X
    Categories: everYPsychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 5 บทที่ 179 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 5

ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)

แปลโดย : ปราณหยก

ผลงานเรื่อง : 灵媒 (Ling Mei)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ปัญหาในครอบครัว

มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต การทำร้ายเด็ก การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ การข่มขืน

การฆ่าตัวตาย และการใคร่เด็ก ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 179 อาจารย์ฟั่นกับ ดร. ซ่งที่ขุดหลุมดักคน

ต่งฉินเดินจากไปด้วยความรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจยิ่ง ซ่งรุ่ยอุ้มสวี่อี้หยางขึ้นมาอย่างเบามือเดินตามฟั่นจยาหลัวกลับบ้านไปด้วยกัน เขาไม่ได้ใช้ลิฟต์ แต่เดินขึ้นบันไดไปทีละชั้นๆ ตามความเคยชินของชายหนุ่ม ต่อให้น้ำหนักในอ้อมแขนจะทำให้เขาหายใจลำบาก แต่พอเข้าประตูบ้าน เขาก็แค่หันหลังให้ชายหนุ่มเพื่อหอบหนักๆ สองสามครั้งให้ตัวเองรู้สึกสบายขึ้น จากนั้นค่อยเอาเด็กน้อยวางลงในอ่าง ปล่อยน้ำเข้าอ่างช้าๆ

“ตุ๊กตาสีเหลืองล่ะ” เขากวาดตามองของแต่งห้องนอนผ่านทางประตูกระจก

ฟั่นจยาหลัวเปิดกระเป๋าหนังสือของสวี่อี้หยางหยิบสมุดการบ้านออกมาพลางอธิบาย “มันอยู่ที่บ้านเก่า อีกสองสามวันเราจะย้ายไปที่นั่น”

“ตอนย้ายบ้านบอกผมด้วย ผมจะมาช่วย” แน่นอนว่าซ่งรุ่ยเหมาเอางานหนักไปทำอย่างเป็นเรื่องปกติ

“ครับ” ฟั่นจยาหลัวผงกศีรษะ มุมปากเผลอโค้งขึ้น

น้ำในอ่างเล็กเต็มแล้ว ซ่งรุ่ยหยิบทิชชูฆ่าเชื้อหนึ่งห่อออกมาเช็ดอ่างอาบน้ำใบใหญ่ทั้งด้านในและด้านนอก ล้างแล้วล้างอีกจนสะอาด เสร็จแล้วค่อยปล่อยน้ำใส่

ฟั่นจยาหลัวที่กำลังตรวจการบ้านของสวี่อี้หยางแอบมองการกระทำของเขา ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ทำไมคุณถึงไม่เช็ดอ่างของหยางหยางด้วยล่ะครับ”

มือที่กำลังทำงานของซ่งรุ่ยชะงัก ไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไรไปชั่วขณะ เพราะเขาคงบอกออกไปไม่ได้ใช่ไหมว่าเขาแคร์แค่ฟั่นจยาหลัวคนเดียว ส่วนสวี่อี้หยางเป็นแค่ของแถม ถึงซ่งรุ่ยจะใส่ใจเด็กชาย แต่บางเรื่องมันก็ยากที่จะให้ความเท่าเทียม

จะให้เท่ากันได้อย่างไร เมื่อในสายตาเขามนุษย์ทุกคนถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท หนึ่งคือฟั่นจยาหลัว สองคือคนอื่น

“ผมลืม คราวหน้าจะระวัง” เขาขยำทิชชูฆ่าเชื้อที่ใช้แล้วใส่ถังขยะ น้ำเสียงเหมือนสบายๆ แต่ความจริงเส้นเสียงกลับตึงเครียดอย่างยิ่ง

ฟั่นจยาหลัวไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติของอีกฝ่าย แค่ยิ้มแล้วก้มหน้าตรวจการบ้านต่อ เขาไม่เคยใส่ใจความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ ความรู้เรื่องความรู้สึกของเขาอ่อนด้อยมาก ถึงขั้นเรียกได้ว่าว่างเปล่า คุณลักษณะพิเศษของร่างทรงวิญญาณทำให้เขาปล่อยความคิดของตัวเองวิ่งวนสับสนอยู่ในสมองน้อยมาก เพราะเขารู้ว่านั่นเป็นเรื่องอันตราย

