ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 1
ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)
แปลโดย : ปราณหยก
ผลงานเรื่อง 灵媒 (Ling Mei)ของเฟิงหลิวซูไต
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
※ เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง, ปัญหาในครอบครัว, มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต, การทำร้ายเด็ก, การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ, การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ, การข่มขืน, การฆ่าตัวตาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
※ Trigger ที่ระบุข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวละครหลักทั้งหมด
※ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 8 ไปต่อไม่ได้
คลิปสัมภาษณ์ทั้งสองคลิปติดอันดับการสืบค้นอันดับหนึ่งและสองอย่างเหนียวแน่น ระดับความร้อนแรงเรื่องที่ฟั่นจยาหลัวสเก็ตช์ภาพคนตายล่วงหน้าเรียกกระแสความโกรธแค้นจากมหาชนได้ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่เวลานี้คนที่ตกเป็นเป้าโจมตีกลับแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ ดูหนังจากไอแพดอย่างไม่สะทกสะท้าน
น้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่บนผิวน้ำ ปกปิดเรือนร่างขาวผ่องของเขา เขาผอมมากจนเห็นกระดูกซี่โครงด้านหน้าอย่างชัดเจน แขนบางเหมือนจะหักได้ ดูอัปลักษณ์มากขึ้น แต่ที่น่ากลัวมากกว่าคือรอยช้ำเป็นปื้นใหญ่สีม่วงเข้มที่ลามขึ้นมาที่ไหล่และกำลังลามไปที่คอ ถ้าไม่พบวิธียับยั้ง ร่างกายของเขาจะต้องเน่าเปื่อยแน่
แต่เขากลับไม่แยแสเลยสักนิด พอเห็นหนังดำเนินไปถึงซีนที่น่าสนใจก็เลิกคิ้ว โค้งริมฝีปาก ท่าทีมีชีวิตชีวามาก ตัวเขาที่เป็นแบบนี้ดูมีความสุขดี ไร้เดียงสาแบบคนไม่รู้จักโลก
ในระหว่างนี้มือถือที่เขาวางไว้ตรงซิงก์ล้างหน้าส่งเสียงร้องอยู่ตลอดเวลา หน้าจอโชว์เบอร์หลายเบอร์ เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวก็เงียบ ในบรรดาคนพวกนี้มีทั้งเพื่อนของเขา เพื่อนร่วมงาน และคนแปลกหน้าที่อยากเย้ยหยัน ยังมีพวกแอนตี้กับพวกเกรียนที่เป็นบ้าด้วย แต่เขาไม่รับสายใครเลยสักคน ปล่อยให้มือถือร้องอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีความรู้สึกรำคาญใจ แสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ในจิตใจ เกรงว่าแม้แต่นักบินอวกาศยังต่อกรกับเขาได้ยาก
สองชั่วโมงกว่าผ่านไป ในที่สุดฟั่นจยาหลัวก็ลุกขึ้นจากก้อนน้ำแข็งที่ละลายหมดแล้ว ใช้ผ้าขนหนูซับตัวช้าๆ ตอนนี้เองเบอร์บนหน้าจอมือถือก็เปลี่ยนไป ขึ้นคำว่า ‘พ่อ’
ฟั่นจยาหลัวเลิกคิ้วเล็กน้อย กดรับสายนี้อย่างอารมณ์ดีเป็นที่สุด แต่ยังไม่ทันได้เอ่ย ปลายสายก็พูดเสียงเหี้ยมเกรียม “ฟั่นจยาหลัว แกคงไม่ได้เป็นคนฆ่าเกาอี้เจ๋อใช่มั้ย”
“เปล่าครับ” น้ำเสียงของฟั่นจยาหลัวนิ่งสนิท
“อีกเดี๋ยวฉันจะให้ทนายเอาเอกสารยกเลิกการรับอุปการะไปให้ แกก็เซ็นซะ ไม่ว่าแกจะฆ่าเกาอี้เจ๋อหรือไม่ แกก็ต้องจำไว้ว่าจากนี้ไปทุกเรื่องที่แกทำจะไม่เกี่ยวข้องกับสกุลฟั่น อย่าหาเรื่องให้ฉันอีก ไม่งั้นฉันจะกำจัดแกทิ้งให้เหมือนกำจัดขยะ” ฟั่นลั่วซานไม่พูดพล่าม ตัดสายไปเลยทันที ในช่วงที่ลูกเลี้ยงกำลังตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง สิ่งที่เขาเลือกไม่ใช่การช่วยฉุดอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น แต่ออกแรงผลักให้ล้มลงไปอีก
ฟั่นจยาหลัวหัวเราะเบาๆ เขารู้อยู่แล้วว่าฟั่นลั่วซานจะต้องทำแบบนี้ และนี่เป็นความประสงค์ของเขาเช่นกัน
ทนายที่สกุลฟั่นส่งมาเดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว ฟั่นจยาหลัวไม่พูดสักประโยค เขาหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นเอกสาร ทนายคนนั้นคล่องมาก อีกฝ่ายใช้มือถือถ่ายภาพเอกสารแล้วส่งไปให้นายจ้าง
เสียงติ๊งดังขึ้นเมื่อเวยป๋อส่วนตัวของฟั่นลั่วซานมีการโพสต์ข่าวสารหนึ่งโพสต์ พร้อมภาพประกอบซึ่งเป็นภาพถ่ายที่อีกฝ่ายเพิ่งได้รับ ฟั่นลั่วซานอยากประกาศให้คนทั้งโลกรู้จนแทบทนไม่ไหวว่าฟั่นจยาหลัวกับสกุลฟั่นไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดและทางกฎหมาย ตัดขาดจากกันอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ฟั่นจยาหลัวหยิบมือถือมาดู หัวเราะเบาๆ น้ำเสียงเยาะหยัน “คุณฟั่นใจร้อนมากจริงๆ”
เวยป๋อที่ฟั่นลั่วซานโพสต์ได้รับการกดไลค์จำนวนหลายแสนครั้ง บางคนพูดอย่างดีใจในหายนะของคนอื่นว่า
‘ไม่มีสกุลฟั่นช่วยหนุนหลังแบบนี้ ฟั่นจยาหลัวไม่มีทางคืนวงการได้อีกแล้ว ฉันว่าอนาคตของเขามีสองอย่าง อย่างแรกคือโดนโทษประหาร กับอีกทางคือติดคุกจนพื้นทะลุ’
‘พี่น้อง อย่าลืมสิว่าเขาเป็นผู้ป่วยโรคหลายบุคลิก เป็นไปได้มากว่าเขาจะไม่ต้องติดคุกนะ’
‘แม่งเอ๊ย แบบนี้ไม่แฟร์เลย! เอกสารพิสูจน์ว่ามีปัญหาทางจิตเป็นเอกสารอนุญาตให้ฆ่าคนได้งั้นเหรอ ถ้าสุดท้ายฟั่นจยาหลัวพ้นเงื้อมมือกฎหมายไปได้ ฉันคงหมดหวังในประเทศนี้แล้ว!’
คำวิจารณ์ทำนองนี้สร้างความโกรธแค้นให้มวลชนได้อย่างมหาศาล ในสถานการณ์แบบนี้พวกคนที่ประกาศว่าตัวเองเป็นคนดีมีคุณธรรมเริ่มดำเนินการระดมทุนเตรียมว่าจ้างคนไปสั่งสอนฟั่นจยาหลัว ฟั่นจยาหลัวชอบการจ้างวานแบบนี้ไม่ใช่เหรอ งั้นพวกเขาก็จะใช้วิธีของคนพาลไปเล่นงานคนพาล!
เรื่องนี้ไม่เพียงมีการก่อหวอดในที่ลับ แต่ยังเริ่มมีการประกาศว่าจะเอาคืนในที่แจ้งด้วย พวกชาวเน็ตไม่เพียงหมายหัวชายหนุ่มอย่างอาฆาตแค้น แต่ยังยืนยันว่าเขาเป็นคนผิดตั้งแต่ต้น
ทว่าสำหรับทางตำรวจ แค่ภาพวาดภาพเดียวไม่สามารถเป็นหลักฐานชี้ชัดได้ เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะสามารถจับตัวฆาตกรแล้วมีหลักฐานคำให้การของฆาตกรว่าฝ่ายนั้นได้รับการจ้างวานจากฟั่นจยาหลัว แบบนี้คดีถึงจะยุติได้
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคดีฆาตกรรมรายที่สอง จวงเจินกับพวกคนในหน่วยต้องคอยเฝ้าระวังอยู่ข้างกายซุนอิ่งตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พวกเขาตามซุนอิ่งไปบันทึกเทปรายการ อยู่ยามตอนซุนอิ่งนอนหลับ แม้แต่ตอนซุนอิ่งทำธุระส่วนตัว พวกเขายังต้องส่งคนในหน่วยหนึ่งคนไปคอยดูอยู่ในห้องน้ำ แต่พอผ่านไปห้าหกวัน ซุนอิ่งก็ยังอยู่ดีมีสุข สามารถกระโดดโลดเต้นได้ ไม่มีคนน่าสงสัยโผล่ออกมาแม้แต่คนเดียว
หลิวเทาซึ่งซ่อนอยู่ในรถตู้ที่ดูไม่สะดุดตาคันหนึ่งบ่นอุบ “มันยังไงกันแน่ คำเตือนคดีที่สองประกาศออกมาแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ฟั่นจยาหลัวจะไม่ทำอะไรเลย! นี่เขาล้อพวกเราเล่นหรือไง”
จวงเจินหยิบมือถือออกมาสอบถามทีมงาน “สถานการณ์ทางพวกนายเป็นยังไง”
คนที่รับผิดชอบดูแลจ้าวเหวินเยี่ยน ฟั่นลั่วซาน และเฉาเสี่ยวเฟิงต่างตอบกลับมา “หัวหน้าครับ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรครับ”
“มีคนน่าสงสัยโผล่ออกมามั้ย”
“ไม่มีครับ ทุกอย่างปกติ”
“ฝั่งฟั่นจยาหลัวล่ะ”
“เขาไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยครับ”
“รายงานหน่วยพิสูจน์หลักฐานเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุออกมาหรือยัง”
“ก่อนหน้านี้ออกมาสองฉบับแล้วครับ แต่ไม่มีเบาะแส ตอนนี้หน่วยพิสูจน์หลักฐานกำลังทำการตรวจสอบรอบที่สาม แต่ยังไม่มีอะไรแน่ชัด”
“เจอตัวผู้เห็นเหตุการณ์หรือยัง”
“ไม่เจอเลยครับ พวกเราไปตามตึกใหญ่แถวนั้นแล้ว ไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์เลย”
“โอเค ฉันรู้แล้ว พวกนายคอยจับตาดูต่อไป ห้ามประมาท” หัวคิ้วของจวงเจินขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนตัวเองหลงลืมอะไรไปสักอย่าง
“คอยดูต่อไป เวลานี้สิ่งที่เรากับฆาตกรแข่งกันคือความอดทน” หลิวเทาปลอบ
จวงเจินพยักหน้า ไม่พูด แต่ใจกลับมีลางสังหรณ์บางอย่าง
ทุกคนเฝ้าสังเกตกันอีกสามวัน แต่ยังคงไม่มีเหตุการณ์น่าสงสัยใดๆ ซุนอิ่งบันทึกเทปรายการเสร็จก็เดินทางกลับเมืองหลวง ในช่วงเวลานี้ทีมย่อยที่รับผิดชอบดูแลคนอื่นๆ ต่างก็อยู่กันอย่างสงบ คล้ายคำเตือนของฟั่นจยาหลัวเรื่องตายก่อนหน้านี้เป็นแค่เรื่องล้อเล่น
แน่นอนว่าในช่วงระยะเวลาหลายวันนี้ทีมตำรวจไม่ได้อยู่เฉย เพราะมีคดีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในจำนวนนั้นมีคดีฆาตกรรมสองคดี ผู้ตายเป็นหญิงวัยกลางคนหนึ่งคนกับชายอายุยี่สิบกว่าปีหนึ่งคน เนื่องจากคนในหน่วยสืบสวนอาชญากรรมทีมหนึ่งกำลังสืบคดีของเกาอี้เจ๋อ คนในทีมสองกับทีมสามจึงต้องรับทำสองคดีนี้
ผู้หญิงคนนั้นถูกแฟนที่นอกใจใช้ค้อนฟาดจนตาย เวลานี้คดีคลี่คลายแล้ว ส่วนผู้ชายอายุยี่สิบกว่าเมาแล้วเดินผ่านตรอกมืดตอนกลางดึกเลยถูกปล้นกระเป๋าเงินกับมือถือแถมแทงเขาหนึ่งครั้ง รักษาไม่ทันและเสียชีวิต ในตรอกมืดไม่มีกล้องวงจรปิดกับผู้เห็นเหตุการณ์ ไฟริมทางก็เสีย เวลานี้คนในหน่วยสืบสวนอาชญากรรมทีมสามยังไม่มีเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยต้องคลำหาเอา โดยทั่วไปคดีที่เกิดขึ้นเองแบบนี้มีสถิติการคลี่คลายที่ต่ำมากอยู่แล้ว เรื่องที่ผู้ตายจะตายฟรีหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับดวง
หลังจวงเจินเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง เขายังคงให้คนจับตาดูคนที่มีโอกาสเป็นเหยื่อในรายชื่อ พร้อมขยายการตรวจสอบคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฟั่นจยาหลัว แต่จนแล้วจนรอดกลับไม่ได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์เลย แม้การตรวจสอบทางฝั่งเกาอี้เจ๋อจะมีความก้าวหน้า แต่เพราะต้องใช้แรงงานคนเยอะ ทำให้ประสิทธิภาพต่ำมาก และไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์
ทั้งทีมทำอะไรต่อไม่ได้ ทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่หน่วยพิสูจน์หลักฐาน
สามวันต่อมาหน่วยพิสูจน์หลักฐานส่งรายงานการตรวจสอบฉบับที่สามมา ไม่พบสิ่งที่น่าสงสัยบนศพ นิติเวชยืนยันว่าเกาอี้เจ๋อตกตึกลงมาตาย สถานที่เกิดเหตุบนดาดฟ้ามีร่องรอยการเคลื่อนไหวของเกาอี้เจ๋อคนเดียว ไม่มีพยานวัตถุที่สามารถเปิดโปงตัวฆาตกรอย่างรอยเท้า ดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือ ผู้เห็นเหตุการณ์ หรือภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด
ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้นคือพอไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดตรงบันไดกับลิฟต์ หน่วยเฉพาะกิจพบว่าในช่วงระยะเวลาหลายวันก่อนหน้าที่เกาอี้เจ๋อจะตกตึก นอกจากตัวเขาแล้วก็ไม่มีใครขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึกนั้นเลย สิ่งก่อสร้างในย่านธุรกิจส่วนมากมักสร้างติดๆ กัน ระยะห่างระหว่างตึกแต่ละตึกสามารถก้าวข้ามกันได้ง่ายๆ แต่อาคารใหญ่อันเป็นที่ตั้งของห้องอัดเสียงกลับถูกกั้นด้วยถนนสองเลน ทำให้มีระยะห่างจากตึกที่อยู่ใกล้ที่สุดถึงเจ็ดแปดเมตร คนธรรมดาไม่มีทางข้ามผ่านไปได้
พูดได้อีกอย่างหนึ่งคือนอกจากฆาตกรจะเหาะเหินเดินอากาศมา เขาไม่มีทางทำอะไรเกาอี้เจ๋อได้เลย
ตอนอ่านรายงานการพิสูจน์หลักฐาน หลิวเทาพูดเสียงหงุดหงิด “แม่งเอ๊ย คดีนี้มันพิลึกจริงๆ! ตกลงฆาตกรมันขึ้นไปฆ่าคนได้ยังไง ฉันคิดจนหัวแตกแล้วยังคิดไม่ออก! ทั้งที่รู้ตัวฆาตกรแล้วแต่เรากลับไม่มีหลักฐานไปจับ แถมยังจะถูกครอบครัวของผู้ตายฟ้อง ถูกเบื้องบนกดดัน ถูกประชาชนประณาม เป็นตำรวจมาหลายสิบปียังไม่เคยอัดอั้นตันใจขนาดนี้! หรือถ้าสอบกันจนถึงที่สุดแล้ว พวกเราต้องปิดคดีด้วยการระบุว่าเป็นอุบัติเหตุจริงๆ หรือไง”
จวงเจินจ้องรายงานการพิสูจน์หลักฐานพลางคิดหนัก สักพักจึงเอ่ยถาม “ทางฟั่นจยาหลัวไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยหรือ”
“ไม่มีครับ หลายวันมานี้เขาเอาแต่ตระเวนอยู่ข้างนอก แต่ไม่มีเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง แค่ขับรถสปอร์ตคันนั้นวิ่งรอกไปทั่วเมืองหลวง ไม่มีการจอดพัก ขับไปเรื่อยๆ สักเจ็ดแปดชั่วโมง ถึงเย็นค่อยกลับคอนโดฯ ไปนอน” เจ้าหน้าที่คนนั้นส่ายหน้าพลางเอ่ย “ไลฟ์สไตล์เขาแปลกมาก แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรน่าสงสัย”
“ขับรถอยู่ข้างนอกทั้งวัน? แม่งเอ๊ย หมอนี่คิดจะทำอะไรกันแน่” หลิวเทามีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะรักษาเส้นผมที่เหลืออยู่แค่ไม่กี่เส้นไว้ไม่ได้แล้ว เขาไม่เคยเจอผู้ต้องสงสัยที่โอหัง จับไม่ได้ไล่ไม่ทันอย่างฟั่นจยาหลัวมาก่อน
จวงเจินถามต่อ “งั้นช่วงนี้เขาได้ติดต่อกับคนน่าสงสัยบ้างมั้ย”
“ไม่มีครับ เราติดตั้งระบบสอดแนมในมือถือเขาแล้ว เขาไม่ได้รับสายที่น่าสงสัย โดยทั่วไปจะสไลด์ดูเวยป๋อ เล่นเกม ดูหนัง กล่องข้อความเขาไม่มีข้อความที่น่าสงสัย บัญชีธนาคารถูกสกุลฟั่นอายัดจริง ในมือมีเงินเหลืออยู่ไม่มาก เวลานี้ยังไม่เจอบัญชีลับ แต่ถ้าจะให้ตรวจสอบไปถึงเครือข่ายการเงินในต่างประเทศก็ค่อนข้างยุ่งยาก”
“งั้นก็หาต่อ ห้ามประมาท ตอนนี้สิ่งที่เรากับเขากำลังแข่งกันคือเรื่องความอดทนกับความละเอียด” จวงเจินไม่เคยกังขาในข้อวินิจฉัยของตน เขาจึงไม่ยอมปล่อยเบาะแสทางฝั่งฟั่นจยาหลัวเลย
คนในหน่วยเฉพาะกิจรับคำแล้วพลันอุทานอย่างตกใจ “หัวหน้าครับ ทีมสองเพิ่งส่งข่าวมาว่ารถของฟั่นจยาหลัวจอดแล้ว! จอดแถวคอนโดฯ สร้างใหม่ฝั่งตะวันออกที่ชื่อ ‘มูนไลต์เบย์การ์เด้น’ เขาโทรหานายหน้าอสังหาริมทรัพย์ บอกว่าอยากเช่าห้องชุดที่คอนโดฯ นั่นหนึ่งห้อง”
“มูนไลต์เบย์การ์เด้น? นั่นมันคอนโดฯ ผีสิงชื่อดังนี่ ทำไมฟั่นจยาหลัวถึงได้อยากไปเช่าห้องที่นั่น” หลิวเทาแปลกใจมาก
“ตอนนี้เขาจนกรอบแล้วยังมีหนี้อีกก้อนเบ้อเริ่ม คิดว่าคงเตรียมขายห้องเอาเงิน” คนในหน่วยคนหนึ่งฟันธง
สิ่งที่จวงเจินกลัวที่สุดคือฟั่นจยาหลัวจะแกล้งตายอยู่ในบ้าน การที่เวลานี้เขาขยับจึงเป็นเรื่องที่ดี ชายหนุ่มจึงออกคำสั่ง “มีความเป็นไปได้ว่าช่วงย้ายบ้านเขาจะติดต่อกับบุคคลน่าสงสัย พวกนายคอยจับตาดูไว้!”
“พวกเรารู้แล้ว หัวหน้าสบายใจได้!” ทุกคนรับคำเสียงดังกันอย่างพร้อมเพรียง ไม่มีท่าทีหมดอาลัยตายอยากเหมือนก่อนหน้านี้
การย้ายบ้านวุ่นวายมาก ฟั่นจยาหลัวสามารถจ้างคนงานจำนวนหนึ่งมาได้อย่างสมเหตุสมผล ไม่แน่ว่าคนหนึ่งในจำนวนนั้นอาจเป็นฆาตกร!
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทที่ 9 ได้ในวันที่ 20 ก.ย. 64
Comments
comments
No tags for this post.