ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 7
ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)
แปลโดย : ปราณหยก
ผลงานเรื่อง : 灵媒 (Ling Mei)
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่
อาการป่วยทางจิต การทำร้ายเด็ก การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ
การบังคับหรือโน้มน้าวให้
การฆ่าตัวตาย การใคร่เด็ก การกักขังหน่วงเหนี่ยว การทารุณสัตว์ การลักพาตัว
การทรมาน การฆาตกรรมและแยกชิ้นส่วนร่
การสังหารหมู่ และฉากนองเลือด ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 257 หลักฐานที่ยืนยันว่าฟั่นจยาหลัวไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุคืออาหารหมา?
พอดูคลิปทั้งสามที่อยู่ในสมองของซ่งรุ่ยจบฟั่นจยาหลัวก็ลืมตา ดึงจิตใต้สำนึกของตัวเองออกมาอย่างช้าๆ และนุ่มนวล “คำสั่งปล่อยตัวนี้ผมคงไม่ได้ใช้แล้ว” เขาหันไปมองกระจกที่อยู่ข้างตัว ผงกศีรษะอย่างสุภาพ “หัวหน้าเหยียน รองผู้อำนวยการเมิ่งครับ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของพวกคุณ และฝากความขอบคุณของผมไปให้ท่านผู้นำด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ” หัวหน้าเหยียนตอบกลับตามสัญชาตญาณก่อนตั้งสติได้ เขาชี้ไปที่กระจก เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตะลึง “เขา…เขาเห็นผมเหรอ”
เมิ่งจ้งส่ายหน้าหัวเราะ “นี่คือวิธีทักแบบพิเศษของอาจารย์ฟั่น คุณปรับตัวให้ชินก็โอเคแล้ว ขอเพียงเราอยู่ที่เดียวกับเขา หายใจด้วยอากาศที่เดียวกับเขา ต่อให้มีกำแพงกั้นอยู่เขาก็สัมผัสถึงตัวตนของเราได้”
ความตื่นตะลึงของหัวหน้าเหยียนสงบลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอาจารย์ฟั่นเคยสร้างปาฏิหาริย์มากมายต่อหน้าเขาทำให้เนื้อแท้ของจิตใจได้รับการขัดเกลา หัวหน้าเหยียนก้าวยาวๆ ไปที่ผนังผลักประตูเปิดเพื่อเอ่ยถาม “อาจารย์ฟั่นครับ ทำไมคุณถึงบอกว่าจะไม่ได้ใช้คำสั่งปล่อยตัวแผ่นนี้ล่ะครับ”
“เพราะผมไม่คิดจะออกไปจากกรมตำรวจ ผมจะทำลายแผนของคนร้ายอยู่ที่นี่” น้ำเสียงของฟั่นจยาหลัวเรียบสนิท
ซ่งรุ่ยก้าวออกมาอธิบาย “ในช่วงหลายชั่วโมงหลังเกิดเหตุ คนที่อยู่เบื้องหลังได้เผยแพร่คดีนี้ไปในอินเตอร์เน็ตให้ทุกคนรู้กันหมด เขาจะต้องส่งพวกปาปารัซซี่มาซุ่มอยู่แถวนี้แน่ ทันทีที่เราออกจากกรมตำรวจไป ข้างนอกจะมีข่าวลือเป็นทำนองว่า ‘กฎหมายไร้ความเป็นธรรม’ ‘มีคนคุ้มหัวฟั่นจยาหลัว’ ออกมา ไม่แน่ว่าไฟกองนี้อาจเผาไปถึงตัวหัวหน้าเหยียนด้วย เราสองคนเลยปรึกษากันว่าจะไม่ไปและอยู่คลี่คลายคดีจากที่นี่แทน”
“เดี๋ยวนะ ไม่สิ พวกนายสองคนปรึกษากันตอนไหน ทำไมฉันไม่ได้ยิน” เมิ่งจ้งทำท่าแคะหู เหมือนแสดงว่าตนอายุยังน้อย หูยังไม่ได้หนวก
แต่สิ่งที่เขาได้รับคือการที่ฟั่นจยาหลัวกับซ่งรุ่ยสบตากัน ยิ้มแบบรู้ใจ
เมิ่งจ้งแซะ “อย่าบอกฉันนะว่าพวกนายคุยกันผ่านกระแสจิต”
ก็ถูก
ฟั่นจยาหลัวกับซ่งรุ่ยมองตากันอีกครั้งแล้วยิ้มแบบรู้ใจกันมากกว่าเดิม
เมิ่งจ้ง “…”
หัวหน้าเหยียนถามคำถามที่มีความสำคัญที่สุด “พวกคุณรู้แล้วใช่มั้ยว่าคนร้ายเป็นใคร คดีนี้เกี่ยวกับคดี…”
หัวหน้าเหยียนกวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง เขารู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ถิ่นตนเลยหยุดพูด
แต่ซ่งรุ่ยเข้าใจความคิดของเขาจึงส่ายหน้า “คดีนี้ไม่ได้เกี่ยวกับคดีนั้นของเรา คุณลองคิดดูดีๆ สิว่าคดีนั้นร้ายแรงแค่ไหน มันร้ายแรงถึงขั้นทำลายชาติเลยนะ ถ้าถูกจับได้จะต้องมีการระดมกำลังทั้งประเทศเพื่อดำเนินการตรวจสอบ ขนาดเรายังเข้าใจเรื่องนี้ คนที่สับเปลี่ยนวัตถุโบราณเหล่านั้นก็ต้องเข้าใจเหมือนกัน ต่อให้เขาเก่งแค่ไหนก็ไม่กล้าชนกับองค์กรระดับประเทศ หรือถ้าเขาเก่งจริงก็ไม่จำเป็นต้องเอาแต่เก็บหัวหดหางแบบนี้ เพราะฉะนั้นพอเกิดคดีนี้ เขาจะต้องซุ่มดูอยู่ ไม่ใช่เป็นฝ่ายกระโดดออกมาหาเรื่องเรา”
หัวหน้าเหยียนพยักหน้ารัวๆ รู้สึกว่ามีเหตุผล
“แล้วถ้าเขาเกิดอวดดี สมองกระตุก ทำเรื่องบ้าๆ ขึ้นมาล่ะ” เมิ่งจ้งค้าน
“นายคิดว่าคนที่วางแผนอย่างแยบคายมาได้เก้าปีจะเกิดอวดดี สมองกระตุกทำเรื่องบ้าๆ ได้เหรอ” ซ่งรุ่ยย้อนถาม
เมิ่งจ้ง “…”
ฟั่นจยาหลัวใช้ปลายนิ้วเรียวเคาะโต๊ะ “ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือไม่ คอยให้ผมจับคนร้ายได้ พวกคุณเช็กดูก็รู้”
เมิ่งจ้งแสดงท่าทีทันที “อาจารย์ฟั่นครับ คุณอยากให้เราทำอะไรบอกมาได้เต็มที่เลย เราจะทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อช่วยคุณในคดีนี้ เมื่อกี้ผมเห็นแล้วว่าทีมสอบสวนทีมนี้ดูแปลกๆ ไม่เหมือนอยากคลี่คลายคดี แต่เหมือนอยากบีบให้รับสารภาพมากกว่า”
“พวกคุณช่วยผมเชิญตัวจางหยางมาที่ห้องสอบสวนนี้ได้มั้ย” ฟั่นจยาหลัวถาม
เมิ่งจ้งพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ได้แน่นอนครับ ถ้าทางตำรวจขอความร่วมมือ ต่อให้เขาไม่อยากมาก็ต้องมา เพราะตอนนี้เขาทำงานร่วมกับรัฐบาลเลยได้หน้าเยอะกว่าเมื่อก่อนมาก และยิ่งไม่มีทางกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับสำนักอัยการแบบซึ่งหน้า คนในสังกัดยิ่งต้องเคารพกฎของสังกัด ประเด็นนี้เขาน่าจะเข้าใจดี”
เมิ่งจ้งหยุดนิ่งไปพักหนึ่งก่อนเอ่ยถาม “เขาคือคนร้ายหรือครับ”
ฟั่นจยาหลัวตอบตามตรง “ใช่ครับ”
“ดี ผมจะจับเขาตอนนี้เลย!” เมิ่งจ้งรีบเดินไปอย่างไม่นึกสงสัยในคำพูดของอาจารย์ฟั่นแม้แต่น้อย
แต่หัวหน้าเหยียนกลับซัก “เขาทำแบบนี้ได้ยังไง”
“สำหรับเรื่องนี้ผมจะให้ประชาชนทั้งประเทศได้เห็น” ฟั่นจยาหลัวใช้สองมือเท้าโต๊ะ พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “หัวหน้าเหยียนครับ คุณยังจำการไลฟ์ครั้งก่อนของเราได้มั้ย น่ากลัวว่ารอบนี้คงต้องรบกวนคุณให้ช่วยเปิดห้องไลฟ์ให้ผมอีกครั้ง ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ตราบใดที่ผมยังไม่ได้ออกจากที่นี่ ขอให้คุณรักษาสัญญาณในห้องไลฟ์ไว้ อย่าให้ขาดตอนนะครับ”
หัวหน้าเหยียนนึกสงสัยเต็มหัวใจ แต่ยังคงพยักหน้าตอบรับรัวๆ
ซ่งรุ่ยเสริม “นอกจากนี้ขอให้คุณหาตู้จำหน่ายสินค้าแบบสแกนใบหน้ามาหนึ่งเครื่อง วางไว้ตรงมุมนั้น ส่วนตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้…ให้ติดตั้งกล้องรูเข็ม”
หัวหน้าเหยียนรีบจดจำตำแหน่งติดกล้อง เขาเชี่ยวชาญงานป้องกันเลยรู้ได้ทันทีว่าถ้าติดตั้งกล้องไว้ตามคำสั่ง ดร. ซ่ง ห้องสอบสวนแห่งนี้จะแทบไม่มีจุดอับสายตาสามารถมองเห็นได้ทุกซอกทุกมุม
“ผมจะส่งคนมาติดกล้องเดี๋ยวนี้” หัวหน้าเหยียนยกเท้าทำท่าจะเดินจากไป แต่เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงแสดงความลังเลใจออกมาครู่หนึ่ง “ตู้จำหน่ายสินค้าแบบสแกนใบหน้านั่นมันสำคัญยังไงหรือครับ คุณจะเอามันมาทำอะไรเหรอ”
“มันช่วยคลี่คลายคดีได้ เดี๋ยวคุณจะเห็นและรู้ได้เอง” ซ่งรุ่ยขายปม
หัวหน้าเหยียนยังมีเรื่องที่อยากถามอยู่เต็มท้อง แต่พอนึกได้ว่าสองคนนี้เป็นพวกเจ้าแผนการและปากหนักก็รู้สึกว่าไม่ต้องถามก็ได้ แค่ทำตามคำพูดของพวกเขาก็พอ
พอสั่งงานเมิ่งจ้งกับหัวหน้าเหยียนเสร็จ ซ่งรุ่ยก็โทรหาเสี่ยวหลี่เพื่อวานให้เขาแชร์หลักฐานที่ระบุว่าฟั่นจยาหลัวไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุออกไปทางอินเตอร์เน็ต แต่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าห้ามใช้เว็บไซต์ออฟฟิเชียลของสำนักย่อยเขตใต้ และอย่าใช้แอ็กเคานต์ส่วนตัว ให้หาแอ็กปั่นข่าวสองสามแอ็กมาใช้
“…จากนั้นหามือโพสต์รับจ้างสักกลุ่มมาสร้างกระแสเรื่องนี้ จุดประเด็นให้มีการถกเถียงกัน ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน” ซ่งรุ่ยย้ำหนักแน่น “ค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมจะออกเอง ขอแค่ให้เห็นผลเร็วๆ จะใช้เงินแค่ไหนผมไม่สน คุณส่งเลขบัญชีมา ผมจะโอนให้คุณสิบล้าน นอกจากนี้ผมให้สิทธิ์คุณเอาภาพจากกล้องวงจรปิดในบ้านผมออกมาโพสต์ลงอินเตอร์เน็ตด้วย”
เสี่ยวหลี่เคยจัดการความรุนแรงในอินเตอร์เน็ตมามาก รู้ดีว่าจะสร้างกระแสยังไง จุดประเด็นให้เกิดการถกเถียงแบบไหนจึงรับคำทันที
ซ่งรุ่ยวางสายแล้วโอนเงินไปให้เสี่ยวหลี่เงียบๆ
ฟั่นจยาหลัวปรายตามองซ่งรุ่ยเป็นระยะ เขาเม้มริมฝีปากอย่างลังเลอยู่พักใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ย “ผมทำให้คุณต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ”
“ผมยินดีจ่ายเพื่อคุณ” ซ่งรุ่ยตอบเหมือนว่านี่เป็นเรื่องสมเหตุสมผล
ฟั่นจยาหลัวชะงักก่อนเบือนหน้าไปทางอื่น โค้งมุมปากเงียบๆ
แต่จังหวะนี้เองซ่งรุ่ยหันไปมองเขาเร็วๆ ดวงตาเรียวยาวหรี่ลง หัวเราะออกมาแบบไร้เสียง
กระแสในอินเตอร์เน็ตยังไม่ทันจะสงบ พวกคนที่เคยมองฟั่นจยาหลัวว่าเป็นวีรบุรุษวันนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นตัวตั้งตัวตีในการโจมตีเขา ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากคลิปทั้งสามคลิปนั้นมันเรียลมาก น่ากลัวมาก และไม่มีใครค้านได้
คนกลุ่มนี้อยากพูดว่า ‘ไม่จริง’ แต่กลับหาเหตุผลไม่ได้ ว่ากันว่าสิ่งที่ได้ยินคือเรื่องโกหก แต่สิ่งที่เห็นด้วยตาคือเรื่องจริง หรือสิ่งที่พวกเขาเห็นกับตาพวกนี้เป็นเรื่องโกหก? พวกเขาโน้มน้าวตัวเองยังไม่ได้ แล้วจะไปโน้มน้าวคนอื่นได้ยังไง ถ้าพวกเขาปกป้องปีศาจที่อาละวาดฆ่าคนแบบฟั่นจยาหลัว เท่ากับพวกเขาไม่ให้ค่ากับชีวิตมนุษย์
ปัจจุบันเรื่องของอมนุษย์กลุ่มนี้เป็นที่รู้จักกันทั่ว และถูกจัดอยู่ในกลุ่มของภูตผีปีศาจซึ่งตรงข้ามกับมนุษย์ คลิปสามคลิปนั้นคือการแฉเรื่องที่ฟั่นจยาหลัวเป็นอมนุษย์ เขาคือศัตรูของทุกคน นี่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องเคลือบแคลงสงสัย
นับแต่โบราณมาประเทศจีนมีคำเตือนว่า…‘ใครไม่ใช่พวกเราย่อมคิดไม่เหมือนกัน’ ฟั่นจยาหลัวเป็นอมนุษย์ ซ้ำยังเป็นอมนุษย์ที่กินคน แล้วจะให้ทุกคนไว้วางใจเขา ปกป้องเขาได้ยังไง
แฟนคลับจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบล้านในเวยป๋อของเขา ไม่มีคนไหนกล้าลุกขึ้นมาพูดแทนเขาเลย เนื่องจากนี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องคุณงามความดี แต่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันกับชีวิตมนุษย์ ใครจะกล้าพูดตาใสต่อหน้าหลักฐานที่แน่นหนาปานเหล็กกล้าว่าเขาบริสุทธิ์
ตอนที่ทุกคนกระหน่ำโจมตีฟั่นจยาหลัวถึงขั้นเรียกร้องให้มีการเผาเขาทั้งเป็น จู่ๆ สตูดิโอที่เชี่ยวชาญเรื่องการขุดค้นเรื่องส่วนตัวแห่งหนึ่งก็ปล่อยคลิปสองคลิปออกมา พาดหัวแบบกระตุ้นความสนใจเป็นพิเศษว่า…
‘เรื่องจริงที่ฟั่นจยาหลัวพยายามซ่อนไว้อยู่นี่!’
ชาวเน็ตที่กำลังให้ความสนใจคดีสังหารหมู่ทั้งสามคดีจึงรุมเข้ามาทันที พอเปิดคลิปแรกพวกเขาถึงเพิ่งเห็นว่าเวลาที่ระบุเริ่มต้นคือตั้งแต่เวลาสามทุ่มครึ่งของเมื่อวานและลากยาวมาตลอดคืน ทั้งที่ตอนสามทุ่มครึ่งเมื่อคืนคือช่วงที่เกิดคดีแรกไม่ใช่หรือ
ทำไมฟั่นจยาหลัวถึงอยู่บ้าน ห้องโถงใหญ่ที่ตบแต่งอย่างหรูหราแต่เต็มไปด้วยความเวิ้งว้างแห่งนี้น่าจะเป็นบ้านของเขาหรือเปล่า
มีชาวเน็ตให้ข้อมูลทันที
‘ที่นี่คือบ้านเก่าสกุลฟั่นจริงๆ ฉันจะให้พวกเธอดูรูปที่ฟั่นลั่วซานเคยจัดปาร์ตี้ที่นี่ #แนบรูป# #แนบรูป#’
‘ผู้ชายที่อยู่กับเขาหน้าคุ้นจัง!’
‘ด็อกเตอร์ซ่ง!’
‘แม่เจ้า พวกเขาทำอะไรกัน ทำไมฟั่นจยาหลัวถึงพูดพลางลูบผมด็อกเตอร์ซ่งไปแบบนี้ เขาบอกกันว่าหัวผู้ชายกับเอวผู้หญิง มองได้แต่ห้ามแตะ ฟั่นจยาหลัวไม่รู้หรือไง’
ความสนใจของชาวเน็ตถูกเบี่ยงไปที่คนสองคนที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันแบบไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว พวกเขาคนหนึ่งหน้าตางดงามเหนือมนุษย์ ส่วนอีกคนหล่อเหลาโดดเด่น พอมาคุยเล่นกันเลยกลายเป็นภาพที่เจริญตาแบบหนึ่ง
แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของทุกคนมากยิ่งกว่าคือเวลาทั้งคู่อยู่ต่อหน้าสาธารณชน พวกเขาจะไม่ชอบยิ้ม เอาแต่ทำหน้าตึงแสดงความเย็นชาและห่างเหินออกมาอย่างชัดเจน แต่พออยู่ด้วยกันสองต่อสองมุมปากกลับโค้งเป็นรอยยิ้มสวย จนความสุขที่ฉายชัดอยู่เต็มดวงตาทะลุออกมานอกจอ
ตอนเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ซ่งรุ่ยสวมชุดนอนคลุมด้วยโค้ตเนื้อหนา และสวมรองเท้าแตะหนึ่งคู่ แสดงให้เห็นถึงความรีบร้อน พอเจอฟั่นจยาหลัวสีหน้าตึงเครียดของเขาถึงผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มถอดโค้ตออกคลุมไหล่ของอีกฝ่ายอย่างเป็นธรรมชาติ
ฟั่นจยาหลัวมองผมยุ่งๆ ที่ชี้ซ้ายชี้ขวาของซ่งรุ่ยแล้วโค้งมุมปาก ยิ้มแบบน่ารักมาก
หลังทั้งคู่นั่งลงบนโซฟา สายตาของฟั่นจยาหลัวก็ยังไม่ละจาก ‘ผมตั้งเด่’ ของ ดร. ซ่ง เขาใช้ปลายนิ้วแตะๆ เหมือนชอบลูบและเหมือนกำลังเล่นกับหมาแมว ซ่งรุ่ยปัดมือเขาออกเบาๆ ฟั่นจยาหลัวใช้มือปิดปากแอบขำ ดวงตาที่เผยออกมาเปล่งประกายอยู่ภายใต้แสงไฟ ดูมีความสุข เป็นธรรมชาติราวกับเด็กหนุ่ม
ทั้งสองนั่งคุยกันอยู่พักหนึ่งก็หยิบไฟฉายเดินออกไปทางประตูใหญ่ มุมกล้องวงจรปิดเปลี่ยนไปเป็นด้านนอกทันที ชาวเน็ตจึงเห็นได้ชัดขึ้นว่าที่นี่คือบ้านเก่าของสกุลฟั่นจริงๆ เงาดำสูงลิบที่อยู่ด้านนอกคือทิวเขาหลายต่อหลายลูก และจุดที่เคลื่อนไหวโงนเงนอยู่รอบด้านคือต้นไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางลมหนาว
ทั้งคู่ถือไฟฉายส่องไปรอบๆ เหมือนสำรวจบริเวณ เดินไปเดินมาแล้วก็จูงมือกัน พอมั่นใจว่าด้านนอกไม่มีความผิดปกติถึงค่อยกลับไปที่ห้องโถง
พอมือของทั้งสองจับเข้าด้วยกันแล้วก็ไม่ได้ปล่อย ช่วงที่นอนคุยกันบนโซฟา พวกเขายังคงจับมือกันแน่น ตอนเดินขึ้นชั้นบนก็จับมือกันไว้ ตอนเดินผ่านทางเดินชั้นสองก็จับมือกันจนเดินเข้าไปในห้องนอนห้องเดียวกัน คลิปเล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปหนึ่งคืนบอกให้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้ออกมาจากห้อง
ชาวเน็ตที่อยากแสวงหาความจริงต่างตะลึงงัน
มีคนโอด
‘ฉันเข้าใจว่าตัวเองกำลังไขคดี คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะมากินอาหารหมา! อาจารย์ฟั่นกับด็อกเตอร์ซ่งอยู่กินกันแล้วเหรอ’
‘คลิปปลอม!’
มีคนตั้งข้อสงสัย
แต่พอเปิดคลิปที่สอง ทุกคนก็เงียบ
คลิปนี้ถ่ายจากบ้านของซ่งรุ่ย บ้านเขาไม่มีกำแพง มีแต่ฉากกั้นอเนกประสงค์ซึ่งกั้นพื้นที่เป็นห้องรับแขก ห้องนอน ห้องครัว ห้องหนังสือ แทบจะทะลุถึงกันได้หมด ระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านเขาเหมือนบ้านสกุลฟั่น ยี่ห้อเด่นหราอยู่มุมซ้ายบน
ตัวกล้องถ่ายในความมืดได้ ด้วยเหตุนี้ถึงจะปิดไฟแล้วก็ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพของกล้อง
ตอนแรกซ่งรุ่ยหลับลึกมาก ตอนถูกปลุกด้วยโทรศัพท์สายหนึ่งเขาเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อย แต่พอปรายตาไปมองหน้าจอ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นมานั่งทันที เขาเปิดไฟหัวเตียง ใบหน้ามีรอยยิ้มอบอุ่นอย่างยิ่ง แต่ต่อมาสีหน้ากลับขรึมลง ซ่งรุ่ยสวมเสื้อโค้ตกับรองเท้าแตะอย่างรวดเร็ว ก้าวยาวๆ ออกไปทางประตู มุมกล้องวงจรปิดเปลี่ยนไปเป็นโถงทางเดินด้านนอก เปลี่ยนไปเป็นลิฟต์ และเปลี่ยนไปเป็นที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน
เขาแทบจะห้อเต็มเหยียดไปที่บ้านเก่าสกุลฟั่น ไม่ว่าจะดูจากเสื้อผ้าหรือเวลา ล้วนประจวบเหมาะกับคลิปก่อนหน้าแบบเป๊ะๆ
คลิปสองคลิปนี้เพิ่งจะถูกปล่อยออกมาได้ไม่นาน สตูดิโอก็โพสต์บันทึกในมือถือของซ่งรุ่ย บนนั้นแสดงชัดว่าเมื่อคืนช่วงสองทุ่มครึ่ง เขาได้รับสายจากฟั่นจยาหลัว เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคลิปทั้งสองนี้เป็นของจริง
ชาวเน็ตช็อก มีความรู้สึกว่าสมองไม่พอให้ใช้งาน
ถ้าบอกว่าทั้งสองคลิปนี้เป็นของจริง และตอนเกิดเหตุเมื่อคืนฟั่นจยาหลัวกับซ่งรุ่ยอยู่ด้วยกันที่บ้านเก่าสกุลฟั่น จากที่นั่นมาถึงเขตเมืองต่อให้เขาขับรถเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง ฟั่นจยาหลัวไม่มีปีก บินไม่ได้ เขาจะก่อคดีฆาตกรรมในเวลาเดียวกันนี้ได้ยังไง
‘กิจกรรมคว่ำฟั่น’ อันแสนอึกทึกครึกโครมพลันหยุดชะงัก ชาวเน็ตทั้งหลายต่างสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวอย่างประหลาด
มีคนพยายามปฏิเสธว่าคลิปพวกนี้ไม่ใช่ของจริง แต่กลับมีประกาศจากทางการออกมาทันที
‘จากการตรวจสอบ แหล่งที่มาของสองคลิปนี้เชื่อถือได้ และไม่มีร่องรอยการตัดต่อหรือสร้างภาพ’
บริษัทที่ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยให้บ้านเก่าสกุลฟั่นรีบออกมาแสดงท่าที
‘ระบบรักษาความปลอดภัยที่ติดตั้งโดยบริษัทเราเชื่อมต่อกับคลาวด์สตอเรจ ทุกคลิปที่บันทึกไว้จึงสามารถตรวจสอบได้จากเซิร์ฟเวอร์ของบุคคลที่สาม เราได้รับอนุญาตจากเจ้าบ้านให้นำสองคลิปนี้มาและส่งมอบให้แก่หน่วยงานพิสูจน์ของภาครัฐ เวลานี้ได้รับหนังสือรับรองการพิสูจน์ที่มีผลทางกฎหมายแล้ว เป็นการรับรองว่าสองคลิปนี้เป็นความจริง เชื่อถือได้’
ตอนท้ายของเวยป๋ออันนี้ บริษัทรักษาความปลอดภัยแนบภาพหนังสือรับรองการพิสูจน์ไว้
ไม่นานเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ก็โพสต์เวยป๋ออันหนึ่งเพื่อรับรองถ้อยคำของบริษัทรักษาความปลอดภัย เป็นการโฆษณาออพชั่นการใช้บริการคลาวด์สตอเรจของตัวเองแบบฟรีๆ ประเด็นร้อนขนาดนี้ใครไม่เกาะกระแสก็โง่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นแบ็กของฟั่นจยาหลัวยังเป็นภาครัฐด้วย
การได้เห็นเวยป๋อยืนยันความบริสุทธิ์ของฟั่นจยาหลัวอันแล้วอันเล่าทำให้ชาวเน็ตที่พากันตื่นเต้นพลันรู้สึกว่าตัวเองโง่มาก แต่คลิปฆาตกรรมสามคลิปนั้นมันเหมือนจริงจริงๆ เช่นเดียวกับคลิปจากกล้องวงจรปิดสองคลิปนี้ ไม่มีพิรุธให้จับได้เลย! พวกเขาต่างเป็นคนธรรมดาย่อมไม่มีทางแยกออก!
‘สรุปคือเรื่องจริงเป็นยังไง ใครเป็นคนฆ่า สมองฉันใกล้จะระเบิดแล้ว!’
ในเวลาเดียวกันนี้ไม่รู้ว่ามีคนอีกเท่าไหร่ที่กุมหัวตัวเองร้องโอดโอย ในชั่วพริบตาความสงสัยที่มีต่อคดีและความปรารถนาในความจริงของพวกเขาก็พุ่งขึ้นสู่จุดพีค
ซ่งรุ่ยจับจังหวะนี้ได้อย่างแม่นยำ เขาโพสต์เวยป๋อ
‘ถ้าอยากรู้ความจริง วันนี้ตอนบ่ายสามโมงครึ่งขอให้ทุกคนเข้าไปดูที่ห้องไลฟ์หมายเลข 6752 ทางแพลตฟอร์ม XX’
ชาวเน็ตที่กำลังปวดหัวใกล้แตก “!!!”
เวยป๋ออันนี้มียอดคลิกเป็นร้อยล้านและได้รับความสนใจแบบถล่มทลาย
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 28 เม.ย. 65
Comments
comments
No tags for this post.