ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 1
ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)
แปลโดย : ปราณหยก
ผลงานเรื่อง 灵媒 (Ling Mei)ของเฟิงหลิวซูไต
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
※ เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง, ปัญหาในครอบครัว, มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต, การทำร้ายเด็ก, การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ, การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ, การข่มขืน, การฆ่าตัวตาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
※ Trigger ที่ระบุข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวละครหลักทั้งหมด
※ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 6 ยังมีคนที่สอง
ฟั่นจยาหลัวตอบคำถามของทางตำรวจช้าๆ ทีละคำ ทีละประโยค ไม่มีท่าทีรำคาญหรือลนลานให้เห็น ตอนแรกเขาเข้าใจว่าต้องใช้เวลาอยู่ที่กรมตำรวจนาน เพื่อเล่นเกมนายบุกฉันกัน** กับตำรวจพวกนี้ คิดไม่ถึงว่าจะใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าการสอบสวนก็เสร็จสิ้น
“คุณฟั่น กรอกฟอร์มนี้แล้วคุณก็กลับไปได้ แต่ก่อนที่คุณจะหลุดจากการเป็นผู้ต้องสงสัย กรุณาอย่าเดินทางออกจากเมืองหลวงโดยพลการ” จวงเจินส่งแบบฟอร์มหนึ่งชุดไปให้ เขาเดาได้แต่ต้นว่าคงยังไม่สามารถถามอะไรจากฟั่นจยาหลัวได้เป็นการชั่วคราว หาไม่คนคนนี้คงไม่มีทางมาให้ความร่วมมือที่กรมตำรวจเอง ไม่ว่าทางตำรวจจะถามอะไร อีกฝ่ายแค่ตอบประโยคเดียวว่า ‘บังเอิญ’ ก็สามารถเอาตัวรอดได้หมด ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐาน ต่อให้กักตัวฟั่นจยาหลัวไว้ที่กรมตำรวจก็เปล่าประโยชน์ เพราะพอครบยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ต้องปล่อยตัวไปอยู่ดี
“ครับ” ฟั่นจยาหลัวหยิบปากกามากรอกแบบฟอร์ม
ตำรวจหญิงที่รับหน้าที่บันทึกข้อมูลยืดคอไปดูแล้วต้องเบิกตากว้างเสียยิ่งกว่าลูกกระพรวน เพราะเธอคิดไม่ถึงว่าฟั่นจยาหลัวที่ว่ากันว่าไม่มีความรู้จะเขียนตัวหนังสือได้สวยงามลื่นไหลเหมือนเมฆเคลื่อนน้ำไหล มังกรหงส์เริงระบำได้แบบนี้ ซ้ำเขายังมีความเป็นศิลปิน เนื่องจากตัวอักษรที่ใช้คืออักษรตัวเต็ม ถึงจะไม่รู้ว่าเขียนถูกหรือไม่ แต่ดูดีมีมาตรฐานมาก
“คุณตำรวจครับ แบบนี้ใช้ได้มั้ยครับ” ฟั่นจยาหลัวยื่นฟอร์มที่กรอกเสร็จแล้วมา บนนั้นมีเบอร์มือถือกับที่อยู่ของเขา ทำให้ทางตำรวจสามารถติดต่อเขาได้ตลอดเวลา
จวงเจินรับแบบฟอร์มที่กรอกอย่างสวยงามน่าอัศจรรย์ใจมาด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ผงกศีรษะเอ่ย “คุณไปได้”
“รบกวนคุณไปส่งผมที่ลานจอดรถหน่อยได้มั้ย” ฟั่นจยาหลัวยิ้มน้อยๆ ขณะเอ่ยถาม จากนั้นเขาก็หันไปหาตำรวจหญิงที่หน้าแดงเรื่อ พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “และขอผมยืมร่มสักคันได้หรือเปล่า”
จวงเจินตอบอืมเบาๆ ส่วนตำรวจหญิงรีบบอก “วันนี้ฉันเพิ่งซื้อร่มมาคันนึง เมสเซนเจอร์เพิ่งเอามาส่ง กันฝนกันแดดได้ คุณคอยเดี๋ยว ฉันจะไปหยิบมาให้” พูดจบเธอก็วิ่งไป หนึ่งนาทีกว่าก็วิ่งกลับมาพร้อมร่มแสนสวยหนึ่งคันในมือ ด้ามร่มเปื้อนเศษกระดาษกับเศษบับเบิ้ลเล็กน้อย เหมือนเพิ่งเอาออกมาจากกล่อง
ฟั่นจยาหลัวรับร่มมา ยิ้มอย่างจริงใจ “ขอบคุณครับ คุณช่วยได้เยอะเลย วันหลังผมจะซื้อร่มที่ดีกว่ามาคืน ร่มสวยมาก คุณตาแหลมจริงๆ” ชายหนุ่มก้มศีรษะอย่างมีมารยาท ปลายนิ้วขาวเหมือนกระเบื้องค่อยๆ หยิบเศษกระดาษกับเศษบับเบิ้ลออกแล้วโยนใส่ตะกร้าขยะ ทุกอากัปกิริยางดงามสุขุมอย่างยิ่ง
ได้มาเจอเขาที่เป็นแบบนี้ ตำรวจหญิงก็นึกข่าวเสียๆ ในเน็ตไม่ออก และไม่สามารถเชื่อมโยงตัวเขากับคำว่าฆาตกรได้เลย แต่จวงเจินกลับไม่หลงเพ้อไปกับการแสดงออกอย่างนุ่มนวลของเขา ชายหนุ่มเคาะประตูห้องสอบสวน พูดเร่ง “คุณฟั่น ผมจะส่งคุณออกไป”
“ครับ รบกวนด้วย!” ฟั่นจยาหลัวโค้งขอบคุณอีก เขาส่งยิ้มอ่อนโยนให้ตำรวจหญิงก่อนเดินจากไปช้าๆ
ตำรวจหญิงถูกรอยยิ้มสะกดใจของเขาทำเอาวิญญาณหลุดลอยไปแล้ว ทำได้เพียงยืนเหม่ออยู่ที่เดิม ใช้สายตามองส่งเขากับหัวหน้าเดินลงบันไดไป ตำรวจหนุ่มนายหนึ่งที่เดินออกมาจากห้องสังเกตการณ์ที่อยู่ติดกันกระแทกไหล่เธอ พูดด้วยน้ำเสียงขื่นขม “สติครับสติ! คนเขาไปแล้ว!”
“ฉันมองนานหน่อยจะเป็นไร ชื่นชมของสวยๆ งามๆ ไม่ได้หรือไง” ตำรวจหญิงมองค้อน
“ยังจะชื่นชมของสวยๆ งามๆ? เธอดูไม่ออกหรือว่านั่นมันคุณชายเจ้าสำราญ เพลย์บอยตัวจริง เหมือนที่เขียนอยู่ในเน็ตเป๊ะ กลางวันแสกๆ แถมยังเป็นฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิไม่สูงไม่ต่ำ สบายจะตาย ไม่เห็นต้องหลบแดด แล้วเขาจะยืมร่มไปทำอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นเธอสวยเลยอยากเต๊าะ! อุตส่าห์ถ่อมาเล่นลูกไม้ถึงกรมตำรวจ นายคนนี้ใจกล้าจริงๆ! ฉันจะไปสืบร่องรอยของเขาเมื่อคืน ต้องเจอจุดอ่อนของเขาแน่!” ตำรวจหนุ่มสบถสาบาน
ตำรวจหญิงไม่สนใจเขา เดินไปข้างหน้าต่างเพื่อยื่นหน้าลงไปมอง แสงแฟลชสว่างจ้าแสบตาจนเกือบลืมตาไม่ขึ้น ด้านนอกมีนักข่าวกับแฟนคลับของเกาอี้เจ๋อจำนวนมากมารวมตัวกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และตอนนี้กำลังวุ่นวาย แต่เนื่องจากห้องสอบสวนเก็บเสียงได้ดีมากทำให้เธอไม่ได้ยินอะไรเลย
“มิน่า ฟั่นจยาหลัวถึงได้ให้หัวหน้าไปส่งที่ลานจอดรถ” ตำรวจหญิงเอ่ยเบาๆ หนึ่งประโยค และยังไม่ทันขาดคำ เธอก็เห็นฟั่นจยาหลัวกับจวงเจินเดินออกจากประตูใหญ่ที่อยู่ชั้นหนึ่ง
“ไอ้หยา ระวัง!” ตำรวจหญิงเบิกตากว้างเมื่อพบว่ามีแฟนคลับหลายคนซ่อนตัวอยู่ในแนวต้นไม้บริเวณประตูใหญ่ เตรียมจะปาไข่เน่าใส่ เธอรีบส่งเสียงเตือน
จวงเจินมีความระมัดระวังสูงมาก ฝีไม้ลายมือดีเยี่ยม ในชั่วพริบตาที่พบว่ามีวัตถุแปลกปลอมพุ่งเข้ามาหา ปฏิกิริยาแรกของเขาคือหลบ แต่จิตสำนึกบอกว่าฟั่นจยาหลัวยืนอยู่ด้านข้าง เขาจึงยื่นมือออกไปขวาง ในวินาทีที่เขาเปลี่ยนท่า ฟั่นจยาหลัวก็กางร่มเพื่อกันตัวเองกับนายตำรวจรูปร่างสูงใหญ่ เสียงไข่เน่าโดนร่มก่อนร่วงลงไปแตกบนพื้นดังโพละๆ โดยไม่ได้ทำอันตรายใคร
การขว้างและป้องกันนี้เรียกได้ว่ามีความสอดคล้องต่อเนื่องกันอย่างไร้ที่ติ เหมือนไม่ใช่การลอบโจมตี แต่เป็นการแสดงละครที่ทั้งสองฝ่ายต่างฝึกปรือกันมาเป็นอย่างดี จวงเจินปรายตามองฟั่นจยาหลัวด้วยสายตาคล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่าง เนื่องจากปฏิกิริยาของคนคนนี้ฉับไวกว่ากองกำลังพิเศษอย่างเขาเสียอีก
เมื่อการโจมตีไม่ประสบผล แฟนคลับบ้าคลั่งกลุ่มนั้นก็ตั้งใจจะเล่นงานซ้ำ แต่ก็ถูกตำรวจขวางไว้ เวลานี้ฟั่นจยาหลัวยังไม่ใช่ฆาตกร หรือต่อให้เขาเป็น ทางตำรวจก็มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของเขา
จวงเจินคอยกันฟั่นจยาหลัวไว้ข้างตัว โอบไหล่อีกฝ่ายก้าวยาวๆ ไปที่ลานจอดรถ ทว่าฟั่นจยาหลัวกลับไม่รีบ ซ้ำยังเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ตำรวจหญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างชั้นสอง ทำปากพูดแบบไร้เสียงเป็นคำว่า ‘ขอบคุณ’
ตำรวจหญิงยกมือขึ้นกุมแก้มที่ร้อนผ่าว พูดเสียงงึมงำ “ที่แท้เขาก็ยืมร่มจากฉันเพราะสาเหตุนี้!” แต่พอผ่านไปอีกสองสามวินาที เธอกลับพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “เอ๋? ไม่สิ! เขารู้ได้ยังไงว่ามีคนจะเอาไข่เน่าปาใส่”
ตำรวจหนุ่มที่ยืนดูอยู่บนชั้นสองเหมือนกันแค่นหัวเราะ “การถูกแอนตี้ปาไข่เน่าหรือของเสียใส่เป็นเรื่องปกติในวงการบันเทิงไม่ใช่เหรอ คนที่รู้จักเตรียมพร้อมย่อมปลอดภัย”
ตำรวจหญิงรู้สึกว่ามีเหตุผลจึงเลิกสงสัย แต่พอนึกย้อนถึงรอยยิ้มอบอุ่นทรงเสน่ห์ของฟั่นจยาหลัวเธอก็หน้าแดง ใจเต้น คนในวงการบันเทิงแตกต่างจากคนธรรมดาจริงๆ ทั้งออร่าและหน้าตานั้นล้วนเกินไปมาก!
จวงเจินถือว่าเป็นคนมีฝีมือจริงๆ เพราะเขาคนเดียวสามารถกันคนข้างนอกได้เป็นพันเป็นหมื่น ไม่ว่านักข่าวหรือแอนตี้ล้วนถูกวงแขนเหล็กของเขากันไว้ด้านนอก ชายหนุ่มเปิดประตูรถ ยัดผู้ต้องสงสัยเข้าไปแล้วปิดประตูอย่างแน่นหนา ก่อนจะคว้าข้อมือแอนตี้คนหนึ่งที่พุ่งตัวเข้ามาอย่างกะทันหัน จับพลิกตัวและกดลงบนพื้น ใช้เข่ากดแผ่นหลังของอีกฝ่าย ใส่กุญแจมือ ทุกอย่างเหมือนมีการนัดแนะกันมาก่อนถึงได้รวดเร็วคล่องแคล่วอย่างน่าเหลือเชื่อ เขาเก่งถึงขั้นต่อให้หลับตาก็สามารถรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้
ฟั่นจยาหลัวเหยียบคันเร่งออกจากกรมตำรวจไปราวกับเหาะ จังหวะเลี้ยวเขาหันกลับมามองแวบหนึ่งด้วยสีหน้าท่าทางอารมณ์ดี สิ่งที่เขาเห็นคือจวงเจินจับแอนตี้คนที่พรวดพราดเข้ามาคนนั้นเข้าไปในกรม ท่าทางเยือกเย็นข่มขวัญจนทั้งกลุ่มต้องยอมเลิกรา
จวงเจินแจ้งข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงานกับแฟนคลับที่ก่อเรื่องคนหนึ่ง ทำให้คนที่เหลือไม่กล้าทำอะไรอีก หลังเก็บกวาดเรื่องเละเทะข้างนอกเรียบร้อยเขายังต้องรับมือกับการสอดรู้สอดเห็นของนักข่าว พอจวงเจินกลับไปถึงสำนักงาน เขาก็เอ่ยถามเสียงหนักว่า “เรื่องที่ฟั่นจยาหลัวไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุตรวจสอบแล้วหรือยัง”
“หัวหน้าครับ นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่พวกเราได้มาจากคลับแพตเทอร์สัน เช็กแล้ว เมื่อคืนตั้งแต่หนึ่งทุ่มจนถึงสามทุ่ม ฟั่นจยาหลัวดื่มเหล้าอยู่ที่นั่นจริง” ตำรวจหนุ่มนายหนึ่งมองจอคอมพิวเตอร์พลางบอก
จวงเจินผงกศีรษะอย่างไม่แปลกใจ “อืม ฉันเดาได้ สืบหาร่องรอยของเขาในช่วงนี้ต่อ โดยเฉพาะบัญชีธนาคาร ถึงเขาจะไม่ได้อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้แปลว่าเขาหลุดพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย คนอย่างเขาถ้าจะฆ่าคน ไม่จำเป็นต้องลงมือเอง นอกจากนี้ส่งคนสองคนไปคอยตามดูเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดูว่าเขามีการติดต่อกับคนน่าสงสัยหรือเปล่า เพราะดูจากภาพวาดนี้เขาคือคนที่พวกเราต้องตรวจสอบให้มากที่สุด ฉันไม่เชื่อหรอกว่าบนโลกจะมีเรื่องบังเอิญที่น่าอัศจรรย์ได้ขนาดนี้”
“ครับหัวหน้า” นายตำรวจผงกศีรษะรับคำแล้วเริ่มดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินของฟั่นจยาหลัว
ก่อนหน้านี้หน่วยเฉพาะกิจมีหลักฐานไม่มาก เนื่องจากดาดฟ้าของตึกนั้นไม่เคยติดตั้งกล้องวงจรปิด และกล้องวงจรปิดตรงลิฟต์กับบันไดก็บอกว่าในช่วงระยะเวลาวันก่อนที่จะเกิดเรื่อง นอกจากเกาอี้เจ๋อแล้วก็ไม่มีคนอื่นขึ้นไป หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือไม่มีใครรู้ว่าเกาอี้เจ๋อไปเจออะไร ทำให้ไม่สามารถสืบหาตัวฆาตกรได้ เรื่องที่แน่นอนเพียงเรื่องเดียวคือฟั่นจยาหลัวเป็นผู้ต้องสงสัยรายใหญ่ที่สุด และเป็นคำตอบของคดีนี้
จวงเจินเปิดภาพในคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของคลับแพตเทอร์สัน
ตำรวจหญิงที่รับหน้าที่บันทึกข้อมูลคนก่อนหน้าพูดด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ “หัวหน้าคะ บัญชีของฟั่นจยาหลัวทั้งหมดถูกสกุลฟั่นอายัดไปแล้ว เขาจะไปเอาเงินที่ไหนมาจ้างวานฆ่า ฉันรู้สึกว่าพวกเราน่าจะลองคิดไปอีกทาง อย่าคอยจ้องจะสืบแต่ฟั่นจยาหลัวคนเดียว แต่ดูจากประวัติของผู้ตายด้วยจะดีกว่ามั้ยคะ”
“ที่ถูกอายัดคือบัญชีที่มองเห็นได้ เขาอาจมีบัญชีลับ แต่เธอพูดถูก เราต้องหาเบาะแสให้มากหน่อย แบบนี้จะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ฉันกับเสี่ยวหลัวจะไปตรวจสอบคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกาอี้เจ๋อ อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยมาประชุมกันเพื่อเรียบเรียงข้อมูล” จวงเจินสนับสนุนความเห็นของลูกน้องก่อนตั้งใจดูภาพจากกล้องวงจรปิดต่อ
ชายหนุ่มนั่งอยู่ที่ข้างเคาน์เตอร์อย่างเกียจคร้าน มือหนึ่งเท้าหน้าผาก และอีกมือหมุนแก้วเหล้า ท่าทางเฉื่อยเนือยมาก เขาดูนิ่งและมีน้ำอดน้ำทนอย่างที่สุด นั่งอยู่หลายชั่วโมง ในระหว่างนั้นมีคนมาคุยเล่นกับเขา และมีคนวางแผนมาชวนเขาไปสนุกด้วย แต่ล้วนถูกเขาปฏิเสธอย่างมีมารยาท จนถึงสามทุ่มเขาจึงวางแก้วเหล้าลง เดินจากไปเหมือนแค่จ่ายเงินมาเหม่อ จังหวะที่เดินมาถึงประตู จู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองกล้องวงจรปิดแล้วยิ้มสวยให้
จวงเจินชะงักก่อนกดปุ่มหยุดภาพ จ้องมองรอยยิ้มนั้นเป็นเวลานาน สัญชาตญาณของตำรวจหนุ่มเฉียบไวมาก จวงเจินมั่นใจได้เลยว่าในตอนนั้นฟั่นจยาหลัวไม่ได้แค่บังเอิญหันมาเจอ แต่จงใจเดินผ่านกล้อง ข้ามอุปสรรคเรื่องเวลามาให้ความสนใจแก่ตนในช่วงเวลานี้ หรือพูดอีกอย่างคือฟั่นจยาหลัวน่าจะรู้ว่าตำรวจจะต้องสืบหาหลักฐานว่าเขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ จึงเตรียมพร้อมไว้แล้ว
คิ้วสีดำสนิทของจวงเจินขมวดเข้าหากันทันที เขาย้อนดูรอยยิ้มสุดท้ายของฟั่นจยาหลัวหลายครั้ง สุดท้ายก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังท้าทายตำรวจที่กำลังสืบหาหลักฐาน
นี่เป็นครั้งแรกที่จวงเจินเจอผู้ต้องสงสัยที่โอหังขนาดนี้ เขาเดินหน้าเครียดไปที่กระดาษจัดเรียงข้อมูล ใช้ปากกาสีแดงวาดวงล้อมชื่อของฟั่นจยาหลัว คนคนนี้รู้อยู่แล้วว่าเกาอี้เจ๋อจะมีอันตรายและมีการเตรียมหลักฐานพร้อมเพื่อแสดงออกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ การกระทำทั้งหมดนี้ทำให้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยรายใหญ่ที่สุด! นี่ต้องเป็นคดีจ้างวานฆ่าแน่นอน!
เมื่อฟั่นจยาหลัวกลับถึงคอนโดฯ เขาก็แช่ตัวลงในน้ำแข็งเย็นเสียดกระดูก หยิบมือถือมาดูความเคลื่อนไหวในอินเตอร์เน็ต สีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ ข่าวที่เขาไปปรากฏตัวที่กรมตำรวจถูกสื่อนำไปกระพืออย่างบ้าคลั่ง แม้เวลานี้จะยังไม่มีการตัดสินคดีอย่างเป็นทางการ แต่ชาวเน็ตต่างฟันธงไปแล้วว่าเขาคือฆาตกรที่ฆ่าเกาอี้เจ๋อ เรียกร้องให้ประหารชีวิตเขา และยังมีคนวางแผนจะหาที่ซ่อนตัวของเขาเพื่อลอบฆ่าเขาอีกด้วย
วาจาเคียดแค้นและคำสาปแช่งอย่างดุเดือดพวกนี้เหมือนเป็นเรื่องขบขันที่พอจะสร้างความบันเทิงให้แก่ฟั่นจยาหลัวได้ เขาหัวเราะเบาๆ เปิดเวยป๋อของตัวเอง ใช้ปลายนิ้วพิมพ์ช้าๆ ทีละตัวเป็นคำว่า
‘คนที่สอง’
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทที่ 7 ได้ในวันที่ 15 ก.ย. 64
Comments
comments
No tags for this post.