ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 1
ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)
แปลโดย : ปราณหยก
ผลงานเรื่อง 灵媒 (Ling Mei)ของเฟิงหลิวซูไต
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
※ เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง, ปัญหาในครอบครัว, มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต, การทำร้ายเด็ก, การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ, การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ, การข่มขืน, การฆ่าตัวตาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
※ Trigger ที่ระบุข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวละครหลักทั้งหมด
※ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 10 คนซวย ผีไม่ซวย
ผู้เฒ่าโจวเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ฮวงจุ้ยอันดับหนึ่งของประเทศจีน ถ้าแม้แต่เขายังไม่มีวิธีแก้ปัญหาของมูนไลต์เบย์การ์เด้น ปรมาจารย์ท่านอื่นย่อมอับจนหนทางเหมือนกัน เมื่อครู่เขาพูดชัดเจนมากพอแล้วว่านอกจากจะมีพลังย้ายภูเขาถมสมุทร ฮวงจุ้ยของมูนไลต์เบย์การ์เด้นก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องบุคลากรหรือการเงิน แต่เป็นเรื่องพลังเทพ
ไป๋มู่พาลูกน้องเดินไปที่ประตูใหญ่ของคอนโดฯ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ยอมถอดใจ เขาหันกลับไปมองอีกครั้ง ในอกเต็มไปด้วยความท้อแท้และเศร้าซึม นี่เป็นโปรเจ็กต์ที่เขาเป็นคนต้นคิดให้สร้างขึ้น ช่วงแรกได้รับคำชื่นชมจากผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน ส่วนที่เป็นบ้านเดี่ยวเฟสสี่สร้างอยู่ตรงตีนเขา ติดทะเลสาบ พูดได้ว่ามีทิวทัศน์งดงามตระการตา แต่ยังไม่ทันเริ่มสร้างก็ถูกผู้มีอิทธิพลและเศรษฐีแย่งกวาดไปหมด ตัวเขาในตอนนั้นได้หน้ามากแค่ไหน ไหนเลยจะคิดว่าภายในระยะเวลาแค่ครึ่งปี ตนจะตกต่ำได้ถึงขั้นนี้
ดวงตาของไป๋มู่หม่นแสงลงเล็กน้อย ทว่าสีหน้ากลับยังคงหนักแน่นนิ่งสนิท เขาดึงสายตากลับมาและออกคำสั่ง “ไปเถอะ กลับไปประชุมที่บริษัท”
“ประธานไป๋ครับ ถ้าเปลี่ยนฮวงจุ้ยไม่ได้ แล้วอีกหลายเฟสต่อจากนี้พวกเราจะทำยังไง” รองประธานถามอย่างวิตกกังวล
“ค่อยคุยกันตอนประชุม” น้ำเสียงของไป๋มู่มีกระแสเข้มงวดมากขึ้น เขาดูออกว่าขวัญกำลังใจของคนในบริษัทเริ่มสั่นคลอน
พวกรองประธานอ้าปาก ทำท่าอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดเอาไว้ จังหวะนี้เองมีเสียงหัวเราะที่ฟังคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มดังมาไม่ไกล “ไป๋มู่ ไม่เจอกันนานเลยนะ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง”
ทุกคนหันไปมองด้วยสีหน้าค่อนข้างประหลาดใจ เพราะผู้ที่มาเป็นคนที่ทุกคนรู้จัก และปัญหาที่บริษัทติ่งเซิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนลกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพราะความกำเริบเสิบสานของเขา เขาเป็นลูกบุญธรรมของสกุลไป๋ ชื่อไป๋หลิน เติบโตมาพร้อมไป๋มู่ตั้งแต่เล็ก ทั้งคู่เรียนด้วยกันตั้งแต่อนุบาลจนมหาวิทยาลัย ต่อด้วยปริญญาโท อยู่คลาสเดียวกันตลอด ไม่เคยแยกห่าง เมื่อเรียนจบก็เข้าทำงานในกลุ่มธุรกิจของสกุลไป๋เหมือนกัน
คุณพ่อไป๋กับคุณแม่ไป๋เห็นไป๋หลินเป็นเหมือนลูกแท้ๆ ไป๋มู่มีอะไร ไป๋หลินจะต้องมีอย่างนั้น ไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง สำหรับไป๋หลิน การที่สกุลไป๋รับเลี้ยงเขาถือเป็นความโชคดีที่สุดในชีวิต เขาต้องรู้จักบุญคุณ กตัญญูต่อพ่อแม่ ตั้งใจช่วยเหลือไป๋มู่ถึงจะถูก แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความทะเยอทะยานของเขามันยากที่จะควบคุม เขาจึงใช้ประโยชน์จากหน้าที่การงานสูบกินทรัพย์สินจากบริษัทไปจำนวนไม่น้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะไป๋มู่มีความระมัดระวังตัวสูง รีบว่าจ้างนักบัญชีกับทีมกฎหมายอันดับต้นๆ ของประเทศมาดำเนินการตรวจสอบบัญชีของบริษัท เกรงว่าติ่งเซิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนลอันยิ่งใหญ่คงถูกไป๋หลินช่วงชิงไปหมดแล้ว ไป๋มู่ผิดหวังในการกระทำของพี่น้องที่แสนดีคนนี้มาก ตั้งใจจะเอาหลักฐานไปให้ตำรวจจัดการ แต่ถูกคุณพ่อไป๋กับคุณแม่ไป๋ทัดทานอย่างหนัก พวกเขาเรียกไป๋หลินมาตำหนิแล้วทำลายหลักฐานทั้งหมดต่อหน้าอีกฝ่าย เพื่อแสดงให้เห็นว่าสกุลไป๋ดีต่อเขามากแค่ไหน พร้อมกับขอให้เขาสำนึกผิดและกลับตัว
แต่ไป๋มู่รู้ว่าไป๋หลินไม่มีทางสำนึกผิดและกลับตัว มีแต่จะหนักข้อขึ้น ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อไม่มีหลักฐานกระทำความผิด ฉากหน้าไป๋หลินจะทำเป็นกลับตัวต่อหน้าผู้อาวุโสทั้งสอง แต่ลับหลังกลับเอาเงินที่โกงไปใช้ตั้งตัว พร้อมทิ้งวาจาเพ้อเจ้อที่สุดไว้ประโยคหนึ่งว่า ‘ถ้าอยากรักษาชีวิตของลูกชายพวกคุณ ก็เอาสมบัติทั้งหมดของสกุลไป๋มาแลก!’
ตอนนั้นไป๋มู่โกรธจนขำและยิ่งตั้งใจตัดขาดกับไป๋หลินอย่างสิ้นเชิง แต่คุณพ่อไป๋กับคุณแม่ไป๋กลับหน้าถอดสี ท่าทีเหมือนลังเล และในคืนนั้นไป๋มู่ถึงเพิ่งรู้ว่าดวงชะตาของตนมีความพิเศษมาก สี่เสาแปดอักษร* มีรอยรั่ว ทำให้ห้าธาตุกับหยินหยางทั้งหมดเป็นอริต่อกัน ตอนเกิดเขาต้องอยู่ในตู้อบ ทรมานด้วยอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเล็กบ้างใหญ่บ้าง กว่าจะเติบโตขึ้นมาได้ก็ไม่ง่าย ซ้ำยังต้องเจอกับอุบัติเหตุสารพัดรูปแบบที่ล้วนแต่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต
คนที่บอกว่าดื่มน้ำเย็นแล้วเสียวฟัน** ก็คือไป๋มู่
ต่อมาไม่รู้ว่าคุณพ่อไป๋กับคุณแม่ไป๋ไปหานักพรตคนหนึ่งมาจากที่ไหนมาช่วยเปลี่ยนแปลงดวงชะตาให้บุตรชาย ทำให้สถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้น
นักพรตมอบป้ายหยกแคล้วคลาดเรืองแสงอันหนึ่งให้เขา และส่งไป๋หลินมาที่บ้านสกุลไป๋ บอกว่าแม้ดวงชะตาของไป๋หลินจะไม่ดี แต่สามารถช่วยเติมเต็มสี่เสาแปดอักษรของไป๋มู่ได้พอดี ขอเพียงทั้งคู่อยู่ด้วยกันตลอด ไป๋มู่จะอยู่ดีมีสุขไปตลอดชีวิต นับตั้งแต่นั้นภัยร้ายทุกอย่างก็ห่างจากตัวไป๋มู่ไป ไป๋หลินเข้ามาอยู่ในบ้านสกุลไป๋ ฉากหน้าไป๋หลินคือลูกบุญธรรมของสกุลไป๋ แต่ความจริงอีกฝ่ายคือเสามนุษย์* ของไป๋มู่ เพื่อช่วยค้ำจุนดวงชะตาที่เต็มไปด้วยภัยอันตรายของเขา
ตอนไป๋หลินถูกรับตัวเข้ามาเลี้ยง ไป๋มู่เพิ่งจะอายุได้สองขวบกว่า เขาจึงไม่รู้ความลับนี้ แต่ตอนนั้นไป๋หลินอายุห้าขวบ เริ่มจำความได้แล้ว อีกฝ่ายจึงรู้เรื่องทุกอย่างแค่แสร้งทำเป็นไม่รู้ แรกๆ ไป๋หลินอยู่ในบ้านสกุลไป๋แบบระวังตัวแจเพราะเกรงว่าจะถูกทอดทิ้ง ต่อมาเมื่อพบว่าคุณพ่อไป๋กับคุณแม่ไป๋ดีต่อตัวเองจากใจจริง ไป๋หลินจึงค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้น
จนอายุประมาณสิบห้าสิบหกปี ไป๋หลินได้เข้าวงสังคมไฮโซ ทำให้ได้รู้ว่าลูกเลี้ยงกับลูกจริงที่ต่างกันแค่คำเดียว แต่กลับห่างไกลเหมือนฟ้ากับดิน ต่อให้ตัวเขาดีเด่นแค่ไหนก็ทำได้เพียงยืนอยู่ข้างกายไป๋มู่ เป็นตัวช่วยเสริมบารมีให้อีกฝ่าย ในขณะที่ไป๋มู่คือลูกผู้ดีมีเงินตัวจริง แต่ไป๋หลินกลับไม่ใช่อะไรเลย
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเริ่มมองไป๋มู่ด้วยสายตาพยาบาท และตกอยู่ภายใต้การบงการของความคิดชั่วร้ายและความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงหาข้ออ้างออกห่างจากไป๋มู่ ไปเที่ยวข้างนอกหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน ซึ่งในช่วงหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนนั้นไป๋มู่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณพ่อคุณแม่ไป๋ลากเขาเข้ามาในห้องผู้ป่วยของไป๋มู่ทันเวลา เกรงว่าตอนนี้หญ้าบนหลุมฝังศพของไป๋มู่คงสูงหลายเมตรไปแล้ว
ตอนไป๋หลินเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจที่ส่งเสียงกรีดร้องแหลมพลันเงียบสงบเป็นปกติทันทีที่เขามาถึง คุณพ่อคุณแม่ไป๋อ้อนวอนเขาไว้เหมือนฟางช่วยชีวิต** เพื่อช่วยลูกชายของตน หัวใจของไป๋หลินเต้นโลดขึ้นทันที เลือดในกายสูบฉีดด้วยความภาคภูมิและดีใจแทบบ้า ที่แท้เขาไม่ใช่แค่ลูกเลี้ยง แต่เป็นเจ้าชีวิตของไป๋มู่ ดวงชะตาของคนคนนี้ตกอยู่ในมือเขา เขาอยากให้อีกฝ่ายอยู่ อีกฝ่ายก็อยู่ เขาอยากให้อีกฝ่ายตาย อีกฝ่ายก็ตาย!
วันที่ไป๋มู่รอดจากยมทูตมาได้แบบฉิวเฉียดคือวันที่ไป๋หลินมีความสุขที่สุดในชีวิต เขาเลิกตัดพ้อชะตาของตัวเอง เลิกประหวั่นหวาดกลัว ระแวดระวังไปทุกสิ่ง และเริ่มกอบโกยทุกอย่างของสกุลไป๋อย่างหน้าชื่นตาบาน จนเมื่อครึ่งปีก่อนไป๋มู่อาศัยตำแหน่งหน้าที่กล่าวโทษเขาและไล่เขาออกจากบริษัท
ไป๋หลินโกรธมาก เพราะมองว่าไป๋มู่เป็นแค่เครื่องทำเงิน มีสิทธิ์อะไรมาต่อต้าน อีกฝ่ายกล้าหรือ เมื่อเป็นเช่นนั้นไป๋หลินจึงตัดสินใจสั่งสอนไป๋มู่ให้หนัก และสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ไป๋หลินพอใจมาก เพราะเมื่อไม่มีเขาคอยข่ม ความโชคร้ายของไป๋มู่ก็ไม่ได้ส่งกระทบแค่เพียงตัวของอีกฝ่าย แต่ยังลามไปถึงคนที่อยู่ใกล้ชิดที่สุดด้วย
ครึ่งเดือนที่ไป๋หลินจากไป ผู้เฒ่าไป๋เกิดโรคหัวใจกำเริบตายคาบ้าน และอีกครึ่งเดือนต่อมาคุณพ่อไป๋กับคุณแม่ไป๋ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตทั้งคู่ ไป๋มู่เข้ารับช่วงกลุ่มธุรกิจของสกุลไป๋ทันที แรกๆ โปรเจ็กต์หลายโปรเจ็กต์ที่ลงทุนราบรื่นดีมาก แต่ต่อมากลับประสบปัญหาครั้งแล้วครั้งเล่า จนตอนนี้บริษัทติ่งเซิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนลถูกลากตกลงไปในหล่มแล้ว
ไป๋หลินที่มองทรัพย์สมบัติมหาศาลของสกุลไป๋เป็นของตัวเองมาตั้งแต่ต้นเริ่มนั่งไม่ติด เขาจึงมาหาไป๋มู่ที่มูนไลต์เบย์การ์เด้นเพื่อพูดคุยกันดีๆ แต่ไป๋มู่ไม่อยากเสวนากับเขา จึงเดินไปที่รถหมายกลับเข้าไปนั่งที่เบาะหลังของตัวเอง
ไป๋หลินขวางหน้าไป๋มู่ไว้พร้อมยิ้มเย็น “นายคงไม่อยากให้มีคนรู้เรื่องบัดซบพวกนั้นเยอะหรอกมั้ง” พูดจบเขาก็หันไปมองพวกรองประธานที่มาพร้อมกับไป๋มู่อย่างมีนัย
ดวงตาของไป๋มู่ฉายแววขึ้งเคียด แต่กลับยอมเดินไปจุดลับตาพร้อมกล่าวเสียงหนักว่า “นายอยากคุยอะไร”
“ตอนพ่อแม่ใกล้ตายพวกท่านบอกนายว่าไง ถ้าไม่มีฉัน วันหนึ่งนายก็ไม่รอดเหมือนกัน” ไป๋หลินยิ้มอย่างลำพอง
“นายไม่คู่ควรเรียกพวกท่านว่าพ่อแม่ ครึ่งปีที่ไม่มีนาย ฉันสบายดีมาก” สองมือที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงของไป๋มู่กำหมัดแน่น แต่สีหน้ากลับยังนิ่งสนิทน่าเกรงขาม เพื่อธุรกิจของสกุลไป๋เขาสามารถก้มหัวให้ทุกคน แต่ไม่มีทางยอมประนีประนอมกับไป๋หลิน
“จริงเหรอ” ไป๋หลินชี้ไปที่เชือกแดงบนคอของไป๋มู่ ยิ้มเยาะ “เลิกแอ๊บได้แล้ว ฉันรู้ว่าที่นายทนมาได้จนถึงตอนนี้เพราะป้ายหยกอันนี้ แต่ฉันได้ยินพี่สะใภ้หลิวบอกว่าเมื่อวานป้ายหยกของนายแตก มันช่วยนายไม่ได้แล้วหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นคนที่ไม่เชื่อเรื่องภูตผีปีศาจอย่างนายจะเชิญผู้เฒ่าโจวมาแก้ฮวงจุ้ยทำไม ครึ่งปีมานี้นายเจออุบัติเหตุหลายครั้ง เข้าโรงพยาบาลหลายหน อยากให้ฉันช่วยมั้ยล่ะ ถ้าอยากรอดก็ยกตำแหน่งประธานให้ฉันซะดีๆ และโอนหุ้นที่เป็นชื่อของนายมาให้ฉันทั้งหมดด้วย”
ไป๋มู่มองอีกฝ่ายด้วยแววตาเยาะหยัน คล้ายกำลังมองตัวตลกที่กำลังกระโดดลงมาจากขื่อ อย่าว่าแต่ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่เลย ต่อให้เขาตายไปแล้วธุรกิจสกุลไป๋ก็ต้องเป็นของคนแซ่ไป๋ตลอดไป
“ไป๋มู่ นี่ฉันอุตส่าห์ให้เกียรตินายแล้วนะ เชื่อมั้ยว่าวันนี้ถ้านายขับรถออกไปจะต้องเจออุบัติเหตุ! ลองไม่มีฉัน แม้แต่ตอนดื่มน้ำนายก็มีสิทธิ์สำลักตาย!” ไป๋หลินโกรธจนกัดฟัน และพอพูดจบเขาก็หันไปบอกพวกรองประธานที่ยืนคอยอยู่ด้านข้างว่า “ผมขอเตือนพวกคุณด้วยความจริงใจว่านับจากวันนี้เป็นต้นไป ทางที่ดีที่สุดคืออย่าได้นั่งรถคันเดียวกับไป๋มู่ เขาเป็นดาวหายนะ เป็นตัวอัปมงคล สามารถทำให้ทุกคนที่อยู่ข้างตัวพลอยโชคร้ายตาม ท่านผู้เฒ่ากับคุณพ่อคุณแม่ของผมตายยังไงพวกคุณลืมแล้วหรือ ที่โปรเจ็กต์ของบริษัททุกโครงการต้องตกอยู่ในสภาวะเสี่ยง พวกคุณก็เห็นกับตาเองแล้วไม่ใช่หรือไง การคลุกคลีอยู่กับเขาทุกวันมีแต่ตาย!”
คำพูดของไป๋หลินสร้างความหวาดกลัวให้แก่ทุกคน จริงด้วย ครึ่งปีมานี้ดวงของบริษัทติ่งเซิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนลเลวร้ายถึงขีดสุด ไม่ว่าจะลงทุนอะไรก็ขาดทุนไปหมด ไม่ว่าจะทำอะไรก็เจอแต่ปัญหา ขาดทุนป่นปี้จนฝ่ายการเงินไม่กล้าทำอะไรอีก ยิ่งดวงชะตาของสกุลไป๋ยิ่งตกต่ำหนัก ท่านผู้เฒ่า คุณไป๋ และคุณนายไป๋ต่างทยอยกันเกิดเรื่องเหมือนโดนคำสาป
ไม่ต้องลากไปไกล แค่คอนโดฯ มูนไลต์เบย์การ์เด้น ฮวงจุ้ยที่มีปัญหามากมายในทุกหนทุกแห่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเคยเห็น และไม่ใช่ความซวยธรรมดา ใครที่ไหนเคยเจอสถานการณ์แบบนี้บ้าง พวกระดับสูงเริ่มเชื่อคำพูดของไป๋หลิน พวกเขายิ่งคิดสีหน้าก็ยิ่งไม่น่าดู
คนขับรถที่เตรียมจะเปิดประตูรถให้ไป๋มู่ตัวแข็งอยู่ที่เดิม เนื่องจากเขาเชื่อไปแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่แท้การที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หลายสิบครั้งในช่วงหนึ่งเดือน แต่เขายังสามารถรักษาหน้าที่การงานไว้ได้เป็นเพราะแบบนี้เองหรือ ไม่ใช่เพราะฝีมือการขับรถของเขาห่วยเกินไป แต่ดวงของท่านประธานไป๋หายนะมาก! ขืนขับรถให้คนแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องรถชนตายเข้าสักวัน!
หน้าผากของคนขับรถมีเหงื่อเย็นๆ ไหลลงมาหลายเม็ด ไม่แน่ใจว่าควรจะขอลาออกตอนนี้เลยดีหรือไม่ แต่ไป๋มู่เดินอ้อมไปนั่งที่คนขับแล้ว ก่อนเหยียบคันเร่งจากไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มเย็นชากระด้างเหมือนเหล็กเย็นแต่ใจกลับแข็งกว่านั้น ก่อนหน้านี้ตัวไป๋มู่ไม่เคยเชื่อเรื่องดวงชะตา แต่การต้องส่งญาติสนิทที่สุดทุกคนออกเดินทาง มันทำให้เขาจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่แสนทรมานใจ ถ้าเขาต้องยอมหมอบราบคาบแก้วอยู่แทบเท้าไป๋หลิน เขาขอเลือกความตายดีกว่า
เขาทำพินัยกรรมเอาไว้นานแล้วว่าถ้าตนเป็นอะไรไป สมบัติทุกอย่างของสกุลไป๋จะถูกบริจาคให้แก่องค์กรสาธารณกุศล เว้นแต่หนี้สินก้อนโต ไป๋หลินไม่มีทางได้อะไรไปเลย
แต่ไป๋มู่ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เขามีอีกหลายสิ่งที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำ ยังมีอีกหลายอย่างที่วาดหวังไว้แล้วยังไม่เห็นผล ชีวิตของเขาเพิ่งเริ่มต้นก็ต้องมาจบลงเพราะเรื่องเหลวไหลน่าสังเวชใจแบบนี้หรือ ถ้าเขาป่วยตายไปตั้งแต่เกิดจะดีกว่าไหม เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้น คุณปู่ คุณพ่อ คุณแม่คงไม่ต้องเหนื่อยเพราะเขาจนถึงแก่ชีวิต
ขณะนี้ไป๋มู่กำลังคิดฟุ้งซ่านมากมายเท้าจึงเหยียบคันเร่งจนลืมปล่อย ทำให้ความเร็วรถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โครงการมูนไลต์เบย์การ์เด้นตั้งอยู่บนไหล่เขา เส้นทางมีแต่ดิ่งลง ถ้าดวงไม่ดีและขับเร็วเกินไปอาจเจอเรื่องอันตราย
ไป๋หลินรู้เรื่องพินัยกรรมของไป๋มู่ พอเห็นอีกฝ่ายหาเรื่องวอนตายก็โกรธจนแทบเต้น คิดไม่ถึงว่าไป๋มู่จะหัวแข็งขนาดนี้ ยอมตายแต่ไม่ยอมยกสมบัติของสกุลไป๋ให้เขา
พวกรองประธานแตกตื่น รีบขับรถตามไป
เส้นทางบนภูเขาเลี้ยวลดคดเคี้ยว ถ้าไม่ระวังมีสิทธิ์เกิดอุบัติเหตุ พวกรองประธานต่างลนลาน หลายครั้งที่เกือบชนกับรถที่แล่นสวนมา แต่รถของไป๋มู่กลับหลีกพ้นอันตรายไปได้ทุกอย่าง สามารถกลับเข้าเขตเมืองได้อย่างราบรื่น และตรงเข้าไปในบ้านเดิมของสกุลไป๋
ประตูเหล็กหนักอึ้งกั้นรถของพวกรองประธานเอาไว้ด้านนอก ในขณะที่รถคันนั้นแล่นฉิวเข้าไปจอดในโรงรถส่วนตัวของบ้านสกุลไป๋ได้โดยสวัสดิภาพ
เมื่อเห็นไฟท้ายรถหายไป รองประธานคนหนึ่งก็ยื่นหน้าออกมาทางหน้าต่างรถ พูดเสียงฉุนเฉียวว่า “ใครบอกว่าประธานไป๋เป็นดาวหายนะ พวกเราเกือบถูกชนตายตั้งหลายครั้ง แต่เขาขับไวขนาดนั้นกลับไม่เป็นอะไรเลย! ผมว่าเขาดวงดีมากต่างหาก!”
“ไป๋หลินเก่งเรื่องแต่งเรื่องโกหกพกลมที่สุด คำพูดของเขาเชื่อได้ด้วยเหรอ ไปกันเถอะ วันนี้ประธานไป๋อารมณ์ไม่ดี พวกเราอย่าไปกวนเขาเลย”
รถหลายคันทยอยจากไป พอไป๋หลินที่มาถึงเป็นคนสุดท้ายรู้ว่าไป๋มู่กลับมาถึงบ้านสกุลไป๋โดยสวัสดิภาพก็ประหลาดใจอย่างมาก คนขับรถคนนั้นคือไป๋มู่ที่แค่แยกจากเขายี่สิบสี่ชั่วโมงก็เจออุบัติเหตุสารพัดจนต้องถูกส่งไปยื้อชีวิตที่โรงพยาบาลแน่หรือ โกหกน่ะ!
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทที่ 11 ได้ในวันที่ 24 ก.ย. 64
Comments
comments
No tags for this post.