บทที่ 15 การแก้แค้น
เมื่อคืนนี้กว่าเพลงพิณจะได้นอนก็ดึกมาก ความโมโห ขัดเคืองใจที่คุกรุ่นอยู่ตลอดวันทำให้ฝืนตาหลับไม่ลง…นายคอนสแตนตินชั่วร้ายนั่นหลังจากทายาให้เธอเสร็จแล้ว เขาก็สั่งห้ามไม่ให้เธอออกจากห้อง อนุญาตแค่เพียงให้อันน่าอยู่เป็นเพื่อนและคอยนำของว่าง อาหารเย็นมาให้ คนเคยมีกิจกรรมทำตลอดเวลาไม่มีหยุดนิ่งรู้สึกอัดอั้นใจแทบตาย พยายามหาห้องลับ ช่องลับอะไรต่างๆ ที่จะสามารถทะลุไปที่อื่นได้ แต่ก็ไม่มีวี่แววเลย ยิ่งเวลาผ่านไปเพลงพิณยิ่งคลั่ง พอรู้ว่าไม่มีทางหนีแล้วจริงๆ ก็นั่งแช่งชักหักกระดูกคนที่นั่งทำงานอยู่ในห้องนอนติดกันเป็นชุดๆ จนอันน่าหน้าซีดแล้วซีดอีกด้วยความหวาดหวั่น กลัวว่าท่านเจ้าของปราสาทจะได้ยินแล้วนายสาวที่สะบักสะบอมพอแล้วจะต้องเดือดร้อนอีก…แต่นายของเธอก็จริงๆ เลย หากบ่นเป็นภาษาไทยก็คงไม่มีคนเข้าใจ แต่นี่ดันตะเบ็งๆ เป็นภาษาอังกฤษ…จงใจท้าทายชัดๆ
เพลงพิณต้องโทรศัพท์ไปขอโทษมาร์ค ซี เทตด้วยน้ำเสียงอ่อนอ่อยรู้สึกผิดที่พลาดนัดของเขา แต่สิ่งที่หนุ่มเจ้าเสน่ห์ตอบกลับมามีแต่ความนุ่มนวล อ่อนโยน เข้าอกเข้าใจ ไม่มีอารมณ์เสียสักนิด ทำให้เพลงพิณยิ่งเปรียบเทียบกับคนชอบใช้กำลังเข้าไปใหญ่ และความอยากแก้แค้นก็มีมากเพิ่มขึ้น
แต่เช้าวันรุ่งขึ้นเพลงพิณก็มีเรื่องให้ดีใจ เพราะเธอตื่นขึ้นมาบนเตียงของตัวเองอีกแล้ว และเริ่มคิดว่าอาการนอนละเมออาจหายขาด ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งอารมณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งดีมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นกระดาษแผ่นยาวที่ลิสต์รายการแก้แค้นคอนสแตนตินที่พรั่งพรูจากสมองเดือดๆ ของเธอเมื่อคืนนี้
“ฮ้าววว…ที่จริงก็ยังง่วงนะเนี่ย”
เพลงพิณปิดปากหาว เดินมาตามทางเดินค่อนข้างสลัวมุ่งไปสู่ส่วนที่เป็นห้องครัวชั้นล่างของปราสาท ตอนนี้ยังไม่หกโมงเช้าเลยด้วยซ้ำ อากาศยังคงเย็นสบายและค่อนข้างมืดอยู่มาก อาศัยเพียงไฟที่ติดเป็นระยะๆ เท่านั้นที่ช่วยให้มองเห็นอะไรรอบๆ ได้บ้าง
ถึงจะง่วง ถึงอากาศในยามเช้าของต้นฤดูหนาวแบบนี้จะน่านอนแค่ไหน แต่เธอก็จำเป็นต้องลงมาที่นี่ ตาเรียวเปล่งประกายชั่วร้ายเจ้าเล่ห์ เดินเข้าไปในห้องครัว แต่กลับเซ็งจัดเมื่อมีคนอยู่ข้างใน
“บงชูร์มาดาม” ปิแอร์ หัวหน้าเชฟชาวฝรั่งเศสทักทายเพลงพิณเสียงใส เขากำลังนั่งคิดรายการอาหารอยู่ที่โต๊ะไม้เชอรี่ริมห้อง ตรงหน้ามีขนมปังอบใหม่และกาแฟกลิ่นหอมฉุย
เพลงพิณลอบเบ้หน้า แต่ก็ทักทายตอบกลับเป็นภาษาเดียวกัน หญิงสาวนิ่งคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะขอร้องอีกฝ่ายยิ้มๆ “ฉันอยากได้ของสองสามอย่างน่ะปิแอร์”
อีกฝ่ายรีบตอบรับกระตือรือร้น เพลงพิณก็เลยผ่อนลมหายใจ…มีผู้ช่วยยังไงก็ดีกว่าต้องงมหาของเองเยอะเลย “ฉันอยากได้น้ำตาลทำขนม ผงวานิลลา พริกป่นเม็กซิกัน ปลาแอนโชวี่ คาราเมล แล้วก็สีผสมอาหาร…อืม สีเขียวกับม่วงก็แล้วกัน ปิแอร์หาให้หน่อยได้ไหม”
หัวหน้าเชฟมีสีหน้างุนงงเป็นที่สุด แต่พอเพลงพิณยืนยัน เขาก็รีบกุลีกุจอจัดหาให้ หลังจากได้ของครบแล้ว หญิงสาวก็ยังไม่ยอมไปไหน วนเวียนหาของกินอยู่ในห้องครัวนั่นเอง พอคนครัวอื่นๆ ทยอยกันเข้ามาทำหน้าที่ ห้องครัวก็เริ่มชุลมุนจนไม่มีใครสังเกตการณ์กระทำของนายสาว ฝ่ายเพลงพิณเองก็กระทำการอย่างที่ตั้งใจไว้ด้วยใบหน้าระรื่น ยิ่งรู้ว่าคอนสแตนตินยังไม่ได้นอนเป็นคืนที่สองและตอนนี้กำลังหงุดหงิดมาก หญิงสาวก็ยิ่งอารมณ์ดี
เพล้งงง!
“บัดซบที่สุด!”
เสียงถ้วยชามร่วงกระทบพื้นสนั่น บางส่วนที่เป็นเครื่องเงินก็ดังเคร้งคร้างเมื่อกระทบพื้นจนเสียงก้อง ยิ่งประกอบกับเสียงใหญ่ของเจ้าของปราสาทที่คำรามสบถลั่น เลยยิ่งทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูน่าสยดสยองเป็นที่สุด
เพลงพิณที่แอบอยู่ในตู้เก็บเครื่องเงินมุมห้องทำกำปั้นชกลมเท่าที่พื้นที่แคบๆ จะอำนวยด้วยความสะใจ แม้จะรู้สึกสงสารคนงานอยู่บ้างที่คงต้องรีบกุลีกุจอเข้าไปจัดการกับซากความเสียหายด้วยอาการที่เรียกว่าตัวสั่นงันงก
แผนของเธอในการต้อนรับคนบ้าอำนาจ ชอบใช้กำลังในเช้าวันนี้คือการเปลี่ยนเมนูอาหารของเขาเสียใหม่ บาแก็ตต์หอมๆ อบใหม่ทั้งตะกร้าถูกฉีดคาราเมลผสมสีเข้าไปข้างใน ดังนั้นพอมันถูกกัด สีม่วงๆ เขียวๆ หนืด น่าขยะแขยงก็เลอะเต็มปากคอนสแตนติน…หญิงสาวหัวเราะกิ๊กกั๊กในคอเมื่อเห็นปากและไรหนวดของเขาเปลี่ยนสีเป็นเหมือนสีของเมือกตัวเอเลี่ยนในภาพยนตร์ หายนะยังตามมาติดๆ เมื่อเขาโรยเครื่องเทศที่เธอแอบผสมผงพริกเม็กซิกันเผ็ดสุดจี๊ดลงไปในชามซุป แท่งซินนามอนที่มีน้ำตาลทรายแดงเกาะซึ่งคอนสแตนตินใช้คนชาให้เกิดความหอมก็ถูกนำไปคลุกกับปลาแอนโชวี่ที่เหม็นพอๆ กับปลาร้าไทยแลนด์ กระปุกเกลือกลายเป็นน้ำตาลทำขนมเม็ดละเอียด และน้ำตาลก็กลายเป็นเกลือทะเลเดดซีที่เค็มจัดจนขมผสมกับกลิ่นวานิลลา
“ตัวก่อเรื่องไปไหน…ไปตามเพลงพิณมาพบฉันซิ”
เสียงก้องๆ ของเจ้าของปราสาททำให้เพลงพิณที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องสะดุ้งเฮือก แอบเร้นกายเข้าไปในซอกขึ้นอีกทั้งที่มั่นใจว่านี่เป็นที่ซ่อนที่ไม่มีใครเห็น อันน่ากับบุชที่ทำหน้าที่ดูแลเธอวันนี้แม้รู้ดีก็คงไม่ปากโป้งแน่ ดวงตาเรียวเล็กมองลอดรอยแย้มของประตูตู้ เห็นคอนสแตนตินที่เมื่อครู่นี้ใช้แขนกวาดอาหารบนโต๊ะลงมากระจัดกระจายที่พื้นกำลังยืนเท้าเอวด้วยใบหน้า (…ถึงจะเช็ดแล้ว แต่ยังมีรอยเขียวๆ ม่วงๆ อยู่ที่ไรหนวด…น่าตลกสุดๆ) ถมึงทึงเดือดดาล
มือแข็งแรงที่กำเป็นหมัดแน่นยกขึ้นโบกให้สัญญาณคนสนิทที่กำลังจะแยกย้ายไปตามหาตัวก่อเรื่องให้หยุดก่อน ดวงตาที่ลุกโชนด้วยไฟสีน้ำเงินกราดมองไปรอบๆ โต๊ะอาหาร ก่อนจะหยุดลงที่ตู้เก็บของนิ่ง…ผู้ก่อการร้ายมักจะซุ่มซ่อนตัวอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อชื่นชมผลงานที่ตัวเองทำไว้เสมอ
“ไม่ต้องไปตามหาแล้ว…” คอนสแตนตินสั่งลูกน้องก่อนจะหันมาสั่งหัวหน้าเชฟที่ยืนคอตกเสียงห้วนจัด “ไปทำอาหารเช้ามาใหม่ แล้วอย่าให้ใครที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในครัวเด็ดขาด” พอปิแอร์หัวหน้าเชฟรีบลนลานออกไป ร่างสูงใหญ่ในชุดดำก็เดินไปนั่งลงที่อีกด้านของโต๊ะ โบกมือให้คนใช้มาจัดโต๊ะให้ใหม่ ก่อนจะพูดเสียงเย็นยะเยือก
“ไอ้พวกที่ล้อเล่นกับอาหาร…ก็ให้มันอดอาหารไปเลยวันหนึ่ง ดูซิจะคิดได้ไหม…กำชับทุกคน วันนี้ห้ามใครทำอาหารแม้แต่ช้อนเดียวให้คิริอาเพลงพิณกิน”
เสียงดังโป๊กเบาๆ คล้ายวัตถุกระทบของแข็งดังลอดออกมาจากตู้เก็บเครื่องเงิน…รอยยิ้มอำมหิตเผยจากริมฝีปากหยักที่ก่อนหน้านี้เม้มแน่น
“เลวร้ายที่สุด…แย่มาก ทั้งซาดิสต์ หยาบกระด้าง เอาแต่ใจ แล้วยังมางกอาหารอีก…แย่ๆๆๆ ไอ้บ้าแดร็กคิวล่า” เพลงพิณร้องโวยวายอยู่ในสวนที่คนงานกำลังทำงานที่เธอสั่งอย่างขยันขันแข็ง ร่างบางเดินกลับไปกลับมาด้วยความโมโห…ยิ่งความหิวเข้ามากลุ้มรุม โทสะก็ยิ่งเติบโตแบบก้าวกระโดด
กว่าเขาจะออกจากห้องอาหารก็ปาไปเกือบเที่ยง เพราะหลังจากอิ่มหนำกับอาหารเช้าครบคอร์สหอมกรุ่นที่เชฟปิแอร์ปรุงมาเพื่อเอาใจ คอนสแตนตินก็สั่งให้คนไปเอาแล็ปท็อปของตัวเองมาให้และเรียกให้พวกผู้ช่วยมานั่งทำงานที่โต๊ะอาหาร เสียงโทรศัพท์ เสียงรัวคีย์บอร์ด และเสียงคุยงานหลากหลายภาษาดังระงมจนคนที่งอตัวอยู่ในตู้ทั้งเมื่อยและแทบคลั่ง ร่ำๆ จะตบะแตกอยู่หลายครั้ง หลายชั่วโมงผ่านไป พอคิดว่าความอดทนขาดแล้วจริงๆ เจ้าของปราสาทกับทีมก็อพยพกันออกไปจากห้อง เพลงพิณที่แทบแข็งค้างและเจ็บแปลบไปทั้งตัวจากฤทธิ์เหน็บชาก็ได้รับการช่วยเหลือจากอันน่าที่หน้าตาซีดเซียวกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วง คนสนิทพาเธอไปอาบน้ำล้างเหงื่อไคลและปรนนิบัติด้วยการนวดน้ำมันหอมจนรู้สึกดีขึ้น ก่อนจะนำขนมปังและเนยถั่วที่แอบไปจิ๊กมาเก็บไว้ให้อย่างไม่กลัวตายให้หญิงสาวรองท้อง จนเพลงพิณถึงกับตื้นตันใจ
ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ยังไม่เข็ด…ชีวิตยังมีอยู่ แล้วคนอย่างเธอก็ถือว่าฆ่าได้ หยามไม่ได้…
หญิงสาวเดินไปนั่งใต้ร่มไม้ ดวงตาเรียวเล็กเปล่งประกายชั่วร้ายอีกครั้งขณะควานมือหาของในย่าม พอจับถูกแท่งช็อกโกแลตก็เอาออกมาลอกฟอยล์แล้วกัดเข้าปากเคี้ยวแก้เครียดเสียคำหนึ่ง ก่อนจะล้วงลงไปอีกครั้งเพื่อหาโพยที่จดไว้…แผนการแก้แค้นขั้นที่สอง
หลังจากอ่านสารพัดวิธีที่จดไว้ คนเจ้าคิดเจ้าแค้นก็ร้องเรียกบอดี้การ์ดสามคนที่รับหน้าที่ดูแลเธอ ซึ่งกำลังทำตัวเป็นประโยชน์โดยการช่วยงานของทีมตกแต่งสวน “วู้ๆๆ บุช นิค ดอน…รบกวนออกไปซื้อของสำคัญให้ฉันหน่อยได้ไหม”
เพลงพิณกัดขนมถั่วตัดที่หอบหิ้วมาจากเมืองไทยพลางกดเม้าส์สั่งพริ้นต์รูปที่ต้องการ เสียงเครื่องพริ้นต์ดีเลิศในห้องทำงานของคอนสแตนตินดังลื่นไหล รอบกายของหญิงสาวด้านหนึ่งเต็มไปด้วยรูปภาพสีสดมากมาย อีกด้านเป็นกรอบรูปหลากหลายขนาดที่บอดี้การ์ดไปจัดหามาให้ตามที่เธอสั่ง
เรื่องเปลี่ยนเมนูอาหารเป็นการแก้แค้นเรื่องที่เขาทิ้งตะกร้าของที่มาร์คส่งมาให้เธอ ส่วนที่เธอทำอยู่ตอนนี้เป็นการแก้แค้นที่เขาทำให้เธออับอายต่อหน้าครอบครัวและคนงานของเขาทั้งปราสาท…อีกไม่นานคอนสแตนตินก็จะได้รู้บ้างว่าเมื่อวานนี้เธอรู้สึกยังไง
“ขอบคุณนะอลันเพื่อนรัก…”
หญิงสาวหยิบรูปที่เลื่อนออกมาจากเครื่องพริ้นต์แล้วไปวางเรียงต่อจากใบที่อยู่ก่อนแล้ว ดวงตาเจ้าเล่ห์มองพิจารณาภาพนายแบบทั้งแมนแท้ทั้งเกย์สุดฮอตที่เพื่อนของเธอสะสมไว้นับร้อยอย่างสุขใจ อย่างภาพล่าสุดนี้เป็นภาพนักฟุตบอลชื่อดังที่มีเรือนร่างบึกบึน ผิวสีแทนเต็มไปด้วยมัดกล้ามสวย สวมเพียงอันเดอร์แวร์สีขาวของคาลวิน ไคลน์ รุ่นเฟล็กซิเบิล ฟิต ที่สำคัญการโพสท่าของเขาช่างเร่าร้อนยิ่งนัก โดยการเอนกายครึ่งๆ บนโซฟาและยกขาข้างหนึ่งเกี่ยวพนักไว้…อลันเคยเล่าให้ฟังว่าภาพนี้เคยอยู่บนป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ทั่วนิวยอร์กซิตี้ และทำให้รถติดเพิ่มขึ้นถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์เพราะคนขับพากันชะลอดู
“อิๆ…มอบให้คอนสแตนตินผู้น่าหลงใหลที่สุด…เอ็กซ์ เอ็กซ์ เอ็กซ์” เพลงพิณทำเสียงเล็กเสียงน้อยตามข้อความที่เธอเขียนลงไปยังมุมล่างของรูป หญิงสาวตวัดปากกาเขียนตัวอักษรในภาษาอังกฤษที่แทนความหมายจูบลงไปอีกตัว แล้วก็หัวเราะคิกคักขึ้นไปอีก ริมฝีปากแดงเรื่อหยักเป็นกระจับห่อเข้าหากัน ก่อนจะเป่าลมดังฟู่ๆ ลงบนรูปเพื่อให้หมึกของข้อความแห้งเร็วทันใจ
มือเรียวคว้าเวเฟอร์รสช็อกโกแลตที่ค้นได้จากกล่องของว่างส่วนตัวที่อยู่ใต้เตียงเข้าปาก ก่อนจะเช็ดมือกับกางเกงและหยิบรูปขึ้นมาดูใกล้ๆ…เริดชะมัด
เธอจัดการนำรูปใส่กรอบ หันไปมองนาฬิกาบนผนัง ก็พบว่าใกล้จะถึงเวลาที่คอนสแตนตินซึ่งบินไปธุระที่เอเธนส์จะกลับมาแล้ว…คิ้วเรียวขมวดมุ่น นึกถึงบุชกับนิคที่ยังไม่กลับมาจากสิ่งที่เธอให้ไปทำ เวลาช่างกระชั้นชิดซะเหลือเกิน และเธอก็ยังเหลือแผนอีกมากมายที่ต้องทำ
คอนสแตนตินเดินเข้ามาในปราสาทด้วยความเหนื่อยล้าทั้งจากเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เรื่องงานไม่เท่าไหร่ ยังไงเขาก็จ้างคนมีความสามารถนับร้อยนับพันไว้ ปัญหาอะไรก็คงไม่ยากเกินจะแก้ไข…แต่เรื่องครอบครัวนี่สิ ปฏิเสธก็ไม่ได้ ตัวช่วยก็ไม่มี…ชายหนุ่มเสยผมอย่างท้อๆ นึกถึงสิ่งที่คนของเขารายงานเรื่องความเชื่อมโยงระหว่างยอร์โก้และมาร์ค ซี เทตที่ดูมีลับลมคมในน่าสงสัย
ลอบสังหาร…เขาไม่อยากจะเชื่อว่ายอร์โก้จะมีส่วนร่วมมือกับไอ้สารเลวนั่น ลูกพี่ลูกน้องเขาแม้จะรักสบาย ไม่กระตือรือร้นนัก แต่ก็ไม่ใช่คนเลวร้าย…หรือเขาจะประมาทและศรัทธาในตัวมนุษย์มากเกินไป
ร่างสูงในชุดดำผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเคร่งเครียด เขาเดินเข้ามาในห้องโถงแล้วก็ต้องขมวดคิ้วกับความเงียบผิดปกติ ถึงเขาจะสั่งไว้อย่างเด็ดขาดว่าห้ามคนงานในปราสาทส่งเสียงรบกวน แต่ปกติมันก็จะมีเสียงน่ารำคาญเสียงหนึ่งที่มักดังจากตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง ทั้งเสียงฮัมเพลง เสียงพูดแจ้วๆ เสียงกินนั่นกินนี่
“เพลงพิณไปไหน” ชายหนุ่มทรุดตัวลงบนโซฟา แล้วถามกับหัวหน้าแม่บ้านหญิงร่างอ้วนที่ยืนถือถาดรออยู่
“คิริอาเพลงพิณอยู่ข้างบนเจ้าค่ะ” ไอริสตอบนายหนุ่มเสียงเจื่อนๆ พลางจัดวางกาแฟและของว่างลงบนโต๊ะเล็กตรงหน้าเจ้าของปราสาทอย่างรีบเร่งอยู่ในที
คอนสแตนตินพยักหน้ารับรู้ แม้จะเห็นอาการวิตกกังวลของอีกฝ่าย ก็ไม่เอ่ยปากถามสาเหตุ ตั้งใจจะจัดการกับกาแฟสักถ้วย ของว่างสักสองสามชิ้น ก่อนจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำแล้วเตรียมตัวประชุมออนไลน์กับทีมผู้บริหารที่อเมริกา มือแข็งแรงคล้ำเข้มยกถ้วยกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก แล้วก็แทบจะสำลักพรวดออกมาเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในตู้โชว์ริมผนังฝั่งตรงข้าม
ร่างบึกบึนเด้งผึงขึ้นจากโซฟา ปราดเข้าไปดูสิ่งทุเรศสายตานั้นให้ชัดขึ้น แล้วตะโกนก้องออกมา “ตัวแสบเพลงพิณ!”
เสียงสูดลมหายใจหลายเฮือกที่ดังมาตามมุมต่างๆ ของห้องโถงยิ่งทำให้เขาเดือดดาล…คนทั้งปราสาทคงเห็นของนี่กันหมด แล้วก็คงมาแอบดูปฏิกิริยาของเขา…ไม่มีใครสักคนมีสามัญสำนึกพอที่จะจัดการรูปนี้ก่อนที่เขาจะมาเจอ…มันน่าผลักตกหน้าผาให้ตายๆ กันนัก
คอนสแตนตินกระชากตู้เปิด ฉวยภาพชายสองคนกำลังจูบกันโดยหนึ่งในนั้นหน้าตาเหมือนเขาเปี๊ยบ กรอบรูปซึ่งเป็นไม้แทบจะหักคามือที่บีบแน่น หลังจากนั้นรูปก็ลอยหวือไปกระทบกับผนังหินอ่อนดังเปรี้ยงแตกกระจายเกลื่อน
หมดอารมณ์จะกินของว่างชากาแฟอะไรทั้งสิ้น ร่างสูงหมุนตัวกลับแล้วเดินอาดๆ ไปที่บันได…รีบประชุมให้เสร็จ เขาจะได้จัดการกับคนที่ชอบมาท้าทายเขาให้สำนึก…ความโมโหของคอนสแตนตินแทบจะพุ่งทะลุเพดาน เพราะตลอดทางเดินที่มุ่งตรงไปสู่ห้องชุด เขาเห็นรูปในลักษณะเดียวกันเป็นระยะ ทั้งรูปเดี่ยวผู้ชายอยู่ในชุดว่ายน้ำแขวนบนผนังต่อจากรูปพ่อของเขา รูปสามหนุ่มในกางเกงในรัดเปรี๊ยะที่ตั้งอยู่บนโต๊ะของมุมรับลมตรงข้ามบันได รูปชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมตัวเดียวแล้วปล่อยให้สาบเสื้อแหวกมาถึงท้องน้อยวางอยู่บนโต๊ะเล็กของชุดโซฟาในห้องนั่งเล่นของเขา
คอนสแตนตินเริ่มหน้ามืด ความร้อนวาบด้วยแรงโทสะส่งให้มีลมร้อนๆ พุ่งออกจากหู…แต่เขามีงานรออยู่ จำเป็นต้องท่องเอาไว้ หลังจากประชุมออนไลน์เสร็จ เพลงพิณจะได้รับการลงโทษอย่างสาสมแน่
คนใกล้ชะตาขาดยังไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย หญิงสาวในชุดกางเกงยีน เสื้อยืดแนบตัวเดินกึ่งวิ่งนำหน้าคนงานร่างใหญ่ที่ถือรูปภาพขนาดเมตรคูณเมตรที่หญิงสาวสั่งให้บอดี้การ์ดนำไปทำให้เมื่อสามสี่ชั่วโมงก่อน และกลับมาทันใช้พอดิบพอดี
หญิงสาวพรวดพราดเข้าไปในอาณาจักรทำงานของคอนสแตนตินซึ่งขณะนี้เต็มไปด้วยทีมงานนับสิบคน โต๊ะยาวสำหรับประชุมถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ก็พร้อมใช้งาน เพลงพิณเพียงแต่ยิ้มรับคำทักทายเหล่านั้น เธอไม่มีเวลาเหลือแล้วก่อนที่คอนสแตนตินจะเข้าประชุม
“เอาแขวนไว้ตรงนั้นแหละ” หญิงสาวสั่ง ตาเล็งรูปที่ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าสีเข้มเหมือนกะความพอดี ก่อนที่จะนึกไปว่าไม่จำเป็น เพราะทันทีที่รูปนี้ถูกโชว์ตัว คอนสแตนตินก็คงทำลายมันทิ้งไม่เหลือซากแน่ๆ
พอรูปติดอยู่บนผนังเรียบร้อยแล้ว เพลงพิณก็ยิ้มกริ่ม เหลือบมองนาฬิกาข้อมือนิดหนึ่ง พอเห็นว่าเหลือเวลาเพียงห้านาทีคอนสแตนตินก็จะปรากฏตัวที่นี่ เธอจึงเตรียมจะหนีออกไปก่อน…แต่ก่อนไปหญิงสาวก็ยิ้มมีเลศนัยให้กับสายตาอยากรู้อยากเห็นของผู้ชายนับสิบในห้อง ก่อนจะยิ้มมุมปากแล้วกระตุกผ้าที่หุ้มรูปออก คราวนี้เสียงอุทานและเสียงสูดลมหายใจเฮือกดังระงมไปทั่วห้อง
ยิ่งเห็นทุกคนหน้าซีดด้วยความตกใจในความกล้าบ้าบิ่นของเธอ หญิงสาวก็กราดยิ้มส่งให้ทุกคนอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทางของนักเต้นรำ
“ยายปีศาจนรก…เหลือขอจริงๆ” ขณะเดียวกันคอนสแตนตินก็กำลังขว้างเสื้อเชิ้ตของตัวเองตัวแล้วตัวเล่าลงบนพื้นห้องแต่งตัวอย่างหัวเสีย ตอนนี้ที่พื้นเต็มไปด้วยเสื้อเชิ้ตกองเป็นภูเขาลูกย่อมๆ…เสื้อที่เขาใส่ทุกวัน เสื้อที่คนซักจะต้องซักอย่างดี รีดเนี้ยบกริบ…เสื้อที่ตอนนี้ไม่มีกระดุมเหลือเลยสักเม็ด ต้องเป็นผู้หญิงบ้าคนนั้นแน่ที่มายุ่งกับเสื้อพวกนี้
“ฉันประชุมเสร็จเมื่อไหร่ ฉันเอาเธอตายแน่” เสียงห้าวทุ้มคำรามในคออย่างหมายมาด หลังจากตรวจดูเสื้อเชิ้ตทุกตัวบนราวแล้วก็ไม่มีสักตัวที่ยังมีกระดุมเหลือ “โธ่เว้ย!”
ชายหนุ่มตะโกนเสียงก้อง เตะกองเสื้อผ้าไปโครมหนึ่งอย่างเหลืออด แทบจะทนรอให้ประชุมเสร็จไม่ไหวแล้ว เขากระชากเสื้อคลุมสีดำที่ปกปิดเรือนกายออก คว้าเสื้อยืดสีดำมาสวมแบบส่งๆ คู่กับกางเกงยีน แล้วก้าวเดินพรวดๆ ตรงไปสู่ห้องประชุม ระหว่างทางเห็นคนรับใช้กำลังทำความสะอาดเศษแก้วจากรูปที่เขาทำลายกันเป็นระยะๆ ก็ยิ่งเพิ่มเติมความโมโหหงุดหงิดเข้าไปอีก
ชายหนุ่มเดินมาถึงห้องทำงานซึ่งอยู่ในชั้นเดียวกัน มือหนายกขึ้นลูบใบหน้าที่มีไรหนวดและเคราเส้นสั้นๆ เพื่อรวมสมาธิ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะและสั่งเสียงขรึม “เอาล่ะ เริ่มได้”
ระบบถูกเซ็ตไว้อย่างดีแล้ว กล้องหลายตัวกำลังส่งภาพในที่ประชุมไปแสดงอีกห้องประชุมหนึ่งในนิวยอร์ก ซึ่งมีผู้บริหารหลายสิบคนร่วมประชุม คอนสแตนตินมองเหล่าคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่ตอนนี้ปรากฏภาพอยู่บนจอแสดงผลฝั่งเขาเช่นกัน คิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อสังเกตว่าคนที่อยู่ปลายทางมีท่าทางช็อกๆ และมองเขาอย่างแปลกๆ พอเขาละสายตาจากจอมามองทีมงานที่นั่งรอบโต๊ะ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน…หวาดหวั่น คลางแคลง กระอักกระอ่วน หวาดเสียว
หนึ่งในทีมผู้ช่วยมองสบตาเพื่อนร่วมงานนิดหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจรายงานคอนสแตนตินพลางชี้ไปที่รูปด้านหลังด้วยใบหน้าปั้นยาก “คิริเอครับ…เอ่อ รูปภาพด้านหลัง”
คอนสแตนตินหันขวับไปมอง แล้วก็ได้ยินเสียงเปรี๊ยะในหัว เหมือนเสียงของแส้ไฟฟ้าที่ถูกฟาดกระทบพื้น กรามแข็งแกร่งถูกบดเข้าหากันแทบแหลกละเอียด ขนาดว่ายังลืมตาอยู่เขาก็เหมือนรู้สึกถึงแสงสีขาวที่วาบผ่าน
ดวงตาแข็งกร้าวมองภาพชายร่างล่ำสันสองคนที่แทบจะเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง คนหนึ่งซึ่งไม่มีเสื้อผ้าติดกายนอนชันเข่าข้างหนึ่งซึ่งปกปิดส่วนสงวนไว้พอดี อีกคนสวมเพียงกางเกงในสีขาวรัดติ้วกำลังคร่อมตัวเหนือคนที่นอนอยู่ ใบหน้าทั้งคู่ชิดจนปลายจมูกชนกัน ริมฝีปากแทบจะแนบสนิท ซ้ำร้าย มือของคนที่คร่อมอยู่ยังเท้าที่นอนไว้ข้างหนึ่ง และลับหายไปที่ซอกขาของคนที่นอนราบ…แค่มีรูปทุเรศแบบนี้อยู่บนผนัง คอนสแตนตินก็เดือดดาลมากพอแล้ว แต่ที่จะทำให้เพลงพิณงานเข้าหนักก็เพราะผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงนั้นมีใบหน้าเหมือนเขาราวพิมพ์เดียวกัน…ด้วยการตัดต่อขั้นเทพ รูปบ้าๆ ในกรอบเล็กๆ ที่เขาเจอนับสิบตามรายทางก็คงโชว์ให้คนรับใช้ในปราสาทเห็นหมดแล้ว ส่วนไอ้รูปอัปยศบนผนังนี่ ทีมผู้ช่วยของเขาทั้งที่นี่และอีกซีกโลกหนึ่งก็ได้มีส่วนร่วม…ตอนนี้เขาคงกลายเป็นตัวตลกที่ใครๆ จะพากันซุบซิบและหัวเราะไปอีกนานแน่
คอนสแตนตินทนไม่ไหวอีกต่อไป กำหมัดทุบโต๊ะไม้หนาหนักแล้วสั่งเสียงกร้าว “ไปตามเพลงพิณมา ถ้าไม่มาดีๆ ก็ลากมา”
ครู่เดียวบอดี้การ์ดก็นำภรรยาตัวดีของคอนสแตนตินเข้ามาในห้อง เพลงพิณไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวอะไรเลย เดินตามสบายเหมือนคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งนั่นยิ่งเติมเชื้อไฟให้ชายหนุ่มโมโหอย่างสุดๆ …สุดท้าย คนที่โมโหจนจะระเบิดก็รอให้ตัวแสบจอมสร้างปัญหาเดินมาถึงตัวไม่ไหว ลุกพรวดเข้าไปประชิดแล้วลากร่างเล็กมาที่เก้าอี้
“ปล่อยนะ ปล่อย…นี่…นายจะทำอะไรฉันเนี่ย ไอ้คนเลวใช้กำลัง” หญิงสาวพยายามดิ้นรน ปากก็โวยวายไม่ได้หยุด ดวงตามีแต่ความท้าทายอวดดี
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ อะ…ไอ้เกย์โรคจิต” หญิงสาวตะโกนเมื่อร่างถูกรัดแน่นไว้กับอกกว้าง แม้ไม่ได้มอง เธอก็รู้ว่าคนทั้งห้องประชุมกำลังจ้องเธอกันอยู่เป็นจุดเดียว ที่จอแสดงผลก็ฉายภาพผู้คนอีกซีกโลกหนึ่งกำลังแตกตื่นสนใจ
…หรือว่าไอ้คอนสแตนตินบ้าอำนาจกำลังจะตีก้นเธอแบบถ่ายทอดสด…ไม่นะ…เพลงพิณคิดอย่างตื่นตระหนก วันนี้จะมีผู้ชายร่วมร้อยคนเห็นก้นขาวๆ ของเธอถูกฟาด…เฮ้ย ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด…เธอไม่มีทางยอมโดนเชือดง่ายๆ แน่
แต่คอนสแตนตินไม่ได้กำลังจะลงโทษเธอในแบบเก่า เพราะเขารู้แล้วว่ามันไม่ได้ผล โดนไปซะน่วมจนขนาดนั้นยังไม่เข็ด วันนี้ยังก่อเรื่องได้อีก ตัวเองได้ชื่อว่าเป็นภรรยาเขา แต่ตัดต่อรูปเขากับผู้ชายวางไว้ทั่วบ้าน ซ้ำยังด่าเขาแบบออนไลน์ว่าเป็นเกย์โรคจิต…ไม่ถูกจับโยนหน้าผาหรือบีบคอให้หักคามือนี่ก็ถือว่าเขาใจดีมากแล้ว
เธอต้องแก้ชื่อเสียงให้เขาตอนนี้เลย ดวงตาคมดุเปล่งประกายชั่วร้าย แขนข้างหนึ่งรัดร่างเล็กไว้แน่น อีกข้างหนึ่งรวบมือสองข้างที่กำลังปัดป่ายไว้ ทั้งร่างเล็กมีเพียงสองขาเรียวในกางเกงขาสั้นสีสดเท่านั้นที่เป็นอิสระ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเขาเลย มันอยู่เลยตักกว้างของเขาจนเธอไม่สามารถเตะเขาได้
“เธอกล้าว่าสามีตัวเองเป็นเกย์เหรอเพลงพิณ…” เสียงเย็นชาเปล่งออกมาช้าๆ กวาดตามองคนที่อยู่รายรอบที่กำลังอึ้ง นิ่งงัน ไม่กล้ากระดุกกระดิกตัวแวบหนึ่ง คอนสแตนตินแสยะปากเป็นเชิงข่มขวัญ ก่อนใบหน้าคร้ามคมจะก้มลงไปหาแล้วบดริมฝีปากลงบนปากแดงเรื่อที่กำลังด่าเขาแว้ดๆ แนบแน่น
เสียงแหลมเล็กหยุดชะงักลงทันทีเมื่อปากถูกครอบครอง คอนสแตนตินบดจูบรุนแรงเอาแต่ใจอย่างลงโทษ ริมฝีปากหนาร้อนผ่าวบดเบียดริมฝีปากนุ่ม เมื่อรู้สึกว่าคนพยศยังด่าเขาอู้อี้ในคอ เขาก็เพิ่มแรงบดเบียดขึ้นอีกจนรู้สึกถึงหนวดเคราสั้นๆ ของเขาถูไถกับใบหน้านุ่มละมุน เมื่อเพลงพิณยังคงดิ้นอยู่ เขาก็เพิ่มแรงกดขึ้นอีก ซ้ำยังใช้ฟันขบไปที่ริมฝีปากล่างเธอเบาๆ จนคนในอ้อมแขนสูดลมหายใจเฮือกด้วยกลัวว่าเขาจะกัดเธอให้เจ็บ ชายหนุ่มผู้กำลังลงทัณฑ์รู้สึกถึงคลื่นความพอใจที่แล่นวูบวาบไปทั้งร่าง พอเธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น เขาก็หัวเราะในลำคอ แล้วกัดมุมปากของเธอไม่เบานักจนหญิงสาวเผยอปากออกอย่างพลั้งเผลอ ทีนี้ก็เข้าทางเขาพอดี ใบหน้าแกร่งเปลี่ยนองศาเล็กน้อยก่อนจะสอดลิ้นร้อนผ่าวเข้าไปสำรวจปากเล็ก
เพลงพิณอึ้ง ตะลึง ลมหายใจเธอสะดุดจนหน้าอกสะท้อนขึ้นลงรัวแรง หัวหมุนติ้ว รู้สึกโคลงเคลงเหมือนเมาเรือ เธอคิดอะไรไม่ออก เธอถูกเขาตักตวงความหวานละมุนของริมฝีปากไป และถูกยัดเยียดอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้คืนมาให้ หญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังหลับตาอยู่ เธอรู้สึกถึงแสงดาวนับพันที่วูบวาบอยู่หลังเปลือกตา เหมือนลอยเคว้งคว้าง แต่ก็รู้สึกได้ว่ามือสากระคายของเขากำลังลูบชายโครงเธอ ริมฝีปากแกร่งร้อนจัดกำลังขบเม้มติ่งหูน้อยๆ ของเธอ ซึ่งเรียกความร้อนให้ลุกพึ่บขึ้นในกายจนเธอรู้สึกทรมาน คนถูกลงโทษสูดลมหายใจได้เพียงถี่ๆ เพราะเขาไม่ปล่อยให้ริมฝีปากเธอว่างได้นานพอ
คอนสแตนตินรู้สึกว่าเขากำลังถูกครอบงำ คิดจะทำให้เธอเจ็บและอาย แต่กลายเป็นเขาที่หลงใหลริมฝีปากสั่นระริก ถึงเขาจะไม่ชอบจูบกับใครพร่ำเพรื่อ แต่ก็จัดเจนและเชี่ยวชาญพอ ช่างน่าตื่นตกใจลึกๆ คนที่ควบคุมทุกอย่างได้เสมอกลับรู้สึกมัวเมา ลุ่มหลงอย่างน่าหวาดหวั่น เสียงสูดลมหายใจของเธอทำให้เขาอยากให้มันถี่กระชั้นมากขึ้น ริมฝีปากที่สั่นระริกของเธอช่างนุ่มหวาน พานให้อยากจะชิมมันมากขึ้น บดเน้นผิวเนื้อนุ่มนั้นให้แดงเรื่อไม่ต่างจากผลเชอรี่สด…เขากำลังจะเป็นบ้าเพราะยายปีศาจนี่เสียแล้ว
เสียงแฟ้มงานหล่นพื้นดังตุ้บ กระชากสติของคอนสแตนตินที่ทำท่าจะหลุดลอยไปให้กลับคืน สมองของเขาเริ่มรับรู้ภาพที่ดวงตามองเห็น ขณะนี้ในห้องเต็มไปด้วยผู้ช่วยที่นิ่งอึ้งเบิกตาโตมองเขาอย่างตะลึง จอแสดงผลแสดงใบหน้าคนที่อยู่อีกซีกโลกที่พากันสนใจฉากรักนี้อย่างไม่ปิดบัง
“นรก!” เสียงห้าวอุทานก่อนจะดึงร่างน้อยให้ออกจากอ้อมอก และปล่อยให้ยืนบนพื้น เพลงพิณขาอ่อนจนเซไปถูกเขาเล็กน้อย ร่างแกร่งเบนกายหนีคล้ายรังเกียจ แต่ไม่มีใครรู้ว่าที่จริงเขากลัวตัวเองจะสิ้นความยับยั้งชั่งใจที่พอเหลือ กระชากเธอมานอนแผ่บนโต๊ะแล้วจูบให้ขาดใจตายกันไปข้างหนึ่ง
เพลงพิณยกมือขึ้นปิดปากระบมที่บวมเจ่อขึ้นทันตา อารมณ์อัดอั้นบางอย่างแล่นขึ้นมาจุกบนคอ…คอนสแตนตินจูบเธอ คอนสแตนตินจูบเธอ…ประโยคดังกล่าวดังคว้างอยู่ในหัว แต่เธอทำอะไรไม่ถูกเลย
“ดันแคน…เชิญคุณเพลงพิณออกไปนอกห้องที…เอาล่ะ เริ่มประชุมได้” เสียงห้าวสั่งอย่างไม่ยินดียินร้าย ก่อนจะถลึงตาใส่ผู้คนในชุดสูทที่อยู่รายรอบให้กลับมาสนใจเรื่องธุรกิจได้แล้ว
บอดี้การ์ดของคอนสแตนตินเดินมาแตะข้อศอกเพลงพิณอย่างแผ่วเบา หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเด็กน้อยหลงทาง แต่พอเธอเห็นความสงสารเห็นใจในดวงตาสีเทาของชายร่างใหญ่ สติของเธอที่กระเจิดกระเจิงไปเพราะฤทธิ์จูบก็พุ่งเข้าร่าง…นอกจากจะปล้ำจูบเธอตามอำเภอใจเหมือนพวกไร้อารยธรรมแล้ว จากนั้นยังมีหน้าทำงานต่อ เหมือนเมื่อครู่เป็นการตบยุงหนึ่งผัวะเท่านั้น
“อะ…ไอ้คนเลวคอนสแตนติน…ไอ้เกย์บ้า ฉันเกลียดนาย” หญิงสาวพุ่งเข้าไประดมทุบตีร่างหนา แต่เจ้าของร่างไม่นิ่งเฉยให้เธอระบายอารมณ์ได้ดังใจ มือแข็งเหมือนคีมเหล็กรวบจับที่ต้นแขนเธอแล้วเขย่า ก่อนจะก้มลงกระซิบเสียงเหี้ยมข้างหู
“เธออยากจะโดนแบบเมื่อกี้อีกหรือไงฮะ…แล้วเลิกพูดเรื่องเกย์นรกอะไรนั่นได้แล้ว…โดนไปขนาดนั้นยังไม่รู้สึกอีกเหรอว่าจูบกับผู้ชาย…หรืออยากจะให้แน่ใจมากกว่านี้”
ใบหน้ารูปหัวใจกลายเป็นสีแดงอมม่วงเมื่อสายตาของคอนสแตนตินมองต่ำลงมายังเนินอกของเธอใต้เสื้อยืดรัดรูป กรามของหญิงสาวค้าง คำด่าอึกอักอยู่ในคอ อยู่ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ออก คอนสแตนตินปล่อยแขนเรียวออกด้วยอาการสะบัดๆ จนร่างบางเซ นิค บอดี้การ์ดของเพลงพิณที่รอจังหวะอยู่รีบปราดเข้าไปช่วยโอบพยุงนายหญิง แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อสายตาพิฆาตของบอสใหญ่ส่งตรงมาชนิดเผาขน จนต้องรีบปล่อยมือออกแทบไม่ทัน…นั่นมันสายตาของนักฆ่าชัดๆ
เพลงพิณแค้นใจแทบกระอักเลือด แต่จะทู่ซี้ต่อไปก็อับอายคนในห้อง และยังกลัวว่าเขาจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก เธอจึงเชิดหน้า เชิดจมูก และส่งเสียงคำรามโมโหๆ ส่งท้ายก่อนจะวิ่งออกมาจากห้องอย่างเสียท่าที่สุด…เธอจะแช่น้ำให้ตัวเปื่อย จะได้ไล่เชื้อโรคออกไปให้หมด หลังจากนั้นเธอก็ต้องโทรไปถามอลันว่าเรื่องคอนสแตนตินเป็นเกย์นี่มันยังไงกันแน่ ถ้าเขาไม่ได้เป็นเกย์จริงๆ ก็เท่ากับเธอหาเรื่องร้ายแรงใส่ตัวเสียแล้วที่ตกลงแต่งงานกับเขา
