไม่ไยดี “เหรียญรางวัลรอบชิงชนะเลิศระดับโลกซีซั่นสิบเอ็ดอีกแล้ว?”
“ใช่ที่ไหนล่ะ อันนั้นทำให้เจี่ยนหรงไปแล้วไม่ใช่เหรอ” พี่ติงยิ้มน้อยๆ “นี่คือเหรียญรางวัลนักแข่งยอดเยี่ยมของปีนี้”
ลู่ป๋อหยวน “…”
หลังตัดเค้กและกินน้ำแกงเรียบร้อยคนที่เหลือก็กลับห้องไปนอนกันหมด จากนั้นพี่ติงก็ขอบัตรประชาชนเจี่ยนหรงไปทำวีซ่า ในแคมป์คึกคักไม่เกินหนึ่งชั่วโมงก็กลับสู่ความเงียบสงบที่ชวนให้สบายใจอีกครั้ง
น้ำแกงต้มจนเข้าถึงรสชาติ เจี่ยนหรงดื่มรวดเดียวสามชามเล็ก ขณะนอนอยู่บนเตียงของลู่ป๋อหยวนยังเรอออกมาอีกด้วย
มือถือของเขาแบตฯ หมดกำลังชาร์จอยู่ ตอนนี้กำลังใช้มือถือของลู่ป๋อหยวนท่องเวยป๋อ
“อิ่มแล้ว?” ลู่ป๋อหยวนพิงอยู่ข้างเขาพลางถาม
เจี่ยนหรงส่งเสียงอืม พูดอย่างเกียจคร้าน “คุณตักเยอะเกินไป”
ตอนแรกเขาไม่ได้อยากกินเยอะขนาดนั้น ใครจะไปรู้ว่าพอชามว่างลู่ป๋อหยวนก็ตักน้ำแกงให้เขาอีก ถ้ากินไม่หมดก็รู้สึกเสียของ
ทันใดนั้นเขาพลันได้กลิ่นบุหรี่อ่อนๆ หอบหนึ่ง เจี่ยนหรงขยับปลายจมูกฟุดฟิด “คุณสูบบุหรี่มา?”
ลู่ป๋อหยวนพูดว่า “แม่ฉันสูบ”
เจี่ยนหรงตกตะลึง หันหน้าถามว่า “คุณป้าสูบบุหรี่ด้วยเหรอ”
“เมื่อก่อนติดบุหรี่ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” เวลานี้ยังจัดการกับที่บ้านไม่เรียบร้อย ลู่ป๋อหยวนเลยยังไม่อยากบอกเรื่องที่เขาเปิดตัวเร็วขนาดนี้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมีความกดดัน
ลู่ป๋อหยวนเล่นผมของเจี่ยนหรง มองดูเขาใช้มือถือตนท่องเวยป๋อมั่วซั่วพลางถามว่า “ทำไมเมื่อกี้ยืนกินข้าว”
มือที่ไถเวยป๋อของเจี่ยนหรงหยุดชะงัก รู้สึกว่าหากบอกว่าตนเองถูกทำจนนั่งลงไปไม่ได้แม่งน่าอายเกินไป ไม่กี่วินาทีให้หลังจึงกัดฟันพูดว่า “ผมอยาก”
ลู่ป๋อหยวนกลั้นหัวเราะ “ทายาหรือยัง ตอนที่ดูวันนี้เหมือนแดงนิดหน่อย…”
พอเจี่ยนหรงนึกถึงเรื่องเมื่อคืนหูก็ชาขึ้นมา มือเขายังรีเฟรชเวยป๋ออยู่ ในความเป็นจริงไม่มีแม้แต่ตัวอักษรเดียวเข้าไปในดวงตา “ไม่ทา ผมดีขึ้นเองได้”
“นายแน่ใจ? พรุ่งนี้แข่งฝึกซ้อมสี่ห้าเกม นายนั่งทั้งวันไม่เป็นไร?”
“…”
“การแข่งฝึกซ้อมวันพรุ่งนี้เหมือนนัดทีมโหยวอวี๋ไว้ด้วย” ลู่ป๋อหยวนหยุดชะงักสองวินาที จากนั้นพูดขึ้นอย่างมีทักษะว่า “ถ้าแพ้ โต้วฟูคงเสแสร้งในสตรีมอีกแล้ว”
เจี่ยนหรงถูกโน้มน้าวสำเร็จ เขาปฏิเสธข้อเสนอช่วยทายาของลู่ป๋อหยวนแล้วหันกายเข้าห้องน้ำไป
แต่ผ่านไปไม่กี่นาทีก็ได้ยินเสียงคนในห้องน้ำสะดุ้งเฮือกจนเผลอร้องออกมา ลู่ป๋อหยวนผลักประตูเข้าไป หยิบยาทากับสำลีมาท่ามกลางถ้อยคำสวยงามที่เจี่ยนหรงหลุดปากพูดด้วยความตื่นตกใจ
หลังทายาเสร็จแล้วใบหน้าของเจี่ยนหรงเป็นสีแดงอย่างไม่เป็นธรรมชาติอีกครั้ง
ลู่ป๋อหยวนตัดสินใจอาบน้ำเพราะกลิ่นบุหรี่บนร่าง ส่วนเจี่ยนหรงก็กลับไปบนเตียงแต่นอนไม่หลับ และไม่มีความสนใจไถเวยป๋อต่ออีก ดังนั้นหลังได้รับความเห็นชอบจากลู่ป๋อหยวนเขาจึงเปิดโน้ตบุ๊กเกมมิ่งของอีกฝ่าย
เจี่ยนหรงกังวลว่าการนอนคว่ำจะส่งผลกระทบต่อทักษะการเล่น เขาไม่ได้เปิดเซิร์ฟเวอร์เกาหลี แต่เข้าไอดีรองเซิร์ฟเวอร์ในประเทศของตนเอง คิดดักตบคนสักหน่อย
เขาเพิ่งเข้าไอดีไม่ถึงสองวินาทีไอดีที่ชื่อว่า ‘ฤดูกาลใหม่ฉันต้องสู้’ ก็ส่งคำเชิญจัดทีมมาให้เขาแล้ว
ไม่ว่าไอดีหลักหรือไอดีรองเจี่ยนหรงล้วนไม่เพิ่มเพื่อนกับคนแปลกหน้า คนที่เข้ามาอยู่ในรายชื่อเพื่อนของเขาได้ล้วนเป็นเพื่อนที่รู้จัก แม้เจี่ยนหรงนึกไม่ออกว่าไอดีนี้คือใครแต่ก็กดตกลง
เพิ่งเข้าล็อบบี้เกมเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นในหูฟัง “ฉานลองเชิญดูหน่อยดีกว่า Soft อาจยอมเล่นกับฉานก็ได้ เขาชอบโซโล่ ฉาน? ฉานเองก็ชอบโซโล่ แต่เล่นกับ Soft หรือพี่ XIU ฉานก็ชอบ…อ๊ะ Soft เข้ามาแบ้ว”
เจี่ยนหรงดูวันที่ “ทีมพวกนายได้รองแชมป์แล้วไม่พักผ่อน?”
Savior “…”
ครั้งนี้เป็นเพราะเรื่องที่ถูกถล่มในอินเตอร์เน็ต Savior จึงไม่ได้วางแผนกลับประเทศในวันหยุด และพี่ชายที่ยอมพาเขาออกไปเที่ยวเพียงคนเดียวในแคมป์ขณะนี้ยังนอนอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อน ดังนั้นเขาจึงถือโอกาสเปิดสตรีมฝึกซ้อมเก็บเวลาแพลตฟอร์ม
Savior ถามว่า “ทำไมนายไม่เล่นไอดีหลัก”
“นอนเล่นไม่ถนัด ตบไก่สักสองตาก็นอนแล้ว” เจี่ยนหรงถามเสียงเกียจคร้าน “นายจะเริ่มเลยมั้ย”
เนื่องจากปกติเขาฝึกซ้อมเยอะมาก พอเมื่อวานไม่ได้เล่นเกมหนึ่งวันเจี่ยนหรงเลยรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย ดังนั้นวันนี้เขาเลยเล่นแบบเลือกตำแหน่งที่ว่างอย่างหาได้ยาก คิดจะเล่นซัพพอร์ตสักสองตาเป็นการกล่อมให้ตัวเองนอนหลับ ผลสุดท้ายตำแหน่งที่ว่างเหลือแค่จังเกิ้ล
พอเข้าเกมไปดูก็พบว่าคนที่ชนเลนกับเขาคือจังเกิ้ลของจั้นหู่
ตำแหน่งที่เจี่ยนหรงเล่นได้ห่วยที่สุดก็คือจังเกิ้ล เล่นแรงก์ไดมอนด์ยังพอจะฝืนรับมือได้ แต่สู้กับนักแข่งอาชีพนั้นยากอยู่บ้าง
เมื่อลู่ป๋อหยวนอาบน้ำเสร็จออกมา เขาเห็นเจี่ยนหรงถูกมิดเลนและจังเกิ้ลฝ่ายตรงข้ามรุมตีจนตายบริเวณบลูบัฟฝ่ายศัตรูพอดี
ลู่ป๋อหยวนมองดูเขาซื้อไอเทมด้วยสีหน้าบูดบึ้งจึงถามด้วยความตลกว่า “เคารพในอาชีพขนาดนี้เชียว?”
“นอนไม่หลับก็เลยเล่นสักสองตา” เจี่ยนหรงขมวดคิ้ว “ไอ้นี่ร่วมมือกับเพื่อนร่วมทีมแกงค์ผมสามครั้งแล้ว ต้องจงใจแน่…”
ลู่ป๋อหยวนหัวเราะเบาๆ พูดเรื่อยเปื่อยว่า “จูบฉันหน่อย แล้วฉันจะเล่นแทนนาย”
ในเกมปรากฏประกายสีทองสองสาย…เจี่ยนหรงที่เพิ่งวิ่งไปแกงค์ที่เลนกลางกดแฟลชพร้อมกับ Savior
มิดเลนฝ่ายตรงข้ามตกใจจนล้มกลิ้งปัสสาวะไหล คิดว่าโดยรอบตัวเองมีศัตรูหนึ่งแสนคนจึงจ่ายแฟลชตาม จากนั้นส่ง ‘?’ มาในช่องแชตรวม
Savior ยังอยู่ในสภาวะงุนงงและตื่นตกใจ ‘ฉานฟังผิดไปเหรอ’ ‘ต้องใช่แน่ๆ’ ‘ดูท่าภาษาจีนของฉานเหมือนยังดีไม่พอ’ ต่อจากนั้นในหูฟังก็มีเสียงที่ผู้เล่นอีสปอร์ตทั้งหมดต่างคุ้นเคยอย่างยิ่งดังขึ้นอีกครั้ง…
“ใช่แล้ว กางเกงในเมื่อวานฉันช่วยซักให้นายแล้ว…”
เสียงพูดพลันหยุดลง
เจี่ยนหรงที่มาแกงค์ยืนนิ่งอยู่ที่เลนกลางเนิ่นนานและออกจากระบบพูดคุยทีมเมื่อสองวินาทีก่อน
Savior เหมือนเด็กน้อยที่เผลอเปิดเผยความลับของผู้ปกครอง กัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างลนลานทำตัวไม่ถูก ได้แต่มองดูจำนวนคนในสตรีมของตัวเองพุ่งพรวดตาไม่กะพริบ
ชาวเน็ตที่โหดเหี้ยมกลุ่มหนึ่งใช้ไอดีอย่างเช่น ‘พ่อแท้ๆ ของ Soft’ ‘ไอ้โง่ Soft คว้าแชมป์แล้วไม่สตรีม’ ‘แฟนออนไลน์เพียงคนเดียวทั้งอินเตอร์เน็ตของ Road’ ‘ภรรยาที่ไม่เคยเปิดเผยของ Road’ ‘มิดเลนและจังเกิ้ลของ TTC แต่งงานกันคืนนี้’ บุกเข้ามา ซับกระสุนมีเยอะมากจนไก่อ่อนภาษาจีนอย่าง Savior ไม่อาจต้านทาน
สองวินาทีให้หลังเสียงประกาศที่ Savior ตั้งค่าอัตโนมัติเพื่อขอบคุณของขวัญจากผู้ชมก็ดังขึ้นมา…
เสียง AI ผู้หญิงพูดอย่างไร้ความรู้สึก “ขอบคุณดาวตกจาก ‘เกย์ผู้มีสติปัญญา ปฏิเสธการเล่นแทน กางเกงในอยู่ไหนให้พ่อดูหน่อย’ ”
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 4
วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub
และร้านหนังสือทั่วไป
รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่
Meb / OOKBEE / Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN
Comments
comments
No tags for this post.