บทที่ 5…มิสเตอร์และมิสซิสอันเกลอส…หนูน้อยหมวกแดงกับเจ้าชายอสูร
“เฮ้อ นี่เราแต่งงานแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย”
เพลงพิณมองแหวนเพชรเม็ดโตที่นิ้วนางข้างซ้ายพลางร้องออกมาอย่างทึ่งๆ เป็นครั้งที่สิบ หญิงสาวนอนเอนอยู่บนเบาะที่นั่งผู้โดยสารกว้างขวางทำจากหนังลูกวัวบนเครื่องบินส่วนตัวของสามี ผู้กำลังวุ่นวายอยู่กับผู้ช่วยท่าทางมันสมองเฉียบแหลมทั้งสามคนอีกด้านหนึ่ง ไม่มีวี่แววว่าจะสนใจอะไรเธอสักนิด…ก็ดี
หญิงสาวจิบแชมเปญในแก้วที่ถืออยู่ แล้วก็ต้องยิ้มขอบคุณเมื่อพนักงานชายแต่งกายเนี้ยบที่คอยอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้เธอตั้งแต่เธอก้าวขึ้นเครื่องรีบปราดมารินให้ใหม่ทันที…หรูหรา สะดวกสบายยิ่งกว่าชั้นเฟิร์สต์คลาสของสายการบินใหญ่ๆ เสียอีก อาหารการกินก็มีให้เลือกเพียบ ซึ่งเธอก็ได้จัดการไปแล้วเต็มที่ จนพนักงานยังอึ้ง
หญิงสาวจิบแชมเปญอีกครั้ง ก่อนเอนกายพิงพนักนุ่มพร้อมกับหลับตา…สินสอดของการแต่งงานปลอมๆ ครั้งนี้คือหนึ่งล้านยูโร ซึ่งเธอให้เจ้าบ่าวหักไปจากเงินค่าจ้างของเธอ เพราะไม่ต้องการเอาเปรียบเขา ส่วนแหวนเพชรเม็ดโตหนักแปดกะรัตที่เธอสวมอยู่ตอนนี้ เธอบอกเขาว่าจะคืนให้หลังครบกำหนดสามปี แต่คอนสแตนตินกลับไม่ใส่ใจ เพลงพิณก็เลยดีใจไป เพราะเงินค่าแหวนนี้จะเป็นค่าก่อสร้างบริษัทรับออกแบบ ตกแต่งของเธอในอนาคตได้สบายๆ
เธอรู้สึกตื่นเต้นและแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะไปอยู่ที่เกาะมิครอสและเริ่มงานที่เธอรักเสียที เธอได้ติดต่ออลันเพื่อนรักที่เคยเรียนออกแบบด้วยกันที่นิวยอร์กไว้แล้ว…ช่วงนี้งานของอลันรัดตัวมากๆ กระทั่งวันแต่งงานของเธอก็บินมาร่วมแล้วกลับอเมริกาเลย แต่ถึงอย่างนั้นเกย์หนุ่มก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะหาเวลาไปช่วยเธอวางโครงการสักระยะหนึ่ง แล้วก็ยิ่งประจวบเหมาะขึ้นไปอีก เพราะอีกสองสามสัปดาห์ อลันต้องบินไปร่วมงานแต่งงานของหนุ่มชื่อดังในวงการโฆษณากับนักออกแบบท่าเต้นที่เคยเป็นครูสอนทั้งอลันและเพลงพิณเมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษาอยู่วิทยาลัยศิลปะ งานแต่งงานครั้งนี้จะจัดขึ้นที่เกาะเอียรอส* เกาะโรแมนติกสุดยอดความใฝ่ฝันของคู่รักที่อยู่ไม่ห่างจากเกาะมิครอสนัก เพลงพิณเองก็ได้รับเชิญไปร่วมงานด้วย
ทั้งที่ไฟแรงอยากเริ่มงานตัวแทบสั่น แต่น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถตรงไปที่ปราสาทได้ทันที หลังจากเครื่องแลนดิ้งแล้วเธอกับคอนสแตนตินต้องไปนอนค้างที่บ้านในเอเธนส์ก่อนหนึ่งคืน เพื่อแนะนำตัวและสร้างความคุ้นเคยกับญาติๆ หัวสูงของเขา…นึกมาถึงตรงนี้เจ้าสาวหมาดๆ ก็เซ็งจิต เธอเป็นคนที่มีความรู้สึกไว รับรู้ได้ว่าคนพวกนั้นไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่นักและไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้…ภาพน่าอายในสวนของเธอกับคอนสแตนตินที่ลงหนังสือซุบซิบต่างๆ คงยิ่งทำให้พวกเขาเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงชอบขุดทอง ไร้ยางอาย…คนตัวเล็กถอนหายใจ หวังว่าด้วยเวลาที่ผ่านไป คนพวกนั้นจะเข้าใจเธอดีขึ้น แต่ถ้าไม่ เธอก็ไม่ใส่ใจอยู่แล้ว บนโลกนี้มีเรื่องน่าสนใจๆ เกิดขึ้นทุกวัน ใครจะมาจมปลักกับความคิดบ้าๆ ของคนไม่กี่คนอยู่ได้
เพลงพิณจิบแชมเปญอีก กวาดตามองไปรอบๆ ห้องผู้โดยสารโอ่โถงที่มีบอดี้การ์ดสี่คนนั่งรวมกันอยู่ด้านหนึ่ง ตาเรียวเบนกลับมามองคอนสแตนตินในชุดกางเกงสแล็กส์กับเสื้อเชิ้ตดำที่กำลังนั่งคุยงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จะเว้นระยะการสั่งงานและการหารือกับพวกผู้ช่วยทั้งสามก็ตอนที่จิบกาแฟร้อนกลั้วคอเท่านั้น…ตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาสี่ห้าชั่วโมง เธอยังไม่เห็นเขากินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันด้วยซ้ำ ส่วนงานเลี้ยงที่เลี้ยงส่งเธอกับเขาที่โรงแรมของนานาเพื่อนรักของเธอ คอนสแตนตินก็ไม่ได้แตะอะไรเลย…หญิงสาวจิบแชมเปญ เธอชักเริ่มเบื่อกับการกิน ดื่ม และฟังเพลงแล้ว อยากจะยืดเส้นยืดสาย สร้างภาพเป็นภรรยาที่ดีเสียหน่อย
* ชื่อของกามเทพในภาษากรีก หรือคุ้นหูกว่าในชื่อ “คิวปิด” นั่นเอง
ร่างเล็กที่หลังจากขึ้นเครื่องได้ไม่นานก็เปลี่ยนมาสวมกางเกงผ้าสำลีสีเหลืองสด เสื้อยืดเนื้อนุ่มสีฟ้าแทนชุดสวยที่แม่เลือกให้เพราะให้ความสบายตัวมากกว่าลุกจากที่นั่ง ขมวดๆ สายหูฟังที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนบ่ากับเครื่องเล่นเพลงให้เรียบร้อย แล้วเดินมาหาสามีตัวโตหน้าดุซึ่งยังคงคร่ำเคร่งกับเอกสารตรงหน้า ผู้ช่วยที่มีวัยตั้งแต่ต้นสามสิบ ปลายสามสิบ และกลางสี่สิบต่างหยุดชะงักในสิ่งที่กำลังทำอยู่ แล้วรีบลุกขึ้นยืนยิ้มอ่อนๆ ให้ภรรยาเจ้านาย
เพลงพิณยิ้มตอบกว้างขวาง โบกไม้โบกมือให้ทุกคนตามสบาย เหล่ตามองท่านเคานต์แดร็กคิวล่าซึ่งยังคงนิ่งเฉย ก่อนจะนั่งลงหมิ่นๆ ยังเท้าแขนที่นั่งของเขาแล้วถามเสียงหวาน “ไม่ทานอะไรสักหน่อยเหรอคอน…คุณดื่มแต่กาแฟแบบนี้ ดีที่ไหนกัน”
คอนสแตนตินหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา มือเลื่อนแฟ้มที่อยู่ใกล้มือมาเปิดออกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพลงพิณเห็นดังนั้นก็ถอนใจเฮือก รู้ดีว่าถ้าวอแวเขาไปมากกว่านี้ เธอจะถูกดุต่อหน้าผู้ช่วยทั้งสาม รวมถึงเหล่าพนักงานและทีมบอดี้การ์ด แต่ถ้าเธอเดินคอตกกลับไปง่ายๆ มันก็เหมือนกับเธอจ๋องกับเขา…ไม่ได้เด็ดขาด
หญิงสาวเลยยิ้มหวานอีกครั้งแล้วรูดยางมัดผมสีดำที่รัดจุกผมบนกระหม่อมเพื่อกันไม่ให้ผมปรกหน้าออก มือเรียวเล็กขาวสะอาดเลื่อนมาลูบไล้แล้วรวบผมหยักศกดำสนิทที่นุ่มยังกับเส้นไหมของคอนสแตนตินก่อนจะมัดไว้ตรงท้ายทอย
“เพลงเห็นผมมาคอยเกะกะคุณอยู่เรื่อย…มัดไว้อย่างนี้ล่ะค่ะดีแล้ว…ไหนดูซิ” หญิงสาวทำท่าเบนหน้าออก ก่อนจะร้องงึมงำในคอ “อืม…ดูยังกับโจรสลัดแน่ะ เท่จัง แหะๆ”
มือเล็กของคนใจกล้าลูบใบหน้าที่รกไปด้วยเคราของเขาอีกครั้ง ไม่รอให้ชายหนุ่มตั้งตัวทัน รีบเลื่อนสะโพกลงจากเท้าแขนและเดินลอยชายจากมาด้วยใจที่เต้นระทึกผิดกับท่าทีเนิบนาบที่แสดงออก อยู่ๆ เธอก็รู้สึกร้อนที่แผ่นหลัง พอหันกลับไปมองก็แทบสะดุ้งกับพลังของดวงตาสีน้ำเงินเข้มข้นไปด้วยอารมณ์ที่กำลังจ้องมา…หญิงสาวทำท่ายักไหล่แล้วยิ้มแบบ ‘ฉันสบายดี’ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง…คว้าแก้วแชมเปญที่พนักงานรินเตรียมไว้มาดื่มเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ
ครู่ใหญ่ต่อมา เพลงพิณที่เริ่มมีเสียงอ้อแอ้จากอาการเมาก็ร้องงอแงให้พนักงานไปหาเสื้อคลุมตัวโปรดมาให้เธอ หญิงสาวส่ายหน้าอย่างเอาแต่ใจตัวเองเมื่ออีกฝ่ายนำเสื้อแคชเมียร์สีฟ้าอ่อนมาให้ จนในที่สุดพอได้แจ็กเก็ตมีฮู้ดสีแดงมีลายพิมพ์หน้าลิงยิ้มแป้นแล้นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เธอก็ยิ้มอย่างดีใจ จัดแจงสวมทับเสื้อยืดเป็นการเตรียมตัวไว้ก่อนเวลาที่เครื่องจะลงจอด พอพนักงานตอบคำถามของเธอว่าเหลืออีกเกือบห้าชั่วโมงจึงจะถึงปลายทาง หญิงสาวก็เลยตัดสินใจจะนอนสักตื่น…เธอจิบแชมเปญอีกครั้ง ชักผ้าห่มไหมสีน้ำเงินเข้มมาคลุมตัว แล้วผล็อยหลับไปทันที
“นี่ตื่นๆ…ตื่นเดี๋ยวนี้นะ”
คอนสแตนตินเขย่าตัวภรรยาที่นอนหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างหงุดหงิด เครื่องลงจอดสนิทมาพักใหญ่แล้ว ผู้ช่วยทั้งสามนำเอกสารและแฟ้มงานต่างๆ ลงไปจากเครื่องแล้ว บอดี้การ์ดทั้งสี่ของเขาที่ผ่อนคลายมาตลอดการเดินทางก็เตรียมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ พนักงานข้างล่างขึ้นมาขนของสัมภาระต่างๆ ของเธอที่ดูเหมือนจะมากมายไม่หมดสิ้นลงไปหมดแล้ว…แต่เพลงพิณยังนอนหลับอุตุ เสียงความเคลื่อนไหวรายรอบดูจะไม่สามารถชอนไชเข้าสู่โสตประสาทเธอได้เลย
คอนสแตนตินถอนใจ เขามีงานที่รออยู่อีกมากมาย คงไม่มีเวลารอให้คนตรงหน้านี้ตื่นขึ้นมาหรอก ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทสีดำออกส่งให้บอดี้การ์ดแล้วช้อนตัวภรรยาขึ้นมาแนบอก…คนขี้เซาจนน่าโยนออกไปนอกเครื่องยังหลับตาพริ้ม ขนตายาวเฟื้อยสีน้ำตาลแทบแนบผิวแก้มไม่กระดุกกระดิกเลย…
พอถึงประตูเครื่อง ชายหนุ่มก็เห็นว่าท้องฟ้ายามเช้านั้นมืดครึ้ม มีฝนตกปรอยๆ เลยหันไปสั่งบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังให้ดึงฮู้ดที่ห้อยต่องแต่งอยู่กับเสื้อแจ็กเก็ตขึ้นคลุมหัวให้คนขี้เซาในอ้อมแขน พอเขามาถึงบันไดเครื่องเท่านั้น ก็พบว่ารอบนอกลานจอดเครื่องบินเต็มไปด้วยกองทัพนักข่าวจำนวนร่วมร้อยที่ตอนนี้กดชัตเตอร์กันระรัวพร้อมกับตะโกนถามคำถามมากมาย…ชายหนุ่มสบถดุเดือด ก้าวพรวดๆ ไปยังรถสีดำที่จอดรออยู่ เพื่อตรงไปยังอาคารผู้โดยสารขาเข้าและจัดการกับเอกสารในช่องการเดินทางพิเศษ
พวกนักข่าวกระหายกับเรื่องราวที่อยู่ตรงหน้าเหลือเกิน…คอนสแตนตินอุ้มภรรยาหมาดๆ ลงมาจากเครื่องบินด้วยตัวเอง ชุดดำตามปกติของเขาช่างตัดกันอย่างที่สุดกับชุดสีสดของภรรยาตัวเล็กบางที่แต่งกายคล้ายกับเด็กวัยรุ่น…เสื้อกันหนาวมีฮู้ดสีแดง
ฉลามข่าวคนหนึ่งคิดไอเดียคำขึ้นปกนิตยสารแท็บลอยด์ของเขาได้แล้ว…หนูน้อยหมวกแดงกับเจ้าชายอสูร
เพลงพิณรู้สึกตื่นเต็มที่แล้วระหว่างผ่านด่านเข้าเมืองที่เป็นช่องทางพิเศษสำหรับผู้โดยสารเครื่องบินส่วนตัว โดยเฉพาะคอนสแตนตินที่รวยที่สุดในกรีซ ซึ่งทุกคนเข้าใจว่าเวลาของเขาเป็นเงินเป็นทอง จึงไม่มีการซักถามอะไรให้วุ่นวาย เอกสารต่างๆ ผู้ช่วยทั้งสามก็จัดการให้ เพลงพิณที่ตื่นเต้นกับอภิสิทธิ์เหล่านี้กำลังจะเอ่ยปากชวนเขาหาอะไรกินที่สนามบิน แต่ชายหนุ่มกลับลากเธอลิ่วๆ ตรงไปยังทางออกเสียก่อน
พาหนะที่รับช่วงต่อเป็นโรลสลอยส์สีดำสนิท ที่นั่งผู้โดยสารกว้างขวางมาก เบาะนุ่มเสียจนเพลงพิณนั่งแล้วแทบจมหายไป แถมมีตู้เย็นเล็กๆ ดูหรูหรา หญิงสาวเปิดแล้วหยิบน้ำอัดลมออกมาหนึ่งกระป๋อง ช็อกโกแลตอีกแท่ง เหลือบมองคอนสแตนตินนิดหนึ่งก็หยิบเบียร์ส่งให้เขาด้วย
หญิงสาวเห็นว่าที่นั่งผู้โดยสารกับที่ของคนขับในตอนหน้ามีกระจกคั่นเพื่อความเป็นส่วนตัวก็เลยพูดขึ้น “นี่เรากำลังจะตรงไปบ้านคุณเลยใช่ไหม…บ้านในเอเธนส์น่ะ” เธอเคยมาค้างที่นั่นแล้วคืนหนึ่ง ในตอนที่ณิชาถูกศัตรูของสองพี่น้องอันเกลอสจับตัวไป แต่ญาติๆ เขาไม่อยู่ และเธอก็เครียดเกินกว่าจะสนใจสำรวจคฤหาสน์อันเกลอส
คอนสแตนตินจิบเบียร์ ยังไม่หายหัวเสียกับภาพกองทัพนักข่าวที่สนามบิน เขาเชื่อว่าพวกนั้นอีกกลุ่มใหญ่ก็คงไปออรอเก็บชอตเด็ดๆ อยู่ที่หน้าบ้านเขาเช่นกัน
“ใช่” ชายหนุ่มตอบ เห็นเพลงพิณในชุดตลกๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดขัดหูขัดตา “มีเรื่องที่ต้องตกลงกันอีกสามสี่เรื่องนะ…หนึ่งคือคุณต้องไม่ให้ข่าว ไม่ให้สัมภาษณ์ ไม่ทำให้ตัวเองเป็นข่าวอะไรทั้งนั้น สอง…เดี๋ยวเมื่อถึงบ้านแล้ว ทีมบอดี้การ์ดของคุณจะรอคุณอยู่ที่นั่น และยังมีผู้ช่วยส่วนตัวอีกสอง…ห้ามคุณไปไหนโดยไม่มีบอดี้การ์ดเด็ดขาด…สถานการณ์ของผมไม่ค่อยปกติ แต่ถ้าคุณไม่ทำตัววุ่นวาย ไปนั่นมานี่ อยู่แต่ที่มิครอสก็ไม่มีอะไรน่าห่วง”
สถานการณ์ไม่ค่อยปกติ…ต้องเป็นเรื่องการลอบยิงอะไรนั่นแน่ๆ ตายล่ะ…หญิงสาวร้องอุทานเบาๆ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะเสียดายที่ตัวเองไม่ได้เรียกเงินเพิ่มเป็นค่าความเสี่ยงขณะปฏิบัติหน้าที่…หญิงสาวตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้พูดในโอกาสเหมาะๆ ใบหน้ารูปหัวใจนิ่วนิดๆ ขณะมือเรียวส่งชิ้นช็อกโกแลตเข้าปาก
“ยุ่งยากเหมือนกันนะเนี่ย…มีอะไรอีกไหม”
คอนสแตนตินจิบเบียร์ มองเสื้อกันหนาวสีแดงของคนตัวเล็กอีกครั้งแล้วเม้มปาก “อย่าปรากฏตัวในที่สาธารณะด้วยชุดแบบนี้อีก!”
เพลงพิณเม้มปาก เหลือบมองการแต่งกายของสามีตัวดีแล้วสะบัดหน้าไปมองวิวนอกรถ…ฮึ แล้วจะให้แต่งตัวเหมือนกับไว้ทุกข์ตลอดเวลาเหมือนเขาหรือไง…ฝันไปเถอะ
คนของคอนสแตนตินได้ทำการกั้นกองทัพนักข่าวไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อรถคันยาวมาถึงหน้าบ้านจึงสามารถแล่นผ่านประตูอัลลอยงดงามเข้าไปได้โดยไม่ต้องรอ เพลงพิณหันหน้าหันหลังมองออกไปยังกลุ่มคนที่ร้องระเบ็งเซ็งแซ่และถ่ายรูปกันไม่หยุดอย่างนึกทึ่ง…ไม่คิดว่าคอนสแตนตินจะเป็นที่สนใจขนาดนี้ ต่อไปนี้เธอเองก็คงเป็นเป้าเหมือนกัน หญิงสาวยิ้มและร้องฮิฮะอยู่ในใจ เธอคงต้องพยายามเป็นข่าวแบบเนียนๆ เพราะกว่าผลงานชิ้นโบแดงของเธอที่ปราสาทมิครอสจะเสร็จ ผู้คนจะได้พอคุ้นหน้าคุ้นตาเธอบ้าง ไม่ต้องโปรโมตกันทีหลังให้มากมาย
รถแล่นมาถึงหน้าตึกสีขาวสว่างที่มีความงดงามทางสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์รายรอบ เพลงพิณมองอย่างสนใจในแง่การออกแบบ แต่พอเธอเห็นว่านอกจากเหล่าคนงานและคนรับใช้ที่ยืนเข้าแถวรอรับอยู่ที่ลานหน้าบันไดยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งยืนอยู่บนบันไดหินอ่อนเหนือขึ้นไปก็เม้มปาก…ย่า อาสาว อาเขยกับลูกพี่ลูกน้องสองคนของคอนสแตนตินแต่งตัวกันเต็มที่ยืนอยู่ที่ทางเข้าตัวตึก ทอมบอยจอมแก่นรู้สึกว่าเลือดหาเรื่องแผลงของเธอมันเริ่มร้อนระอุ เธอไม่ชอบครอบครัวของเขาเลย รู้สึกว่าทุกคนแล้งน้ำใจและไร้มารยาทมาก ไปร่วมงานแต่งงานก็เพียงแค่เสร็จพิธี พ่อแม่ของเธอเตรียมการต้อนรับ วางแพลนไว้ว่าจะพาไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เป็นอันต้องเก้อไป แม้โซเฟียย่าของเขาจะอ้างปัญหาเรื่องสุขภาพของตัวเองและนัดหมายสำคัญทางธุรกิจของลูกเขยก็ตาม ยังไงเพลงพิณก็รู้สึกไม่ชอบใจ และตลอดงานอาผู้หญิงของเขามองเธอด้วยสายตาคลางแคลงดูถูก ส่วนลูกพี่ลูกน้องทั้งสองของเขาก็ไม่ได้ไปร่วมงานด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามเพลงพิณก็สะกดความมันเขี้ยวไว้พร้อมกับปั้นยิ้มก่อนจะก้าวลงจากรถพร้อมๆ กับคอนสแตนติน เธอในฐานะนายผู้หญิงคนใหม่ของตระกูลอันเกลอสยิ้มทักทายคนงานมากมายที่ส่งเสียงทักทายนอบน้อม บางคนที่จำเธอได้คราวที่เธอมาค้างเมื่อสองปีก่อนก็ส่งยิ้มให้ หญิงสาวรีบยิ้มตอบและทักทายทุกคนเสียงใสเป็นกันเอง
คอนสแตนตินพาเธอเดินขึ้นบันได แล้วหยุดลงตรงหน้าสมาชิกในครอบครัวที่รออยู่ เพลงพิณรู้สึกได้ว่าทุกคนมองการแต่งกายของเธออย่างอึ้งๆ ก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉย ยกเว้นกับผู้หญิงอายุแก่กว่าเธอราวๆ สองสามปีที่แต่งตัวเปรี้ยวโฉบเฉี่ยวด้วยชุดแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ยิ้มเยาะสภาพของเธออย่างไม่สนใจจะปิดบัง
“ยาย่าครับ” คอนสแตนตินทักหญิงชราร่างเล็กที่แต่งหน้าแต่งกายประณีตจนดูลดอายุจริงไปได้มากแล้วเข้าไปกอดและจูบแก้ม ก่อนจะหันมาทางภรรยา
เพลงพิณยิ้มอย่างสงวนท่าที หญิงชราดูสง่าและไว้ตัวจนเธอไม่รู้ว่าจะแสดงความยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งและปฏิบัติตนในฐานะสมาชิกใหม่ของครอบครัวอย่างไรดี แต่แล้วก็คาดไม่ถึง เมื่อย่าของคอนสแตนตินดึงเธอไปกอดแล้วหอมแก้มซ้ายขวา
“เดินทางเป็นยังไงบ้าง…ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้ไปรับที่สนามบิน ต้องคอยดูแลพวกคนงานเตรียมบ้านไว้ต้อนรับเธอกับคอนสแตนตินน่ะจ้ะ” โซเฟียย่าของคอนสแตนตินพูดด้วยโทนเสียงอ่อนเบา หลังจากปล่อยหลานสะใภ้ออกจากอ้อมแขน
เพลงพิณรู้สึกแปลกใจนิดๆ ที่ย่าของเขาดูเป็นมิตรมากขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะโซเฟียเห็นแก่หลานชายและเริ่มจะทำใจได้บ้างแล้วกับการแต่งงานสายฟ้าแลบที่เกิดขึ้น ท่าทีเย็นชาไว้ตัวเหมือนครั้งไปร่วมงานแต่งงานจึงเปลี่ยนไป
คอนสแตนตินทักทายอาเขยและอาสาวของเขาสองสามคำ เพลงพิณที่ยืนข้างๆ เห็นสายตาของมาเรียอาผู้หญิงของเขาที่มองเธออย่างเหยียดๆ ปนคลางแคลงใจ จึงรีบไปเกาะกอดแขนของสามีกำมะลออย่างแกล้งยั่วโมโหก่อนจะทักทายตามมารยาท ส่วนสามีของมาเรียเป็นชาวฝรั่งเศสชื่อฌอง ฟิลิป ชายวัยต้นห้าสิบทักทายเสียงดังและยิ้มแย้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตาสีเทาที่ดูครุ่นคิดกังวล
สมาชิกคนต่อมาของครอบครัวคอนสแตนตินซึ่งเธอได้พบเป็นครั้งแรกเพราะเขาไม่ได้ไปงานแต่งงานที่เมืองไทยก็ทำให้เพลงพิณยิ้มกว้าง และรู้สึกว่าคฤหาสน์หลังนี้มีอะไรรื่นรมย์ขึ้นมาบ้าง…ยอร์โก้เป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่นและขี้เล่นมาก ไม่ทันที่เธอจะเปิดปาก เขาก็ทักทายขึ้นก่อนและจับมือเธอไปเขย่า
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ พี่สะใภ้…คุณดูเด็กจัง และผมก็ชอบเสื้อแจ็กเก็ตของคุณด้วย”
เพลงพิณหัวเราะ แล้วก็ตอบว่าเธอก็ชอบรองเท้าหนังสุดเท่ของเขาเหมือนกัน หญิงสาวต้องหยุดการพูดคุยเมื่อคอนสแตนตินลอบมองเธอด้วยตาดุๆ ก่อนจะแนะนำให้เธอกับลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงของเขารู้จักกัน…ดอร์เซียหรือดาเน่มีบุคลิกต่างกับพี่ชายลิบลับ หญิงสาวแต่งกายเหมือนเตรียมจะไปขึ้นปกนิตยสารโว้ก และไม่มีท่าทียินดีต้อนรับเธอเลย เพลงพิณรู้สึกแปลกใจเมื่อเธอมองทะลุมาดไม่แยแสไม่พอใจนั้นกลับเห็นความอ่อนแอ สิ้นหวังบางอย่าง รวมถึงความเศร้าในดวงตาและรอยเครียดรอบๆ ปากซึ่งถูกกลบเกลื่อนไว้อย่างดีด้วยเครื่องสำอาง…แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าเหยียดๆ แฝงความดูถูกของอีกฝ่ายก็ทำให้เพลงพิณหมั่นไส้ ดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์วาววามขณะลอยตาทักทายหญิงสาวแบบบางที่สูงกว่าเธอถึงช่วงศีรษะด้วยท่าทีเหนือกว่าของเจ้าของบ้านคนใหม่
พอเห็นว่าหลานสะใภ้คนใหม่ทักทายสมาชิกในครอบครัวครบแล้ว โซเฟียก็เรียกชายอายุกลางสี่สิบหน้าตาท่าทางเข้มงวดจริงจังที่ยืนอยู่หัวแถวของคนงานที่ลานหน้าบันไดให้ขึ้นมาหา ก่อนจะให้เขาแนะนำตัวกับนายหญิงคนใหม่อย่างเป็นทางการ
“กาลีเมร่า[1] ครับคิริอา กระผมเอวานครับ เป็นพ่อบ้านคอยดูแลทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่…ตระกูลกระผมรับใช้ตระกูลอันเกลอสมาสามชั่วอายุคนแล้ว และกระผมก็ยินดีอย่างมากขอรับที่จะได้รับใช้คิริอา”
เพลงพิณเบิกตาอย่างอึ้งนิดๆ นายเอวานพ่อบ้านคนนี้ดูท่าทางจู้จี้เจ้าระเบียบไม่ใช่เล่น ผมของเขาเรียบกริบไม่กระดิกสักเส้น ชุดสูทของเขาก็เนี้ยบและทำให้เขาดูสง่าเหมือนนายพล แต่ใบหน้าของเขากลับชวนให้หมั่นไส้ที่สุด เพราะมันช่างดูวางภูมิและเอาจริงเอาจังเสียจนน่าแกล้งให้มาดหลุดยิ่งนัก
เพลงพิณยิ้มแล้วถามเสียงใส “ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ…แล้วแต่งงานหรือยังล่ะเอวาน”
พ่อบ้านอึ้งไปนิดด้วยความคาดไม่ถึง ก่อนจะสำรวมสีหน้า ทั้งที่ไม่ค่อยยินดีนักที่ถูกถามในเรื่องส่วนตัว…แต่เสียงที่ตอบก็ยังสุภาพ “ยังครับคิริอา”
เพลงพิณยิ้มแย้ม แกล้งเย้าว่า “รีบๆ ก็ดีนา…เดี๋ยวไม่ทันผลิตทายาทรุ่นสี่”
เสียงยอร์โก้หัวเราะออกมาอย่างขบขัน เพลงพิณหันไปยิ้มให้ ฝ่ายโซเฟียที่รู้นิสัยเอาจริงเอาจังเจ้าระเบียบของเอวานดีก็กลัวว่าเขาจะถูกล้อเล่นให้ต้องช็อกอีก จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอ้า คอน พาเมียหลานเข้าบ้านได้แล้ว จะได้พักผ่อน เดินทางกันมาเหนื่อยๆ” โซเฟียสั่ง แล้วเดินนำทุกคนเข้าไปก่อน
[1] สวัสดีตอนเช้าในภาษากรีก แต่ส่วนใหญ่ใช้พูดได้ถึงบ่าย
คอนสแตนตินรับคำเบาๆ ก่อนจะรวบร่างของเพลงพิณขึ้นอย่างรวดเร็วจนหญิงสาวร้องวี้ดอย่างตกใจ ชายหนุ่มก้าวผ่านธรณีประตูตามธรรมเนียมของฝรั่งในวันที่พาเจ้าสาวเข้าบ้านใหม่ ก่อนจะวางเธอลง หญิงสาวอมยิ้มกับแววตาล้อเลียนของยอร์โก้ที่เดินตามหลังมา ก่อนจะหุบลงอย่างทันควันเมื่อเห็นสายตาหมั่นไส้ ไม่ชอบใจจากมาเรียและดอร์เซีย
“ผมฝากเพลงด้วยนะครับ…ว่าจะออกไปเคลียร์งานที่บริษัทซะหน่อย” เจ้าบ้านหนุ่มพูดเสียงเรียบ เมื่อทุกคนเข้ามายังห้องนั่งเล่น
หากโซเฟียผู้เป็นย่าค้านเสียงเขียว “ได้ยังไงคอน…เพิ่งมาถึงกันเหนื่อยๆ เมียเราก็ยังไม่คุ้นเคย จะมาทิ้งเขาไว้ได้ยังไง”
เพลงพิณเป็นคนช่างสังเกต เธอเห็นแววแปลกใจ คลางแคลงจากสายตาของญาติๆ เขา ก็เลยคิดว่าต้องเล่นละครสักนิดให้สมบทบาทคนที่รักกันสุดหัวใจจนแต่งงานกันอย่างกะทันหัน
“นั่นสิคะ…คุณใจร้ายจังเลย ไหนบอกว่าเราจะมีวันฮันนีมูนยาวถึงสิบวันเต็มไงคะ…นี่คุณจะทิ้งฉันไปทำงานอีกแล้ว” หญิงสาวถามออดอ้อนปนกระเง้ากระงอด มือเล็กขาวผ่องลูบไล้ไปที่ต้นแขนเขาอย่างสนิทสนม
ดอร์เซียเห็นภาพนั้นก็ทำเสียงชนิดหนึ่งในคอแล้วสะบัดหน้าเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป ส่วนมาเรียชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำขอตัวเพราะมีธุระต้องออกไปทำพร้อมกับแตะต้นแขนสามีเบาๆ ให้เดินไปพร้อมกัน ฌอง ฟิลิปหันมายิ้มให้เพลงพิณอีกนิดหนึ่งตามมารยาทก่อนจะเดินตามภรรยาไป
“อย่าถือสาคุณพ่อคุณแม่เลยนะครับ…พวกท่านก็…แปลกๆ ยังงี้แหละ” ยอร์โก้หันมายิ้มให้สมาชิกใหม่กับครอบครัวขณะทรุดกายลงนั่งยังโซฟา
“ใช่…ที่จริงพวกเขาไม่มีอะไรหรอก…ส่วนยายดาเน่ก็เหมือนกันนะ แกแค่หวงคุณพี่ของแก เพราะ…อะไรๆ มันช่างกะทันหันเหลือเกิน” โซเฟียพูดเสียงเบา มองเพลงพิณซึ่งยังเกาะต้นแขนหลานชาย “…แต่ย่ายินดีด้วยนะที่คอนได้เป็นฝั่งเป็นฝาเสียที อายุก็ไม่น้อยกันแล้ว…นี่ตกลงว่าจะมีลูกกันเลยใช่ไหม เอาสักสี่ห้าคนไล่ๆ กันไปเลยนะ จะได้เหนื่อยทีเดียว”
ยอร์โก้หัวเราะ มองคู่แต่งงานใหม่อย่างล้อเลียน เพลงพิณก็รู้สึกร้อนวูบๆ ที่ใบหน้าเหมือนกัน แต่เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้เธออายม้วนต้วนได้หรอก…รู้อยู่แก่ใจว่าคอนสแตนตินเป็นอะไร…เกย์ทั้งแท่งนี่นะ
หญิงสาวแสร้งทำท่าเขินอายไปตามบริบท ช้อนตาสุกใสมองสามี “คงยังไม่มีหรอกค่ะ…” หญิงสาวเห็นหญิงชรามีสีหน้าเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง ก็เลยรีบเสริมต่อว่า “…คิดว่าจะอยู่กันสองคนสักสาม…เอ่อ ปีสองปีค่ะ แล้วค่อย…เอ่อ คิดเรื่องนี้น่ะค่ะ”
“ก็ลองคิดดูกันเองก็แล้วกันนะ…อย่าลืมล่ะคอน หลานอายุไม่น้อยแล้ว” โซเฟียพูดด้วยเสียงที่แสดงความผิดหวังน้อยๆ ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับยอร์โก้ “…ย่าจะออกไปบ้านเพื่อนนะคอน ยอร์โก้เขาจะขับรถไปส่ง แล้วหลานก็ไม่ต้องออกไปทำงานล่ะ หยุดอยู่เป็นเพื่อนเมียสักวัน มีอะไรเยอะแยะมากมายที่ควรจะทำ บ้านช่องก็พากันชมให้ครบทุกส่วน เครื่องเพชรเครื่องประดับอะไรก็เอามาดู มาแจกแจง คนรับใช้ก็ให้มาแนะนำตัวทีละคน จะได้เรียกใช้ได้ถูก…ยังไงตอนนี้เพลงพิณเขาก็มาเป็นนายหญิงของบ้านแล้ว”
เพลงพิณยิ้มเก้อๆ ส่วนคอนสแตนตินพยักหน้าเงียบๆ “ที่จริงที่บ้านนี้เคยเป็นยังไงก็ให้เป็นไปแบบนั้นเถอะครับ ผมกับเพลงจะไปอยู่ที่มิครอสกันเป็นส่วนใหญ่ คงไม่ค่อยได้มาค้างที่นี่”
เพลงพิณรีบพยักหน้ายืนยัน…เธอสนใจแต่งานตกแต่งของเธอเท่านั้นแหละ บางทีอาจจะลืมไปเลยด้วยซ้ำว่าเธอแต่งงานแล้ว
โซเฟียพยักหน้า ไม่เอ่ยว่าอะไร ดวงตาสีฟ้าขุ่นมองหลานสะใภ้คนใหม่เหมือนกับกำลังชั่งใจและสงสัยอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็ยิ้มออกมานิดๆ และจับแขนหลานชายคนเล็กแล้วเดินไปยังบันได
หลังจากทุกคนออกไปข้างนอกกันหมด เพลงพิณก็เริ่มทำตัวตามสบายมากขึ้น หญิงสาวมองดูนั่นดูนี่ระหว่างทางที่เดินตามคนตัวโตคับบ้านไปยังห้องทำงาน ที่ที่เขาบอกสั้นๆ ว่าบอดี้การ์ดและผู้ช่วยส่วนตัวของเธอกำลังรอรับหน้าที่อยู่
ห้องทำงานที่ชายหนุ่มว่าคือห้องขนาดใหญ่เพดานสูงที่มีความยาวมากกว่าความกว้าง เฟอร์นิเจอร์ในห้องประกอบไปด้วยชั้นหนังสือ โต๊ะทำงานทำจากไม้เนื้อสีดำตัวใหญ่ ตู้เก็บเอกสาร และโต๊ะยาวสำหรับใช้เป็นที่ประชุมงาน ส่วนการตกแต่งก็เป็นแบบเรียบง่าย เน้นประโยชน์ใช้สอย แต่ก็หรูหราอยู่ในที
หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแคระ เพราะชายหกคนที่อยู่ในห้องนั้นต่างสูงใหญ่และสวมเสื้อผ้าในโทนสีขรึม ทั้งหมดยืนตัวตรงเรียบร้อยและกล่าวทักทายอย่างพร้อมเพรียงกันเมื่อคอนสแตนตินและเธอมาหยุดยืนตรงหน้า
เจ้าบ้านหนุ่มผายมือไปยังผู้ชายสี่คนในชุดสูทสีเทาเข้มที่ยืนเรียงกัน “พวกเขาเป็นบอดี้การ์ดของคุณ…ไม่ว่าคุณจะไปไหนต้องมีพวกเขาอย่างน้อยสองคนไปด้วยเสมอ ไม่มีข้อยกเว้น…เข้าใจไหม”
เพลงพิณพ่นลมออกจากปาก อยู่นอกสายตาคนในครอบครัวเขาแบบนี้ เธอจึงไม่จำเป็นต้องทำท่ารักเขาจี๋จ๋า “รู้แล้วล่ะน่า…ย้ำเป็นตาแก่เชียว” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปด…เกลียดจริงเลย พวกย้ำคิดย้ำทำเนี่ย บนรถก็บอกกันมาหนหนึ่งแล้ว
“สวัสดีค่ะ ฉันเพลงพิณ” หญิงสาวหันไปยิ้มแจ่มใสและยื่นมือให้กับบอดี้การ์ดคนที่อยู่หัวแถว…ตัวโตๆ หน้านิ่งๆ ผมที่ตัดสั้นเกรียนเป็นสีเข้ม ผิวส่วนที่พ้นเสื้อผ้าก็คร้ามแดด
“นิคครับคุณผู้หญิง” บอดี้การ์ดหนุ่มตอบ เหลือบมองนายจ้างผู้ชายนิดหนึ่ง ก่อนจะสัมผัสมือบอบบาง
เพลงพิณโบกไม้โบกมือ “อึ้ย ไม่เอาน่า เรียกกันซะแก่เลย…เรียกฉันว่าเพลงก็พอแล้ว” หญิงสาวหันไปพูดกับทุกคน และยื่นมือให้คนต่อไป
“บุชครับ” ผู้ชายร่างบึกบึนอีกเช่นเดียวกัน แต่คราวนี้ผมที่ตัดสั้นแต่ไม่ถึงกับเกรียนเป็นสีทอง ผิวก็สีอ่อนกว่าคนแรก
“บุชที่แปลว่าพุ่มไม้น่ะเหรอ” เพลงพิณถามหัวเราะๆ
“ครับ” บุชตอบเสียงเรียบขรึม
เพลงพิณยังไม่จบง่ายๆ… “แล้วเป็นอะไรกับจอร์จ บุชหรือเปล่า”
ดวงตาสีเขียวของคนถูกถามดูมีแววหัวเราะ “ไม่ครับ”
“อ้อ”
เพลงพิณหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะทักทายคนถัดไปที่รูปร่างสูงโปร่งราวกับนักกีฬายิมนาสติก…คนนี้ชื่อดอน แต่คนสุดท้ายเพลงพิณเห็นว่าน่าสนใจที่สุด เพราะเขามีลักษณะที่คล้ายคอนสแตนตินมากทีเดียว ทั้งผิวสีแทนเข้ม รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ผมค่อนข้างยาวสีดำสนิท แต่แตกต่างกันที่ใบหน้าไม่มีเครารกครึ้ม และดวงตาของเขามีสีฟ้าสดใส
“สตีเฟ่นครับ…คุณเพลงพิณ”
ชายหนุ่มแนะนำตัวด้วยใบหน้าเรียบเฉย แทบไม่ต่างไปจากอากัปกิริยาของคอนสแตนติน เพลงพิณเห็นอย่างนั้นแล้วก็นึกสนุก…ยิ้มตาพราว ก่อนจะฉกมือวูบไปที่ซองปืนที่อยู่ข้างเอว แต่อีกฝ่ายไวกว่า คว้าข้อมือเธอไว้หมับแล้วบีบแน่น ก่อนจะรู้สึกตัวและรีบปล่อยมือนายสาวแสนซนพร้อมกับขอโทษขอโพย
“แหม…เก่งจัง ระวังตัวกันตลอดเวลาเลยเหรอเนี่ย” เพลงพิณชื่นชมและลูบข้อมือตัวเองป้อยๆ สตีเฟ่นเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกผิด มองข้อมือบางที่แดงขึ้นทันตาอย่างไม่สบายใจ
คอนสแตนตินที่ยืนมองการกระทำของภรรยาในนามของตัวเองมาได้สักพักก็ชักหงุดหงิด…ถ้าเป็นเขาในวันที่รับบอดี้การ์ดชุดใหม่น่ะเหรอ ก็แค่ทักทายทั้งชุดพร้อมกันและให้แต่ละคนแนะนำชื่อของตัวเองเร็วๆ ก็เป็นอันเสร็จ ไม่ใช่มาเจรจาพาที พูดเล่นพูดหัวอย่างแม่ตัวดีนี่หรอก…เวลาเป็นเงินเป็นทอง
“ถ้าเล่นพอแล้ว…ก็หันไปสนใจผู้ช่วยของคุณได้แล้วนะ นี่ไม่ใช่เรื่องเดียวที่ต้องทำ แล้วผมก็ไม่ได้มีเวลามากนักหรอก” ชายหนุ่มแดกดันด้วยเสียงขรึม
เพลงพิณแอบเบะปาก…คนเขามาดูแลรักษาชีวิตให้นะ จะให้ทักทายว่า ‘เฮ้ ไงพวก’ แล้วก็จบกันน่ะเหรอ…อีตาแวมไพร์ไร้อารยธรรมเอ๊ย
หญิงสาวไม่สนใจ เดินมาหยุดยิ้มให้กับผู้ชายสองคนสุดท้าย พวกเขามีรูปร่างที่บางกว่า อยู่ในเสื้อผ้าแบบนักธุรกิจ “เอาล่ะค่ะ…เรามารีบรวบรัดกันดีกว่า…สามีฉันเขา…” หญิงสาวเอนกายมาข้างหน้าเล็กน้อย คล้ายกำลังจะกระซิบความลับ พลางพยักพเยิดไปยังคนตัวโต “…อายุมากแล้วน่ะ เลยรู้สึกว่าเวลาในชีวิตมันเหลือน้อยลงเต็มที ทำอะไรต้องรีบๆ”
ทั้งหกคนตรงหน้าทำท่าคล้ายกับจะหัวเราะแต่กลั้นไว้ได้ ก่อนจะรีบก้มหน้าลงมองพื้นพรม…คิดไม่ถึงว่านายผู้หญิงของพวกเขาจะขี้เล่น ซุกซนเหมือนเด็กๆ แบบนี้ ต่างกับภรรยาของนักธุรกิจพันล้านทั่วไปที่ถ้าไม่แกร่งและเข้มงวดพอๆ กับสามี ก็วีนจัด วางอำนาจ และเอาแต่ใจ
คอนสแตนตินไม่อยากเล่นตลกให้ลูกน้องดู จึงไม่จัดการคนปากดีเสียตรงนี้เลย ได้แต่ก้มหน้าลงไปแนบชิดใบหูของคนตัวเล็ก และพูดเสียงเย็นชาเบาๆ “ถ้าคุณทำให้ผมเป็นตัวตลกต่อหน้าลูกน้องอีกล่ะก็…เวลาในชีวิตคุณจะไม่เหลือเลย…ที่รัก”
เพลงพิณรู้สึกร้อนวูบไปทั้งตัวและพานให้ขนลุกพรึบ เธอรีบยิ้มเจื่อนๆ ทักทายผู้ช่วยทั้งสองที่ชื่อมากิสซึ่งเป็นชาวกรีกกับริค หรือริคาโด้ลูกครึ่งอิตาลี-ฝรั่งเศส…กับคนหลังนี่เธอเกือบจะชวนคุยอยู่แล้วเชียวเพราะเธอก็เป็นลูกเสี้ยวฝรั่งเศสเหมือนกัน แต่เห็นสามีทำตาเรืองๆ ด้วยความโกรธ หญิงสาวก็เลยแค่ยิ้ม แล้วบุ้ยใบ้กับทุกคนเป็นเชิงบอกว่าเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง
“เอาล่ะ วันนี้พวกนายไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้นั่นล่ะถึงจะเริ่มหน้าที่” คอนสแตนตินบอกกับทุกคน แต่ไม่ทันที่ใครจะออกจากห้อง คนตัวโตและมือเท่าใบลานอย่างที่หญิงสาวค่อนก็คว้ามือเธอลากให้ออกมาจากห้อง
สองหนุ่มสาวเดินกันมาตามทางเดินที่ปูพรมหนานุ่ม พอทั้งสองผ่านห้องไหนเขาก็บอกเร็วๆ ว่าเป็นห้องอะไร…ห้องรับแขกแบบส่วนตัว ห้องรับแขกแบบทางการ ห้องสมุดขนาดใหญ่ ห้องรับประทานอาหาร และห้องนี้เองที่ทำให้ขาของเพลงพิณก้าวต่อไปไม่ได้
“ฉันหิว” เสียงเล็กๆ เอ่ยอย่างละห้อยขึ้นมาทันที เหลืออีกนานกว่าจะเที่ยง…และเธอก็รู้มาว่าคนกรีกกินอาหารเที่ยงช้ามาก อาจล่วงไปถึงบ่ายสามโมงด้วยซ้ำ
คอนสแตนตินก้มลงมองภรรยาเจ้าปัญหา…ถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะแตะหลังเบาๆ แล้วพาเข้ามานั่งที่โต๊ะ ส่วนตัวเขาเองเดินไปสั่นกระดิ่งที่อยู่มุมห้อง พักเดียวคนรับใช้ในชุดขาวครีมก็มารับคำสั่ง
คอนสแตนตินสั่งกาแฟ ส่วนคนที่บอกว่าหิวกลับยิ้มแย้ม ทักทายคนรับใช้และถามชื่อ ก่อนจะถามอีกฝ่ายว่ามีอะไรให้เธอกินบ้าง…อะไรที่ไม่รบกวนพ่อครัวจนเกินไป
ท้ายสุด เพลงพิณก็ได้สลัด สปาเกตตี้ เค้กชิ้นโตสองชิ้น และน้ำทับทิมสด
บทที่ 6…ไม่มีอะไรที่คอนสแตนตินขาดไม่ได้
ชั้นบนของบ้านคอนสแตนตินบอกว่าเอาไว้เป็นรายการหลังเพราะไม่มีอะไรมาก รายการต่อมาหลังจากเสร็จเรื่องกินจึงเป็นส่วนของนอกบ้าน ซึ่งได้แก่สนามหญ้าเขียวขจีที่กว้างพอให้เฮลิคอปเตอร์ลงจอดได้สักสองลำ สระว่ายน้ำขนาดมาตรฐาน เรือนกระจกสำหรับปลูกกล้วยไม้และกุหลาบที่ย่าของชายหนุ่มชอบ…เพลงพิณสนใจกับจุดนี้ แต่คนพาทัวร์ดูไม่ค่อยอยากเสียเวลา เธอจึงเดินตามเขาต้อยๆ ตามแต่เขาจะพาไป…และที่สุดท้ายในส่วนของนอกบ้านก็ทำให้เพลงพิณร้องกรี๊ดออกมาด้วยความทึ่ง
สิ่งก่อสร้างตรงหน้าดูทันสมัย เป็นโรงเรือนสีเทาควันบุหรี่และมีทางเดินเชื่อมกับตัวบ้าน ส่วนด้านหน้าของอาคารมีทางคอนกรีตทอดยาวเลียบสนามหญ้าไปยังประตูหน้า คอนสแตนตินเปิดประตูด้วยรีโมตคอนโทรล และพอประตูขนาดใหญ่ค่อยๆ เลื่อนขึ้นไปแล้วเผยสิ่งที่อยู่ด้านใน เพลงพิณก็ตาโต รีบพุ่งปราดเข้าไปและอยู่ในอาการที่เรียกว่าตื่นเต้นสุดขีด
“วะว้าว นี่มันขุมสมบัติชัดๆ แม่เจ้า…โอ้ว เยี่ยมกู้ด” เพลงพิณกอดจูบลูบคลำรถหนึ่งในจำนวนหกคันที่จอดเรียงรายอยู่ “โอ้ว…นี่ พอร์ช คาร์เรร่าใช่ไหมเนี่ย…และนั่นเฟอร์รารี่ เอ็นโซ่…ตรงนั้น อย่าบอกนะ แลมเบอร์กินี รีเวนตัน โว้ว โว้ว…แม่เจ้าโว้ย เป็นบุญตาของเพลงพิณคนนี้จริงๆ…รถพวกนี้ของคุณหมดเลยเหรอ”
เจ้าของรถหรูตรงหน้ามองคนที่เหมือนเป็นบ้าไปแล้วอย่างระอาใจนิดๆ “ของคนอื่นจะให้เอามาจอดที่นี่ทำบ้าอะไร”
หญิงสาวไม่สนใจคำตอบประชดๆ นั้น เธอวิ่งไปวิ่งมาอยู่ระหว่างเหล่ารถชั้นยอดที่คนรักรถต้องอยากเป็นเจ้าของสักคันในชีวิตพลางร้องอุทานโอ้ อ้าเสียงดัง กับบางคันก็บ้าถึงกับเกลือกกลิ้งใบหน้ากับตัวถังรถเลยด้วยซ้ำ…คอนสแตนตินมองนาฬิกาข้อมือหน้าปัดสีดำแบบเรียบๆ ของตัวเองแล้วคิด…ให้เวลาบ้าอีกสามนาที…ไม่งั้นเขาจะขังไว้ให้นอนกับรถที่นี่แหละ ชายหนุ่มส่ายหัวเมื่อเห็นเพลงพิณกำลังเต๊ะท่าอยู่กับแอสตัน มาร์ตินเหมือนเป็นนางเอกของเจมส์ บอนด์…โดยไม่ดูสภาพว่าตัวเองสวมเพียงกางเกงผ้าสำลีสีสดกับเสื้อยืดดูเหมือนเด็กเร่ร่อนมากกว่า
“ไปกันได้แล้ว ยังเหลือชั้นบนอีกที่ต้องดู…จะได้เสร็จๆ ไป” ชายหนุ่มเร่ง
“โอ้ เจ้าค่า คิริเอ” เพลงพิณประชดเสียงหวานเฉียบและค้อมตัวน้อยๆ เลียนแบบคนรับใช้ที่มารับคำสั่งในห้องอาหาร
หญิงสาวลากขาตามคนตัวโตที่เดินลิ่วๆ ตาเรียวรูปเม็ดอัลมอนด์มองรถคันนั้นคันนี้อย่างสนอกสนใจ แต่พอมองเห็นคันสุดท้ายที่อยู่บนยกพื้นก็ร้องกรี๊ดออกมาแล้วถลาเข้าไปหา ราวกับแม่ที่ได้พบลูกน้อยที่พลัดพรากกันไม่มีผิด
“นะ…นี่…นี่มัน พากานี่ ซอนด้านี่…อ๊ากกก…สวยจังเลย คุณมีด้วยเหรอ เจ๋งจังเลย” หญิงสาววนไปวนมา ตาเรียวเบิกโตเท่าไข่ห่าน
คอนสแตนตินมองรถ แล้วก็ยักไหล่ “ใช่ สั่งทำ เทคโนโลยีล่าสุด…สมรรถนะอยู่ในระดับที่ทางการไม่อนุญาตให้ขับบนถนนของรัฐ”
คนบ้ารถแต่ได้ขับแค่รถญี่ปุ่นของแม่ที่ยกให้มาอีกทีมองรถตรงหน้าอย่างละเมอๆ “โห มีกับเขาทั้งคัน…แต่ขับไม่ได้นี่นะ…แล้วมีไปทำไมเนี่ย”
คอนสแตนตินมองรถที่อยู่รายรอบ…บางคันเขายังไม่เคยได้ขับสักครั้ง จะมีก็แต่ยอร์โก้ที่มาขอยืมบ่อยๆ “ผมสั่งซื้อเพราะชื่นชมในความทุ่มเทของทีมงานผู้ผลิต…และชอบในความสวยงามและสมรรถนะของรถ…ส่วนจะได้ขับหรือไม่ไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าอยากขับจริงก็เอาลงเรือแล้วไปขับที่เกาะส่วนตัวก็ได้…แต่มันยุ่งยาก และชีวิตมีเรื่องสำคัญกว่านั้นต้องทำ ไม่ใช่จะมามัวบ้ารถ”
ยังแอบเหน็บแนมอีกแน่ะ…เพลงพิณเบ้หน้า แล้วก้มลงลูบไล้ความมันวาวของเจ้ารถราคานับร้อยล้านอย่างชื่นชม “ถ้าคุณสนใจรถเยี่ยมๆ ทำไมคุณไม่ซื้อบูกาติ เวย์รอนล่ะ…ฉันได้ยินว่าวิ่งเร็วที่สุดในโลกนี่ สี่ร้อยเจ็ดกิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่ะ”
คอนสแตนตินยักไหล่ เหมือนเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ “ไม่ค่อยน่าสนใจ…แล้วถ้าจะต้องขับรถเร็วขนาดนั้น ใช้ ฮ. ดีกว่ามั้ย…”
เพลงพิณทำหน้าเข้าใจ แล้วเดินตามคอนสแตนตินมายังทางเชื่อมเข้าสู่ตัวบ้าน หญิงสาวอดเหลียวกลับไปมองบรรดารถที่น่าอัศจรรย์เหล่านั้นไม่ได้…แอบอิจฉาคนข้างๆ นิดๆ ที่รวยเหลือเกิน
“นับว่าคุณเป็นคนคลั่งรถล่ะสิเนี่ย…ฉันก็เหมือนกันเลย ฝันอยากจะมีรถเจ๋งๆ อย่างนั้นบ้างสักคันจัง…” หญิงสาวพูดเสียงละห้อย เริ่มชวนคอนสแตนตินพูดคุย…ใครจะรู้ ถ้าเผื่อเขาอารมณ์ดีๆ อาจยอมให้เธอยืมไปขับบ้างก็ได้…แค่คิดก็อยากกรี๊ดแล้ว
คอนสแตนตินหันมามองภรรยา…ผมหลอดๆ ของเธอมันดูเด้งไปเด้งมายุ่งไปหมดเลยจริงๆ ดวงหน้ารูปหัวใจขาวสะอาดจนเห็นเป็นสีเลือดฝาดและไร้เครื่องสำอางมาแต่งแต้ม ยิ่งคิดถึงท่าทางที่เธออยู่ในโรงรถเมื่อครู่…ยังกับเด็กได้ร้านขายของเล่นทั้งร้านเป็นของขวัญ
คอนสแตนตินสลัดความคิดที่ว่าเขากำลังชักนำความวุ่นวายเข้ามาสู่ชีวิตตัวเอง แล้วหันมาสนใจกับบทสนทนา…ชายหนุ่มเบ้ปาก ดวงตาหม่นแสงจนเห็นเป็นสีดำ
“ผมไม่คลั่งอะไรทั้งนั้นล่ะ อยากซื้อก็ซื้อ และไม่เสียดายถ้าต้องขาย…พวกที่ยึดติดกับบางสิ่งบางอย่างน่ะคือคนโง่และอ่อนแอ…ไม่มีอะไรที่คนเราขาดมันไม่ได้หรอก”
เพลงพิณเลิกคิ้ว ก่อนจะหรี่ตาลงเมื่อออกมาสู่ทางเชื่อมซึ่งเป็นกระจกและทะลุตรงไปยังห้องนั่งเล่น หญิงสาวมองผู้ชายเคราครึ้ม ใบหน้าเรียบเฉยที่เดินนำอยู่แล้วก็ไหวไหล่…เย็นชาจริงๆ เลย ไม่รู้ชีวิตเคยเจอเรื่องซีเรียสอะไรนักหนา ถึงได้กลายเป็นคนขวางโลกแบบนี้…โอ้ อย่างไรก็ตามเธอต้องพยายามเชียร์อัพเข้าไว้…ขืนอยู่กับตานี่สามปีแบบไม่มีภูมิคุ้มกัน มีหวังเธอคงกลายเป็นพวกมีครึ่งวิญญาณแน่ๆ
แม้ภายนอกคฤหาสน์จะดูเหมือนสูงสามสี่ชั้น แต่ที่จริงมีเพียงสองชั้นเท่านั้น เพราะแต่ละชั้นเน้นเพดานสูงให้ห้องโปร่งโล่ง…ที่พักของคอนสแตนตินอยู่ทางปีกซ้ายทั้งหมด นอกจากห้องนอนแล้วก็มีห้องอาบน้ำ ห้องแต่งตัว ห้องทำงาน…อันที่จริงไม่ใช่ห้องของคอนสแตนตินซะทีเดียว แต่เป็น…ห้องของเธอกับคอนสแตนติน เพราะเธอต้องอยู่ห้องเดียวกับเขา…ซึ่งหญิงสาวลืมไปเสียสนิท
“ทำไมคุณถึงไม่ทำห้องข้างๆ ให้เป็นห้องนอนอีกห้องล่ะ…เอาแบบเปิดประตูถึงกันก็ได้ ฉันกับคุณจะได้แยกห้องกันนอน พอตอนเช้าปุ๊บก็ค่อยรีบมาอยู่ห้องเดียวกัน…แล้วก็มีคนใช้เข้ามาเห็น แล้วก็ไปกระจายข่าวว่าเรา…เอ่อ ยังงั้นกันแล้ว อะไรเงี้ย…แบบในละครอ่ะ ไม่รู้ว่าคุณเคยดูหรือเปล่า” เพลงพิณพูดเป็นชุด ขณะเดินตามร่างสูงเข้ามาในห้องกว้างขวางแต่งโทนสีขรึม…ซึ่งเป็นสีเครื่องหมายการค้าของเขาก็ว่าได้
“หยุดเพ้อเจ้อซะที” นั่นคือคำตอบสั้นๆ ของเจ้าของห้อง
เพลงพิณแลบลิ้นใส่หลังกว้างและมองไปรอบๆ ห้อง…เตียงไม้เชอรี่ขนาดใหญ่มาก เช่นเดียวกับที่นอนหนาปูด้วยผ้าไหมสีดำตึงเรียบกริบ…ดูน่าสบายและกว้างขวางสำหรับร่างโตๆ ส่วนเธอน่ะเหรอ ตัวเล็กเท่าครึ่งตัวเขาเท่านั้น นอนบนนั้นด้วยกันก็คงไม่โดนตัวกันหรอก…แต่ยังไงๆ เธอก็เป็นผู้หญิงทั้งแท่ง…และนอนดิ้นด้วย ถ้าเกิดดิ้นไป…อะไรๆ เขาเข้า และเขาเกิดฝันแล้วละเมอคิดว่าเธอเป็นผู้ชายที่เคยร่วมเตียงกันมาก่อน…อึ๋ย ไม่อยากจะคิด
“ไม่รู้แหละ…คืนนี้คุณต้องไปนอนที่…” หญิงสาวมองหาโซฟาหรืออะไรๆ ที่เขาจะนอนได้ แต่ไม่พบ จึงชี้ไปที่พรมสไตล์โมร็อคกันที่อยู่หน้าเตียง “ที่พรมนั่น…โอเค้? จนกว่าจะไปที่ปราสาท…ตอนนั้นคงมีห้องเหลือเฟือเลย”
คอนสแตนตินชักรำคาญ…เขาไม่เคยใช้เวลาอยู่กับใครนานๆ ขนาดนี้เลย นอกจากเวลาทำงาน ซึ่งมีแต่เรื่องงานที่ต้องสนใจ…ไม่ใช่เรื่องจุกจิกหยุมหยิม อย่างนอนบนเตียงหรือบนพรม หรือห้องติดกันอะไรที่น่าปวดหัวแบบนี้
นี่เขาตัดสินใจผิดหรือเปล่า…กำลังทำให้ชีวิตตัวเองเกิดหายนะใช่ไหม
ชายหนุ่มถอนใจ เดินไปที่ระเบียงกว้างนอกห้องที่มองออกไปเห็นวิวสนาม…งานรอเขาอยู่มากมาย ตอนนี้เศรษฐกิจของประเทศก็ไม่ค่อยดี นักธุรกิจ นักลงทุนจากจีนจะเข้ามาเทกโอเวอร์กิจการไปจนหมดอยู่แล้ว รัฐบาลยังให้ต่างชาติเช่าท่าเรือยาวนานหลายสิบปีเพื่อนำเงินมาหมุน มาอุดรูต่างๆ ที่จะทำให้ประเทศที่เหมือนเรืออ่อนแรงนี้ไม่จมลง
เรื่องลอบสังหารเขาก็ยังไม่มีเบาะแสอะไร แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะหาอะไรไม่พบทั้งที่เขามีมือดีมากมาย รวมถึงทีมตำรวจอีก ที่น่าสงสัยก็มีเพียงนายมาร์ค ซี เทตที่เขาให้คนสืบข้อมูลมาเป็นปีแล้ว และยากลำบากมากกว่าจะได้เบาะแสแต่ละชิ้น เพราะเจ้าของเรื่องจงใจกลบเกลื่อนร่องรอยที่แสดงถึงความเป็นมาของตัวเองอย่างรอบคอบซับซ้อน แต่สำหรับคอนสแตนตินแล้ว ไม่มีทางที่อยากได้อะไรแล้วไม่ได้…ในที่สุดเขาก็ได้ข้อมูลลับๆ หลายอย่างของมาร์ค ซี เทต และมันก็ทำให้เขาถึงกับคิดหนักที่จะทำการเปิดโปง ได้แต่รีๆ รอๆ…ถึงผู้ชายคนนี้จะเป็นคนชั่วช้า เต็มไปด้วยความดำมืดในชีวิต แต่เขาสนใจเพียงเรื่องลอบสังหารเขา และก็ยังไม่มีหลักฐานที่จะโยงมาร์ค ซี เทตกับเรื่องนี้เลย ตอนนี้เขาจึงทำอะไรได้ไม่มาก
“แล้วตกลงจะนอนที่พรมหรือเปล่าล่ะฮึ…”
เสียงเล็กราวลูกแมวยังคงดังออกมาจากในห้อง ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินตามมาที่ระเบียง
คอนสแตนตินถอนหายใจอย่างรำคาญ ตั้งแต่เช้ามา เขาไม่มีเวลาได้คิดอะไรเงียบๆ สักห้านาทีเลย “อย่าวุ่นวายมากนักได้ไหม…ผมไม่แตะคุณหรอก…เห็นบ่นว่าง่วงนักไง ก็ไปนอนสิ คุณย่าและอาๆ กลับมาแล้ว ทำตัวให้เหมือนเมียผมหน่อย อย่าลืมสิว่าคุณอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร”
คนตัวเล็กหงุดหงิด “รู้แล้วน่า มือชั้นนี้แล้ว จะทำให้ทุกคนเชื่อเลยว่าฉันกับคุณน่ะรักกันจนจะตายอยู่แล้ว” หญิงสาวลากเสียงอย่างประชดประชัน “…ฉันจะไปงีบแล้ว คุณก็จัดการที่ทางของคุณเอาเองก็แล้วกัน แต่เตียงน่ะฉันจอง”
หญิงสาวเดินเทิ่งๆ เข้ามาในห้อง ดูนาฬิกาหัวเตียงเห็นว่าเพิ่งบ่ายสามก็พ่นลมจากปากดังฟู่ หาวเสียงดังแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงที่ปูไว้ด้วยผ้าปูเตียงสีดำ อาการอ่อนเพลียจากการเดินทางเริ่มออกฤทธิ์ ประกอบกับเจอเรื่องตื่นเต้นมากมาย ทั้งกองทัพนักข่าว ทั้งญาติประหลาดๆ ทั้งรถเท่ๆ ชวนน้ำลายหก หญิงสาวจึงหลับไปในไม่กี่นาทีเพราะเพลียจริงๆ
คอนสแตนตินยังยืนมองอะไรอีกสักพัก ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องเมื่อเสียงคนกวนประสาทเงียบไป…พอเขาเห็นภาพเพลงพิณนอนหลับปุ๋ยสบายๆ อยู่บนเตียงก็ส่ายหน้า
กิน วุ่นวาย และนอน…ชีวิตคงไม่เคยมีเรื่องร้อนอกร้อนใจเลยล่ะมั้ง
คู่สามีภรรยากำมะลอที่เถียงกันเมื่อครู่ไม่รู้ตัวว่าที่ชั้นล่างบริเวณที่ตรงกับระเบียงที่พวกเขายืนอยู่มีคนคนหนึ่งได้ยินถ้อยคำพวกนั้นชัดเจน…คิ้วหนาเข้มของเอวานขมวดมุ่น ในใจเริ่มทบทวนบทสนทนาของนายผู้ชายและนายผู้หญิงคนใหม่อีกครั้ง จากนั้นความสงสัยก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ…นายท่านคอนสแตนตินกับผู้หญิงไม่มีความเรียบร้อยนั่นมีความสัมพันธ์ในแง่ไหนกันแน่…แน่นอนว่าไม่ใช่สามีภรรยาที่รักกันดูดดื่มแน่ๆ เรื่องนี้คงต้องมีเบื้องหลังอะไรบางอย่าง…ร่างสูงขยับเดินเข้าในตัวบ้าน และเดินตรงดิ่งไปสู่คนที่เขาคิดว่าควรจะได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ไว้
เพลงพิณตื่นมาอีกครั้งก็เกือบค่ำ โดยหญิงรับใช้คนหนึ่งเข้ามาปลุกด้วยความเกรงอกเกรงใจ จากนั้นก็ช่วยทำผมและแต่งตัว…ด้วยความที่หิว เพลงพิณเลยไม่อยากเสี่ยงให้ใครบนโต๊ะอาหารทำให้เธอหมดอารมณ์กินด้วยการวิพากษ์วิจารณ์การแต่งกายของเธอ หญิงสาวเลยเลือกสวมชุดที่ค่อนข้างหรู ซึ่งเป็นของขวัญแต่งงานจากโสภิตกัลยาเพื่อนรักของเธอ
“คิริอาสวยจังเลยค่ะ” คาลลีที่เดินตามหลังเพลงพิณลงบันไดมากระซิบชื่นชมเบาๆ
เพลงพิณหัวเราะน้อยๆ แล้วหันไปยิ้มให้ “แหม…เพราะได้คาลลีช่วยทำผมให้ฉันหรอกนะ” หญิงสาวแตะผมที่จัดเข้ารูปเข้าทรงและตรึงไว้ด้วยกิ๊บหลายตัว “…แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่สวยสักหน่อย แบบนี้เขาเรียกว่าหน้าตาพอใช้ได้จ้ะ”
คาลลียังแย้งอะไรมาอีกเบาๆ แต่เพลงพิณกลับเห็นเป็นเรื่องตลกแทน ร่างเล็กในชุดเดรสสีขาวแบบเรียบแต่เก๋เดินเรื่อยๆ ตรงไปยังส่วนที่เป็นห้องอาหาร ก่อนจะนึกได้ว่าเธอลืมคอนสแตนตินไปเสียสนิท
“คุณคอนสแตนตินไปไหนล่ะคาลลี นี่ฉันยังไม่เห็นเลย” หญิงสาวหันไปถามเมื่อเดินมาถึงห้องนั่งเล่นซึ่งทะลุไปสู่ห้องอาหารได้
“รู้ว่าแต่งงานใหม่…แต่ไม่ต้องทำตัวติดกันขนาดนั้นก็ได้มั้ง…เขาไม่หายไปไหนหรอก” เสียงแหลมๆ เต็มไปด้วยความหมั่นไส้ดังแทรกขึ้น เพลงพิณที่กำลังเดินเข้ามาในห้องชะงักเท้า มองดอร์เซียในชุดดำที่ค่อนข้างเปรี้ยวเหมือนกำลังจะออกไปท่องราตรีข้างนอก ลูกพี่ลูกน้องของคอนสแตนตินเองก็หน้าขึงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงมากมายจากพี่สะใภ้ไร้รสนิยมเมื่อเช้ามาเป็นคนที่แต่งหน้าแต่งตัวดีตรงหน้าเธอตอนนี้
เพลงพิณหรี่ตา…หิวก็หิว ยายกุ้งแห้งตัวยาวนี่ยังมาทำให้อารมณ์เสียอีก หญิงสาวขยับจะเถียงกลับไป แต่โซเฟียกับมาเรียเดินเข้ามาเสียก่อน
“มีอะไรกันเหรอ” มาเรียถามลูกสาว หากสายตามองเพลงพิณอย่างประเมิน
ดอร์เซียยักไหล่ “แค่หมั่นไส้คนที่เสแสร้งเก่งค่ะแม่ คนอย่างคอนสแตนตินไม่น่าเชื่อว่าภายในเวลาแค่นี้จะมีคนมารัก มาแต่งงานด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะหิวเงิน”
“ยายดาเน่…พูดอะไรอย่างนี้” โซเฟียดุหลานสาวด้วยเสียงเข้มงวด ดวงตาสีฟ้าขุ่นเล็กน้อยมองมาเรียผู้เป็นลูกสาวเหมือนจะให้อีกฝ่ายปรามลูกให้อยู่กับร่องกับรอยบ้าง
หากแต่มาเรียเองก็กลับถามเพลงพิณเสียงกระด้าง “แล้วที่ลูกฉันพูดมันจริงรึเปล่าล่ะ…เธอกับคอนสแตนตินแต่งงานกันเพราะรักกันจริงๆ อย่างที่พูด หรือว่าเธอทำเพื่อหวังเงินผลประโยชน์กันแน่” ดวงตาดุดันคาดคั้น
เพลงพิณเม้มปาก ญาติๆ ของคอนสแตนตินนี่ไม่ใช่เล่นเลย ต่อหน้าเขาเมื่อเช้าก็ยังปกปิดอาการบ้าง แต่พอลับหลังก็เผยธาตุแท้ออกมา โซเฟียแม้จะไม่ว่าอะไรเธอ แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามลูกกับหลานอย่างจริงจัง แล้วยังมองมาที่เธอคล้ายกับคลางแคลง เหมือนคำถามของลูกสาวก็เป็นสิ่งที่ตนเองสงสัยเหมือนกัน
เพลงพิณเริ่มรู้สึกแล้วว่ามันไม่ง่ายที่จะเล่นละครว่าเป็นภรรยาที่รักของคอนสแตนติน เขาเป็นคนดุ กระด้าง จริงจัง ไม่มีความโรแมนติก มันจึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อเขาแต่งงานกับใครสายฟ้าแลบเพราะความรัก ยิ่งทรัพย์สินมากมายที่เขามี ก็ยิ่งทำให้คนที่เข้ามาในชีวิตของเขาเป็นที่น่าสงสัยในแรงจูงใจ…เพลงพิณเข้าใจว่าการที่ครอบครัวเขาสงสัยนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่เธอไม่ใช่นางเอก เธอจะยอมทนให้คนเหล่านี้ซักฟอกแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ครั้งหน้าถ้ายังทำท่าไม่เกรงใจเธอแบบนี้อีกล่ะก็ เธอจะแก้เผ็ดให้สนุกไปเลย
หญิงสาวสบตาของมาเรียที่ยังคงมองมาอย่างคาดคั้น ลอยหน้าลอยตาตอบ “รักกันจริงๆ สิคะ…รักกันมากด้วย จนแทบรอไปอยู่กันตามลำพังที่ปราสาทบนเกาะมิครอสไม่ไหวแล้ว”
ดอร์เซียทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอ หน้าตาแสดงความไม่เชื่อแม้แต่น้อย มาเรียเองก็ยังย่นคิ้วขยับจะพูดขึ้นอีก แต่โซเฟียรีบกุมต้นแขนลูกสาวไว้เบาๆ คล้ายเตือนสติ ก่อนจะพูดกับหลานสาวด้วยเสียงค่อนข้างเข้มงวด
“อย่ามาซักไซ้เพลงพิณอะไรอีกเลย…ยังไงเขาก็เป็นภรรยาของคอนสแตนตินแล้ว” โซเฟียหันมาสบตากับเพลงพิณ พยายามเค้นหาความจริง ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “ถ้าเธอบอกว่าแต่งงานกับหลานชายของฉันเพราะความรักจริงๆ ฉันก็เชื่อและยินดีด้วย…ลูกก็เหมือนกันใช่ไหมมาเรีย”
หญิงวัยห้าสิบเม้มปาก หากพอผู้เป็นแม่มองมาด้วยดวงตาดุๆ ก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนักแล้วดึงแขนลูกสาวเข้าไปในห้องอาหาร
ย่าของคอนสแตนตินมองเพลงพิณแล้วถอนใจ “ฉันขอโทษแทนลูกสาวกับหลานสาวด้วยนะ…พวกเขาค่อนข้างแปลกใจที่จู่ๆ คอนสแตนตินแต่งงานรวดเร็วแบบนี้”
หญิงสาวยิ้มรับ แต่ในใจรู้สึกเซ็งอย่างที่สุด…กว่าที่เธอจะเดินทางไปเกาะมิครอส เธอต้องเลี่ยงคนพวกนี้เอาไว้ ไม่งั้นเธอคงอดที่จะตอกกลับหรือต่อปากต่อคำไม่ได้แน่ เธออยากจะรู้เหมือนกันว่าที่คนพวกนี้มาคาดคั้นกับเธอ เป็นเพราะพวกเขาห่วงคอนสแตนตินว่าจะต้องเจ็บปวดเพราะถูกผู้หญิงหลอกหรือว่างกสมบัติกันแน่…เสียงประตูปิดลงจากห้องหนึ่งที่อยู่ไม่ห่าง พอหันไปเพลงพิณก็เห็นคอนสแตนตินเดินออกมาจากห้องทำงานพร้อมกับอาเขย หญิงสาวก้าวเท้าไปหา ยิ้มและพยายามไม่สนใจใบหน้าเคร่งเครียดของฌอง ฟิลิปที่มองเธอเหมือนไม่พอใจครู่หนึ่งก่อนจะละสายตาไป
“ไปเถอะค่ะที่รัก…เพลงหิวจะแย่แล้ว” หญิงสาวเกี่ยวแขนเล็กๆ ของตัวเองกับแขนแข็งแรงนั้นแน่นแล้วทำอาการคล้ายกับแมวน้อยคลอเคลียเจ้าของจนท่อนแขนโตนั้นเกร็งขึ้น อาเขยปรายตามองอาการของคู่รักนั้นแล้วก็พยักหน้าให้ทั้งคู่ ก่อนจะรีบเดินขึ้นหน้าไปก่อน
มื้ออาหารทั้งดีและไม่ดีในความรู้สึกของเพลงพิณ ที่ดีคืออาหารอร่อยมากและเธอก็จัดการไปอย่างเต็มที่จนดอร์เซียมองมาด้วยแววตาดูถูก ยอร์โก้ที่ออกไปทำธุระนอกบ้านตามมาสมทบขณะที่อาหารจานที่สองเสิร์ฟพอดี ชายหนุ่มจึงชวนเธอพูดคุยได้บ้างเกี่ยวกับการเรียนและงานของเธอ ส่วนคนอื่นๆ ไม่มีใครพูดคุยอะไร ดอร์เซียพยายามขัดคอพี่ชายอยู่สองสามครั้ง แต่พอยอร์โก้ไม่สนใจก็เลยนั่งหน้าบึ้งตึงตลอดมื้ออาหาร มาเรียกับโซเฟียกินกันเงียบๆ และคุยกันเองบ้างเล็กน้อย ส่วนฌอง ฟิลิปหน้าตาเครียดขรึม ดวงตาแฝงแววไม่พอใจลอบมองคอนสแตนตินที่นั่งหน้าเรียบเฉยเงียบกริบตลอดมื้อ
ดังนั้นพออาหารค่ำจบลง เพลงพิณจึงขอตัวขึ้นไปชั้นบนเลย ขณะที่ดอร์เซียกับยอร์โก้ออกไปข้างนอก…อาหารค่ำที่ผ่านไปเหมือนเป็นพิธีกรรมอะไรบางอย่างที่ทุกคนถูกบังคับให้เข้าร่วม ไม่เหมือนการกินข้าวร่วมกันในครอบครัวทั่วไปเลยสักนิด
“ทำไมแม่ต้องห้ามมาเรียด้วย นี่ถ้าคาดคั้นมันอีกนิด มันอาจจะหลุดปากออกมาก็ได้ว่ามันมีแผนอะไร…ที่เอวานได้ยินมา ลูกก็ว่ามันชัดแล้วนะที่สองคนนั้นไม่ได้รักกันจริงๆ…บางทีคอนสแตนตินอาจจะวางแผนเรื่องนี้เองด้วยซ้ำเพราะไม่อยากแต่งงานกับยายดาเน่ของเรา” มาเรียกราดเกรี้ยว มองแม่ที่นั่งอยู่ที่โซฟาภายในห้องส่วนตัวของเธออย่างโกรธๆ
โซเฟียส่ายหน้า ดวงตาของหญิงที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานมีแววครุ่นคิดลุ่มลึก “คอนสแตนตินไม่น่าทำถึงขนาดนั้นหรอก นิสัยอย่างเขาแค่ตอบว่าไม่เสียอย่าง ใครจะมีปัญญาไปทำอะไรได้ ไม่จำเป็นต้องลงทุนทำเรื่องซับซ้อนมากมายอย่างนั้นหรอก” หญิงชราวัยเกือบเจ็ดสิบยกมือขึ้นห้ามคำพูดที่ลูกสาวกำลังจะแย้ง “…ที่สองคนนั้นไม่ได้รักกัน แม่คิดว่ามันก็เห็นได้ชัดเจนอยู่นะ แต่เราจะทำอะไรได้…คอนสแตนตินถึงจะเกรงใจแม่ แต่แม่ก็บังคับอะไรเขาไม่ได้หรอก”
มาเรียตาลุกวาว ถามเสียงสูง “อ้อ แล้วถ้านังผู้หญิงคนนั้นมันมาตักตวง มาผลาญเงินของพวกเราล่ะ…แล้วทีนี้แม่จะมาเสียใจทีหลังนะที่ไม่ได้จัดการกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก”
โซเฟียส่ายหน้ากับความคิดของลูกสาวที่ตื้นเขินเสมอ “แม่ถามจากทนายแล้ว คอนสแตนตินทำสัญญาก่อนแต่งงานไว้…” คนเป็นแม่นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อเนิบๆ “สำรวมไว้บ้างเถอะมาเรีย อย่าไปจับผิดทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับเขาดีกว่า เขาจะรัก จะแต่งงานกันเพราะอะไร ยังไงก็ผัวเมียกัน นอนคุยกัน…”
คนเป็นลูกที่มีข้อเสียคือความอิจฉาและอารมณ์ร้อนเสมอมาถอนหายใจฟืดฟาด เดินไปกระแทกตัวนั่งลงบนเตียง “ตกลงแม่จะไม่ทำอะไรเลยหรือไง…จะปล่อยให้มันอยู่ในฐานะคุณผู้หญิงอันเกลอสแทนที่จะเป็นยายดาเน่แบบนี้น่ะเหรอ…” มาเรียทุบที่นอน “…แม่รู้ไหมคะว่าคอนสแตนตินมันไม่ให้ฌองยืมเงิน…เงินแค่ไม่กี่ล้านเอง ทำไมมันถึงใจดำแบบนี้”
โซเฟียนิ่งไป…ธุรกิจของลูกเขยเธอมีปัญหามาพักหนึ่งแล้ว ตอนแรกเธอกับลูกสาวคาดว่าคอนสแตนตินจะยอมแต่งงานกับดอร์เซียตามที่เธอขอร้อง เงินที่จะมาช่วยพยุงธุรกิจก็คงไม่มีปัญหา แต่เรื่องราวกลับพลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อ…นอกจากแต่งงานกับผู้หญิงเอเชียที่ไม่คู่ควรแม้แต่น้อย เขายังกล้าปฏิเสธคำขอร้องขอกู้เงินของลูกเขยเธออีก
“เขาไม่ให้ก็หาทางอื่นสิ…แค่นี้คอนสแตนตินก็โอบอุ้มพวกเราทั้งครอบครัวมามากพอแล้ว ลูกผิดหวังแม่เข้าใจ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเรามีสิทธิ์ที่จะร้องขอได้แค่ไหน ที่เขาให้เราทุกวันนี้ก็นับว่ามีน้ำใจมากแล้ว”
โซเฟียพูดอย่างให้แง่คิดกับลูกสาว…ที่เธอรับเป็นผู้ปกครองคอนสแตนตินเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนนั้นก็ไม่ได้เสียอะไรเลย เงินค่าเลี้ยงดูเขา ทีมทนายก็จ่ายให้เธออย่างเหลือเฟือ เรียกว่าเธอได้รับผลประโยชน์เสียด้วยซ้ำ การเลี้ยงดูก็แทบไม่ต้องทำอะไรเพราะคอนสแตนตินอยู่โรงเรียนประจำ พอปิดเทอมพวกทีมทนายและผู้บริหารก็นำเขาไปเรียนรู้งานที่บริษัท…พอคอนสแตนตินเรียนจบและเข้ามาดูแลธุรกิจที่พ่อทิ้งไว้ให้เต็มตัว เขาก็ตั้งเงินเดือนให้กับทุกคน ยกเว้นอาเขยที่เขาถือว่ามีธุรกิจของตัวเองอยู่แล้ว พร้อมกับรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านทุกหลัง ทั้งที่นี่ ทั้งบ้านตากอากาศที่สวิตเซอร์แลนด์ อพาร์ตเมนต์ในปารีส และบ้านชนบทในอิตาลี
“โอ๊ย คุณแม่…จะมาทำเป็นคุณย่าที่แสนดีอะไรตอนนี้ล่ะ มาเรียโมโหความงกของมันแล้วก็เกลียดนังเด็กเอเชียกวนประสาทนั่นจะตายแล้ว แล้วนี่ถ้าธนาคารยึดบ้านที่โพรวองซ์กับอพาร์ตเมนต์ที่ปารีสล่ะก็ ได้ขายหน้าคนไปทั้งวงสังคมแน่”
โซเฟียส่ายหน้าน้อยๆ เธอเองก็ร้อนใจและกังวลไปถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง…โชคร้ายที่ลูกเขยเธอเป็นนักพนันตัวยง หลานสาวก็จับจดไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หลงรักผู้ชายเลวๆ จนต้องคอยปรามคอยเตือนไม่ให้ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ลูกสาวก็ยิ่งแย่ อายุป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักระงับอารมณ์ ไม่รู้จักประเมินสถานการณ์ ยังดีที่หลานชายยังรู้จักทำงานทำการบ้าง แต่ก็ทำไปด้วยความนึกสนุก ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้อีกนานแค่ไหน…ที่สำคัญปัญหาหนี้สินที่รออยู่คงต้องรีบจัดการ ไม่อย่างนั้นครอบครัวเธอคงฉาวโฉ่ไปหมดแน่ ทุกวันนี้ที่เชิดหน้าชูตาอยู่ได้ก็เพราะความมั่งคั่งร่ำรวยของคอนสแตนติน ส่วนลูกสาวและลูกเขยของเธอเหลือแต่เปลือกมาตั้งนานแล้ว…
ฝ่ายมาเรียเห็นแม่คิดอะไรเงียบๆ ก็เม้มปากไม่พอใจ ยังไงเธอก็ต้องหาทางให้คอนสแตนตินเลิกกับนังผู้หญิงนั่นให้ได้ แล้วรีบจัดการให้ดอร์เซียเข้าไปแทนที่ จะมีก็แต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เธอมั่นใจว่าฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวเธอจะสุขสบายอย่างมั่นคง…เธอจะต้องจับผิดให้ได้เลยว่านังเด็กคนนั้นกับคอนสแตนตินมันมีอะไรอยู่เบื้องหลัง เธอไม่เชื่อหรอกว่าคนไม่มีหัวใจคนนั้นจะรู้จักรักใคร ยิ่งนังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นก็ไม่เห็นมีอะไรดีที่จะมัดใจผู้ชายได้เลย
“ครอบครัวคุณนี่อบอุ่นชะมัด” เพลงพิณในชุดนอนเสื้อกางเกงลายขวางสีฟ้าสลับเหลืองพิมพ์ลายรูปลิงยิ้มนอนคว่ำขวางเตียง กระดิกเท้าที่ห้อยเลยเตียงเล่น มือก็ร่างแบบในหัวลงบนกระดาษร่างภาพ
ประโยคของเพลงพิณที่ดังขึ้นทันทีที่เขาเดินเข้ามาในห้องทำให้คอนสแตนตินอารมณ์เสียมากขึ้น ก่อนหน้านี้อาเขยก็ต่อว่าเขามากมายที่ไม่เห็นแก่คนในครอบครัวเมื่อเขาปฏิเสธเรื่องขอกู้เงิน นี่เขาก็เพิ่งเสร็จจากการประชุมทางโทรศัพท์กับทีมงานที่อเมริกาเกี่ยวกับปัญหาน่าปวดหัวที่เกิดขึ้นที่นั่น…พอเข้ามาในห้อง ยายหัวฟูนี่ก็ยังมาพูดผิดหูอีก
“ทำหน้าที่คุณให้ดีเถอะ” ชายหนุ่มใช้เสียงแข็งกระด้าง ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างหงุดหงิด หางตาเห็นภรรยาที่กำลังวาดรูปเล่นทำแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนเขาก็ยิ่งโมโห เลยเข้าไปในห้องน้ำอย่างกระแทกกระทั้น ปิดประตูตามหลังดังโครม
เพลงพิณเบ้หน้ากับเสียงสนั่นหู เธอพลิกกายนอนหงาย มองภาพร่างของสวนหน้าปราสาทอย่างชื่นชม พอเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังง่วงก็รีบลุกขึ้นนั่ง…เธอยังนอนไม่ได้ เธอต้องจัดการที่หลับที่นอนของคอนสแตนตินให้เรียบร้อยก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวจะมามักง่ายนอนเตียงเดียวกับเธอ
หญิงสาวลากเก้าอี้ยาวหน้าเตียงออกไป ใช้ผ้าขนหนูมาปัดๆ พรมลายสวยหนานุ่มก่อนจะเอาผ้าคลุมเตียงมาปูทับแล้วโยนหมอนตามลงไป แล้วปัดไม้ปัดมือว่าเป็นอันเสร็จพิธี…เธอเป็นคนขี้หนาวเพราะงั้นหวังไปเถอะว่าจะสละผ้าห่มให้ ครั้นจะไปขอจากคนรับใช้ เดี๋ยวคนทั้งบ้านจะพากันสงสัยไปอีก
คอนสแตนตินเดินออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งโดยมีเพียงผ้าขนหนูพันกาย เพลงพิณที่กำลังหาท่านอนที่สบายๆ ถึงกับอึ้งตะลึงไปกับเรือนร่างแข็งแกร่งที่มีหยดน้ำเกาะพราว ดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์เบิกโตเมื่อไล่สายตาจากอกแกร่งเลยมาถึงท้องแกร่งที่มีซิกซ์แพ็กส์งดงาม พอคอนสแตนตินหันหลังให้ หญิงสาวก็เห็นแผ่นหลังที่ตึงแน่น ผิวสีน้ำตาลอ่อนเรียบเสมอกัน ไล่เลยมาถึงเอวสอบและสะโพกเพรียวที่ช่อนตัวอยู่ในผ้าขนหนู
อื้อหือ…หุ่นดีชะมัด
“จะจ้องอีกนานไหม…โรคจิตหรือไง” เสียงแข็งๆ เย็นชาดังขึ้น เพลงพิณถึงสะดุ้งหลุดจากภวังค์ พอเงยหน้ามองก็เห็นว่าคอนสแตนตินกำลังหันหน้ามามองเธอ แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะตอบ เขาก็เห็นที่นอนของตัวเองในคืนนี้เสียก่อน
“นี่เธอทำอะไร” นิ้วแข็งแรงชี้ไปยังพื้นหน้าเตียง
เพลงพิณมีสีหน้าอ่อนใจนิดๆ คล้ายกับรำคาญที่เขาเข้าใจอะไรยาก “ก็ที่นอนของคุณน่ะสิ…ฉันบอกแล้วนี่ว่าห้ามคุณมานอนบนเตียงเดียวกับฉัน…คืนนี้คุณใส่ชุดนอนหนาๆ ก็แล้วกัน ผ้าห่มของคุณไม่มี” เธอรู้สึกชื่นชมตัวเองนิดๆ รู้จักเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น…ถึงตอนนี้ไม่ใช่หน้าหนาว แต่อุณหภูมิก็เหลือเพียงยี่สิบองศาเท่านั้นเอง
คอนสแตนตินโมโหและไม่พอใจ แต่เขาไม่อยากโต้เถียงกับอีกฝ่ายให้ฟิวส์ขาด จึงเดินกระแทกเท้าเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วกลับมาอีกครั้งในชุดเสื้อคลุมไหมสีดำที่คาดเอวไว้หลวมๆ
เพลงพิณกะพริบตาปริบๆ บอกให้ใส่ชุดนอนหนาๆ กลับมาใส่เสื้อคลุมบางๆ เสื้อก็ไม่ได้ใส่เพราะเธอเห็นแผงอกเปล่าเปลือยเต็มไปด้วยไรขนของเขาผ่านรอยแหวกของชุด สายตาซอกแซกสำรวจลงไปยังส่วนล่าง ก็เห็นว่าเสื้อคลุมทบกันสนิท…ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใต้หรือไม่ แล้วเวลานอน ยิ่งไม่มีผ้าห่มปกปิดอย่างนี้ ถ้าเกิดเผลอโชว์ออกมาจะทำยังไง…แต่ถึงจะใส่กางเกงใน ก็ยังดูน่าเกลียดอยู่ดี อะไรโป่งๆ น่ะ…แหวะ
“ทำไมไม่ใส่ชุดนอนให้เรียบร้อยฮึ…เกรงใจฉันบ้างสิ” หญิงสาวแหว ใบหน้าชักเริ่มร้อนไปหมดตามประสาคนที่รักศิลปะจึงชอบจินตนาการ…เลยคิดฟุ้งซ่านไปหมดว่ารูปร่างแบบนี้ ความสูงเท่านี้ อะไรๆ ของเขาน่าจะแค่ไหน
คอนสแตนตินยักไหล่พร้อมกับเดิน เล่นเอาเพลงพิณร้องกรี๊ดเพราะเสื้อคลุมขยับไหวเหมือนจะแยกออก ก่อนจะถอนหายใจดังเฮือกเมื่ออะไรๆ ยังอยู่ในที่ในทางเรียบร้อยดี
“ถ้าไม่ชอบก็อย่ามอง…แล้วถ้าจะนอนก็เชิญนอนไปก่อน ผมจะออกไปทำงานในห้องทำงาน” ชายหนุ่มพูดพลางจะเดินไปที่ประตู
“แต่นี่มัน…” หญิงสาวดูนาฬิกาหัวเตียง “…จะห้าทุ่มแล้วนะ จะมาทำงานอะไรอีก…แล้วอีกอย่างนะ เดี๋ยวย่าคุณ อาคุณสงสัยตายเลย”
ชายหนุ่มชักรำคาญ แต่ก็ยังตอบคำถาม “เวลานอนของผมคือหลังตีสอง…บางทีคืนนี้อาจไม่นอนหรอก งานค้างมีเยอะ”
เพลงพิณขมวดคิ้ว…รู้ล่ะว่าเคานต์แดร็กคิวล่าไม่นอนตอนกลางคืน แต่คอนสแตนตินเป็นคนนี่ไม่ใช่ผีดิบจริงๆ ตามสมญานาม…แล้วคนบ้าอะไรเขานอนดึกกันขนาดนั้น
“รักษาสุขภาพหน่อยเถอะค่ะ…นี่ เดี๋ยวเกิดทำงานมากๆ มาน็อคตายก่อนครบสามปี…แล้วใครจะจ่ายเงินให้ฉันล่ะ สัญญาก่อนแต่งงานก็ทำไว้ ญาติๆ คุณคงได้รุมทึ้งฉันแน่”
เพลงพิณพูดออกไปโดยไม่คิด แล้วก็แทบตบปากตัวเองเมื่อดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นเปล่งแววเย็นชา ร่างสูงเดินตรงไปที่ประตู แต่ยังไม่ทันจะจับประตู ประตูก็ถูกเปิดออกเสียก่อน
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
comments