ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 1
ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)
แปลโดย : ปราณหยก
ผลงานเรื่อง 灵媒 (Ling Mei)ของเฟิงหลิวซูไต
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
※ เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง, ปัญหาในครอบครัว, มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต, การทำร้ายเด็ก, การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ, การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ, การข่มขืน, การฆ่าตัวตาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
※ Trigger ที่ระบุข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวละครหลักทั้งหมด
※ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 4 ความตายเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
เมืองหลวงใหญ่มาก ฟั่นจยาหลัวขับรถอยู่ข้างนอกทั้งวันยังตระเวนได้แค่ส่วนเล็กๆ ส่วนเดียว เมืองหลวงแห่งนี้แตกต่างจากภาพในความทรงจำของเขาสิ้นเชิง ทุกหนทุกแห่งมีแต่ตึกสูงเรียงราย ตึกใหญ่บางตึกสร้างแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะ บางตึกมีความสูงหลายร้อยเมตร บางตึกติดกระจกเล่นแสงสะท้อนสายตา เวลาอาบแสงสุดท้ายยามสายัณห์จะเป็นสีทองอร่ามบ้าง แดงสดบ้าง งดงามยิ่งใหญ่คล้ายแดนเซียน
เขาขับรถไปถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่งและปีนขึ้นไปบนเนินที่สูงที่สุดในสวนเพื่อมองดูเมืองแห่งนี้ คอยให้อาทิตย์ยามอัสดงที่สาดแสงอาบร่างจากไปพร้อมความมืด แสงดาวมาเยือน เขากะพริบตาที่แห้งผาก เดินทางกลับไปคอนโดฯ อย่างอาลัยอาวรณ์
ภายในห้องว่างเปล่าเหมือนเคย แม้แต่น้ำสักขวดยังไม่มี สกุลฟั่นอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของเจ้าของร่างเดิมไปแล้วเหลือแค่คอนโดฯ นี้ พูดอีกอย่างคือฟั่นจยาหลัวคนปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว ถ้าไม่มีใครมาช่วยกอบกู้ด้านการเงิน เขาจะต้องหิวตาย แน่นอนว่าเขายังต้องเผชิญหน้ากับค่าละเมิดสัญญาและค่าชดเชยจำนวนสูงลิบ หลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป จะอยู่อย่างไร นี่ต่างหากคือปัญหาใหญ่
ฟั่นจยาหลัวเปิดตู้เย็นดู ยื่นมือไปทดสอบอุณหภูมิด้านใน สองตาเปล่งประกายกว่าปกติเมื่อบังเกิดความอยากรู้อยากเห็น เนื่องจากเขาไม่เคยเห็นของแบบนี้ หรือพูดให้ถูกคือเขาไม่เคยมีประสบการณ์กับทุกสิ่งที่อยู่ในยุคนี้และเมืองนี้ จึงยากที่จะจินตนาการถึงมัน
เขาสำรวจตู้เย็นแบบสองประตูแล้วหยิบไม้พายมาแซะน้ำค้างแข็งสีขาวที่อยู่ในช่องแช่แข็ง หลังตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของตนจนพอใจ ก็หยิบเอาถาดทำน้ำแข็งพลาสติกออกมาเพื่อทำก้อนน้ำแข็งจำนวนมาก จากนั้นก็ไปนอนขดตัวอย่างเกียจคร้านอยู่บนโซฟาเพื่อดูหนังหลายเรื่อง จนเวลาเกือบเที่ยงคืน ฟั่นจยาหลัวเอาก้อนน้ำแข็งที่ทำเสร็จแล้วออกมาเทใส่ถัง หิ้วไปห้องน้ำ เขาถอดเสื้อผ้า ส่องกระจกสำรวจแผ่นหลังของตน ตรงนั้นมีรอยช้ำเป็นปื้นที่เกิดจากซุนอิ่งผลักเขาไปกระแทกผนัง รอยนี้เป็นสีม่วงเข้มอย่างไม่น่าสบายใจ ซ้ำยังดูท่าจะลามไปไม่หยุด
เจ็บขนาดนี้ย่อมยากที่จะไม่รู้สึก แต่ตอนฟั่นจยาหลัวยื่นนิ้วไปแตะแผ่นหลัง สีหน้ากลับนิ่งสนิทคล้ายไม่รู้สึก ผิวส่วนที่ถูกเขากดไม่ได้เด้งตัวคืนทันที แต่บุ๋มลงไปเป็นหลุมเล็กๆ เห็นได้ชัดถึงความผิดปกติ
ฟั่นจยาหลัวมองรอยบุ๋มด้วยแววตาหม่นมัว สีหน้ายากแก่การคาดเดา ผ่านไปสักพัก เขาเปิดน้ำเย็นจนเต็มอ่างแล้วเทน้ำแข็งลงไป อุณหภูมิที่มีน้ำแข็งลงไปผสมต่ำลงจนถึงศูนย์ เกรงว่าคนทั่วไปคงหนาวจนร้องกรี๊ด แต่ชายหนุ่มกลับนอนลงในน้ำอย่างสงบและหลับสนิท
ก็อย่างที่เขาบอกว่านี่ไม่ใช่ร่างร่างหนึ่ง แต่เป็นภาชนะใบหนึ่ง ก่อนหน้านี้ตอนที่ภาชนะใบนี้ใกล้พัง มันได้สูบกลืนวิญญาณเร่ร่อนทำให้มีชีวิตเป็นปกติ แต่ตอนนี้กลไกของมันพังแล้ว ถ้าไม่หาวิธีรักษา ไม่ช้าก็เร็วย่อมเปื่อยสลายเหลือแต่โครงกระดูกหนึ่งกอง
น่าสงสารฟั่นจยาหลัวคนเดิมที่ทำตัวเย่อหยิ่งมาทั้งชีวิต แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเหตุใดบุคลิกรองของเขาถึงได้แตกต่างจากบุคลิกรองของผู้ป่วยอาการหนัก ‘ทั่วไป’ เหตุใดมันจึงไม่โผล่ออกมาตอนที่บุคลิกหลักต้องการการปกป้องหรือหลบหนี แต่โผล่ออกมาอย่างไร้เหตุผล และหายไปอย่างไร้เหตุผลเช่นกัน
ยี่สิบปีมานี้ ‘บุคลิกรอง’ หลายรายถูกภาชนะใบนี้กลืนกิน และได้ ‘บุคลิกรอง’ อีกหลายรายมาชดเชยทันเวลา ทำให้ฟั่นจยาหลัวคนเดิมไม่ได้รู้สึกรู้สา และร่างนี้ก็ค่อยๆ เติบใหญ่จนสุดท้ายได้มีรูปลักษณ์อย่างตอนนี้
กระแสน้ำเย็นจัดได้แช่แข็งกระดูกและเลือดของร่างร่างนี้ ความโชคดีคือทำให้รอยช้ำสีม่วงเข้มน่ากลัวพวกนั้นลุกลามช้าลง
ฟั่นจยาหลัวตกอยู่ในภวังค์หลับลึก ในระหว่างนี้บนอินเตอร์เน็ตมีกระแสต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เริ่มต้นจากการที่มีชาวเน็ตตัดต่อคลิปกิจกรรมทั้งหมดที่วงสตาร์เคยไปออก ในคลิปเกาอี้เจ๋อกับซุนอิ่งให้การดูแลฟั่นจยาหลัวดีมาก และยังคอยเตือนเขาให้เพลาๆ ลง ให้ระมัดระวังตัวมากขึ้นหลายต่อหลายครั้ง
ระหว่างที่มีการสัมภาษณ์ เกาอี้เจ๋อพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรักว่า ‘เวลาอยู่ข้างนอก คนที่ผมเป็นห่วงที่สุดคือจยาหลัว เพราะเขายังมีความเป็นเด็ก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะโต วงเราจะอยู่ยาวหรือเปล่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับหัวหน้าวงอย่างผม แต่อยู่ที่จยาหลัวของพวกเรา! เขาเป็นดวงใจใสพิสุทธิ์ของวงเรา’
ซุนอิ่งเคยพูดไว้ระหว่างออกทัวร์ครั้งหนึ่งว่าฟั่นจยาหลัวมีความเป็นเด็กสูง แต่เขาเป็นคนซื่อๆ น่ารักมาก
‘ผมจะตั้งใจสอนเขา นี่เป็นหน้าที่ของพี่ชาย เราสามคนจะต้องพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น’ ซุนอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจบก็ยิ้มอย่างสดใส
สรุปคือภาพที่ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันนั้นน่าซึ้งใจมาก เกาอี้เจ๋อกับซุนอิ่งไม่เพียงดูแลฟั่นจยาหลัว แต่ยังตั้งใจสอนเขา ทว่าฟั่นจยาหลัวเสียนิสัยไปแล้ว ทำให้ความพยายามของพวกเขาต้องสูญเปล่า
พอดูจบก็เกิดกระแสอย่างหนัก แฟนคลับของวงสตาร์ต่างก็ปวดใจมาก เอาแต่บอกว่าพี่ชายสองคนเป็นคนดีมาก คู่ควรกับสิ่งที่ได้รับในเวลานี้ และขอให้ชาวเน็ตช่วยกันโจมตีฟั่นจยาหลัวคนเดียว อย่าได้ลากพี่ชายสองคนไปเกี่ยวข้องด้วย เพราะพี่ชายสองคนเป็นผู้บริสุทธิ์
บริษัทสเตลล่าร์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ปล่อยข่าวเรื่องที่ฟั่นจยาหลัวเถียงกับเกาอี้เจ๋อและซุนอิ่งจนเกือบจะต่อยกันออกมา ในคลิปและภาพที่ออกมานั้นฟั่นจยาหลัวพูดจาร้ายกาจด้วยท่าทางวางก้าม ขอให้เพื่อนร่วมวงสองคนทำตามเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข และห้ามแย่งความโดดเด่นของตน สองคนที่ถูกขู่ทำได้เพียงยอมถอย แม้จะมีสีหน้าโกรธเคืองแต่ไม่ได้เคียดแค้น ทั้งยังยินดีให้การสนับสนุนฟั่นจยาหลัว นอกจากนี้ยังมีคลิปเสียงปล่อยออกมาอีกหลายคลิป ในคลิปเสียงฟั่นจยาหลัวประกาศอย่างอหังการว่าที่วงสตาร์อยู่ได้วันนี้เพราะทีมงานของตน หากไม่มีตน เกาอี้เจ๋อกับซุนอิ่งไม่มีทางได้เป็นอะไรเลย หากทั้งคู่ทำให้เขาไม่พอใจ เขาจะเอาทุกอย่างไปบินเดี่ยว ปล่อยให้สองคนกลายเป็นขยะ กลับไปอยู่ที่เดิม
ข้อมูลที่ถูกปล่อยออกมาอย่างปุบปับในระลอกสองให้ผลชัดเจนกว่าเดิม ทุกคนต่างเห็นว่าเกาอี้เจ๋อกับซุนอิ่งเป็นคนใจกว้าง มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ มีคุณธรรมน้ำใจ ในขณะที่ฟั่นจยาหลัวเป็นคนใจคอคับแคบ นิสัยแปรปรวน ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา หาดีไม่ได้
หลังมีการปล่อยข่าวนี้ออกมา บริษัทสเตลล่าร์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์สามารถซื้อใจมหาชนได้อีกครั้ง ไม่นาน นอกจากแท็ก #ฟั่นจยาหลัวไสหัวออกจากวงไป# แล้ว ประเด็นเรื่อง #สงสารพี่ชายสองคน# ก็ติดอันดับต้นๆ ในการสืบค้นเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกาอี้เจ๋อกับซุนอิ่งไม่สูญเสียแฟนคลับ ซ้ำยังได้ใจคนทั่วไปในความอ่อนน้อมถ่อมตนและความจริงใจ พุ่งทะยานเป็นศิลปินระดับเอลิสต์อย่างรวดเร็ว
ฟั่นจยาหลัวทำตัวเหมือนเมื่อก่อนคือไม่ได้เผยตัวออกมา และยิ่งไม่มีสื่อพูดถึง เหมือนเขายอมรับชะตากรรมและยินดีเป็นเศษซากในการโจมตีจากมหาชนครั้งนี้ ด้วยการยอมใช้ชื่อเสียงเน่าๆ ของตนส่งเพื่อนร่วมวงสองคนไปสู่ฝั่งฝัน
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ในที่สุดฟั่นจยาหลัวที่แช่อยู่ในอ่างน้ำก็ตื่นขึ้น เขาหรี่ตาลงทบทวนอยู่นานกว่าจะนึกออกว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เขาลูบหยดน้ำบนใบหน้าออก ปีนออกมาจากอ่างน้ำช้าๆ ส่องกระจกดูแผ่นหลัง รอยช้ำบนนั้นยังอยู่และสีไม่จางลง ซ้ำยังลามมาที่เอวอีกด้วย ไม่มียาใดสามารถรักษาได้ นอกจากอาศัยความเย็นลดทอนความเร็วในการลุกลาม
แต่แผลน่ากลัวนี้กลับไม่ได้ทำให้ฟั่นจยาหลัวมีสีหน้ารำคาญใจหรือสับสน เขาเช็ดตัวจนแห้งแล้วสวมชุดนอน เดินไม่เร็วไม่ช้าเพื่อกลับไปดูทีวีที่ห้องรับแขก เสียงจ้อกแจ้กจากทีวีทำให้ภายในห้องว่างๆ เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตรงกันข้ามกับตู้เย็นที่ยังคงว่างเปล่า
เวลาผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ ฟั่นจยาหลัวไม่กินไม่ดื่ม แต่ยังอยู่ได้ด้วยดี เห็นชัดว่าเป็นความไม่ปกติ แต่นอกจากฟ้าดินที่รู้แล้ว ยังจะมีใครรู้อีก
เพราะว่ามือถือแบตฯ หมด เครื่องเลยปิดเองโดยอัตโนมัติ เขาใช้เวลาหาอยู่นานกว่าจะเจอที่ชาร์จในลิ้นชักอันไหนสักอันในห้องเก็บเสื้อผ้า สิ้นเสียงแบ็กกราวนด์ตอนเปิดเครื่อง สิ่งที่ตามมาคือเสียงแจ้งเตือนดังติ๊งๆ ทั้งวีแชต เวยป๋อ ยูทูบ และสารพัดแอพฯ สื่อสารบนมือถือ เวลานี้ล้วนเต็มไปด้วยถ้อยคำดูหมิ่นเหยียดหยัน
ฟั่นจยาหลัวมองมือถือด้วยสีหน้านิ่งสนิท ไม่ได้เป็นกังวลต่อเจตนาร้ายมากมาย ตอนนี้เองเกาอี้เจ๋อก็โพสต์ข้อความยาวเหยียดลงบนเวยป๋อเพื่อขอโทษประชาชนแทนฟั่นจยาหลัว อีกฝ่ายแถลงการณ์อย่างจริงใจว่าน้องชายอายุยังน้อย ย่อมต้องทำอะไรผิดพลาด ขอให้ทุกคนอภัย เชื่อว่าเรื่องในครั้งนี้จะทำให้ฟั่นจยาหลัวได้บทเรียนเพียงพอและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ขอทุกคนให้โอกาสเขาสักครั้ง ในอนาคตเขาจะต้องดีขึ้นแน่นอน
จำนวนคลิกของโพสต์นี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าสะพรึงภายในชั่วพริบตา แต่ผลของมันกลับออกมาตรงกันข้าม นอกจากทุกคนจะไม่ให้อภัยฟั่นจยาหลัวแล้ว ยังด่าเขาชนิดสาดเสียเทเสีย ตรงกันข้ามกับกระแสนิยมในตัวเกาอี้เจ๋อที่เพิ่มสูงขึ้น เวลานี้อีกฝ่ายเป็นคนหนึ่งในวงการบันเทิงที่มีแฟนคลับสามสิบล้านคน เกาอี้เจ๋อดังแล้ว และดังมากด้วย! ถ้าบอกว่าฟั่นจยาหลัวเป็นแบบอย่างของความไร้คุณธรรม เกาอี้เจ๋อก็ต้องเป็นแบบอย่างของไอดอลรุ่นใหม่ เพราะเกาอี้เจ๋อทั้งใจกว้าง ซื่อตรง ใจดี จริงใจ ซื่อสัตย์ เป็นศูนย์รวมของความดีงามทุกอย่าง
พวกแฟนคลับรักเกาอี้เจ๋อจนแทบคลั่ง
ผ่านไปไม่กี่นาทีซุนอิ่งก็โพสต์เวยป๋อและแท็กฟั่นจยาหลัว หวังว่าเขาจะออกมายอมรับความผิดของตัวเอง แสดงความรับผิดชอบ
ฟั่นจยาหลัวมองเวยป๋อที่ถูกชาวเน็ตโจมตีด้วยความโกรธแค้นอีกครั้งแล้วเลิกคิ้ว บนใบหน้าเริ่มมีอารมณ์ตื่นเต้น เขายื่นนิ้วหนึ่งออกไปพิมพ์ตัวอักษรหนึ่งแถวช้าๆ
‘ความตายเป็นแค่จุดเริ่มต้นของหายนะ เพราะฉะนั้นอย่าไปเดินบนที่สูง…’
เขาไม่ได้แท็กใคร เพราะเขาไม่รู้ว่าสัญลักษณ์ประหลาดๆ พวกนี้มีไว้ทำอะไร และคร้านที่จะพลิกหาในความทรงจำ เขาพูดในสิ่งที่ควรพูด เจอคนที่ควรเจอหมดแล้ว ไม่น่าแปลกที่โพสต์แรกของเขาจะถูกชาวเน็ตโจมตี
‘ความตายเป็นแค่จุดเริ่มต้นของหายนะ นี่คือคำขู่เหรอ ฮัลโหล 110 ใช่มั้ยคะ ฉันต้องการแจ้งความ!’
‘คนอื่นเขาดังแล้ว นายไม่มีส่วนด้วยเลยพูดเพราะอิจฉาใช่มั้ยล่ะ’
‘แบบนี้มันอิจฉากันชัดๆ อย่าไปเดินบนที่สูง! เขาไม่แค่จะเดินบนที่สูงแต่ยังจะเดินไปถึงจุดที่ชาตินี้นายไม่มีวันจะไปถึงด้วย!’
‘ฟั่นจยาหลัวไม่มีวันรู้หรอกว่าคำว่า ‘สำนึก’ เขียนยังไง!’
ชาวเน็ตต่างโกรธแค้น สบถสาบานว่าจะต้องฉีกทึ้งสารเลวฟั่นจยาหลัวรายนี้กับมือ!
คนที่แห่เข้าไปด่าทอฟั่นจยาหลัวในเวยป๋อมีจำนวนมากจนหน้าเวยป๋อของเขาขึ้นคำว่า ‘เกิดข้อผิดพลาดชั่วคราว’ แต่ตัวการอย่างฟั่นจยาหลัววางมือถือไปนานแล้ว เขาสวมชุดไปรเวต แปลงโฉม หยิบกุญแจรถเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทีสบายๆ สิ่งแรกที่เขาทำคือไปเดินเที่ยวรอบเมืองก่อนเข้าไปในคลับชั้นสูงแห่งหนึ่งตอนใกล้ค่ำ นั่งตรงจุดที่เห็นได้ชัดที่สุดเพื่อดื่มเหล้า
เขาถอดหมวกกับหน้ากากอนามัยเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลา แต่คนที่อยู่ในวงการบันเทิงล้วนมีรูปลักษณ์โดดเด่นจึงไม่มีใครสนใจศิลปินตกอับตัวเล็กๆ ฟั่นจยาหลัวสั่งค็อกเทลสีสวยสดใสหนึ่งแก้วมาถือไว้ดูเล่น แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ยังไม่ยอมดื่มเลยสักอึก เข็มนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังเคลื่อนจากหนึ่งทุ่มครึ่งไปที่สามทุ่ม เขาถึงได้วางแก้วลงและเดินออกไปอย่างไม่เร็วไม่ช้า
บาร์เทนเดอร์ไม่ได้ขอให้ฟั่นจยาหลัวเคลียร์บัญชี เนื่องจากในบัตรสมาชิกของเขายังมีเงินเหลืออยู่เล็กน้อยพอให้ชำระค่าใช้จ่ายคราวนี้ แม้สกุลฟั่นจะตัดทางเดินและทางถอยของเขา แต่ก็ไม่ได้ริบทุกอย่างคืนไปทั้งหมดถึงขั้นอายัดเงินจำนวนน้อยนิดนี้ พนักงานถลึงตาใส่เงาแผ่นหลังของชายหนุ่มราวกับไม่พอใจที่เขาไม่ยอมให้ค่าทิปเปิดประตู
ตอนกำลังออกจากคลับ จู่ๆ ฟั่นจยาหลัวก็เงยหน้าขึ้นมองกล้องวงจรปิดที่ถูกซ่อนอยู่ตรงมุมหนึ่งบนเพดาน ริมฝีปากสีแดงสดโค้งน้อยๆ เป็นรอยยิ้มทรงเสน่ห์และเป็นปริศนา แต่วินาทีต่อมาเขาก็หุบยิ้ม สวมหมวกกับหน้ากากอนามัยเดินทอดน่องจากไป อึดใจต่อมารถสปอร์ตสีแดงก็แล่นผ่านหน้าคลับ หายเข้าไปในสายธารรถยนต์ที่เปิดไฟกันละลานตา
พร้อมกันนั้น ณ ย่านธุรกิจแห่งหนึ่งในเมืองหลวง มีเสียงกรีดร้องดังแหวกผ่านอากาศ “กรี๊ด! แย่แล้ว มีคนโดดตึก!”
“มีคนโดดตึก รีบมาดูเร็ว!” ฝูงชนกรูกันเข้ามา
“พี่เฉาครับ ชุดของคนคนนั้นเหมือนของพี่เจ๋อเลย!” ซุนอิ่งที่ยืนมองลงไปจากชั้นสี่แสดงสีหน้าหวาดผวาออกมาทันที
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทที่ 5 ได้ในวันที่ 10 ก.ย. 64
Comments
comments
No tags for this post.