X
    Categories: everYStar Struck ระยะห่างเพียงเอื้อมถึงดวงดาวทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน Star Struck ระยะห่างเพียงเอื้อมถึงดวงดาว เล่ม 1 Chapter 1-4 #นิยายวาย

Chapter 1-4

 

ระหว่างทางกลับไปที่ห้องอ่านหนังสือ พวกเขาสองคนเห็นยูแจและแชยองนั่งอยู่ด้วยกันในห้องพักรับรอง ก่อนที่แชยองจะตะโกนเรียกฮันจุนที่กำลังเดินอยู่ตรงทางเดิน

แม้จะยังรู้สึกแย่อยู่บ้างที่ได้เห็นแชยองอยู่กับผู้ชายที่ชอบ แต่พอจินฮวานได้เห็นสีหน้าที่มีความสุขของเธอ เขาก็พลันรู้สึกดีขึ้นมาเสียอย่างนั้น ฮันจุนมองจินฮวานที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าแชยองน่ารักหรืออย่างไร จินฮวานถึงได้อ้าปากค้างแบบนั้น

ฮันจุนเดินนำเข้าไปยังโต๊ะที่ทั้งสองคนนั้นนั่งอยู่ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

“อินกยูล่ะ?”

“หมอนั่นเข้าไปติวหนังสือก่อนแล้วน่ะสิ เห็นบอกว่าไม่อยากให้เสียเวลาไปเปล่าๆ”

“แล้วพวกนายไม่ตามเข้าไปหรือไง มานั่งทำอะไรกันตรงนี้ล่ะ”

“เออ จริงสิ ฉันสร้างกรุ๊ปแชตของพวกเราห้าคน เชิญพวกนายไปแล้วนะ รีบไปกดยอมรับสิ นายด้วยนะ จินฮวาน”

แชยองนั่งเคาะโต๊ะพลางเอ่ยปากเร่งเร้า เมื่อฮันจุนเปิดโทรศัพท์ดูก็พบว่ามีกรุ๊ปแชตกรุ๊ปใหม่เด้งขึ้นมา โดยมีอินกยูที่บอกว่าจะรีบเข้าไปอ่านหนังสือกำลังรัวแชตอยู่ในกรุ๊ปนั้น

“ทีนี้เราก็เป็นเพื่อนซี้กันแล้วเนอะ จันทร์ พุธ ศุกร์ก็มาเรียนพิเศษด้วยกัน แถมยังมาเจอหน้ากันทุกเสาร์อาทิตย์อีก”

แชยองส่งอีโมติคอนน่ารักหลายอันเข้ามาในแชต เขานึกว่าจินฮวานจะอาศัยจังหวะที่เธอกำลังตื่นเต้นดีใจเนียนยื่นเครื่องดื่มไปให้เธอ แต่จินฮวานกลับยังคงยืนกอดกระป๋องเครื่องดื่มไว้กับอกแน่น

“งั้นฉันไปก่อนนะ”

ยูแจลุกพรวดก่อนจะพาดแขนไว้บนไหล่ของฮันจุน หลังจากที่เขาลากฮันจุนออกมาที่ทางเดิน เขาก็แย่งน้ำอัดลมในมือไปดื่มอึกหนึ่ง ก่อนจะกระซิบข้างใบหูของฮันจุน

“ไปคุยอะไรกันมาบ้างล่ะ”

“คุยอะไร”

“ก็นายออกไปปลอบหมอนั่นมาไม่ใช่หรือไง นายคงซื้อไอ้นี่ให้หมอนั่นใช่ไหมล่ะ”

“เอาคืนมา”

“คราวก่อนก็อีอินกยู คราวนี้ก็พัคจินฮวาน”

ยูแจแสร้งบ่นเสียงดังราวกับตั้งใจให้ฮันจุนได้ยินในวินาทีที่ฮันจุนแย่งน้ำอัดลม

พัคจินฮวานเกี่ยวอะไรกับอีอินกยูกัน

ฮันจุนหยุดเท้าลงก่อนจะเอ่ยปากถาม

“อะไรของนาย”

“อีอินกยู…ตอนแรกหมอนั่นเป็นเพื่อนนายหนิ แล้วนายก็ลากหมอนั่นมารู้จักกับฉัน”

“แล้วมันยังไง”

“หมอนั่นทำตัวน่ารำคาญมาหลายรอบแล้วนายก็รู้ ที่ฉันทนอยู่ก็เพราะว่าอีกหน่อยก็จะจบ ม.ปลาย แล้วหรอกนะ อย่าลืมสิว่านายเป็นคนพาหมอนั่นมา เพื่อนนายก็เพื่อนฉันเหมือนกัน”

