สำหรับ 'รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่' โดย เมิ่งซีสือ นิยายวายแปลจีนที่กระแสดีไม่มีตก ด้วยเนื้อเรื่องแนวสืบสวนสอบสวน ในแต่ละเล่มจะมีคดีความต่างๆ ทั้งเล็กและใหญ่ ให้ผู้อ่านได้ลุ้นและเอาใจช่วยสองคู่หูเพื่อนสนิทอย่าง ‘ถังฟั่น’ และ ‘สุยโจว’ ในการคลี่คลายคดีต่างๆ อยู่เสมอ
นอกจากจะได้ลุ้นว่าใครที่เป็นผู้ร้ายตัวจริงในคดีความต่างๆ แล้วนั้น ในด้านความสัมพันธ์ของทั้งคู่เองก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้คนอ่านลุ้นเอาใจช่วยไม่แพ้กัน
ด้วยเนื้อเรื่องที่เน้นการสืบสวนสอบสวนคดี ดังนั้น ความรัก ความสัมพันธ์ของตัวละครอย่าง ‘ถังฟั่น’ และ ‘สุยโจว’ จึงเป็นแบบค่อยเป็นไป ความรู้สึกที่ดีต่อกันของตัวละครจะแทรกซึมอยู่ในเหตุการณ์ต่างๆ อย่างละมุนละไม ความหวานจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกเล่มอย่างลงตัว ซึ่งตอนนี้ 'รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่' ได้ออกมาถึงเล่มที่ 4 แล้ว เราลองมาทบทวนดูความสัมพันธ์ที่พัฒนาจากเล่มแรก จนถึงเล่มปัจจุบันของทั้งคู่กันหน่อยดีกว่า มาส่องกันดูว่าจะน่ารัก น่าจิ้นเพิ่มขึ้นขนาดไหน
โมเมนต์เมื่อเพื่อนตกที่นั่งลำบากจึงชวนไปอยู่ด้วยกันในเล่มแรก
"เจ้ากับสกุลหลี่มีปัญหากันเช่นนี้ เรื่องที่อยู่จะทำอย่างไร" สุยโจวถาม
ถังฟั่นไม่ได้เล่าเรื่องที่ตนกำลังหาบ้านพักไปทั่วสารทิศ สุยโจวกลับสังเกตถึงเรื่องนี้แล้ว เห็นชัดถึงนิสัยละเอียดรอบคอบของเขา
"เมืองหลวงกว้างใหญ่ บ้านเรือนมีมาก คิดว่าน่าจะหาได้" ถังฟั่นตอบ
สุยโจวนิ่งเงียบครู่หนึ่ง "หากเจ้าสมัครใจ ก็ย้ายไปอยู่กับข้าได้"
ถังฟั่นชะงัก "นี่...ไม่เหมาะกระมัง ฮูหยินท่านจะไม่ขุ่นใจเอาหรือ"
สุยโจวตอบเสียงเย็น "ข้ายังไม่ได้แต่งงาน"
"เช่นนั้นก็น่าจะมีอนุใช่หรือไม่..."
สุยโจวไม่สบอารมณ์ "ไม่มีทั้งอนุ และอนุรับใช้วุ่นวายอะไรนั่นด้วย" ไม่รอให้ถังฟั่นซักอะไรอีก เขาชิงกล่าว "ท่านพ่อท่านแม่อยู่กับพี่ชาย ข้าแยกออกมาอยู่คนเดียว ไม่ต้องห่วง"
อีกฝ่ายกล่าวถึงเพียงนี้ เชื้อเชิญด้วยความจริงใจ หากถังฟั่นปฏิเสธอีกก็ไม่เหมาะสมแล้ว เขาประสานมือพร้อมโค้งร่างคำนับ กล่าวอย่างจริงใจกลับไป "เช่นนั้นก็ขอรบกวนท่านชั่วคราวแล้ว!"
แม้สุยโจวจะเย็นชา แต่กลับสมาคมด้วยไม่ยาก ทั้งสองเองก็เข้ากันได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือคนเขาไม่เพียงทำอาหารเป็น แต่ฝีมือยังดีกว่าตนเป็นร้อยเท่า
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว อันที่จริงใต้เท้าถังก็ตื่นเต้นดีใจอยู่เหมือนกัน
ในที่สุดมุมปากของสุยโจวก็ยกขึ้นเล็กน้อย
"เราสนิทคุ้นเคยกัน ไยต้องเกรงใจ"
โมเมนต์รู้ความจริงว่าสุยโจวรอกินข้าวพร้อมกันในเล่มที่สอง
สุยโจวตัดบทคร่ำครวญของนางด้วยการถามถังฟั่น “เจ้ายังไม่ได้กินอาหารเย็นใช่หรือไม่”
ถังฟั่นแสร้างกระแอมทีหนึ่ง มิได้ตอบคำถาม
สุยโจวก็มิได้เอ่ยคำใดๆ ลุกออกไปข้างนอกทันที
พอเขาออกจากห้อง ถังฟั่นก็ดึงอาตงเข้ามา “ใครล่วงเกินเขากันเนี่ย ดูอย่างไรก็เหมือนมีคนติดหนี้เขาแปดร้อยก้วน”
อาตงเบ้ปาก “จะใครเสียอีก ก็ท่านอย่างไรเล่า!”
ถังฟั่นกลอกตาใส่นาง “อย่ามาหลอกข้า เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย!”
“จะไม่เกี่ยวกับท่านได้อย่างไร เดิมพวกเราทำอาหารกันเสร็จแล้ว รอแล้วรอเล่าท่านก็ไม่กลับมา พี่ใหญ่สุยก็เลยให้พี่หญิงโจวกับข้ากินกันก่อน ตัวเขามิได้จับตะเกียบด้วยซ้ำ! ท่านลองว่ามา เขายังไม่ได้กินข้าว สีหน้าจะดีได้หรือ”
ถังฟั่นนิ่งอึ้ง “เขาก็ไม่ได้กินหรือ”
ก่อนหน้านี้เขาเห็นกับตาว่าพวกสุยโจวนั่งลงแล้ว กำลังจะเตรียมกินข้าวแล้วแท้ๆ
อาตงยิ้มแป้น “ใช่ พี่ใหญ่สุยช่างมีคุณธรรมน้ำมิตร เพื่อรอท่านกลับมาก็เอาแต่นั่งมองอาหารเต็มโต๊ะเฉยๆ ไม่แตะเลยสักนิด!...”
โมเมนต์เปลี่ยนผ้าพันแผลและหยอกล้อกันแบบเพื่อนสนิทในเล่มที่สาม
เมื่อบาดเจ็บก็ต้องทายา เริ่มแรกถังฟั่นยังกลัวเสียหน้าเลยไม่กล้าเอ่ยปาก จนกระทั่งสุยโจวบังคับจับเขานอนทายา
ตอนนี้การเปลี่ยนยาทุกคืนจึงกลายเป็นเรื่องที่ใต้เท้าถังไม่เต็มใจที่สุดไปแล้ว
หากเลือกได้เขาย่อมเต็มใจไปทักทายเทพแม่น้ำที่ริมแม่น้ำลั่วเหอดีกว่านอนหงายอยู่บนเตียงในสภาพขาทั้งสองข้างแยกจากกัน ถอดกางเกง เลิกเสื้อขึ้นให้สุยโจวเปลี่ยนผ้าพันแผลผืนใหม่ตรงบาดแผลของเขาเช่นนี้
แม้พวกเขาต่างก็เป็นบุรุษเพศ ส่วนที่ควรมีก็มีเหมือนกัน ส่วนที่ไม่ควรมีก็ไม่มีเหมือนกัน ทว่าถังฟั่นก็ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจ สายตาจดจ้องคานเหนือศีรษะ แสร้งทำเหม่อลอยกลบเกลื่อนความอายของตนเอง
สุยโจวคล้ายจะอ่านความคิดของอีกฝ่ายได้ เขานึกขำในใจ แต่สีหน้ายังคงปราศจากอารมณ์ เพียงแค่พันแผลทีละชั้นจากนั้นก็ทำเป็นชำเลืองมองหว่างขาของอีกฝ่ายโดยไม่ตั้งใจแวบหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “รูปทรงไม่เลว”
อย่าเห็นว่าถังฟั่นแกล้งตายเช่นนั้น อันที่จริงสติของเขายังอยู่ครบถ้วน ครั้นวาจาของอีกฝ่ายดังเข้าโสตประสาท เขาก็หน้าแดงก่ำทันที กล่าวอย่างขุ่นเคือง “บังอาจนัก กล้าวิจารณ์ผู้แทนราชสำนักเชียวรึ ไม่รักชีวิตแล้วหรือไร”
สุยโจวตอบอืมคำหนึ่ง “ข้าเองก็เป็นผู้แทนราชสำนัก”
ถังฟั่นสำทับ “ท่านเป็นรอง ข้าเป็นหลัก มิต้องพูดมาก ท่านเองก็ถอดให้ข้าดูเสียหน่อย!”
สุยโจวถาม “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะดู”
ถังฟั่นยืนยัน “แน่นอน!”
เดิมทีเขานึกว่าสุยโจวจะหาข้ออ้างไม่ยอม ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายกลับไม่พูดพร่ำทำเพลง ลุกขึ้นช้าๆ พลางเลื่อนมือไปจะปลดสายผูกเอว
ถังฟั่นรีบกล่าว “ช่างเถอะๆ ข้ารู้ว่าท่านเล็กกว่าข้า ประเดี๋ยวกระทบกระเทือนศักดิ์ศรีเข้าจะแย่เอา บุรุษล้วนต้องรักษาหน้าตา ข้าจะยอมท่านสักครั้ง”
สุยโจวกล่าว “ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือ”
“…”
โมเมนต์แอบบอกสรรพคุณความดีของตัวเองให้อีกฝ่ายรู้อย่างเนียนๆ ในเล่มที่สี่
“ก่วงชวนเอ๋ยก่วงชวน ท่านเป็นบุปผาพูดได้* ของข้าจริงๆ เสียดายที่ท่านมิใช่สตรี ไม่เช่นนั้นข้าคงแต่งท่านเป็นภรรยาแล้ว!”
สุยโจวสีหน้าเอื่อยเฉื่อยขณะกล่าว “บ่าวได้เตรียมสินเดิมไว้พร้อมแล้ว เมื่อใดใต้เท้าจะแต่งบ่าวเข้าประตู”
คนมิได้ทำท่าออดอ้อนออเซาะเยี่ยงสตรี ยังคงนั่งสง่าผ่าเผยอยู่ข้างโต๊ะ ใช้น้ำเสียงทุ้มห้าวเปล่งคำพูดที่เดิมทีสมควรชวนให้ผู้อื่นขนลุกจนร่วงกราว
ถังฟั่นอดหัวร่อฮาๆ มิได้ “เมื่อใดที่เจ้าปรนนิบัติใต้เท้าท่านนี้ให้เบาสบายทั้งกายใจได้ ใต้เท้าท่านนี้จะพิจารณารับเจ้าเป็นอนุคนแรกเลยทีเดียว!”
สุยโจวเลิกคิ้ว “ไยมิใช่ภรรยาเอก”
ถังฟั่นยักคิ้วหลิ่วตาให้เขา “แต่งอนุหลายคนก่อน คนไหนปรนนิบัติดีที่สุด คนนั้นได้เป็นภรรยาเอก!”
สุยโจวย้อนถาม “มีใครเหมือนข้าอีกหรือ ทั้งหุงหาอาหารให้เจ้ากิน ร่วมเป็นร่วมตายกับเจ้า ปกป้องคุ้มกันเจ้าซ้ายขวา ดังคำว่าเข้าครัวได้ อุ่นเตียงได้ รับราชการได้ ทนลำบากได้ นอกจากข้ายังมีใคร”
ใต้เท้าถังโดนถามจนอึ้งแล้ว
เขาลูบคาง ตกอยู่ในภวังค์ความคิดเพราะถ้อยคำเหล่านี้
ดูเหมือน...ไม่มีจริงๆ
สุยโจวมองสีหน้าหมกมุ่นครุ่นคิดของอีกฝ่ายเงียบๆ หยิบกาน้ำชาขึ้นมารินดื่มอย่างสบายใจ
ก่อนนี้เขาออกล่าสัตว์บ่อยๆ ย่อมทราบว่าการรับมือเหยื่อมีสองวิธี วิธีแรกคือใช้ความเร็วชนิดที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว รวบมันไว้ในคราวเดียว อีกวิธีคือหาทางเข้าใกล้เหยื่อ ทอนความระแวดระวังของมัน จากนั้นให้มันคุ้นอย่างช้าๆ แล้วสุดท้ายก็จู่โจมจับเข้าตาข่าย
จากโมเมนต์บางส่วนที่หยิบยกมาให้ดูนั้น จะเห็นได้ว่าทั้งคู่มีความสนิทสนมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราจะได้เห็นถึงความผูกพันธ์ การเอาใจใส่ ดูแลซึ่งกันและกันของทั้งคู่ แทรกอยู่ในเรื่องราวของแต่ละเล่มอย่างละมุนละไม ใครที่ได้อ่านหัวใจย่อมเกิดสั่นไหว อ่านไปอมยิ้มไปกันแบบไม่รู้ตัว สมกับที่นักอ่านชาวจีนวิจารณ์ว่าเป็นเรื่องที่โรแมนติกที่สุดในหมวดสืบสวนจีนโบราณ ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องนี้จะโรแมนติก หวานละมุนขนาดไหน ต้องตามไปพิสูจน์ด้วยตัวเองกันต่อได้แล้ววันนี้ใน 'รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่' ทั้ง 4 เล่ม และรอติดตามเล่มที่ 5 ได้ในช่วงปลายเดือนนี้แน่นอน!
Comments
comments
No tags for this post.