บทที่ห้า
“ไปๆ…”
เสียงลงแส้ม้าผสานกับเสียงร้องของม้าดังขึ้นบนถนนที่มุ่งไปยังอำเภอฉี่หลิง ม้าเร็วเจ็ดแปดตัววิ่งมาอย่างรวดเร็ว ตีฝุ่นตลบคลุ้งขึ้น คนเดินข้างถนนตกใจจนรีบวิ่งแยกไปสองข้างทาง เพียงชั่วครู่เด็กร้องไห้ผู้ใหญ่ตะโกนร้อง ชายฉกรรจ์ที่กล้าหาญพอจะอ้าปากด่าทอ เมื่อช้อนตาขึ้นมา ม้าเร็วหลายตัวก็หายลับไปพร้อมกับฝุ่นที่คลุ้งตลบเสียแล้ว
จนกระทั่งเข้าเขตอำเภอฉี่หลิง ม้าจึงค่อยผ่อนแรงลง หร่วนอวี้ที่เดิมทีควรจะอยู่ในเมืองต้าเยี่ย กลับรีบเร่งเดินทางสองวันหนึ่งคืน ม้าสีแดงพุทราที่ทั่วร่างล้วนเต็มไปด้วยเหงื่อพ่นลมหายใจอย่างแรง
เห็นหร่วนอวี้รั้งเชือกบังคับม้าแล้ว หร่วนซีจึงควบม้าไล่ขึ้นมาพลางชี้ไปข้างหน้าแล้วเอ่ยพูด “ใต้เท้า ข้างหน้าคือที่ว่าการอำเภอฉี่หลิงขอรับ”
หยุดตรงประตูที่ว่าการอำเภอฉี่หลิง หร่วนอวี้จึงยกแส้ม้าขึ้น “เคาะประตู…”
มีองครักษ์ลอยตัวลงมาจากหลังม้า เคาะประตูปังๆๆ
“ใต้เท้าหร่วนมาเร็วจริง…” ได้รับสารแล้ว นายอำเภออู่ซูซิงก็วิ่งออกมาด้วยสภาพที่เสื้อผ้ายังไม่เรียบร้อย
สายตาเลื่อนไปบนหมวกขุนนางของเขาที่เอียงไปข้างหนึ่ง หร่วนอวี้ขมวดคิ้ว ก่อนจะลอยตัวลงจากหลังม้า
“คารวะใต้เท้า” ประสานเข้ากับสายตาเย็นชาของหร่วนอวี้แล้ว สองขาของอู่ซูซิงก็สั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาขยับหมวกขุนนางพลางทรุดลงคุกเข่า
“เครื่องหอมของตระกูลหลีถูกยึดไว้หมดแล้วหรือ” ฉุดมืออู่ซูซิงให้ลุกขึ้นแล้ว หร่วนอวี้จึงเอ่ยถาม เขาก้าวยาวผ่านตัวอีกฝ่ายเดินเข้าไปในจวนว่าการ
นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่อู่ซูซิงก็รีบลุกขึ้นวิ่งเหยาะๆ ตามหลังหร่วนอวี้
“เรียนใต้เท้า ข้าน้อยยึดไว้หมดแล้ว รวมทั้งตัวอย่างทั้งหมดสามสิบกล่องด้วย ล้วนวางอยู่ที่ด้านหลังจวนข้าน้อย แต่ว่า…” เสียงนั้นชะงักไป เขามองหน้าหร่วนอวี้อย่างระวังตัว
“…แต่ว่าอะไร” หร่วนอวี้ลุกพรวดขึ้นยืน แล้วหันหน้ามา
อู่ซูซิงหยุดยืนอย่างนอบน้อม “คนตระกูลหลีบอกว่านี่เป็นเครื่องหอมที่จะถวายให้องค์หญิง ล้วนมีเอกสารทางการบันทึกอยู่ในสมุด ไม่อาจเสียเวลาได้ ถ้าใต้เท้าตรวจสอบไม่ได้ว่าสินค้าชุดนี้มีอะไรที่ไม่เหมาะสม สิบสองชั่วยามให้หลังข้าน้อยต้องปล่อยไป…” แม้น้ำเสียงยังคงสงบนิ่ง แต่อู่ซูซิงกลับไม่ลังเลที่จะร้องทุกข์
จู่ๆ ก็ได้รับเอกสารจากหร่วนอวี้ให้เขายึดเครื่องหอมที่เตรียมไว้ในงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้ที่ตระกูลหลีขนส่งไปที่เมืองอันคัง
นี่เป็นของที่ขุนนางขั้นเจ็ดอย่างเขายึดไว้ได้เสียที่ใด
ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นสินค้าของตระกูลหลีที่เพียงกระแทกเท้า เมืองต้าเยี่ยก็สะเทือน
กระนั้นตำแหน่งใหญ่กว่ายังคงกดคนให้ตายได้ คำสั่งของผู้บัญชาการกองรถศึกใครเล่าจะกล้าขัดขืน ตนกำลังถูกคนของตระกูลหลีที่อยู่ในโถงหลักโดยไม่ยอมไปที่ใดล้อมเอาไว้อยู่ ก็เห็นหร่วนอวี้ผู้เป็นดุจดวงดาวช่วยชีวิตดวงนี้มาถึงพอดี ขณะเดียวกับที่กำลังรู้สึกโล่งอกอยู่นั้นเขาก็แอบปาดเหงื่อไปด้วย แม้จะมีหร่วนอวี้เป็นคนสั่ง แต่สินค้าชุดนี้เขาก็เป็นคนออกหน้าชิงมา หากมีความผิดพลาดใดเกิดขึ้นตระกูลหลีจะยอมปล่อยเขาไปหรือ