บทที่ 16…สัญญาณบางอย่าง
“อ๊ายยย ก้าวหน้านะยะ จูบต่อหน้าคนอีกเป็นสิบๆ เลยเหรอ ว้าววว อิจฉาจัง”
เพลงพิณคำรามใส่โทรศัพท์อย่างเดือดๆ เมื่อเพื่อนรักส่งเสียงวี้ดว้ายดีใจผิดวิสัยเกย์ไฮโซที่ปกติจะเนี้ยบนิ่ง ความจริงเธออยากปรึกษาเรื่องนี้กับเพื่อนๆ ในกลุ่มของเธอมากกว่า แต่เพื่อนทั้งห้าคนของเธอไม่มีใครรู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องนี้เลย ไม่อยากจะต้องมาเล่ามาเท้าความและผจญกับซีนอารมณ์ยามเพื่อนตัดพ้อต่อว่าเธอที่ปิดบังความจริง ดีไม่ดีความจะแตกไปถึงหูแม่ของเธออีก
“ดีบ้าบออะไรเล่า…ฉันนั่งขัดปากจนปากจะฉีกแล้วเนี่ย…บ้าที่สุด ตกลงไหนนายบอกว่าเขาเป็นเกย์ไงเล่า ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ได้”
อลันหัวเราะคิกคัก “ฉันไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าเขาเป็น แค่ปล่อยให้เธอคิดเอาเอง…ว่าแต่เป็นไงบ้างจูบของเขา เร่าร้อน ทำให้ลืมโลกไปเลยหรือเปล่า” เพื่อนหนุ่มใจสาวถามเสียงอยากรู้สุดๆ
ระ…เร่า…เร่าร้อน…ทำให้ลืมโลกเหรอ…เพลงพิณคิดตามอย่างอึ้งๆ มือเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากแผ่วเบาอย่างเผลอๆ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะกิ๊กกั๊กชวนให้ประสาทเสียดังลอดมาจากปลายสายอีกครั้ง หญิงสาวก็เลยยิ่งโมโห
“นี่ฉันแช่น้ำจนตัวจะเปื่อย เอาครีมอาบน้ำมาล้างปากด้วยซ้ำ…เชอะ…ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษ ไม่เห็นจะรู้สึกอะไร ก็แค่มีอะไรมาสีๆ ปากให้เจ็บเท่านั้นแหละ”
คำพูดของหญิงสาวทำให้ร่างใหญ่หนาในชุดดำที่หยุดยืนฟังอยู่นานแล้วในมุมหนึ่งมีอาการแข็งขืนขึ้น เสียงกัดฟันดังกรอดๆ อยู่ในความสลัวของยามค่ำคืน…ยายปากดีนี่รนหาที่จริงๆ ที่พูดแบบนี้ เดี๋ยวเถอะน่า…เธอจะต้องเสียใจที่สบประมาทเขาให้คนอื่นฟัง
เพลงพิณยังไม่รู้ว่าชะตาตัวเองจะถึงฆาตอีกครั้ง เธอยังบ่นพึมกับเพื่อนรักปลายสายอย่างระบายอารมณ์เพราะคิดว่าเจ้าของปราสาทคงประชุมอีกนาน
อลันชักเอือมกับเพื่อนจอมเฉไฉที่ไม่ยอมรับความรู้สึกที่เขาพอจะจับได้ในกระแสเสียงสั่นๆ ตั้งแต่ตอนรับสาย ผู้มีประสบการณ์ด้านความสัมพันธ์อย่างโชกโชนจึงตั้งคำถามกับเพื่อนสาวจอมรั้น “เอาล่ะๆ ฉันเข้าใจแล้ว เธอว่าเขาเลวร้าย จงใจแกล้งเธอ รสจูบของเขาก็น่าขยะแขยงเหมือนปลาแอนโชวี่หมักสิบปี…แล้วพอเขาจูบเธอ เขาได้แผลไปกี่แผล เขาจูบเธอเสร็จเธอก็ฟาดมือเปรี้ยงไปที่ใบหน้าของเขาเลยใช่มะ”
เพลงพิณถึงกับอึ้ง นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น…เธอไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เพื่อนว่าสักนิด แล้วที่เธอกรี๊ดใส่เขาแล้วตรงเข้าไปทุบตีตอนหลังก็เป็นเพราะโมโหกับท่าทางเย็นชา หันมาสนใจการประชุมต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นของเขามากกว่า
หญิงสาวเป็นคนซื่อสัตย์พอที่จะไม่โกหกเพื่อน “ฉันไม่ได้ทำ…ก็อีตานั่นล็อกแขนฉันไว้ พอ เอ้อ…เขาแกล้งเสร็จฉันก็มัวแต่ช็อกอยู่น่ะสิเลยลืมตบเขาให้หน้าหันบวกกับเตะผ่าหมากอีกยกหนึ่ง” หญิงสาวเข่นเขี้ยวอย่างเสียดาย
อลันเหมือนได้ฟังเรื่องตลก เพราะเอาแต่หัวเราะเหมือนขบขันอย่างเต็มที่ พอเพลงพิณแว้ดๆ ใส่ก็เลยเฉลยความคิดของเขาให้ฟังด้วยน้ำเสียงกระหยิ่ม “ยายเพลงพิณที่รัก…อีกไม่นานเธอเสร็จเขาแน่ ใจเธอคิดอีกอย่าง แต่ร่างกายเธอมันไม่คิดอย่างเดียวกันนะ…ไม่เคยดูหนังเหรอ ถ้าเป็นตัวร้ายปลุกปล้ำนางเอกนะ ยังไงนางเอกก็ดิ้นรนสุดชีวิต แต่ถ้าเป็นพระเอก ถึงนางเอกจะบอกเกลียดนักเกลียดหนา แต่พอเขาคลุกเคล้าเข้าหน่อยก็ตัวอ่อนระทวย งุนงงๆ เหมือนเธอนี่แหละ…ฮ่าๆๆ หนังรักน้ำเน่ากี่เรื่องก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น”
เพลงพิณฟังเพื่อนพูดก็กรี๊ดแตก ส่งเสียงแหลมๆ แย้งกลับไปด้วยใบหน้าแดงเถือก “บะ…บ้า ใครจะไปรู้สึกบ๊องๆ กับนายผีดูดเลือดนั่นได้ น่าคลื่นไส้จะตาย รู้ไว้ว่าฉันเกลียดท่านเคานต์แดร็ก เกลียด เกลียดที่โดน…ทำแบบนั้น ละ…แล้วที่ปฏิกิริยาตอบกลับมันดีเลย์ยังงั้นก็เพราะอีตาบ้านั่นให้ฉันอดอาหารทั้งวันเลย…มันไม่ใช่อย่างที่นายว่าสักนิด…ตอนนี้ล่ะฉันอยากซัดเขาให้น่วมเลย”
กรอดดด…เสียงบดกรามดังอยู่ในมุมมืด แต่เพลงพิณไม่ได้ยิน ยังคงบ่นเป็นชุด พร้อมกับทำไม้ทำมือไปด้วยอย่างใส่อารมณ์
อลันตัดบทเพื่อนสาว เขากลับมาใช้โทนเสียงเรียบๆ ตามปกติ และพูดออกแนวจริงจังให้คนฟังคิดเอาเอง “แต่เธออย่าลืมสิว่าเธอละเมอไปนอนกับเขาทุกคืนนะ…ร่างกายเธอ ฮอร์โมน ความใกล้ชิด และแรงขับดันทาง…”
“ยู้ด หยุดๆ เลย…ฉันมีข่าวดีจะบอก ฉันไม่นอนละเมอแล้ว ตอนนี้ฉันตื่นมาบนเตียงตัวเองสองสามวันแล้วย่ะ…ข้อสันนิษฐานของนายตกไปได้เลย”
กว่าเพลงพิณจะหลับก็เป็นเวลาดึกมาก เธอเอาแต่นึกถึงฉากที่ไม่ควรคิดถึงนั่นอยู่หลายสิบหลายร้อยครั้ง อันน่าที่ยกถาดอาหารค่ำมาให้และอยู่เป็นเพื่อนช่วงหัวค่ำต้องเดินลงไปห้องครัวอีกรอบเพราะเพลงพิณจัดการฟาดอาหารในถาดเสียเรียบวุธ และด้วยความเครียดผลักดัน หญิงสาวก็ดื่มไวน์ต่อไปจนถึงตอนดึก พร้อมกับบ่นถึงคอนสแตนตินไม่หยุดปาก ก่อนจะเดินเซๆ จากชุดโซฟาเล็กๆ มุมห้องไปคว่ำตัวนอนลงบนเตียงแล้วหลับไปทั้งที่สวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำทับชุดชั้นในสำหรับใส่นอน
คอนสแตนตินที่นั่งทำงานอยู่ในห้องนอนและฟังเพลงพิณบ่นอะไรเป็นภาษาไทยอยู่หลายชั่วโมงเปิดประตูเข้ามาในห้องเมื่อรู้สึกว่าเสียงเล็กๆ เงียบหายไป ชายหนุ่มหงุดหงิดอ่อนล้าจากการไม่ได้นอนติดต่อกันถึงสองวัน ซ้ำยังมีเรื่องมากมายให้ต้องขบคิดและตัดสินใจ วันรุ่งขึ้นตอนบ่ายเขาก็ต้องเดินทางไปอเมริกาเลยและอยู่นานร่วมเดือน คืนนี้เขาจึงหวังจะได้นอนหลับสนิท ไม่ฝันถึงเรื่องร้ายๆ ได้สักสี่ห้าชั่วโมง
ยานอนหลับฤทธิ์แรงของเขานอนม้วนตัวอยู่บนเตียง ดวงตาสีน้ำเงินในเงามืดมองร่างเล็กด้วยความรู้สึกที่แยกแยะไม่ออก พอหวนคิดไปถึงสิ่งที่เธอพูดกับเพื่อนทางโทรศัพท์เมื่อเย็น ความโกรธก็เริ่มเอ่อท้นในใจ
“ฉันมันน่าคลื่นไส้นักใช่ไหมเพลงพิณ…หึๆ” คอนสแตนตินพูดเสียงกระด้าง พลางช้อนร่างขดกลมขึ้นมาจากที่นอน พอดีกับที่หญิงสาวขยับตัว เสื้อคลุมที่ผูกสายรัดไว้หลวมๆ ก็เผยอหลุด ลมหายใจของร่างสูงสะดุดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะรีบก้าวเดินอาดๆ ไปที่ห้องนอนของตัวเอง
