ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 7
ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)
แปลโดย : ปราณหยก
ผลงานเรื่อง : 灵媒 (Ling Mei)
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่
อาการป่วยทางจิต การทำร้ายเด็ก การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ
การบังคับหรือโน้มน้าวให้
การฆ่าตัวตาย การใคร่เด็ก การกักขังหน่วงเหนี่ยว การทารุณสัตว์ การลักพาตัว
การทรมาน การฆาตกรรมและแยกชิ้นส่วนร่
การสังหารหมู่ และฉากนองเลือด ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 259 จางหยางเผยตัวจริงออกมา
ในความมืดมิดเมื่อมองจางหยางที่ผอมจนผิดมนุษย์แบบผ่านๆ จะเห็นว่าเขามีความคล้ายคลึงกับเงาผีที่ก่อคดีในคืนนั้นราวห้าหกส่วนจริงๆ แต่เรื่องนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ ในเมื่อบนโลกนี้มีคนที่ลักษณะคล้ายคลึงกันอยู่มาก
แต่ความเปลี่ยนแปลงของจางหยางดึงดูดความสนใจของชาวเน็ตจำนวนมาก พวกเขาต่างใช้เวยป๋อหรือวีแชตเพื่อแชร์ข่าวนี้ออกไปอย่างกว้างขวาง
เวลาไลฟ์แบบต่อเนื่องยาวๆ ครั้งหนึ่งแล้วไม่มีคอนเทนต์ใหม่น่าสนใจ ผู้ชมจะทยอยออกไปกันอย่างรวดเร็ว ห้องไลฟ์ของฟั่นจยาหลัวก็เป็นแบบนี้ จำนวนผู้ชมลดลงจากหลักสิบล้านในตอนต้นเหลือแค่สามหมื่นในตอนนี้
ทว่าจังหวะที่จางหยางลุกขึ้นมาอวดร่างโครงกระดูกภายใต้แสงไฟ จำนวนคนในห้องไลฟ์ก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
จางหยางรู้มาตลอดว่าตนไม่มีวันตาย ด้วยเหตุนี้ตอนที่เขาถูกฟั่นจยาหลัวขังไว้ในห้วงมิติพิสดารนี้ชายหนุ่มจึงไม่มีความรู้สึกร้อนใจ ตรงกันข้ามจางหยางกลับมีความคิดเพ้อเจ้อแบบที่คิดเอาเองว่าเขากับปีศาจเฒ่าเป็นพวกเดียวกัน ในเมื่อปีศาจเฒ่าอยู่แบบไม่กินไม่ดื่มได้หลายสิบปี ตัวเขาย่อมต้องทำได้เหมือนกัน
แต่ผ่านไปแค่ห้าวันความจริงอันโหดร้ายกลับบอกจางหยางว่าความสามารถของเขาไม่มีทางสู้ฟั่นจยาหลัวได้ และยิ่งไม่มีทางเทียบกับปีศาจเฒ่าที่เขาเคยดูแคลนที่สุด สองคนนี้ไม่กินไม่ดื่มก็สามารถมีชีวิตปกติได้หลายสิบปี ในขณะที่ตัวเขาแค่อาทิตย์เดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว
ร่างกายของจางหยางเปลี่ยนเป็นโรยแรงและผ่ายผอมเร็วขึ้นเรื่อยๆ เขาตายไม่ได้ แต่มีสิทธิ์กลายเป็นมนุษย์ที่ตายทั้งเป็น นี่คือผลลัพธ์ที่น่ากลัวที่สุด
ก่อนหน้านี้จางหยางไม่เคยรู้รสชาติของการขาดอาหาร และไม่มีความจำเป็นต้องลอง เนื่องจากเขามีชีวิตที่เพียบพร้อมสุขสบาย แล้วทำไมต้องทรมานตัวเอง จนตอนนี้เขาถึงเพิ่งมารู้เอาทีหลังว่าร่างกายของตัวเองมีปัญหาอย่างมาก! แต่มันเป็นเพราะอะไรและเกิดขึ้นตอนไหน
จางหยางนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ เหงื่อเหนียวเหนอะไหลซึมออกมาเหมือนซอสเหนียวๆ สองมือกุมท้องที่ปวดมวนไม่ยอมหาย เขามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตนด้วยสายตาแตกตื่น ไม่กล้าเชื่อ
ฟั่นจยาหลัวยื่นมือขาวผ่องออกไปกางอยู่ตรงหน้าจางหยาง พูดเสียงเรียบ “รู้สึกแปลกมากใช่มั้ย คุณไม่ควรอ่อนแอแบบนี้”
อาการปวดมวนท้องที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเรี่ยวแรงที่ไหลออกจากตัวอย่างต่อเนื่องทำให้จางหยางเบิกตากว้าง ดวงตาฉายแววหวาดผวาอย่างไม่เคยเป็น เขารู้ว่าฟั่นจยาหลัวกำลังใช้จิตสัมผัสตัวเอง แต่ไม่มีแรงหลบหนี
“นี่คือผลจากยาที่คุณทำ” ฟั่นจยาหลัวพูดเสียงเนิบ “มันทำให้ร่างกายของคุณเป็นเหมือนเครื่องยนต์ที่ทำงานด้วยความเร็วสูง ต้องอาศัยการเผาไหม้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังมหาศาล เซลล์ของคุณก็คือเชื้อเพลิง ตัวยาช่วยเร่งการแบ่งตัวของเซลล์ทำให้คุณได้พลังจากการถือกำเนิดของเซลล์ใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้คุณไม่ได้รับยาแล้ว ร่างกายของคุณจึงมีแต่การเผาไหม้ไม่มีความสามารถในการสร้างเซลล์”
ฟั่นจยาหลัวดึงมือกลับมา ถอนหายใจยาวหนึ่งครั้ง “ตัวคุณตอนนี้เหมือนถ่านหินที่กำลังติดไฟลุกโชติหนึ่งก้อน อีกสักพักก็จะกลายเป็นเถ้าถ่าน ยิ่งคุณอ่อนแอลง อัตราการเผาไหม้ของร่างกายก็จะยิ่งเร็วขึ้น แล้วคุณจะเอาอะไรมาจัดการผม”
จางหยางพยายามแผดเสียงโต้กลับ ทว่าเสียงที่ออกมากลับอ่อนแรงและแผ่วหวิวจนเหมือนลูกแมวร้อง “โกหก”
ฟั่นจยาหลัวโค้งมุมปาก พูดเสียงเบาอย่างช้าๆ “ผมโกหกหรือเปล่าตัวคุณย่อมรู้ดีที่สุด ตอนนี้กระเพาะของคุณปวดมากใช่มั้ย”
จางหยางกัดฟันหัวเราะเสียงเย็น แต่มือที่กุมท้องอยู่กลับสั่น เขาอยากปิดบังความเจ็บปวดของตัวเองมาก ทว่าร่างกายกลับไม่ยอมฟังคำสั่ง
ฟั่นจยาหลัวมองไปยังตำแหน่งหนึ่งที่อยู่ด้านหลังอีกฝ่าย ดวงตาสีดำสนิทปราศจากโฟกัส “รู้มั้ยว่าร่างกายของคุณกำลังทำอะไร”
จางหยางเม้มปากแน่น ไม่พูด แต่เหงื่อเย็นๆ แข่งกันไหลออกมาจนผมกับเสื้อผ้าเปียกทำให้เขาดูหมดสภาพถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเปอร์เซ็นต์
สายตาของฟั่นจยาหลัวย้ายมาโฟกัสที่เขา พูดด้วยน้ำเสียงคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “ร่างกายของคุณกำลังกินคุณ”
คำพูดประโยคนี้ทำให้ทุกคนตกใจจริงๆ ดวงตาของจางหยางเผลอเบิกกว้างจนแทบฉีกขาด
“กระเพาะคุณว่างนานเกินไป จำเป็นต้องได้รับอาหาร แต่คุณไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของมันได้ มันเลยเริ่มย่อยตัวเอง ตอนนี้กระเพาะคุณกำลังปล่อยน้ำย่อยออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อย่อยตัวเองและดูดซับสารอาหาร คุณดูเอาเถอะ ศัตรูของคุณตอนนี้ไม่ใช่ผม แต่เป็นตัวของคุณเอง แม้แต่ร่างกายของตัวเองคุณยังคุมไม่อยู่ แล้วจะมาพูดเรื่องความแข็งแกร่งอะไร”
ฟั่นจยาหลัวมองไปยังแสงไฟสว่างไสว ในดวงตามีรอยยิ้มบางๆ เทียบกับท่าทางหมดสภาพของจางหยางแล้ว ฟั่นจยาหลัวในตอนนี้ดูงดงามราวกับชาวสวรรค์ ทั้งที่ไม่ได้กินไม่ได้ดื่มมาห้าวันห้าคืนเหมือนกัน แต่จางหยางหมดแรงจนกระเพาะเริ่มย่อยตัวเอง ในขณะที่ฟั่นจยาหลัวไม่เป็นอะไรเลย
ความสามารถในการควบคุมร่างกายตัวเองของเขาแข็งแกร่งจนน่ากลัว
ผู้ชมในห้องไลฟ์มองกันตาค้าง
หัวหน้าเหยียนกับเมิ่งจ้งตระหนักได้ว่า…บนโลกนี้มีฟั่นจยาหลัวแค่คนเดียว และจะไม่มีคนแบบเขาอีก
แต่ซ่งรุ่ยกลับเข้าใจดีกว่าใครว่าฟั่นจยาหลัวไม่ได้แค่คอนโทรลร่างกายตัวเองได้ แต่เขายังคอนโทรลการรับรู้ ความคิด รวมไปถึงจิตวิญญาณของตัวเองได้ด้วย และเพื่อความแข็งแกร่งฟั่นจยาหลัวได้สละการรับรสรวมถึงอารมณ์ที่ไม่จำเป็นทิ้งไป ทำเหมือนตัวเองคือศัตรูที่ต้องเคี่ยวกรำให้หนักที่สุด
จางหยางแพ้ให้เขาจริงๆ ไม่ใช่ความอยุติธรรม
ฟั่นจยาหลัวเพิ่งพูดจบ จางหยางก็รูดตัวจากเก้าอี้ลงไปคุกเข่าบนพื้น สองมือกุมท้องขณะเริ่มอาเจียนแห้งๆ เขามีอาการขาดน้ำและอาหารอย่างรุนแรง จางหยางไม่มีทางตายจริง แต่ต้องทนทรมานแบบนี้ทั้งเป็น
พออาเจียนแห้งเสร็จ จางหยางก็ยกศีรษะขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าชุ่มเหงื่อเย็นๆ และกลายเป็นโครงกระดูก ภายในระยะเวลาสั้นๆ แค่สิบกว่านาทีเขาผอมซูบลงไปอีกเป็นกอง
สมดังคำทำนายของฟั่นจยาหลัว ระดับการเผาผลาญของเขาทวีความรวดเร็วขึ้นแบบต่อเนื่อง
ท่าทางน่าอนาถช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ของจางหยางทำให้ชาวเน็ตในห้องไลฟ์ทนไม่ไหว พากันประณาม
‘พอแล้ว ปล่อยจางหยางเถอะ! เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาหนึ่งคน จะสู้ฟั่นจยาหลัวได้ยังไง! พวกคุณขังเขาไว้ในห้องนี้ ไม่ให้กินให้ดื่มมาห้าวันห้าคืน แบบนี้มันคือการฆาตกรรมชัดๆ!’
‘จริง! แบบนี้มันคือการฆาตกรรมชัดๆ! ฟั่นจยาหลัวกล่าวหาว่าจางหยางเป็นฆาตกรทั้งที่ไม่มีหลักฐาน แล้วสิ่งที่เขาทำมันต่างจากการบีบบังคับให้รับสารภาพตรงไหน’
‘ฉันจะร้องเรียน! ห้องไลฟ์นี้น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นไลฟ์ฆาตกรรม! มีเรื่องอำมหิตแบบนี้เบื้องบนจะไม่สนใจเลยเหรอ’
‘ปล่อยผัวฉันนะ! ฉันจะแจ้งความ!’
‘ปล่อยจางหยางนะ! ฟั่นจยาหลัว คุณมันสัตว์เลือดเย็น!’
‘ทำเรื่องทารุณแบบนี้กับมนุษย์ธรรมดาหนึ่งคน ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่าฟั่นจยาหลัวต่างหากที่เป็นฆาตกรตัวจริง!’
ชาวเน็ตที่ตอนแรกเฝ้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นถูกสภาพน่าอนาถของจางหยางกระทุ้งเส้นประสาทที่แสนอ่อนไหวและเปราะบางจึงพากันลุกขึ้นมาช่วยอีกฝ่าย เนื่องจากพวกเขาไม่ใช่คนโรคจิตจะให้ชอบดูภาพน่ากลัวประเภทนี้ได้ยังไง ปล่อยให้มนุษย์หนึ่งคนหิวตายทั้งเป็นแบบนี้ ฟั่นจยาหลัวจะต่างอะไรกับหม่าโยว
ได้เห็นแบบนี้ หรือว่าคนที่ก่อคดีสังหารโหดทั้งสามคดีจะเป็นฟั่นจยาหลัวจริงๆ? เขาเอาตัวจางหยางมาเพื่อยัดข้อหาและทารุณใช่หรือเปล่า
เวลานี้กระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ตีกลับเริ่มพลิกไปทางจางหยางอีกครั้ง ในใจของผู้คนมักคิดว่า ‘คนไหนอ่อนแอ คนนั้นย่อมมีเหตุผล’ นี่นับเป็นตรรกะที่ถูกต้องแบบหนึ่ง เนื่องจากพวกเขาทนเห็นคนอื่นตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชอับจนหนทางแบบนี้ไม่ได้
หัวหน้าเหยียนเฝ้าดูคำวิพากษ์วิจารณ์ในห้องไลฟ์มาตลอด พอเห็นว่าชาวเน็ตไม่โอเคกับการกระทำของอาจารย์ฟั่น แถมสื่อหลายสำนักยังเริ่มประณามการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมอย่างรุนแรงนี้ หัวหน้าเหยียนก็เริ่มร้อนใจ เวลานี้หัวหน้าสายตรงของเขาโทรมาหาด้วยตัวเอง บอกให้หัวหน้าเหยียนเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย
หัวหน้าเหยียนกัดฟันปฏิเสธ ยื้อเวลาให้อาจารย์ฟั่น เขาตัดสายทั้งที่มีสีหน้าไม่สบายใจ
“ถึงเวลาแล้ว ตาผม” ซ่งรุ่ยเดินไปที่ผนังอย่างมั่นอกมั่นใจ ผลักประตูห้องสอบสวนเพื่อเดินมาที่ด้านหลังตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เปิดประตูช่องส่งของ ใส่ยาสีฟ้าเข้าไปสองหลอด ล็อกตาย ส่งยิ้มให้ฟั่นจยาหลัวก่อนก้าวยาวๆ จากไป
ถึงตอนนี้จางหยางถึงเพิ่งรู้ว่าตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเครื่องนี้อยู่ข้างนอกครึ่งหนึ่งและอยู่ในห้องอีกครึ่ง คนข้างนอกสามารถเอาของใส่เข้าไปในสายพานเพื่อให้คนข้างในรับของผ่านเส้นทางนี้
ความสนใจของจางหยางถูกดึงไปที่ของเหลวสีฟ้าที่อยู่ในหน้าต่างโชว์สินค้าแบบใส เบ้าตาเบิกกว้างอย่างที่สุดในชั่วพริบตา ชายหนุ่มใช้ทั้งมือและเท้าตะกายไปจ้องมองมันแบบเอาเป็นเอาตาย ลมหายใจหอบหนักขึ้นเรื่อยๆ
“คุ้นมากมั้ย ไม่ผิด นี่คือสิ่งที่คุณต้องการที่สุด” ฟั่นจยาหลัวพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ
จางหยางพยายามเปิดประตูช่องส่งของเพื่อเอายาสองหลอดออกมา แต่เขาไม่มีแรง ทั้งที่สำหรับตัวเขาเมื่อก่อน กระจกใสๆ แผ่นนี้เปราะเหมือนกระดาษหนึ่งแผ่น แค่เจาะก็แตกแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับเหมือนแผ่นเหล็กสุดแกร่ง
จางหยางใช้มือตบ ใช้เท้าเตะถีบ ถึงขั้นใช้หัวโขก แต่ก็ไม่สะเทือนแผ่นกั้นบางใสแผ่นนี้เลย ชั่วพริบตานั้นจางหยางรู้สึกสิ้นหวังมาก
และในจังหวะนั้นเองฟั่นจยาหลัวก็ได้ใช้สนามแม่เหล็กที่จางหยางไม่มีทางเจาะทะลุได้ไประเบิดยาหนึ่งหลอด น้ำยาที่สามารถระเหยได้นั้นเจิ่งนองอยู่ในช่องเล็กๆ ทำให้ในทุกอณูอากาศมีกลิ่นหอมหวานไร้ที่เปรียบ กลิ่นนี้ไม่มีผลต่อคนทั่วไป แต่มีแรงดึงดูดกับคนที่เคยลิ้มรสมันแบบจะเป็นจะตาย
น้ำลายตรงมุมปากจางหยางไหลออกมาทันที น้ำลายเหนียวข้นสีเหลือง เหนอะหนะ เหม็นคาว ย้อยยืดยาวเกาะอยู่ตรงปลายคาง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความละโมบคลั่งไคล้นี้ยิ่งทำให้จางหยางดูน่ากลัวเหมือนผี
ผู้ชมในห้องไลฟ์สัมผัสได้ถึงความผิดปกติอย่างรุนแรง พวกเขาพากันรีพอร์ต โจมตี และร้องเรียนหนักขึ้นเพื่อขอให้ยุติเกมที่อำมหิตและไร้มนุษยธรรมนี้
ตอนนี้เองฟั่นจยาหลัวบอกว่า “เหลือหลอดสุดท้ายแล้ว คุณอยากดื่มมั้ย อยากดื่มก็สแกนหน้าสิ”
กลิ่นหอมหวานในอากาศทำให้จางหยางคลั่ง ถ้าไม่ใช่เพราะฟั่นจยาหลัวใช้สนามแม่เหล็กกรอกคำพูดของตัวเองเข้าไปในสมองของเขา จางหยางอาจไม่ได้ยินอะไรเลย ชายหนุ่มเหมือนต้องมนตร์สะกดของปีศาจ เขาเกาะตู้เพื่อลุกขึ้นยืน เอาศีรษะโงนเงนของตัวเองไปจ่อที่กรอบหน้าบนจอแล้วกดปุ่มสแกน
“การสแกนล้มเหลว กรุณาลองใหม่อีกครั้ง” เสียงปราศจากอารมณ์ดังออกมาจากตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ
ฟั่นจยาหลัวเดินช้าๆ ไปข้างตัวจางหยาง พูดเสียงนุ่ม “ไม่ได้ผล เปลี่ยนหน้าเถอะ”
ร่างกายของจางหยางกำลังมีการเผาไหม้อย่างรวดเร็ว เริ่มจากกระเพาะต่อด้วยลำไส้ ตามมาด้วยหัวใจ ตับ ม้าม ปอด ไต จากนั้นค่อยเป็นสมอง สติและความคิดของเขาถูกทำลายด้วยสัญชาตญาณดั้งเดิมที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์…การหาอาหาร จางหยางหิว กระหาย และจำเป็นต้องได้พลังงานมหาศาลมาค้ำจุนร่างที่กำลังเสื่อมโทรมไม่หยุดนี้จนไม่สนใจทุกสิ่งรอบตัว
เขาจึงเปลี่ยนหน้าแบบไม่ต้องหยุดคิด
กล้องที่แขวนอยู่เหนือตู้จำหน่ายสินค้าทำให้ชาวเน็ตที่กำลังเป็นเดือดเป็นแค้นต่อความอยุติธรรมได้เห็นภาพพิลึกพิลั่นนี้เองกับตา จากนั้นก็เข้าสู่สภาวะเงียบกริบราวกับคนตาย คำด่าทอ ตักเตือน ร้องเรียนที่เต็มห้องไลฟ์หายวับ ทุกคนตกใจจนเหวอกันไปหมด
ผ่านไปพักใหญ่กว่าจะมีคนส่งข้อความมาด้วยความช็อกแบบสุดขีด
‘นี่มันไอดอลฉันนี่นา!’
ถูกต้อง ใบหน้าที่จางหยางกำลังใช้สแกนคือศิลปินหน้าใหม่คนหนึ่งที่กำลังดังสุดๆ ในวงการบันเทิง ถึงสองแก้มจะตอบและขอบตาค่อนข้างดำ แต่เครื่องหน้ากลับเหมือนต้นแบบเป๊ะ
‘ทำไมจางหยางถึงกลายเป็นไอดอลของฉันได้ กรี๊ดๆๆๆ นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!’
กลุ่มแฟนคลับของศิลปินคนดังกล่าวส่งเสียงกรีดร้องอย่างหวาดผวา ตราบใดที่เรื่องยังไม่เกิดกับตัวเอง พวกเขาย่อมไม่ตระหนักว่าจางหยางเป็นอันตรายและควบคุมไม่ได้มากแค่ไหน
พอตอนนี้เขาออกมาปรากฏโฉมด้วยใบหน้าของดาราไอดอล แฟนคลับกลุ่มนี้ถึงเพิ่งเข้าใจว่าการถูกเอาสถานภาพไปทำเรื่องเลวร้าย สร้างความเสียหายร้ายแรงให้แก่คนที่ถูกขโมยสถานภาพมากแค่ไหน
แอนตี้ของศิลปินหน้าใหม่ก็อยู่ในห้องไลฟ์นี้ด้วย พวกเขาแคปภาพใบหน้าที่มีน้ำลายสีเหลืองไหลยืดเหมือนภูตผีปีศาจนี้ไว้แล้วโพสต์ลงอินเตอร์เน็ต แฟนคลับของศิลปินหน้าใหม่โต้กลับทันทีและมีขาจรช่วยบอกทางให้พวกเขาไปค้นหาความจริงในห้องไลฟ์ เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาอย่างรุนแรง
หลายคนถูกดึงเข้าไปในห้องไลฟ์ ได้เห็นใบหน้าของจางหยางเปลี่ยนไปตามการกำกับของฟั่นจยาหลัว ใบหน้าแล้วใบหน้าเล่า
“การสแกนล้มเหลว กรุณาลองใหม่อีกครั้ง” ใบหน้าของศิลปินหน้าใหม่ใช้กับตู้จำหน่ายสินค้าไม่ได้
ฟั่นจยาหลัวหลอกล่อ “ลองเปลี่ยนหน้าดู”
จางหยางที่กำลังมึนๆ งงๆ เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยออร่าเฉิดฉาย เป็นใบหน้าของราชินีหนังชั้นแนวหน้าคนหนึ่ง
แฟนคลับของราชินีหนัง “!!!”
การสแกนล้มเหลวอีกครั้ง รอบนี้ไม่ต้องให้ฟั่นจยาหลัวบอก จางหยางก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าหล่อเหลาหน้าหนึ่งเองแทบไม่ทัน เขาคือดารามากความสามารถคนหนึ่ง
แฟนคลับของดาราคนนั้น “!!!”
ตามมาด้วยใบหน้าหล่อน่ารักของเด็กฝึกที่กำลังดังในช่วงนี้คนหนึ่ง
แฟนคลับของเด็กฝึก “!!!”
จางหยางเปลี่ยนหน้าติดต่อกันแบบนี้หลายสิบหน้า แต่ละหน้าล้วนเป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักอย่างมาก ทำเอาหัวใจของผู้ชมในห้องไลฟ์เต้นเร็วจนชาวาบ แฟนคลับของดารากลุ่มนี้ทั้งฉุนขาดทั้งช็อก ร้องไห้ไปด่าไป บนจอเต็มไปด้วยเสียงก่นด่าจางหยาง ไหนเลยจะยังมีใครช่วยพูดให้เขาอีก
จางหยางไม่ได้น่าสงสาร ไม่ได้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เขาเป็นปีศาจ! ชาวเน็ตที่เมื่อกี้จะรีบแจ้งตำรวจเพื่อช่วยเขาออกมาตอนนี้สบถด่าว่าตัวเองโง่บัดซบกันยกใหญ่
ชาวเน็ตช่างสังเกตหนึ่งคนสังเกตเห็นปัญหาใหญ่ข้อหนึ่งจึงพิมพ์ด้วยมือสั่นๆ
‘พวกเธอสังเกตกันหรือเปล่าว่าหน้าที่จางหยางเปลี่ยนออกมาพวกนี้เหมือนดาราที่เซ็นสัญญาเข้าสังกัดบริษัทหนังของเขาเลย! เขาสนิทกับคนไหนก็จะเปลี่ยนเป็นคนนั้นได้!’
กลุ่มแฟนคลับขนาดใหญ่ที่มาจากดาราหลายสิบคนตกใจในการคาดเดานี้จึงพากันติดแท็กไอดอลของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ดารากลุ่มนี้จึงดำน้ำเข้ามาดูไลฟ์กันเงียบๆ หัวใจของแต่ละคนพลันหนาวเยือก
ตอนนี้พวกเขาเพิ่งรู้ตัวว่าการเซ็นสัญญากับสกุลจางไม่ใช่การก้าวขึ้นบันไดหนึ่งขั้น แต่เป็นการกระโดดลงหลุมไฟ เมื่อมีบอสที่สามารถเปลี่ยนโฉมเป็นตัวเองได้ตามใจชอบแบบนี้ สิทธิ์ในชื่อเสียง สิทธิ์ในชีวิต และสิทธิ์ในทรัพย์สินของพวกเขาย่อมไร้หลักประกัน แล้วยังจะคุยเรื่องความก้าวหน้าอะไรได้
เรื่องนี้น่ากลัวไหม น่ากลัวมาก! ผลของมันร้ายแรงหรือไม่ สำหรับคนอื่นอาจไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับดาราที่อาศัยหน้าตาทำมาหากินกลุ่มนี้มีค่าเท่ากับวันสิ้นโลก ถ้าอาจารย์ฟั่นไม่ไลฟ์ ต่อให้ตีให้ตายพวกเขาก็คิดไปไม่ถึงว่าบนโลกจะมีปีศาจแบบนี้!
ระหว่างที่ทุกคนกำลังถูกความหวาดกลัวแช่แข็งหัวใจ จางหยางที่ล้มเหลวกับการทดลองรอบแล้วรอบเล่าก็พลันเปลี่ยนเป็นใบหน้างดงามเหนือธรรมดาออกมาหนึ่งหน้า
ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติส่งเสียงดังติ๊ง เปิดช่องส่งสินค้าให้เขา จางหยางก้มตัวลงไปด้วยความดีใจจนแทบคลั่ง หยิบเอาหลอดยาที่ยังดีอยู่หลอดนั้นออกมาอย่างเร่งร้อน แหงนหน้าดื่มแบบตะกละตะกลาม
จังหวะนี้ซ่งรุ่ยที่ควบคุมห้องไลฟ์มาตลอดถึงค่อยกดปุ่มปุ่มหนึ่งเพื่อถ่ายภาพศีรษะที่เงยสูงของจางหยางไว้แล้วคร็อปภาพส่งเข้าไปในพื้นที่คอมเมนต์ ถามว่า
‘คนร้ายฆ่าคนที่ถูกกล้องวงจรปิดจับภาพได้ทั้งสามคดีใช่เขาหรือเปล่า’
ชาวเน็ตเขม้นมองแล้วอึ้งกันไปหมด
เนื่องจากใบหน้านี้คือใบหน้าของฟั่นจยาหลัว สองแก้มซูบผอม สีหน้าดุดัน แววตาตะกละตะกลาม ฟ้องชัดว่าเป็นฆาตกรที่ก่อคดีสังหารโหดและกินหัวใจคนเป็นๆ ทั้งสามคดีเมื่ออาทิตย์ก่อน! ท่าทางเหี้ยมโหดอำมหิตอย่างที่สุดของเขาสลักลึกอยู่ในใจของทุกคนไม่ว่าใครก็ไม่มีทางจำผิด!
และไม่ไกลจากใบหน้านี้ยังมีใบหน้าที่เหมือนกันแบบเป๊ะๆ อีกใบหน้าหนึ่ง เขากำลังมองดูอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทีเฉยชา ภาพพิสดารนี้ทำให้ชาวเน็ตในห้องไลฟ์ช็อกจนนิ่งค้าง ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าไลฟ์นี้ไม่ใช่การล้อเล่นหรือเกมสุดโหดของฟั่นจยาหลัว แต่เป็นการประจันหน้าระหว่างเขากับฆาตกร
ฟั่นจยาหลัวไม่เคยพูดปดสักประโยคจริงๆ เขาบริสุทธิ์ ไร้มลทิน!
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 05 พ.ค. 65
Comments
comments
No tags for this post.