คิดถึงหลีจวินที่ดูเป็นคนเรียบง่ายแต่ลงมือโหดเหี้ยมแล้ว เขาก็อยากจะเอาหัวโขกกำแพงเสียเหลือเกิน
ไม่รู้ว่าเมื่อวานนี้ตื่นเช้าแล้วยังไม่ได้ไหว้พระองค์ใดไปหรือไม่ จึงได้รับงานที่เปลืองแรง ไม่มีคนชอบมีแต่คนเกลียดเช่นนี้
“ท่านวางใจได้…” เห็นอู่ซูซิงเม้มปาก หร่วนอวี้ก็พูดอย่างเย็นชา “ไม่เกินสิบสองชั่วยาม รอข้าตรวจสอบแล้ว จะรีบปล่อยไปทันที”
“…ใต้เท้าพูดจริงหรือ” อู่ซูซิงรู้สึกยินดี แต่เงยหน้าขึ้นประสานสายตาเย็นชาของหร่วนอวี้แล้ว เขาก็ตัวสั่น รีบเปลี่ยนคำพูด “ใต้เท้าหร่วนเป็นคนพูดคำใดคำนั้นอยู่แล้ว ข้าน้อยจะกล้าสงสัยท่านได้อย่างไร”
หร่วนอวี้มีสีหน้าดีขึ้น “เครื่องหอมอยู่ที่ใด”
“ทั้งหมดอยู่ที่โถงด้านหลัง ใต้เท้าจะดื่มน้ำชา พักผ่อนสักครู่ก่อนหรือไม่”
“ไม่ต้อง!” หร่วนอวี้ส่ายหน้า “พาข้าไปดูเครื่องหอม”
“ขอรับ…” อู่ซูซิงรับคำ กำลังจะนำทางอีกฝ่ายแล้ว เขาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงเอ่ยปากพูดอีก “คนคุมสินค้าของตระกูลหลีอยู่รอที่โถงหลักในจวน ใต้เท้าหร่วนจะพบพวกเขาก่อนหรือไม่” ในแววตาเต็มไปด้วยการรอคอย
ได้หร่วนอวี้ออกหน้าไปพูดอะไรสักสองสามคำ ต่อไปเขาจะได้พูดชี้แจงกับคนของตระกูลหลีได้
หร่วนอวี้พูดอย่างเย็นชา “ไม่ต้อง!”
อู่ซูซิงสีหน้าเศร้าสลด เขาขยับริมฝีปากทว่ากลับไร้คำพูด จากนั้นจึงรีบเดินตามหร่วนอวี้ที่ก้าวนำไปหลายก้าว
“ใต้เท้าเชิญตามข้าน้อยมา…”
เดินวนรอบเม็ดหอมสามสิบหีบที่ปิดผนึกตราประทับอักษรหลีแล้ว หร่วนอวี้ก็เคาะหีบนี้ขยับหีบนั้น ปากก็พูดว่า “…มีทั้งหมดเท่านี้หรือ”
“ขอรับ ตัวอย่างกับเครื่องหอมจำนวนมากต่างก็มาพร้อมกัน ล้วนถูกข้าน้อยยึดมาที่นี่หมดแล้ว” อู่ซูซิงรับเอกสารผ่านด่านที่เจ้าหน้าที่ยื่นมาให้ “ใต้เท้าเชิญดูขอรับ”
หร่วนอวี้รับคำ ตรวจนับตามจำนวนที่บันทึกในเอกสารหนึ่งรอบ แล้วโบกมือให้องครักษ์ที่อยู่ข้างหลัง “ลงมือ!”
องครักษ์กรูเข้ามาในทันทีพลางยื่นมือไปขนเม็ดหอมทีละหีบ
“ใต้เท้า…”เหงื่อบนหน้าผากอู่ซูซิงไหลลงมา
บนนั้นปิดผนึกของตระกูลหลีเอาไว้ กลับต้องมาถูกทำลายไปเช่นนี้ หากตรวจสอบแล้วไม่เจออะไร เขาจะชี้แจงกับตระกูลหลีอย่างไรเล่า
เขาเคยได้ยินว่าใต้เท้าหร่วนตรงหน้าผู้นี้เคยลงมือกับหลีจวินเพราะหญิงคนหนึ่ง ปะทะกันหลายครั้งกลับไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย หากว่าหร่วนอวี้ตรวจสอบทางนี้เสร็จแล้วก็คงสะบัดก้นจากไป ทว่าชีวิตน้อยๆ ของตนเองคงจะไม่เหลือแล้ว!
เรียกใต้เท้าไปแล้ว อู่ซูซิงอ้าปากหมายยับยั้งไว้ แต่พอประสานกับสายตาน่ากลัวของหร่วนอวี้ เขาก็ตกใจกลัวจนเสียงกระตุก คำพูดด้านหลังถูกกลืนลงท้องไปจนหมด
เขาไม่กล้าพูดอะไรอีก ยืนนิ่งเงียบเหงื่อไหลโชกมองดูการกระทำขององครักษ์สองคนนั้น
เหนือความคาดหมายของอู่ซูซิง พวกเขากลับไม่ทำเหมือนอย่างที่ตนคิดไว้ เห็นเพียงองครักษ์สองคนขนเม็ดหอมมาหีบหนึ่ง มองสำรวจอย่างละเอียดอยู่นาน สุดท้ายจึงวางคว่ำลงบนโต๊ะ ชักดาบยาวเล่มหนึ่งออกมา ไม่เห็นว่าใช้แรงมากอะไร ด้านใต้หีบก็ถูกแกะเปิดออก ขณะที่แถบปิดผนึกด้านหน้ายังอยู่ดีไม่เสียหาย
สวรรค์! วิธีนี้เป็นการกระทำของพวกโจรกระจอก
เป็นถึงผู้บัญชาการกลับใช้วิธีการเช่นนี้จะแตกต่างกับโจรอย่างไร
เห็นได้ชัดว่าการกระทำของหร่วนอวี้ครั้งนี้ไร้ซึ่งคุณธรรม!
หากตระกูลหลีพบว่าสินค้าชุดนี้ถูกแตะต้อง แม้ไม่กล้าแตะต้องหร่วนอวี้ แต่จะยอมปล่อยเขาไปหรือ
มองดูการกระทำที่ชำนาญคล่องแคล่วขององครักษ์จวนผู้บัญชาการแล้ว อู่ซูซิงก็เบิกตาโตอย่างตกใจ ตื่นกลัวจนสองขาสั่น อ้าปากพูดอะไรไม่ออก หากมิใช่สติอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ทำให้เขารู้ชัดแจ้งว่าหร่วนอวี้ตรงหน้าเป็นมารที่ฆ่าคนตาไม่กะพริบได้ เพียงชั่วครู่ก็สามารถเอาชีวิตของเขาได้แล้วล่ะก็ เขาคงพุ่งเข้าไปขัดขวางอีกฝ่ายแล้ว
“ใต้เท้าเชิญดูขอรับ…” วางพื้นหีบลงด้านข้างแล้ว องครักษ์ก็ขยับตัวออกห่าง
แทบจะเหมือนกับเม็ดหอมชุดที่ปล้นชิงมาเมื่อสองวันก่อนนั้นทุกประการ ล้วนใช้กระดาษเคลือบมันอย่างดีห่อเอาไว้ สิบเม็ดหนึ่งห่อวางเรียงเป็นระเบียบ สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันคือบนห่อครั้งก่อนมุมขวาบนเป็นตัวอักษรบรรจงที่เขียนอักษรคำว่า ‘ไป๋’ แต่บนกล่องนี้มีอักษรคำว่า ‘หลี่’
เห็นได้ชัดว่ามาจากฝีมือของหลี่หานปิง
ตรวจสอบทีละห่ออย่างละเอียดแล้ว หร่วนอวี้ก็หยิบขึ้นมาหนึ่งห่อ ลงมืออย่างชำนาญเพียงขยับไม่กี่ทีก็เปิดห่อได้แล้ว เม็ดหอมสีชมพูสิบเม็ดพลันปรากฏตรงหน้า ไม่ต้องดม เพียงแค่ดูก็พบว่าระดับความเนียนความเงาของผิวภายนอกนั้น แตกต่างกับตัวอย่างที่เขาได้มาราวฟ้ากับดิน
หร่วนอวี้ปิดหีบ แต่นิ้วมือกลับชะงักไป หยิบเม็ดหอมอีกเม็ดหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่วางใจ ห้านิ้วบีบเบาๆ ก็กลายเป็นผงในทันที ก่อนจะเลียนแบบวิธีของหลิ่วอู่เต๋อ เพียงชั่วครู่ก็มีควันดำลอยออกมาจากฝ่ามือ กลิ่นหอมสดชื่นจางๆ กระจายออกมา
กลิ่นจากเม็ดหอมเศร้าอาดูรของมู่หวั่นชิวถูกเขาจำฝังลึกลงในกระดูกแล้ว เพียงสูดหายใจหร่วนอวี้ก็รู้ว่าเม็ดหอมนี่ไม่ได้มาจากฝีมือของนางแน่นอน เขาคว่ำมือลง เรียกองครักษ์ให้หยิบเม็ดหอมเม็ดหนึ่งที่มีขนาดรูปร่างสีสันเหมือนกันทุกอย่างออกมาจากถุงใส่ของเติมเข้าไปแทน แล้วสั่งการโดยไม่สนสายตาตื่นตกใจของอู่ซูซิงว่า “ปิดผนึก…”
มีองครักษ์เปิดหีบอีกใบหนึ่งไว้แล้ว หร่วนอวี้ใช้วิธีการตรวจสอบเช่นเดียวกัน จากนั้นก็สั่งให้ปิดผนึกอีก
คนที่พาออกมาล้วนเป็นยอดฝีมือที่ชำนาญ ทำงานเรียบร้อย อู่ซูซิงตามไปดูอยู่ครู่ใหญ่ หีบที่ถูกปิดผนึกมองไม่ออกถึงร่องรอยว่าเคยถูกแตะต้องมาก่อน เขาจึงถอนหายใจยาว แอบเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
เพียงพริบตาก็แกะไปแล้วยี่สิบกว่าหีบ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีก ที่นี่ล้วนเป็นเม็ดหอมของหลี่หานปิง
หัวคิ้วของหร่วนอวี้ขมวดเป็นปม
หรือเขาจะเดาผิดอีกแล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นเขาที่คิดมากไปเอง หลีจวินไม่ได้เจ้าเล่ห์ถึงเพียงนั้นหรือ…
“ใต้เท้ารีบมาดูสิขอรับ” หร่วนอวี้รู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง กำลังคิดว่าจะหยุดมือดีหรือไม่ เสียงตื่นเต้นยินดีขององครักษ์ที่รับผิดชอบเปิดหีบก็ดังลอยมา
หร่วนอวี้หัวใจเต้นกระตุก ก้าวยาวเข้าไป พอสายตาตกกระทบบนห่อเม็ดหอม เขาก็ตื่นเต้นยินดีจนแทบส่งเสียงร้องออกมา
ไม่ต้องเปิดห่อดูเขาก็รู้ เพราะภายในหีบตรงหน้านี้มีของวางเรียงเป็นเป็นระเบียบไว้หนึ่งแถว บนมุมขวาบนเขียนอักษรบรรจงคำว่าไป๋เอาไว้
‘ไป๋’ ย่อมหมายถึง ‘ไป๋ชิว’ ไม่มีข้อสงสัยใดอีกแล้ว กล่องนี้มาจากฝีมือมู่หวั่นชิวนั่นเอง
หลีจวินสอดเครื่องหอมตัวอย่างจริงไว้ในเครื่องหอมชุดนี้จริงดังคาด! หร่วนอวี้คิดอย่างตื่นเต้น
แม้จะควบคุมสติได้หลังจากที่พิสูจน์การคาดเดาของตนเองได้สำเร็จแล้ว นิ้วมือของหร่วนอวี้ก็ยังสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาลงมือเปิดห่อหนึ่งทันที แม้เม็ดหอมจะมีขนาดเท่ากัน แต่สิบเม็ดนี้กลับมีสีสันงดงามกว่า มีความเนียนเงาราวกระดาษไข ไม่ต้องจุดไฟหร่วนอวี้ก็รู้ว่านี่ต้องมาจากฝีมือของมู่หวั่นชิวแน่นอน!
มีเพียงนางจึงจะสามารถทำเม็ดหอมที่เนียนเงาเช่นนี้ได้
แม้แต่กู่ฉินก็ยังทำไม่ได้
หัวใจที่ตื่นเต้นแทบเด้งกระดอนออกมา เขาปิดงับหีบลงทันที
“ยึดไว้…” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้น ฟังไม่ออกว่าเสียใจหรือดีใจ
องครักษ์เดินเข้าไปลงมือจัดการทันที
“ใต้เท้า หีบนี้มีชั้นเดียวขอรับ…” องครักษ์เก็บได้เพียงหนึ่งชั้นก็เจอแผ่นไม้เสียแล้ว จึงพูดขึ้นด้วยความตกใจ
ตรวจสอบไปยี่สิบกว่าหีบ หร่วนอวี้เข้าใจดีว่าหีบใบนี้ใส่ได้สิบชั้น แต่ละชั้นบรรจุทั้งหมดยี่สิบห่อ รวมทั้งหมดสองร้อยห่อ มองดูภายนอกขนาดของหีบใบนี้กับใบอื่นๆ ก็ดูไม่ต่างกัน แล้วเหตุใดเพียงชั้นเดียวก็เจอก้นหีบเสียแล้วเล่า
ได้ฟังคำพูดนี้แล้ว หร่วนอวี้ก็ตกตะลึง ก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้ง
ความเป็นจริงดูจากภายนอกหีบนี้ลึกมาก แต่กลับมีเพียงชั้นเดียว มองดูแผ่นไม้แดงที่มีสีเหมือนด้านนอกทุกอย่าง หร่วนอวี้จึงเลิกคิ้วขึ้น
“รื้อออก…” เขาสั่งการ
ทหารที่รื้อเปิดหีบเดินเข้าไป ไม่นานก็รื้อแผ่นไม้ออก ชั้นที่อยู่ด้านใต้นั้นยังมีเม็ดหอมวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ แต่ว่าตรงมุมขวาบนของห่อล้วนเป็นอักษรคำว่าไป๋
“ชั้นแทรก!”
ทุกคนพูดออกมาพร้อมกัน
ด้วยเหตุนี้เพราะกลัวจะทำแถบปิดผนึกเสียจนถูกตระกูลหลีเห็นพิรุธเข้า หร่วนอวี้จึงเปิดใต้กล่อง ชั้นแทรกนี้จึงถูกค้นเจอ แต่ว่าหากทำตามวิธีการทั่วไป เปิดฝาบน ข้างบนที่เรียงสินค้าลึกแปดเก้าชั้น หากไม่ตรวจโดยละเอียดเป็นใครก็คงไม่เห็นว่าชั้นล่างหีบนี้มีชั้นแทรกอยู่อีกหนึ่งชั้น และแอบใส่ตัวอย่างของจริงเอาไว้
ลงมือพลิกดูเม็ดหอมที่วางนอกชั้นแทรก หร่วนอวี้ก็หัวเราะออกมา “หลีจวินเจ้าเล่ห์จริง!”
การตรวจสอบสินค้าตระกูลหลีชุดนี้ หร่วนอวี้เตรียมการมาก่อนแล้ว ก่อนมาเขาสั่งให้คนไปขโมยเม็ดหอมเศร้าอาดูรที่หลี่หานปิงเป็นคนทำมาจำนวนมาก ตอนนี้ทุกคนลงมือพร้อมกัน ไม่นานก็สับเปลี่ยนเม็ดหอมยี่สิบห่อที่มุมขวาบนประทับอักษรคำว่าไป๋จนหมด แล้วห่อบรรจุใหม่อีกครั้ง
พลิกหีบดูแล้ว หร่วนอวี้ก็ตรวจดูอย่างละเอียดอีกรอบ เขาจึงพยักหน้าอย่างพอใจ จินตนาการถึงท่าทางหลังจากที่หลีจวินพบว่าเม็ดหอมชุดนี้ถูกสับเปลี่ยน เขายกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มสดใสออกมา
“ใต้เท้า เรื่องนี้…” เห็นเขาอารมณ์ดีมาก อู่ซูซิงจึงรวบรวมความกล้าเอ่ยถาม “เช่นนี้จะได้แน่หรือ”
ถ้าตระกูลหลีพบว่าสินค้าชุดนี้ถูกเปลี่ยนของไป มิดึงเอ็นถลกหนังเขาหรอกหรือ!
“เหตุใดจะไม่ได้” หร่วนอวี้พูดอย่างอารมณ์ดีซึ่งเห็นได้ยากยิ่ง “ตระกูลหลีกล้าแจ้งความก็ให้เขาไปหาข้า!” เขาไม่สนใจอู่ซูซิง เพียงหันไปโบกมือให้เหล่าองครักษ์ “ทำต่อไป…”
ลงมืออย่างชำนาญ ไม่นานก็เจอเม็ดหอมที่ปิดผนึกด้วยอักษรไป๋อีกแปดสิบห่อในหลายกล่องที่เหลือ เมื่อเปลี่ยนแทนที่จนหมดแล้ว หร่วนอวี้จึงสั่งการว่า “ปิดผนึกให้ดี แล้วให้คนตระกูลหลีมารับสินค้า…”
หร่วนอวี้กำลังพูดอยู่ก็มีทหารรีบเดินมารายงานว่า “คุณชายหลีมาแล้วขอรับ”
“เอ่อ…” อู่ซูซิงสีหน้าซีดขาวในทันที มองหน้าหร่วนอวี้อย่างทำอะไรไม่ถูก
“มาเร็วจริง!” หร่วนอวี้แค่นเสียงเย็นชา มองดูหีบสุดท้ายที่ยังไม่ได้ปิดผนึกแล้วสั่งการว่า “ขวางเขาไว้!”
หร่วนซีรับคำ แล้วหมุนตัววิ่งออกไป
หร่วนอวี้หันไปสั่งการคนทั้งหมด “เอาหีบซ้อนให้ดี ลงมือเร็วหน่อย!” แล้วชี้ไปยังเม็ดหอมที่เปลี่ยนออกมาแล้ว “เก็บซ่อนให้ดี…”
เขารู้กำลังของหลีจวิน เกรงว่าหร่วนซีเพียงคนเดียวคงขวางไว้ได้ไม่นานเท่าใด…
เป็นจริงดังคาดหีบใบสุดท้ายเพิ่งจะปิดผนึกเสร็จ ยังไม่ทันได้ขนย้ายก็ได้ยินเสียงดังปัง ประตูใหญ่สองบานที่ลงกลอนแน่นหนาพลันถูกหลีจวินเปิดเข้ามาด้วยฝ่ามือเดียว เขาพูดพลางก้าวยาวเข้ามา “ขาดขั้นตอนอะไรอีกหรือ ใต้เท้าอู่จึงได้ยึดเครื่องหอมของตระกูลหลีเอาไว้” จุดประสงค์ในการมาไม่เป็นมิตร หลีจวินจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงข่มขู่
หร่วนซีเดินตามมาด้านหลังด้วยสีหน้าโมโห “ใต้เท้า ข้าน้อย…” เขาเรียกหร่วนอวี้อย่างหวาดหวั่น
หร่วนอวี้โบกมือให้เขา
ราวกับคาดไม่ถึงว่าหร่วนอวี้จะมาปรากฏตัวที่นี่ พอเห็นหน้าเขาหลีจวินก็ตกตะลึง แต่ก็ประกบมือไปทางเขา “คารวะใต้เท้าหร่วน…” แล้วประกบหมัดหันไปทางอู่ซูซิง “งานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้ใกล้จะถึงแล้ว ใต้เท้าอู่ยึดเครื่องหอมของตระกูลหลีเอาไว้โดยไม่บอกกล่าวเช่นนี้ หากทำให้เสียเวลา ใต้เท้าอู่จะรับผิดชอบไหวหรือ” น้ำเสียงของเขาสบายอารมณ์เช่นเคย แต่กลับฉายบารมีน่ากลัวออกมารางๆ
อู่ซูซิงตัวสั่น เม็ดเหงื่อไหลไหลย้อย
“เอ่อ…เอ่อ…” เขาส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางหร่วนอวี้
เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าหร่วนอวี้ เขาไม่กล้าบอกว่านี่เป็นคำสั่งของหร่วนอวี้
“…เครื่องหอมที่ใช้ในงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงพิเศษมาก อิงอ๋องมีคำสั่งให้ที่ว่าการแต่ละเมืองต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบจึงจะออกเอกสารได้” หร่วนอวี้พูด “ข้าได้ยินว่าสินค้าตระกูลหลีชุดนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบก็ออกเอกสารผ่านทางแล้ว จึงมาตรวจสอบเพิ่ม” เขาพูดเสียงเรียบ มองหลีจวินอย่างท้าทาย
เอกสารผ่านทางฉินต้าหลงเป็นคนออกให้ สินค้าของตระกูลหลีชุดนี้ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจริงๆ
สายตาหลีจวินเลื่อนไปยังเม็ดหอมหีบหนึ่งที่วางคว่ำไว้บนโต๊ะ “ใต้เท้าตรวจสอบเสร็จแล้ว เครื่องหอมของข้ามีปัญหาหรือไม่”
เม็ดหอมหีบนี้เพิ่งจะปิดผนึกเสร็จ ยังไม่ทันได้พลิกกลับเช่นนี้ เป็นใครก็คงเดาได้ว่าวางหีบอย่างนี้ก็เพื่อจะเปิดหีบจากด้านใต้
จะปิดบังหลีจวินที่มีความคิดเฉียบคมได้อย่างไร
เห็นหลีจวินเดินเข้าไปใช้นิ้วมือค่อยๆ ลูบไปบนร่องที่เพิ่งปิดไว้อย่างดี การกระทำนี้ราวกับกรีดไปบนหัวใจของอู่ซูซิง หัวใจเขาเต้นจนบีบรัดแน่น
“เครื่องหอมตระกูลหลีจะมีปัญหาได้อย่างไร” หร่วนอวี้ยิ้มสดใส “ข้าก็ทำไปตามหน้าที่ หวังว่าคุณชายหลีจะให้อภัย” ยึดเม็ดหอมตัวอย่างจริงของตระกูลหลีได้ตามที่หวังแล้ว หร่วนอวี้จึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
หลีจวินไม่ได้พูดอะไร นิ้วมือลูบไปมาบนร่องระหว่างพื้นหีบกับกรอบทั้งสี่ด้าน
ในโถงเงียบเสียงลง มีเพียงจักจั่นร้องระงมส่งเสียงทำให้คนรำคาญใจ
จนกระทั่งอู่ซูซิงรู้สึกว่าหัวใจของเขาแทบจะฉีกขาด อีกครู่หัวใจคงกระเด็นหลุดออกมาจากลำคอ เขาจึงเห็นหลีจวินค่อยๆ หมุนตัว แล้วยิ้มให้หร่วนอวี้อย่างสบายใจ
“ความหมายของใต้เท้าหร่วนคือเครื่องหอมชุดนี้ข้านำไปได้แล้วหรือ…”
ในใจรู้สึกโล่ง อู่ซูซิงแทบจะทรุดนั่งบนพื้น เขาพยายามทรงตัวยืนตรงมองไปทางหร่วนอวี้
เมื่อเผชิญกับท่าทางสบายอารมณ์ของหลีจวิน โดยที่ไม่เห็นความฉุนเฉียวและอาการเศร้าสลดอย่างที่คิดไว้ หร่วนอวี้ก็ตกใจ…หรือตัวอย่างที่แทรกมาเหล่านี้จะเป็นหนึ่งในแผนการบิดเบือนสายตาของข้า ว่ากันว่าเท็จคือจริง จริงคือเท็จ เผชิญหน้ากันหลายครั้งก็ล้วนถูกหลีจวินโต้จนพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า ในใจหร่วนอวี้รู้สึกกลัวกับความเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกของหลีจวินที่สุด
แม้ในใจจะว้าวุ่นไม่สงบเพียงใด แต่เสียงของหร่วนอวี้กลับหนักแน่นสดใส “คุณชายหลีมารับสินค้าด้วยตัวเองเช่นนี้ ข้าจะกล้าไม่ไว้หน้าได้อย่างไร” ปากพูดไป เขาก็โบกมือแล้วรับใบผ่านด่านที่ถูกยึดไว้ก่อนหน้าจากองครักษ์มาส่งให้หลีจวิน “สินค้าเร่งด่วนเช่นนี้ คุณชายหลีรับไปเลยก็ได้” ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นมิตรและโอนอ่อน
ราวกับว่าเขากับหลีจวินเป็นมิตรที่ดีต่อกันมาก่อน เขามาที่นี่เพื่อทำงานเท่านั้น
อู่ซูซิงกะพริบตาแล้วกะพริบตาอีก กลั้นลมหายใจมองหลีจวินโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ดี…” หลีจวินพยักหน้า “ข้าน้อยขอบคุณใต้เท้าหร่วนที่ให้ความกรุณา…” แล้วหันหน้าไปเรียกองครักษ์ตระกูลหลีที่อยู่ตรงประตู “ขนไป…”
เสียงดังพึ่บพั่บ เหล่าองครักษ์ตระกูลหลีพากันกรูเข้ามา
หร่วนอวี้ขยับยืนไปด้านข้าง มองดูท่าทางสบายใจของหลีจวินแล้ว ไม่รู้เพราะเหตุใดอารมณ์ที่ยังดีอยู่เมื่อครู่นี้จึงหายไปหมด
หัวใจเขายกสูงขึ้นอีกครั้ง รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง
ภายในคฤหาสน์พักร้อนตระกูลหลีที่ชานเมืองทางตะวันตกของอำเภอฉี่หลิง อากาศอึดอัดเป็นพิเศษ ฉินเจี้ยนสองมือสั่นเทาขณะแกะเม็ดหอมที่องครักษ์หยิบออกมาจากในกล่องทีละห่อ
“คุณชาย ตัวอย่างที่พวกเราแทรกไว้ข้างในทั้งหมดถูกสับเปลี่ยนไปแล้ว” ในน้ำเสียงแฝงสะอื้น
สินค้าชุดใหญ่ถูกปล้นชิงไป ตัวอย่างที่ซ่อนอยู่ในเม็ดหอมของหลี่หานปิงก็ถูกสับเปลี่ยนไปอีก ครั้งนี้ตระกูลหลีตายแน่นอน!
หลีจวินไม่ได้พูดอะไร เขาค่อยๆ หยิบเม็ดหอมเม็ดหนึ่งขึ้นมาวางใต้จมูกแล้วดมอย่างละเอียด
ราวกับใช้ใจดมแล้วกลิ่นนี้จะเปลี่ยนไปได้อย่างนั้น
ผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็บดเม็ดหอมในมือจนละเอียด จากนั้นจึงตวัดมือ เม็ดหอมที่ถูกแกะกระจายบนโต๊ะพลันถูกกวาดไปจนหมด กลายเป็นฝุ่นผงลอยฟุ้งกระจายในทันที
ไม่เคยเห็นหลีจวินโมโหเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ฉินเจี้ยนก็ยังงงงวย ขยับถอยไปติดมุมกำแพงเงียบๆ ไม่กล้าส่งเสียงอะไร
“เจี้ยนเอ๋อร์…” หลีจวินส่งเสียงเรียก
ฉินเจี้ยนสะดุ้ง เขาเดินก้าวเล็กขึ้นหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ “คุณชาย…”
“สั่งการลงไป หากเรื่องวันนี้ไปเข้าหูแม่นางไป๋แม้แต่น้อย ข้าจะถลกหนังพวกเจ้า…” แม้เสียงพูดจะไม่ดัง แต่กลับเย็นยะเยือก กระทั่งทำให้องครักษ์ทุกคนตัวสั่นทั้งที่อากาศไม่หนาว แต่ละคนเหมือนเป็นตะคริวทรุดตัวลงคุกเข่า พากันสาบานต่อฟ้า
หมอบอยู่บนหลังคา และมองดูความฉุนเฉียวของหลีจวินที่น้อยนักจะได้เห็นแล้ว หร่วนอวี้ก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ที่แท้ท่าทางสบายอารมณ์ของเขาเมื่อกลางวันล้วนเป็นการเสแสร้งอยากจะหลอกลวงข้า…เขาปาดเหงื่อ เกือบจะถูกเขาหลอกเสียแล้ว หากไม่ใช่เพราะสีหน้าสบายใจเมื่อตอนกลางวันของหลีจวินทำให้เขาไม่วางใจ เขาคงไม่บุกคฤหาสน์พักร้อนของตระกูลหลีในยามวิกาลเช่นนี้
ความคิดแล่นผ่าน หร่วนอวี้ดีดนิ้วเสียงดังเป๊าะ กิ่งไม้ที่อยู่ไม่ไกลออกไปตกลงมาในทันที
หลีจวินที่พูดอยู่ในห้องพลันไหวตัวเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็กระโดดลอยตัวออกไป
หร่วนอวี้ฉีกยิ้มพลางยืนขึ้นมา กำลังจะกระโดดลงจากหลังคา เขาก็มีอันชะงักไปแล้วค่อยๆ หันหน้ามา หลีจวินที่เมื่อครู่ยังอยู่ในห้องแท้ๆ กลับยืนชายเสื้อปลิวพลิ้วอยู่ที่ด้านหลังตัวเขา
หร่วนอวี้นิ่งงันไป แต่แล้วก็หัวเราะเสียงดัง “ได้ยินบ่อยครั้งว่าคุณชายหลีมีพลังยุทธ์สูงส่ง ไม่ใช่เรื่องโกหกเลยจริงๆ แม้จะเดือดดาลเพียงใดก็ยังไม่ทิ้งความเฉียบไวไหวตัวได้เร็วเช่นนี้ หาได้ยากหนอหาได้ยาก…” มองหน้าหลีจวินด้วยรอยยิ้มสดใสแล้ว เขาก็จงใจเน้นคำว่า ‘เดือดดาล’ สองคำนี้ออกมา
นอกเหนือความคาดหมายของหร่วนอวี้ หลีจวินไม่ได้ขยับกระทั่งหัวคิ้ว ทว่ากลับเผยรอยยิ้มสบายอารมณ์ออกมา “ได้ยินบ่อยครั้งว่าใต้เท้าหร่วนเป็นคนเถรตรงเปิดเผยชัดเจน แต่ที่แท้ก็ชอบเป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคานอย่างนี้นี่เอง”
เวลาเพียงไม่กี่วันก็จับตนได้ถึงสองครั้งแล้ว หร่วนอวี้พลันรู้สึกลำบากใจ เขากระโดดลอยตัวถอยหลัง ลงพื้นห่างออกไปจั้งกว่าๆ จากนั้นก็กระโดดลอยตัวหลบเลี่ยงองครักษ์ตระกูลหลีที่กรูมาตรงลานบ้าน แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
จะปล่อยเขาหนีไปเช่นนี้ได้อย่างไร หลีจวินยกเท้าวิ่งไล่ตามไปทันที
จนกระทั่งออกจากอำเภอฉี่หลิง ตรงไปตามทางเล็กอันรกร้างจนถึงหน้าผาสูงชันแห่งหนึ่ง หร่วนอวี้จึงหยุดชะงัก
เขาเพิ่งหยุดยืน หลีจวินก็หยุดลงที่ด้านหลังเขาราวกับตัวเบาล่องลอยมา
“คุณชายหลีฝีมือดีจริง…” เห็นตนเองเพิ่งยืนนิ่ง หลีจวินก็มายืนตรงข้างกายอย่างไร้สุ้มเสียงแล้ว หร่วนอวี้จึงเอ่ยปากชม
“พลังยุทธ์ของใต้เท้าหร่วนก็ไม่เลว…” หลีจวินพูดจากใจจริง “ใต้เท้าหร่วนเป็นคนเถรตรง มีความสามารถเกินใคร นับว่าเป็นยอดชาย ถ้าไม่ใช่เอาแต่เป็นปรปักษ์กับตระกูลหลี ท่านกับข้าอาจจะกลายเป็นสหายสนิทกันก็ได้…” นี่เป็นคำพูดจากใจจริง สามารถหาเครื่องหอมที่เขาส่งออกไปได้อย่างแม่นยำและปล้นชิงมาได้รวดเร็วเช่นนี้ ขณะที่เกลียดแค้นอยู่นั้นในใจหลีจวินก็มีความนับถือให้กับหร่วนอวี้เพิ่มขึ้น
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าต่างฝ่ายต่างเสียดายคนมีฝีมือกระมัง
หร่วนอวี้ลอบถอนใจ ความฉลาดเจ้าเล่ห์ของหลีจวินและความสุขุมเยือกเย็นที่แผ่มาจากตัวอีกฝ่ายนั้นเป็นสิ่งที่หร่วนอวี้ไม่เคยเห็นมาก่อน “คุณชายหลีพูดถูก ถ้าไม่ได้มีนายคนละคน พวกเราอาจกลายเป็นสหายสนิทกันจริงๆ ก็ได้…” หร่วนอวี้หัวเราะฮ่าๆ ก่อนแสดงจุดยืนของแต่ละคนอย่างชัดเจนไม่ปิดบัง
นี่ก็หมายความว่าอิงอ๋องมั่นใจแล้วว่าตระกูลหลีเป็นพวกเดียวกับองค์รัชทายาทหรือ…
คาดไม่ถึงว่าหร่วนอวี้จะประกาศจุดยืนชัดเจนเช่นนี้
หลีจวินนิ่งอึ้งอยู่นานจึงหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง แต่เขาก็ไม่อ้อมค้อมพูดขึ้นอย่างสดใสว่า “ในเมื่อใต้เท้าตรงไปตรงมาเช่นนี้ก็อย่าโทษที่ข้าปากมากเลย…” มองหร่วนอวี้อย่างจริงจัง “มักพูดกันว่าคนซื่อสัตย์เลือกนายเป็นที่พึ่ง นกน้อยเลือกไม้เป็นที่อาศัย ใต้เท้าหร่วนเก่งกล้าเช่นนี้ เหตุใดจึงมาเป็นเหยี่ยวเป็นสุนัขล่าสัตว์เช่นนี้เล่า” ทำเป็นมองไม่เห็นสีหน้าหร่วนอวี้ที่เปลี่ยนเป็นดำคล้ำ “อิงอ๋องใจคอคับแคบ ดุร้าย ขี้ระแวง เขามีใบหน้าของคนคิดคดโหดเหี้ยม ถ้าปล่อยให้เขาขึ้นครองราชย์ ชาวต้าโจวก็ไม่มีความสุขแล้ว…” เขาส่ายหัว “องค์รัชทายาทใจดีมีคุณธรรม ทรงเอาความทุกข์ของราษฎรเป็นที่ตั้ง เหตุใดใต้เท้าหร่วนจึงไม่ทิ้งความมืดมาสู่ความสว่างเสียเล่า”
ใครว่าไม่ใช่เล่า ในฐานะผู้ใต้บัญชาความโหดเหี้ยมของอิงอ๋องมีอะไรบ้างนั้น หร่วนอวี้ล้วนเคยได้ยินได้เห็นมามากเช่นกัน แต่ว่าเพื่อสะสางบัญชีเลือดให้กับเขาแล้ว ชีวิตนี้ของเขาก็ถือเป็นของอิงอ๋อง จะผิดคำสัญญาเป็นคนไร้ซึ่งคุณธรรมได้อย่างไร
แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวอยู่นาน หร่วนอวี้จึงเอ่ยปากพูด “องค์รัชทายาทใช้คนไม่เป็นจนต้องถูกคุมขังให้สำนึกผิดในวังหย่งอัน ห่างจากการถูกปลดอีกแค่ก้าวเดียวแล้ว อิงอ๋องเป็นนายที่ชาญฉลาด รวบรวมคนมีฝีมือจนกลายเป็นกำลังสำคัญของฝ่าบาท ว่ากันว่าทำการใดรู้กาลเทศะเป็นผู้ฉลาด คุณชายหลีเป็นคนมีความสามารถทั้งอายุยังน้อย ไยจึงไม่ยอมรับสภาพการณ์ตรงหน้ามาอยู่ใต้ร่มของอิงอ๋องเล่า…อิงอ๋องย่อมไม่ทำให้คุณชายหลีต้องผิดหวังแน่นอน” พูดจบ เขาก็มองหน้าหลีจวินอย่างท้าทาย
ตั้งใจคิดอยู่นาน หลีจวินจึงโบกพัดเบาๆ พูดด้วยรอยยิ้ม “ที่ใต้เท้าหร่วนพูดก็ถูก ว่ากันว่าทำการใดรู้กาลเทศะเป็นผู้ฉลาด แต่ว่า…” เขาเปลี่ยนประเด็นพูดไป “ถ้าข้าน้อยเข้าร่วมกับอิงอ๋อง ใต้เท้าหร่วนจะคืนเครื่องหอมที่ปล้นชิงไปให้ข้าน้อยหรือ”
เครื่องหอมตระกูลหลีสองชุดถูกใครปล้นชิงไปนั้น คนทั้งสองล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ไม่มีใครยอมแทงทะลุกระดาษหน้าต่างพูดให้ชัดเท่านั้นเอง
ตอนนี้ถูกหลีจวินถามตามตรงจะไม่ยอมรับก็เกรงจะเสียภาพลักษณ์อันชาญฉลาดของตนเองไป นี่ย่อมไม่ใช่วิธีการทำงานของเขา แต่หากยอมรับ ใครจะรู้ว่าหลีจวินที่มีความคิดเจ้าเล่ห์ผู้นี้จะใช้แผนการเลวร้ายอะไรมาทำร้ายเขาบ้าง
หลีจวินไม่ใช่สุภาพบุรุษอะไร!
สำหรับหลีจวินแล้วไม่เคยสนใจว่าวิธีการนั้นจะแปลกประหลาดโหดเหี้ยมหรือเปิดเผยโปร่งใสอย่างไรไม่ ขอเพียงมีประโยชน์ต่อตัวเขาก็จะใช้มันออกมา ประมือกันหลายครั้งเข้า ในใจหร่วนอวี้ก็เกิดความระมัดระวังหลีจวินเพิ่มขึ้นหลายส่วน
หร่วนอวี้แค่นเสียงเย็นชาแล้วหันหน้าหนี
จ้องแผ่นหลังของเขาอยู่ครู่ใหญ่ หลีจวินจึงตวัดมือ ฝุ่นควันลอยคลุ้งตามด้วยเสียงครืนๆ ดังก้อง
หร่วนอวี้ตกใจรีบกระโดดลอยตัวไปด้านข้าง
รอจนเสียงทุกอย่างเงียบลง เขาจึงค่อยๆ หันหน้ามา
ภายใต้แสงจันทร์หินก้อนใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าก็ถูกหลีจวินตัดจนเรียบ บนนั้นมีเส้นแนวตั้งแนวนอนตัดกันสิบเก้าเส้น แต่ละช่องเป็นระเบียบเรียบร้อย ตารางหมากธรรมชาติขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าในทันใด…
Comments
comments