ฮันจุนรู้ดีอยู่แล้วว่ายูแจไม่ชอบขี้หน้าอินกยู แต่ด้วยยูแจเป็นคนเก็บอารมณ์เก่งเลยไม่ค่อยแสดงออกเท่าไรเวลาไม่ชอบใครสักคน เวลาอยู่ด้วยกันกับอินกยู ยูแจก็มักจะเว้นระยะห่างจากอินกยูเสมอและเมินเฉยบ้างเป็นบางครั้ง ยูแจขมวดคิ้วแน่นก่อนจะกดเสียงต่ำแล้วพูดออกมา

“เมื่อกี้ตอนกินข้าว ฉันกินข้าวแทบไม่ลงเลยเพราะเห็นไอ้หมอนั่นทำหน้าเป็นหมาหงอย หวังว่าคราวหน้านายคงจะไม่พาหมอนั่นมาอีกนะ”

ฮันจุนพลันหน้าเสียขึ้นมา ถึงแม้ว่าคำพูดของยูแจนั้นจะหยาบคายและดูโหดร้าย แต่มันก็มีเหตุผล เพราะต่อให้ปากจินฮวานจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่มันก็คงไม่ง่ายเลยที่จะต้องมาทนเห็นแชยองอยู่กับยูแจตรงหน้า

ยูแจดึงไหล่ของฮันจุนที่กำลังคิดหนักเข้ามาใกล้

“ถึงหมอนั่นจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่มันก็คงต้องเสียใจอยู่แล้วแหละ”

“งั้นเหรอ”

“ใช่”

“โอเค ถ้างั้นเวลาจะกินอะไร คงต้องไปกินกันแค่สองคนซะแล้วสิ”

“หือ? หมายถึงฉันกับนาย?”

“ฉันกับจินฮวานต่างหากล่ะ”

ยูแจแค่นหัวเราะออกมาทันทีที่ฮันจุนตอบกลับมาอย่างหน้าตาเฉย

“นายจะไปกินข้าวกับหมอนั่นทุกอาทิตย์? วันนี้มันก็แค่ตามพวกเรามาก็เท่านั้นแหละ อีกหน่อยเดี๋ยวมันก็เบื่อข้าวกล่องราคาถูกนี่แล้ว ถึงเวลานั้นถ้ามันชวนนายไปกินคิมบับ ไปกินทงคัตสึล่ะ นายจะเดินตามมันต้อยๆ ไปกินกับมันด้วยหรือไง”

“ถึงยังไงมันก็แค่สามเดือน อีกอย่างมื้อกลางวันก็กินด้วยกันแค่วันอาทิตย์ สามเดือนก็แค่แป๊บเดียวเอง นายจะเอามาพูดให้มันเป็นเรื่องทำไม”

“ก็เพราะว่าสามเดือนมันแค่แป๊บเดียวไง อีกเดี๋ยวนายก็เลิกเรียนแล้ว ทำไมต้องไปทำดีกับมันขนาดนั้น”

ไอ้กรุ๊ปแชตนี่ก็เหมือนกัน น่ารำคาญชะมัด

ยูแจคิดพลางยัดมือถือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้วยความหงุดหงิด เขายืนสงบสติอารมณ์อยู่หน้าห้องอ่านหนังสือพลางลูบท้องป้อยๆ ฮันจุนจึงเอ่ยปากถามในสิ่งที่ตนสังเกตเห็นมาตั้งแต่มื้อเที่ยง

“เมื่อเช้านายได้กินข้าวมาไหม”

“ไม่ได้กินมาหรอก จู่ๆ มาถามทำไม”

หว่างคิ้วของยูแจเริ่มคลายออกจากกัน ฮันจุนรู้ได้ในทันทีจากใบหน้าที่กำลังมองสบกันอยู่

ที่ห้องของยูแจนั้น นอกจากเครื่องเคียงที่แม่ของฮันจุนห่อไปให้กินแล้ว ในตู้เย็นก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย แม่ของยูแจทำงานในบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง ส่วนพ่อวันๆ ก็เอาแต่นั่งเล่นหุ้นอยู่ในร้านเกมตลอดทั้งวัน บางทีพวกเขาอาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีลูกชายนั่งรอกินข้าวอยู่ที่ห้องอย่างโดดเดี่ยว

“ถ้านายอ่านหนังสือเสร็จแล้ว เราไปทำต๊อกรามยอนกินที่ห้องฉันกันเถอะ ฉันเองก็รู้สึกหิวอยู่เหมือนกัน”

ฮันจุนยิ้มพลางลูบท้องที่เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมา ก่อนจะยื่นกระป๋องน้ำอัดลมกลับไปให้ยูแจ ยูแจนิ่งอยู่สักพักถึงรับมันไปถือไว้และดื่มมันจนหมดแล้วพูดขึ้น

“ไปกันเลยไหม”

“ตอนนี้?”

“อืม หิวอยู่แบบนี้ ฉันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องหรอกนะ”

“ถ้างั้นตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไป นายก็มากินข้าวเช้าที่ห้องฉันแล้วค่อยออกมาเรียนพร้อมกันก็แล้วกัน”

ฮันจุนส่งยิ้มให้ยูแจพลางยื่นมือไปตีแก้มอีกฝ่ายดังปุๆ ยูแจจ้องมองฮันจุนเงียบไม่พูดไม่จา ก่อนจะโยนกระป๋องน้ำอัดลมที่ว่างเปล่าทิ้งลงถังขยะที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว

 

ห้องแชตยังคงคึกคักไม่เปลี่ยน

 

ยุนแชยอง

นี่ ทำไรกันอยู่ทุกคน ตั้งใจอ่านหนังสือกันอยู่เหรอ? (5.53 PM)

อีอินกยู

อืม (5.53 PM)

ยุนแชยอง

ตอบเร็วแบบนี้อ่านหนังสืออะไรกัน (5.53 PM)

โชยูแจ

วันนี้ข้าวที่โรงเรียนอร่อยดีแฮะ (5.53 PM)

ยุนแชยอง

ใช่ๆ! 55555 ว่าแต่นายว่าอะไรอร่อยสุดเหรอ (5.53 PM)

อีอินกยู

นี่ เลิกพูดเรื่องไร้สาระแล้วอ่านหนังสือกันได้แล้ว แจ้งเตือนมันเด้งไม่หยุดเลยเนี่ย (5.53 PM)

พัคจินฮวาน

มื้อเที่ยงวันนี้ของพวกนายคืออะไรกันเหรอ (5.53 PM)

 

สิ่งที่คุยกันมีแต่เรื่องไร้สาระเต็มไปหมด ฮันจุนปิดแจ้งเตือนของกรุ๊ปแชตเอาไว้ และเพิ่งได้เปิดอ่านมันหลังจากกลับมาถึงห้อง แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้ไปเรียนพิเศษเพราะเป็นวันอังคาร แต่ทุกคนก็ยังคงพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยไม่หยุด

และสิ่งที่น่าตลกก็คือมีคนในกรุ๊ปแชตคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างเขา ถึงโชยูแจจะไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับบทสนทนาในแชตเท่าไรนัก แต่ก็ตั้งอกตั้งใจจ้องหน้าจอมือถืออยู่ตลอด ฮันจุนเอ่ยปากถามพลางวางกระเป๋าลง

“ที่นายว่าอร่อยนั่นหมายถึงอะไรงั้นเหรอ”

“ก็รากโกโบ* ไง”

“จินฮวานอยู่โรงเรียนอื่น เขาไม่รู้หรอกว่าอาหารที่โรงเรียนเราคืออะไร นายก็ตอบเขาไปหน่อยสิ”

“เฮอะ”

ยูแจแค่นหัวเราะในลำคอราวกับจงใจให้เขาได้ยิน อีกฝ่ายลุกขึ้นพรวด ก้าวเข้ามากอดคอเขาแล้วดึงเข้าหาตัว ทำให้ร่างกายของพวกเขาทั้งสองคนแนบชิดกันจนรู้สึกได้ถึงแผ่นอกแกร่งที่แนบชิดอยู่กับต้นแขน เมื่อก่อนพวกเขามักจะเล่นฟุตบอลหรือบาสด้วยกันทุกวัน แต่พอขึ้นมัธยมปลายปีสาม พวกเขาต่างก็ต้องมานั่งใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือ เขาจำได้ว่าหลังจากที่ได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนมัธยมซึลกีด้วยกัน พวกเขามักจะแตะมือไฮไฟว์กัน กอดรัดกันเล่นๆ เดินกอดคอกันทั้งๆ ที่เหงื่อท่วมตัว และบางทีก็หยอกล้อกันด้วยการตีก้น

ถึงแม้ว่าเขาจะแอบชอบยูแจมานานแล้ว แต่เมื่อไม่นานมานี้เขาก็เพิ่งรู้สึกได้ถึงเรื่องการสกินชิพเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้

ก่อนหน้านี้เราทำตัวยังไงตอนอยู่ต่อหน้าเขาเวลาที่เขาเข้ามาเกาะแกะแบบนี้บ่อยๆ กันนะ

ฮันจุนจำไม่ได้เลยสักนิด เพราะความรู้สึกระหว่างเพื่อนชายทั่วไปก่อนที่เขาจะชอบโชยูแจนั้นมันช่างเลือนรางเสียเหลือเกิน โชยูแจเลื่อนมือที่โอบรอบคอของฮันจุนไว้ไปคลึงใบหูของเขาเล่นเบาๆ ก่อนจะใช้ฝ่ามือจับศีรษะของฮันจุนให้หันมาหาตัวเอง ดวงตาที่สบมองลงมานั้นช่างอ่อนโยน

“ฮันจุนอา ฉันต้องใส่ใจกับเรื่องไร้สาระเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ด้วยหรือไง เรื่องที่ฉันชอบรากโกโบน่ะ นอกจากแชยองแล้วก็คงไม่มีใครมาสนใจหรอกน่า”

“…”

“ยิ้มอะไร”

นี่เรายิ้มอยู่งั้นเหรอ

ฮันจุนหลุบตาลงหนีสายตาของอีกฝ่ายทั้งที่ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า จู่ๆ เขาก็รู้สึกใจเต้นกับเรื่องรากโกโบที่อีกฝ่ายพูดออกมาเสียอย่างนั้น เขาเปิดตู้เย็นแล้วหยิบกล่องเครื่องเคียงขนาดใหญ่ที่ต้องใช้สองมือจับออกมา

“นี่อะไร”

“ก็รากโกโบไง นายเอากลับบ้านไปสิ หรือถ้าหิว นายจะกินเลยก็ได้นะ”

ถึงจะกินมื้อเที่ยงไปแล้ว ทว่าพอกลับมาถึงห้อง เขากลับรู้สึกหิวขึ้นมาอีกเสียอย่างนั้น ฮันจุนเปิดหม้อหุงข้าวเช็กดูข้างในก่อนจะพูดต่อ

“แม่ฉันทำเครื่องเคียงไว้ซะเยอะเลย บอกว่าให้เอาไว้ให้แม่ของนายน่ะ พอดีช่วงนี้แม่ฉันกำลังอยู่ในช่วงเตรียมปิดร้าน”

“ปิดร้าน?”

“อื้อ…เห็นว่าช่วงนี้ที่ตลาดขายเครื่องเคียงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นพวกเนื้อหรือผักก็ยังพอขายได้อยู่บ้าง แต่พวกเครื่องเคียงน่ะมีร้านเปิดใหม่เยอะมาก ทั้งดูใหม่และสะอาด แถมยังสั่งทางออนไลน์ได้ด้วย เพราะงั้นคนก็เลยเปลี่ยนไปซื้อร้านใหม่ๆ พวกนั้นล่ะมั้ง”

“เสียดายจังแฮะ ฉันกะว่าจะซื้อกินทุกวันเลยถ้าเรียนจบและได้ทำงานแล้วน่ะ”

“ฮ่าๆ”

“ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ รากโกโบกับปลาแอนโชวี่ผัดฝีมือแม่นายน่ะอร่อยที่สุดแล้ว”

ยูแจบ่นพึมพำต่อด้วยใบหน้าบึ้งตึง

“แล้วก็นะ ฉันวางแผนไว้ว่าถ้าเข้ามหา’ลัยได้แล้ว ฉันจะหางานพิเศษทำเยอะๆ แล้วจะหาอะไรกินให้มันแน่นท้องสามมื้อต่อวันไปเลย ถึงเวลานั้นฉันคงช่วยซื้อเครื่องเคียงแม่นายเยอะๆ ได้ ช่วยรอกันอีกสักหน่อยสิ”

“ทำงานพิเศษเยอะๆ เพื่อกินข้าวให้อิ่มสามมื้อต่อวันเนี่ยนะ?”

“ความฝันมันต้องเรียบง่ายหน่อยสิ จะได้สำเร็จไวๆ ไง”

พวกเขาหลุดขำพรืดออกมาพร้อมกัน ฮันจุนรู้สึกกระวนกระวายร้อนใจมาตลอดเพราะคำพูดของแม่ที่บอกว่าจะปิดร้านที่ทำมานาน แต่แล้วคำพูดของยูแจที่แสดงออกมาราวกับว่ารู้สึกเสียใจที่ร้านกำลังจะปิดตัวลง มันกลับช่วยปลอบประโลมจิตใจของเขาได้เสียอย่างนั้น คงเพราะยูแจเป็นหนึ่งในบรรดาคนที่มากินเครื่องเคียงร้านของแม่เขามาโดยตลอด

“ก็บอกแล้วว่าให้ฉันจ่ายเงินซื้อบ้าง อย่าเอามาให้ฉันกินฟรีๆ…ฉันนี่มันไม่รู้จักความเกรงใจเอาซะเลย”

ยูแจพูดพลางหลับตาพริ้ม มุกตลกเล่นตัวเองที่นานๆ ครั้งจะเห็นยูแจเล่นนั้นคงมีเพียงแค่ฮันจุนเท่านั้นที่เคยได้ยิน ฮันจุนตีลงบนต้นแขนของยูแจเป็นเชิงบอกว่าให้หุบปากได้แล้ว ก่อนจะพูดว่าให้ยูแจยอมแพ้เสียเถอะ เพราะต่อให้ยูแจจะพูดแบบนั้นออกมาบ่อยแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีทางตลกกับมุกแบบนั้นด้วยหรอก

พวกเขาเอาข้าวสวย สาหร่าย และรากโกโบวางบนโต๊ะ จากนั้นก็เริ่มกินข้าวเย็นด้วยกัน ฮันจุนหยิบสาหร่ายขึ้นมาแผ่นหนึ่งก่อนจะชะงักไปด้วยความลังเล ในเสี้ยววินาทีหนึ่งจู่ๆ เขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมากับเรื่องไร้สาระที่ว่า ‘ถ้ากินไอ้สาหร่ายแห้งๆ นี่เข้าไป หวังว่าเศษของมันคงจะไม่ติดอยู่ที่ริมฝีปากหรอกนะ’ ผุดขึ้นมาในหัววูบหนึ่งก่อนที่มันจะลอยผ่านไป

ช่วงนี้ยุนแชยองเองก็คงจะเริ่มคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้อยู่เหมือนกันสินะ เราอาการท่าจะหนักแล้วแฮะ ท่าจะหนักมากจริงๆ

เขาคิดเองเออเองไปเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา ยูแจพลันตวัดสายตามามองเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่ระเบิดออกมาเมื่อครู่ ฮันจุนแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเอ่ยปากชวนคุย

“ช่วงนี้นายไม่มีเรื่องอะไรเหรอ”

“ฉันก็เหมือนเดิมแหละ อ้อ พ่อฉันเพิ่งได้เงินจากการเล่นหุ้นมานิดหน่อยล่ะ”

“ว้าว จริงดิ? ดีจัง”

“ถึงจะได้มาก็ได้แค่นิดเดียวแหละน่า ไม่พอเอาไปตั้งตัวทำมาหากินอะไรเป็นรูปเป็นร่างได้หรอก ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมวันๆ พ่อฉันถึงได้ยึดติดกับไอ้หุ้นอะไรนั้นนักนะ”

สิ้นคำนั้นยูแจก็เลื่อนมือไปคีบรากโกโบขึ้นมากิน โดยที่แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่จริงๆ แล้วก็รู้สึกใจหาย เมื่อคิดว่าจะไม่ได้กินเครื่องเคียงอร่อยๆ แบบนี้อีก ส่วนทางด้านฮันจุนก็รู้สึกเพลียเนื่องจากนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นมาตลอดทั้งคืน เพราะเมื่อวันก่อนเขาได้ยินแม่บอกว่าจะหยุดทำร้านขายเครื่องเคียงแล้วลองไปดูพวกงานขายประกันแทน ทว่าพอได้อยู่กับยูแจ เขาก็ลืมความกังวลนั้นไปจนหมดสิ้น

ฮันจุนตั้งใจที่จะไม่พูดเรื่องงานขายประกันนั้นออกมา แม่เป็นคนที่มีนิสัยแข็งกระด้าง เพราะอย่างนั้นพอได้ยินว่าแม่จะไปทำงานที่ไม่เหมาะกับนิสัยของตัวเองแล้ว ดีไม่ดีแม่อาจจะบอกให้เขาเรียนพิเศษแค่สองเดือนจากสามเดือนที่ตั้งใจเอาไว้ในตอนแรกก็เป็นได้ ในใจจึงรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง แต่เขาก็เลือกที่จะกดความรู้สึกกลัวนั้นไว้ในซอกมุมหนึ่งของหัวใจ ก่อนจะมองไปยังมือถือที่หน้าจอสว่างขึ้นเพราะข้อความจากจินฮวาน

 

พัคจินฮวาน

ฮันจุนอา นายรู้กรุ๊ปเลือดของแชยองไหม (6:02 PM)

ถ้าไม่รู้ไม่เป็นไรนะ ฉันแค่สงสัยเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก (6.05 PM)

 

ถามเรื่องกรุ๊ปเลือดทำไมกันนะ หรือว่าจะเอาไปดูพวกดวงเนื้อคู่ตามกรุ๊ปเลือด

จินฮวานมักจะติดนิสัยชอบพูดคำว่า ‘ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร’ มันเป็นความเคยชินของเจ้าตัวที่มักจะคิดไปก่อนเองว่าคำขอของตัวเองนั้นจะต้องถูกปฏิเสธอย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่าไม่รู้แล้วเขาจะไม่บอก เพียงแต่เขายังไม่รู้ว่าจะไปหากรุ๊ปเลือดของแชยองมาตอบได้อย่างไร

ในระหว่างที่เขากำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วเผลอยิ้มอยู่นั้น จู่ๆ ยูแจก็โพล่งถามขึ้นมา

“กินข้าวอยู่แล้วส่งข้อความหาใคร”

“หืม? จินฮวานน่ะ”

ยูแจมองดูในโทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น

“ในกรุ๊ปแชตก็ไม่เห็นพูดอะไรเลยหนิ”

“อ๋อ แชตส่วนตัวน่ะ”

“พิมพ์มาว่าไง”

“ถามว่าแชยองกรุ๊ปเลือดอะไร”

“แล้วมาถามกับนายเพื่อ?”

“คงจะอายถ้าต้องถามกับเจ้าตัวล่ะมั้ง”

ฮันจุนตอบกลับไปอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก ก่อนจะลองกดพิมพ์ค้นหาคีย์เวิร์ดของทั้งสี่กรุ๊ปเลือดในแชตส่วนตัวที่คุยกับแชยอง แต่ดูเหมือนว่าเขากับอีกฝ่ายจะไม่เคยคุยเรื่องกรุ๊ปเลือดกันเลย เพราะไม่มีผลลัพธ์ในการค้นหาเด้งขึ้นมา

“หากรุ๊ปเลือดแชยองไม่เจอแฮะ ว่าแต่นายรู้กรุ๊ปเลือดแชยองไหม”

“ฉันจะไปรู้ได้ไง แล้วหมอนั่นมันจะสงสัยเรื่องกรุ๊ปเลือดไปทำไม ไม่ใช่เด็กๆ แล้วสักหน่อย”

“ใช่ไหมล่ะ หมอนี่น่ะน่ารักดีออก”

ฮันจุนยิ้มพลางพูดเสียงงึมงำ ยูแจพลันวางตะเกียบลงก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา

“ไม่รู้ก็ถามซะสิ จะไปยากอะไร”

ยูแจพิมพ์ข้อความแล้วกดส่งทันทีโดยที่ฮันจุนไม่ทันได้ห้ามปราม

 

โชยูแจ

แชยอง เธอกรุ๊ปเลือดอะไร (6.09 PM)

 

วินาทีเดียวกันนั้นข้อความก็ได้เด้งขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ของฮันจุน ฮันจุนชะงักตกใจ ก่อนจะรีบเช็กที่โทรศัพท์ดูอีกครั้งหนึ่ง

ฮันจุนนึกว่ายูแจจะส่งข้อความถามในแชตแยก แต่ยูแจกลับส่งข้อความนั้นเข้าไปในกรุ๊ปแชตรวมที่มีทุกคนอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าจินฮวานต้องเห็นมันอย่างแน่นอน

 

ยุนแชยอง

คิกๆ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงสงสัยล่ะ >.< (6.10 PM)

 

แชยองส่งข้อความตอบกลับมาในทันที ยูแจวางโทรศัพท์ลงแล้วจัดการกินอาหารจนเสร็จ ในระหว่างที่ยูแจกำลังดื่มน้ำหนึ่งแก้วนั้น ในห้องแชตก็มีข้อความเด้งขึ้นเรื่อยๆ และข้อความทั้งหมดมาจากแชยอง

 

ยุนแชยอง

ไหนทายซิว่าฉันกรุ๊ปเลือดอะไร จะให้คำใบ้ละกันว่ากรุ๊ปเลือดของฉันไม่เหมือนกับยูแจ ทายถูกมีรางวัล! (6.11 PM)

แล้วพรุ่งนี้ฉันจะเอาเปเปโร* ไปให้ (6.12 PM)

 

ทุกคนในกรุ๊ปแชตต่างก็เห็นข้อความกันหมดแล้ว ฮันจุนหลับตาลงสนิท

“นายบ้าไปแล้วเหรอ ส่งลงไปในแชตกลุ่มแบบนี้ได้ไง”

“นั่นสิเนอะ จินฮวานจะอารมณ์เสียหรือเปล่านะ”

ยูแจถามกลับมาราวกับเพิ่งจะตระหนักได้ว่าตัวเองทำอะไรไม่คิดออกไป ทว่าฮันจุนรู้จักยูแจดีเกินกว่าจะโดนหลอกด้วยใบหน้าที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรนั่น

“ของมันแน่อยู่แล้ว หมอนั่นไม่กล้าถามแชยองด้วยตัวเองเลยเอามาถามฉัน เพราะเห็นว่าฉันไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่นี่นายกลับ…”

“ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน แล้วฉันล่ะ”

“…”

“พูดต่อสิ นายกับมันไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน แล้วฉันมันทำไม นายจะบอกว่าฉันควรใส่ใจความรู้สึกของพัคจินฮวานที่กำลังแอบชอบยุนแชยองอยู่ เพราะแชยองชอบฉันงั้นสินะ?”

“นายทำตัวไม่มีเหตุผลเลยนะ”

“นี่นายอยู่ข้างใครกันแน่”

ฮันจุนชะงักและนิ่งไปกับคำถามเด็กๆ ที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน

นายกล้าถามว่าฉันอยู่ข้างใคร…ทั้งที่ที่ว่างข้างกายนายมันก็ไม่เคยเป็นของฉันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วเนี่ยนะ

ดวงตาคมของยูแจจ้องมองมาที่ฮันจุน

“นายไปช่วยให้หมอนั่นเข้ามาวุ่นวายกับแชยอง ทั้งที่นายเองก็รู้ว่าฉันกำลังคุยๆ อยู่กับเธอเนี่ยนะ”

ริมฝีปากของฮันจุนที่อ้าออกเตรียมจะพูดพลันเม้มปิดสนิทเข้าหากันทันทีพร้อมกับหัวใจของเขาที่ค่อยๆ ชาวาบไปทั้งดวง

ยุนแชยองแสดงออกถึงความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ยูแจมานานมากแล้ว แต่ยูแจกลับไม่เคยแสดงอะไรออกไปอย่างชัดเจนและจริงจังเลยสักครั้ง ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ได้แต่รักษาระยะห่างระหว่างเธอมาโดยตลอด เขาไม่เคยเห็นยูแจให้ความสนใจเรื่องผู้หญิงหรือเรื่องความรักเลยด้วยซ้ำ แถมตอนนี้พวกเขายังเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีสุดท้ายที่ต้องจดจ่อกับการสอบซูนึงที่กำลังใกล้เข้ามาอีก

และด้วยเหตุผลทั้งหลายที่กล่าวมานั้น ฮันจุนจึงเผลอคิดไปเองว่ายูแจคงไม่มีทางรับรักแชยอง คิดว่ายูแจกับตัวเขาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้ตามที่เคยใฝ่ฝันกันเอาไว้ คิดว่าต่อให้เข้ามหาวิทยาลัยไปแล้ว พวกเขาก็จะยังได้ใช้ชีวิตร่วมกันเหมือนดังเช่นในวันนี้ คิดว่าหากเวลาผันผ่านไป จิตใจอันว้าวุ่นในช่วงวัยรุ่นของเขาตอนนี้ก็จะค่อยๆ เลือนหายไปเองตามกาลเวลา และคิดไปว่าถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ระหว่างเขาสองคนก็จะยังคงเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุดอยู่เช่นเดิม ทว่า…

นายกำลังช่วยให้ผู้ชายคนอื่นมาตามเซ้าซี้ผู้หญิงที่เพื่อนของนายชอบอยู่นะ

คำพูดของยูแจที่เขาสรุปออกมาได้สั้นๆ นั้นกลับทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจ

“ขอโทษ ฉันไม่นึกว่านายจะคิดจริงจังกับแชยอง”

“รู้แล้วก็อย่าพูดเรื่องพัคจินฮวานต่อหน้าฉันอีก”

“อืม ฉันขอโทษ”

ฮันจุนเอ่ยปากขอโทษจากใจจริง ในขณะที่เขาสูดลมหายใจเข้าออกอย่างฝืนกลั้น เขารู้สึกเหมือนในใจนั้นว่างเปล่าเหมือนเมื่อคืนที่เขานอนข่มตาหลับไม่สนิท เขานำข้าวที่แทบจะไม่พร่องเลยใส่กลับลงไปในหม้อหุงข้าว จากนั้นก็เริ่มเก็บเครื่องเคียง

“เดี๋ยวฉันห่อให้ รอแป๊บนึง”

“แม่นายจะกลับมาเมื่อไหร่”

ยูแจลุกขึ้นช่วยเก็บกวาด ก่อนที่ฮันจุนจะยักไหล่แล้วตอบกลับไป

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน คงจะประมาณสี่ทุ่มมั้ง”

“ถ้างั้นฉันจะอยู่ที่นี่ รอทักทายแม่นายก่อนแล้วค่อยกลับได้ไหม”

“ได้ดิ ไม่เห็นจะต้องถามจริงจังอะไรขนาดนั้นเลย”

คงจะทำตัวไม่ถูกเพราะเห็นฉันโกรธสินะ จู่ๆ ถึงได้มาขออนุญาตไปเสียทุกเรื่องแบบนี้ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

ฮันจุนมองยูแจยิ้มๆ และในตอนที่เขากำลังจะหันหลังกลับ ข้อมือของเขาก็ถูกจับเอาไว้แน่น ก่อนที่ยูแจจะดึงตัวเขาเข้าไปแนบชิดแล้วกะพริบตาปริบๆ

“ฉันอยากบอกแม่นายว่าตลอดเวลาที่ฉันได้กินเครื่องเคียงของแม่นายมา ฉันรู้สึกว่ามันอร่อยมากจริงๆ แล้วฉันก็ตั้งใจจะบอกให้แม่ฉันโทรมาหาด้วย”

ทั้งมือที่โอบไหล่ ทั้งกายแกร่งที่สัมผัสกับต้นแขนของเขา ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนกับแต่ก่อน

“นายไม่ต้องกังวลหรอกน่า ชีวิตนี้ยังมีอะไรให้ทำมาหากินอีกตั้งเยอะ ดูอย่างฉันสิ ขนาดพ่อฉันเล่นหุ้นไปวันๆ ฉันยังไม่คิดมากอะไรเลย ถ้าเกิดเจ๊งหรือขาดทุนขึ้นมา ฉันก็แค่ตัดความสัมพันธ์กับพ่อแล้วก็ตีตัวออกมาก็เท่านั้นเอง”

แต่ถึงอย่างนั้นก็มีบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน นั่นคือความโลภที่อยากกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่นๆ

“ขอแค่อย่าสอบเข้ามหา’ลัยไม่ติดก็พอ เข้ามหา’ลัยให้ได้ในครั้งเดียว หลังจากนั้นก็รับสอนพิเศษ หาเงินเยอะๆ มาจ่ายค่าหน่วยกิต พอเรียนจบก็หางานทำในบริษัทดีๆ หาเงินให้พอมาเลี้ยงปากท้องแล้วก็ได้กินอะไรดีๆ ถึงตอนนั้นนายก็น่าจะกลับมาเปิดร้านขายเครื่องเคียงให้แม่ได้แล้วล่ะมั้ง นั่นแหละอนาคตของเรา”

ยูแจพูดออกมาอย่างเพ้อฝัน ทั้งๆ ที่ไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไร แววตาที่ฉายความตื่นเต้นออกมานั้นช่างสมกับเป็นแววตาของคนในวัยหนุ่มสาว ฮันจุนวางมือลงบนเอวของอีกฝ่ายพลางนึกถึงคำพูดที่มักจะพูดกับอีกฝ่ายตลอดมา ก่อนจะพูดมันออกไป

“ถ้างั้นเดี๋ยวเราทำการบ้านเสร็จแล้วไปดูดาวกัน สักสี่ทุ่มเราค่อยกลับดีไหม”

“เอาสิ ฉันเองก็ยังทำการบ้านวิชาคณิตไม่เสร็จเลย”

ยูแจเอากระเป๋าเข้าไปเก็บไว้ในห้องฮันจุน หลังจากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ฮันจุนเตรียมหนังสือที่เรียนพิเศษออกมา แล้วเดินไปยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนก่อนจะเหลือบตาไปดูมือถือที่ยูแจกับแชยองกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานในกรุ๊ปแชตนั้น

 

โชยูแจ

กรุ๊ปโอ (6.33 PM)

ยุนแชยอง

เฮ้ย สุดยอด!! นายรู้ได้ไงอะ ฉันดูเหมือนคนกรุ๊ปโอเหรอ (6.33 PM)

โชยูแจ

5555 แต่ฉันไม่เชื่อเรื่องกรุ๊ปเลือดหรอกนะ (6.34 PM)

ยุนแชยอง

จะว่าไปนายก็ไม่เหมือนพวกกรุ๊ปเอเหมือนกันนั่นแหละ 5555 (6.34 PM)

 

จินฮวานไม่ได้พิมพ์อะไรลงไปทั้งในกรุ๊ปแชตและในแชตส่วนตัว ฮันจุนคิดว่าพรุ่งนี้ตอนเจอกันที่สถาบันสอนพิเศษคงต้องนัดสองคนนี้มาเจรจากันสักหน่อยแล้ว ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่ายูแจไม่ค่อยชอบใจจินฮวานสักเท่าไร แต่ต่อจากนี้เขาต้องทำให้สองคนนี้เข้าหน้ากันติดเวลาที่อยู่ที่สถาบันสอนพิเศษให้ได้

 

โชยูแจ

ยุนแชยอง พรุ่งนี้อย่าลืมเอาเปเปโรมาให้ฉันด้วยนะ (6.34 PM)

ยุนแชยอง

5555 เคๆ (6.34 PM)

 

ยูแจตอนมีแฟนจะเป็นยังไงกันนะ

ฮันจุนลองจินตนาการภาพที่ไม่เคยลองคิดอย่างจริงจังมาก่อนขึ้นมาในหัว ที่ผ่านมาพวกเขาอ่านหนังสือ กินข้าว และเล่นด้วยกันมาโดยตลอด เขารู้สึกราวกับว่าจู่ๆ จินตนาการของเขาก็พลันมืดบอดไปเสียอย่างนั้น เพราะเขานึกภาพโชยูแจยามมีคนรักไม่ออกเลยแม้แต่น้อย

“เชอะ…”

ทันทีที่ฮันจุนจิ๊ปาก เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นแชมพูที่แสนคุ้นเคย ยูแจเข้ามาประชิดตัวจากทางด้านหลัง พร้อมกับวางคางลงบนหัวไหล่พลางหันหน้ามามองเขา

“มัวยืนทำอะไรอยู่” ยูแจถามขึ้น

ฮันจุนใช้ฝ่ามือดันใบหน้าของยูแจออก ก่อนจะเดินเข้าห้องของตัวเองไป เมื่อเขาหย่อนตัวนั่งลงกับพื้น กางหนังสือเรียนออกแล้วฟุบหน้านอนคว่ำลง ยูแจที่เดินตามหลังเข้ามาก็เนียนทรุดตัวลงมานอนอยู่ข้างๆ

ฮันจุนลูบยางลบไปมาพลางเหลือบมองคนที่อยู่ด้านข้างเมื่อสบโอกาส จู่ๆ เขารู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมาแปลกๆ ตรงหัวไหล่ที่อีกฝ่ายเอาคางวางลงมาเมื่อครู่

* รากโกโบ หรือรากเบอร์ด็อก (Burdock Root) เป็นส่วนรากในตระกูลหญ้าเจ้าชู้ โดยคนเกาหลีนิยมนำมาทำคิมบับหรือเครื่องเคียง

* เปเปโร เป็นชื่อยี่ห้อของขนมบิสกิตแท่งเคลือบช็อกโกแลตหรือรสชาติอื่นๆ

 

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: