X
    Categories: ทดลองอ่านนิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน!มากกว่ารัก

ทดลองอ่าน นิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน! บทนำ

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทนำ

 หลินหว่านฝันอีกแล้ว

เรื่องราวในความฝันเกี่ยวข้องกับจุดจบของหลี่หลิงหว่านตัวประกอบหญิงในนิยายเรื่อง ‘น้องสาวขุนนางทรราช’ ที่เธอเขียนจนเกือบจะจบอยู่แล้ว

ช่วงตงจื้อ

ยามที่หิมะตกหนัก ณ วัดร้างแห่งหนึ่งบริเวณชานเมืองหลวง หลี่หลิงหว่านถูกตัดลิ้น ถูกป้อนหญ้าไส้ขาด และกำลังเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้นอันเย็นเยียบด้วยความเจ็บปวด ที่ด้านข้างมีบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ เขาสวมเสื้อคลุมกำมะหยี่สีดำตัวใหญ่ดูสะอาดหมดจด ใบหน้าคมคายโดดเด่นแผ่กลิ่นอายสง่างามออกมา ทว่าดวงตาที่เขาใช้มองเธอกลับเยือกเย็นอำมหิตจนน่ากลัว

หลินหว่านหวีดร้องเสียงดังก่อนสะดุ้งตื่นขึ้นมา บนหน้าผากเต็มไปด้วยหยดเหงื่อเม็ดเล็กๆ

เดิมทีโจวซื่อ กำลังพูดเสียงเบาคอยกำชับบรรดาสาวใช้อยู่ที่ด้านนอกถึงเรื่องที่จะต้องระมัดระวังในช่วงหลายวันนี้ พอได้ยินเสียงหวีดร้องดังขึ้นมานางก็รีบเดินอ้อมฉากบังลมทอลายดอกอวี้หลัน ก้าวเร็วๆ มาจนถึงหน้าเตียง โน้มตัวลงพลางยื่นมือออกไปลูบศีรษะของหลินหว่านแล้วเอ่ยถามว่า “หว่านวาน เกิดอะไรขึ้นลูก”

หลินหว่านเงยหน้าขึ้นมองไปที่คนตรงหน้าอย่างเหม่อลอย

เธอข้ามมิติมาที่นี่ได้สองวันแล้ว และก็รู้ว่าหญิงสาวหน้าตางดงามผู้นี้ก็คือแม่แท้ๆ ของ ‘หลี่หลิงหว่าน’

ก็นะ…เธอจะไม่รู้จักอีกฝ่ายได้อย่างไร ในเมื่อโจวซื่อผู้นี้ก็เป็นเหมือนกับหลี่หลิงหว่าน ต่างเป็นตัวละครที่เธอเขียนขึ้นมาในนิยายเรื่อง ‘น้องสาวขุนนางทรราช’ ทั้งสิ้น

แล้วก็เป็นเพราะว่ารับรู้ความจริงในเรื่องนี้ หลินหว่านถึงได้อยากจะร้องไห้ขึ้นมา

ก่อนจะข้ามมิติมาเธอเป็นนักเขียนที่เซ็นสัญญากับบริษัทจิ้นเจียงเหวินเสวียเฉิง ที่ผ่านมาเธอแทบจะเป็นคนไร้ตัวตนคนหนึ่ง อยู่ๆ วันหนึ่งเธอกลับเกิดแรงบันดาลใจเขียนนิยายเรื่อง ‘น้องสาวขุนนางทรราช’ ขึ้นมา จากนั้นก็อัพโหลดไปบนหน้าเว็บไซต์ของจิ้นเจียงเหวินเสวียเฉิง คิดไม่ถึงว่าผลตอบรับจะเรียกได้ว่าดีเยี่ยม เธอดีใจมาก หลังจากนั้นก็ทุ่มเทลงตอนใหม่ไปทุกวัน กระทั่งเรื่องราวใกล้จะจบอยู่แล้ว ปรากฏว่าดันเกิดปัญหาที่ทำให้งานเขียนต้องหยุดชะงักไป เธอจำได้ว่าเมื่อคืนก่อนเธอยังอดหลับอดนอนเพื่อเค้นบทสุดท้ายของเรื่อง ‘น้องสาวขุนนางทรราช’ ออกมาทีละคำๆ อยู่เลย คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่หลับตาแล้วลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้ง เธอก็ข้ามมิติมาอยู่ในนิยายเรื่องนี้เสียแล้ว มิหนำซ้ำยังข้ามมิติมาเป็นหลี่หลิงหว่าน ตัวประกอบหญิงผู้มีนิสัยยโสโอหัง อีกทั้งจุดจบสุดท้ายยังน่าอเนจอนาถหาใครเปรียบผู้หนึ่ง

เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ต้องกระโดดลงไปในหลุมซึ่งตนเองเป็นคนขุดเช่นนี้ หลินหว่านจึงรู้สึกเศร้าโศกเป็นอย่างยิ่ง จากความตระหนกตกใจเมื่อแรกเริ่ม หลังจากนอนอยู่บนเตียงพร้อมอาการปวดศีรษะได้สองวันเธอก็เริ่มทำใจยอมรับมันอย่างไร้ทางเลือก

โจวซื่อยังคงลูบศีรษะเธออยู่ เมื่อเห็นบุตรสาวไม่พูดจา สีหน้านางจึงแฝงไปด้วยความกังวลอย่างอดไม่ได้ “หว่านวาน เจ้าเป็นอะไรไป อย่าทำให้แม่ตกใจเช่นนี้สิ”

หลินหว่านกำลังคิดถึงบุคลิกของตัวละครโจวซื่อในนิยาย…โจวซื่อเป็นบุตรสาวของหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง ด้วยอิงตามหลักการแต่งงานที่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบิดามารดาและวาจาของแม่สื่อ นางจึงได้แต่งให้กับหลี่ซิวป๋อ หลังแต่งงานได้ไม่ถึงครึ่งปีหลี่ซิวป๋อก็ต้องโยกย้ายไปอยู่ต่างเมือง เขาทิ้งโจวซื่อเอาไว้ที่บ้านเพียงลำพังเพื่อให้ดูแลแม่สามี ในยามที่หลี่ซิวป๋อจากไปแล้วโจวซื่อถึงได้รู้ตัวว่าตนเองตั้งครรภ์ ก่อนจะคลอดหลี่หลิงหว่านออกมา

โจวซื่อเป็นคนพูดไม่เก่ง ทั้งยังมีนิสัยอ่อนแอ เดิมทีเป็นเพราะเห็นแก่สกุลเดิมทางฝั่งโจวซื่อ ท่าทีที่หยางซื่อหรือฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหลี่ปฏิบัติต่อนางนั้นนับว่าไม่เลว แต่ภายหลังสกุลโจวตกอับจนมองไม่เห็นโอกาสจะฟื้นตัวกลับมาได้อีก ฮูหยินผู้เฒ่าจึงเปิดเผยสีหน้าที่แท้จริงออกมาจนหมด

เดิมทีเพียงเท่านี้ก็แล้วไปเถอะ แต่ฮูหยินผู้เฒ่ายังมักพูดจาให้ร้ายว่าโจวซื่อไม่ดีสารพัดอย่างต่อหน้าหลี่หลิงหว่าน ส่วนโจวซื่อนั้นยามที่อยู่สกุลเดิมบิดานางได้กล่าวว่าสตรีไร้ความสามารถจึงนับว่าดี เขาเลยไม่ได้ให้นางรู้หนังสือ ทว่าสกุลหลี่นี้เป็นสกุลของบัณฑิต บรรดาสะใภ้สกุลหลี่คนอื่นๆ ก็ล้วนแต่รู้หนังสือ ด้วยเหตุผลนี้หลี่หลิงหว่านจึงถูกญาติพี่น้องชายหญิงมองเป็นตัวตลกไม่น้อยเลย และเป็นเพราะสาเหตุหลายๆ อย่างนี้เองที่ทำให้ท้ายที่สุดหลี่หลิงหว่านก็ไม่สนิทสนมกับโจวซื่อไปด้วย

ทำให้ตัวเองอายุสั้นแท้ๆ หลินหว่านถอนหายใจอยู่ในใจเงียบๆ เพราะอะไรเธอถึงได้เขียนนิยายแบบนี้ออกมากันแน่นะ มิหนำซ้ำยังเอาแต่คิดว่าจุดจบของตัวประกอบหญิงจะต้องอนาถให้มากที่สุดถึงจะน่าสะใจ แม้แต่ตอนที่หลี่หลิงหว่านตายยังไม่ยอมปล่อยให้นางได้ตายดีๆ เลย

เมื่อเห็นโจวซื่อยังคงซักถามว่าเธอเป็นอะไรไป ทั้งในน้ำเสียงยังแฝงด้วยอาการสะอื้น หลินหว่านจึงตั้งสติก่อนเปิดปากตอบ “ข้าไม่เป็นอะไร ก็แค่ถูกความฝันทำให้ตกใจเท่านั้นเองเจ้าค่ะ”

“แน่หรือ” โจวซื่อขมวดคิ้ว มองไปที่บุตรสาวอย่างไม่เชื่อถือนัก

หลินหว่านผงกศีรษะ “จริงๆ เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าไม่ได้หลอกท่าน”

โจวซื่อได้ยินแล้วพลันชะงักงัน จากนั้นดวงตานางก็แดงเรื่อขึ้นมา “หว่านวาน” นางยกมือขึ้นปิดปาก หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงมาราวกับเม็ดไข่มุก “แม่…แม่ไม่ได้กำลังฝันไปใช่หรือไม่ เจ้าไม่ได้เรียกแม่ว่าแม่มานานแล้ว”

เป็นเพราะฮูหยินผู้เฒ่า ตลอดมาหลี่หลิงหว่านในนิยายจึงเกลียดที่ตนเองเกิดมาเป็นลูกของโจวซื่อ และยิ่งไม่มีวันเรียกนางว่าท่านแม่

หลินหว่านเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งถอนหายใจหนักๆ อยู่ในใจ เวรกรรมแท้ๆ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้เธอคงวางให้แม่เจ้าของร่างเดิมเป็นคนมีความสามารถรอบด้านไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้เจ้าของร่างเดิมจะได้ไม่ต้องมีจุดจบอันน่าอนาถและขมขื่นเช่นนั้น

กระนั้นฉากหน้าเธอก็ยังคงเอ่ยปลอบโจวซื่อ “ท่านแม่ไม่ต้องร้องแล้ว ท่านเป็นคนให้กำเนิดข้านะเจ้าคะ ท่านก็ย่อมเป็นท่านแม่ของข้าตลอดไป”

โจวซื่อได้ยินแล้วก็ผงกศีรษะไม่หยุด นางอยากยิ้มแต่หยาดน้ำตากลับหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย

หลินหว่านไร้ทางเลือกจึงหันหน้าไปเอ่ยกำชับกับสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างกายโจวซื่อ “ไฉ่เวย เจ้าประคองท่านแม่กลับไปพักผ่อนเถิด”

ฮูหยินผู้เฒ่าเคยเอ่ยปากนานแล้วว่าให้โจวซื่อมาหาหลี่หลิงหว่านได้นานๆ ครั้ง ‘นางไม่รู้หนังสือสักตัวเดียวก็แล้วไปเถอะ วันๆ ยังเอาแต่ขมวดคิ้ว มือกุมหน้าอก หลงคิดว่าตนเองเป็นซีซือ หรือไร อย่าทำให้หลานสาวข้าต้องเสียคนไปด้วยเชียว’ หากฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าวันนี้โจวซื่อลอบมาพบเธอที่นี่ เกรงว่าภายหลังจะต้องอธิบายกันยืดยาวเป็นแน่

ไฉ่เวยเป็นสาวใช้รุ่นใหญ่ข้างกายโจวซื่อ นางเป็นคนหนักแน่นมากคนหนึ่ง ด้วยเข้าใจเจตนาของหลินหว่านจึงยื่นมือออกมาประคองแขนโจวซื่อพร้อมเอ่ยเกลี้ยกล่อมเสียงเบา “นายหญิง คุณหนูเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา ร่างกายยังไม่ฟื้นตัวดี มิสู้ตอนนี้พวกเรากลับไปก่อน ให้คุณหนูได้พักผ่อนดีๆ ผ่านไปสักพักรอให้ร่างกายคุณหนูดีขึ้นมากแล้วพวกเราค่อยกลับมาอีกครั้งดีหรือไม่เจ้าคะ”

เดิมทีโจวซื่อยังไม่อยากจากไป ไม่ง่ายเลยกว่าที่นางจะหาโอกาสตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าออกไปข้างนอกแล้วลอบมาดูบุตรสาวได้เช่นนี้ ทั้งยังได้ยินบุตรสาวเรียกตนเองว่าแม่ และคำพูดที่ว่านางเป็นผู้ให้กำเนิด เช่นนั้นนางก็จะเป็นท่านแม่ของอีกฝ่ายตลอดไป ยามนี้นางคิดแต่จะกอดบุตรสาวตนเองแล้วร้องไห้ออกมาจริงๆ จังๆ สักหนเสียด้วยซ้ำ ยังจะให้นางคิดจากไปที่ใดอีก

แต่เมื่อเห็นเด็กน้อยบนเตียงมีสีหน้าอ่อนล้า ที่ศีรษะพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวหนาๆ นางครุ่นคิดแล้วสุดท้ายจึงเอ่ยว่า “หว่านวาน เช่นนั้นแม่จะกลับไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมเจ้าใหม่อีกครั้ง”

ทว่าพรุ่งนี้ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ในเรือน เกรงว่านางอยากจะมาที่นี่เพียงใดก็ยังไร้ซึ่งหนทางอยู่ดี

คิดมาถึงตรงนี้โจวซื่อก็รู้สึกว่าดวงตาร้อนผ่าวยิ่งนัก นางอยากร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้

หลินหว่านเห็นเช่นนั้นก็รีบเอ่ย “ท่านแม่วางใจเถิด รอผ่านไปสักพักหลังจากข้าหายดีแล้ว ข้าจะไปหาท่านด้วยตนเองเจ้าค่ะ”

โจวซื่อได้ยินแล้วถึงได้ยอมให้ไฉ่เวยประคองตนเองกลับไป ทว่าก่อนจากไปยังคงกำชับให้หลินหว่านนอนพักผ่อนให้มาก อย่าลืมเปลี่ยนยาให้ตรงเวลา และห้ามให้บาดแผลโดนน้ำเป็นอันขาด “ถ้ามีแผลเป็นขึ้นมา เช่นนั้นก็แย่แล้ว”

หลินหว่านผงกศีรษะตอบรับทุกๆ คำอย่างอดทน

รอจนโจวซื่อออกไปแล้วหลินหว่านก็สลัดผ้าห่มบนตัวทิ้งทันที เธอวางขาลงกับพื้นต้องการจะลุกขึ้นยืน

สาวใช้ที่เดิมทียืนอยู่ด้านข้างรีบร้อนเดินขึ้นหน้ามาประคองผู้เป็นนาย บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มประจบประแจง เอ่ยถาม “คุณหนูต้องการอะไรหรือ สั่งให้บ่าวไปทำให้ก็เหมือนกัน เหตุใดต้องลุกขึ้นมาด้วยเจ้าคะ”

หลินหว่านเหลือบมองนางคราหนึ่ง เสื้อกั๊กสีชมพูสดใสคู่กับกระโปรงยาวสีชมพู บนศีรษะปักปิ่นเงินลายดอกท้อ มีรูปโฉมน่ามอง นับได้ว่ามีความบริสุทธิ์งดงามอยู่หลายส่วน

ในใจหลินหว่านคาดเดาว่าสาวใช้ผู้นี้น่าจะเป็น ‘ฮว่าผิง’ ดังนั้นเธอจึงลองหยั่งเชิงด้วยการเรียกออกไป “ฮว่าผิง?”

ฮว่าผิงรีบรับคำ ทั้งยังถามขึ้นมาอีกครั้ง “คุณหนูจะสั่งอะไรหรือเจ้าคะ”

ในใจหลินหว่านกำลังคิดว่า เรื่องจะสั่งอะไรบ้างนั้นคงไม่กล้ามี แต่เรื่องที่หลังจากนี้จะไม่กล้าให้เจ้าอยู่ข้างกายข้าอีกต่อไปแล้วนั้นนับว่ามีอยู่

เหมือนดั่งคำพูดที่ว่า ‘เจ้านายเป็นอย่างไรบ่าวก็ย่อมเป็นเช่นนั้น’ ตามเนื้อหาในนิยายแต่เดิมแล้ว ฮว่าผิงสาวใช้ข้างกายหลี่หลิงหว่านผู้นี้ก็หาใช่ตัวละครที่ดีอะไร

ช่วงแรกร่วมมือกับหลี่หลิงหว่านทำเรื่องร้ายๆ ด้วยกัน แค่สร้างความลำบากต่างๆ นานาให้กับนางเอก ‘หลี่หลิงเยี่ยน’ ก็แล้วไปเถอะ ยังจะไปเหยียบย่ำทำร้าย ‘หลี่เหวยหยวน’ อนาคตขุนนางกังฉินผู้มากอำนาจ ทำให้ตอนสุดท้ายหลังจากที่หลี่หลิงหว่านพ่ายแพ้แล้ว ฮว่าผิงก็ละทิ้งผู้เป็นนายเพื่อปกป้องชีวิตตนเอง พยายามโยนความผิดทุกอย่างมาที่ตัวหลี่หลิงหว่านอย่างเต็มที่ หลงระเริงคิดว่าจะถอนตัวออกมาได้

แต่เห็นได้ชัดว่าฮว่าผิงประเมินความใจแคบของหลี่เหวยหยวนต่ำเกินไป สุดท้ายก็ยังถูกหลี่เหวยหยวนจับกรอกสารหนูชามหนึ่งลงไปตามเดิมอยู่ดี

หลินหว่านคิดมาถึงตรงนี้ก็ดึงแขนตนเองออกมาจากมือของฮว่าผิง

“อากาศเย็น ไปหยิบเสื้อคลุมกันลมมาคลุมให้ข้าที”

หลินหว่านสีหน้าเรียบเฉย แม้แต่น้ำเสียงก็เฉยชา ฮว่าผิงได้ยินแล้วในใจอดรู้สึกผิดแปลกขึ้นมาไม่ได้

แต่ใคร่ครวญอีกทีนางก็คิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากที่เมื่อครู่นายหญิงมาหา คุณหนูถึงได้รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมา นางจึงไม่เก็บมาใส่ใจ เพียงหันไปสั่งสาวใช้อีกคนที่ยืนอยู่ในห้อง “เสี่ยวซาน ไปหยิบเสื้อคลุมกันลมตัวหนึ่งมาให้คุณหนู”

เสี่ยวซานรับคำก่อนจะรีบร้อนหมุนตัวไปหยิบเสื้อคลุมขนนกสีแดงสดใสที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าแล้วเดินถือเข้ามา

ฮว่าผิงรับต่อมา นางกางเสื้อคลุมออกแล้ววางคลุมบนบ่าของหลินหว่านพลางเอ่ย “คุณหนูระวังเป็นหวัดนะเจ้าคะ”

หลินหว่านไม่ได้สนใจนาง เพียงแค่ยกสองมือกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น จากนั้นจึงเดินไปนั่งบนตั่งไม้ริมหน้าต่าง

ที่ผ่านมาล้วนเอาแต่นอนอยู่บนเตียงอย่างทึ่มทื่อ บริเวณท้ายทอยก็ปวดอย่างรุนแรง รู้สึกเหมือนว่าสิ่งที่อยู่ภายในศีรษะจะออกมากองข้างนอกอย่างไรอย่างนั้น

ในนิยายเธอได้ใส่รายละเอียดลงไปดังนี้…มีอยู่ครั้งหนึ่งหลี่หลิงหว่านได้ย้อนระลึกกลับไปในตอนที่นางอายุแปดขวบ นางเห็นหลี่เหวยหยวนเดินออกมาจากสถานที่ต้องห้ามของจวนสกุลหลี่ นางจึงพุ่งขึ้นหน้าไปขวางทาง ตามซักไซ้ว่าเขาเข้าไปทำอะไรในนั้น ทั้งยังข่มขู่ว่าจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องฮูหยินผู้เฒ่า ยามนั้นหลี่เหวยหยวนไม่พูดอะไรสักคำก็ยื่นมือออกมาผลักนางอย่างแรงในทันที

ตอนนั้นหลี่เหวยหยวนเห็นที่ด้านหลังหลี่หลิงหว่านมีก้อนหินอยู่ก้อนหนึ่ง ในจังหวะที่ผลักนางก็มีเจตนาจะสังหารนางอยู่แล้ว ทว่าในนิยายแม้ท้ายทอยของหลี่หลิงหว่านจะกระแทกเข้ากับก้อนหินอย่างรุนแรง แต่นางก็ไม่ตาย มิหนำซ้ำด้วยสาเหตุนี้ในภายหลังนางถึงได้ยิ่งเกลียดหลี่เหวยหยวน และท้ายที่สุดเพราะความเกลียดชังนี้จึงได้ชักนำอันตรายมาถึงแก่ชีวิต คาดไม่ถึงสักนิดว่าตอนนี้เจ้าของร่างเดิมได้ตายไปเลยทั้งอย่างนี้ กลับกลายเป็นเธอที่ข้ามมิติมาแทน

เพียงแต่…หลินหว่านยกมือขึ้นลูบท้ายทอยที่มีผ้าพันแผลพันเอาไว้อย่างแน่นหนา กำลังคิดอย่างโง่งมว่าทั้งๆ ที่ในนิยายเธอเริ่มเขียนตอนที่หลี่หลิงหว่านอายุสิบสี่แท้ๆ แต่เหตุใดเธอกลับข้ามมิติมาตอนที่หลี่หลิงหว่านอายุได้แปดขวบ ตั้งแต่หลี่หลิงหว่านอายุแปดขวบจนถึงสิบสามปี ช่วงเวลาตลอดห้าปีนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างนั้นเธอไม่ได้เขียนลงในนิยายแม้แต่ตัวอักษรเดียว

เพราะฉะนั้นในช่วงห้าปีนี้เธอควรจะทำอย่างไรดี บ้าจริง ทั้งหมดล้วนเป็นสถานการณ์ที่เธอไม่รู้อะไรเลย!

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 2 มิ.ย. 62

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

Jamsai Editor: