แม้ว่า Everything, Everything จะไม่ได้เข้าฉายในไทย แต่เราก็ขอหยิบเอากระแสของหนังเรื่องนี้ที่สร้างจากนิยายแนว Young Adult มานำเสนอกันหน่อยดีกว่า ซึ่ง Devan Coggan นักวิจารณ์หนังจากเว็บไซต์ Entertainment Weekly ก็ได้วิจารณ์เอาไว้ในแง่บวกเลยทีเดียว
เครดิตรูป kissottawa.com/contests/win-passes-advance-screening-everything-everything/
ถ้าคุณตีตั๋วเข้าไปชมหนังรักวัยรุ่นแนว Young Adult สักเรื่อง คุณต้องเดาทางได้แน่ๆ ว่าพล็อตเรื่องคงไม่พ้นประมาณว่า ชายหนุ่มพบกับหญิงสาว และตกหลุมรักกัน แต่ปลายทางอาจจะไม่แฮปปี้ เพราะมีตัวละครใดตัวละครหนึ่งป่วยเป็นโรคร้าย, ไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน, พ่อแม่เข้มงวด, รัฐบาลเผด็จการ, ครอบครัวสองบ้านไม่ถูกกันมานานนม หรือความต่างกันของฐานะทางสังคม เป็นต้น ซึ่งมองตามเนื้อผ้าแล้ว ดูเหมือนว่า Everything, Everything จะมีพล็อตที่แตกต่างออกไปจากหลายพล็อตเรื่องที่กล่าวมา
ตัวอย่างภาพยนตร์ Everything, Everything
หลายคนอาจจะมองว่า Everything, Everything เป็นหนังรัก แต่แท้จริงแล้ว นี่คือหนังที่บอกเล่าเรื่องราวในช่วงการก้าวผ่านชีวิตวัยรุ่นของสาวน้อย Maddy Whittier (รับบทโดย Amandla Stenberg) เธอเป็นคนฉลาด ร่าเริง และหน้าตาดี แต่ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยได้ออกจากบ้านเลย นั่นก็เพราะว่าเธอเป็นโรคประหลาดที่เหมือนจะเป็นภูมิแพ้กับทุกสิ่งทุกอย่าง โดยบ้านที่เธออยู่จะมีระบบป้องกันอากาศจากภายนอกเอาไว้อย่างดี สองคนที่เข้าหาเธอได้จึงมีแค่แม่และพยาบาลประจำตัวเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งที่มีเพื่อนบ้านย้ายมาอยู่ใหม่ เขาคือ Olly (Nick Robinson) หนุ่มน้อยวัยใสรายหนึ่ง ชีวิตของเธอก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไป
สำหรับนักแสดงนำฝ่ายหญิง เธอเคยรับบท Rue สาวน้อยผู้กล้าในหนัง Hunger Games ภาคแรก ซึ่งใน Everything, Everything ถือเป็นการรับบทนางเอกเต็มตัวครั้งแรก ก็ฉายแววแจ้งเกิดเลยนะเออ โดยเฉพาะโมเม้นต์ที่พระนางสื่อสารกันผ่านทางกระจกหน้าต่าง เธอเล่นได้น่ารักมาก เพราะเราจะได้เห็นฟีลลิ่งของเด็กสาวตอนเขินอายในยามที่หวั่นไหวกับชายหนุ่ม ขณะที่คาแร็กเตอร์ของฝ่ายชายก็มีความเป็นโรมิโอในยุคปัจจุบันอยู่พอสมควร แน่นอนว่าเคมีระหว่างพระเอกนางเอกนั้นถือว่าเข้ากันดีเลยล่ะ เพราะสามารถทำให้เราเชื่อว่าทั้งสองกำลังมีความรักครั้งแรกกันอยู่จริงๆ ซึ่งก็ทำเอาคนดูเขินตามไปด้วย
สิ่งสำคัญที่ทำให้ Everything, Everything แตกต่างจากหนังที่สร้างจากนิยายรักวัยรุ่นทั่วๆ ไป ก็คือการที่ ผกก. เลือกนำเสนอมุมมองของนางเอกด้วยภาพที่สดใสและมุมกล้องแปลกใหม่ หนังทำให้เรารู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกที่เธอจินตนาการไว้ ร่วมทั้งสัมผัสได้ถึงบทสนทนาที่ลึกซึ้งระหว่างพระเอกนางเอก แม้บางสิ่งที่นางเอกไม่เคยเห็น แต่เธอก็สามารถจินตนาการออกมาได้ในรูปแบบที่เธอคิดไว้อย่างสวยงาม นั่นจึงทำให้หนังมีลูกเล่นที่ดูพิเศษมากขึ้น
สำหรับในเวอร์ชั่นนิยาย จะเจาะลึกให้เห็นว่าในแต่ละวันเธอใช้ชีวิตอยู่กับโรคที่เป็นอยู่ได้อย่างไร ขณะที่ในหนังจะเพิ่มเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอและพระเอกมากขึ้น แต่ก็ยังมีจุดหละหลวมที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่พอมาอยู่ในพล็อตหนังรักแล้ว เราก็สามารถให้อภัยจุดเหล่านั้นได้ เพราะตัวละครหลักทั้งสองน่ะถือว่ามีเสน่ห์มาก จนเราไม่อยากให้พลาดติดตามเรื่องของพวกเขาเลย
ขนาดเวอร์ชั่นหนังยังได้รับคำชมแบบเต็มๆ ขนาดนี้ อยากให้ลองอ่านเวอร์ชั่นนิยายกัน เพราะจะเล่าส่วนขยายที่ในหนังไม่ได้บอกเอาไว้อีกเพียบ แน่นอนว่าลึกซึ้งมากกว่าเดิม เพิ่มเติมคือต้องได้รับความประทับใจและโดนใจชัวร์ๆ ถ้าอยากรู้ว่าบทสรุปของความรักระหว่างหนุ่มข้างบ้านกับเด็กสาวที่ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนเลยจะลงเอยเช่นไร ก็ต้องลองไปหาอ่านเวอร์ชั่นนิยายกัน สามารถหาซื้อ Everything, Everything ฉบับแปลได้แล้ววันนี้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
และถ้าใครอยากลองอ่านนิยายแนว Young Adult แบบดีๆ อีกเรื่อง ขอแนะนำ Tell Me Three Things อีกเรื่องเลย ซึ่งตอนนี้ออกฉบับแปลมาแล้ว ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน รับรองนอกจากจะได้ฟินกับประเด็นเรื่องความรักแล้ว ยังจะได้แง่คิดดีๆ อีกด้วยนะเออ
Comments
comments