บทที่ 7
สิ้นเสียงตะโกน บ่าวหญิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นตัวสั่น เงยหน้าเห็นสายตาข่มขู่ของคุณชายสาม รู้ว่าวันนี้ตนเองหนีไม่รอดแล้ว ลอบเสียใจภายหลังที่ไม่ได้ตรวจดูดวงชะตาก่อนออกจากบ้าน ถึงได้ล่วงเกินบุคคลร้ายกาจเช่นนี้ได้ สองมือสั่นเทาขณะหยิบหมั่นโถวแข็งเย็นบนพื้นขึ้นมากัดกิน
คฤหาสน์สกุลเซียวไม่ขาดแคลนเงินทอง ปกติแม้แต่อาหารที่ข้ารับใช้กินยังดีกว่าของชาวบ้านทั่วไปหลายเท่าเสียด้วยซ้ำ ไหนเลยจะเคยกินของเช่นนี้ได้ ยังไม่พูดถึงว่ากลิ้งอยู่บนพื้นหลายตลบ หมั่นโถวที่เดิมทีไม่ขาวอยู่แล้วยิ่งเป็นสีเทาสกปรก
ฝืนกัดไปหนึ่งคำและเคี้ยวอยู่นาน ไหนเลยจะกลืนลงคอ พอออกแรงจะกลืนลงคอมากๆ เข้า ของในกระเพาะก็ย้อนกลับขึ้นมา สุดท้ายจึงอาเจียนออกมาตรงนั้น
เซียวอวิ้นเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างรังเกียจ
หลี่เมิ่งซีเห็นว่าลงโทษพวกนางพอสมควรแล้วจึงพูดกับเซียวอวิ้น “ช่างเถอะ คุณชายสาม หากไม่มีคำสั่งคงไม่มีบ่าวคนใดกล้าทำเช่นนี้ คุณชายสามตามอาจารย์อวิ๋นเชี่ยนผู้ดูแลที่นี่มาสอบถามดีกว่า”
เซียวอวิ้นฟังแล้วเหลือบมองบ่าวหญิงสองคนบนพื้นอย่างขยะแขยง ก่อนจะพูดกับพวกนาง “สะใภ้รองมีคำสั่งแล้วยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”
บ่าวหญิงทั้งสองราวกับได้รับอภัยโทษ พวกนางโขกศีรษะติดๆ กัน ขอบคุณสะใภ้รองกับคุณชายสาม ก่อนจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นและเดินออกไปอย่างลนลาน
คิดไม่ถึงว่าเดินไปได้สองก้าว เซียวอวิ้นจะร้องเรียก “กลับมา!”
บ่าวหญิงทั้งสองตกใจจนแข้งขาอ่อนแรง ทรุดลงกับพื้นคุกเข่าอีกครั้ง ได้ยินคุณชายสามเอ่ยว่า “เก็บกวาดให้เรียบร้อยค่อยไป”
บ่าวหญิงรีบรับคำ ลุกจากพื้นและเก็บกวาดทำความสะอาด
หน้าประตูห้องพักฝั่งตะวันออกเกิดเสียงอึกทึกครึกโครมเช่นนี้ คนในห้องอื่นๆ ไหนเลยจะไม่ได้ยิน ต่างออกมามุงดูกันอยู่ไกลๆ แล้ว ได้ยินว่าสะใภ้รองต้องการพบอาจารย์อวิ๋นเชี่ยนจึงมีคนช่วยไปรายงานก่อนแล้ว จือซย่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็พบอวิ๋นเชี่ยนที่ทราบข่าวและรุดมาที่นี่
อวิ๋นเชี่ยนเดินเข้ามาคารวะสะใภ้รองกับคุณชายสาม
เซียวอวิ้นเหลือบมองพี่สะใภ้รองแวบหนึ่ง เห็นนางไม่มีทีท่าจะเอ่ยปาก จึงหันไปถามอวิ๋นเชี่ยน “อาจารย์อวิ๋นเชี่ยนเป็นหัวหน้าอารามแห่งนี้ เรื่องทุกอย่างของสะใภ้รองล้วนอยู่ในความดูแลของท่านหรือ”
“สะใภ้รองมาอยู่ที่นี่ ของใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ในความรับผิดชอบของข้า เมื่อวานเหล่าไท่จวินตั้งใจเรียกข้าไปพบ บอกว่าสะใภ้รองไม่เหมือนคนทั่วไป ให้ข้าดูแลอย่างระมัดระวัง เดิมทีเมื่อวานข้าจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ของกินของใช้ของสะใภ้รองล้วนจัดตามเกณฑ์สูงสุดของที่นี่ เพียงแต่เช้าวันนี้นายหญิงใหญ่ส่งคนมากลุ่มหนึ่ง เรียกข้าไปพบและสั่งว่าสะใภ้รองหาใช่บุคคลทั่วไป เกรงว่าจะเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นจึงส่งคนมาดูแลเพิ่มเติม ทั้งยังบอกว่านับแต่นี้ไปพวกนางจะดูแลรับผิดชอบเรื่องของสะใภ้รองเอง ไม่ต้องให้ข้าเป็นกังวล ทั้งยังเปลี่ยนบ่าวหญิงที่เฝ้าประตูต่างๆ และบ่าวหญิงที่เฝ้ายามกลางคืนตามจุดต่างๆ ด้วย”
“อาหารสามมื้อของสะใภ้รองยังเป็นแม่ครัวในอารามทำหรือไม่”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ นายหญิงใหญ่สั่งว่าสะใภ้รองสูงศักดิ์ แม่ครัวในอารามซุ่มซ่าม เกรงว่าจะปรนนิบัติได้ไม่ดี จึงส่งแม่ครัวมาโดยเฉพาะ”
“บัดซบ!” เซียวอวิ้นฟังคำพูดของอวิ๋นเชี่ยนแล้ว เพลิงโทสะในใจพลันลุกโหม เขาลืมฐานะของตนเองและกล่าวคำสบถต่อหน้าคนทั้งลาน
หลี่เมิ่งซีเห็นดังนั้นกลัวเซียวอวิ้นจะพูดจาไม่เหมาะสมออกมาอีก ไม่พูดถึงว่าให้ข้ารับใช้ได้ยินเข้าแล้วจะดูไม่เหมาะ แต่พวกนี้ล้วนเป็นคนของนายหญิงใหญ่ นางจึงรีบพูดว่า “คุณชายสามอย่าเก็บมาใส่ใจเลย เดิมทีนายหญิงใหญ่หวังดี กลัวข้าจะลำบาก เพียงแต่พวกบ่าวไม่เข้าใจความประสงค์ของนายหญิงใหญ่จึงทำผิดพลาด ลงโทษแค่เล็กน้อยก็พอ ไม่จำเป็นต้องโมโหถึงเพียงนี้ หากเสียสุขภาพไปย่อมไม่คุ้ม”
ได้ยินหลี่เมิ่งซีพูดเช่นนี้ เซียวอวิ้นก็ตกใจ มีผู้คนมองดูอยู่มากมายเช่นนี้ ทั้งยังมีหลักฐาน เดิมทีเขาอยากออกไปรายงานเหล่าไท่จวินทันที แต่คำพูดของหลี่เมิ่งซีเตือนสติเขา หากไปรายงานเหล่าไท่จวินจริง แล้วเรียกนายหญิงใหญ่มาสอบถาม นายหญิงใหญ่ก็คงบอกว่าเพิ่มคนเพราะหวังดีต่อสะใภ้รอง แต่คิดไม่ถึงว่าข้ารับใช้ต่อหน้ารับปากคล้อยหลังกลับทำอีกอย่าง กลั่นแกล้งสะใภ้รอง ข้ารับใช้หลายคนย่อมต้องตายเปล่า ทั้งยังเป็นการสร้างความแค้นให้กับนายหญิงใหญ่อีก ทำเช่นนั้นไม่คุ้มเลยจริงๆ
คิดเช่นนี้เซียวอวิ้นจึงพูดว่า “พี่สะใภ้รองพูดถูกต้องยิ่งนัก เดิมทีนายหญิงใหญ่หวังดี คิดไม่ถึงว่าข้ารับใช้ที่คิดคดพวกนี้จะกล้าขัดคำสั่งลับหลังเจ้านายทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ รอให้ข้ารายงานเหล่าไท่จวินแล้ว คอยดูซิว่าจะเอาชีวิตบ่าวสุนัขพวกนี้ได้หรือไม่!”
คำพูดนี้เซียวอวิ้นพูดกับหลี่เมิ่งซี แต่ด้วยเสียงที่ดังมากทำให้ข้ารับใช้ที่อยู่ใกล้ไกลล้วนได้ยินชัดเจน ต่างอกสั่นขวัญผวาและตระหนักได้
นั่นสิ นายหญิงใหญ่สั่งให้พวกนางกลั่นแกล้งสะใภ้รองให้ตายก็จริง แต่หากสะใภ้ในคฤหาสน์หลังใหญ่เสียชีวิตลงจะไม่มีการตรวจสอบเลยอย่างนั้นหรือ ถึงเวลานั้นนายหญิงใหญ่จะยอมรับหรือ พวกนางย่อมต้องตกเป็นแพะรับบาป ต่อให้พวกนางคิดจะดิ้นรนจนปลาตายตาข่ายขาดเปิดโปงนายหญิงใหญ่ออกมา แต่ปัญหาคือพวกนางจะได้พบเหล่าไท่จวินหรือไม่เล่า! ไม่แน่พอสะใภ้รองตาย พวกนางก็ถูกฆ่าปิดปากแล้ว
คิดได้เช่นนี้ ในที่สุดบ่าวหญิงเหล่านี้ก็ตระหนักได้ถึงคำว่า ‘กลัว’
โดยเฉพาะแม่ครัวที่รับผิดชอบอาหารสามมื้อของสะใภ้รองที่ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลโซมกาย นางยืนขาสั่นอยู่ตรงนั้น หากคุณชายสามไปรายงานเหล่าไท่จวินในตอนนี้จริงๆ นางยังจะมีชีวิตรอดอีกหรือ
คิดพลางก้าวออกมาจากกลุ่มคน คุกเข่าลงตรงหน้าคุณชายสามกับสะใภ้รอง พลางเอ่ยปากอ้อนวอน “ขอคุณชายสามกับสะใภ้รองโปรดละเว้นชีวิตด้วย บ่าวเลอะเลือนไปแล้วถึงได้ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ สะใภ้รองกับคุณชายสามล้วนมีจิตใจเมตตา อย่าไปรายงานเหล่าไท่จวินเลยนะเจ้าคะ บ่าวจะไปทำอาหารกลางวันมาใหม่เดี๋ยวนี้ ขอคุณชายสามโปรดอย่าไปรายงานเหล่าไท่จวินเลย”
เซียวอวิ้นฟังแล้วก็รู้ทันทีว่าอาหารกลางวันเมื่อครู่เป็นฝีมือของแม่ครัวคนนี้ เขายกเท้าถีบนางจนหงายหลัง บ่าวหญิงผู้นั้นตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา คุกเข่าโขกศีรษะอ้อนวอนไม่หยุด
เวลาเดียวกัน สาวใช้กับบ่าวหญิงอีกหลายคนก็คุกเข่าโขกศีรษะให้สะใภ้รองกับคุณชายสาม พวกนางน่าจะเป็นคนที่นายหญิงใหญ่ส่งมาทั้งสิ้น
หลี่เมิ่งซีเห็นแม่ครัวโขกศีรษะจนเลือดออก คิดว่าพอสมควรแล้วจึงพูดกับเซียวอวิ้น “คุณชายสาม ดูแล้วพวกนางคงสำนึกผิดจากใจจริงแล้ว เห็นแก่ที่พวกนางเพิ่งทำผิดเป็นครั้งแรก ครั้งนี้ก็ช่างเถอะ หากไปเรียนเหล่าไท่จวินจริง ชีวิตของบ่าวไม่กี่คนเป็นเรื่องเล็ก แต่หากทำให้เหล่าไท่จวินโมโหจนเสียสุขภาพ ย่อมเป็นความอกตัญญูของพวกเรา มิสู้คุณชายสามให้หน้าข้า เรื่องวันนี้ให้ยุติลงเพียงเท่านี้ พรุ่งนี้เช้าตอนคุณชายสามไปคารวะผู้ใหญ่ ถือโอกาสเรียนเหล่าไท่จวินว่าวันนี้ท่านมาเยี่ยมข้า พบว่าข้าไม่ชินกับอาหารที่นี่ ดูว่าเหล่าไท่จวินจะอนุญาตให้หวังอี๋เหนียงนำอาหารมาส่งให้ข้าทุกวันได้หรือไม่”
หลี่เมิ่งซีคิดการณ์ไกล บ่าวถึงอย่างไรก็เป็นบ่าว ไม่ว่าเวลาใดล้วนต้องฟังคำสั่งเจ้านาย ตีบ่าวตายไปร้อยคน ขอเพียงเจ้านายยังไม่ตายก็ยังเปลี่ยนคนมาทรมานนางต่อได้อยู่ดี เว้นเสียแต่นางจะโค่นล้มนายหญิงใหญ่เจ้านายของพวกนางลงได้ ทว่ากำลังของนางล้วนอยู่ข้างนอก เมื่ออยู่ในคฤหาสน์สกุลเซียวเช่นนี้นางไม่มีอำนาจจะงัดข้อกับนายหญิงใหญ่ได้เลย เว้นแต่จะใช้อำนาจของร้านยาอี๋ชุน แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงย่อมมิใช่การเผชิญหน้ากับนายหญิงใหญ่เพียงคนเดียว หากแต่เป็นการเผชิญหน้ากับสกุลเซียวทั้งหมด
ยามนี้ขอร้องให้คุณชายสามรายงานเหล่าไท่จวิน ให้หวังอี๋เหนียงส่งอาหารมาให้นางเป็นเรื่องเล็ก คิดว่าเหล่าไท่จวินคงไม่ปฏิเสธ เรื่องอาหารการกินแก้ไขได้แล้ว ทั้งยังมีนกพิราบไว้ติดต่อกับคนข้างนอก แผนการที่นายหญิงใหญ่วางไว้อย่างยากลำบากย่อมไร้ประโยชน์ ขอเพียงนางอดทนรออีกสักพัก เมื่อเซียวจวิ้นหายดีย่อมเป็นวันที่นางจะได้รับอิสระ
ฟังหลี่เมิ่งซีพูดแล้ว เซียวอวิ้นรู้สึกมีเหตุผลเช่นกัน คำพูดเมื่อครู่นี้ก็เพื่อขู่ข้ารับใช้เหล่านี้เท่านั้น ทำให้พวกนางรู้จักกลัวเสียบ้าง วันหน้าจะได้ไม่กล้ารังแกพี่สะใภ้รองอีก
ครั้นเห็นว่าพอสมควรแล้วจึงพูดกับข้ารับใช้ที่คุกเข่าอยู่ “เห็นแก่ที่พวกเจ้าสำนึกผิดอย่างจริงใจ อีกทั้งสะใภ้รองยังมีจิตใจเมตตา ช่วยขอความเมตตาแทนพวกเจ้า ครั้งนี้ข้าไม่เอาความ แต่พวกเจ้าจงจำไว้ว่าถ้ากล้ารังแกสะใภ้รองอีก ข้าจะคิดบัญชีกับพวกเจ้าทั้งเก่าและใหม่ ไม่ว่าพวกเจ้ารับคำสั่งใครมา วันนี้ข้าขอพูดให้ชัดเจนว่าหากสะใภ้รองเป็นอะไรไปในอารามแห่งนี้หรือขนหลุดไปแม้แต่เส้นเดียว ข้าจะเอาเรื่องพวกเจ้าทุกคน ใครก็อย่าคิดจะมีชีวิตรอดออกไปจากประตูบานนี้!”
คำพูดประโยคสุดท้ายของเซียวอวิ้นแทบจะเป็นการตวาดออกมา ราวสายฟ้าที่ฟาดลงมาตอนกลางวันแสกๆ ทำเอาข้ารับใช้ทั้งหลายหูอื้อ ทรุดลงบนพื้นทันที
หลี่เมิ่งซีคาดเดาไม่ผิด พอเซียวอวิ้นพาจือซย่า จือตงและหงจูออกจากอารามชิงซิน พวกนางก็เห็นเป่าจูกับชิงเอ๋อร์ที่เป็นสาวใช้ประจำตัวของจางอี๋ไท่ดักรออยู่ไกลๆ แล้ว
ทั้งสองเห็นคุณชายสามออกจากประตูมาจึงรีบก้าวเข้าไปต้อนรับ พอถึงตรงหน้าก็คารวะ เป่าจูพูดว่า “คุณชายสาม นายหญิงใหญ่จัดงานเลี้ยงต้อนรับท่านในเรือนหยั่งซิน คิดไม่ถึงว่าบ่าวไปเชิญคุณชายสามแต่เช้า ถึงได้รู้ว่าคุณชายสามมาอารามชิงซิน ตอนนี้สายมากแล้ว คุณชายสามรีบตามบ่าวกลับไปเถอะเจ้าค่ะ จางอี๋ไท่ก็อยู่ที่นั่น ป่านนี้นายหญิงใหญ่กับจางอี๋ไท่คงรอจนร้อนใจแล้ว”
เป่าจูพูดจบ ชิงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างก็ผงกศีรษะพูดว่า “คุณชายสาม จางอี๋ไท่ถูกนายหญิงใหญ่เรียกตัวไปเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับท่านตั้งแต่เช้าแล้ว คิดไม่ถึงว่าท่านจะมาที่นี่ เสียเวลาอยู่นานถึงเพียงนี้หากไม่เพราะนายหญิงใหญ่สั่งว่าไม่ให้รบกวนท่าน บ่าวคงจะเข้าไปตามท่านนานแล้ว คุณชายสามรีบตามบ่าวมาเถอะเจ้าค่ะ”
ฟังคำพูดนี้แล้ว เซียวอวิ้นลอบอุทานในใจ โชคดีที่พี่สะใภ้รองคิดการณ์รอบคอบ หาไม่แล้วถ้าเขาออกมาด้วยความโมโห นายหญิงใหญ่ยกเอาจางอี๋ไท่มาขู่ล่ะก็ เขาย่อมไปหาเหล่าไท่จวินไม่ได้จริงๆ คิดแล้วจึงผงกศีรษะตอบว่า “ข้ารู้แล้ว พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ บอกมารดากับจางอี๋ไท่ว่าให้พวกนางกินไปก่อน ข้าจะไปเอาของที่เรือนพี่รอง เสร็จแล้วจะตามไปทันที”
เป่าจูฟังแล้วเอ่ยว่า “คุณชายสาม ตอนนี้เลยเวลากินอาหารมาแล้ว ป่านนี้นายหญิงใหญ่กับจางอี๋ไท่จะต้องรอจนร้อนใจแล้วแน่ๆ ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ใหญ่ คุณชายสามรีบไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ คุณชายสามต้องการของอะไร บ่าวยินดีไปจัดการแทนท่านเอง”
เซียวอวิ้นเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ สายมากแล้วจริงๆ ปล่อยให้มารดากับจางอี๋ไท่รอตนกินอาหารเป็นการกระทำที่อกตัญญู เซียวอวิ้นอดลังเลไม่ได้ หันกลับไปหมายจะบอกพวกจือซย่าว่าให้พวกนางไปเอาของก่อน แต่เห็นสายตาคาดหวังของพวกนางแล้ว พลันนึกขึ้นได้ว่าพี่สะใภ้รองบอกเขาว่าต้องพาสาวใช้สองคนกลับมาส่งให้ได้ เกรงว่าหากตนไม่ตามไปด้วย ของย่อมนำเข้าไปในอารามชิงซินไม่ได้แน่ คิดถึงอาหารกลางวันที่ไม่ต่างจากอาหารหมูนั่นแล้ว เรื่องนี้พูดได้ยากจริงๆ
คิดแล้วจึงพูดกับเป่าจู “พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ บอกมารดากับจางอี๋ไท่ว่าข้ายังมีธุระอีกเล็กน้อย ประเดี๋ยวค่อยตามไป” เซียวอวิ้นพูดจบก็ไม่รอทั้งสองตอบ ส่งสายตาให้พวกจือซย่าสามคนตามเขามา ไม่สนใจเสียงร้องเรียกดังลั่นของเป่าจูกับชิงเอ๋อร์ข้างหลัง เขาก้าวยาวๆ ไปที่รถม้า
ตอนเป่าจูมาที่นี่ก็เพราะนายหญิงใหญ่สั่งไว้ว่าห้ามคุณชายสามไปหาเหล่าไท่จวินเป็นอันขาด ครั้นเห็นว่าร้องเรียกคุณชายสามเอาไว้ไม่ได้แล้ว ไหนเลยจะกล้าไปรายงานนายหญิงใหญ่อีก ถึงอย่างไรคุณชายสามก็ไม่ได้ไปเรือนโซ่วสี่ มิสู้ตามเขาไปด้วย คิดเช่นนี้จึงเหลือบมองชิงเอ๋อร์แวบหนึ่ง ก้าวเท้าจะตามคุณชายสามไป
แต่กลับถูกชิงเอ๋อร์คว้าตัวไว้ “พี่เป่าจู คุณชายสามไปเรือนเซียวเซียงอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยาม พวกเรากลับไปรายงานนายหญิงใหญ่กับจางอี๋ไท่ก่อนเถอะ พวกนางจะได้ไม่ต้องรอนาน”
เห็นรถม้าแล่นไปไกลแล้ว เป่าจูสะบัดชิงเอ๋อร์ออก “หากกังวล เจ้าก็กลับไปก่อน!”
เป่าจูพูดพลางวิ่งตามรถม้าไป ชิงเอ๋อร์ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดฟันแล้วตามไป
เวลาเดียวกัน สาวใช้หลายคนยุ่งง่วนอยู่ในห้องโถงใหญ่เรือนหยั่งซิน เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับคุณชายสาม สาวใช้คนหนึ่งถือถาดเงินบรรจุกาน้ำชากับถ้วยชาเดินเข้ามา นางไม่ระวังสะดุดม้านั่งด้านข้างเข้า กระทั่งร่างกายเสียหลักจนเกือบล้มลง ถาดเงินในมือพลันลอยออกไป กาน้ำชากับถ้วยชาล้วนตกแตก
“นางบ่าวไม่มีตา อยากตายหรือไร!” จางอี๋ไท่เห็นแล้วร้องด่า สาวใช้ตกใจคุกเข่าลงกับพื้น แล้วโขกศีรษะอ้อนวอน คนอื่นๆ พากันหยุดงานในมือและมองมา
ดีร้ายที่นี่ก็เป็นเรือนของนายหญิงใหญ่ ถึงอย่างไรก็ควรสำรวมเอาไว้บ้าง เห็นจางอี๋ไท่บันดาลโทสะเช่นนี้ ซวงเอ๋อร์ก็ตกใจรีบก้าวเข้าไปประคองจางอี๋ไท่ “อี๋ไท่ไท่ วันนี้จัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณชายสาม เป็นวันดีวันหนึ่ง ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นเรือนกลาง ท่านระงับอารมณ์หน่อยเถอะเจ้าค่ะ อย่าถือสาหาความกับสาวใช้คนหนึ่งเลย”
จางอี๋ไท่ฟังคำพูดซวงเอ๋อร์แล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าที่นี่เป็นเรือนของนายหญิงใหญ่ นางหุบปากลงทันที
ซวงเอ๋อร์เห็นจางอี๋ไท่ไม่ด่าทอแล้ว รู้ว่านางรับฟังคำพูดของตนจึงหันไปพูดกับสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่ “ยังไม่รีบลุกขึ้นเก็บกวาดอีก ประเดี๋ยวคุณชายสามจะมาแล้ว!”
สาวใช้ผู้นั้นรีบลุกขึ้นมาเก็บกวาดอย่างอกสั่นขวัญแขวน สาวใช้ทั้งหลายยุ่งง่วนกันอีกครั้ง ซวงเอ๋อร์ประคองจางอี๋ไท่ไปนั่งบนเก้าอี้ด้านข้าง “อี๋ไท่ไท่คงเหนื่อยแล้ว นั่งดื่มน้ำชาพักผ่อนตรงนี้ก่อนเถอะเจ้าค่ะ คอยดูบ่าวทั้งหลายทำงานก็พอ” ซวงเอ๋อร์พูดจบก็หันไปเตรียมน้ำชาให้จางอี๋ไท่
จางอี๋ไท่ตั้งสติได้แล้ว รู้สึกตกใจกับความวู่วามเมื่อครู่นี้ของตน นางเป็นอะไรไป ไม่เคยไม่สบายใจเช่นนี้มาก่อน ยามนี้นางอยากหาอะไรมาระบายความไม่สบายใจอันหนักหน่วงในใจอย่างมาก
ตลอดสองปีที่สะใภ้รองแต่งเข้าคฤหาสน์มา นางปรุงอาหารที่เป็นยาในตัวด้วยมากมาย ถอนพิษให้แม่นางน้อยทั้งหลาย แม้แต่โรคปวดไหล่ของเหล่าไท่จวินที่เป็นมาหลายปีก็ยังถูกนางนวดไปนวดมาทุกวันจนหายดีได้ ทำเอาเหล่าไท่จวินเที่ยวชมนางให้คนฟังไปทั่ว พรสวรรค์ด้านการแพทย์ที่น่าตกใจเช่นนี้ ทำให้จางอี๋ไท่มั่นใจว่าสะใภ้รองเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไม่เปิดเผยตัวตน พิษของคุณชายรองเมื่อสองปีก่อน ย่อมได้สะใภ้รองนี่แหละที่เป็นคนแก้
นับแต่นั้นมาสะใภ้รองก็กลายเป็นเสี้ยนหนามในใจจางอี๋ไท่ สะใภ้รองไม่ตาย นางก็กินนอนไม่เป็นสุข แต่สะใภ้รองอยู่ในคฤหาสน์อย่างสุขุมเรียบง่าย แม้แต่นายหญิงใหญ่ยังทำอะไรไม่ได้ มือของนางยิ่งยื่นเข้าไปไม่ถึงเรือนปีกตะวันออก ปีก่อนพี่ชายนำยาพิษไร้สีไร้กลิ่นชนิดหนึ่งกลับมา บอกว่าเป็นยาที่ยอดฝีมือด้านการใช้พิษทางตอนใต้ปรุงขึ้นโดยเฉพาะ ให้นางหาโอกาสให้สะใภ้รองกิน
จางอี๋ไท่ใช้เวลาเกือบสองเดือน ในที่สุดจึงติดสินบนสาวใช้คนหนึ่งในห้องครัวเรือนเซียวเซียงได้ ให้อีกฝ่ายวางยาในน้ำแกงของสะใภ้รอง แต่ประหลาดนักสะใภ้รองผู้นี้หากมิใช่เพราะดวงแข็งก็คือพิษทั้งหลายทำร้ายนางไม่ได้ สาวใช้แอบดูอยู่และเห็นสะใภ้รองดื่มน้ำแกงทั้งชามจนหมด แต่นางกลับไม่เป็นอะไรเลย
ระหว่างที่จางอี๋ไท่กำลังอกสั่นขวัญแขวนที่สะใภ้รองไม่ตายเพราะพิษ สะใภ้รองก็ให้จือชิวนำหงซินเจียวกระถางหนึ่งมาให้นาง ฝากบอกนางว่าหงซินเจียวกระถางนี้เคยวางอยู่ในเรือนของหลี่อี๋เหนียงสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ หลี่อี๋เหนียงถูกเหล่าไท่จวินลงโทษจนตายเพราะปองร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลเซียว สะใภ้รองรู้สึกว่าหงซินเจียวนี้ไม่เป็นมงคลอย่างยิ่ง ด้วยคิดว่าตอนแรกจางอี๋ไท่เป็นคนมอบให้หลี่อี๋เหนียง ตอนนี้จึงนำมาคืนเจ้าของเดิม หากนางชอบก็เก็บรักษาไว้ อยู่ว่างๆ สามารถสูดดมกลิ่นหอมได้พอดี หงซินเจียวนี้มีอายุยืนยาว หากนางรังเกียจมิสู้นำไปมอบให้เหล่าไท่จวิน แล้วค่อยให้เหล่าไท่จวินส่งต่อให้คุณชายรอง อย่างไรคุณชายรองก็ชอบกลิ่นหอมแปลกประหลาดมาแต่กำเนิด สามารถนำหงซินเจียวมาทำเครื่องหอมได้พอดี
ยามเผชิญหน้ากับการข่มขู่อย่างเปิดเผยของสะใภ้รอง จางอี๋ไท่ก็อกสั่นขวัญผวา รู้ว่าสะใภ้รองจับจุดอ่อนของนางได้หมดแล้วจึงไม่กล้าลงมือส่งเดชอีก จำต้องเทิดทูนนางไว้ราวกับเป็นบรรพบุรุษคนหนึ่ง ด้วยเกรงว่าวันใดสะใภ้รองไม่พอใจขึ้นมาจะเปิดโปงเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้ระยะเวลาที่ผ่านมานี้ พวกนางจึงอยู่ร่วมกันอย่างสงบ
ทว่ารสชาติของการที่ชีวิตอยู่ในกำมือผู้อื่นไม่ดีนัก ด้วยรู้ว่าสะใภ้รองเป็นยอดฝีมือด้านยาพิษ จางอี๋ไท่จึงใส่ใจกับฐานะและภูมิหลังของนาง ลอบส่งคนไปสืบดูที่บ้านเดิมของสะใภ้รอง หมายลงมือกับบ้านเดิมของนาง ผู้มีความพยายามย่อมประสบความสำเร็จ ในที่สุดก็สืบพบฐานะลูกอนุของสะใภ้รองในที่สุด
ภายใต้การผลักดันของจางอี๋ไท่ ในที่สุดฐานะลูกอนุของสะใภ้รองก็ถูกเปิดเผย เดิมทีหารือกับพี่ชายแล้วว่ารอแค่ให้สะใภ้รองถูกหย่าและออกจากคฤหาสน์สกุลเซียวไป จางเจี๋ยจะหายอดฝีมือนอกคฤหาสน์จัดการนางเสีย ตัดปัญหานับแต่นี้ไป
คิดไม่ถึงว่าต้นไม้ที่ตั้งใจปลูกไม่ออกดอก กิ่งหลิวที่ปักส่งเดชให้ร่มเงา นอกจากสะใภ้รองจะไม่ถูกหย่าแล้ว นางยังนำโอกาสที่อวิ้นเอ๋อร์จะได้เป็นประมุขสกุลมาให้ด้วย หัวใจที่ถูกสะใภ้รองเคี่ยวกรำตลอดสองปีนี้จนตายไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง คืนนั้นนางตื่นเต้นเหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีต มอบความอบอุ่นให้นายท่านใหญ่ไม่สิ้นสุด หวังจะได้รับคำสัญญาจากนายท่านใหญ่ แต่นายท่านใหญ่กลับไม่พูดอะไรเลย
ท่าทีของนายท่านใหญ่ทำให้จางอี๋ไท่ตกใจ แต่นางยังไม่หมดหวัง เดิมทีหวังว่าคุณชายรองฟื้นขึ้นมาแล้วจะยืนกรานคำสาบานที่ว่าไม่เป็นประมุขสกุลแล้ว คิดไม่ถึงว่านายหญิงใหญ่จะข่มขู่เขาด้วยความตาย แค่ช่วงบ่ายก็บีบคุณชายรองให้เปลี่ยนความคิดและส่งสะใภ้รองไปอยู่อารามชิงซิน
การจัดการของนายหญิงใหญ่ในอารามชิงซินนั้นจางอี๋ไท่ล้วนรู้ดี นางเองก็ดิ้นรนว่าจะ ‘ปองร้าย’ หรือจะ ‘ช่วยเหลือ’ สะใภ้รองดีเช่นกัน หากสะใภ้รองตาย เรื่องหงซินเจียวย่อมถูกกลบฝังไปพร้อมกับสะใภ้รอง นับแต่นี้ไปนางสามารถใช้ชีวิตอย่างสบายใจได้ แต่อวิ้นเอ๋อร์ย่อมไม่มีวาสนากับตำแหน่งประมุขสกุลอีก ชีวิตที่เหลือของพวกนางแม่ลูกล้วนอยู่ในกำมือของนายหญิงใหญ่แม่ลูก ซึ่งนางไม่ยินยอม!
หากสะใภ้รองไม่ตาย ไม่แน่ความรักที่คุณชายรองมีต่อนางอาจเกิดขึ้นมาอีก ยากจะรับรองว่าคุณชายรองจะไม่สละตำแหน่งประมุขสกุลเพื่อนางอีกครั้ง ส่วนเรื่องหงซินเจียวนางเชื่อในคำสัญญาของสะใภ้รอง ขอเพียงตนสำรวม สะใภ้รองก็จะปล่อยให้นางใช้ชีวิตไปอย่างสงบ รอให้อวิ้นเอ๋อร์ได้เป็นประมุขสกุลแล้ว นางก็ยังมีโอกาสปิดปากสะใภ้รองได้อยู่ดี
ในที่สุดความปรารถนาอันไร้ขอบเขตก็เอาชนะความหวาดหวั่นในใจ จางอี๋ไท่ตัดสินใจว่าถ้ามีโอกาสจะต้องช่วยเหลือสะใภ้รอง ให้อีกฝ่ายได้มีชีวิตอยู่ต่อไป จะได้มายั่วยวนคุณชายรองให้เป็นฝ่ายสละตำแหน่งประมุขสกุลเสียเอง
ระหว่างขบคิดว่าจะเปิดเผยเรื่องที่นายหญิงใหญ่สั่งปิดอารามชิงซินให้เหล่าไท่จวินรู้อย่างไรดี นายหญิงใหญ่ก็ส่งคนมาตามนางไปที่เรือนกลาง บอกว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณชายสาม พอถึงเรือนกลางประจวบเหมาะบ่าวหญิงในอารามชิงซินมารายงานว่า คุณชายสามบุกเข้าไปในอารามชิงซิน นายหญิงใหญ่ฟังแล้วสั่งให้เป่าจูไปดักรอที่หน้าประตูอารามชิงซิน เชิญคุณชายสามมากินอาหาร นางจึงรีบส่งชิงเอ๋อร์ไปด้วย บอกชิงเอ๋อร์ว่าให้หาวิธีรั้งตัวเป่าจูเอาไว้ ปล่อยให้คุณชายสามไปส่งข่าวให้เหล่าไท่จวิน
คิดไม่ถึงว่าพอสองสาวใช้จากไป นายหญิงใหญ่จะเริ่มพูดจาแฝงนัย บอกให้นางเตือนคุณชายสามว่าอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของสะใภ้รอง ทั้งบอกนางด้วยความหวังดีว่าที่ตนทำเช่นนี้เพราะหวังดีกับคุณชายสาม บุตรชายของนางบุกเข้าไปในอารามชิงซินเดิมทีเป็นเรื่องผิดธรรมเนียมอยู่แล้ว ยังจะไปพบพี่สะใภ้ที่กำลังจะถูกหย่าอีก น้องสามีกับพี่สะใภ้พบกันเป็นการส่วนตัวเช่นนี้ ทั้งยังอยู่ในสถานที่เช่นนั้น หากเรื่องนี้แพร่ออกไปย่อมไม่น่าฟังเป็นแน่
คำพูดของนายหญิงใหญ่หมายความว่า หากคุณชายสามเชื่อฟัง ลูกเจ้าจะทำอย่างไรย่อมได้ทั้งนั้น แต่หากไม่เชื่อฟังอยากยุ่งเรื่องชาวบ้านนัก เช่นนั้นก็ขอโทษด้วย ข้าจะยัดเยียดข้อหาน้องสามีคบชู้กับพี่สะใภ้ให้ลูกชายเจ้าก่อนเลยแล้วกัน
ฟังคำของนายหญิงใหญ่แล้ว จางอี๋ไท่ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ในอารามชิงซินมีแต่คนของนายหญิงใหญ่ จะหาพยานเท็จสักคนย่อมเป็นเรื่องง่ายมาก ส่วนสาวใช้ข้างกายหลี่เมิ่งซีสองคน เกรงว่านายหญิงใหญ่คงไม่ปล่อยให้พวกนางมีชีวิตรอดไปพบเหล่าไท่จวินได้แน่ เพื่อตำแหน่งประมุขสกุลแล้ว สาวใช้ตายไปสองคนจะนับเป็นเรื่องใหญ่อะไร!
คิดถึงตรงนี้ แผ่นหลังของจางอี๋ไท่ก็เต็มไปด้วยเหงื่อ นางลอบเสียใจที่ส่งชิงเอ๋อร์ไปด้วย ตอนนี้คิดจะแก้ไขก็ไม่ทันแล้ว ครั้นเห็นว่าเลยเที่ยงมาแล้วยังไม่เห็นเงาของอวิ้นเอ๋อร์มาเสียที นางรู้สึกกระวนกระวายมากขึ้นทุกที กลัวว่าอวิ้นเอ๋อร์จะไปเรือนโซ่วสี่จริงๆ
ขณะเฝ้ารออย่างร้อนใจ สาวใช้ที่หน้าประตูก็มารายงานว่าคุณชายสามมาแล้ว
จางอี๋ไท่ลุกพรวดทันใด นางกลับถูกซวงเอ๋อร์ประคองไว้แล้วร้องเรียก “อี๋ไท่ไท่!”
จางอี๋ไท่ดึงสติกลับมาได้ นางสงบสติอารมณ์และสั่งว่ารีบเชิญ ก่อนจะให้ซวงเอ๋อร์ประคองไปยังห้องข้างทิศตะวันออก
นายหญิงใหญ่เอนกายอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดขาว เรื่องที่เซียวอันถูกเนรเทศและเรื่องที่เซียวจวิ้นจะไม่เป็นประมุขสกุลทรมานนางจนเรี่ยวแรงหายไปหมด หากไม่เพราะบ่าวหญิงที่อารามชิงซินมารายงานว่าเซียวอวิ้นบุกเข้าไปในอารามชิงซิน นางคงไม่มีอารมณ์มาจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้เซียวอวิ้นหรอก
ไม่รู้เป่าจูห้ามเซียวอวิ้นไม่ให้ไปที่เรือนโซ่วสี่และพาเขาตรงมาที่นี่ได้หรือไม่ นายหญิงใหญ่คิดอย่างเป็นกังวลและหนักใจ ครั้นเห็นว่าเลยเที่ยงไปแล้วเซียวอวิ้นยังไม่มา นางก็รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นทุกที สุดท้ายจึงตัดสินใจอย่างเฉียบขาดว่าเพื่อตำแหน่งประมุขสกุลของจวิ้นเอ๋อร์ หลี่เมิ่งซีต้องตายเท่านั้น หากเซียวอวิ้นเข้ามายุ่งเกี่ยวกับความวุ่นวายนี้จริง เช่นนั้นก็อย่าหาว่านางไร้ความปรานี ยัดเยียดความผิดฐานน้องสามีกับพี่สะใภ้คบชู้กัน ถือโอกาสนี้จัดการเซียวอวิ้นไปด้วยเลย ดูซิว่ายังจะมีใครแย่งตำแหน่งประมุขสกุลกับจวิ้นเอ๋อร์อีกหรือไม่
คิดเช่นนี้กำลังจะสั่งให้จื่อเยวี่ยไปอารามชิงซิน จางอี๋ไท่ก็ให้ซวงเอ๋อร์ประคองเดินเข้ามา คารวะแล้วเอ่ยว่า “นายหญิงใหญ่ คุณชายสามมาแล้ว อนุปรนนิบัติท่านออกไปกินอาหารนะเจ้าคะ”
ได้ยินว่าเซียวอวิ้นมาแล้ว นายหญิงใหญ่ลอบโล่งอก ก่อนจะผงกศีรษะรับคำ จื่อเยวี่ยเข้ามาประคองนางลุกขึ้น
จางอี๋ไท่ปรนนิบัตินายหญิงใหญ่สวมเสื้อผ้าพลางพูด “เหล่าไท่จวินบอกแล้ว ท่านร่างกายไม่แข็งแรง อย่าฝืนตนเองเลย คุณชายสามเป็นคนกันเอง หนีออกจากบ้านไปตั้งนานขนาดนั้น ทำให้ท่านกับนายท่านใหญ่ต้องกังวลใจ กลับมาครั้งนี้เดิมทีควรลงโทษถึงจะถูก ท่านยังฝืนตนเองจัดงานเลี้ยงต้อนรับเขาอีก ทำให้อนุ อนุ…” จางอี๋ไท่พูดแล้วตาแดง น้ำเสียงสะอื้นเล็กน้อย
นายหญิงใหญ่ถอนหายใจ “เจ้าอย่าเกรงใจเกินไปนักเลย ล้วนเป็นบุตรชายของข้าทั้งนั้น หน้ามือหลังมือล้วนเป็นเนื้อ ทำร้ายใครเข้าข้าล้วนเจ็บไปถึงในใจ จวิ้นเอ๋อร์ดื้อดึง ทำให้เหล่าไท่จวินและนายท่านใหญ่โมโห ในใจข้าเองก็เป็นทุกข์ กลางคืนนอนไม่หลับ ได้แต่กล้ำกลืนน้ำตาลงไปเท่านั้น อวิ้นเอ๋อร์ยังเล็กนัก ออกจากบ้านครั้งนี้ก็ลำบากมิใช่น้อย กลับมาก็ดีแล้วล่ะ เจ้าช่วยข้าตักเตือนเขาหน่อยเถอะ อย่าเอาอย่างจวิ้นเอ๋อร์ ถูกนางจิ้งจอกทำให้ลุ่มหลงจนทำตัวนอกลู่นอกทาง ไม่เพียงเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษไม่ได้ ยังเสียแรงที่ข้าทุ่มเทให้เขามาครึ่งชีวิตด้วย”
ฟังคำนายหญิงใหญ่แล้ว จางอี๋ไท่ที่ก้มหน้าจัดเสื้อผ้าให้นางดวงตาก็ฉายแววโกรธแค้น ก่อนที่จะสงบอารมณ์แล้วผงกศีรษะรับคำ “นายหญิงใหญ่พูดถูกเจ้าค่ะ อนุจะตักเตือนคุณชายสาม” จางอี๋ไท่พูดพลางช่วยจัดเสื้อผ้าให้ดี นางประคองนายหญิงใหญ่ออกจากห้องข้างทิศตะวันออกและเข้าไปในห้องโถงใหญ่ เซียวอวิ้นรออยู่ที่นั่นแล้ว
เห็นนายหญิงใหญ่เข้ามา เซียวอวิ้นรีบก้าวขึ้นมาคำนับ “คารวะมารดา มารดาไม่สบายยังฝืนตนเองเหน็ดเหนื่อยเพื่ออวิ้นเอ๋อร์เช่นนี้ หากมารดาเป็นอะไรไป อวิ้นเอ๋อร์ย่อมกลายเป็นคนอกตัญญู”
นายหญิงใหญ่เหลือบมองเซียวอวิ้น “อย่าเอาแต่พูดจาน่าฟังเลย เจ้าเองก็ไม่เด็กแล้ว ควรทำงานทำการเสียที กลับมาครั้งนี้หากสามารถอยู่ในคฤหาสน์อย่างสำรวมได้ เจ้าก็ช่วยนายท่านใหญ่ทำงานบ้าง ไม่ก่อความวุ่นวายก็นับว่าข้าเลี้ยงเจ้ามาอย่างไม่เสียเปล่าแล้ว หากเจ้าทำได้เช่นนั้นจริง ข้าป่วยอีกสองสามครั้งก็นับว่าคุ้มค่า อวิ้นเอ๋อร์ยังเล็กนัก อย่าได้เอาอย่างพี่รองของเจ้าเป็นอันขาด ทำให้ครอบครัวไม่สงบสุข ไม่รู้ข้าไปก่อกรรมทำเข็ญมาแต่ชาติปางไหน” นายหญิงใหญ่พูดพลางน้ำตาไหลริน
เซียวอวิ้นเห็นแล้วรีบเอ่ยว่า “มารดาสั่งสอนถูกต้อง อวิ้นเอ๋อร์อกตัญญูเสียแล้ว”
จื่อเยวี่ยกับจางอี๋ไท่ด้านข้างรีบปลอบประโลม นายหญิงใหญ่เห็นเป่าจูผงกศีรษะให้นางจึงหยุดน้ำตาแล้วพูด “อย่ามัวยืนอยู่เลย อวิ้นเอ๋อร์กลับมาเป็นเรื่องน่ายินดี เร็วเข้า อวิ้นเอ๋อร์มานั่งเถอะ!”
เห็นนายหญิงใหญ่ไม่ร้องไห้แล้ว ทุกคนต่างพรูลมหายใจ จางอี๋ไท่ก้าวออกไปคารวะคุณชายสาม จากนั้นช่วยกันกับจื่อเยวี่ยประคองนายหญิงใหญ่นั่งลง
เห็นเซียวอวิ้นนั่งลงแล้ว นายหญิงใหญ่จึงถาม “ได้ยินว่าตอนเช้าคุณชายสามไปอารามชิงซินมาหรือ”
“เรียนมารดา พี่รองมีเรื่องจะถามพี่สะใภ้รอง เกรงว่าหงจูจะพูดไม่รู้เรื่องจึงให้อวิ้นเอ๋อร์พาหงจูไปที่นั่นขอรับ”
นายหญิงใหญ่ฟังแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “อวิ้นเอ๋อร์เหลวไหลขึ้นทุกทีแล้ว อารามชิงซินใช่สถานที่ที่บุรุษควรไปอย่างนั้นหรือ อวิ้นเอ๋อร์เองก็มีอนุอยู่แล้ว ไปสถานที่เช่นนั้น ทั้งยังไปพบพี่สะใภ้ด้วย ถึงอย่างไรก็ไม่เหมาะ หากเรื่องนี้ลือออกไปผู้คนจะหาว่าบ้านเราไม่มีกฎธรรมเนียม ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงได้”
นายหญิงใหญ่ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็สั่งสอนทันที เซียวอวิ้นฟังแล้วรีบเอ่ยว่า “มารดาสั่งสอนถูกต้องแล้วขอรับ อวิ้นเอ๋อร์จะจดจำไว้”
เห็นเซียวอวิ้นยอมรับผิด น้ำเสียงของนายหญิงใหญ่จึงดีขึ้นเล็กน้อย นางถามต่อว่า “ในเมื่อไปเยี่ยมมาแล้ว พี่สะใภ้รองของเจ้าอยู่ในอารามชิงซินสบายดีหรือไม่ ขาดเหลืออะไรข้าจะสั่งให้คนนำไปให้”
“พี่สะใภ้รองอยู่ที่นั่นสบายดีมากขอรับ มารดาตั้งใจส่งคนไปปรนนิบัติพี่สะใภ้รองโดยเฉพาะ น่าเสียดายที่ความตั้งใจดีของมารดาถูกข้ารับใช้พวกนั้นเหยียบย่ำเสียแล้ว พวกนางเอาอาหารเย็นชืดให้พี่สะใภ้รองลับหลังท่าน โชคดีที่ตอนอาหารส่งมาอวิ้นเอ๋อร์พบเข้าพอดี หาไม่แล้วความห่วงใยของมารดาจะต้องถูกบ่าวไม่กี่คนทำลายไปแน่”
“อะไรนะ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ?! บ่าวทรยศพวกนี้ เห็นว่าสองวันนี้ข้าป่วยถึงได้กล้ารังแกเจ้านาย ใครก็ได้…”
เห็นนายหญิงใหญ่เสแสร้งเช่นนี้ เซียวอวิ้นลอบถอนใจและพูดปลอบโยน “มารดาอย่าโกรธเลย อวิ้นเอ๋อร์สั่งสอนแทนท่านไปแล้ว และให้พวกนางเตรียมอาหารให้พี่สะใภ้รองใหม่ ถึงอย่างไรก็แค่บ่าวไม่กี่คนเท่านั้น โมโหเพราะพวกนางไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ ครั้งนี้ก็ให้แล้วไปเถอะ อวิ้นเอ๋อร์คิดว่าพวกนางคงไม่กล้าอีกแล้ว”
“เดิมทีข้ากลัวว่าสะใภ้รองอยู่อย่างสูงศักดิ์จนชินแล้ว จู่ๆ ต้องไปอยู่ในอารามชิงซินจะไม่สะดวก ข้าจึงตั้งใจส่งคนไปปรนนิบัติ คิดไม่ถึงว่าบ่าวสุนัขพวกนี้จะเห็นว่าข้าป่วยอยู่ มิอาจจัดการเรื่องราวได้ ถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้ลับหลังข้า คนไม่รู้จะคิดว่าข้ารังแกสะใภ้รอง ถึงอย่างไรข้าก็ต้องมัดตัวคนไปขอขมาต่อหน้าเหล่าไท่จวิน ใครก็ได้…”
“ก็แค่บ่าวไม่กี่คน มารดาไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ คฤหาสน์จะวุ่นวายไปหมด คนไม่รู้จะคิดว่าบ้านของพวกเราเป็นอะไรไป อีกอย่างบ่าวไม่มีตาคนไหนจะกล้านำเรื่องเล็กเช่นนี้ไปรายงานเหล่าไท่จวิน ทำให้เหล่าไท่จวินกลุ้มใจขอรับ”
ฟังคำเซียวอวิ้นแล้ว นายหญิงใหญ่ลอบโล่งอก ในที่สุดก็วางใจได้เสียที นางพูดต่อว่า “อวิ้นเอ๋อร์พูดถูก หากจะอาละวาดด้วยเรื่องเล็กเท่านี้ ทำให้เหล่าไท่จวินต้องเป็นกังวลจริงๆ ย่อมไม่น่ามองแน่ ข้าจะจดบัญชีนี้เอาไว้ก่อน รอให้ข้าหายป่วยแล้วค่อยจัดการกับบ่าวไม่มีตาพวกนี้ เรื่องนี้ทำให้อวิ้นเอ๋อร์กังวลใจแล้ว”
นายหญิงใหญ่พูดจบ เห็นเซียวอวิ้นรับคำจึงสั่งว่า “ป่านนี้คุณชายสามคงหิวแล้ว เร็วเข้า ตั้งสำรับ!”
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
comments