ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 5
ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)
แปลโดย : ปราณหยก
ผลงานเรื่อง : 灵媒 (Ling Mei)
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ปัญหาในครอบครัว
มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต การทำร้ายเด็ก การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ
การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ การข่มขืน
การฆ่าตัวตาย และการใคร่เด็ก ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 182 สัตว์ประหลาดมักออกมาเป็นฝูง
ประสบการณ์จากการเฝ้าคอยด้วยความกระวนกระวายใจกับเซอร์ไพรส์ชุดใหญ่ในวันสุดท้ายทำให้ต่งฉินบังเกิดความรู้สึกเชื่อมั่นในตัว ดร. ซ่งอย่างไม่มีเงื่อนไข ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้วางแผนให้หลิวเจาได้พบแม่ และพยายามชะลอเรื่องนี้ออกไปอย่างเต็มกำลัง ทั้งที่หลิวเจาโทรถามทุกวันและคุณแม่หลิวก็ร้อนใจมาก แต่ต่งฉินแบกรับความกดดันจากทุกทางไว้
เธอล็อกเป้าหมายสุดท้ายของตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะต้องให้เกาเชียนเชียนกับสวีเว่ยเปียวชดใช้การกระทำของตัวเอง! ตัวแปรอะไรก็ตามที่อาจสร้างปัญหาต่อการสืบพยานในชั้นศาลล้วนถูกกำจัดก่อน ต่งฉินอยากให้พวกเขาติดคุกกันตลอดกาลจนพื้นทะลุ! ด้วยเหตุนี้ต่อให้หลังจากซ่งรุ่ยประกันตัวหลิวเจาออกมาเรียบร้อย ต่งฉินก็ยังหาข้ออ้างอีกมากมายมายับยั้งไม่ให้ทั้งคู่ได้พบกันทำให้หลิวเจาเริ่มเอะใจสงสัย
หลุมทางซ่งรุ่ยขุดเสร็จแล้ว แค่คอยฟาดอาวุธใส่กันในวันขึ้นศาล แต่ฟั่นจยาหลัวกลับเจอข่าวด้านลบแรงขึ้น เมื่อจู่ๆ ช่องเลมอนออกแถลงการณ์หนึ่งฉบับบอกชาวเน็ตทุกคนว่ารายการโลกของผู้วิเศษที่เป็นรายการชั้นคิงของพวกเขาประสบปัญหาบางประการทำให้ต้องยุติการออกอากาศ ไม่สามารถแพร่ภาพได้อีก ขอให้ทุกคนโปรดอภัย
ประสบปัญหาบางประการคืออะไร เรื่องภายในแบบนี้ถ้าจะเล่ากันจริงๆ มันค่อนข้างซับซ้อน คนในวงการหลายคนสามารถสืบความได้ ว่ากันว่าบรรดาผู้เข้าแข่งขันต่างไม่พอใจการเปลี่ยนผู้กำกับเลยยกทีมกันออก ส่งผลให้รายการเป็นจอว่าง แต่คนนอกวงการกลับไม่รู้ความจริงเลยปักใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับฟั่นจยาหลัว
‘รายการโลกของผู้วิเศษจะต้องถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแบนแล้วแหง! ร่างทรงวิญญาณในรายการนี้ตอแหลทั้งนั้น โดยเฉพาะฟั่นจยาหลัว เขาหน้าใหญ่จริงๆ ถึงกล้าเอาหลิวเจามาร่วมแสดงละครกับเขา’
‘ฟั่นจยาหลัวไสหัวไป! ไอดอลฉันไม่ใช่คนที่นายจะเหยียบย่ำได้!’
‘ฮ่าๆๆ กรรมติดจรวดแท้ๆ! แอ็กเว่อร์วังขนาดนี้เตรียมล่มกลางเวทีไว้ให้ดีเถอะ! บนโลกมีร่างทรงวิญญาณจริงเหรอ ฉันเห็นแค่ตดหมา*!’
‘ก่อนหน้านี้ฉันเชื่อมั่นในตัวฟั่นจยาหลัวมาก เข้าใจมาตลอดว่าเขาเป็นร่างทรงวิญญาณที่เก่งมากคนหนึ่ง สามารถพาเราไปเห็นโลกมหัศจรรย์อีกใบ แต่ผลคือพวกคุณกลับมาบอกฉันว่าปาฏิหาริย์ที่เขาสร้างขึ้นเป็นแค่การเล่นละครไปตามบท! ทุกคนร่วมมือกันเพื่อแต่งเรื่องโกหกมาให้พวกเราดู ฉันแม่ง…ตอนนี้ฉันเฟลมาก รายการกะหลั่วงมงายแบบนี้มันน่าหยุดฉายตั้งนานแล้ว!’
‘ขี้จุ๊ ขี้ตั๋ว ขี้ฮก ขี้ฉ้อ!!!! คืนน้ำตา คืนศรัทธา คืนการบูชา คืนการซัพพอร์ตที่ฉันให้ไปตลอดหลายเดือนมา! ฟั่นจยาหลัว ไอ้คนตอแหล ไปตายซะ!’
ที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่การโจมตีของแอนตี้ แต่เป็นการหันกลับมากระทืบของชาวเน็ตที่ผันตัวจากแฟนคลับไปเป็นแอนตี้ ก่อนหน้านี้พวกเขาศรัทธาในตัวฟั่นจยาหลัวมากแค่ไหน ตอนนี้พวกเขายิ่งผูกใจเจ็บแค้นมากเท่านั้น เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าตัวเองถูกหลอก ถูกปั่นหัว ความรักทั้งหมดถูกบดเอาไปป้อนสุนัข!
ปัญหานี้ยังไม่ใช่เรื่องเหลือทนที่สุด เพราะสิ่งที่ทำให้คนรับไม่ได้มากยิ่งกว่าคือกลุ่มแฟนคลับอย่างพวกเขาถูกทุกคนแปะป้ายว่า ‘ไอคิวมีปัญหา’ เพราะถ้าไอคิวไม่มีปัญหา ละครเกินเบอร์ คาแร็กเตอร์เกินเรื่องแบบนี้ใครเขาจะไปเชื่อ!
จำนวนแฟนคลับของฟั่นจยาหลัวลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากถูกด่าว่าปัญญาอ่อน ความคิดของมวลชนถูกควบคุมได้ง่ายมาก เมื่อพวกเขารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน พวกเขาย่อมใช้ทัศนะของส่วนรวมในการมองเรื่องใดเรื่องหนึ่งและยึดพฤติกรรมของทุกคนเป็นหลักเกณฑ์ ทำให้สูญเสียความสามารถในการคิดแบบปัจเจกบุคคลไป เมื่อคนคนหนึ่งบอกว่าหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสาม คุณต้องคัดค้านแน่นอน แต่ถ้าคนสิบคน ยี่สิบคน ร้อยคนพูดแบบเดียวกัน ต่อให้มันจะผิดไปไกลแค่ไหนคุณก็ย่อมเชื่อในคำตอบนี้ มนุษย์หนึ่งคนไม่ได้ไอคิวต่ำจริงๆ แต่กลุ่มคนที่ไร้เหตุผลต่างหากที่ไอคิวต่ำ
ชื่อเสียง ความนิยม กระแสของฟั่นจยาหลัวถดถอยอย่างรวดเร็ว คำกล่าวหาของเกาเชียนเชียนกับเหวินซืออวี่ผลักชายหนุ่มให้ไปอยู่ที่ขอบเหว แต่คำแถลงการณ์ของช่องเลมอนได้ถีบเขาตกลงไปในเหวอย่างแรง เจอกับการระดมหมัดชุดนี้ต่อให้เป็นเฉาเสี่ยวเฟิงที่เชื่อมาตลอดว่าฟั่นจยาหลัวจะต้องโอเคยังลน ต้องรีบโทรหาเขา
“ผมจะไปที่บริษัท ถ้าผมจำไม่ผิดดูเหมือนสัญญาของผมจะครบกำหนดแล้ว ทันทีที่ผมออกไป พวกคุณก็ไม่ต้องห่วงเรื่องอะไรอีก” ฟั่นจยาหลัวพูดเสียงเรียบนิ่งอย่างยิ่ง
“อะไรนะ คุณจะไป? จะไม่อยู่ในวงการบันเทิงแล้วเหรอ” เฉาเสี่ยวเฟิงเสียใจจนปากสั่น
ก่อนหน้านี้เขาอยากให้ฟั่นจยาหลัวออกจากวงการทุกวัน แต่ตอนนี้ส่วนลึกในใจกลับรู้สึกอาลัยอย่างยิ่งยวด เมื่อก่อนเขาเข้าใจว่าอาจารย์ฟั่นเป็นคนเย่อหยิ่ง หัวสูง กำเริบเสิบสาน อีกฝ่ายแช่งให้เกาอี้เจ๋อตายแล้วยังโพสต์เวยป๋อแปลกๆ ถึงตำรวจและชาวเน็ตทุกวัน เป็นคนสติไม่ดีคนหนึ่ง แต่พอได้คลุกคลีกับฟั่นจยาหลัวนานขึ้น เฉาเสี่ยวเฟิงถึงตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าอีกฝ่ายไม่ได้เย่อหยิ่ง หัวสูง กำเริบเสิบสาน หรือสติไม่ดีแต่อย่างใด
ตรงข้ามจิตใจของฟั่นจยาหลัวใสสะอาดกว่าใคร ความคิดอ่านก็เรียบง่ายกว่าทุกคน คุณไม่มีวันได้ยินคำโกหกออกจากปากเขา และไม่มีความรู้สึกว่าถูกแบ่งชนชั้น เขาปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนกัน ไม่ได้ดูแคลนคุณเพราะคุณมีฐานะต่ำต้อย และไม่ยกยอคุณเพราะคุณมีฐานะสูงส่ง แน่นอนว่าคนที่มองทุกคนเท่ากันแบบนี้ย่อมไม่เคยทำชั่ว แต่เวลาเจอกับคนเลวเต็มเหนี่ยว เขาก็สามารถกดข่ม ฟาดให้พินาศแบบไร้เยื่อใยได้เหมือนกัน
เฉาเสี่ยวเฟิงไม่เคยเจอใครที่มีเสน่ห์มากกว่าอาจารย์ฟั่น พอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะจากไป เขาแทบปล่อยโฮออกมา
“คุณไม่มีความจำเป็นต้องไปเลยจริงๆ คุณไม่เคยเห็นคำวิจารณ์ลบๆ แบบนี้อยู่ในสายตาไม่ใช่เหรอ ผมจะช่วยคุณหาบริษัทประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุดมาช่วยล้างมลทิน แค่ใช้เงินมากหน่อยก็ล้างมลทินได้แล้ว! ประธานจ้าวเพิ่งส่งเวยป๋อมา เขาบอกว่าเขาจะซัพพอร์ตคุณ เชื่อมั่นในตัวคุณเหมือนที่ผ่านมา การแบนคุณเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ผู้กำกับซ่งก็โพสต์เวยป๋อเชียร์คุณ อธิบายถึงสาเหตุที่ต้องหยุดเผยแพร่รายการ ทีมงานของรายการกับร่างทรงวิญญาณทุกคนก็กำลังช่วยพูดให้คุณ อาจารย์ฟั่นครับ มีคนมากมายสนับสนุนคุณอยู่นะ คุณหยิบมือถือออกมาดูสิ” พูดมาถึงตอนสุดท้าย เสียงของเฉาเสี่ยวเฟิงก็แหบพร่า
ฟั่นจยาหลัวส่ายหน้ายิ้มๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ขอบคุณพวกคุณ แต่ผมไม่ได้จะไปเพราะคำนินทาว่าร้ายพวกนั้น แต่เป็นเพราะถึงเวลา ผมบอกคุณไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าผมจะไม่อยู่ในวงการนี้นาน”
เฉาเสี่ยวเฟิงถึงเพิ่งนึกได้ว่าในช่วงแรกที่ตนทั้งกลัวทั้งเกลียดอาจารย์ฟั่น อาจารย์ฟั่นเคยบอกว่าเขาจะอยู่ร่วมรายการโลกของผู้วิเศษจนจบแล้วจะออกจากวงการบันเทิง ตอนนั้นเขามีเซ้นส์ว่าตัวเองจะอยู่อีกไม่นานใช่หรือเปล่า คนที่มีความพิเศษ เข้มแข็ง ท่องอยู่ระหว่างโลกแห่งความมืดและแสงสว่างแบบเขา ย่อมอยู่ในโลกของมนุษย์ธรรมดาได้ยาก เนื่องจากผู้คนต่างไม่เข้าใจเขา ต่อให้ทุกเรื่องที่เขาทำล้วนเป็นการปกป้องมวลชนก็ตาม
“ผมเข้าใจครับ ผม…” เฉาเสี่ยวเฟิงระงับอารมณ์อยากร้องไห้ไว้ พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจอย่างยิ่ง “อาจารย์ฟั่นครับ ผมขอให้คุณมีความสุขตลอดไปนะครับ”
“ขอบคุณครับ อีกเดี๋ยวผมจะไปคุยเรื่องยุติสัญญาที่บริษัท” ฟั่นจยาหลัวยิ้มพลางวางสาย
ช่วงที่ทั้งสองคนคุยกัน ยอดแฟนคลับของฟั่นจยาหลัวตกลงไปแล้วหลายล้าน และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง เขาเป็นเหมือนดาวดวงหนึ่งที่ตกลงมาจากท้องฟ้าสูง ภาพที่ปรากฏไม่ใช่แสงประกายระยิบระยับ ซ้ำยังเป็นเหมือนพื้นปูด้วยขนไก่
ตอนเข้าวงการบันเทิงใหม่ๆ ชื่อเสียงเขาย่ำแย่ ตกเป็นเป้าโจมตีของใครต่อใคร เวลานี้เมื่อเขาเตรียมจะจากไป สถานการณ์ก็ไม่เปลี่ยนสักนิด ประวัติศาสตร์ซ้อนทับกันอย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนคำสาปและคล้ายเป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันแปรผัน ฟั่นจยาหลัวถูกตรึงอยู่ที่เดิม ถ้าเรื่องเลวร้ายแบบนี้ไปตกใส่ดาราคนไหนสักคนอาจทำให้พวกเขาแหลกยับ แต่ฟั่นจยาหลัวกลับยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาฟั่นจยาหลัวก็ไปถึงบริษัทสเตลล่าร์ แต่กลับถูกผู้ช่วยกันไว้นอกห้องทำงานของประธาน “คุณฟั่นคะ ตอนนี้คุณยังเข้าไปไม่ได้ เพราะพี่หย่าอยู่ข้างใน”
“พี่หย่าไหน” ฟั่นจยาหลัวรู้เรื่องศิลปินของบริษัทสเตลล่าร์ค่อนข้างน้อย
ผู้ช่วยทำหน้าตึง อธิบายว่า “เจี่ยนหย่า ราชินีหนังแซ่เจี่ยนที่เป็นดาราหญิงเพียงคนเดียวที่เทียบชั้นกับหลิวเจาได้!” พูดมาถึงตรงนี้สีหน้าของเธอเหมือนมีความแค้นเคืองขึ้นมา
ฟั่นจยาหลัวไม่สนใจท่าทีของเธอ เขาหามุมสงบเพื่อนั่งคอยด้วยตัวเอง
เพราะรู้ว่าฟั่นจยาหลัวมาคุยเรื่องยุติสัญญา แถมไร้อนาคต พนักงานต้อนรับบนยอดตึกเลยขี้เกียจแม้แต่จะรินกาแฟสักถ้วยให้เขา แรกๆ พวกเขาต่างลอบมองฟั่นจยาหลัวด้วยแววตาสะใจเป็นระยะ แต่ต่อมาความสนใจกลับถูกเสียงทะเลาะในห้องทำงานดึงดูดไป
ประสาทสัมผัสของฟั่นจยาหลัวเฉียบคมเป็นพิเศษ เขาย่อมได้ยินชัดกว่าใคร
เสียงแหลมๆ เสียงหนึ่งตะโกนลั่น “ค่าผิดสัญญาเป็นเงินเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายให้! ฉันจะไป พวกคุณไม่ต้องมาขวาง!”
“คุณจะไปก็ไป แต่ทำไมถึงต้องไปสตูดิโอของซูเฟิงซี หรือสตูดิโอเล็กๆ ที่เพิ่งตั้งนั่นสู้บริษัทสเตลล่าร์เราได้?” จ้าวเหวินเยี่ยนเดือดดาล
“สตูดิโอเล็กๆ? ประธานจ้าว คุณนั่งก้นบ่อมองฟ้า มากเกินไปแล้ว คุณรู้หรือเปล่าว่าใครเป็นนายทุนให้บริษัทของเธอ สกุลจาง!”
“สกุลจางมีอำนาจมากก็จริง แต่อิทธิพลของพวกเขาในวงการบันเทิงสู้บริษัทสเตลล่าร์ได้หรือไง เจี่ยนหย่า คุณอย่าหัวร้อนสิ”
“ประธานจ้าว ฉันหัวร้อนหรือคุณหัวร้อนกันแน่ ศิลปินหน้าตาดีมีความสามารถคุณไม่ดัน แต่ไปดันไอ้คนโกหกหลอกผีงมงาย ถ้าคุณดันเขาให้ดังได้ฉันจะไม่ว่าเลยสักประโยค แต่คุณดูตอนนี้สิ เขาเละแล้ว! เละเทะป่นปี้! เงินที่คุณลงไปตั้งเท่าไหร่ได้มาแต่น้ำเหลวๆ! แต่คุณกลับโพสต์เวยป๋อว่าจะซัพพอร์ตเขาเหมือนที่ผ่านมา! คุณลำเอียงแบบนี้จะให้ศิลปินคนอื่นยอมได้ยังไง”
“ถ้าผมบอกว่าผมไม่เคยลงเงินไปกับฟั่นจยาหลัวสักเฟินคุณจะเชื่อมั้ย เขาไม่เคยใช้ทรัพยากรของบริษัท”
“ฮ่าๆๆ พูดแบบนี้ใครมันจะเชื่อ คุณว่าตัวคุณเองจะเชื่อมั้ย”
“คุณไม่ต้องลากเรื่องออกไปไกล ที่คุณอยากยกเลิกสัญญากับบริษัทสเตลล่าร์ไม่ใช่ปัญหาเรื่องที่บริษัทไม่ดีต่อคุณหรืออย่างอื่น และยิ่งไม่เกี่ยวกับฟั่นจยาหลัวเลย ทั้งหมดเป็นเพราะซูเฟิงซีสัญญาอะไรกับคุณไว้ ผู้หญิงคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาด อยู่กับเธอไม่ช้าก็เร็วคุณอาจจะตายโดยไม่รู้สาเหตุ!”
“สัตว์ประหลาด? ประธานจ้าว ดูท่าข่าวลือข้างนอกจะเป็นเรื่องจริง คุณถูกฟั่นจยาหลัวล้างสมองถึงได้เชื่อเรื่องบ้าบอพวกนั้น! การที่คุณสามารถบริหารบริษัทใหญ่โตแบบนี้ได้ไม่น่าจะใช่พวกสมองกลวงนะ”
“คุณว่าใครสมองกลวง คนสมองกลวงตัวจริงคือคุณ คือชาวเน็ตพวกนั้น กับคนที่ด่าฟั่นจยาหลัวต่างหาก! พวกคุณมีตาหนึ่งคู่แต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลย!”
“ประธานจ้าว ฉันไม่อยากคุยกับคุณ คุณโดนฟั่นจยาหลัววางยา ไร้ยารักษาแล้ว! เรื่องยกเลิกสัญญาฉันจะต้องทำวันนี้ให้ได้!”
การทะเลาะเบาะแว้งของทั้งคู่เข้าใกล้ความดุเดือดเลือดพล่าน มีการลุกขึ้นเพื่อฉีกทึ้งกันจนผู้จัดการที่นั่งเป็นวอลล์เปเปอร์อยู่ด้านข้างต้องรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย
“ประธานจ้าว พี่หย่า พวกคุณใจเย็นกันก่อน มีอะไรเราค่อยๆ นั่งคุยกันก็ได้ ไม่เห็นต้องฉีกหน้ากันเลย ทุกคนอยู่ในวงการเดียวกัน ต่อไปยังมีโอกาสร่วมงานกันอีกมาก ทำไมถึงต้องโวยวายกันให้ไม่น่าดูแบบนี้ด้วย” พูดจบผู้จัดการก็เปิดประตู กวักมือเรียกผู้ช่วยที่เงี่ยหูแอบฟัง “เสี่ยวข่ง ไปรินกาแฟมาสักสองสามถ้วย ใส่น้ำตาลเยอะหน่อยนะ” ถ้าได้กินน้ำตาล เวลาเจรจาอารมณ์ของทั้งสองฝ่ายอาจดีขึ้น
เดิมทีฟั่นจยาหลัวเพียงปรายตามองไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่พอสายตากวาดผ่านผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่าง ดวงตาของเขาพลันมืดครึ้มลง รูปร่างหน้าตากับออร่าของผู้หญิงคนนั้นมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ เจี่ยนหย่า…เจี่ยนหย่า…ตัวคนช่างสมชื่อ เพราะตัวเธอดูเรียบหรู งามสง่า เวลานั่งนิ่งๆ อยู่ท่ามกลางแสงตะวัน ผิวขาวอมชมพูตามธรรมชาติเปล่งประกายอิ่มน้ำน้อยๆ มีความเนียนละเอียดยิ่งกว่าผิวทารก แม้จะอายุใกล้สามสิบห้า แต่ใบหน้ากลับปราศจากริ้วรอย อ่อนเยาว์ยิ่งกว่าเด็กสาวอายุสิบแปดสิบเก้าที่เพิ่งเข้าวงการเสียอีก
ทั้งที่มีอายุแล้วแต่กลับสามารถรักษาใบหน้าเยาว์วัยแบบเด็กสาวเอาไว้ได้ มิน่าแฟนคลับของเธอถึงเรียกเธอว่าเทพธิดาที่ไม่รู้จักแก่เฒ่า ถ้าหน้าเธอไม่เปลี่ยนคาดว่ายังจะดังได้อีกสิบถึงยี่สิบปี นี่คือสาเหตุที่เธอมีสิทธิ์มานั่งตั้งป้อมกับจ้าวเหวินเยี่ยนอยู่ที่นี่ หลังออกจากบริษัทสเตลล่าร์เธอไม่ต้องกลัวเลยว่าจะไม่มีงาน เพราะตัวเธอเองคือป้ายโฆษณาที่เปล่งประกายป้ายหนึ่งอยู่แล้ว
ผู้ช่วยยกกาแฟหนึ่งกาเข้าไปแล้ว สายตาของฟั่นจยาหลัวพลันถูกกั้นอยู่นอกประตู ทว่าจังหวะนี้เองชายหนุ่มกลับลุกขึ้นยืน เคาะประตู แต่ไม่คอยให้คนข้างในตอบรับก็เดินเข้าไปเอง
กาแฟยังไม่ทันได้ดื่ม เจี่ยนหย่ากับจ้าวเหวินเยี่ยนก็มีปากเสียงกันอีกรอบ
“คุณจะให้ผมบอกอีกกี่ครั้งว่าซูเฟิงซีเป็นสัตว์ประหลาดๆๆ! ถึงเธอจะไม่กินคน แต่เธอกินสมองของคุณ! ตอนนี้คุณถูกเธอบงการแล้ว หรือคุณไม่รู้สึก?”
“ฉันว่าคนที่ถูกบงการคือคุณต่างหาก ฟั่นจยาหลัวดีกว่าซีซีตรงไหนถึงทำให้คุณหลงเขาหัวปักหัวปำ ฉันกับซีซีเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุด ตอนที่เธอถูกคุณไล่ ฉันก็อยากยกเลิกสัญญาแล้ว การที่ฉันลากยาวมาจนถึงตอนนี้ถือว่าฉันไว้หน้าคุณมาก! คุณเชื่อหรือเปล่าว่าถ้าฉันโพสต์ลงเวยป๋อว่าบริษัทสเตลล่าร์ไม่ดีแค่ไม่กี่ประโยค หุ้นบริษัทจะต้องร่วงลงอีก พวกคุณอย่ามาหาเรื่องฉัน ไม่งั้นฉันจะเอาคืนให้ซีซีแน่นอน…เอ๊ะ ใครให้คุณเข้ามา ทำไมถึงไร้มารยาทแบบนี้ ออกไปนะ!”
คำพูดของเจี่ยนหย่าถูกตัดบทด้วยฟั่นจยาหลัวที่จู่ๆ ก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน เธอลุกขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว ชี้ไปที่ประตูพลางตวาด
ทว่าฟั่นจยาหลัวเพียงปรายตามองเธอเล็กน้อย เขานั่งลงบนเก้าอี้หมุนฝั่งตรงกันข้ามกับจ้าวเหวินเยี่ยน พูดเสียงเรียบ “ยกเลิกสัญญากับเธอเถอะ”
“หืม?” สีหน้าเกรี้ยวกราดของจ้าวเหวินเยี่ยนชะงักค้าง คิ้วขวาเผลอยกสูง
“เธอกำลังจะมีปัญหา” ฟั่นจยาหลัวพูดเสียงเนิบ
จ้าวเหวินเยี่ยนเบิกตาโตอยู่หนึ่งวินาที แต่เจี่ยนหย่ากลับพลิกมือปัดถ้วยกาแฟ ถามเสียงโกรธเกรี้ยว “คุณบอกว่าใครจะมีปัญหา ลูกไม้ของสามอาชีพชั้นต่ำแบบนี้ของคุณขู่เหวินซืออวี่ได้ แต่ขู่ฉันไม่ได้ ฉันเจี่ยนหย่าสู้อยู่ในวงการบันเทิงมานานขนาดนี้ มีลมพายุคลื่นยักษ์แบบไหนบ้างที่ไม่เคยเจอ! ต่อให้หญ้าบนหลุมศพคุณสูงสามเมตรแล้วฉันก็ยังไม่มีปัญหา”
ฟั่นจยาหลัวหลุบตาลงไม่มองเธอ เพียงใช้ข้อนิ้วเคาะโต๊ะ เร่งอีก “รีบยกเลิกสัญญากับเธอ เธอถูกซูเฟิงซีทำให้เป็นพวกเดียวกัน คุณก็รู้ว่าสัตว์ประหลาดไม่มีทางโผล่ออกมาตัวเดียว พวกมันชอบออกมาเป็นฝูง”
ทันทีที่ได้ยินคำนี้จ้าวเหวินเยี่ยนก็เลิกลังเลรีบเอาเอกสารการยกเลิกสัญญาออกมาเซ็นชื่อประทับตราอย่างไว แล้วโบกมือเหมือนส่งเทพแห่งโรคระบาด “ไปๆๆ จ่ายค่าผิดสัญญาเสร็จก็รีบไปเลย! ผมไม่อยากเห็นคุณในบริษัทอีก!”
เจี่ยนหย่าอึ้งอยู่หลายวินาทีก่อนระเบิดตูม
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 19 ก.พ. 65
Comments
comments
No tags for this post.