ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 1
ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)
แปลโดย : ปราณหยก
ผลงานเรื่อง 灵媒 (Ling Mei)ของเฟิงหลิวซูไต
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
※ เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง, ปัญหาในครอบครัว, มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต, การทำร้ายเด็ก, การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ, การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ, การข่มขืน, การฆ่าตัวตาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
※ Trigger ที่ระบุข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวละครหลักทั้งหมด
※ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 5 มีคนโดดตึก
ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากชั้นล่างตอนเพิ่งจะอัดเสียงเสร็จไปหนึ่งเพลง ซุนอิ่งที่กำลังอยู่ในช่วงพักจึงรีบเปิดหน้าต่างออกไปดูความวุ่นวาย สายตาของเขาดีมาก ประกอบกับศพของคนที่กระโดดตึกไปอยู่ใต้แสงนีออนพอดี เลือดสดๆ ค่อยๆ ไหลทะลักสะท้อนกับแสงไฟ ทำให้แอ่งเลือดเหนียวข้นนั้นเป็นประกายบาดตา
มองปราดเดียวซุนอิ่งก็พบว่าเสื้อผ้าที่คนโดดตึกคนนั้นสวมใส่เหมือนของเกาอี้เจ๋อ เฉาเสี่ยวเฟิงที่มาเพราะเสียงอุทานของซุนอิ่งเข้ามาเบียดดูที่หน้าต่างด้วย ก่อนจะร้องโวยวายออกมาอย่างลนลาน “เกาอี้เจ๋ออยู่ไหน! เกาอี้เจ๋อล่ะ!”
ผู้ช่วยที่หอบเอาน้ำแร่หลายขวดวิ่งเข้ามาในห้องอัดเสียงตอบอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่า “พี่เจ๋ออยู่ดาดฟ้า ทุกครั้งเวลาอัดเสียงเสร็จเขาจะชอบไปยืนรับลมบนนั้น”
พอได้ยินว่าเกาอี้เจ๋ออยู่บนดาดฟ้า เฉาเสี่ยวเฟิงก็ยิ่งขวัญผวา รีบวิ่งไปขึ้นลิฟต์ข้างนอก เขาโทรหาเกาอี้เจ๋อพลางกดปุ่มลิฟต์อย่างบ้าคลั่ง แม้ไม่อยากคิดมากแต่ยังคงพูดเสียงสั่นๆ “ฉันจะขึ้นไปหาที่ดาดฟ้า พวกนายลงไปดูทีว่าคนที่โดดตึกเป็นใคร”
“อ่าครับ ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้!” ผู้ช่วยไม่ยอมลงลิฟต์แต่วิ่งลงบันได ซุนอิ่งตามหลังผู้ช่วยไปพลางพูดเสียงงึมงำ
“ไม่มีทางเป็นพี่เจ๋อ เป็นไปไม่ได้! นั่นจะต้องเป็นพวกที่แต่งตัวเลียนแบบแน่ๆ!”
ตอนที่พวกเขาเบียดฝูงชนเข้าไปเห็นหน้าศพชัดๆ ทั้งคู่กลับต้องตกใจจนหน้าซีด สองขาสั่นเทิ้ม เพราะคนโดดตึกคือเกาอี้เจ๋อจริงๆ! ศีรษะของเขาถูกกระแทกจนแหลกเหลว สองแขนสองขาบิดหัก สองตาเบิกโพลง ใบหน้ายังมีแววหวาดกลัวสุดขีด ตายอย่างอนาถมาก
ไม่รู้ว่าใครที่อยู่ในฝูงชนตะโกนขึ้นมา “เฮ้ย! ทำไมคนนี้หน้าคุ้นจัง! เหมือนดาราเลย!”
