หากนึกถึงอวัยวะที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่รักการอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือนิยาแนวใดก็ตามหลายคนน่าจะนึกถึงดวงตาเป็นอันดับแรก เพราะว่าเป็นอวัยวะที่เราใช้เป็นเครื่องมือในการมองหรืออ่านก่อนที่อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายจะส่งข้อมูลไปยังสมองเพื่อตีความต่อไป สำหรับดวงตาทุกคนรู้ว่ามีความสำคัญมากแค่ไหนหากลองคิดว่าต่อไปจะไม่สามารถมีโอกาสมองเห็นได้อีกคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากในการดำรงชีวิตเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ และด้วยความสำคัญของดวงตา วันนี้แจ่มใสจึงนำวิธีการดูแลและถนอมดวงตาให้อยู่กับเราไปนานๆ และทำให้ดวงตาของเราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่เกิดการเสื่อมก่อนวัยอันควรมาฝากทุกคนค่ะ
วิธีดูแลและถนอมดวงตา เพื่อที่เราจะได้มีดวงตาไว้อ่านนิยายที่เรารักมีดังนี้
1. หลีกเลี่ยงแสงที่มีอันตรายกับดวงตา
– “แสงแดด” ที่จ้าจนเกินไปโดยแสงแดดจะมีรังสีอัลตราไวโอเลต หรือ “รังสียูวี” ถ้าได้รับความเข้มสูง จะส่งผลให้กระจกตาอักเสบ น้ำตาไหล แพ้แสง ตาแดง ในระยะยาวจะเกิดต้อลม ต้อกระจก และส่งผลกระทบกับจอตาทำให้อาจเสื่อมได้
นอกจากนั้นยังทำอันตรายในส่วนต่างๆ ของดวงตา ดังนี้
“เปลือกตา” ทำให้เกิดริ้วรอย จุดหมองคล้ำ “เยื่อบุตา” การเสื่อมของเยื่อบุตาจะทำให้เกิดต้อลม เกิดการระคายเคืองต่อ “กระจกตา” ทำให้เกิดการอักเสบแบบเฉียบพลัน โดยมีอาการปวดตา และมีน้ำตาไหลมาก “เลนส์ตา” แสงแดดเข้มๆ จะทำให้เกิดต้อกระจกเร็วขึ้น “จอตา” ทำให้เกิดจอตาเสื่อมก่อนวัย
วิธีการดูแลและป้องกัน
หลีกเลี่ยงแสงแดดที่จ้าจนเกินไป โดยช่วงที่มีความเข้มของแสงแดดสูงที่สุดอยู่ระหว่างเวลา 11.00 น. – 15.00 น. หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรป้องกันด้วยการสวมหมวก สวมแว่นกันแดด หรือกางร่ม
– “แสงสีฟ้า” จากจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน หากได้รับต่อเนื่องเป็นเวลานานจะทำให้เกิดภาวะตาล้า ได้แก่ ปวดตา ตาแห้ง ตาพร่า น้ำตาไหล และมีผลกระทบทำให้เซลล์ในดวงตาตายส่งผลให้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมตามมา
วิธีการดูแลและป้องกัน
• ลดความสว่างหน้าจอทุกชนิดและปรับความสว่างให้พอดีไม่สว่างเกินไปหรือมืดจนเกินไป, ติดฟิล์มเพื่อลดแสง
• ถือสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกให้อยู่ในระยะที่เหมาะสมโดยห่างจากดวงตาประมาณ 16-18 นิ้ว
• ระยะคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากดวงตาประมาณ 25 นิ้ว
• ด้านหลังจอคอมพิวเตอร์ไม่ควรมีแสงสว่างมาก เพราะจะรบกวนการมองจอคอมพิวเตอร์
• พักสายตาทุก 20 นาที มองไกลออกไป 20 เมตร นาน 20 วินาที หรือหากสายตาเหนื่อยล้าอาจหลับตาสักครู่
2. การอ่านหนังสือ
ควรถือหนังสืออยู่ให้ห่างจากดวงตาประมาณ 1 ฟุต อ่านในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่นอนอ่านหนังสือ หรืออ่านหนังสือบนพาหนะที่กำลังเคลื่อนไหว
3. ป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดกับดวงตา
ขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นจึงควรป้องกันตัวเองและคนรอบข้างเพื่อความความปลอดภัย เช่น คาดเข็มขัดนิรภัยเวลาขับรถ เพราะในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ใบหน้าอาจกระแทกกับกระจกหน้ารถทำให้ตาบอดทั้งสองข้างได้, ใส่แว่นตาป้องกันเวลาทำงานที่อาจมีวัตถุแปลกปลอมกระเด็นเข้าตา เช่น การตอกตะปู การใช้รถตัดหญ้า ฯ, ในเด็กควรระวังการเล่นกับไก่หรือนกที่อาจจิกกระจกตาแตกได้ รวมทั้งการเล่นกับสุนัข อาจถูกสุนัขกัดบริเวณเปลือกตาและท่อน้ำตาขาดได้, ถ้ามีน้ำยาหรือสารเคมีเข้าตาให้รีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดใกล้ตัว (เช่น น้ำประปา) เพื่อลดปริมาณสารเคมีในตาจะช่วยลดความรุนแรงได้ดีขึ้น
ยังมีอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกมากมาย ดังนั้นเราควรคิดถึงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นและเตรียมการป้องกันไว้ก่อน
5. รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน
อาหารที่จำเป็นต่อการดูแลดวงตา โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ลูทีน ซิงค์ วิตามินซี วิตามินอี จะช่วยชะลอหรือลดการเกิดโรคทางสายตา เช่น โรคจอตาเสื่อม (Macular Degeneration) และโรคต้อกระจก (Cataracts) โดยสารอาหารเหล่านั้น ได้แก่
• ผักผลไม้ที่มีสีเหลืองหรือส้ม ซึ่งมีสารเบต้าแคโรทีน เช่น แครอท ส้ม ฟักทอง และมะละกอสุก เป็นต้น
ช่วยเรื่องการบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต้อกระจกและโรคจอตาเสื่อม ทั้งยังช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยการลดอนุมูลอิสระและกรองแสงสีน้ำฟ้าที่จะทำลายดวงตา
• ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บิวเบอร์รี แครนเบอร์รี บลูเบอร์รี
ช่วยบำรุงสายตา ขจัดสารพิษตกค้างบริเวณหลอดเลือดและระบบเลือด เสริมสร้างและฟื้นฟูคอลลาเจน
• วิตามินที่ช่วยดูแลดวงตา ได้แก่ วิตามินเอ ช่วยบำรุงจอประสาทตา สามารถผลิตน้ำตาที่ใช้หล่อลื่นภายในดวงตาให้ชุ่มชื้น, วิตามินบี 2 หรือไรโบฟลาวิน ช่วยควบคุมปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระ และเพิ่มสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ, วิตามินซี มีความสำคัญหลายอย่าง เช่น การสร้างคอลลาเจน ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมไปถึงอาจลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจก หรือโรคจอตาเสื่อม, วิตามินอี พบได้ในกระจกตาและเลนส์แก้วตาเช่นเดียวกับวิตามินซี ซึ่งอาจช่วยป้องกันโรคต้อกระจก โรคจอตาเสื่อม และช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ, เกลือแร่และแร่ธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อดวงตาและเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคทางดวงตา เช่น สังกะสี พบมากในชีส โยเกิร์ต เนื้อสัตว์สีแดง นอกจากนั้นควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
6. ไม่ควรใช้เครื่องสำอางเก่าหมดอายุ
เครื่องสำอางประเภทครีมหรือของเหลวมักเกิดแบคทีเรียขึ้นได้ง่ายเมื่อเก็บไว้เกินระยะเวลาที่กำหนดไว้หรือเก็บอย่างไม่ถูกต้อง เช่น เก็บไว้ในบริเวณที่โดนแสงแดด อุณหภูมิไม่เหมาะสม ฯ เมื่อนำเครื่องสำอางที่หมดอายุแล้วมาใช้อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ดวงตาได้ง่าย ดังนั้นจึงควรหมั่นดูวันหมดอายุ สภาพของเครื่องสำอางที่ใช้อยู่ในสภาพปกติดีหรือไม่ นอกจากนั้นควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้เครื่องสำอางนั้น ๆ อีกครั้งทั้งก่อนใช้ หลังใช้ ควรทำความสะอาดผิวหน้าให้เรียบร้อย
7. ไม่ควรขยี้ตา
การขยี้ตาอาจทำให้กระจกตาเป็นแผล หรือตาติดเชื้อจากมือสกปรก
8. รู้ปัจจัยเสี่ยงของตนเอง
นอกจากปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกับการดูแลดวงตาของเราแล้ว ยังมีปัจจัยภายในที่เกิดจากพันธุกรรมหรือตัวเอง เช่น โรคเกี่ยวกับตาของคนในครอบครัว ปัญหาสุขภาพของตัวเอง ดังนั้นหากรู้เกี่ยวกับร่างกายของตัวเองจะทำให้สามารถดูแลและป้องกันดวงตาได้ดียิ่งขึ้น
9. พบจักษุแพทย์
ควรพบจักษุแพทย์เพื่อรับการตรวจเมื่อมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับตา เช่น น้ำตาไหล ตาอักเสบ ตามัว ตาพร่า กระพริบตาถี่ มองตัวหนังสือไม่ชัดและปวดศีรษะ เป็นต้น
ทั้ง 9 ข้อที่แจ่มใสนำมาฝากนี้เป็นวิธีเบื้องต้นที่สามารถนำมาดูแลและถนอมดวงตาของเพื่อนๆ เพื่อให้ดวงตาอยู่กับเราและใช้งานได้เป็นอย่างดี มาดูแลและถนอมดวงตาของเรากันนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงมาจาก
https://bit.ly/2X7yJAn
https://bit.ly/2XAh7MB
https://bit.ly/2ZIqpc5
https://bit.ly/3gwHhsv
Comments
comments
No tags for this post.