กลิ่นไวน์ระเหยออกมาเบาๆ ตามลมหายใจของคนขี้เซา ทำให้คนอุ้มที่แนบชิดรู้สึกมึนเมาไปด้วยอย่างน่าประหลาด เพลงพิณที่หลับตาพริ้มถูกวางลงบนที่นอน แสงจันทร์ที่ลอดเข้ามาจากประตูระเบียงที่ถูกเปิดทิ้งไว้บวกกับไฟสีส้มอ่อนดวงเล็กจิ๋วมุมห้องส่องร่างกึ่งเปลือยขาวละมุนให้ดูเนียนลออตา คอนสแตนตินที่มั่นใจว่าตัวเองไม่เคยมีความรู้สึกเชิงชู้สาวกับภรรยาในนามเจ้าปัญหาน่าปวดหัวของเขาสักแวบเดียวได้แต่ยืนจ้องมองร่างงดงามบนเตียงด้วยอาการต้องมนตร์ ลาดไหล่บอบบางน่าทะนุถนอม เนินอกที่กำลังสะท้อนขึ้นลงน้อยๆ ดูน่าปรารถนานัก ถึงจะถูกห่ออุ้มไว้ด้วยบราผ้าฝ้ายไร้โครงตัวหลวมไม่ใช่ลูกไม้ดันทรงสุดเซ็กซี่ แต่นั่นยิ่งทำให้ความงามที่ถูกปกคลุมไว้ไม่ถูกแย่งความสนใจ หน้าท้องเนียนราบมีรอยบุ๋มเล็กๆ ดึงดูดสายตาคอนสแตนตินให้ไล่เลยลงไป ก่อนจะตวัดตาขึ้นมองใบหน้ารูปหัวใจที่ยังหลับพริ้มเหมือนกับตกใจการกระทำของตัวเองที่คล้ายคนโรคจิต เขาคำรามเบาๆ ในคอ นึกขึ้นได้ว่าตัวเองห่างหายเรื่องผู้หญิงมาหลายเดือน ไปอเมริกาคราวนี้ต้องจัดการกับความไม่สะดวกเล็กๆ น้อยๆ นี้เสีย เขาจะได้ไม่ต้องมามองยายตัวแสบนี่ให้ขัดเคืองใจตัวเอง ชายหนุ่มถอนหายใจ พยายามสลัดไล่ความรู้สึกบางอย่างที่สิงสู่อยู่ในใจเขาตั้งแต่จูบภรรยาตัวแสบเมื่อบ่าย เขาคำรามเบาๆ อย่างโมโหเมื่อไอ้ความรู้สึกบ้านั่นยังคงไม่หายไปไหน มันอยู่ลึกเกินไป เจ้าเล่ห์มากเกินไป และจำแนกไม่ถูกว่าคืออะไร มันมากกว่าความปรารถนาตามปกติ พาให้ใจหาย ควบคุมไม่ได้ และช่าง…น่ายิงตัวเองให้ตายๆ ไปซะ
คอนสแตนตินกระแทกนิ้วลงบนสวิตช์ไฟ กัดกรามแน่นอย่างเคร่งเครียด พอเขาล้มตัวลงนอนยังไม่ทันจะจัดท่าทางได้เท่าไหร่ ร่างเล็กที่นอนนิ่งๆ อยู่ก็กลิ้งมากอดก่ายเขาไว้แน่น ความนุ่มเนียนที่แนบชิดกับผิวเนื้อเขาอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ขนทั้งตัวลุกพรึบ ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างเดือดดาลตัวเอง มือแข็งแรงแกะแขนเรียวให้ออกไปจากตัวเขาแล้วผลักลิงตัวน้อยให้ออกห่าง แต่ดันพลาดไปโดนความนุ่มหยุ่นเข้า เขาถึงกับกระชากมือกลับทันควันเหมือนถูกน้ำร้อนลวก เขากลั้นลมหายใจอึดหนึ่งแล้วผลักอย่างระมัดระวังอีกที คราวนี้หญิงสาวกลิ้งห่างออกไปได้ช่วงแขน
คอนสแตนตินถอนหายใจ แล้วหลับตาลง ‘…บ้า ใครจะไปรู้สึกบ๊องๆ กับนายผีดูดเลือดนั่นได้ น่าคลื่นไส้จะตาย รู้ไว้ว่าฉันเกลียดท่านเคานต์แดร็ก เกลียด เกลียดที่โดน…ทำแบบนั้น…’
ประโยคที่หญิงสาวพูดเมื่อเย็นลอยเข้ามาในความคิดของเขาทันทีที่ใจเริ่มว่าง คอนสแตนตินรู้สึกปวดหน่วงๆ ในอก และรีบบอกกับตัวเองว่าคงเป็นเพราะพักผ่อนน้อยเกินไป เขาไม่เคยแคร์อะไรกับคำพูดของคนที่เขาไม่เห็นความสำคัญ ถ้าจะรู้สึกอะไรบ้างก็คงเป็นความโกรธที่เธอพูดเหมือนหยามทักษะการจูบของเขาที่เคยทำให้ผู้หญิงหลายคนร้องครางมาแล้ว…ใช่ เธอต้องเสียใจกับตัวเองที่ปากเปราะ
ร่างบึกบึนเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่สวมเพียงบ็อกเซอร์ลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปจัดการถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออกจากร่างของภรรยาตัวแสบก่อนจะเขวี้ยงไปที่หน้าเตียง
พรุ่งนี้เธอจะต้องเสียใจ…เพลงพิณ
ที่นอนที่เธอนอนอยู่นี้มันช่างให้ความสัมผัสเนียนไปกับผิวจริงๆ มีส่วนขนๆ นุ่มๆ เหมือนขนแกะเสียด้วย ลูบไล้ไปมาแล้วเพลินชะมัด…ไหนจะกระเพื่อมขึ้นลงได้เหมือนนอนอยู่บนแพยางในทะเลอีก…เอ๋? ตรงนี้แข็งตึงๆ แฮะ เหมือนมัดกล้ามอะไรสักอย่างเลย แปลกจริง
เพลงพิณที่นอนทาบทับอยู่บนร่างหนาของคอนสแตนตินอยู่ครึ่งๆ คิดอย่างละเมอๆ เมื่อคืนเธอนอนดึก ซ้ำยังจัดการไวน์เสียเกือบขวด เช้านี้จึงไม่อยากตื่น แถมที่นอนก็นุ่มผิดปกติ พานให้อยากนอนต่อถึงเที่ยง
“หยุดลูบซะที!”
เสียงคำรามน่ากลัวดังขึ้นอยู่เหนือหูเพลงพิณ ก่อนที่มือซึ่งกำลังลูบไล้ที่นอนของเธอจะถูกคว้าหมับและบีบแรงจนกระดูกแทบแตก…หญิงสาวร้องออกมาเบาๆ จากความเจ็บและลืมตาขึ้นจากภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นทันที
“กรี๊ดดด”
เสียงมันออกจากปากไปโดยอัตโนมัติ พอๆ กับการกระเด้งตัวออกจากร่างหนาที่เธอนอนทาบทับอยู่ แต่พอหญิงสาวเห็นสภาพของตัวเองชัดๆ ก็ถึงกับหยุดร้อง ดวงตาเบิกโตจนแทบจะถลนจากเบ้า ความร้อนซึมวาบไปทั้งตัวและมาสุมอยู่ที่ใบหน้า มือเรียวกระชากผ้าห่มออกมาจากร่างหนาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็ได้มาไม่ถึงครึ่งผืน พอแค่ได้ปิดบังร่างกายด้านหน้าของเธอเอาไว้ให้พ้นจากสายตาของคนที่นอนมองมาด้วยสายตากล้าแข็ง
ฮือๆ หมดกัน…นี่มันต้องเรียกว่านรกแตกจริงๆ… เพลงพิณที่ใบหน้าซีดขาวสลับแดงคิดอย่างปั่นป่วน เปลือกตาอุ่นร้อนไปหมดกับความโมโหตัวเอง…หรือว่าเธอจะเป็นโรคจิตแบบที่อลันพูดจริงๆ ไม่นะ…ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอรับไม่ได้แน่
ขณะที่หญิงสาวกำลังสับสน เสียงไม่แยแสของเจ้าของเตียงก็ดังขึ้น “ตื่นแล้วก็กลับห้องไปสิ…มาร้องกรี๊ดอะไรอยู่ได้ มารบกวนคนอื่นดึกๆ ดื่นๆ แล้วยังไม่รู้จักเกรงใจตอนเช้าอีก”
หญิงสาวกำปมผ้าห่มแน่นขึ้นอีก ดวงตาเรียวมองใบหน้ารกเรื้อไปด้วยหนวดเคราอย่างระแวงๆ “คะ…คุณรู้เหรอว่าฉันละเมอมา ทำไมคุณไม่ปลุก ที่ทำแบบนี้…ต้องการจะ…จะเคลมฉันใช่ไหม…ใช่ไหมหา!”
คอนสแตนตินขยับตัว ทำให้ผ้าห่มส่วนที่เขาทับอยู่เป็นอิสระ เพลงพิณรีบดึงเข้าหาตัวและม้วนพันร่างจนเหมือนก้อนแหนมแล้วพยายามกลิ้งตัวเองไปที่ริมเตียง ขณะสายตาจับจ้องคอนสแตนตินเหมือนอีกฝ่ายเป็นโจรโรคจิต
“ใครคิดจะเคลมคุณ หา?!…ละเมอมาเอง มาถอดเสื้อผ้า แล้วขึ้นมากอดก่ายบนตัวผม ผลักกี่ครั้งก็ยังมากอดมาซบ…นี่ถ้าเลือกได้ อยากจะให้เดินเลยไปอีกหน่อย” ใบหน้าคร้ามแกร่งพยักไปยังประตูระเบียงที่เปิดกว้าง มองเห็นความเวิ้งว้างอยู่ลิบๆ
ประโยคของคอนสแตนตินเหมือนมีดที่กรีดใจเธอ หญิงสาวเกลียดตัวเอง ผิดหวังกับการกระทำของตัวเอง และก็หงุดหงิดที่ตัวเธอเองแท้ๆ ทำให้คนไร้หัวใจตรงหน้ามาด่าว่าเอาได้ ความอัดอั้นตันใจและความโมโหบวกกับอาการปวดหัวจากการเมาค้างเข้ามากลุ้มรุม ทำให้เปลือกตาที่ร้อนผ่าวอยู่แล้วกลั่นน้ำใสๆ ให้ไหลรินลงมาอาบแก้ม
“ฮือๆๆ…ไอ้คนบ้า คนเลว ทำไมต้องว่ากันด้วย…ฉันก็ไม่ได้อยากละเมอมาสักนิด ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนี่…ฮือๆ ฉันมันเป็นคนโรคจิตไปแล้ว” หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายออกมาอย่างไม่อาย เธอไม่เคยสิ้นท่าขนาดนี้มาก่อนเลย คอนสแตนตินเป็นตัวร้าย เป็นคนที่ทำร้ายร่างกายและจิตใจเธอสารพัด เธอไม่ได้อยากเฉียดใกล้เขาสักนิด แต่เธอไม่รู้ว่าทำไมร่างกายเธอถึงได้ทรยศเธอขนาดนี้
คอนสแตนตินอึ้ง…ไม่คิดว่าหญิงสาวจะสติแตกออกมาง่ายๆ แบบนี้ ความจริงเธอน่าจะชินแล้วด้วยซ้ำที่ต้องตื่นมาบนเตียงของเขา เช้านี้มันก็แค่เธออยู่ในสภาพเกือบเปลือยเพิ่มขึ้นมาเท่านั้น ไม่เห็นต้องร้องไห้ออกมาให้วุ่นวายแบบนี้เลย เขาเห็นแล้วมัน…มัน…น่ารำคาญมาก
รำคาญจนเขาต้องรีบจัดการให้เธอออกไปจากห้องเขาไวๆ “กลับไปร้องที่ห้องตัวเองไป…น่ารำคาญ คนจะนอน”
ดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์แดงช้ำตวัดค้อนกับคำพูดไม่มีน้ำใจนั้น หญิงสาวถลึงตาใส่เขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ…เขามันเป็นคนไม่มีหัวใจจริงๆ บอกว่ารำคาญเธอนักหนา แต่พอเธอขอติดกลอนในห้องนอนก็ไม่ให้ติด ปล่อยให้เธอละเมอมาอยู่ได้ พอตอนเช้าก็มาด่าว่าให้อาย…แย่ที่สุดในโลกเลย หญิงสาวยกมือขึ้นขยี้ตาและปาดน้ำมูกที่ไหลเป็นสาย โดยลืมตัวไปว่ากำลังกำผ้าห่มไว้ แม้มืออีกข้างหนึ่งจะทำหน้าที่อย่างเดียวกัน แต่คอนสแตนตินก็ได้เห็นภาพเนินอกขาวสล้างที่โผล่พ้นชุดชั้นในแวบหนึ่ง…เขากัดกรามเมื่อรู้สึกในสิ่งที่ไม่ควรรู้สึก มองตัวปัญหาดุๆ ทีหนึ่งก่อนจะพลิกกายหันหลังให้เหมือนทนเธอไม่ไหว
เพลงพิณเห็นอาการรังเกียจของเขาก็เม้มปาก เลื่อนตัวลงข้างเตียงอย่างทุลักทุเล ถึงเธอจะเป็นคนไม่ยอมคน แต่ที่เธอมานอนอยู่ที่นี่มันไม่ใช่ความผิดของคอนสแตนติน เธอแส่หาเรื่องเอง เธอก็ต้องโกรธตัวเอง แต่คนบ้าไร้หัวใจนั่นก็มีความผิดที่ไม่ยอมไล่เธอกลับห้องตั้งแต่ตอนกลางคืน ไม่ยอมให้เธอย้ายไปนอนห้องอื่น ไม่ยอมให้เธอติดกลอนด้านในห้อง…หญิงสาวร้องอุทานเมื่อเดินสะดุดชายผ้าห่ม ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงคอนสแตนตินพลิกตัวเลยหันไปมอง ก็พบว่าเขากำลังมองมา แต่คงไม่ใช่มองเพราะความเป็นห่วง เพราะเขาเปรยเป็นเชิงเสียดสี
“เดินช้าแบบนั้นกว่าจะกลับไปถึงห้องตัวเองก็คงตอนบ่ายมั้ง…รีบไปซะ อย่ามาเกะกะสายตา แล้วอย่าลืมเอาผ้าห่มผืนใหม่มาให้ด้วย ผืนนั้นมันเหม็นคนเมา”
คำพูดของเขาทำอะไรเธอไม่ได้…ทำไม่ได้…เพลงพิณกัดริมฝีปากแล้วท่องในใจขณะเดินทุลักทุเลกลับห้อง คอยดูนะ ตลอดหนึ่งเดือนที่เขาไม่อยู่ เธอจะต้องบำบัดอาการนอนละเมอให้หายให้ได้ จะได้ไม่ต้องถูกเขาจิกกัดอีก
เพลงพิณหันไปมองบานประตูห้องที่ปิดลงด้วยสายตาวาววาม…เธอแก้แค้นเขาไปแล้วสองกระทง ได้แก่ความผิดที่เขาโยนของของมาร์คลงหน้าผา และการที่เขาทำให้เธออับอาย ถึงเรื่องนี้เธอจำเป็นต้องยกประโยชน์ให้จำเลย เพราะตัวเธอรนหาที่เอง แต่ยังไงก็ยังเหลือความผิดที่เขาให้เธออดข้าว กลั่นแกล้งให้เธอต้องหดตัวอยู่ในตู้ตั้งครึ่งวัน…ยังไงก็ต้องสะสางให้ครบ
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงเพลงพิณที่อาบน้ำเรียบร้อยจนตัวหอมกรุ่นก็เอาผ้าห่มผืนใหม่ไปโยนใส่ร่างหนาที่นอนทอดกายหลับตาอยู่บนเตียง หญิงสาวตวัดตามองเขาอย่างแค้นๆ ก่อนจะเดินตึงๆ ออกไปจากห้องแล้วปิดประตูตามหลังดังสนั่น…และอีกไม่นานต่อมา เธอก็เอาแม่กุญแจอันโตมาล็อกประตูด้วยใบหน้าสะใจสุดฤทธิ์ ทำท่าหัวเราะเยาะเย้ยใส่เล็กน้อยก่อนจะเดินลอยชายออกไปจากห้องชุด
ชั้นสองของปราสาทเป็นที่พักของบอดี้การ์ดและทีมงาน ส่วนชั้นสามซึ่งเป็นที่พักแขกไม่มีคนอยู่ เพลงพิณแต่งเรื่องบอกกับพนักงานและบอดี้การ์ดสิบกว่าคนบนโต๊ะอาหารว่าวันนี้คอนสแตนตินปวดหัวมาก จะขอนอนพักผ่อน ห้ามมีเสียงเล็ดลอดขึ้นไปเป็นอันขาด โดยจะดีมากถ้าไม่มีใครขึ้นไปทำอะไรบนชั้นสอง ส่วนคนงานที่ทำหน้าที่ทำความสะอาด เพลงพิณก็ใจดีสั่งให้หยุดหนึ่งวัน แม้แต่เอวานที่มีสีหน้าคลางแคลงและแสดงความต้องการจะไปดูแลนายผู้ชาย หญิงสาวเจ้าแผนการก็วางอำนาจสั่งห้าม…เป็นอันว่าจะไม่มีใครได้ยินเสียงคอนสแตนตินโวยวายให้เปิดประตูแน่ๆ …อิสรภาพของคนร้ายกาจนั่นอยู่ในกำมือเธอเพียงคนเดียว ความสุขและความหอมหวานของการแก้แค้นทำให้หญิงสาวเบิกบานเจริญอาหารเสียจนจัดการขนมปังไปทั้งตะกร้า ไส้กรอกอีกนับสิบ กับสารพัดไข่ ทั้งไข่ม้วน ไข่กวน ไข่ดาว รวมถึงผลไม้อีกหลายชนิด
…ก็เธอต้องกินเผื่อคอนสแตนตินด้วยนี่นา ฮ่าๆ…หญิงสาวกินไป กระหยิ่มยิ้มแบบลำพองใจไป
หลังเสร็จอาหารเช้า เธอก็เดินตรวจตรางานปรับปรุงปราสาทที่คืบหน้าน่าพอใจ พออาหารย่อยได้ที่แล้วเธอก็ออกไปขี่ม้าเล่น สนุกสนานกับกิจกรรมส่วนตัวเสียจนลืมคนที่ถูกขังอยู่ข้างบนเสียสนิท
เที่ยงกว่า…คอนสแตนตินที่ทุบประตูจนมือแทบพังและตะโกนคำรามจนคอแหบแห้งไปหมดเริ่มบังคับอารมณ์โกรธที่พุ่งสูงจนแทบจะระเบิดห้องนอนเป็นจุณเอาไว้ไม่ได้ ปากที่ว่างจากการตะโกนเรียกสบถด่าคาดโทษภรรยาตัวดีของเขาไปต่างๆ นานา…ถ้าเขาออกไปได้จะจัดการเธอแบบนั้นแบบนี้ โดยเพิ่มระดับความรุนแรงและความทรมานไปตามเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ
ถึงผนังห้องจะหนามาก แต่เสียงตะโกนดังก้องของเขายังไงๆ ก็น่าจะดังลงไปถึงชั้นสองของปราสาท…คอนสแตนตินคิด แต่นี่ไม่มีบอดี้การ์ด ผู้ช่วย หรือคนใช้สักคนโผล่หน้ามา แสดงว่ายายปีศาจนั่นคงไปแต่งเรื่องอะไรไว้แน่ นึกแล้วก็อยากบีบคอให้กระดูกแหลกตายคามือ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการมีเมียสักคน ชีวิตเขาจะหายนะ…ไม่สิ ต้องเรียกว่ามีตัวหายนะอย่างเพลงพิณมาเป็นเมีย ชีวิตเขามันก็วิบัติและหายนะแบบสุดๆ
“นรกเอ๊ย!” เท้าใหญ่โตถีบเปรี้ยงไปที่ประตูอย่างหงุดหงิด แต่ประตูก็เพียงแค่สั่น ไม่มีท่าทีว่าจะโยกคลอนสักนิด…บัดซบนัก ทำไมเขาถึงรวย ทำไมเขาถึงได้โง่สั่งทำประตูดีๆ แพงๆ แบบนี้ด้วย…โธ่ว้อย
ร่างบึกบึนเดินพล่านเหมือนหนูติดจั่น เขายังไม่ได้กินอาหารเช้า ไม่ได้ดื่มกาแฟเข้มๆ และยังมีงานอีกมากมายที่ต้องทำก่อนบินตอนบ่ายสามนี้ แต่นี่เขายังเดินเป็นไอ้โง่อยู่ในห้องนอนอยู่เลย…ชายหนุ่มยิ่งคิดก็ยิ่งเดือด ซึ่งผลักดันให้ตัวเองยิ่งโกรธยิ่งคลั่ง ชายเสื้อคลุมดำสนิทสะบัดระน่องยามเขาเดินพรวดๆ ทะลุห้องเพลงพิณและห้องนอนของตัวเองเหมือนจะหาทางออกอื่นนอกจากประตูไม้หนาหนักนั้น…แต่โชคร้ายที่ไม่มี
ไคล์ฟ บอดี้การ์ดร่างสูงตาสีเทาของคอนสแตนตินเปรยกับเพลงพิณเรื่องที่เจ้านายยังไม่ลงมาจากห้อง เขาพูดถึงความกังวลหลายอย่างตั้งแต่การพลาดเที่ยวบินที่ถึงแม้จะเป็นเครื่องบินส่วนตัว แต่ก็ต้องรายงานแผนการบินให้หอบังคับการการบินทราบทั้งต้นทางและปลายทาง ทีมผู้ช่วยก็กังวลว่าเอกสารหลายอย่างยังไม่เรียบร้อย ไม่ได้สรุป ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการประชุมบอร์ดซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากเครื่องแลนดิ้งที่อเมริกาได้เพียงสองชั่วโมง…ที่สำคัญคอนสแตนตินยังไม่ได้ดื่มกาแฟ และเขาจะกลายเป็นเจ้านายสุดโหดที่ทำเอาลูกน้องทั้งเที่ยวบินต้องขวัญผวา
เพลงพิณพ่นลมออกจากปากขณะวิ่งขึ้นบันไดปราสาทเร็วๆ มุ่งตรงสู่ชั้นสี่…เห็นแก่ลูกน้องและพนักงานบริษัทในเครืออันเกลอสนับพันที่จะต้องเดือดร้อนหากคอนสแตนตินมีปัญหาทางธุรกิจ หญิงสาวก็เลยจะไปจัดการปล่อยให้เขาเป็นอิสระก่อนเวลาที่ตั้งใจไว้ คิดว่าเพียงแค่นี้คอนสแตนตินก็คงสำนึกแล้วถึงความผิดที่ได้กระทำต่อเธอ
เสียงตึงๆ และสบถบ่นดังแว่วมาเมื่อหญิงสาวถึงบันไดขั้นแรกของชั้นที่สาม ริมฝีปากหยักเป็นกระจับยิ้มและหัวเราะคิกๆ ขาเรียวทอดช้าลงอีกนิดหนึ่ง หวังให้คนข้างบนทุรนทุรายมากกว่านี้สักเล็กน้อย ป่านนี้คนบ้าอำนาจนั่นคงแทบคลั่งและรู้สึกเสียศักดิ์ศรีน่าดูที่ต้องตกอยู่ในความเมตตาของเธอ
ถึงจะเดินช้าลงแต่เธอก็มาถึงในที่สุด เสียงโครมครามโวยวายเงียบไปแล้ว หญิงสาวยิ้มเจ้าเล่ห์และเดินผ่านเข้ามาในห้องนั่งเล่น พอเดินไปถึงประตูห้องนอนก็เอาหูแนบฟังอีกนิด แต่ไม่ได้ยินเสียงอะไร เธอจึงเดาว่าคนที่อาละวาดอยู่นานคงจะเริ่มเหนื่อย ใบหน้ารูปหัวใจระริกระรี้มีความสุข ถูมือกับกางเกงขาสั้นเร็วๆ ก่อนล้วงลูกกุญแจออกมาจากกระเป๋าย่ามและไขประตู
เพลงพิณตาโตกับสภาพของห้องที่เละ เกลื่อนไปด้วยข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ที่ระเนระนาด แต่ไม่มีวี่แววของเจ้าของห้อง หญิงสาวขมวดคิ้ว…หรือว่าคอนสแตนตินจะอาละวาดพังนั่นพังนี่แล้วพบห้องลับ ทางลับเข้าโดยบังเอิญ และใช้เส้นทางนั้นหนีออกจากห้อง แต่ทันใดนั้นลมจากช่องประตูก็โชยมากระทบแขน หญิงสาวหันไปมองที่ระเบียงก็เห็นชายผ้าสีดำพลิ้วๆ อยู่ ร่างเล็กรีบปราดไปทันทีก่อนจะเห็นภาพที่ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น
คอนสแตนตินยืนหันหลังให้เธออยู่บนขอบระเบียงที่ลอยเด่นอยู่บนความเวิ้งว้าง แม้จะเป็นเวลาเที่ยงวันแต่ฟ้าหลัวอึมครึม ร่างกายของเพลงพิณเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ แต่พอจะขยับกรามที่คลายจากอาการแข็งค้างเพื่อห้าม ร่างสูงก็ลอยละลิ่วลงไปจากระเบียงเสียแล้ว
“คอนนนนน…” หญิงสาวร้องเสียงหลง น้ำตาไหลทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้เลย เหมือนผ่านไปเป็นปีที่สมองของเธอร้อนเหมือนถูกลวก หัวใจเหมือนถูกบีบเค้นจนเจ็บอก ทั้งที่จริงเพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้น และอีกเสี้ยวนาทีต่อมาเธอก็ได้ยินเสียงดังตูมเหมือนน้ำแตกกระจาย หญิงสาวรีบพุ่งกายออกไปที่ขอบระเบียงแล้วยื่นหน้าที่เปียกน้ำตาชะโงกลงไปดู
คอนสแตนตินกระโดดลงไปยังสระว่ายน้ำพอดี ร่างกำยำถอดเสื้อคลุมที่รัดรึงออกแล้วว่ายไปยังขอบสระ เพลงพิณเห็นดังนั้นก็เหมือนกับได้เกิดใหม่ แต่น้ำตายังไม่หยุดไหลเสียที เธอเช็ดน้ำมูกกับแขนเสื้อ มองยังจุดที่คนบ้าระห่ำนั่นกระโดดลงไปก็เห็นว่าชิดกับขอบสระด้านที่เป็นเวิ้งอากาศเหนือหน้าผาสูงชันพอดี หากเขากะระยะผิดแล้วเลยไปกว่านั้นสักหนึ่งฟุต ร่างก็คงกระแทกกับขอบสระ หรือไม่ก็พุ่งลงไปยังหน้าผาด้านล่างและกลายเป็นศพเละแหลกเหลว
เพลงพิณปาดน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหลแรงๆ กระชากย่ามที่ยังคล้องอยู่กับไหล่ออกแล้วเขวี้ยงลงบนพื้นอย่างไม่แยแส ร่างเล็กบางวิ่งซอยเท้าออกไปจากห้องด้วยแรงผลักดันมหาศาล ลงบันไดขั้นแล้วขั้นเล่าด้วยความเร็วที่ไม่ต่างกับการเหาะ
เธอจะไปจัดการคนบ้านั่นให้เละเลย!
“คนบ้า คนสารเลว ทุเรศๆๆ ไอ้…ไอ้ผีดูดเลือดบ้า นึกว่าตัวเองบินได้หรือไง…ฮือๆ”
ทันทีที่เพลงพิณมาถึงตัวคอนสแตนตินที่เดินตัวเปียกโชกกลับเข้าในห้องโถง หญิงสาวก็ปรี่เข้าไปหาแล้วใช้กำปั้นระดมทุบไปตามตัวเขาอย่างไม่เลือกที่ ปากก็ด่าว่าออกมายาวเหยียดสลับกับส่งเสียงสะอื้นออกมาเป็นระยะๆ ดวงตาที่เคยเป็นสีน้ำตาลสุกใสชุ่มฉ่ำน้ำ แก้มเนียนนุ่มแดงช้ำและเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาจนดูไม่จืด
คอนสแตนตินถึงกับช็อกกับภาวะอารมณ์อันเข้มข้นที่กำลังเผชิญอยู่ ก่อนหน้านี้เขาโกรธจนคิดว่าจะฆ่าเธอได้ และที่ตัดสินใจกระโดดลงมาจากระเบียงทั้งที่ได้ยินเสียงเธอเปิดประตูห้องก็เพราะไม่ต้องการให้เธอถือไพ่เหนือเขา ไม่อยากให้เธอเป็นเหมือนเจ้านายที่มาปลดปล่อยสัตว์เลี้ยงออกจากกรงขัง เขาไม่ชอบให้ชีวิตตัวเองขึ้นอยู่กับใครทั้งนั้น…แต่พอเธอมาระเบิดอารมณ์และต่อว่าเขาด้วยอาการตกใจคล้ายจะเป็นห่วงแบบนี้ เขาก็ตอบโต้กลับไปไม่ถูก
“นึกว่าตัวเองเป็นผีค้างคาวมีปีกหรือไง…ถ้า…ถ้ากระโดดแล้วเลยไปจะทำไง ไอ้…ไอ้สมองหมู ไม่มีความคิด ตัวโตเท่าหมีควาย ถ้ากะระยะไม่ถูก ถ้าน้ำลึกไม่พอ…ไอ้โง่บ้า…คุณต้องการแก้แค้นฉันใช่ไหม อยากให้ฉันตกนรกตายหรือไม่ย่ากับอาคุณก็จะได้มาฉีกอกฉันใช่ไหม ไอ้คน…คนทุเรศ” หญิงสาวยังรัวคำต่อว่าออกมาเป็นชุด กำปั้นเล็กๆ ทุบไปตามเรือนกายแข็งแกร่งมีหยดน้ำเกาะพราวจนเจ็บมือไปหมด พอชักจะหมดแรงก็เปลี่ยนเป็นหยิกข่วนเขา หวังจะให้เขาเจ็บสาสมกับที่ทำให้เธอแทบช็อกตายเมื่อครู่…เธอไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่หัวใจของเธอมันเจ็บปวดเกินบรรยาย น้ำตาก็เอาแต่ไหลไม่หยุด
คอนสแตนตินเริ่มตั้งสติได้ เมื่อเพลงพิณไม่พอใจแค่การข่วน แต่ยังพุ่งเข้ามาฝังฟันเขี้ยวคมๆ ที่ต้นแขนเขาสลับกับทุบร่างเขาอุตลุด มือแข็งแรงรีบรวบแขนเล็กเรียวทั้งสองข้างไว้ แขนข้างที่ว่างก็รวบตัวหญิงสาวมาแนบชิด
“คุณเป็นห่วงผมหรือไง…ร้องห่มร้องไห้ขนาดนี้” เสียงห้าวถามออกมาลุ่นๆ แล้วก็ชะงักอย่างแปลกใจตัวเองเหมือนกัน
เพลงพิณสะอื้น รู้สึกรังเกียจน้ำมูกตัวเองก็เลยหันไปเช็ดกับต้นแขนแกร่งเสียเลย เธอถูหน้ากับหน้าอกเขาเพื่อปาดน้ำตาทิ้ง แล้วก็ต้องกระทืบเท้าอย่างขัดใจเมื่อมันยังไหลออกมามากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ปากบางตอบโต้ทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น “บ้าสิ! ฮึก…ใครจะต้องมาเปลืองสมองห่วงคุณด้วย…ฮึก…คนไม่ห่วงชีวิตตัวเองแบบนี้น่าห่วงที่ไหน…แต่ที่ฉันไม่ชอบหน้าคุณก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้คุณตายนี่…ฮะ…ฮึก…โดยเฉพาะตายเพราะฉันเป็นต้นเหตุ คุณอเล็กซิสต้องเอาฉันตายแน่ เงินคุณก็ยังไม่ได้จ่ายให้ฉันเลย ทำงานมาเป็นเดือนๆ แล้ว”
คอนสแตนตินได้ฟังความคิดของเธอก็รู้สึกปวดหน่วงในใจอย่างไม่รู้สาเหตุ รู้แต่ว่าตอนนี้อยากไปให้พ้นๆ จากผู้หญิงตัวปัญหานี่เสียที ชายหนุ่มสะบัดมือที่เกาะกุมคนตัวเล็กอยู่ออกอย่างหยาบคาย ดวงตาสีน้ำเงินเปล่งประกายเย็นชาสุดแสนเมื่อชะโงกหน้าลงไปพูดกับอีกฝ่ายใกล้ๆ
“ทีหลังก็ไม่ต้องเสียเวลากลัวว่าผมจะตายหรอกนะ ผมน่ะมันตายยาก…ระวังก็แต่ตัวคุณน่ะแหละ” มือหยาบกระด้างฉกวูบไปที่ลำคอระหงแล้วกำรวบไว้ด้วยมือเดียว “ท้าทายความอดทนผมมากๆ เข้าจะตายโดยไม่รู้ตัว” ชายหนุ่มกดน้ำหนักไปที่นิ้วหัวแม่มือนิดหนึ่งพอให้เกิดความตระหนกวูบในดวงตาเรียวแดงช้ำ ก่อนจะหัวเราะเสียงเหี้ยมๆ แล้วปล่อยมือออก
เพลงพิณถอยกรูดหนีไปอีกหลายก้าว ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาแล้วเชิดหน้าท้าทาย “ไอ้…ไอ้คนชั่ว คนใจร้าย ใจดำ…ฉันจะหย่า…”
ร่างบึกบึนที่สวมเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวสืบเท้าเข้าไปหาพรวดเดียวก็ถึงตัวคนปากเก่ง “แล้วจะไปเสวยสุขกับไอ้สารเลวมาร์คนั่นใช่ไหม…ถ้ากล้าก็หาทีมทนายมาเตรียมฟ้องได้เลย แต่ระหว่างนี้กรุณาทำตัวให้สมกับเป็นคุณผู้หญิงของอันเกลอสหน่อย ระหว่างที่ผมไม่อยู่อย่าได้ไปก่อเรื่อง ไปนัดพบกับผู้ชายที่ไหนอีก…ไม่งั้นเห็นดีกันแน่”
เพลงพิณกระทืบเท้าถี่ๆ เหมือนเด็กๆ ส่วนอีกฝ่ายก็ก้าวยาวๆ จากไปอย่างไม่แยแส…หญิงสาวยกมือขึ้นทึ้งผมเป็นลอนของตัวเองอย่างเจียนคลั่ง พร้อมกับกุมหัวใจที่ยังเต้นระรัวไม่หยุด…ตกลงที่เธอแก้แค้นคอนสแตนตินนี่เธอชนะหรือแพ้ยับเยินกันแน่…ถูกให้อดข้าว ถูกจูบต่อหน้าคนนับสิบ แล้วยังมาร้องไห้อย่างสิ้นท่าต่อหน้าเขา…ที่สำคัญ…ทำไมเมื่อครู่เธอถึงเป็นห่วงเขาจนสติแตกแบบนั้นด้วย
ติดตามต่อได้ใน ‘เพลง(รัก)ของเจ้าชายอสูร’ ฉบับหนังสือ
Comments
comments