พอพวกคนมุงได้ยินว่าผู้ตายเป็นดาราก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นกันมากขึ้น และทยอยหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปถ่ายคลิป
เมื่อนั้นผู้ช่วยที่ตกใจจนตาแตกถึงได้สติ รีบถอดเสื้อคลุมไปปิดหน้าซุนอิ่งและรีบลากเขากลับเข้าตึกใหญ่ แต่สมองของซุนอิ่งเบลอไปหมด ไม่รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นและคิดอะไรไม่ออก เขาเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยใบหน้าซีดขาว
เฉาเสี่ยวเฟิงไม่เจอตัวเกาอี้เจ๋อบนดาดฟ้า สัญชาตญาณบอกว่าเรื่องนี้ท่าไม่ดี พอกลับไปที่ห้องอัด เห็นสีหน้าตกใจจนขวัญหายของผู้ช่วยกับซุนอิ่ง เขาก็เข้าใจได้ว่าศพข้างล่างคือเกาอี้เจ๋อจริงๆ! ทำไมคนเป็นเมื่อวินาทีก่อนถึงได้กลายเป็นคนตายในวินาทีต่อมาได้ ต้นไม้เขย่าเงิน* ของเขา!
เฉาเสี่ยวเฟิงปวดใจจนแทบยืดตัวไม่ขึ้น ทางหนึ่งเขาส่งคนลงไปรักษาความสงบ กันฝูงชนออกไป อีกทางโทรขอความช่วยเหลือจากบริษัทและตำรวจ พอคนมุงรู้ว่าเป็นเกาอี้เจ๋อก็พากันส่งเสียงดังระงม เชื่อว่าอีกเดี๋ยวข่าวที่เกาอี้เจ๋อกระโดดตึกตายจะต้องถูกผู้หวังดีโพสต์ลงอินเตอร์เน็ต ต่อให้อยากปิดก็ปิดไม่ได้ นอกจากปรับตัวไปตามสถานการณ์
เฉาเสี่ยวเฟิงสมกับที่เป็นผู้จัดการระดับเหรียญทองของสเตลล่าร์ แม้จะขวัญเสียจนมือสั่นแต่ก็ยังคงมีความสามารถในการไตร่ตรองและจัดการทุกเรื่องอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย กลายเป็นซุนอิ่งที่เหมือนโดนผีเข้า เขาดึงทึ้งผมตัวเอง พูดเสียงงึมงำ “พี่เจ๋อตายได้ยังไง! ทำไมเขาถึงต้องโดดตึก เมื่อกี้เขาบอกว่าอัดเสียงเสร็จแล้วจะกลับไปเล่นเกมกับผม! เขาตายได้ยังไง!”
คนตายไปแล้ว ต่อให้ไม่อยากเชื่อแค่ไหน ความจริงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
พอได้ยินว่าผู้ตายเป็นไอดอลที่กำลังฮอตฮิตคนหนึ่ง รถตำรวจกับรถพยาบาลก็มากันอย่างรวดเร็ว แต่พอทีมแพทย์มองๆ ดูแล้วก็โบกมือจากไป เป็นการบอกว่าไม่มีความจำเป็นต้องช่วยชีวิต ตำรวจจึงเข้าไปดูแลสถานที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพเก็บหลักฐาน สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ เฉาเสี่ยวเฟิงกับซุนอิ่งอยู่ให้ความร่วมมือจนถึงตีสองตีสามกว่าจะได้รับอนุญาตให้กลับ ทั้งสองกลับถึงบ้านแต่ก็ยากที่จะหลับลง
ในเวลาเดียวกัน ข่าวเรื่องเกาอี้เจ๋อโดดตึกได้จุดประเด็นร้อนขึ้นในอินเตอร์เน็ตและวงการบันเทิง เขาอายุยังน้อย มีอนาคตอีกไกล รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ร่ำรวย มีความสามารถ ทำไมถึงต้องฆ่าตัวตาย มันไม่มีเหตุผลเลย! ไม่สิ บางทีเขาอาจจะไม่ได้ฆ่าตัวตายแต่ถูกคนอื่นฆ่า! วงการบันเทิงวุ่นวาย มีการชิงดีชิงเด่นกันอย่างรุนแรง ไม่แน่ว่าการที่จู่ๆ เกาอี้เจ๋อก็ดังขึ้นมาอาจส่งผลกระทบถึงใครบางคน…
เพียงชั่วข้ามคืนคอมเมนต์ร้ายๆ มากมายก็ถาโถมเข้ามา ชาวเน็ตพูดกันไปในทุกรูปแบบ และเวยป๋อที่ฟั่นจยาหลัวโพสต์ก็ได้สร้างความหวาดกลัวให้ใครหลายๆ คน ‘ความตายเป็นแค่จุดเริ่มต้นของหายนะ อย่าไปเดินบนที่สูง’ ชาวเน็ตคนหนึ่งพิมพ์ตัวอักษรหนึ่งบรรทัดช้าๆ
‘ฉันคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่ดูเหมือนฟั่นจยาหลัวจะรู้ล่วงหน้าว่าเกาอี้เจ๋อจะโดดตึกตาย?’
‘นั่นสิๆ ดูจากเวยป๋อ เหมือนเขารู้อยู่แล้วว่าเกาอี้เจ๋อจะตาย!’
‘เป็นไปไม่ได้! ถ้าเขารู้เรื่องนี้จริงแล้วเขารู้ได้ยังไง เขารู้ล่วงหน้าหรือจ้างคนมาฆ่า? อ๊าๆๆ! ฉันไม่กล้าคิด ยิ่งคิดยิ่งน่ากลัวสุดๆ ไปเลย!’
‘ฉันว่าเรื่องนี้ฟั่นจยาหลัวจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่ๆ ไม่งั้นเขาไม่มีทางโพสต์เวยป๋อแบบนี้หรอก! ที่สูง ความตาย ทักแบบนี้แม่นเกินไปหรือเปล่า ฉันไม่เชื่อหรอกว่าบนโลกมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้!’
‘ฉันก็ไม่เชื่อ! ฟั่นจยาหลัว ทำไมคนที่ตายถึงไม่ใช่นาย’
หลังความกลัวผ่านพ้นไป ความโกรธแค้นมหาศาลได้เข้ามาแทนที่ในใจของบรรดาแฟนคลับ พวกเขาเริ่มโจมตีบัญชีเวยป๋อของฟั่นจยาหลัวกันอย่างบ้าคลั่ง เรียกร้องให้ออกมาอธิบายและมีคนโทรไปหา 110 แบบรัวๆ เพื่อขอให้ทางตำรวจสืบหาร่องรอยล่าสุดของฟั่นจยาหลัว
วันรุ่งขึ้นซุนอิ่งที่ได้นอนไปนิดเดียวถูกทางกรมตำรวจเรียกมาสอบสวนอีกครั้ง เขายันมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ มองพนักงานสืบสวนด้วยขอบตาแดงก่ำ พูดจาชัดถ้อยชัดคำ “พี่เจ๋อไม่มีทางฆ่าตัวตาย ฟั่นจยาหลัวฆ่าเขา! พวกคุณลองไปเช็กกล้องวงจรปิดดู เมื่อคืนฟั่นจยาหลัวจะต้องอยู่ที่ตึกนั่นแน่ๆ! เขาวางแผนผลักพี่เจ๋อให้ตกลงมาตั้งแต่ต้น!”
หลังสืบสวนกันทั้งคืนทางตำรวจพบว่าการตายของเกาอี้เจ๋อมีจุดที่น่าสงสัยมากมาย บริเวณหลังเอวบนเสื้อคลุมตัวหลวมของเกาอี้เจ๋อมีคราบสีเทาๆ ซึ่งเกิดจากการเสียดสี บนราวกั้นด้านหนึ่งที่ดาดฟ้าของห้องอัดเสียงก็มีเส้นใยสีดำจำนวนหนึ่งซึ่งมีลักษณะตรงกับเส้นใยเสื้อคลุมของเขา และตำแหน่งที่เกาอี้เจ๋อร่วงลงไป ประกอบกับสีหน้าตื่นตระหนกที่ติดค้างอยู่บนใบหน้าของเขา ทำให้ทางตำรวจมีเหตุที่จะตั้งข้อสงสัยว่าเขาถูกคนผลักลงไป จึงเรียกครอบครัวกับเพื่อนของเขามาเพื่อสอบถามว่าเกาอี้เจ๋อมีความแค้นกับใครหรือไม่
คนแรกที่ซุนอิ่งนึกถึงคือฟั่นจยาหลัว สิ้นเสียงตวาดของเขา ตำรวจอายุยี่สิบกว่าปีนายหนึ่งก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน ชูเอกสารในมือขึ้นโบกไปมา “หัวหน้าครับ รายงานพิสูจน์หลักฐานออกมาแล้ว เส้นใยที่ติดอยู่บนราวกั้นดาดฟ้ามาจากเสื้อคลุมของเกาอี้เจ๋อจริง และคราบบนเสื้อคลุมเขามีสนิมกับคราบน้ำมันที่มาจากราวกั้นดาดฟ้า ระดับความสูงของรอยบนเสื้อคลุมกับระดับความสูงของราวกั้นเท่ากัน หรือพูดได้ว่าเกาอี้เจ๋อหงายหลัง พลิกตัวจากราวกั้นลงไปจริงๆ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ!”
“ดี ในเมื่อหงายหลังพลิกตัวจากราวกั้นลงไป งั้นเราก็ระบุไปก่อนว่าคดีนี้เป็นการฆาตกรรม แม้เกาอี้เจ๋อจะมีโอกาสพลัดตกลงไปเอง แต่เงื่อนงำทุกอย่างที่พิสูจน์ได้ตอนนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าประเด็นนี้มีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย และในที่เกิดเหตุไม่พบหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกาอี้เจ๋อพลัดตกลงไปเอง พวกเราตั้งคดีขึ้นมาก่อนแล้วกัน นายเขียนรายงานตั้งคดีให้ด้วย” ชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหกปีพูดเสียงหนัก เขาเป็นหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจที่มาจากกองกำลังพิเศษ ปีนี้เพิ่งจะออกจากทีมและถูกย้ายมาเมืองหลวงเพื่อรับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยสืบสวนอาชญากรรมประจำกรมตำรวจในเขตพื้นที่นี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีความสามารถโดดเด่น ชายหนุ่มที่เพิ่งเริ่มงานคงไม่มีทางได้รับตำแหน่งสำคัญแบบนี้
รูปร่างหน้าตาของเขาก็มีความโดดเด่นเช่นกัน เค้าโครงและเหลี่ยมมุมบนใบหน้าทุกจุดล้วนคมสัน มีความคมกริบดุดันเหมือนมีด ไม่มีความนุ่มนวลอ่อนโยนแม้แต่น้อย ดวงตาแคบยาวแลดูลึกล้ำ เวลามองคนให้ความรู้สึกเหมือนเหยี่ยวจดจ้อง สามารถอ่านความคิดของคนอื่นได้ ทำให้เวลาที่เขาดำเนินการสอบสวน คนที่ถูกสอบแทบไม่กล้าหายใจแรง
และตอนนี้เขากำลังจ้องไปที่ซุนอิ่งขณะเอ่ยถามว่า “ทำไมคุณถึงบอกว่าฟั่นจยาหลัวเป็นฆาตกร คุณมีหลักฐานหรือเปล่า”
“ผมต้องมีอยู่แล้ว!” ซุนอิ่งหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยมือสั่นเทา น้ำเสียงกึ่งโกรธแค้นกึ่งหวาดกลัว “พวกคุณเห็นที่เขาโพสต์ลงเวยป๋อแล้วใช่มั้ย เขาบอกพี่เจ๋อว่าอย่าเดินบนที่สูงไม่งั้นตาย! และภาพนี้เขาก็เป็นคนวาดเอง เขารู้ได้ยังไงว่าพี่เจ๋อจะตกตึก นอกจากเขาจะเป็นคนฆ่า! พวกคุณไปจับเขานะ นี่คือหลักฐาน! เรื่องที่พี่เจ๋อตายเขาจะต้องวางแผนมานานแล้ว!”
ภาพวาดถูกขยำจนยับยู่ยี่และมุมขาดวิ่น ไม่รู้ว่าซุนอิ่งเอามาจากไหน แต่รายละเอียดในภาพกลับเห็นได้ชัดเจน เมื่อคลี่ออกจนเรียบแล้วก็ไม่มีผลต่อการมองเห็น
หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจจ้องมองหลักฐานใหม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย “ภาพนี้วาดขึ้นเมื่อไหร่ คุณลองเล่าเรื่องในตอนนั้นมา อย่าให้รายละเอียดตกหล่นนะ”
“ได้ครับ…” ซุนอิ่งรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นแล้วกัดฟัน “พวกคุณไปสอบฟั่นจยาหลัวดู ผมกล้าเอาชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพันเลยว่าเขาเป็นคนฆ่าพี่เจ๋อแน่ๆ! นอกจากเขาก็ไม่มีคนอื่นอีก!”
“จนกว่าจะมีหลักฐานแน่ชัด ไม่ว่าใครก็ห้ามสรุปเอาเองว่าใครคือฆาตกร แต่ผมจะไปตรวจสอบทางคุณฟั่นจยาหลัวดู ขอบคุณสำหรับเบาะแสที่คุณให้ นี่นามบัตรของผม ต่อไปเราอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากคุณอีก หวังว่าคุณจะพร้อม ถ้านึกเบาะแสที่มีประโยชน์อะไรออกคุณสามารถโทรหาผมได้ตลอดเวลา” ชายหนุ่มส่งนามบัตรหนึ่งใบให้
ซุนอิ่งก้มหน้าอ่าน เห็นชื่อหนึ่งชื่อกับเบอร์มือถือหนึ่งเบอร์
‘จวงเจิน 139XXXXXXXX’
หลังซุนอิ่งจากไป จวงเจินตบโต๊ะ “โฟกัสไปที่การสืบเรื่องของฟั่นจยาหลัวก่อน ดูจากสถานการณ์ตอนนี้เขาน่าสงสัยที่สุด และอีกด้านให้ตรวจสอบคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ตายด้วยว่านอกจากฟั่นจยาหลัวแล้ว เขายังมีคู่แค้นอื่นอีกมั้ย ให้หน่วยพิสูจน์หลักฐานเร่งทำรายงานพิสูจน์หลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุออกมา ดูว่าพอจะหาเงื่อนงำที่เกี่ยวข้องกับฆาตกรได้หรือเปล่า”
“ครับหัวหน้า!” ทุกคนในหน่วยต่างรับคำอย่างพร้อมเพรียงก่อนแยกย้ายกันไปทำงาน
ขณะเดียวกันในอินเตอร์เน็ตก็เริ่มมีข่าวลือว่าฟั่นจยาหลัวเป็นฆาตกรออกมา ทำให้คอนโดฯ หลายแห่งที่ฟั่นจยาหลัวเคยอยู่ถูกโอบล้อมไปด้วยแฟนคลับของเกาอี้เจ๋อ พวกวัยรุ่นอารมณ์ร้อนตะโกนกันไม่ขาดเสียงว่าต้องการให้ฟั่นจยาหลัวได้รับโทษฐานฆ่าคนตาย และยังวิ่งไปที่กรมตำรวจเพื่อเร่งรัดให้ตำรวจรีบจับฟั่นจยาหลัว ไม่งั้นพวกเขาจะนั่งประท้วงอยู่ที่หน้าประตู
เกาอี้เจ๋อเป็นดาราในกระแสที่เพิ่งดัง การตายของเขาจึงได้รับความสนใจจากสื่อและมหาชนอย่างไม่เคยปรากฏ ในสถานการณ์เช่นนี้หน่วยเฉพาะกิจได้รับแรงกดดันอย่างมาก ระหว่างที่กำลังเตรียมจะสืบหาร่องรอยของฟั่นจยาหลัว คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาหาถึงประตูเอง ฟั่นจยาหลัวนั่งอยู่ในฝั่งที่ย้อนแสงของห้องสอบสวนจึงเห็นหน้าไม่ค่อยชัด ทว่าดวงตากลับเปล่งประกายอย่างมาก ผิวขาวเหมือนหิมะ ริมฝีปากแดงเหมือนเปลวเพลิง เป็นสีสันที่ตัดกันอย่างที่สุด ความงามของชายหนุ่มบาดตาทุกคน
ตำรวจหญิงนายหนึ่งมองเขาอย่างตื่นตะลึงจนลืมหุบปาก คนในเน็ตบอกว่าเกาอี้เจ๋อเป็นหน้าตาของวงสตาร์ และก่อนหน้านี้เธอเคยชูสองมือสองขาสนับสนุนเรื่องนี้ ทว่าตอนนี้เธออยากตะโกนใส่หน้าทุกคนว่ารีบมาดูสิ ตรงนี้มีเทพเซียน!
เธอกล้าเอาชีวิตเป็นหลักประกันเลยว่าใบหน้าของฟั่นจยาหลัวต่างหากที่เป็นที่สุดแห่งความงามของวงการบันเทิง! เขาแค่ไม่ขึ้นกล้องเท่านั้น! ต่อให้เธอรู้ข่าวฉาวมากมายของเขา ต่อให้รู้ว่านิสัยเขาร้ายกาจแค่ไหน ศีลธรรมจรรยาต่ำเตี้ยเรี่ยดินปานใด แต่ถ้าคุณได้เห็นคนคนนี้กับตาตัวเองแล้ว คุณจะไม่มีทางเกลียดเขาได้เลย
แม้จะถูกคนจับสังเกตและประเมินทั้งในที่ลับและที่แจ้ง แต่ฟั่นจยาหลัวกลับไม่รู้สึกเครียดหรือประดักประเดิด เขามองนาฬิกาแขวนบนผนังด้วยแววตานิ่งสนิท
ผ่านไปประมาณสิบกว่านาทีจวงเจินถึงได้เดินเข้ามาในห้องสอบสวนอย่างไม่เร็วไม่ช้า เมื่อมาถึงเขาก็เปิดประตูเจอภูเขา* ทันที “คุณฟั่น เมื่อคืนตอนสามทุ่มคุณอยู่ที่ไหน”
ริมฝีปากสีแดงของฟั่นจยาหลัวโค้งขึ้นเล็กน้อย เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เมื่อคืนผมอยู่ที่คลับแพตเทอร์สันตั้งแต่หนึ่งทุ่มถึงสามทุ่ม ที่นั่นมีกล้องวงจรปิด พวกคุณไปตรวจดูได้”
“คุณเป็นคนวาดภาพนี้?”
“ใช่”
“เพราะอะไรถึงวาดภาพแบบนี้”
“ไม่มีเหตุผล แค่บังเอิญ”
“แต่ไม่กี่วันก่อนเกาอี้เจ๋อตกตึกลงมาตายเหมือนในภาพนี้ คุณจะอธิบายยังไง”
“ไม่อธิบาย เพราะมันเป็นแค่ความบังเอิญ”
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทที่ 6 ได้ในวันที่ 13 ก.ย. 64
Comments
comments
No tags for this post.