คนแบบพวกเขา ยิ่งเรียบง่าย ยิ่งบริสุทธิ์ ยิ่งแข็งแกร่ง

ซ่งรุ่ยลอบถอนหายใจ ไม่รู้ทำไมเขาถึงผิดหวังเหลือเกิน ทำได้แค่ก้มหน้าทำความสะอาดห้องน้ำเพื่อใช้เรื่องนี้มาปรับอารมณ์ความรู้สึก ชายหนุ่มเช็ดอ่างล้างหน้า ประตูกระจก และกระเบื้องปูพื้นรอบแล้วรอบเล่าจนทุกอย่างสะอาดเอี่ยมเหมือนใหม่ อารมณ์พลุ่งพล่านของเขาถึงค่อยถูกเก็บกลับไปในส่วนลึกของจิตใจ คืนสู่ความสงบ เขารวบรวมขยะเงียบๆ ก่อนเดินไปนั่งข้างๆ ฟั่นจยาหลัวด้วยท่าทีสบายๆ เพื่อช่วยอีกฝ่ายตรวจการบ้าน

ฟั่นจยาหลัวเอนตัวมาอย่างเป็นธรรมชาติ เบียดแขนซ่งรุ่ยพลางเอ่ยถามว่า “ดูเหมือนศัพท์คำนี้จะสะกดผิดหรือเปล่าครับ ผมจำได้ว่าตัวหลังเป็น e ไม่ใช่ r”

ซ่งรุ่ยมองท่าเอนพิงที่ฟั่นจยาหลัวทำไปตามสัญชาตญาณแล้วใบหน้าที่ตึงเครียดก็อ่อนละมุนลงอย่างไม่ทันรู้ตัว เขาผงกศีรษะ รับคำเสียงเบา “อืม คุณจำไม่ผิดหรอก เป็น e”

หนึ่งชั่วโมงต่อมาซ่งรุ่ยก็ขอตัวกลับ ฟั่นจยาหลัวยืนมองส่งรถของอีกฝ่ายที่วิ่งห่างออกไปไกลอยู่บนระเบียง ชายหนุ่มยืนอยู่กลางสายลมเย็นรื่นได้พักหนึ่งแล้วจึงปิดประตูกระจก กลับไปที่ห้องอาบน้ำ เขาเค้นไอหยินสีดำสนิทราวน้ำหมึกหนึ่งหยดลงไปในอ่างของสวี่อี้หยาง เสร็จแล้วค่อยนั่งลงในอ่างของตน มือขวากดลงไปที่ตำแหน่งหัวใจ ออกแรงเจาะเข้าไปอย่างแรง

ฟั่นจยาหลัวที่ต่อให้ตัวป่นกระดูกแหลกก็ไม่ส่งเสียงร้องอดส่งเสียงครางหนักๆ ออกมาไม่ได้ เห็นได้ว่าการทำแบบนี้สร้างความเจ็บปวดให้เขามากแค่ไหน ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ลังเลสักนิด ปลายนิ้วยังคงควานเข้าไปในช่องอกช้าๆ จวบจนดวงรัศมีสว่างไสวหนึ่งดวงมาอยู่ในมือ เขาถึงค่อยดึงมันออกมา

ดวงรัศมีเปล่งประกายเจิดจ้า สั่นไหวเหมือนใกล้จะระเบิด และทุกสิ่งรอบตัวก็ถูกมันทำให้เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด วูบไหวไม่หยุดนิ่ง เงาหยินที่สาดไปบนผนังพลันหายวับไปเพราะการเปลี่ยนแปลงของแสงเหมือนวิญญาณร้ายหรือสัตว์ประหลาดล่องหน การปรากฏของดวงรัศมีทำให้ห้องนี้เหมือนถูกลากเข้าไปในเขตแดนแห่งความมืดและความสว่าง ออกห่างจากโลกความเป็นจริง ให้ความรู้สึกกดดันอย่างน่ากลัว

สวี่อี้หยางที่นอนอยู่ในอ่างพลิกตัว ใบหน้าแสดงออกถึงความเจ็บปวด

ฟั่นจยาหลัวรีบใช้ฝ่ามือปิดดวงรัศมีไว้เพื่อกันพลังส่วนหนึ่งของมัน แต่กลับได้รับผลกระทบจากเศษเสี้ยวความทรงจำที่ฟุ้งกระจายออกมาจากมันทำให้เขาต้องทำหน้าอดทนอดกลั้นอย่างห้ามไม่อยู่ สิ่งที่ฟั่นจยาหลัวกลัวที่สุดไม่ใช่ความเจ็บปวดของการกรีดควักหัวใจออกมา แต่เป็นการรับรู้ถึงความทรงจำของมัน และถูกดึงกลับไปในอดีตสีเลือด

เขากำดวงรัศมีไว้แน่น ผ่านไปเนิ่นนาน นานมาก…กว่าที่เขาจะสยบรัศมีเจิดจ้าที่แฝงไว้ด้วยการโจมตีพวกนั้นลงได้และกลับเป็นปกติ

นี่คือป้ายหยกรูปปลาอีกหนึ่งอัน ขนาดสามนิ้ว ฝีมือประณีต แต่กลับอันใหญ่กว่าป้ายหยกทุกอันที่ฟั่นจยาหลัวเคยรวบรวมมา สีก็เข้มกว่า ในสีเทาเข้มๆ มีสีดำจางๆ แทรกอยู่เป็นริ้วเหมือนรอยแตกลายงา คล้ายลายพู่กันที่ตั้งใจขีดเขียนทำให้เจ้าปลาน้อยตัวนั้นดูมีชีวิตราวกับว่าวินาทีต่อไปมันจะส่ายหางกระโดดขึ้นไปในอากาศ

ฟั่นจยาหลัวกำมันไว้ตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็เอาป้ายหยกขนาดสองนิ้วที่เอากลับมาวันนี้แปะรวมกับมัน นวดเนิบๆ ปั้นช้าๆ สิ้นเปลืองพลังไปมากกว่าจะทำให้พวกมันรวมเป็นหนึ่งเดียวสำเร็จ

หลังจัดการเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยฟั่นจยาหลัวก็พ่นลมหายใจยาวเหมือนได้รับแรงกดดันมหาศาล เขาจ้องมองป้ายหยกอันนี้แล้วเข้าสู่สภาวะนิ่งงัน ดวงตาสีดำของชายหนุ่มมีประกายของสายน้ำใสกระจ่างวาดผ่าน แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวก็หายไป เร็วจนเหมือนคิดไปเอง เขาแนบป้ายหยกเข้ากับแผ่นอก กดแรงๆ ใช้เลือดและเนื้อของตัวเองห่อหุ้มมัน ซ่อนไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ ถ้าใครอยากได้ของชิ้นนี้ คนคนนั้นต้องล้มเขาให้ได้และผ่าร่างเขาเพื่อเอาหัวใจออกมา จากนั้นก็ควานหามันในหัวใจของเขา

ใช้ชีวิตเพื่อปกป้อง ทุ่มเทถึงเพียงนี้ สัจจะของฟั่นจยาหลัวไม่เคยเป็นแค่คำพูดลอยๆ

หลังเก็บซ่อนป้ายหยกเสร็จ ฟั่นจยาหลัวก็ประคองหัวกะโหลก ค่อยๆ หลับไป

 

รุ่งเช้าซ่งรุ่ยขับรถมาที่คอนโดฯ มูนไลต์เบย์การ์เด้นเพื่อส่งเด็กชายไปโรงเรียนพร้อมฟั่นจยาหลัว เสร็จแล้วระหว่างทางกลับบ้านเขาซื้อมือถือหน้าตาเหมือนกันสองเครื่อง พร้อมทำซิมใหม่สองอัน

“ได้ยินซ่งเวินหน่วนบอกว่าผู้จัดการคุณตามหาคุณจนใกล้บ้า เที่ยวสืบหาข่าวคุณไปทั่ว”

“ผมรู้ว่าเขาหาผมทำไม แต่ผมไม่ต้องการให้เขาช่วยแถลงการณ์ล้างมลทิน”

“เอาเถอะ ตามใจคุณ เรื่องงานศพของครอบครัวเซียวเหยียนหลิงเป็นไงบ้าง”

“ใกล้เสร็จแล้วครับ นัดเวลาเผาเรียบร้อย ผมให้ทางตำรวจแจ้งญาติของพวกเขาแล้ว ไม่รู้ว่าจะมากันกี่คน ผมเตรียมเอาเถ้ากระดูกของพวกเขาไปโปรยข้างน้ำตกบนภูเขาลูกนั้น ให้มันลอยไปกับสายลม พวกเขาน่าจะชอบ” ฟั่นจยาหลัวชี้ไปที่ภูเขาสูงกับกระจกซึ่งแขวนอยู่บนภูเขานอกหน้าต่าง นั่นคือน้ำตกที่เทกระหน่ำเสมอไม่เคยหยุดพัก สร้างหมอกเย็นฉ่ำ มีเสียงนกร้อง ดอกไม้หอม เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนแห่งหนึ่ง

ต่อให้อีกฝ่ายเป็นวิญญาณคนตาย ซ้ำยังเป็นวิญญาณที่แตกสลายไปแล้ว ทว่าฟั่นจยาหลัวยังคงใส่ใจและให้เกียรติต่อสรรพชีวิต

ซ่งรุ่ยยิ้ม ผงกศีรษะ แต่หัวใจกลับถ่วงหนัก เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าคนแบบไหนที่ฆ่าจิตวิญญาณแสนงดงามนี้ได้ลง คนที่เป็นศัตรูกับฟั่นจยาหลัว คนที่พอเห็นฟั่นจยาหลัวเป็นต้องทำลาย ต้องมีจิตใจอำมหิตขั้นไหน

ความคิดของซ่งรุ่ยสับสนจนต้องหยิบมือถือมาแกล้งทำเป็นอ่านข่าวเพื่อปกปิดความผิดปกติของตน ทางด้านฟั่นจยาหลัวที่ล็อกอินเพื่ออ่านเวยป๋อก็เผลอเลิกคิ้วสูง

แผนของเกาเชียนเชียนยกระดับขึ้นทีละก้าวๆ หลังสร้างหลักฐานเพื่อแจ้งความจับหลิวเจา เธอใช้เงินเชิญพี่สาวตัวปลอมสามคนกับญาติฝ่ายพ่อของหลิวเจาอีกโขยงมาออกสื่อเพื่อเล่าพฤติกรรมบัดซบที่เขาปล่อยให้พ่อแม่แท้ๆ หิวตาย หอบเงินหนี ทิ้งศพให้เน่าส่งกลิ่นเหม็นอยู่ในเพิง

ชาวเน็ตต่างพากันช็อก ด่ากราดว่าหลิวเจาเลวกว่าเดรัจฉาน สมน้ำหน้าที่ต้องติดคุก! ศาลจะต้องเอาผิดเขาและลงโทษให้หนัก อย่าปล่อยให้เดนนรกแบบนี้ออกมาสร้างความวิบัติให้แก่สังคม!

ภายในระยะเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งวันกับหนึ่งคืน ชื่อเสียงของหลิวเจาก็เหม็นโฉ่ ถ้าต่อไปจะเข้าวงการบันเทิง น่ากลัวว่าแค่ออกจากบ้านคงถูกตีตาย

เกาเชียนเชียนตัดทางเขาทุกทาง ไม่มีเยื่อใยสักนิดเลยจริงๆ

และในเวลาเดียวกันเธอก็ไม่ลืม ‘ดูแล’ ฟั่นจยาหลัว เธอจ้างมือโพสต์กลุ่มใหญ่ให้ด่าเขาว่าเป็นพวกต้มตุ๋น ตอแหล ปีศาจราคะ ทำให้ชื่อเสียงและความศรัทธาที่ผู้คนมีต่อเขาถูกโจมตีอย่างไม่เคยเป็น ‘ค้อนจริง’ ที่เธอปล่อยออกมาทำให้แฟนคลับที่เดิมเชื่อมั่นในตัวฟั่นจยาหลัวเกิดความหวั่นไหว ภาพที่เขาถือบทคุยกับหลิวเจาในคลิปเหมือนการต่อบทเพื่อแสดงละครกันจริงๆ!

ซ่งรุ่ยเองก็เห็นข่าวพวกนี้แล้ว เขาพูดเสียงเย็นชา “เกาเชียนเชียนเป็นคนเจ้าแผนการมาก เดินหนึ่งก้าวมองสิบก้าว เธอรู้มาตั้งแต่ต้นว่าหลิวเจาไม่ใช่หลิวเจา คนสวนไม่ใช่คนสวน และเธอเลือกสิ่งที่ให้ผลประโยชน์สูงสุดแก่ตัวเอง การทำลายคุณกับหลิวเจาคนปัจจุบันเป็นแค่ก้าวแรก ต่อไปเธอยังจะหนักข้อขึ้นอีก”

“หนักข้อยังไงครับ” ฟั่นจยาหลัวถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ซ่งรุ่ยตั้งใจอธิบาย ทว่าต่งฉินกลับโทรเข้ามาก่อน น้ำเสียงของเธอค่อนข้างกระวนกระวายใจ “ด็อกเตอร์ซ่งคะ คุณเห็นข่าวในเน็ตแล้วใช่มั้ย เกาเชียนเชียนร้ายมาก เธอเอาญาติกำมะลอมาสาดน้ำสกปรกใส่หลิวเจา ฉันไปเจอคุณตอนนี้ได้หรือเปล่า เราจะได้ช่วยกันหารือว่าจะช่วยหลิวเจาพลิกคดียังไง”

“บริษัทสื่อวัฒนธรรมที่หลิวเจาเปิดกำลังจะเข้าตลาดหุ้นแล้วใช่หรือเปล่าครับ” ซ่งรุ่ยไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม

“ใช่ค่ะ ใกล้จะเข้าตลาดหุ้นแล้ว เขามีหัวด้านธุรกิจมาก ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง เขามีพรสวรรค์มากและใจดีมากด้วย เงินที่ได้ส่วนใหญ่จะเอาไปสร้างกุศล เขาไม่ควรตกต่ำถึงขั้นนี้” เสียงของต่งฉินสะอื้นขึ้นมาอีก เธอต้องปิดปากตัวเองเพื่อปรับอารมณ์

ซ่งรุ่ยพูดอย่างใจเย็น “คอยอีกหน่อย คุณรับแม่เขากลับมาก่อน และหาที่ให้เธออยู่เงียบๆ หลังจากนั้นผมมีแผน”

“ต้องคอยอีกนานแค่ไหนคะ ตอนนี้เขาเสียชื่อเสียง ไม่เหลืออะไรเลย แถมยังถูกขังอยู่ในคุก เขา…”

ซ่งรุ่ยตัดบทคำพูดของต่งฉิน “ถ้าคุณไม่เชื่อผม จะเปลี่ยนทนายก็ได้นะครับ”

ต่งฉินรีบร้องบอก “ไม่ค่ะ ไม่ๆ ฉันเชื่อคุณ ฉันไม่เปลี่ยนทนาย”

“คอยให้ได้โอกาสเหมาะ ผมจะบอกคุณ อย่างมากสามวันเป็นรู้ผล” ซ่งรุ่ยปลอบ

ใจของต่งฉินเต็มไปด้วยความสงสัย แต่กลับไม่กล้าพูดมาก ถึงบุคลิกของซ่งรุ่ยจะดูสุภาพเรียบร้อย ทว่าสัญชาตญาณบอกเธอว่าคนคนนี้ไม่ใช่คนที่จะไปมีเรื่องด้วยได้ เขาน่าจะทำให้คำพูดของตัวเองเป็นจริงได้ ให้เกาเชียนเชียนต้องชดใช้ด้วยชีวิตทั้งชีวิต

พูดกันจริงๆ คือหลังได้ผลการตรวจดีเอ็นเอ ถ้าต่งฉินอยากช่วยพลิกคดีให้หลิวเจาย่อมเป็นเรื่องง่ายมาก แต่หญิงสาวยังไม่พอใจ เนื่องจากตอนนี้ต่งฉินยังหาจุดอ่อนของเกาเชียนเชียนไม่เจอ แค่อีกฝ่ายบอกว่า ‘ฉันไม่รู้เรื่อง’ ความผิดทุกอย่างจะเป็นอันตกไป และถึงอย่างไรเธอก็ยังคงเป็นคุณนายหลิว ถ้าหลิวเจาจะหย่าก็ต้องแบ่งทรัพย์สินให้เกาเชียนเชียนครึ่งหนึ่ง

นึกถึงหลิวเจาที่อยู่ในคุก ต่งฉินก็ยกมือปิดหน้า เสียใจจนอยากร้องไห้ ทว่าตอนเปิดหน้าออกมา ในดวงตาเธอกลับฉายแววน่ากลัว ก่อนหน้านี้เธอไม่กล้าประจันหน้ากับเกาเชียนเชียนเพราะกลัวตีหนูพังแจกันหยก แต่ตอนนี้เกาเชียนเชียนล้ำเส้นมากขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงไม่จำเป็นต้องเมตตาอีกฝ่าย ได้ เธออยากทำลายหลิวเจาใช่มั้ย งั้นฉันจะชิงทำลายเธอก่อน!

ฝั่งต่งฉินกำลังยุ่ง ฝั่งฟั่นจยาหลัวก็ไม่ได้ว่าง เขาล็อกอินเข้าเวยป๋อพิมพ์ข้อความพร้อมแท็ก @เหวินซืออวี่

 

‘ขอมอบคำทำนายให้คุณหนึ่งข้อ เส้นทางนักเต้นคือเส้นทางการเป็นเทพของคุณ ไม่อย่างนั้นคุณจะเป็นแค่คนธรรมดาไปตลอดชีวิต ถ้าคุณไม่อยากล่องลอยอยู่ในวงการบันเทิง มีงานอะไรที่เกี่ยวกับการเต้นก็ขอให้ไปลอง ไม่อย่างนั้นอีกไม่เกินหนึ่งปีคุณจะหายไปจากจอ ป.ล. ผมไม่ได้เล็งคุณ สายตาผมยังไม่แย่ขนาดนั้น’

 

ทันทีที่เวยป๋ออันนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตก็เป็นบ้ากันอีกครั้ง พวกเขาใช้ถ้อยคำรุนแรงมาประหัตประหารฟั่นจยาหลัว จิตชั่วที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องทำให้เวยป๋อหน้าแรกของเขาค้าง เวลานี้มีคนเชื่อเขาน้อยมาก ทุกคนต่างพูดถึงเขาในฐานะนักต้มตุ๋นที่อาศัยชื่อร่างทรงวิญญาณมาหลอกเอาเงินกับผู้หญิง

เห็นฟั่นจยาหลัวถูกด่าจนไม่เหลือชิ้นดี เหวินซืออวี่ที่เกือบถูกเวยป๋ออันนี้ทำให้โมโหจนบ้าก็อารมณ์ดีขึ้น

ผู้จัดการของเธอเอาสัญญาหลายฉบับออกมาบอกว่า “ฟั่นจยาหลัวคนนี้น่าจะเป็นพวกเล่นของ เพราะงานที่เธอได้มาในช่วงนี้หลายงานเกี่ยวกับการเต้นทั้งนั้น นับว่าเขาทายถูกทีเดียว เธอดูสิ นี่เป็นรายการวาไรตี้สตาร์แดนซ์ เรตติ้งของซีซั่นก่อนสูงมาก ซีซั่นนี้ก็น่าจะดังเหมือนกัน ส่วนนี่เป็นรายการสตรีตแดนซ์เพิ่งเปิดตัวซีซั่นแรก ฉันอ่านแผนงานของพวกเขาแล้วครีเอตดีมาก พวกเขาอยากเชิญเธอไปเป็นเมนเทอร์ และให้เธอเต้นกับผู้เข้าแข่งขันสองสามเพลงเพื่อแสดงความสามารถของเธอให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง น่าจะช่วยดึงดูดแฟนคลับให้เธอได้ไม่น้อย นี่เป็นคำเชิญให้ไปเทสต์หน้ากล้องของละครเรื่องนึง เป็นตัวรอง พระสนมที่เป็นที่โปรดปรานเพราะการเต้นรำและได้มีชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์ เข้ากับหน้าตาและความสามารถเฉพาะตัวของเธอมาก ถึงโปรดักชั่นจะเล็ก ผู้กำกับไม่ดัง แต่บทดีงาม สามงานนี้ทำมาเพื่อเธอทั้งนั้น ถ้ารับเธอจะต้องประสบความสำเร็จมากแน่ ฟั่นจยาหลัวคนนี้ไม่ใช่พวกต้มตุ๋นจริงๆ เธอเลิกว่าเขาได้แล้ว ให้คนเอาคลิปกับฮอตท็อปปิกออกเถอะ”

คำพูดของผู้จัดการคือการราดน้ำมันลงไปในกองเพลิง เหวินซืออวี่ระเบิดตูมขึ้นมาทันที “คำเชิญทั้งสามพี่ช่วยปฏิเสธไปให้หมดเลยนะ ต่อจากนี้ไปถึงตายฉันก็จะไม่รับงานที่เกี่ยวกับการเต้นอีก ฉันจะให้ฟั่นจยาหลัวเบิกตาสุนัขของเขาดูให้ชัดๆ ว่าชีวิตของฉัน เหวินซืออวี่ อยู่ในมือของตัวเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดไร้สาระไม่กี่ประโยคของเขา! ไว้ฉันดังเมื่อไหร่ฉันจะตบหน้าเขาสักหลายฉาด เอาให้ฟันสุนัขของเขาหลุดออกมาเลย!”

เหวินซืออวี่พลิกดูในสมุดแผนงาน สุดท้ายก็หยิบเอาสัญญาหนึ่งฉบับออกมา “ฉันอยากร่วมรายการนี้ CHINESE RESTAURANT วาไรตี้ชั้นคิงของช่องเลมอน ดังทุกซีซั่น คุณสมบัติฉันเลิศขนาดนี้มีหรือจะไม่ดัง”

เดิมทีผู้จัดการก็หมายตารายการนี้เป็นเบอร์แรกอยู่แล้ว เธอจึงโยนคำเตือนของฟั่นจยาหลัวออกไปจากสมองทันที

อีกด้านหนึ่งฟั่นจยาหลัวเหมือนใช้จิตสัมผัสอะไรได้จึงเผลอโค้งริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม ซ่งรุ่ยชะโงกมามองมือถือของเขา สั่นศีรษะแล้วเอ่ย “ยิ่งคุณพูดแบบนี้เหวินซืออวี่ยิ่งไม่รับงานเต้น คุณขุดหลุมดักเธอ”

ฟั่นจยาหลัวส่ายหน้า “ผมไม่ได้ขุดหลุมดักเธอ ทุกข้อเสนอแนะที่ผมให้มาจากใจ การทิ้งการเต้นไปเป็นการตัดสินใจของตัวเธอเองต่างหาก”

“โอเค ไม่ได้ขุดก็ไม่ได้ขุด” ซ่งรุ่ยแสร้งทำเป็นเชื่อคำพูดของเขา

ฟั่นจยาหลัวสไลด์หน้าเวยป๋ออย่างเอาจริงเอาจัง ตอนหลังเขาปรายตาไปมอง ดร. ซ่งแล้วถูกอีกฝ่ายจับได้อย่างจัง ฟั่นจยาหลัวชะงักไปครู่หนึ่งก่อนหลับตาลง เม้มริมฝีปากบาง ผงกศีรษะ “โอเค ผมยอมรับ ผมขุดหลุมดักเหวินซืออวี่ คุณจะมองผมทำไม หรือคุณไม่ได้ขุดหลุมดักเกาเชียนเชียนเหมือนกัน?” คำพูดประโยคนี้ของเขามีกระแสท้าทาย เหมือนกำลังบอกว่าทำไมผมจะทำเรื่องที่คุณทำบ้างไม่ได้ ฟั่นจยาหลัวที่เป็นแบบนี้ดูสดใสมาก เด็กมาก และน่ารักมาก

ซ่งรุ่ยเอามือปิดหน้า หัวเราะเบาๆ

 

ขณะเดียวกันเกาเชียนเชียนก็รีบไปที่คุกเพื่อเยี่ยมหลิวเจา ประโยคแรกที่เธอเปิดปากพูดนับเป็นการยอมรับตัวตนของเขา “คุณโทรหาต่งฉินเดี๋ยวนี้ บอกให้เธอหยุด แล้วฉันอาจพิจารณาเรื่องยอมความกับคุณนอกศาล คิดให้ดีนะ ตอนนี้คุณไม่เหมือนเมื่อก่อน คุณไม่มีอะไรมาต่อรองกับฉัน ถ้าต่งฉินยังหาเรื่องฉันอีก แค่ฉันพูดประโยคเดียวก็ทำให้คุณติดคุกได้!”

“สรุปคือคุณรู้มาตลอดว่าเป็นผมใช่หรือเปล่า” หลิวเจาเงยหน้าขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นดวงตาเยียบเย็นกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและขมขื่น

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 16 .. 65

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: